เซิ่งไป่ชวนพยักหน้าทันใดนั้น ลั่วชิงยวนก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาที่ถูกเจาะเป็นรูด้วยวิชาตัวเบาในขณะนี้ จักรพรรดิสูงสุดกำลังบรรทมอยู่บนหลังคาลั่วชิงยวนแบกร่างจักรพรรดิสูงสุดไว้บนหลังแล้วกระโดดลงมาจากหลังคาเซิ่งไป่ชวนรีบก้าวไปประคองจักรพรรดิสูงสุด และอุ้มเขาขึ้นไปที่เตียงในเวลานั้น เพื่อมิให้จักรพรรดิหวาดกลัว จึงให้ยานอนหลับแก่เขาเล็กน้อย ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังคงหลับอยู่เพื่อความปลอดภัย จึงได้ซ่อนจักรพรรดิสูงสุดไว้บนหลังคา……“พี่สาม!” ในที่สุดเมื่อฟู่จิ่งหลีมาถึงห้องมืด และได้เห็นฟู่เฉินหวนที่ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยเลือด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากฟู่เฉินหวนจวนจะตายอยู่รอมร่อแล้ว เขามองเห็นเพียงร่างเลือนรางที่อยู่เบื้องหน้า และตะโกนอะไรบางอย่างด้วยสติเลื่อนลอยฟู่จิ่งหลีก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนปลดเชือกออกจากร่างของเขาแล้วแบกเขาไว้บนหลัง "มิเป็นไรแล้ว พี่สาม ข้าจะพาท่านกลับไปรักษาเดี๋ยวนี้"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็รีบแบกฟู่เฉินหวนขึ้นหลังแล้วจากไปมุ่งตรงออกจากวังหลวงอย่างมิหยุดพักฟู่เฉินหวนนอนหงาย และตะโกนอะไรบางอย่างด้วยสติเลื่อนลอยฟู่จิ่งหลีฟังอยู่นาน ก่
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หมอหลวงมู่ก็ตกใจ“แล้วจักรพรรดิสูงสุด...”เมื่อไทเฮาได้ยินดังนั้น ดวงตาของนางก็เย็นชาลง "หลายครั้งก่อนหน้านี้นางทำให้พระพลานามัยขององค์จักรพรรดิสูงสุดดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกรงว่าคงจะเป็นเพียงการตบตา!"“ตอนนี้มิสามารถรักษาองค์จักรพรรดิสูงสุดได้แล้ว ดังนั้นนางจึงหนีไป!”“ข้าว่าแล้ว นางจะมีความสามารถยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่จิ่งหลีก็ตกใจเป็นอย่างมาก "อะไรกัน? นางหลอกข้าด้วยรึ?""มิเช่นนั้นจะเป็นอะไรได้?"ฟู่จิ่งหลีโกรธมากและสั่งทันที "ใครก็ได้! ปิดประตูพระราชวังบัดเดี๋ยวนี้แล้วค้นหาลั่วชิงยวน ในชั่วข้ามคืนต้องนำตัวนางมาหาข้าให้จงได้!"เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิได้ออกคำสั่งแล้ว ไทเฮาก็มิได้ตรัสอะไรอีกเมื่อมองไปที่จักรพรรดิสูงสุดที่หมดสติอยู่บนเตียง นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยพิษของเจ๋อเฉิง ลั่วชิงยวนรักษาได้เช่นไร?ในมิช้า ประตูทุกบานของพระราชวังก็ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และองค์รักในวังก็กำลังตามหาพวกเขาในขณะนี้ ลั่วชิงยวนได้มาถึงตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการแล้วและมาที่ลานบ้านในห้องมีแสงไฟส่องสว่างอยู่ลั่วชิงยวนต้องการเข้าไปดู
“ท่านอ๋อง!” ลั่วเยวี่ยอิงอุทานด้วยความตกใจในเวลานี้ ซ่งเชียนฉู่เดินเข้ามาพร้อมกับยา เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็ก้าวไปข้างหน้าและดึงลั่วเยวี่ยอิงออกไปทันที"นี่เจ้าทำอะไรลงไป?"ลั่วเยวี่ยอิงล้มลงกับพื้น เอ่ยทั้งน้ำตาว่า "ข้าจะทำอันใดได้ ข้าเพียงห่วงใยท่านอ๋องเท่านั้น..."“ท่านหมอซ่ง…” ฟู่เฉินหวนพยุงร่างกายขึ้นพูดด้วยความยากลำบากซ่งเชียนฉู่วางยาลงอย่างรวดเร็ว ขับไล่ลั่วเยวี่ยอิงออกไปแล้วจึงปิดประตูนางคว้าข้อมือของฟู่เฉินหวนและตรวจดูชีพจรของเขา“ยามนี้ท่านยังมิควรขยับร่างกาย พลังเขี้ยวเหล็กนั้นรุนแรงเกินไป!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “ลั่วชิงยวนถูกตามล่าหรือไม่ นางอยู่ที่ใด?”ซ่งเชียนฉู่ตกใจ นางตระหนักได้ว่าลั่วเยวี่ยอิงได้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง และนั่นทำให้เขาต้องกระอักเลือดเมื่อรู้ดังนั้นแล้วก็มิจำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป“ยามนี้ยังไม่มีใครรู้ว่านางอยู่ที่ใด หม่อมฉันเดาว่านางคงออกจากเมืองไปแล้ว”“แต่หม่อมฉันมิคิดว่า นางจะหลบหนีไปเพราะกลัวความผิด”“หากนางมีคนไข้ที่รักษามิได้ นางก็ไม่มีวันจะหนีไปเฉย ๆ”ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อมินานมานี้ ฟู่จิ่งหล
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของฟู่เฉินหวนก็หนักอึ้ง“ถ้าเช่นนั้น ส่งข่าวถึงท่านแม่ทัพใหญ่ต่งเจิ้นซาน” ซูโหยวดูลำบากใจ “แม่ทัพใหญ่ต่งเจิ้นซานป่วยหนักมาหลายวันแล้ว ข่าวสุดท้ายที่พวกเราส่งกลับมาคือ ซือซิงรับหน้าที่บัญชาการแทน”“เกรงว่า ซือซิง เขาอาจจะเข้าร่วมกับตระกูลเหยียนไปแล้ว”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ การแสดงออกของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปถ้าลั่วชิงยวนไปที่อู่จิ้น...มิเท่ากับไปตายหรอกหรือ?……ลั่วชิงยวนขี่ม้าไปพันลี้ เร่งเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อมาถึงเมืองอู่จิ้น นางก็เหนื่อยล้าจนแทบขาดใจหลังจากเข้าไปในเมือง ลั่วชิงยวนรีบหาทหารยามประจำประตูเมืองทันที "พวกท่านคือกองทหารอู่จิ้นหรือเปล่า? ข้าอยากพบแม่ทัพของท่าน!"อีกฝ่ายมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า “เจ้าเป็นใคร?”“ข้ามาจากเมืองหลวง ท่านพาข้าเข้าไปหน่อยสิ” ลั่วชิงยวนรู้สึกกังวลในใจล่าช้ามาหลายวันขนาดนี้ มิรู้ว่าที่ฉินเชียนหลี่เป็นเช่นไรบ้างนางไม่มีเวลาไปตรวจสอบได้เลย ต้องรีบมาที่นี่เพื่อเรียกระดมพลไปสนับสนุนทันทีทหารยามที่ประตูเมืองพานางขึ้นไปค้นหาทีละชั้น จนกระทั่งมาถึงลานที่มีการคุมเข้มอย่างแน่นหนา“แม่ทัพซือ มีคนจากเมืองหลว
เขาถูกวางยาพิษ!ปีกพญามัจจุราชที่นางคุ้นเคยอีกแล้ว!เพียงแต่พิษในร่างของกายของต่งเจิ้นซานนั้นซับซ้อนกว่านั้น มิเพียงแต่มีพิษจากปีกพญามัจจุราชเท่านั้น แต่ยังมีพิษชนิดอื่น ๆ อีกด้วยและพิษเหล่านี้ได้สะสมมาเป็นเวลานานหลายปีพิษของปีกพญามัจจุราชนั้นกลับมิได้สะสมมานานนักแต่เป็นเพราะพิษของปีกพญามัจจุราชที่ทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นจักรพรรดิสูงสุดก็ถูกพิษของปีกพญามัจจุราชเช่นกัน นางยังมิสามารถล้างพิษต่งเจิ้นซานได้ในขณะนี้ หากนางสามารถล้างพิษปีกพญามัจจุราชได้ ตระกูลเหยียนก็จะรู้ว่านางมีวิธีถอนพิษนี้แล้วซึ่งจะส่งผลให้พวกเขาทำร้ายจักรพรรดิสูงสุดทุกวิถีทางดังนั้น นางจึงทำได้เพียงต้องรักษาจักรพรรดิสูงสุดให้หายก่อน จึงจะสามารถล้างพิษให้ตงเจิ้นชานได้ทว่าในสถานการณ์ของต่งเจิ้นซาน คงมิสามารถรักษาให้หายขาดได้ในเวลาอันสั้น“อาการป่วยของแม่ทัพใหญ่นั้นร้ายแรงจริง ๆ ทั้งร่างกายของเขาแข็งเกร็ง พูดมิได้ และขยับตัวมิได้ ดูเหมือนเป็นโรคเรื้อรังที่สะสมมานานหลายปี”“เราคงทำได้แค่ค่อย ๆ บำรุงรักษาไปอย่างช้า ๆ เท่านั้น”ทันทีที่นางพูดจบเซี่ยงจิ้งก็ดูผิดหวังเขาพูดอย่างเย็นชา "หมอที่ข้าเชิญก่
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าความทะเยอทะยานในดวงตาของเหยียนหน่ายซินที่นางเห็นคือสิ่งใด“ก่อนหน้านี้เจ้าล้วนแสร้งทำหรือ?”เหยียนหน่ายซินยิ้มเบา ๆ “เจ้าหมายถึงเรื่องใดเล่า”“อาศัยตำแหน่งว่าที่ฮองเฮา ทำตัวตามอำเภอใจ ก่อความผิดมหันต์ กล่าวอ้างว่ามิอยากเป็นฮองเฮา และต้องการหนีไปกับคนรักของเจ้า ทั้งหมดนี้เจ้าล้วนแสร้งทำหรือ?”“ดังนั้นเจ้าจึงใจแข็งถึงขนาดลงมือฆ่าโม่เชียนด้วยมือของเจ้าเอง”เหยียนหน่ายซินได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมา "ใช่แล้ว"“ท่าทางโง่เขลาและสิ้นหวังนั้นล้วนเป็นการแสร้งทำ ข้ามิอยากอภิเษกกับฝ่าบาทจริง ๆ เพราะถึงข้าจะเป็นฮองเฮาของเขา ข้าก็จะเป็นเพียงหุ่นเชิดของตระกูลเหยียน มิต่างอะไรจากการเป็นหุ่นเชิดในวังหลัง”“ข้ายอมรับมิได้ที่ต้องเป็นหุ่นเชิด ถึงจะยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงขนาดนี้ แต่กลับมิอาจครอบครองอำนาจที่ควรมีได้เลย”"เช่นนั้น ข้าจึงมาที่นี่"เหยียนหน่ายซินพูด พลางหยิบป้ายคำสั่งออกมาจากอกเสื้อและมอบให้ลั่วชิงยวน“เจ้าบอกซือซิงว่า ตระกูลเหยียนส่งเจ้ามา แต่หากเจ้าไม่มีป้ายคำสั่ง ซือซิงย่อมมิเชื่อแน่”“ตอนนี้กองทัพกว่าครึ่งของอู่จิ้นอยู่ในมือของเขาแล้ว มีเพียงต้องใช้สิ่ง
ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย และครู่หนึ่งเผลอคิดว่าตัวตนของนางถูกเปิดเผยแล้วแต่เมื่อคิดไปคิดมา หากซือซิงรู้ว่านางเป็นใคร แทนที่จะพูดเช่นนี้ เขาคงจะลงมือทันทีลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ "เช่นนั้นแม่ทัพซือคิดว่าข้าเป็นใครเล่า?"น้ำเสียงของซือซิงเย็นชา "ดูเหมือนเจ้าจะมิยอมบอกความจริง งั้นก็พาตัวไปเลย ข้ามีวิธีที่จะทำให้เจ้าพูดอยู่แล้ว"สตรีผู้นี้บอกว่านางถูกส่งมาจากตระกูลเหยียน แต่นางกลับรู้ทักษะทางการแพทย์ และยังช่วยรักษาต่งเจิ้นซานด้วยเหลวไหลนัก เขาเป็นคนวางยาพิษเอง แล้วตระกูลเหยียนจะส่งคนมารักษาต่งเจิ้นซานได้เช่นไรหากถามดี ๆ มิได้คำตอบ ก็ต้องใช้การทรมานอย่างรุนแรงเท่านั้นขณะที่ทหารกำลังเข้ามาจับนาง ลั่วชิงยวนก็หยิบป้ายคำสั่งออกมาโดยมิพูดอะไรแม้แต่คำเดียวแต่เมื่อซือซิงเห็นป้ายคำสั่ง การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก“เจ้า… เจ้าคือ...”ลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง และเก็บป้ายคำสั่งกลับไปนางพูดด้วยน้ำเสียงมิพอใจ "ยังจะจับข้าอยู่อีกหรือ? ข้าเกรงว่าหากจับข้าแล้วจะมิสามารถรายงานต่อผู้บังคับบัญชาได้กระมัง"น้ำเสียงของซือซิงอ่อนลงทันที "แม่นาง เหตุใดท่านมิเอามันออกมาตั้งแ
ลั่วชิงยวนนำตราประทับมังกรออกมา“เห็นตราประทับมังกรก็เหมือนกับการได้เห็นองค์จักรพรรดิสูงสุด! ท่านยังมิเชื่ออีกหรือ?”เซี่ยงจิ้งดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง“ตราประทับมังกรรึ?” เขาจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือของลั่วชิงยวนด้วยความลังเล“ข้าจะรู้ได้เช่นไรว่าตราประทับมังกรที่เจ้าถืออยู่นั้นเป็นของจริงหรือของปลอม?”ประการแรก ก่อนหน้านี้นางมีป้ายคำสั่งของมหาราชาจารย์เหยียนที่ใช่การให้ซือซิงระดมพลไปแล้วทำให้เซี่ยงจิ้งมิอาจปักใจเชื่อได้อย่างง่ายดายลั่วชิงยวนเก็บตราประทับมังกรไป และมองไปที่ต่งเจิ้นซานบนเตียง "แม่ทัพใหญ่ต่งถูกวางยาพิษด้วยพิษชนิดเดียวกับที่องค์จักรพรรดิสูงสุดได้รับ ข้ารักษาได้ แต่ตอนนี้ข้ายังมิอาจรักษาได้"“หลังจากที่จักรพรรดิสูงสุดพระอาการดีขึ้นแล้วเท่านั้นข้าจึงจะสามารถล้างพิษของแม่ทัพใหญ่ต่งได้ มิเช่นนั้นข้าจะถูกตระกูลเหยียนสงสัยเอาได้”“แต่ตอนนี้ข้าสามารถทำให้แม่ทัพใหญ่ต่งฟื้นตัวได้ชั่วคราว”เมื่อได้ยินสิ่งนี้เซี่ยงจิ้งตกใจอย่างหนัก“ว่ากระไรนะ?” ถูกพิษชนิดเดียวกันกับองค์จักรพรรดิสูงสุด?"ได้ ตราบใดที่เจ้าสามารถรักษาพิษของท่านแม่ทัพใหญ่ได้ ข้าจะเชื่อเจ้า!"ลั่วชิ
สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา
ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั
นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก
“กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ
ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้
ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื
ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท
ฟู่เฉินหวนตกใจมองนางด้วยความประหลาดใจก่อนจะตอบว่า “ได้”“หากเจ้าอธิบายได้ชัดเจน ข้ายินดีเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ได้ยินดังนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยรีบกล่าวทันที “หม่อมฉันชื่อลั่วเหลา แท้จริงแล้วลั่วอิงคืออาจารย์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันตายไปแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของลั่วชิงยวน”“วันรุ่งขึ้นหลังจากวันแต่งงาน ลั่วชิงยวนก็ปลิดชีพตัวเอง หลังจากนั้นร่างนี้ก็มิใช่ลั่วชิงยวนอีกต่อไป แต่เป็นหม่อมฉัน ลั่วเหลา”“หม่อมฉันเป็นชาวแคว้นหลี”“ดังนั้นความสามารถที่หม่อมฉันมีจึงเป็นสิ่งที่ลั่วชิงยวนไม่มี”“เรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นหลี หม่อมฉันก็เพิ่งค้นพบตอนที่ไปเผ่านอกด่าน หลังจากที่อาจารย์ค้นพบความลับนี้ ก็พยายามค้นหาวิธีแก้ไขเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์”“เพราะหากความลับนี้รั่วไหลออกไป จะมีคนมากมายเกิดความโลภ จะทำให้ทั้งใต้หล้าประสบพบความวุ่นวาย เลือดนองแผ่นดิน”“...”ลั่วชิงยวนเล่าความลับทั้งหมดของนางให้เขาฟังโดยมิปิดบังนางรู้สึกว่าคนที่เคยเปิดใจให้กันคงจะมิทรยศกันง่าย ๆตราบใดที่นางจริงใจ มิปิดบังสิ่งใด นางก็จะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกันหลังจากที่นางพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็ตกตะลึ
เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว