ประตูถูกเตะจนเปิดออกอย่างกะทันหัน และร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในห้องเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาจึงดึงดาบออกจากฝัก และโยนฝักใส่เฉินซวนอี๋ ด้วยพลังที่แข็งแกร่งมากจนกระแทกร่างของเฉินซวนอี๋ให้ถอยออกไปเก้าอี้ในมือของนางก็ล้มลงกับพื้นเช่นกัน“เจ้ากำลังทำอะไร!” ฟ่านลิ่งเสวียนใบหน้าเปลี่ยนสี เมื่อได้เห็นฉากนี้เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วพลิกตัวเฉินซวนอี๋ใบหน้าของเฉินซวนอี๋เต็มไปด้วยความโกรธ ดึงกริชออกมาและพุ่งเข้าหาลั่วหลางหลางที่อยู่ข้างเตียงในขณะนี้ เฉินซวนอี๋มีเพียงความคิดเดียวในใจ นั่นคือการฆ่าลั่วหลางหลาง!แต่ฟ่านลิ่งเสวียนจะปล่อยให้นางมีโอกาสนั้นได้อย่างไร ยามฉุกเฉินเช่นนั้น เขาเตะร่างของเฉินซวนอี๋จนนางล้มลงกับพื้นหลังเฉินซวนอี๋ล้มลง นางยังพยายามจะลุกขึ้น แต่ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในท้องทำให้นางมิสามารถลุกขึ้นได้อีก “โอ๊ย ท้องของข้า…”บริเวณที่เฉินซวนอี๋นั่งอยู่ มีเลือดสดหยดลงมาที่พื้นลั่วหลางหลางตกตะลึง“สตรีชั่วช้า!” ฟ่านลิ่งเสวียนโกรธ ดุด่าเฉินซวนอี๋ “เจ้ามิคู่ควรกับการอุ้มท้องทายาทตระกูลฟ่าน!”“โอ๊ย… ใครก็ได้ ลูกของข้า ลูกของข้า…” เฉินซวนอี๋ร้องขอความช่วยเหลืออย่างเป็นกังวลลั่
“ข่าวลือมิอาจเทียบได้กับชีวิตของเจ้า”“ในเมื่อพี่ใหญ่ปกป้องเจ้ามิได้ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”......ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนกลับถึงเมืองซีหยางในช่วงเย็นทั้งสองตั้งใจจะกลับโรงเตี๊ยมทันที แต่มิคาดคิดระหว่างทางที่ผ่านสมาคมการค้าเฟิงตู จะได้เห็นสมาคมการค้าเฟิงตูกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายลั่วชิงยวนลงจากหลังม้า วิ่งเข้าไปในสมาคมทันที นางเห็นควันหนาทึบปกคลุมสมาคม ทุกคนต่างเก็บข้าวของและวิ่งออกมาจากสมาคมในตอนที่ฟู่เฉินหวนกำลังจะเข้าไปในสมาคม เขาเห็นเงาของคนในชุดดำแยกตัวจากฝูงชนอยู่ในความสับสนวุ่นวายคิ้วของฟู่เฉินหวนเลิกขึ้น รีบเข้าไปในสมาคมทันที“ชิงยวน! ชิงยวน!” ฟู่เฉินหวนมาช้าเกินไป จึงมิพบลั่วชิงยวนแล้วลั่วชิงยวนรีบเข้าไปในห้องลับนั้น ซึ่งไฟเริ่มลามไปถึง อย่างไรก็ตาม ยังมิเห็นเปลวไฟ มีเพียงควันหนาทึบลอยอยู่ในอากาศเหตุใดห้องลับจึงถูกไฟไหม้ได้ ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว หรือจะเป็นลั่วฉิงที่ทำลายห้องลับ?มิได้ ในนั้นยังมีหลักฐานและบัญชีอีกมาก และมีของของลั่วหลางหลางและเฉินซวนอี๋อยู่ในห้องลับชั้นในสุดอีก หากสิ่งเหล่านั้นถูกเผา ชีวิตของลั่วหลางหลางจะตกอยู่ในอันตราย!นางฉีกผ้าออก ชุบด้วยน
สีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”จือเฉาหยิบกล่องไม้ออกมาแล้วส่งให้ลั่วชิงยวน “คุณหนูหลางหลางมาที่นี่เมื่อเช้านี้ เดิมทีนางต้องการรอให้พระชายากลับมายังโรงเตี๊ยม แต่ดูเหมือนจะมีนักฆ่าไล่ล่านางอยู่เจ้าค่ะ!”“นางมอบสิ่งนี้ให้บ่าวและออกไปแล้วเจ้าค่ะ!”จู่ ๆ หัวใจของลั่วชิงยวนก็เต้นระทึก “ไปแล้ว? ไปที่ใด?”จื่อเฉาส่ายหัว “บ่าวมิรู้เจ้าค่ะ!”ลั่วชิงยวนเปิดกล่องผ้าและเห็นว่ามีเส้นผมอยู่ภายในนี่คงจะเป็นผมของเฉินซวนอี๋จู่ ๆ หัวใจของลั่วชิงยวนก็รู้สึกวิตกหวาดหวั่นขึ้นมา คงเป็นลั่วหลางหลางที่เก็บเส้นผมนี้ได้ และถูกเฉินซวนอี๋จับได้เอาพูดตามหลักเหตุผลแล้ว ลั่วฉิงน่าจกลับมาที่เมืองซีหยางก่อนหน้าพวกเขา คนที่ไล่ล่าลั่วหลางหลางน่าจะเป็นลั่วฉิง!ดังนั้นนางจึงกลับไปที่สมาคมการค้าเฟิงตูอย่างล้าช้า แล้วจึงค้นพบว่าเสวี่ยชวนเฟิงบุกเข้าไปในห้องลับ ลั่วฉิงจึงจุดไฟเผาห้องลับด้วยความแข็งแกร่งของลั่วฉิง ลั่วหลางหลางอาจตกอยู่ในอันตรายเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ปลอบใจนางทันที “อย่าเพิ่งกังวลเลย เราไปหาตัวนางกันก่อน!”จือเฉากล่าวอย่างรวดเร็วว่า “มีบุรุษอีกคนอยู่กับคุณหนูหลาง
“หากเจ้าตาย ข้าจะเอาชะตาของลั่วหลางหลางกลับมาได้เยี่ยงไรเล่า!"ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกมา เฉินซวนอี๋ก็ตัวสั่น มองดูนางด้วยความตกใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวฟ่านซานเหอสับสนมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ว่ากระไรนะ เอาชะตากลับคืนมา?”เฉินซวนอี๋กระชับผ้าห่มแน่นขึ้นอย่างประหม่าเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของนาง ลั่วชิงยวนก็โน้มตัวเข้าไปใกล้เฉินซวนอี๋และกระซิบ “ข้าจะมิทำร้ายเจ้า ตรงกันข้าม ข้ายิ่งอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป”“ดังนั้น หากเจ้ามิให้ความร่วมมืออย่างเชื่อฟัง ข้าจะเปิดเผยทุกสิ่งที่เจ้าทำ”“เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องตาย แต่เจ้าจะถูกบังคับให้ตายท่ามกลางคำสาปแช่งของคนทั่วหล้า!"เฉินซวนอี๋กัดฟัน น้ำตาคลอเบ้า แต่ต้องกลั้นเอาไว้จากนั้นลั่วชิงยวนก็ตรวจชีพจรของนาง เขียนใบเทียบยา และยื่นให้ฟ่านซานเหอ “ไปเอายามาเร็วเข้า”“ได้ ได้ ได้!” ฟ่านซานเหอรับใบเทียบยาและออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ฟ่านซานเหอจากไป ก็เหลือเพียงคนสามคนเท่านั้นที่อยู่ในห้องลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนนั่งดื่มชาที่โต๊ะเฉินซวนอี๋กัดฟัน “ท่านต้องการอะไรกันแน่?”ลั่วชิงยวนรู้เรื่องนี้แล้ว และชะตาของนางก็จะถูกเปลี่ยนกลับ เ
ยังมิใจแน่ว่าผู้นำของสมาคมการค้าเฟิงตูคือตระกูลเหยียนหรือไม่ หากเป็นตระกูลเหยียน เหตุใดจึงมีความเกี่ยวข้องกับแคว้นหลีได้?ตระกูลเหยียนมีอำนาจในเมืองหลวง และไทเฮาก็เกือบจะควบคุมจักรพรรดิด้วยอำนาจดังกล่าว ยังจำเป็นต้องสมรู้ร่วมคิดกับแคว้นหลีอีกหรือ?พวกเขามิจำเป็นต้องตุนอาวุธเพื่อก่อกบฏ พวกเขามิจำเป็นต้องทำเช่นนี้เลยหลังจากถามเรื่องที่ต้องการรู้หมดแล้ว ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนก็กลับไปเป็นเวลาดึกแล้ว แต่ลั่วชิงยวนยังคงตัดสินใจจะไปหาลั่วหลางหลางฟู่เฉินหวนมิวางใจ เขาจึงไปกับนางด้วยเมื่อพบฟ่านลิ่งเสวียนในค่ายทหารที่เขาประจำการ ก็ได้เห็นลั่วหลางหลางด้วย!“พี่หลางหลาง!” ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นเต้นลั่วหลางหลางประหลาดใจอย่างมาก เดินมาเข้ามาหา “ชิงยวน ท่านอ๋อง เหตุใดพวกท่านจึงมาที่นี่ได้?”“เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ข้ารู้หมดแล้ว โชคดีที่เจ้ามิเป็นไร!” ในที่สุดลั่วชิงยวนก็รู้สึกสบายใจฟู่เฉินหวนยังขอบเจ้าฟ่านลิ่งเสวียน “ครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก”ฟ่านลิ่งเสวียนตกใจ และเอ่ยอย่างรวดเร็ว “นี่คือสิ่งที่กระหม่อมควรทำ กระหม่อมหาได้กล้ารับคำขอบคุณจากท่านไม่พ่ะย่ะค่ะ!”ฟู่เฉินหวนถามว่า “เจ้าม
ลั่วชิงยวนสั่งเบา ๆ “ส่งใต้เท้าเฉาเข้าคุกไปด้วย”ครู่ต่อมา ใต้เท้าเฉาก็ถูกลากออกไป เขาตะโกนด้วยความโกรธว่า “พระชายา ท่านมีสิทธิ์อะไรมาจับกุมข้า?! ข้ามีตำแหน่งเป็นขุนนาง ท่านเป็นเพียงสตรี!"ลั่วชิงยวนหยิบป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาโดยตรง "สิทธิ์ที่ได้รับจากอ๋องผู้สำเร็จราชการ พอหรือไม่?" “อย่าว่าแต่จับเจ้าเลย สิทธิ์ที่จะตัดหัวเจ้า ข้าก็มี!”ใต้เท้าเฉาตกใจเป็นอย่างมาก นี่คือป้ายอหิมังกรจากอ๋องผู้สำเร็จราชการองค์จักรพรรดิมอบให้แก่อ๋องผู้สำเร็จราชการ นี่มิเพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจในฐานะอ๋องผู้สำเร็จราชการเท่านั้น แต่ยังมีอำนาจในการสั่งทหารและตัดสินโทษขุนนางที่ต่ำกว่าขุนนางขั้นหนึ่งขุนนางขั้นหนึ่งอีกด้วยสิ่งที่สำคัญเช่นนี้ อ๋องผู้สำเร็จราชการกลับมอบให้กับสตรีนางหนึ่ง!นี่มันยุคสมัยอะไรกัน!ในวันเดียวกันนั้น ลั่วชิงยวนได้จับกุมทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสมาคมการค้าเฟิงตู นำพวกเขาเข้าคุกไปจนหมดทรัพย์สินทั้งหมดถูกยึด พร้อมย้ายบัญชีทั้งหมดไปยังสมาคมการค้าเฟิงตูปลาตัวเดียวที่หลุดลอดอวนนี้ไปได้ เห็นจะมีเพียงลั่วฉิงแต่ลั่วชิงยวนมิพบนางในเมืองซีหยางหลังจากเสร็จงานแล้ว ลั่วชิงยวนก็พาลั่วหลา
“หากข้าบอกว่านับได้ เช่นนั้นหนังสือหย่าฉบับนี้ก็ต้องมีผล!”ฟ่านซานเหอตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขามองไปที่ประตูและเห็นหญิงชราถือไม้เท้ามาเพียงแต่ว่าตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านดูชรามากขึ้นและซูบเซียวลงกว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับตอนที่จากเมืองหลวงมา“ท่านย่า! ท่านกลับมาได้อย่างไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านเดินเข้ามาช้า ๆ ด้วยไม้เท้า ฟ่านซานเหอเดินไปทักทายนาง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านกลับใช้ไม้เท้าดันเขาออกไป “อย่ามาแตะต้องตัวข้า!”“เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าว่ากลับมาได้อย่างไรอีก ภรรยาแสนดีของเจ้าเกือบมิให้ข้ากลับมาแล้ว!”“หากมิใช่เพราะคนของท่านอ๋องช่วยข้าไว้ ตอนนี้เจ้าคงเห็นศพของข้าไปแล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านโกรธมากลั่วหลางหลางรีบก้าวไปข้างหน้า “ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่าน…”ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านมองลั่วหลางหลางด้วยความสงสาร ตบไหล่นางเบา ๆ “เด็กดี เจ้าไปเถิด พวกเราตระกูลฟ่านผิดต่อเจ้าเอง”ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านพูดขณะหยิบกล่องผ้าออกจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้นาง “คนแก่อย่างข้ามิเหลือสิ่งใดให้เจ้าแล้ว นี่คือสิ่งที่เจ้าควรเก็บไว้”“ถือว่าเป็นการชดเชยจากตระกูลฟ่านของเรา!”“ต่อไปเจ้าจงไปกับพระชายาเถิด มิต้องกังวลเรื่องของพวกเรา
นายอำเภอเฉาถูกตรวจพบว่าสมรู้ร่วมคิดกับสมาคมการค้าเฟิงตู เขารับสินเป็นเวลาหลายปี ใช้ตำแหน่งในทางที่ผิดเพื่อเอื้อประโยชน์แก่เฉินซวนอี๋และครอบครัวอื่น ๆ เขาจึงถูกพาตัวไปยังเมืองหลวง เพื่อรอการประหารชีวิตสมาคมการค้าเฟิงตูกำลังจะล่มสลาย ซีหยางเป็นสถานที่ที่ทำให้สมาคมการค้าเฟิงตูรุ่งเรือง อาจกล่าวได้ว่า ทุกคนที่ทำกิจการในเมืองล้วนเป็นคนของสมาคมการค้าเฟิงตูเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทุกคนต่างหวาดกลัวพวกเขาต่างถ่ายถอนใจในขณะนั้นเอง มีพ่อค้าชื่อเฉียนป้าเทียนปรากฏตัวขึ้นอย่างมิคาดคิด เขาออกเงินห้าหมื่นตำลึงเพื่อช่วยให้สมาคมการค้าเฟิงตูผ่านพ้นวิกฤติและสร้างความมั่นคงให้พ่อค้านับมิถ้วนในเมืองห้าหมื่นตำลึงนั้นนับว่ามิได้มากมายอะไร แต่ไม่มีใครอยากแย่งชิงกับเฉียนป้าเทียน แน่นอนว่าเพราะพวกเขามิอยากแกว่งเท้าสาเสี้ยน เพราะท้ายที่สุดแล้ว สมาคมการค้าเฟิงตูเพิ่งมีคดีใหญ่เกิดขึ้น หากมีปัญหาอีกจะทำอย่างไรกันใครจะกล้ารับความเสี่ยงที่ยากจะจัดการอย่างสมาคมการค้าเฟิงตูในเวลานี้?แต่เฉียนป้าเทียนกลับรับไว้!ในเมืองเกิดข้อถกเถียงกันอุ่นหนาฝาคั่ง“เฉียนป้าเทียนคนนี้ใจเด็ดจริง ๆ! สมชื่อเขาทีเดียว!”"ใ
เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว
เมื่อเฉินชีได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินมาที่หน้าต่าง พิงกำแพงพลางกอดอก “เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นใคร?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นักบวชระดับสูง”ดวงตาของเฉินชีลุกโชนด้วยประกายร้อนแรง “อาเหลา ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเย่อหยิ่ง “กลับแคว้นหลีก็ได้ ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”“แคว้นหลีจะมีนักบวชระดับสูงได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”เฉินชียกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างนอบน้อม “อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลย สิบเรื่อง ร้อยเรื่อง เฉินชีก็ยินดีทำเพื่อนักบวชระดับสูงทั้งสิ้น!”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองเขาด้วยแววตาที่ลึกล้ำถึงแม้เฉินชีจะบ้าแต่ก็มิใช้คนโง่เขลา เขาทำอะไรตามอำเภอใจแต่ก็คงมิยอมสยบต่อนางง่าย ๆ เช่นนี้การเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ทำให้นางมิค่อยเชื่อถือ“เจ้าฟังเรื่องที่ข้าจะให้เจ้าทำก่อนค่อยตอบรับก็ยังมิสาย”เฉินชีลุกขึ้นมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย “ท่านนักบวชต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”“ข้าต้องการให้เจ้ายกทัพไปตีซีหลิง”“แต่ห้ามสู้รบกันจริง ๆ ห้ามทำร้ายราษฎร”เฉ
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ
ครั้นลั่วชิงยวนถูกพากลับมายังเรือนพวกองครักษ์ก็ปล่อยตัวนาง นางจึงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความอ่อนล้า“พระชายา! พระชายา!”จือเฉารีบรุดเข้ามาประคอง แต่พลั้งมือไปโดนแขนนางเข้า จึงสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับ “พระชายา แขนของท่าน...”ลั่วชิงยวนยันกายลุกขึ้นโดยอาศัยจือเฉาพยุงเดินเข้าห้องไปอย่างเชื่องช้าเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ นางก็จับแขนข้างที่หักนั้นไว้พลางกัดฟันแน่นก่อนจะออกแรงดันกระดูกให้เข้าที่ความเจ็บปวดแล่นริ้วราวกับจะขาดใจ น้ำตาของนางแทบไหลรินจือเฉากลั้นน้ำตาไว้มิอยู่ “พระชายา... เหตุใดท่านอ๋องจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ ลงพระหัตถ์หนักหนาเกินไปแล้ว...”ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อกพลันไอออกมามิหยุด จือเฉารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อไอเสร็จ ลั่วชิงยวนก็พบว่าผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยเลือด...จือเฉาตกใจมาก “บ่าวจะไปตามซูโหยวให้ไปเชิญหมอหลวงมาเจ้าค่ะ”แต่ลั่วชิงยวนกลับบอกว่า “มิต้อง อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลย”หากฟู่เฉินหวนรู้ว่าซูโหยวช่วยนางคงจะโกรธมากเป็นแน่“แล้วแผลของพระชายาเล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนรินน้ำชา “ยังมีสมุนไพรเหลืออยู่มิใช่หรือ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”จากนั้นนางก็หยิบส
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป
เขามีสีหน้าเย็นชาขณะกล่าวเสียงเรียบ “กลับตำหนักกับข้า”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงให้จือเฉาเก็บข้าวของตามฟู่เฉินหวนออกจากวังเมื่อขึ้นรถม้า ฟู่เฉินหวนก็สั่งสารถีให้กลับตำหนักทันทีทั้งยังเร่งให้รีบกลับด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่รถม้าแล่นไปอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนถูกเขย่าโคลงเคลงจนตัวแทบปลิว แต่ก็ยังพยายามทรงตัว มิเอ่ยคำใดจนกระทั่งรถม้ามาถึงหน้าตำหนักลั่วชิงยวนจึงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนนางยกมือขึ้น แตะใบหน้าเขาเบา ๆ “ใบหน้าของท่านเป็นอะไรไป?”ฟู่เฉินหวนคว้าข้อมือของนางไว้แล้วจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ “มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ!”ลั่วชิงยวนชะงักไปชั่วพริบตานั้น ฟู่เฉินหวนก็กระชากนางลงจากรถม้าอย่างแรง ทำให้นางเกือบล้มนางเดินเซ แต่ก็ยังถูกฟู่เฉินหวนลากเข้าไปในตำหนักฟู่เฉินหวนเดินอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยโทสะราวกับพยายามอดกลั้นมานานลั่วชิงยวนจึงตระหนักได้ว่าเขาคงถูกจักรพรรดิสูงสุดลงโทษมิเช่นนั้นรอยแดงบนใบหน้าเขาจะมาจากไหนเมื่อมาถึงลานด้านใน นางก็สะบัดตัวหลุดจากฟู่เฉินหวน“ท่านจะทำอะไร!”ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็บีบคางน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งไป่ชวนก็มาถึงลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเซิ่งไป่ชวนเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากนาง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พระชายารู้สึกหนาวหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้ามิเป็นอะไร มิต้องตรวจชีพจรแล้ว ข้าจะเขียนใบเทียบยาให้ เจ้าช่วยไปหยิบยาให้หน่อย”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือแพทย์ของลั่วชิงยวนจึงมิฝืนใจเพียงแต่กล่าวว่า “เห็นอาการของพระชายาทรงทรุดลงทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะความวิตกกังวล พระชายาควรปล่อยวางบ้าง”“เพื่อรักษาพระวรกายให้แข็งแรงขอรับ”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขอบคุณหมอหลวงเซิ่ง”“ข้าจะระมัดระวัง”ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็พลันได้ยินเสียงตวาดดังมาจากด้านนอก“ว่ากระไรนะ! สั่งลงไป ผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ตัดหัวได้เลย!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยด้วยความสงสัย นางจึงสวมรองเท้าเดินออกไปจือเฉานำผ้าคลุมมาสวมให้นางเห็นจักรพรรดิสูงสุดกำลังโมโหอยู่ใต้ชายคา“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความอยากรู้จักรพรรดิสูงสุดกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้ามิได้ดุใครมานานแล้วเลยลองฝึกฝนดู”จากนั้นจักรพรรดิสูงสุด