Share

บทที่ 847

Penulis: หว่านชิงอิ๋น
แม่เล้าเฉินพยักหน้า “ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเชื่อฟังท่านเจ้าค่ะ”

ลั่วชิงยวนอยู่ที่หอฝูเสวี่ยทั้งวันก่อนจะกลับไป แม้จะมิได้ไปที่อื่นแต่ข่าวนี้ก็แพร่ออกไปแล้ว

ท้ายที่สุดแล้วลั่วไห่ผิงคือบิดาผู้ให้กำเนิดของนาง ในวันที่บิดาผู้ให้กำเนิดถูกฝัง บุตรีของเขากลับไปหาความสำราญในหอฝูเสวี่ย และถึงกับดื่มเพื่อเฉลิมฉลองเสียด้วย แน่นอนว่าคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย

แต่ลั่วชิงยวนมิสนใจ

เมื่อกลับไปเห็นคิ้วขมวดและสายตาเย็นชาของฟู่เฉินหวน ก็เห็นว่าลั่วเยวี่ยอิงร้องไห้อย่างเศร้าโศก โดยมีฟู่เฉินหวนกำลังปลอบนาง

ลั่วชิงยวนเพิกเฉยต่อพวกเขา เลี่ยงพวกเขาและกลับไปที่เรือนนอนของตัวเอง

แต่ฟู่เฉินหวนเรียกนางด้วยเสียงเย็นชา “เดี๋ยว!”

ลั่วชิงยวนหันหน้าไป และพบกับฟู่เฉินหวนที่ขมวดคิ้วและจ้องมองอย่างเย็นชา “วันนี้เจ้าไปอยู่ที่ใดมา?!”

“หอฝูเสวี่ย” ลั่วชิงยวนตอบอย่างใจเย็น

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เป็นวันฝังศพพ่อของเจ้า?” ฟู่เฉินหวนมองนางด้วยคิ้วขมวดแน่น

นางมิไปก็ช่างเถอะ แต่กลับไปหาความสำราญที่หอฝูเสวี่ย กลัวว่าคนอื่นจะมิรู้ว่านางกำลังยินดีหรือไร?

ตอนนี้ข้างนอกมีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์

เขามิรู้ว่าเหตุใดลั่วชิ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (3)
goodnovel comment avatar
Panutchanart
เบื่อมากมาย???จะเข้าอ่านก็ไม่ได้ มีอะไร บอกมาเป็นภาษาไทยหน่อย เราจ่ายเงินนะไม่ได้อ่านฟรี
goodnovel comment avatar
Panutchanart
อ่านสนุกเพลิดเพลิน แต่ลงเนื้อหาน้อยไปนะ กำลังสนุก อ้าว สดุดอีกหล่ะ! ชักเบื่อ!
goodnovel comment avatar
Tanaporn Rattanasakul
ขอร้องเถอะอัพเดตเยอะๆหน่อย
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 848

    ลั่วเยวี่ยอิงจ้องมองนางด้วยความโกรธ “เจ้าฆ่าท่านพ่อของข้าใช่หรือไม่? เจ้าทำอันใดกันแน่!”“แล้วที่ข้าพังโถเมื่อคืนนั้น มันมีอะไรกันแน่?!”ลั่วเยวี่ยอิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว กลางคืนนางกระสับกระส่าย นอนมิหลับ ความสงสัยและการคาดเดามากมายทำให้นางทรมานจนแทบคลั่งลั่วชิงยวนยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดต้องถามข้า?”ลั่วเยวี่ยอิงตกใจมาก และมองดูนางด้วยความตกใจ “เจ้าฆ่าท่านพ่อของข้าจริง ๆ!”ลั่วชิงยวนพูดอย่างเย็นชา “หากจะบอกว่าใครเป็นคนฆ่าพ่อของเจ้า คนคนนั้นก็คือเจ้าเอง!”ชายคนนั้นถูกฟู่เฉินหวนสังหารแม้ว่านางจะมิทราบสาเหตุ แต่มันอาจเกี่ยวข้องกับการสืบสวนของฟู่เฉินหวนเรื่องเหตุกลียุคในวัง ดังนั้นลั่วไห่ผิงจึงเสียชีวิตหากลั่วเยวี่ยอิงมิยืนกรานที่จะแต่งเข้ามาในตำหนักอ๋อง ลั่วไห่ผิงก็คงมิได้ทำข้อตกลงกับฟู่เฉินหวนและเขาก็คงมิตายลั่วชิงยวนพูดอย่างใจเย็น “ส่วนเรื่องโถอัฐินั้น…”ลั่วเยวี่ยอิงจ้องลั่วชิงยวนด้วยดวงตาแดงก่ำลั่วเยวี่ยอิงอาจจะคาดเดาได้แล้ว แต่นางคงมิอยากจะเชื่อ จึงต้องการคำตอบจากปากนางลั่วชิงยวนยกยิ้มเยาะเย้ย “ใช่ นั่นมิใช่อัฐิของท่านแม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 849

    แต่ฟู่เฉินหวนกลับดุเขาด้วยสายตาเย็นชา “ลั่วชิงยวนติดสินบนเจ้าไปเมื่อใด?”คำพูดเหล่านั้นเย็นชาดุจคมมีดฟู่จิ่งหลียังคงต้องการอธิบาย แต่ลั่วชิงยวนขัดจังหวะเขาอย่างเย็นชา “หม่อมฉันมิได้ติดสินบนองค์ชายเจ็ด แต่เป็นเพราะองค์ชายเจ็ดมิได้ตาบอด”คำที่แฝงความหมายนี้ทำให้ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าแย่ลงกว่าเก่านางกำลังบอกว่าเขาตาบอดด้วยเหตุผลบางอย่าง ความหงุดหงิดในใจของเขายิ่งทวีคูนขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ลั่วชิงยวนด้วยความดุร้าย“วรยุทธของเจ้าสลายไปแล้ว แต่เจ้ายังมิรู้สำนึก หากเจ้ากล้าทำร้ายเยวี่ยอิงอีก ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”น้ำเสียงที่คมชัดและดวงตาของเขา ทำให้ฟู่จิ่งหลีหวาดกลัว“พี่สาม...”ฟู่เฉินหวนหันกลับมาและจ้องมองที่ฟู่จิ่งหลี “และเจ้าก็อีกคน!”“รู้สถานะของตัวเจ้าด้วย!”“ข้าอนุญาตให้เจ้าอาศัยอยู่ในตำหนักอ๋อง มิได้ให้เจ้าสมคบคิดกับลั่วชิงยวน!”ฟู่จิ่งหลีก็ตกตะลึงเช่นกันจากนั้นฟู่เฉินหวนก็พาลั่วเยวี่ยอิงจากไปทันทีระหว่างทางเขาหายใจถี่ รู้สึกเหมือนมีไฟสุมอยู่ในอก แต่เหตุผลยังคอยเตือนเขาว่าเขามิควรพูดเช่นนั้นในเมื่อครู่ออกไปฟู่จิ่งหลีก็โกรธเช่นกัน “อะไร? ใครอยากอยู่ในตำหนักท่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 850

    ลั่วชิงยวนพลิกตัวและลุกขึ้นนั่งทันทีนางลุกขึ้นอย่างระมัดระวังมาที่หลังประตู หยิบกริชออกมา แต่จับมันไว้ได้มิค่อยมั่นข้อมือสั่นอย่างควบคุมมิได้ชายที่อยู่นอกประตูดูเหมือนจะได้ยินการเคลื่อนไหว เขาจึงดึงกริชออกมา และเปิดประตูออกอย่างระมัดระวังในขณะนั้น ลั่วชิงยวนเห็นแสงสะท้อนของกริชแวววับจากข้างนอกนางกังวลเล็กน้อยและกลั้นหายใจเมื่อคนที่อยู่นอกประตูเดินเข้ามาได้ครึ่งก้าว ลั่วชิงยวนก็กำกริชไว้แน่นเตรียมพร้อมจะลอบโจมตีทันใดนั้นลมกระโชกแปลก ๆ ก็พัดเข้ามาจนพัดคนชุดดำให้ปลิวออกไปเร็วเสียจนใคร ๆ ก็มิอาจตั้งตัวได้ทันลั่วชิงยวนตกใจมาก นางเดินออกจากประตู และเห็นลมพายุโหมพัดพาคนผู้นั้นออกจากบ้านไปร่างพลิ้วไหวราวกับใบไม้ มิรู้ว่าเป็นหรือตายลมแรงจึงค่อย ๆ สงบลงในสวนภายใต้แสงจันทร์ปรากฏร่างหนึ่งยืนตรงรูปลักษณ์ที่สง่างามมิต่างจากมนุษย์ แต่หางยาวที่ลากพื้นและเกล็ดงูที่แวววับภายใต้แสงจันทร์ทำให้คนที่พบเห็นต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวนมิได้ก้าวเข้าไปใกล้ แต่เพียงเฝ้าดูเขาที่กำลังมองไปที่ห้องของซ่งเชียนฉู่อย่างเงียบ ๆอยากเข้าไปใกล้แต่ก็มิกล้า ความเจ็บปวดและความเสียใจปรากฏในสายตาไม่มีแ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 851

    “โชคดีที่เจ้ามา มิเช่นนั้นคืนนี้คงรับมือมิไหว”ลั่วชิงยวนมิได้พูด แต่เพียงจับมือของซ่งเชียนฉู่ไว้…… ในอีกหลายวันต่อมา ลั่วชิงยวนอยู่กับซ่งเชียนฉู่เพียงเท่านั้น เฉินเซี่ยวหานแทบมิได้โผล่มาเลยลั่วชิงยวนเขียนตำรับยาใหม่ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของนาง นางไม่มีเวลามากพอที่จะค่อย ๆ รักษาตัวต้องหายให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นมือที่ไม่มีเรี่ยวแรงนี้ จะมิสามารถเอาชนะใครได้ซ่งเชียนฉู่ปรุงโอสถตามใบเทียบยาของนางแล้วนำมาให้ “ท่านนี่ใจร้ายกับตัวเองจริง ๆ”“ใบเทียบยานี้อันตรายมาก ท่านอาจกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปตลอดชีวิตเลยก็ได้!”ซ่งเชียนฉู่มิต้องการส่งโอสถให้นางด้วยซ้ำลั่วชิงยวนแย่งมันมาถือไว้ ดื่มจนหมดในอึกเดียว“ข้าอยู่ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ หากไร้วรยุทธก็รอวันตายได้เลย หากมิใช้วิธีการอันตรายเมื่อใดข้าจะฟื้นตัวได้กัน?”ลั่วชิงยวนนั่งสมาธิและปรับลมปราณในลานบ้าน เมื่อเคลื่อนลมปราณผ่านเส้นชีพจร จู่ ๆ นางก็พ่นเลือดออกมา“ดูสิ โอสถแรงจนทำร้ายร่างกายท่านแล้ว!” ซ่งเชียนฉู่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนเช็ดเลือดจากมุมปาก และนั่งสมาธิต่อไป “มิตายก็พอ”ก็แค่บาดเจ็บทางร่างกาย ทว่าหากไร้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 852

    “ท่านเซียนฉู่ออกเดินทางไปแล้ว เขามิอยู่ ท่านอ๋องโปรดกลับไปเถิดเพคะ” ซ่งเชียนฉู่ปฏิเสธลั่วชิงยวนเดินไปข้างหน้าและเห็นฟู่เฉินหวนที่กำลังเมา ในมือถือไหสุราไว้เขาพิงประตูเอาพลางเอามือแนบ และถามอย่างเมามายว่า “เขาออกเดินทางไปตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดข้ามิรู้เรื่องนี้"“เขาออกไปเอง มิได้บอกใครเอาไว้!” ซ่งเชียนฉู่มิสามารถปิดประตูได้ น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย“จริงหรือ?” ฟู่เฉินหวนฟังดูผิดหวังเล็กน้อยและค่อย ๆ นั่งพิงกำแพงซ่งเชียนฉู่หาจังหวะปิดประตูนางใช้ไม้ค้ำประตูไว้ด้านหลังประตูกลับมาที่ลานบ้าน ลั่วชิงยวนถามว่า “เขามาที่นี่บ่อยหรือไม่?”ซ่งเชียนฉู่พยักหน้า “มาบ่อยอยู่”“แต่ปกติเขาจะมาตอนที่มีสติ พอรู้ว่าเจ้ามิอยู่ก็จะกลับไป”“ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นท่านเป็นสหายจริง ๆ แต่ยิ่งเจ้าใกล้ชิดกับคนเช่นนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น ดังนั้นอย่าไปยุ่งกับเขาจะดีกว่า”ซ่งเชียนฉู่กลั้นหายใจนางมิถือสาที่เขาทำร้ายลั่วชิงยวนก่อนหน้านี้ แต่คราวนี้การทำลายวรยุทธของนางนั้นมันมากเกินไป!นางรับมิได้แล้ว!ลั่วชิงยวนรู้สึกสับสน และมิสนใจเขาอีกคืนนี้แสงจันทร์สุกสกาว ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงปี

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 853

    “คือการควบคุมความคิดของคน มีผลต่ออารมณ์ของเขา แต่มิใช่ว่าจะปราศจากจิตสำนึกไปเลย”“ทำให้คนมิสามารถควบคุมตัวเอง มิให้สนใจความสุข ความเศร้า ความโกรธของนางได้ พอข้าเห็นนางเจ็บปวด ข้าก็จะโกรธทันที เมื่อเห็นนางร้องไห้ ข้าก็จะใจสลายไปเช่นกัน”“ทั้ง ๆ ที่รู้อย่างชัดเจนว่าบางสิ่งที่นางทำนั้นผิด แต่ในใจก็ยังดิ้นรนอยากปกป้องนางเสียให้ได้”ฟู่เฉินหวนพูดด้วยความเจ็บปวดอย่างมากแต่เมื่อคำพูดเหล่านี้เข้าหูของลั่วชิงยวน นางก็ตกตะลึงนี่มิใช่อาการของการชอบใครสักคนหรอกหรือ“ท่านอ๋อง นี่เป็นเพราะหัวใจของท่านสั่นไหว เพราะท่านชอบนาง ท่านจึงเป็นเช่นนี้”ลั่วชิงยวนมิรู้ว่าเหตุใด แต่เมื่อนางพูดเช่นนี้ออกไป ใจนางก็พลอยรู้สึกเศร้าไปด้วยฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว รู้สึกมิอยากจะเชื่อ “หัวใจสั่นไหวหรือ?”“แต่มันมิใช่อย่างนั้น หัวใจสั่นไหวมิควรเป็นเช่นนี้”“ส่วนเรื่องชอบ ข้าเองก็บอกมิได้”ฟู่เฉินหวนปวดหัวมาก ดื่มเหล้าต่ออีกหลายจอกลั่วชิงยวนพูดอย่างเย็นชา “อาการที่ท่านอ๋องพูดถึง หากจะบอกว่าควบคุมได้ ก็คงมีแต่พิษกู่เท่านั้นที่มีผล"“แต่ท่านอ๋องมิได้ถูกพิษกู่”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่เฉินหวนก็หลับตาและพูดด้วยควา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 854

    ลั่วชิงยวนตัวแข็งทื่อ พูดอย่างประหม่า “กระหม่อม…”ฟู่เฉินหวนลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง จ้องมองนางด้วยสายตาเมามาย และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าถือว่าเจ้าเป็นสหายของข้า แต่เจ้ากลับมีความคิดเช่นนี้รึ?”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เรอออกมาลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว โบกมือด้วยความรังเกียจ และมองดูฟู่เฉินหวนอย่างระแวดระวัง ดูเหมือนเขาจะยังเมาอยู่นางผละออกจากมือของฟู่เฉินหวนทันที และพูดว่า “กระหม่อมจะมีความคิดอะไรได้”“แค่ท่านดื่มจนทำอาภรณ์เปียกหมดแล้ว กระหม่อมจึงอยากเปลี่ยนให้ท่านก็เท่านั้น”ฟู่เฉินหวนขยี้หน้าผากตัวเองแล้วถามอย่างเมามายว่า “จริงรึ?”“ก็ใช่น่ะสิ”แต่ฟู่เฉินหวนผูกอาภรณ์ตัวเองอีกครั้งแล้วเอนหลังลงบนเก้าอี้แล้วพูดอย่างเมามาย “มิต้อง ข้าจะนอน”ลั่วชิงยวนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากล้มเลิกความคิดนี้ แม้ว่าฟู่เฉินหวนจะเมา แต่เขาก็ยังระมัดระวังสูงกว่าคนทั่วไปแกะเสื้อของเขามิตื่น แต่พอแตะของในแขนเสื้อเขากลับตื่นหมายความว่าเขากังวลกับเรื่องนั้นมากสิ่งนี้ทำให้นางยิ่งสงสัยมากขึ้นว่า ลั่วไห่ผิงพูดอะไรกับฟู่เฉินหวน มันต้องเกี่ยวข้องกับกลียุคในวังแน่ มิเช่นนั้นฟู่เฉินหวนคงไม่มีเหตุผลที่ต้องตึง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 855

    ซ่งเชียนฉู่ยิ้มและพูดว่า “ใช่ พอมีบ้างแต่มิมาก ที่บ้านข้ามีแค่สี่หรือห้าใบ มีฤทธิ์เย็นจัด ข้านำมาไว้ใช้ยามจำเป็น ร่างกายท่านคงใช้สิ่งนี้มิได้"ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว พลางถอนหายใจ “คงจะดีมากหากมีสนหิมะเขาฉีซาน”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ซ่งเชียนฉู่ก็ตกใจ “สนหิมะเขาฉีซานหรือ? นี่คงมีแค่เฉพาะในแคว้นหลีเท่านั้น”“อีกอย่างในแคว้นหลีก็ยังหามิได้ง่าย ๆ ก่อนหน้านี้ที่บ้านข้าเคยมีสนหิมะเขาฉีซานอยู่เหมือนกัน แต่ถูกใช้ไปหมดแล้ว”“สิ่งนี้ขัดแย้งกับฤทธิ์ทางยาของใบธารมรกต ทั้งคู่เป็นยาที่มีฤทธิ์แรง แต่ก็สามารถชดเชยความเสียหายต่อร่างกายได้อย่างพอดี”“ทว่าหากท่านหมายจะใช้วิธีนี้ซ่อมแซมเส้นลมปราณ ข้าว่ามันอันตรายเกินไป”ลั่วชิงยวนถอนหายใจ “หายากจริง ๆ”นางเคยมีสนหิมะเขาฉีซานอยู่ในกล่องยาของนางมาก่อน แต่ตอนนั้นนางหาใบธารมรกตมิพบ ดังนั้นจึงมิเคยใช้ยานี้ตอนนี้มีใบธารมรกต แต่กลับไม่มีสนหิมะเขาฉีซานคิดแล้วก็ทำได้แค่ยอมแพ้แต่ซ่งเฉียนฉู่ก็เก็บใบธารมรกตไว้อย่างดีหลังจากที่ลั่วชิงยวนพักรักษาตัวมิกี่วัน ร่างกายฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มิอ่อนแอเหมือนก่อนอีกต่อไปในวันนี้ จือเฉามาหานางที่ร้านอีกครั้งนำจดห

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1413

    คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1412

    “ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1411

    “แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1410

    ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1409

    “แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1408

    เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status