Share

บทที่ 839

Author: หว่านชิงอิ๋น
“ก็เพราะหม่อมฉันบ้าถึงใจอ่อนกับท่านก็เพราะหม่อมฉันบ้า หม่อมฉันถึงได้ไว้ชีวิตลั่วเยวี่ยอิง!”

ฟู่เฉินหวนเดิมทีก็โกรธอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งโกรธจนเกือบจะเสียสติ

“ข้าขอเตือนเจ้า! อย่าได้แตะต้องนาง! หากสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ข้าจะมิยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”

ลั่วชิงยวนนึกถึงอาจารย์ที่ถูกลั่วไห่ผิงเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน และตอนนี้ยังถูกลั่วเยวี่ยอิงโยนโถอัฐิทิ้ง ทั้งยังถูกนางเหยียบย่ำ

ลั่วชิงยวนเลือดลมพลุ่งพล่าน ควบคุมเจตนาฆ่าของตนไว้แทบมิไหว

พ่อลูกคู่นี้ ต้องตายทั้งคู่!

“หากเป็นเช่นนั้น หม่อมฉันก็จะบอกท่านไว้เลย ลั่วเยวี่ยอิง หม่อมฉันจะฆ่านางแน่!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนอำมหิตมาก

ในช่วงเวลานั้น นางเหยียบเท้าของฟู่เฉินหวนอย่างแรง

ลั่วชิงยวนหลุดออกมาได้ทันที ก็พยายามจะพุ่งออกไปที่ประตู

การแสดงออกของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ และเขาก็คว้าลั่วชิงยวนกลับมา “ลั่วชิงยวน อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือ!”

ดวงตาของลั่วชิงยวนเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร นางยกมือขึ้นและต่อยฟู่เฉินหวนเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง

ทั้งสองต่อสู้กันอีกครั้ง

ฟู่เฉินหวนลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเปลี
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Maturada Boonsom
น่าเบื่อบทตอนนี้มาก คิดว่าถ้าพลิกบทนี้ตลอดไม่ทำให้พระเอกนางเอกเข้าใจกันและร่วมมือกัน คิดว่าจะเลิกอ่านละ
goodnovel comment avatar
Pui
น่าเบื่อมากอับน้อยเกินถ้ายังเป็นแบบนี้ยุเหลียนหมดคงเลิกอ่าน
goodnovel comment avatar
Krongkwan Wowan
อยากหย่ากับท่านอ๋องตอนนี้เลย เบื่อมาก อัพเยอะๆหน่อยเบื่อรออ่าน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 840

    เสียงสะอื้นแทรกเข้ามาในหู ลั่วชิงยวนค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา“จือเฉา?” ลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร้องไห้คล้ายเสียงของจือเฉาซ่งเชียนฉู่กดนางกลับไปอย่างรวดเร็ว “อย่าขยับ”“เส้นลมปราณของท่านเสียหายอย่างรุนแรง อย่างน้อยสิบวันอย่าลุกจากเตียง มิเช่นนั้นจะกลายเป็นคนไร้ค่า ชาตินี้อย่าหวังว่าจะฝึกวรยุทธได้อีกเลย!”ซ่งเชียนฉู่ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นลั่วชิงยวนนอนราบอยู่บนเตียง รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในร่างกายของนาง นางยังรู้ว่าคราวนี้อาการบาดเจ็บสาหัสเพียงใดในใจเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ“เจ้ามาเมื่อไร” ลั่วชิงยวนถามซ่งเชียนฉู่ตอบว่า "หากมีอะไรเกิดขึ้นกับท่าน จือเฉาจะมาหาข้าทันที"“เป็นเรื่องจริงสินะ ท่านอ๋องลงมือโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ทำลายวรยุทธของท่าน มิเท่ากับการฆ่าท่านหรือไร?”ซ่งเชียนฉู่ก็เต็มไปด้วยความมิพอใจเช่นกันเพื่อให้ลั่วชิงยวนฝึกฝนวรยุทธนางใช้สมุนไพรอันล้ำค่าไปมากมายตอนนี้ทุกอย่างพังทลายหมดแล้วจือเฉาเดินถือโถดินเผาใบใหม่เข้ามาแล้วพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “บ่าวได้เก็บเถ้ากระดูกมาไว้แล้ว แต่เก็บได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และบางส่วนก็ถูกลมพัดปลิวไป…”ลั่วชิงยวนมองดูโถนั้นอย่างเศร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 841

    ความรุ่งโรจน์และความหรูหราของจวนอัครเสนาบดีสูญสิ้นไปโดยสิ้นเชิงลั่วชิงยวนนอนอยู่บนเตียงอยู่หลายวัน ตอนนี้สามารถลงจากเตียงได้แล้ว แต่ซ่งเชียนฉู่ยังคงกังวลและอยู่กับนางตลอดเวลาหลังจากนอนอยู่บนเตียงมาหลายวัน ในที่สุดนางก็ได้เดินออกจากห้องมารับแสงแดดยามเช้าอันสดใส ลั่วชิงยวนเหม่อมองไปในระยะไกล “ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่”“ข้าจะไปกับท่านด้วย!”หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกจากตำหนัก และขึ้นรถม้าออกจากเมืองคนที่ซ่งเชียนฉู่จ้างมาแบกลั่วชิงยวนขึ้นเขาไปแม้ว่านางจะเดินได้ แต่เส้นลมปราณได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง นางยังมิเหมาะกับการเดินทางไกลบนเนินเขาแห่งนี้มีทะเลดอกไม้ป่าเบ่งบาน หอมหวนชวนหลงใหลถัดจากหลุมศพของลิ่นฝูเสวี่ย มีหลุมศพเพิ่มขึ้นมาที่หนึ่งหลุม นี่คืออัฐิของอาจารย์ที่ก่อนหน้านี้ให้ซ่งเชียนฉู่ช่วยฝังไว้เมื่อมาถึงหลุมศพ ลั่วชิงยวนจะทำพิธีไหว้ แต่ทันใดนั้นกลับพบว่ามีดินที่เพิ่งถูกขุดอยู่ที่มุมหลุมฝังศพศิลาจารึกก็เอนไปเล็กน้อยอีกด้วย“เชียนฉู่ ดูสิ” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว และชี้ให้ซ่งเชียนฉู่ซ่งเชียนฉู่ก็ประหลาดใจเช่นกัน “แปลกจริง ก่อนหน้านี้ข้าก็จัดการไว้อย่างดีแล้วนี่ เหตุใด…”นางก้าวไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 842

    อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ มีร่างมืดปรากฏขึ้น เตะลั่วไห่ผิงเข้าที่แขน ทำให้เขาล้มลงกับพื้นลั่วชิงยวนยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าสงบรู้ดีว่าวรยุทธของนางถูกทำลาย ไม่มีทางที่นางจะมาคนเดียวอู๋อิ่งคว้าลั่วไห่ผิงขึ้นจากพื้นทันที หยิบกริชขึ้นมาจ่อลงบนคอของลั่วไห่ผิงเขาจับลั่วไห่ผิงและคุกเข่าลงกับพื้น“เจ้า เจ้า เจ้า!” ลั่วไห่ผิงตกใจ แต่เขามิกล้าขยับตัว “อวดดีจริง ๆ ข้ายังเป็นอัครเสนาบดีอยู่นะ!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะ “เจ้าพูดคำนี้ด้วยตัวเองยังไม่มีความมั่นใจเลย นอกจากบ้านหลังนี้ที่ยังเหลืออยู่ เจ้ามีตรงไหนเหมือนเสนาบดีอยู่บ้างรึ?”“แม้ว่าข้าจะฆ่าเจ้าที่นี่ ก็ยังต้องใช้เวลาสองเดือนกว่าจะมีใครพบศพของเจ้า”“เมื่อถึงเวลานั้น จวนอัครเสนาบดีแห่งนี้จะเหม็นเน่าฉาวโฉ่น่าดู”เมื่อฟังคำพูดของลั่วชิงยวน ลั่วไห่ผิงก็รู้สึกมืดมน หนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลังเขาเชื่อว่าลั่วชิงยวน สตรีใจเหี้ยมผู้นี้ทำได้อย่างที่พูดแน่“ข้ากลายเป็นแบบนี้แล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก?!”ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา จ้องมองไปที่ลั่วไห่ผิงและถามว่า "อัฐิของแม่ข้าอยู่ที่ใด?!"“ใครขุดอัฐิไป! ผู้ใดทำให้นางตายอย่างมิสงบ!”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 843

    แต่ร่างกายปัจจุบันของลั่วชิงยวน มิสามารถกระโดดลงไปได้เลยทำได้เพียงให้อู๋อิ่งพานางกระโดดลงบ่อน้ำแห้งเท่านั้นมีทางเดินลับบนผนังบ่อน้ำแห้งซึ่งมีเถาวัลย์ขวางอยู่หลังจากเข้าสู่ทางลับ เพียงมินาน ก็มาถึงห้องลับห้องหนึ่งทันทีไฟถูกจุดขึ้นทำให้ห้องลับสว่างไสว ลมพัดมา กระดิ่งสีเงินก็พลันดังขึ้นเบา ๆ ส่งผลให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเสียวสันหลังวาบที่นี่แหละคือสถานที่ที่แท้จริงในการกักขังแม่ของนางทุกที่มีแต่วงแหวนเวทและสัญลักษณ์ทางอาคม ทำให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจมิออกที่นี่มีชั้นหนึ่ง และมีอีกชั้นหนึ่งบนพื้นข้างบน ลั่วไห่ผิงกลัวแม่ของนางเพียงใดนางเตะสิ่งต่าง ๆ บนพื้นโดยตรง ทำลายวงเวทนั้นทันทีนางรีบวิ่งไปที่ศูนย์กลาง หมายจะหยิบโถใส่อัฐิขึ้นมา แต่ข้อมือกลับเจ็บจนไม่มีแรงนางกลัวว่าจะทำตกจึงรีบวางลงซ่งเชียนฉู่เดินเข้ามาช่วยรับนางแล้วถามว่า “คราวนี้ลั่วไห่ผิงคงมิได้โกหกแล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ “คงไม่แล้ว”“สิ่งที่เขากลัวคือท่านแม่ของข้า เนื่องจากยังมีการสะกดไว้อีกชั้นข้างใต้นี่ จึงต้องเป็นท่านแม่ของข้าเท่านั้น มิใช่แม่ของลั่วเยวี่ยอิงแน่”อู๋อิ่งค้นไปรอบ ๆ อีกครั้ง และพบของอย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 844

    ทำลายโถใส่อัฐิ!“หยุดนะ!” ลั่วชิงยวนตะโกนแต่ทว่าลั่วเยวี่ยอิงกลับมิลังเลเลย นางถือโกศแล้วโยนมันลงบนพื้นทั้งยังกระทืบเท้าด้วยความโกรธอีกหลายครั้งนางจ้องมองไปยังลั่วชิงยวนอย่างขุ่นเคือง พร้อมนัยน์ตายั่วยุบางทีลั่วเยวี่ยอิงอาจต้องการระบายความโกรธที่นิ้วก้อยขาดต่อลั่วชิงยวน หรือบางทีนางอาจต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อยั่วยุให้ลั่วชิงยวนโกรธอีกครั้ง ฟู่เฉินหวนจะได้ฆ่าลั่วชิงยวนไปเสียเลยแต่คราวนี้ นางมิอาจบรรลุเป้าหมายใดได้เลยเพราะใบหน้าของลั่วชิงยวนไม่มีอารมณ์ใด ๆ และไม่มีทีท่าว่าจะโกรธแต่อย่างใดแต่ฟู่จิ่งหลีกลับเป็นคนที่หน้าเสีย พุ่งเข้ามาพูดว่า “เจ้าทำอะไรลงไป?!”ดวงตาของลั่วเยวี่ยอิงแดงก่ำ มองลั่วชิงยวนด้วยความเกลียดชัง “ข้าฆ่าเจ้ามิได้! แต่ข้าจะไม่มีวันยอมให้เจ้าอยู่อย่างเป็นสุข!”“เห็นหรือไม่ แม่ของเจ้าถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าของข้า! ข้าจะโปรยอัฐิที่เหลือของนางให้หมด!”ลั่วชิงยวนดูท่าทางดุร้ายของลั่วเยวี่ยอิงและเยาะเย้ย “ลั่วเยวี่ยอิง ข้าแนะนำให้เจ้าหยิบมันขึ้นมาเสีย มิเช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ”แต่ในสายตาของลั่วเยวี่ยอิง นี่ถือเป็นการขู่กันนางคว้าอัฐิบนพื้น รีบวิ่งออกไปที

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 845

    “และข้าได้สังเกตเห็นว่าช่วงนี้อาการของพี่สามก็ค่อนข้างปกติดี ไม่มีอาการปวดหัวหรือวิงเวียนศีรษะกะทันหันแต่อย่างใด”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วเหมือนกับก่อนหน้านี้มิถูกวางยาเสน่ห์ ไม่มีการถูกพิษหรือถูกควบคุม และมิถูกพลังชั่วร้ายใด ๆ ควบคุมทุกอย่างดูปกติดีแต่ดวงตาของเขากลับมิชัดเจนนัก ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยหมอก และเมื่อลั่วเยวี่ยอิงได้รับบาดเจ็บ เขาก็เสียสติไปทันทีมันเหมือนกับว่าเขากลายเป็นคนละคนหรือจริง ๆ แล้วเป็นเพราะเขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อลั่วเยวี่ยอิง เขาจึงเป็นเช่นนี้?“ท่านรู้หรือไม่ว่าโถอัฐินั้นถูกวางไว้ในห้องตำราตั้งแต่เมื่อใด?” ลั่วชิงยวนถามอย่างสงสัยฟู่จิ่งหลีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ก็วันที่สองหลังจากที่ท่านจะฆ่าลั่วเยวี่ยอิงนั่นแหละ”“ตอนนั้นพี่สามกับลั่วไห่ผิงกำลังคุยกันเรื่องบางอย่างในห้องตำรานี้ ข้าได้ยินลั่วไห่ผิงพูดว่า แม่ของท่านเป็นนักบวชระดับสูงอะไรทำนองนั้น? เห็นว่านางมาเมืองหลวงเพื่อสังหารใครบางคน”“แล้ววันรุ่งขึ้นพี่สามก็ออกไป แล้วนำโถใบนี้กลับมา”“ส่วนเรื่องอื่นข้ามิรู้อะไรมาก”แต่คำพูดเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ลั่วชิงยวนตกใจได้แล้วนักบวชระดับสู

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 846

    “อาจารย์ แค้นครั้งใหญ่นี้ได้รับการชำระแล้ว ท่านพักผ่อนอย่างสงบได้แล้ว”…… วันรุ่งขึ้นมีคนพบศพของลั่วไห่ผิงแล้วทันใดนั้น คนจากตำหนักอ๋องก็ไปยังจวนอัครเสนาบดีฟู่เฉินหวนจัดการศพของลั่วไห่ผิงด้วยตัวเอง ประกาศข่าวการเสียชีวิตของลั่วไห่ผิงและได้ข้อสรุปหลังจากการชันสูตรพลิกศพอัครเสนาบดีลั่วงรู้สึกผิด จึงเลือกที่จะปลิดชีพตนเองนี่เป็นเพียงวิธีพูดที่ทำให้ดูดีขึ้นหน่อยหลายคนคาดเดาว่า ลั่วไห่ผิงเป็นคนที่เห็นแก่เกียรติยศและผลประโยชน์ที่สุด ตอนนี้ถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด และต้องถูกกักบริเวณถึงสองเดือน และห้ามมิให้มีส่วนร่วมในราชสำนักน่าจะทนรับการตกจากจุดสูงสุดนี้มิได้ จึงเลือกปลิดชีพตนเองแต่มีเพียงลั่วชิงยวนเท่านั้นที่รู้ว่าลั่วไห่ผิงถูกฆ่าตายเขาถูกฟู่เฉินหวนสังหาร!แม้ว่าลั่วชิงยวนจะมิเสียใจกับการเสียชีวิตของลั่วไห่ผิง แต่นางก็มิเข้าใจว่า เหตุใดฟู่เฉินหวนจึงต้องการฆ่าลั่วไห่ผิงหรือว่าลั่วไห่ผิงพูดความลับอะไรบางอย่างที่ทำให้ฟู่เฉินหวนต้องฆ่าเขา?น่าเสียดายที่ลั่วไห่ผิงตายไปแล้ว นางจึงมิอาจล่วงรู้ถึงความลับนี้ได้อีกต่อไปเมื่อลั่วไห่ผิงเสียชีวิต คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 847

    แม่เล้าเฉินพยักหน้า “ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเชื่อฟังท่านเจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนอยู่ที่หอฝูเสวี่ยทั้งวันก่อนจะกลับไป แม้จะมิได้ไปที่อื่นแต่ข่าวนี้ก็แพร่ออกไปแล้วท้ายที่สุดแล้วลั่วไห่ผิงคือบิดาผู้ให้กำเนิดของนาง ในวันที่บิดาผู้ให้กำเนิดถูกฝัง บุตรีของเขากลับไปหาความสำราญในหอฝูเสวี่ย และถึงกับดื่มเพื่อเฉลิมฉลองเสียด้วย แน่นอนว่าคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายแต่ลั่วชิงยวนมิสนใจเมื่อกลับไปเห็นคิ้วขมวดและสายตาเย็นชาของฟู่เฉินหวน ก็เห็นว่าลั่วเยวี่ยอิงร้องไห้อย่างเศร้าโศก โดยมีฟู่เฉินหวนกำลังปลอบนางลั่วชิงยวนเพิกเฉยต่อพวกเขา เลี่ยงพวกเขาและกลับไปที่เรือนนอนของตัวเองแต่ฟู่เฉินหวนเรียกนางด้วยเสียงเย็นชา “เดี๋ยว!”ลั่วชิงยวนหันหน้าไป และพบกับฟู่เฉินหวนที่ขมวดคิ้วและจ้องมองอย่างเย็นชา “วันนี้เจ้าไปอยู่ที่ใดมา?!”“หอฝูเสวี่ย” ลั่วชิงยวนตอบอย่างใจเย็น“เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เป็นวันฝังศพพ่อของเจ้า?” ฟู่เฉินหวนมองนางด้วยคิ้วขมวดแน่นนางมิไปก็ช่างเถอะ แต่กลับไปหาความสำราญที่หอฝูเสวี่ย กลัวว่าคนอื่นจะมิรู้ว่านางกำลังยินดีหรือไร?ตอนนี้ข้างนอกมีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เขามิรู้ว่าเหตุใดลั่วชิ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1413

    คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1412

    “ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1411

    “แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1410

    ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1409

    “แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1408

    เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status