ลั่วชิงยวนจะมิเป็นกังวลได้เช่นไร การเคลื่อนไหวของตระกูลเหยียนครั้งนี้ก็เพื่อจะกลืนอำนาจทหารในมือของฟู่เฉินหวน ดังนั้นย่อมมิอาจปล่อยให้พวกเขาสมหวังได้“วันนี้ตอนที่เข้าไปในพระตำหนักโช่วสี่ หม่อมฉันพบเบาะแสบางอย่าง แต่มิพบหลักฐานที่เพียงพอ ดังนั้นหม่อมฉันคิดว่าจะต้องล่อให้บุคคลนั้นปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง”นางค่อย ๆ เดินไปที่เตียงและเห็นว่าจักรพรรดิสูงสุดก็มิได้หลับไปเช่นกัน และกำลังตั้งใจฟังคำพูดของนางนางคุกเข่าลงและถามว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันต้องการใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง และหม่อมฉันต้องการความร่วมมือจากพระองค์ พระองค์ทรงเต็มใจหรือไม่เพคะ?”เพราะการฝังเข็มอย่างรุนแรงเพื่อให้ร่างกายของจักรพรรดิสูงสุดเคลื่อนไหวได้ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย นางจึงต้องขอความยินยอมจากองค์จักรพรรดิสูงสุดก่อนแต่จักรพรรดิสูงสุดก็พยักหน้าอย่างมิลังเลทั้งยังส่งสายตาให้กับนางอย่างแรงกล้าด้วยลั่วชิงยวนตกตะลึง "ท่านทรงอยากให้หม่อมฉันฝังเข็มตอนนี้เลยหรือ?"จักรพรรดิสูงสุดพยักหน้า“แต่การฝังเข็มเสียตั้งแต่ตอนนี้ ในวันพรุ่งคงไม่มีผลมากนัก”แต่จักรพรรดิสูงสุดดูวิตกกังวลมาก และตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะให
กระทบไปที่ข้อมือของจักรพรรดิโดยตรงจักรพรรดิสูงสุดมิสามารถจับพู่กันให้นิ่งได้และล้มลงทันทีดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางมองไปที่ร่างที่อยู่ตรงมุมห้องขันทีหลิว!“เสด็จพ่อ!” ฟู่จิ่งหานรีบเข้าประคองจักรพรรดิสูงสุดอย่างรวดเร็วไทเฮาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พลางจับมือของจักรพรรดิสูงสุด และแทงเข็มเงินเข้าไปในข้อมือของจักรพรรดิด้วยพลังอันมหาศาลจักรพรรดิสูงสุดเจ็บปวดอย่างมาก แต่เขามิสามารถส่งเสียงหรือหลบหลีกได้จากนั้นไทเฮาก็ยืนขึ้นและดุลั่วชิงยวนด้วยความโกรธ“ลั่วชิงยวน อาการป่วยของจักรพรรดิสูงสุดยังมิหายดี หยุดทรมานจักรพรรดิสูงสุดได้แล้ว!”“จักรพรรดิสูงสุดใช้กำลังทั้งหมดเขียนอักษรได้เพียงมิกี่ตัว พระวรกายพระองค์ก็เหนื่อยล้ามากแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก!”“ตัวข้ามิอยากเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม!”หลังจากที่ไทเฮาพูดจบ นางก็ขอให้เจ้าหน้าที่ถอยออกไปทุกคนทยอยออกจากห้องบรรทมแล้วจึงกล้าพูดคุยกัน“องค์จักรพรรดิสูงสุดต้องการจะสื่ออะไรกันแน่? พิษไทเฮาอะไรกัน?”“มียาพิษอยู่ในร่างของไทเฮาหรือเปล่า?”“ไทเฮาก็ถูกวางยาพิษด้วยหรือ?”“ท่านหมายความว่าอย่างไร? ข้
คนบนเตียงรู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง พลิกตัวเพื่อหลบเลี่ยงทันควันการแสดงออกของขันทีหลิวเปลี่ยนไปอย่างมากนี่มิใช่จักรพรรดิสูงสุด!เขาพุ่งกริชไปอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะฆ่าคนผู้นี้โดยตรง แต่ก็เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นทันทีเซิ่งไป่ชวน!กริชของเขาหยุดเคลื่อนไหวทันทีเขากัดฟัน แล้วดึงมือกลับจากนั้นเขาก็ก้มลงมองดูว่าจักรพรรดิสูงสุดซ่อนอยู่ใต้เตียงหรือไม่แต่กลับว่างเปล่าเซิ่งไป่ชวนรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังตะโกนว่า "ขันทีหลิว ท่านรับใช้จักรพรรดิสูงสุดมานานเพียงนี้แล้ว เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้ได้!"“ยังมิสายเกินจะกลับตัวกลับใจ!”ขันทีหลิวหาจักรพรรดิสูงสุดมิพบที่ไหนเลย เขากังวลมากจนต้องคว้าคอเสื้อเซิ่งไป่ชวนเอาไว้กริชจ่อบนลำคอของเขา“พวกเจ้าซ่อนองค์จักรพรรดิสูงสุดไว้ที่ใด?”เซิ่งไป่ชวนพูดอย่างเย็นชา "ข้ามิรู้ และถึงข้ารู้ข้าก็จะมิบอกท่าน!"ขันทีหลิวกำกริชไว้แน่น หมายจะข่มขู่เขา แต่ก็มิอาจลงมือได้ทันใดนั้น ก็มีร่างหนึ่งเดินเข้าไปห้องบรรทมช้า ๆขันทีหลิวตกใจ เขาคว้าคอเสื้อของเซิ่งไป่ชวนไว้แน่นกว่าเดิมแล้วจ่อกริชคมกริบไว้ที่คอของเขาลั่วชิงยวนเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ "ขันทีหลิว เป็นเ
“แน่นอนว่าต้องใช้ช่วยสตรีที่ข้ารักสิ”ลั่วฉิงขมวดคิ้วและกัดฟัน “ลั่วเยวี่ยอิงเช่นนั้นรึ?!”หรือการที่ลั่วเยวี่ยอิงกำลังจะตาบอด นางจึงต้องการสนหิมะเขาฉีซาน ลั่วเยวี่ยอิงเก็บมันไว้กับตัวนางงั้นหรือนางคิดไว้แล้วว่าลั่วเยวี่ยอิงคนนี้ไว้ใจมิได้!แต่เหยียนผิงเซียวกลับยังมอบงานสำคัญเช่นนี้ให้ลั่วเยวี่ยอิง!สนหิมะเขาฉีซานนั่น นางอุตส่าห์หามาอย่างยากลำบาก!บัดซบ!“ในเมื่ออ๋องผู้สำเร็จราชการบอกความจริงเช่นนั้นข้าก็จะมิอ้อมค้อมอีก”“ต้องมีใครสักคน ต้องมีคนชดใช้ต่อสนหิมะเขาฉีซานของข้า!”ดวงตาของลั่วฉิงแข็งกร้าวนางยกมือขึ้นสะบัด เขี้ยวเหล็กสองเล่มพุ่งเข้าหาฟู่เฉินหวน และปักเข้าไปที่หัวไหล่ของเขาปึก… เลือดพุ่งออกมาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกแตกดังเข้าหูความเจ็บปวดอย่างสาหัส ทำให้เขามิกล้าขยับร่างกายแม้แต่น้อยเมื่อลั่วฉิงเห็นว่าฟู่เฉินหวนนิ่งเงียบมิร้องสักแอะ มุมปากของปากจึงยกยิ้มเย็นชา“ใต้กล้านี้ ไม่มีใครทนเขี้ยวเหล็กเล่มที่สามของข้าได้ เมื่อพวกมันเข้าไปในร่างกายแล้ว กระดูกพวกนั้นจะแตกกระจายออกและเข้าทำลายหัวใจ ทำให้ทรมานจนอยากตายมากกว่ามีชีวิต”“แต่หากนำเขี้ยวเหล็กออก เส้นลมปราณ
ไม่มีใครอยู่ในห้องทรมานเลยคนหายไปไหน?“อ๋องผู้สำเร็จราชการอยู่ที่ไหน อ๋องผู้สำเร็จราชการอยู่ที่ไหน?” ฟู่จิ่งหลีคว้าตัวผู้คุมและถามทันที“มีคนพาตัวท่านอ๋องไปเมื่อเช้านี้พ่ะย่ะค่ะ”ฟู่จิ่งหลีร้อนใจอย่างหนัก “พาตัวไปที่ใด?”"มิทราบพ่ะย่ะค่ะ"“เขาเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการ เจ้าปล่อยให้เขาถูกพาตัวไปโดยที่ฝ่าบาทมิได้ทรงรับสั่งได้เยี่ยงไร!”ฟู่จิ่งหลีโกรธ และปล่อยมือจากอีกฝ่ายทันทีข้าเริ่มค้นหาไปทั่วเรือนจำ แต่หลังจากค้นหาไปรอบ ๆ ก็ไม่มีวี่แววของพี่สามเลยตระกูลเหยียนพาเขาไปซ่อนที่ไหน?…… ในห้องบรรทม ลั่วชิงยวนและขันทีหลิวประมือกันอย่างดุเดือดมานานกว่าสิบกระบวนท่า และในที่สุด ลั่วชิงยวนก็เอาชนะเขาได้แต่ทว่า ในระหว่างการต่อสู้ ลั่วชิงยวนได้ค้นพบว่า ทักษะวรยุทธของขันทีหลิวล้วนมาจากแคว้นหลีเช่นกันแถมยังเป็นวิชาสายของสำนักนักบวชจากแคว้นหลีด้วยขันทีหลิวเองก็ตกใจมิแพ้กัน เพราะเขาก็ค้นพบว่าทักษะวรยุทธของลั่วชิงยวนมาจากแคว้นหลีเช่นกันแต่ลั่วชิงยวนเป็นบุตรีของอัครเสนาบดีแห่งแคว้นเทียนเชวีย แล้วเหตุใดนางจึงมีวิชาของแคว้นหลีได้กัน?แต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาได้สืบสาวราวเรื่อง ลั่วชิงยวนก็
ลั่วชิงยวนมองไทเฮาด้วยสายตาแข็งกร้าว "ฟู่เฉินหวนอยู่ที่ใด?!"“หากพระนางมิบอก เราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วเพคะ!”ความเยือกเย็นแวบผ่านดวงตาของลั่วชิงยวน นางกำจี้หยกไว้แน่นขันทีหลิวหัวใจเต้นมิเป็นส่ำ หากเรื่องนี้ถูกเปิดโปงทุกอย่างก็จะจบลงอย่างสิ้นเชิง!ในเมื่อไทเฮามิสามารถตัดสินใจได้ ก็ปล่อยให้เขาตัดสินใจเอง!ขันทีหลิวมองไทเฮาด้วยสายตาลึกซึ้งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนคว้ามือของลั่วชิงยวน ดันกริชแล้วแทงเข้าที่หน้าอกตนโดยตรงลั่วชิงยวนตกตะลึงสีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปอย่างมากขันทีหลิวล้มลงอย่างอ่อนแรง เขามองไทเฮา อ้าปากพะงาบ ๆ โดยมีเลือดไหลออกจากปากลั่วชิงยวนมิคาดคิดเลยว่าเขาจะยุติเรื่องนี้ด้วยความตายของตนบัดนี้เขาสิ้นลมลงแล้ว ถึงแม้เขาจะมีสัมพันธ์สวาทกับไทเฮา แต่ก็ยังไร้ข้อพิสูจน์ทันใดนั้นไทเฮาก็ยื่นมือออกมา หัวใจของนางราวกับว่าถูกบีบรัดนางอยากจะกระโจนตัวออกไปหาเขา แต่เหตุผลของนางบอกนางว่า ในฐานะไทเฮา นางมิควรสนใจความเป็นหรือความตายของขันทีคนหนึ่ง!นางกลั้นน้ำตา มิยอมให้ใครเห็นความผิดปกติใด ๆเมื่อลั่วชิงยวนเห็นหน้ากากรอบคอของขันทีหลิวปริแตก นางจึงเอื้อมมือออกไปและฉีกหน้ากากนั
ลั่วชิงยวนพยักหน้าแล้วถาม "ท่านอาเจ๋อเฉิง ข้าอยากรู้ว่าเหตุกลียุคในวังเป็นฝีมือของท่านหรือไม่?"หัวใจที่วิตกกังวลของนางเต้นระรัวนางอยากรู้คำตอบ แต่ก็กลัวคำตอบที่จะได้รู้เช่นกันท่านอาเจ๋อเฉิงหลับตาลง น้ำตาไหลอาบหางตา "เป็นข้าเอง"หัวใจของลั่วชิงยวนปวดหนึบ“ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร...”“เพื่อสตรีนางหนึ่ง ท่านทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไปมากมาย แถมยังโยนความผิดให้กับคนแคว้นเดียวกันอีกหรือ?!”เขาใส่ร้ายพระชายาหลี พระชายาหลีเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นหลีเชียวนะ!ดวงตาของท่านอาเจ๋อเฉิงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขายิ้มทั้งที่มีเลือดออกที่มุมปาก "ข้ารู้ว่าข้ามันบาปหนา แต่คนเราเมื่อได้ขึ้นหลังเสือแล้ว ย่อมมิอาจลงได้ง่าย ๆ"“เพื่อปกป้องนางและเพื่อปกป้องเซิ่งไป่ชวนที่เพิ่งลืมตาดูใต้หล้า ข้าจะต้องฆ่าคน จะฆ่าคนเดียวหรือฆ่าเป็นโขยงก็เป็นการฆ่าเหมือนกัน”“บาปทั้งหมดนี้ ให้ข้าแบกรับคนเดียวเถอะ”ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะ น้ำตาคลอเบ้า "ชีวิตคนมากมายขนาดนั้น ท่านคิดว่าจะรับผิดชอบได้หมดหรือ?!"“ท่านอาเจ๋อเฉิง ถึงท่านจะรักใครสักคน ท่านมิอาจรักจนมิอาจแยกแยะถูกผิดมิได้เช่นนี้”“ชีวิตของคนที่ท่านรักคือชีวิตหนึ่
เซิ่งไป่ชวนพยักหน้าทันใดนั้น ลั่วชิงยวนก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาที่ถูกเจาะเป็นรูด้วยวิชาตัวเบาในขณะนี้ จักรพรรดิสูงสุดกำลังบรรทมอยู่บนหลังคาลั่วชิงยวนแบกร่างจักรพรรดิสูงสุดไว้บนหลังแล้วกระโดดลงมาจากหลังคาเซิ่งไป่ชวนรีบก้าวไปประคองจักรพรรดิสูงสุด และอุ้มเขาขึ้นไปที่เตียงในเวลานั้น เพื่อมิให้จักรพรรดิหวาดกลัว จึงให้ยานอนหลับแก่เขาเล็กน้อย ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังคงหลับอยู่เพื่อความปลอดภัย จึงได้ซ่อนจักรพรรดิสูงสุดไว้บนหลังคา……“พี่สาม!” ในที่สุดเมื่อฟู่จิ่งหลีมาถึงห้องมืด และได้เห็นฟู่เฉินหวนที่ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยเลือด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากฟู่เฉินหวนจวนจะตายอยู่รอมร่อแล้ว เขามองเห็นเพียงร่างเลือนรางที่อยู่เบื้องหน้า และตะโกนอะไรบางอย่างด้วยสติเลื่อนลอยฟู่จิ่งหลีก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนปลดเชือกออกจากร่างของเขาแล้วแบกเขาไว้บนหลัง "มิเป็นไรแล้ว พี่สาม ข้าจะพาท่านกลับไปรักษาเดี๋ยวนี้"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็รีบแบกฟู่เฉินหวนขึ้นหลังแล้วจากไปมุ่งตรงออกจากวังหลวงอย่างมิหยุดพักฟู่เฉินหวนนอนหงาย และตะโกนอะไรบางอย่างด้วยสติเลื่อนลอยฟู่จิ่งหลีฟังอยู่นาน ก่
“ใครให้เจ้าใช้กลิ่นกล้วยไม้? คิดว่าตัวเองคู่ควรกับมันรึ?”แววตาอันชั่วร้ายและกลิ่นอายสังหารทั่วร่างที่แผ่ออกมาทำให้หลานจีหวาดกลัวจนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ท่าน… ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นให้ข้าใช้มันเองนะเจ้าคะ”ดวงตาของเฉินชีเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาโยนหลานจีออกจากห้องอย่างโหดร้าย“นับตั้งแต่วันนี้ห้ามใช้น้ำหอมกลิ่นกล้วยไม้อีก ไสหัวไป!”หลานจีล้มออกมานอกห้องอย่างแรงจนกลิ้งตกขั้นบันไดและกระอักเลือดออกมา ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ดูมิได้อย่างยิ่งนางเงยหน้าขึ้นด้วยความมิอยากเชื่อ มิเข้าใจว่าเหตุใดอารมณ์ของท่านแม่ทัพถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อก่อนเขาชอบดูนางร่ายรำเป็นที่สุด และชอบกลิ่นหอมของกล้วยไม้บนตัวของนางด้วยเช่นกันเหตุใดจู่ ๆ ถึง…หลานจีพยายามลุกขึ้นจากพื้นพลางมองไปที่เฉินชีที่ยังคงดื่มอยู่ในห้อง “ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดมิสบายใจใช่หรือไม่เจ้าคะ หลานจียินดีช่วยแบ่งเบาความกังวลให้ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”ทันใดนั้นก็มีบุคคลหนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลัง ร่างนั้นเดินผ่านหน้านาง และได้ตบนางอย่างแรงทำให้หลานจีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“ไล่ให้เจ้าไสหัวไปแต่กลับมิทำ จะรอข้ามาถลกหนังรึไร?” ดวงตาของเก
ฟู่เฉินหวนหาได้แปลกใจไม่ คนที่ปรากฏตัวที่นี่ได้ย่อมมิใช่คนธรรมดาเขามิได้ตอบ เพราะกำลังครุ่นคิดฉินอี้พูดต่อ “คนของเฉินชีล้อมภูเขาทั้งลูกไว้แล้ว เจ้าบาดเจ็บสาหัส ออกไปเองมิได้หรอก”“มีเพียงการไปกับข้าเท่านั้น ข้าจึงจะพาเจ้าออกจากที่นี่ได้”“อีกอย่าง เจ้าก็น่าจะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเฉินชี ถึงแม้ว่าเจ้าจะรอดชีวิตออกจากภูเขาลูกนี้ก็เข้าเมืองหลวงมิได้อยู่ดี และไม่มีทางได้พบลั่วชิงยวน”“ทั่วแผ่นดินแคว้นหลี มีเพียงข้าเท่านั้นที่ช่วยเจ้าได้”ฟู่เฉินหวนหรี่ตาลง “เงื่อนไขคืออะไร?”“เจ้าอุตส่าห์มาช่วยข้า คงต้องมีเงื่อนไขกระมัง”ฉินอี้ยกยิ้ม “ข้าชอบคบหากับคนฉลาด!”“สิ่งเดียวที่ข้าอยากทำ ก็คือฆ่าเฉินชี!”แววตาของฉินอี้เต็มไปด้วยจิตสังหารเฉินชีควบคุมกองทัพ มักทำอะไรตามใจชอบถึงแม้ว่าภายนอกจะเชื่อฟังราชวงศ์ แต่ความจริงแล้วเขาแทบมิยอมรับข้อบังคับของราชวงศ์ มิเคยเห็นใครอยู่ในสายตายิ่งไปกว่านั้น เขามิเคยนับถือองค์ชายผู้นี้เลย คอยแต่จะเยาะเย้ยเสมอเมื่อมีโอกาสสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดในชีวิตคือ ฆ่าเฉินชี!ฟู่เฉินหวนดูออก ฉินอี้มิได้โกหกเรื่องนี้ ความเกลียดชังในดวงตาของเขาแทบจะพวยพุ่ง
นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อหลบ ทว่าหาได้มีทางหลบได้ไม่ เงาดำหลายร่างจับร่างจองนางเหวี่ยงไปมาร่างของนางราวกับใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิวไปมา ชนกำแพง ชนประตู ชนต้นไม้จนเลือดไหลออกมาดูน่าเวทนายิ่งนักมีคนหลายคนยืนดูความเคลื่อนไหวในเรือนจากในที่มืดระยะไกล แล้วต่างหัวเราะอย่างพึงพอใจ“คิดว่าจะเก่งแค่ไหนกันเชียว กล้ามาท้าทายจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดารา สุดท้ายก็ได้แค่นี้”“ความจริงนางก็มิได้เก่งหรอก มิรู้ว่าปราบสิบวายร้ายได้อย่างไร”“ส่งไปอีกสองตัว! ทรมานอีกสักรอบ อีกสองวันข้างหน้าเมื่อไปหอรักษ์ดารา นางอาจจะยอมแพ้ไป!”พูดจบ พวกเขาก็เปิดกล่องที่ผนึกด้วยยันต์แปดทิศ และกระดาษยันต์หนึ่งแผ่นก็เริ่มควบคุมสิ่งของในกล่องให้บินออกมาทันใดนั้นก็มีเท้าข้างหนึ่งยื่นออกมาเตะกล่องคว่ำสิ่งที่พุ่งออกมาทันทีนั้นส่งเสียงคำรามอันน่าสยดสยอง ทำให้หลายคนตกใจพลันรีบถอยหลังหลบกันไป“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึไร!” หลายคนรีบลุกขึ้นตะโกนใส่อวี๋โหรวที่เตะกล่องคว่ำพวกเขาลุกขึ้นยืน ทุกคนตัวสูงกว่าอวี๋โหรวยิ่งทำให้อวี๋โหรวดูตัวเล็กดูน่ารังแกแต่อวี๋โหรวกลับมองพวกเขาด้วยแววตาเย็นชา “พอได้แล้ว!”“หากทำให้นางตาย ข้าจะดูว่าเ
เวินซินถงเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา เซี่ยหลิงรีบตามหลังไป“ซินถง เจ้าโกรธหรือ?” เซี่ยหลิงรีบแก้ตัวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าก็มินึกว่าจะเป็นเช่นนี้”ในที่สุดเวินซินถงก็ทนมิไหว พลันหยุดเดิน“เจ้ามาพูดกับข้าจะมีประโยชน์อันใด? จะแก้ไขอย่างไร เจ้าก็ไปคิดเอง” เวินซินถงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชากล่าวจบก็หันหลังเดินจากไปเซี่ยหลิงร้อนใจ รีบตามไปด้วยความกังวล “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องโกรธ เจ้าสบายใจได้ ข้าจะมิยอมให้นางคุกคามตำแหน่งของเจ้า!”“ข้าเคยบอกแล้วว่าจะช่วยให้เจ้าได้ครองตำแหน่งนักบวชระดับสูง คำสัญญานี้จะคงอยู่จนกว่าชีวิตจะหาไม่”เซี่ยหลิงแสดงท่าทีจริงจังแต่เวินซินถงกลับขมวดคิ้ว “นั่นเป็นเรื่องของเจ้า ข้ามิสนใจ”“อย่าคิดว่าช่วยข้าแล้ว ข้าจะสำนึกบุญคุณ เจ้าอย่าหวังจะได้อะไรจากข้า นี่คือสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก”“ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าก็ให้มิได้”เวินซินถงแวบมองเซี่ยหลิงด้วยแววตาลึกซึ้ง“อย่าตามข้ามา ข้ามิชอบ” กล่าวจบ เวินซินถงก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วเซี่ยหลิงมิได้ตามไป ได้แต่มองแผ่นหลังของเวินซินถงด้วยความเศร้าใจ......ลั่วชิงยวนพักผ่อนในห้องหนึ่งวันถึ
แม้แต่นักทำนายก็มิสามารถทำนายเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ได้เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกลั่วชิงยวนท้าทาย จั๋วฉ่างตงจึงทำอะไรมิถูกไปชั่วขณะ แรงกดดันหายไปหมด“เจ้ารอได้เลย!” จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางอย่างดุดัน แล้วหันหลังเดินจากไปคนอื่น ๆ ก็เดินออกไปด้วยทุกคนต่างรู้สึกสับสน“ช่างแปลกประหลาด เหตุใดนางจึงรู้ทุกอย่าง? บนใต้หล้านี้คงไม่มีผู้ใดเก่งกาจปานนั้นกระมัง? มิต้องทำนายก็รู้แล้วน่ะหรือ?”“ใครจะรู้ ดูท่าทางอ่อนแอของนาง มิรู้ว่าสามวันหลังจะเป็นเช่นไร รอดูเรื่องสนุกกันดีกว่า”หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ลั่วชิงยวนก็พยายามพยุงตัวเองเดินเข้าไปในเรือนเมื่อเข้าไปในเรือน ลั่วชิงยวนก็ทนมิไหว พลันทรุดตัวลงกับพื้นนางเป็นฝ่ายท้าทาย กำหนดวันประลองคืออีกสามวัน นางจึงมีเวลาพักสามวันหากให้ประลองตอนนี้ ร่างกายของนางคงทนมิไหวเมื่อนางพักผ่อนได้สักพักแล้ว ก็พยายามลุกขึ้นไปปิดประตูทันใดนั้นมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าประตู ขวางนางไว้เมื่อเห็นผู้มาเยือน ลั่วชิงยวนก็ตกใจเล็กน้อยอวี๋โหรวถือขวดยามายื่นให้นางอวี๋โหรวเตี้ยกว่านาง ตัวเล็ก หน้าตาน่ารักอ่อนโยน“รับไปเถิด ข้าจะมิทำร้ายเจ้า”“ข้ารู้” ลั่วชิง
ลั่วชิงยวนมองทุกคนด้วยแววตาเย็นชา ถึงแม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ แต่แววตากลับดุร้ายราวกับสัตว์ป่าทำให้ทุกคนใจกระตุกเริ่มรู้สึกหวาดกลัวจั๋วฉ่างตงจ้องมองนาง “เจ้าเก่งนักก็ฆ่าข้าสิ ข้ามิเชื่อหรอกว่าเจ้าจะกล้าฆ่าคนที่นี่!”“เจ้าอยากลองดูรึ?” ลั่วชิงยวนออกแรงบีบ บีบจนจั๋วฉ่างตงหายใจมิออก ดิ้นรนสุดกำลังอย่างสิ้นหวังตอนนี้ลั่วชิงยวนใช้พลังทั้งหมดที่มี ร่างกายอ่อนแอ แต่ยังพยายามฝืนไว้บุรุษที่สั่งให้ตีนางเอ่ยขึ้น “ลั่วชิงยวน อย่าคิดว่าเจ้าถูกเลือกเข้ามาเป็นกรณีพิเศษแล้วจะมีอภิสิทธิ์”“หากเจ้ากล้าทำร้ายนาง ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไร้ที่ฝัง”ลั่วชิงยวนหันไปมองคนพูดแล้วยกยิ้มเย้ยหยัน “แน่นอนว่าข้ามีอภิสิทธิ์มากกว่าคนไร้ค่าเช่นเจ้า”รอยยิ้มและแววตาที่ดูถูกเหยียดหยามนั้น ทำให้เซี่ยหลิงรู้สึกกระทบอย่างแรง เขาจ้องมองลั่วชิงยวนด้วยความโกรธ“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”ลั่วชิงยวนมิกลัวการข่มขู่ ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม“อายุยี่สิบแปดแล้ว ยังเป็นแค่นักบวชชั้นผู้น้อย”“หากเจ้ามิใช่คนไร้ค่าแล้วคืออะไรเล่า?”สิ้นคำนั้น คนรอบข้างก็กลืนน้ำลายด้วยความประหม่าพูดเช่นนี้ได้หรือ?อายุเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสำนักนั
โฉวสือชีเป็นห่วง จึงรีบขึ้นหลังม้าไปหาสมุนไพรเมื่อตื่นขึ้นมา ลั่วชิงยวนอยู่บนรถม้าที่กำลังมุ่งหน้าเข้าวังหลวงบนรถม้ามีเพียงนางผู้เดียวหน้าอกยังคงเจ็บปวด นางพยายามพยุงตัวเองขึ้นนั่งแล้วเปิดม่านถามสารถี “ใครสั่ง?”“แม่ทัพเฉินชีขอรับ”เดิมทีลั่วชิงยวนอยากให้สารถีหยุดรถม้า แต่มินานก็เข้าวังหลวงแล้วจึงมิทันนางนั่งสมาธิปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ความเจ็บปวดจึงบรรเทาลงบ้างนางมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่สลบไปเหตุใดเฉินชีจึงส่งนางเข้าวังที่อยู่ของสำนักนักบวชก็อยู่ในวัง เพียงแต่ที่ตั้งค่อนข้างห่างไกลและพื้นที่กว้างขวาง ปกติแล้วคนในวังจะมิไปที่นั่นหลังจากที่สารถีส่งนางเข้าวังแล้ว นางก็ลงจากรถม้าแล้วเดินต่อไปอีกไกลร่างกายและจิตใจอ่อนล้า อยากจะพักผ่อนให้เพียงพอเมื่อผลักประตูเข้าไป แล้วเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจประตูห้องเปิดกว้างข้าวของเครื่องใช้ของนางถูกโยนออกมากองระเกะระกะเต็มลานไปหมดหลังจากที่เลือกเรือนนี้ในวันนั้น นางก็ออกจากวังและมิได้มาหลายวัน และกลับกลายเป็นเช่นนี้ทันใดนั้น ก็มีจิตสังหารพุ่งมาจากด้านหลังลั่วชิงยวนรีบหันกลับไป เห็นตาข่ายขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาคลุมตัวนางไ
“เขามีค่าพอหรือ?”“เขามิคู่ควรได้รับความรักจากเจ้า!”“เขานึกว่าฉายามัจจุราชอำมหิตของข้าได้มาเปล่า ๆ หรือไร? แล้วเหตุใดข้าจึงต้องคืนเจ้าให้เขาด้วย?”“มาถึงจุดจบเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะเขาทำตัวเอง”เฉินชียิ้มอย่างผู้มีชัย มิเสียใจกับสิ่งที่ทำ ยังรู้สึกดีใจที่สังหารได้รวดเร็วมิเช่นนั้นหากลั่วชิงยวนมาขวางเสียก่อน คงมิได้สังหารเขาเป็นแน่“หุบปาก!” ลั่วชิงยวนรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง ความรู้สึกที่ซับซ้อนถาโถมจนทำให้นางรู้สึกอึดอัดลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ส่งศพเขากลับไป!”เฉินชียกยิ้มมุมปาก “ได้”ลั่วชิงยวนเสียใจมาก เสียใจที่มิได้บอกเฉินชีว่ามิให้เขาฆ่าฟู่เฉินหวนนางเองก็มินึกว่าฟู่เฉินหวนจะมาที่แคว้นหลีเพื่อตามหานางถึงแม้ว่าจะตัดสินใจมิหันหลังกลับไปแล้ว แต่นางก็มิเคยคิดว่าเขาจะตายเมื่อออกจากป่า ลั่วชิงยวนใช้มือยันต้นไม้ พลันกระอักเลือดออกมาคำโต“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่!” โฉวสือชีตกใจ รีบเข้าไปพยุงนางลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปากออก แล้วหันกลับไปมอง เห็นทหารแบกศพออกไปแต่ลั่วชิงยวนมิกล้ามองต่อแล้วหัวใจเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบแก้มนางกำมือแน่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เฉินชี
โลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนชายกระโปรงของลั่วชิงยวนในพริบตาร่างไร้วิญญาณบนพื้นเจิ่งนองไปด้วยเลือด เนื้อหนังปะปนจนแยกมิออก อนาถเกินกว่าจะมองภาพตรงหน้าของลั่วชิงยวนเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน นางเจ็บแปลบที่อก ความโกรธแค้นเต็มอกทำให้นางพลันชักกระบี่ออกมาอย่างแรงแล้วชี้ไปที่เฉินชีด้วยความดุดันเฉินชีมองนางด้วยแววตาที่ซับซ้อน นัยน์ตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและความก้าวร้าว เขาหัวเราะออกมา“ไยเล่า? เจ้ายังคงปวดใจอีกรึ? มิใช่ว่าตัดใจแล้วรึ?”“มิใช่ว่าตัดขาดกับเขาแล้วหรือไร?”“เหตุใดจึงโกรธเช่นนี้? มิกล้ามองแม้แต่ศพของเขาเลยงั้นรึ?”ทันใดนั้น เฉินชีใช้มือคว้าใบมีดที่คมกริบเดินเข้าหานางโลหิตไหลลงตามข้อมือของเขาลั่วชิงยวนจ้องมองเขาด้วยแววตาดุดัน นางดึงกระบี่ออกมาแทงเข้าที่หน้าอกของเฉินชีอย่างแรงแล้วตะโกนด้วยความโกรธ “ข้าเกลียดเขา ข้าจะฆ่าเขาด้วยมือของข้าเอง! ใครใช้ให้เจ้ามายุ่ง!”เฉินชีตกใจ มองนางด้วยความประหลาดใจจากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองหรือ?”ทันใดนั้น เฉินชีก็คุกเข่าลงแต่กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “เรื่