“ก็เพราะหม่อมฉันบ้าถึงใจอ่อนกับท่านก็เพราะหม่อมฉันบ้า หม่อมฉันถึงได้ไว้ชีวิตลั่วเยวี่ยอิง!”ฟู่เฉินหวนเดิมทีก็โกรธอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งโกรธจนเกือบจะเสียสติ“ข้าขอเตือนเจ้า! อย่าได้แตะต้องนาง! หากสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ข้าจะมิยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”ลั่วชิงยวนนึกถึงอาจารย์ที่ถูกลั่วไห่ผิงเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน และตอนนี้ยังถูกลั่วเยวี่ยอิงโยนโถอัฐิทิ้ง ทั้งยังถูกนางเหยียบย่ำลั่วชิงยวนเลือดลมพลุ่งพล่าน ควบคุมเจตนาฆ่าของตนไว้แทบมิไหวพ่อลูกคู่นี้ ต้องตายทั้งคู่!“หากเป็นเช่นนั้น หม่อมฉันก็จะบอกท่านไว้เลย ลั่วเยวี่ยอิง หม่อมฉันจะฆ่านางแน่!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนอำมหิตมากในช่วงเวลานั้น นางเหยียบเท้าของฟู่เฉินหวนอย่างแรงลั่วชิงยวนหลุดออกมาได้ทันที ก็พยายามจะพุ่งออกไปที่ประตูการแสดงออกของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ และเขาก็คว้าลั่วชิงยวนกลับมา “ลั่วชิงยวน อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือ!”ดวงตาของลั่วชิงยวนเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร นางยกมือขึ้นและต่อยฟู่เฉินหวนเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงทั้งสองต่อสู้กันอีกครั้งฟู่เฉินหวนลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเปลี
เสียงสะอื้นแทรกเข้ามาในหู ลั่วชิงยวนค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา“จือเฉา?” ลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร้องไห้คล้ายเสียงของจือเฉาซ่งเชียนฉู่กดนางกลับไปอย่างรวดเร็ว “อย่าขยับ”“เส้นลมปราณของท่านเสียหายอย่างรุนแรง อย่างน้อยสิบวันอย่าลุกจากเตียง มิเช่นนั้นจะกลายเป็นคนไร้ค่า ชาตินี้อย่าหวังว่าจะฝึกวรยุทธได้อีกเลย!”ซ่งเชียนฉู่ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นลั่วชิงยวนนอนราบอยู่บนเตียง รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในร่างกายของนาง นางยังรู้ว่าคราวนี้อาการบาดเจ็บสาหัสเพียงใดในใจเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ“เจ้ามาเมื่อไร” ลั่วชิงยวนถามซ่งเชียนฉู่ตอบว่า "หากมีอะไรเกิดขึ้นกับท่าน จือเฉาจะมาหาข้าทันที"“เป็นเรื่องจริงสินะ ท่านอ๋องลงมือโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ทำลายวรยุทธของท่าน มิเท่ากับการฆ่าท่านหรือไร?”ซ่งเชียนฉู่ก็เต็มไปด้วยความมิพอใจเช่นกันเพื่อให้ลั่วชิงยวนฝึกฝนวรยุทธนางใช้สมุนไพรอันล้ำค่าไปมากมายตอนนี้ทุกอย่างพังทลายหมดแล้วจือเฉาเดินถือโถดินเผาใบใหม่เข้ามาแล้วพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “บ่าวได้เก็บเถ้ากระดูกมาไว้แล้ว แต่เก็บได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และบางส่วนก็ถูกลมพัดปลิวไป…”ลั่วชิงยวนมองดูโถนั้นอย่างเศร
ความรุ่งโรจน์และความหรูหราของจวนอัครเสนาบดีสูญสิ้นไปโดยสิ้นเชิงลั่วชิงยวนนอนอยู่บนเตียงอยู่หลายวัน ตอนนี้สามารถลงจากเตียงได้แล้ว แต่ซ่งเชียนฉู่ยังคงกังวลและอยู่กับนางตลอดเวลาหลังจากนอนอยู่บนเตียงมาหลายวัน ในที่สุดนางก็ได้เดินออกจากห้องมารับแสงแดดยามเช้าอันสดใส ลั่วชิงยวนเหม่อมองไปในระยะไกล “ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่”“ข้าจะไปกับท่านด้วย!”หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกจากตำหนัก และขึ้นรถม้าออกจากเมืองคนที่ซ่งเชียนฉู่จ้างมาแบกลั่วชิงยวนขึ้นเขาไปแม้ว่านางจะเดินได้ แต่เส้นลมปราณได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง นางยังมิเหมาะกับการเดินทางไกลบนเนินเขาแห่งนี้มีทะเลดอกไม้ป่าเบ่งบาน หอมหวนชวนหลงใหลถัดจากหลุมศพของลิ่นฝูเสวี่ย มีหลุมศพเพิ่มขึ้นมาที่หนึ่งหลุม นี่คืออัฐิของอาจารย์ที่ก่อนหน้านี้ให้ซ่งเชียนฉู่ช่วยฝังไว้เมื่อมาถึงหลุมศพ ลั่วชิงยวนจะทำพิธีไหว้ แต่ทันใดนั้นกลับพบว่ามีดินที่เพิ่งถูกขุดอยู่ที่มุมหลุมฝังศพศิลาจารึกก็เอนไปเล็กน้อยอีกด้วย“เชียนฉู่ ดูสิ” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว และชี้ให้ซ่งเชียนฉู่ซ่งเชียนฉู่ก็ประหลาดใจเช่นกัน “แปลกจริง ก่อนหน้านี้ข้าก็จัดการไว้อย่างดีแล้วนี่ เหตุใด…”นางก้าวไ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ มีร่างมืดปรากฏขึ้น เตะลั่วไห่ผิงเข้าที่แขน ทำให้เขาล้มลงกับพื้นลั่วชิงยวนยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าสงบรู้ดีว่าวรยุทธของนางถูกทำลาย ไม่มีทางที่นางจะมาคนเดียวอู๋อิ่งคว้าลั่วไห่ผิงขึ้นจากพื้นทันที หยิบกริชขึ้นมาจ่อลงบนคอของลั่วไห่ผิงเขาจับลั่วไห่ผิงและคุกเข่าลงกับพื้น“เจ้า เจ้า เจ้า!” ลั่วไห่ผิงตกใจ แต่เขามิกล้าขยับตัว “อวดดีจริง ๆ ข้ายังเป็นอัครเสนาบดีอยู่นะ!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะ “เจ้าพูดคำนี้ด้วยตัวเองยังไม่มีความมั่นใจเลย นอกจากบ้านหลังนี้ที่ยังเหลืออยู่ เจ้ามีตรงไหนเหมือนเสนาบดีอยู่บ้างรึ?”“แม้ว่าข้าจะฆ่าเจ้าที่นี่ ก็ยังต้องใช้เวลาสองเดือนกว่าจะมีใครพบศพของเจ้า”“เมื่อถึงเวลานั้น จวนอัครเสนาบดีแห่งนี้จะเหม็นเน่าฉาวโฉ่น่าดู”เมื่อฟังคำพูดของลั่วชิงยวน ลั่วไห่ผิงก็รู้สึกมืดมน หนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลังเขาเชื่อว่าลั่วชิงยวน สตรีใจเหี้ยมผู้นี้ทำได้อย่างที่พูดแน่“ข้ากลายเป็นแบบนี้แล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก?!”ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา จ้องมองไปที่ลั่วไห่ผิงและถามว่า "อัฐิของแม่ข้าอยู่ที่ใด?!"“ใครขุดอัฐิไป! ผู้ใดทำให้นางตายอย่างมิสงบ!”
แต่ร่างกายปัจจุบันของลั่วชิงยวน มิสามารถกระโดดลงไปได้เลยทำได้เพียงให้อู๋อิ่งพานางกระโดดลงบ่อน้ำแห้งเท่านั้นมีทางเดินลับบนผนังบ่อน้ำแห้งซึ่งมีเถาวัลย์ขวางอยู่หลังจากเข้าสู่ทางลับ เพียงมินาน ก็มาถึงห้องลับห้องหนึ่งทันทีไฟถูกจุดขึ้นทำให้ห้องลับสว่างไสว ลมพัดมา กระดิ่งสีเงินก็พลันดังขึ้นเบา ๆ ส่งผลให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเสียวสันหลังวาบที่นี่แหละคือสถานที่ที่แท้จริงในการกักขังแม่ของนางทุกที่มีแต่วงแหวนเวทและสัญลักษณ์ทางอาคม ทำให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจมิออกที่นี่มีชั้นหนึ่ง และมีอีกชั้นหนึ่งบนพื้นข้างบน ลั่วไห่ผิงกลัวแม่ของนางเพียงใดนางเตะสิ่งต่าง ๆ บนพื้นโดยตรง ทำลายวงเวทนั้นทันทีนางรีบวิ่งไปที่ศูนย์กลาง หมายจะหยิบโถใส่อัฐิขึ้นมา แต่ข้อมือกลับเจ็บจนไม่มีแรงนางกลัวว่าจะทำตกจึงรีบวางลงซ่งเชียนฉู่เดินเข้ามาช่วยรับนางแล้วถามว่า “คราวนี้ลั่วไห่ผิงคงมิได้โกหกแล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ “คงไม่แล้ว”“สิ่งที่เขากลัวคือท่านแม่ของข้า เนื่องจากยังมีการสะกดไว้อีกชั้นข้างใต้นี่ จึงต้องเป็นท่านแม่ของข้าเท่านั้น มิใช่แม่ของลั่วเยวี่ยอิงแน่”อู๋อิ่งค้นไปรอบ ๆ อีกครั้ง และพบของอย
ทำลายโถใส่อัฐิ!“หยุดนะ!” ลั่วชิงยวนตะโกนแต่ทว่าลั่วเยวี่ยอิงกลับมิลังเลเลย นางถือโกศแล้วโยนมันลงบนพื้นทั้งยังกระทืบเท้าด้วยความโกรธอีกหลายครั้งนางจ้องมองไปยังลั่วชิงยวนอย่างขุ่นเคือง พร้อมนัยน์ตายั่วยุบางทีลั่วเยวี่ยอิงอาจต้องการระบายความโกรธที่นิ้วก้อยขาดต่อลั่วชิงยวน หรือบางทีนางอาจต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อยั่วยุให้ลั่วชิงยวนโกรธอีกครั้ง ฟู่เฉินหวนจะได้ฆ่าลั่วชิงยวนไปเสียเลยแต่คราวนี้ นางมิอาจบรรลุเป้าหมายใดได้เลยเพราะใบหน้าของลั่วชิงยวนไม่มีอารมณ์ใด ๆ และไม่มีทีท่าว่าจะโกรธแต่อย่างใดแต่ฟู่จิ่งหลีกลับเป็นคนที่หน้าเสีย พุ่งเข้ามาพูดว่า “เจ้าทำอะไรลงไป?!”ดวงตาของลั่วเยวี่ยอิงแดงก่ำ มองลั่วชิงยวนด้วยความเกลียดชัง “ข้าฆ่าเจ้ามิได้! แต่ข้าจะไม่มีวันยอมให้เจ้าอยู่อย่างเป็นสุข!”“เห็นหรือไม่ แม่ของเจ้าถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าของข้า! ข้าจะโปรยอัฐิที่เหลือของนางให้หมด!”ลั่วชิงยวนดูท่าทางดุร้ายของลั่วเยวี่ยอิงและเยาะเย้ย “ลั่วเยวี่ยอิง ข้าแนะนำให้เจ้าหยิบมันขึ้นมาเสีย มิเช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ”แต่ในสายตาของลั่วเยวี่ยอิง นี่ถือเป็นการขู่กันนางคว้าอัฐิบนพื้น รีบวิ่งออกไปที
“และข้าได้สังเกตเห็นว่าช่วงนี้อาการของพี่สามก็ค่อนข้างปกติดี ไม่มีอาการปวดหัวหรือวิงเวียนศีรษะกะทันหันแต่อย่างใด”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วเหมือนกับก่อนหน้านี้มิถูกวางยาเสน่ห์ ไม่มีการถูกพิษหรือถูกควบคุม และมิถูกพลังชั่วร้ายใด ๆ ควบคุมทุกอย่างดูปกติดีแต่ดวงตาของเขากลับมิชัดเจนนัก ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยหมอก และเมื่อลั่วเยวี่ยอิงได้รับบาดเจ็บ เขาก็เสียสติไปทันทีมันเหมือนกับว่าเขากลายเป็นคนละคนหรือจริง ๆ แล้วเป็นเพราะเขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อลั่วเยวี่ยอิง เขาจึงเป็นเช่นนี้?“ท่านรู้หรือไม่ว่าโถอัฐินั้นถูกวางไว้ในห้องตำราตั้งแต่เมื่อใด?” ลั่วชิงยวนถามอย่างสงสัยฟู่จิ่งหลีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ก็วันที่สองหลังจากที่ท่านจะฆ่าลั่วเยวี่ยอิงนั่นแหละ”“ตอนนั้นพี่สามกับลั่วไห่ผิงกำลังคุยกันเรื่องบางอย่างในห้องตำรานี้ ข้าได้ยินลั่วไห่ผิงพูดว่า แม่ของท่านเป็นนักบวชระดับสูงอะไรทำนองนั้น? เห็นว่านางมาเมืองหลวงเพื่อสังหารใครบางคน”“แล้ววันรุ่งขึ้นพี่สามก็ออกไป แล้วนำโถใบนี้กลับมา”“ส่วนเรื่องอื่นข้ามิรู้อะไรมาก”แต่คำพูดเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ลั่วชิงยวนตกใจได้แล้วนักบวชระดับสู
“อาจารย์ แค้นครั้งใหญ่นี้ได้รับการชำระแล้ว ท่านพักผ่อนอย่างสงบได้แล้ว”…… วันรุ่งขึ้นมีคนพบศพของลั่วไห่ผิงแล้วทันใดนั้น คนจากตำหนักอ๋องก็ไปยังจวนอัครเสนาบดีฟู่เฉินหวนจัดการศพของลั่วไห่ผิงด้วยตัวเอง ประกาศข่าวการเสียชีวิตของลั่วไห่ผิงและได้ข้อสรุปหลังจากการชันสูตรพลิกศพอัครเสนาบดีลั่วงรู้สึกผิด จึงเลือกที่จะปลิดชีพตนเองนี่เป็นเพียงวิธีพูดที่ทำให้ดูดีขึ้นหน่อยหลายคนคาดเดาว่า ลั่วไห่ผิงเป็นคนที่เห็นแก่เกียรติยศและผลประโยชน์ที่สุด ตอนนี้ถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด และต้องถูกกักบริเวณถึงสองเดือน และห้ามมิให้มีส่วนร่วมในราชสำนักน่าจะทนรับการตกจากจุดสูงสุดนี้มิได้ จึงเลือกปลิดชีพตนเองแต่มีเพียงลั่วชิงยวนเท่านั้นที่รู้ว่าลั่วไห่ผิงถูกฆ่าตายเขาถูกฟู่เฉินหวนสังหาร!แม้ว่าลั่วชิงยวนจะมิเสียใจกับการเสียชีวิตของลั่วไห่ผิง แต่นางก็มิเข้าใจว่า เหตุใดฟู่เฉินหวนจึงต้องการฆ่าลั่วไห่ผิงหรือว่าลั่วไห่ผิงพูดความลับอะไรบางอย่างที่ทำให้ฟู่เฉินหวนต้องฆ่าเขา?น่าเสียดายที่ลั่วไห่ผิงตายไปแล้ว นางจึงมิอาจล่วงรู้ถึงความลับนี้ได้อีกต่อไปเมื่อลั่วไห่ผิงเสียชีวิต คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ
ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท
ฟู่เฉินหวนตกใจมองนางด้วยความประหลาดใจก่อนจะตอบว่า “ได้”“หากเจ้าอธิบายได้ชัดเจน ข้ายินดีเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ได้ยินดังนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยรีบกล่าวทันที “หม่อมฉันชื่อลั่วเหลา แท้จริงแล้วลั่วอิงคืออาจารย์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันตายไปแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของลั่วชิงยวน”“วันรุ่งขึ้นหลังจากวันแต่งงาน ลั่วชิงยวนก็ปลิดชีพตัวเอง หลังจากนั้นร่างนี้ก็มิใช่ลั่วชิงยวนอีกต่อไป แต่เป็นหม่อมฉัน ลั่วเหลา”“หม่อมฉันเป็นชาวแคว้นหลี”“ดังนั้นความสามารถที่หม่อมฉันมีจึงเป็นสิ่งที่ลั่วชิงยวนไม่มี”“เรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นหลี หม่อมฉันก็เพิ่งค้นพบตอนที่ไปเผ่านอกด่าน หลังจากที่อาจารย์ค้นพบความลับนี้ ก็พยายามค้นหาวิธีแก้ไขเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์”“เพราะหากความลับนี้รั่วไหลออกไป จะมีคนมากมายเกิดความโลภ จะทำให้ทั้งใต้หล้าประสบพบความวุ่นวาย เลือดนองแผ่นดิน”“...”ลั่วชิงยวนเล่าความลับทั้งหมดของนางให้เขาฟังโดยมิปิดบังนางรู้สึกว่าคนที่เคยเปิดใจให้กันคงจะมิทรยศกันง่าย ๆตราบใดที่นางจริงใจ มิปิดบังสิ่งใด นางก็จะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกันหลังจากที่นางพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็ตกตะลึ
เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว
เมื่อเฉินชีได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินมาที่หน้าต่าง พิงกำแพงพลางกอดอก “เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นใคร?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นักบวชระดับสูง”ดวงตาของเฉินชีลุกโชนด้วยประกายร้อนแรง “อาเหลา ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเย่อหยิ่ง “กลับแคว้นหลีก็ได้ ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”“แคว้นหลีจะมีนักบวชระดับสูงได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”เฉินชียกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างนอบน้อม “อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลย สิบเรื่อง ร้อยเรื่อง เฉินชีก็ยินดีทำเพื่อนักบวชระดับสูงทั้งสิ้น!”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองเขาด้วยแววตาที่ลึกล้ำถึงแม้เฉินชีจะบ้าแต่ก็มิใช้คนโง่เขลา เขาทำอะไรตามอำเภอใจแต่ก็คงมิยอมสยบต่อนางง่าย ๆ เช่นนี้การเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ทำให้นางมิค่อยเชื่อถือ“เจ้าฟังเรื่องที่ข้าจะให้เจ้าทำก่อนค่อยตอบรับก็ยังมิสาย”เฉินชีลุกขึ้นมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย “ท่านนักบวชต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”“ข้าต้องการให้เจ้ายกทัพไปตีซีหลิง”“แต่ห้ามสู้รบกันจริง ๆ ห้ามทำร้ายราษฎร”เฉ
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ
ครั้นลั่วชิงยวนถูกพากลับมายังเรือนพวกองครักษ์ก็ปล่อยตัวนาง นางจึงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความอ่อนล้า“พระชายา! พระชายา!”จือเฉารีบรุดเข้ามาประคอง แต่พลั้งมือไปโดนแขนนางเข้า จึงสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับ “พระชายา แขนของท่าน...”ลั่วชิงยวนยันกายลุกขึ้นโดยอาศัยจือเฉาพยุงเดินเข้าห้องไปอย่างเชื่องช้าเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ นางก็จับแขนข้างที่หักนั้นไว้พลางกัดฟันแน่นก่อนจะออกแรงดันกระดูกให้เข้าที่ความเจ็บปวดแล่นริ้วราวกับจะขาดใจ น้ำตาของนางแทบไหลรินจือเฉากลั้นน้ำตาไว้มิอยู่ “พระชายา... เหตุใดท่านอ๋องจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ ลงพระหัตถ์หนักหนาเกินไปแล้ว...”ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อกพลันไอออกมามิหยุด จือเฉารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อไอเสร็จ ลั่วชิงยวนก็พบว่าผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยเลือด...จือเฉาตกใจมาก “บ่าวจะไปตามซูโหยวให้ไปเชิญหมอหลวงมาเจ้าค่ะ”แต่ลั่วชิงยวนกลับบอกว่า “มิต้อง อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลย”หากฟู่เฉินหวนรู้ว่าซูโหยวช่วยนางคงจะโกรธมากเป็นแน่“แล้วแผลของพระชายาเล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนรินน้ำชา “ยังมีสมุนไพรเหลืออยู่มิใช่หรือ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”จากนั้นนางก็หยิบส
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป