เมื่อฟ้าเริ่มสาง ธงขาวก็ถูกชักขึ้นหอประตูเมืองมินานกองทัพพวกนอกด่านก็มาถึงลั่วชิงยวนซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ มองไปยังผู้นำกองทัพ ที่นำมามิใช่ใครอื่นนอกจากหล่างชิ่นและหล่างมู่“ผู้นำเมืองผิงหนิงของพวกเจ้าอยู่ที่ใด เมื่อยอมจำนนแล้วไฉนมิเปิดประตูเมืองมาแสดงความเคารพ?”เสียงของหล่างมู่หนักแน่น ท่าทางหยิ่งผยองทหารบนหอประตูเมืองตะโกนว่า "รองแม่ทัพหลิวของเราเสียชีวิตในการสู้รบไปแล้ว"“หากเราเปิดประตูเมือง พวกเจ้าจะรับประกันได้หรือไม่ว่าหลังปลดอาวุธแล้วมิฆ่าใคร?”หล่างมู่ยิ้มและพูดว่า "ย่อมเป็นเช่นนั้น ขอเพียงเปิดประตูเมือง วางอาวุธลงแล้วเราจะมิฆ่าใคร!"ทหารจึงสั่ง "เปิดประตูเมืองได้!"ประตูเมืองเปิดออกอย่างช้า ๆหล่างมู่ยิ้มอย่างเย็นชา ชักม้าเฆี่ยนแส้ นำกองทัพพุ่งเข้าไปยังประตูเมืองด้วยความยโสชาวเผ่านอกด่านตะโกนอย่างตื่นเต้นพวกเขาโบกธงสะบัด เดินหน้าบุกเข้าเมืองผิงหนิงอย่างไร้สิ่งขัดขวางขณะที่พวกเขารีบเข้าไปในเมือง ทุกคนต่างชักดาบออกมาเตรียมสังหารล้างบางเมืองผิงหนิงแต่ทว่า หลังจากที่พวกเขากรูกันเข้าไปก็พบว่าบนท้องถนนกลับว่างเปล่าหล่างมู่ชะลอม้า หัวใจเต็มไปด้วยความสงสัยว่า "ผู
ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อย ‘ถอยทัพงั้นหรือ?’มีคนตะโกนว่า "แต่องค์ชายหล่างมู่ยังอยู่ข้างใน"แต่หล่างชิ่นเพิกเฉยต่อคำทักท้วง และถอยกลับไปพร้อมกับคนของนางการถอยทัพหล่างชิ่น ทำให้คนในเมืองมีเวลาในการกวาดล้างศัตรูทั้งหมดอย่างรวดเร็ว“แม่นางลั่ว กลอุบายของท่านในการแกล้งยอมแพ้นั้นนับว่าฉลาดจริง ๆ!”“คราวนี้เราสามารถยึดอาวุธมาได้มิน้อยเลย”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องมองไปยังทิศทางที่พวกนอกด่านล่าถอยไป ในใจยังคงมิสบายใจ“ไม่มีทางที่พวกนอกด่านจะล่าถอยไปง่าย ๆ ถูกลวงเช่นนี้ พวกเขาต้องโกรธมากแน่”“ส่งคำสั่งไป เก็บอาวุธทันที แล้วไปประจำการที่หอประตูเมือง”"ขอรับ!"ในมิช้า ลั่วอวิ๋นสี่ก็กระโดดขึ้นมาหอประตูเมืองแล้วพูดว่า "มิพบหล่างมู่"“บางทีเขาอาจตายอยู่ข้างในแล้ว มีศพมากเกินไป”ลั่วชิงยวนพูดอย่างใจเย็น "มิเป็นไร ค่อยตรวจสอบทีหลังก็ได้"“ในทางตรงกันข้าม หล่างชิ่นผู้นี้ดูเหมือนจะ... จงใจปล่อยให้หล่างมู่เข้ามาตาย”ในระหว่างการบุกโจมตี หล่างมู่ได้นำกองกำลังของเขาเข้ามาในเมืองทันที แต่หล่างชิ่นกลับมิได้เข้ามาด้วยนางคงจะสังเกตเห็นอะไรผิดปกติ กลัวว่าเป็นกับดัก เลยมิเข้ามาแต่นางมิได้ห้
ฉินเชียนหลี่!นั่นคือฉินเชียนหลี่!ฉินเชียนหลี่ถูกลากมาไกลเพียงใดมิอาจรู้ได้ ด้วยความเร็วเพียงนั้น บางครั้งร่างกายของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ และบางครั้งก็กระแทกลงอย่างหนักเหมือนใบไม้ใบหนึ่งที่ปลิวไปปลิวมาอย่างไร้ทิศทางคนที่เห็นนั้นใจแทบสลายเหล่าทหารบนหอประตูเมืองต่างตกตะลึง "นั่นคือแม่ทัพฉินใช่หรือไม่?!"คนที่ควบม้ามาหยุดลงตรงหน้าหล่างชิ่น ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้าแล้วคว้าตัวฉินเชียนหลี่ที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมาเขายั่วเย้าอีกฝ่ายว่า "เห็นหรือไม่? นี่แหละ แม่ทัพของพวกเจ้า!"“ยังมิรีบเปิดประตูเมืองยอมแพ้อีก มิเช่นนั้นเมื่อเราตีเมืองแตก ชีวิตของพวกเจ้าจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก!”หล่างชิ่นยกยิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิใจและมองไปที่ลั่วชิงยวน "เป็นอย่างไร จะยอมแพ้หรือยัง?"ลั่วชิงยวนกัดฟัน ในใจเต็มไปด้วยความโกรธที่หล่างชิ่นยังเก็บฉินเชียนหลี่ไว้ ก็เพื่อช่วงเวลานี้เมื่อเห็นว่าลั่วชิงยวนมิตอบสนอง หล่างชิ่นก็พลิกตัวลงจากหลังม้า เตะฉินเชียนหลี่ที่ด้านหลัง ทำให้เขาล้มลงนอนคว่ำกับพื้น ก่อนจะเหยียบไหล่ของเขาไว้นางถือมีดยาวในมือ กรีดลงบนนิ้วของฉินเชียนหลี่ แล้วหัวเราะเบา ๆ "เจ้าเป็นแม
ฉินเชียนหลี่บีบคอของลั่วอวิ๋นสี่แล้วดึงนางลงไปด้วยร่างทั้งสองร่วงลงกับพื้นอย่างรวดเร็วหัวใจของลั่วชิงยวนแทบออกมาเต้นนอกอก จากความสูงขนาดนี้ หากลั่วอวิ๋นสี่ตกลงไป จะต้องตายอย่างแน่นอน นางรีบตะโกน "เตี่ยฉุย!"ตอนที่ลั่วอวิ๋นสี่กำลังจะกระแทกพื้น เตี่ยฉุยก็รีบฟาดฝ่ามือลงกับพื้น ส่งแรงลมมหาศาลพัดพาฝุ่นผงฟุ้งกระจายไปทั่วท้องฟ้าด้วยพลังนี้ ลั่วอวิ๋นสี่พลิกตัวกระโดดและกลิ้งลงไปกับพื้นด้วยมือที่ค้ำพื้น เลือดสดเต็มปากก็พ่นออกมาลั่วอวิ๋นสี่เช็ดเลือดจากมุมปากของนางแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉินเชียนหลี่ที่กำลังเดินมาหานาง เส้นเลือดแดงใหญ่ปรากฏขึ้นทั้งที่มือและคอ ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงดูราวกับสัตว์ประหลาด“โจมตีเมือง!” หล่างชิ่นออกคำสั่งทันทีพวกนอกด่านดาหน้าบุกเข้ามา และการสู้รบกำลังจะเริ่มต้นขึ้นลั่วชิงยวนป้องกันหอประตูเมืองอย่างประหม่าและไม่มีเวลาดูแลลั่วอวิ๋นสี่ด้านล่างในขณะนั้นเอง ความแข็งแกร่งของฉินเชียนหลี่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งที่มีบาดแผลทั่วร่างแต่กลับมิรู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขาพุ่งเข้าโจมตีลั่วอวิ๋นสี่อย่างดุเดือดเตี่ยฉุยต้องการลงมือ แต่ลั่วอวิ๋นสี่ปรามเขาไว้ "เจ้าจะ
ในระหว่างการสู้รบ หูข้างหนึ่งของหล่างชิ่นถูกตัดออกไปข้างหนึ่งทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมาปกคลุมใบหน้าของหล่างชิ่นนางมองชายคนนั้นด้วยสายตาหวาดกลัว เขามีแผลเต็มร่าง แต่ยังทรงพลังเพียงนี้สายตาที่แสดงถึงความรุนแรงราวกับจะฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ ทำให้คนมองรู้สึกน่าหลงใหล แต่ก็น่ากลัวในเวลาเดียวกัน"องค์หญิง!"ผู้คนนับมิถ้วนล้อมรอบหล่างชิ่นเอาไว้ พลางยกอาวุธขึ้นและแทงเข้าที่ฉินเชียนหลี่“ช้าก่อน จับเป็นเขาไว้ แล้วส่งเขากลับมาให้ข้า!”นางอดทนกับความเจ็บปวดสาหัส หล่างชิ่นสั่งการอย่างเร่งด่วนแต่ยังมีผู้ที่มิสามารถหยุดได้ทัน ดาบคมแทงเข้าไปที่หลังของฉินเชียนหลี่เสียแล้วเลือดพุ่งทะลักออกมาในการมองเห็นอันพร่ามัวของลั่วชิงยวน นางเห็นร่างของฉินเชียนหลี่ล้มลงจมหายไปในฝูงชนหัวใจของนางสั่นไหว ในใจรู้สึกเศร้าโศกทันทีนางยังมิสามารถช่วยชีวิตของฉินเชียนหลี่ไว้ได้หล่างชิ่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และพวกนอกด่านก็ถอนกำลังทหารออกไปทันทีทุกคนที่หอประตูเมืองตกอยู่ภายใต้ความสะบักสะบอมอย่างมาก ร่างกายชโลมไปด้วยเลือดและบาดแผล เมื่อมองไปยังทิศทางที่พวกนอกด่านล่าถอยออกไป พวกเขาต่างก็รู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่ง
ในเวลานี้คนส่วนใหญ่ต่างประจำการปกป้องเมือง ดังนั้นลั่วอวิ๋นสี่จึงอาสาไปในเมืองเพื่อหายาและอาหารในตอนกลางคืน สายลมเย็นเยียบได้ปลุกลั่วชิงยวนให้ตื่นขึ้นจากนั้นก็เห็นลั่วอวิ๋นสี่เดินถือชามบะหมี่เข้ามา“กินเสร็จก็ไปพักผ่อนเสีย ข้าจะคอยดูไว้ให้ เราจะผลัดกันเฝ้ายามเพื่อออมแรงไว้เถิด”“หากเจ้าล้มลงไปคนหนึ่ง ข้าสั่งการทัพมิได้หรอกนะ”ลั่วชิงยวนรับชามไป ก่อนนั่งลงบนพื้นและเริ่มกินหลังจากกินอิ่มแล้วนางก็พิงกำแพงและหลับตาลงพักผ่อนในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ นางนอนมิหลับเอาเสียเลย และโดยปกติหากนอนมิสบายเช่นนี้นางจะมิฝันเลยแต่มิรู้เพราะอะไร คราวนี้ฝันถึงฟู่เฉินหวนฝันว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังคงนอนอยู่บนเตียง หมอหลวงเข้ามาในห้องเพื่อรักษาเขา แต่มิสามารถทำอะไรได้ในความฝัน ลั่วชิงยวนกังวลมาก และต้องการวินิจฉัยชีพจรของฟู่เฉินหวนด้วยตัวเอง แต่ถูกคนอื่นขัดขวาง มิสามารถเข้าไปได้หลังตื่นจากความฝัน หัวใจของนางก็หนักอึ้งนางเข้าไปหาเขามิได้จริง ๆ นั่นแหละ ห่างไกลหลายพันลี้ นางจะไปยังเมืองหลวงได้อย่างไร?“เจ้าฝันร้ายหรือ?” ลั่วอวิ๋นสี่มองนางอย่างสงสัยลั่วชิงยวนเช็ดหน้าผากและตระหนักว่านางมี
เป็นดังคาด ในวันนี้พวกนอกด่านกลับมาบุกอีกครั้งการโจมตีเปิดฉากอีกครั้ง กระหน่ำรุกเข้าใส่เมืองราวกับหักไม้ไผ่อาวุธลับที่ลั่วชิงยวนเตรียมไว้กับคนของนางเริ่มใช้ได้ผล สามารถสกัดกั้นศัตรูส่วนใหญ่ไว้ได้แต่ยังมีพวกนอกด่านมากเกินไป จนแทบรับมือมิไหวพวกเขาพยายามบุกเข้าไปในเมืองด้วยวิธีการต่าง ๆ จนทำให้คนในป้องกันแทบมิทันเป็นอีกวันแห่งการต่อสู้ที่สิ้นหวัง พวกนอกด่านก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและล่าถอยไปอีกครั้งแต่พอถึงกลางคืน พวกเขาก็กลับมาอีกยิ่งไปกว่านั้นศัตรูกลุ่มนี้ยังแข็งแกร่งและมีพลังเต็มเปี่ยม ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อพวกของลั่วชิงยวนทันทีที่พวกเขามาถึงพวกมันปีนป่ายกำแพงเมืองเหมือนจิ้งจก มีความคล่องตัวสูงมาก บุกขึ้นหอประตูเมืองอย่างรวดเร็วทหารที่รักษาการณ์เมืองก็ล้มลงทีละคนแม้ลั่วอวิ๋นสี่และเตี่ยฉุยจะทรงพลัง แต่มิสามารถต้านศัตรูทั้งหมดได้ลั่วชิงยวนรู้สึกหนักใจ เห็นได้ชัดว่า ศัตรูที่กำลังโจมตีในคืนนี้เป็นกลุ่มที่ต่างออกไป น่าจะเป็นชนเผ่าหลายเผ่าที่ผลัดกันต่อสู้แต่ละเผ่ามีความชำนาญต่างกันไป ความสามารถก็แตกต่างกันไป ในขณะนี้ ศัตรูที่ปีนผาหินและกำแพงได้เหล่านี้ยากที่จะต้านทาน
“ข้าหาเครื่องยาสมุนไพรมิเจอ แต่ข้าเจอเล้าไก่เลยหยิบไข่ออกมาได้หลายสิบฟอง เจ้ากินก่อน หากยังมิพอข้าจะไปเพิ่มให้เจ้าอีกสองฟอง”ลั่วชิงยวนยิ้มอย่างช่วยมิได้ “แล้วเจ้ากินข้าวหรือยัง?”ลั่วอวิ๋นสี่พยักหน้า "ข้ากินแล้ว"จากนั้นลั่วชิงยวนก็เริ่มลงมือกินหลังจากกินอิ่มแล้ว แสงจันทร์ส่องสว่างพอดี นางจึงหยิบเข็มทิศออกไปนั่งสมาธิใต้แสงจันทร์เพื่อดูดซับพลังแห่งฟ้าดินนางทำได้เพียงอาศัยวิธีนี้เพื่อฟื้นฟูพลังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้…… ที่ธารน้ำเฉี่ยนซี“รายงาน! พวกนอกด่านถอยทัพอีกแล้ว!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ซือซิงก็ตกตะลึง "ถอยทัพอีกแล้วรึ? พวกเขามีกันแค่มิกี่คน จะต้านทานทัพพวกนอกด่านนับหมื่นได้อย่างไรกัน?"ทหารตอบว่า "ข้ามิทราบสถานการณ์แน่ชัด แต่พวกนอกด่านมิสามารถเอาชนะพวกเขาได้จริง ๆ หลายชั่วยามก็ยังตีเมืองเข้าไปมิได้ขอรับ"“และผู้ที่โจมตีเมืองคืนนี้คือเผ่าปีกอินทรี ซึ่งเป็นชนเผ่าที่เก่งเรื่องการปีนป่ายที่สุด แต่ก็ยังตีมิสำเร็จ”เมื่อซือซิงได้ยินเช่นนี้ก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ "ลั่วชิงยวนมีความสามารถจริง ๆ สมแล้วที่ปลอมแปลงป้ายคำสั่งของมหาราชาจารย์เหยียนได้"นายทหารที่อยู่ด