นายอำเภอเฉาถูกตรวจพบว่าสมรู้ร่วมคิดกับสมาคมการค้าเฟิงตู เขารับสินเป็นเวลาหลายปี ใช้ตำแหน่งในทางที่ผิดเพื่อเอื้อประโยชน์แก่เฉินซวนอี๋และครอบครัวอื่น ๆ เขาจึงถูกพาตัวไปยังเมืองหลวง เพื่อรอการประหารชีวิตสมาคมการค้าเฟิงตูกำลังจะล่มสลาย ซีหยางเป็นสถานที่ที่ทำให้สมาคมการค้าเฟิงตูรุ่งเรือง อาจกล่าวได้ว่า ทุกคนที่ทำกิจการในเมืองล้วนเป็นคนของสมาคมการค้าเฟิงตูเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทุกคนต่างหวาดกลัวพวกเขาต่างถ่ายถอนใจในขณะนั้นเอง มีพ่อค้าชื่อเฉียนป้าเทียนปรากฏตัวขึ้นอย่างมิคาดคิด เขาออกเงินห้าหมื่นตำลึงเพื่อช่วยให้สมาคมการค้าเฟิงตูผ่านพ้นวิกฤติและสร้างความมั่นคงให้พ่อค้านับมิถ้วนในเมืองห้าหมื่นตำลึงนั้นนับว่ามิได้มากมายอะไร แต่ไม่มีใครอยากแย่งชิงกับเฉียนป้าเทียน แน่นอนว่าเพราะพวกเขามิอยากแกว่งเท้าสาเสี้ยน เพราะท้ายที่สุดแล้ว สมาคมการค้าเฟิงตูเพิ่งมีคดีใหญ่เกิดขึ้น หากมีปัญหาอีกจะทำอย่างไรกันใครจะกล้ารับความเสี่ยงที่ยากจะจัดการอย่างสมาคมการค้าเฟิงตูในเวลานี้?แต่เฉียนป้าเทียนกลับรับไว้!ในเมืองเกิดข้อถกเถียงกันอุ่นหนาฝาคั่ง“เฉียนป้าเทียนคนนี้ใจเด็ดจริง ๆ! สมชื่อเขาทีเดียว!”"ใ
“คราวนี้ที่ยึดอาวุธจำนวนมากได้ ฟ่านลิ่งเสวียนมีความดีความชอบ ข้าได้เขียนจดหมายรายงานถึงองค์จักรพรรดิ และขอให้เขาจัดหาตำแหน่งขุนนางให้กับฟ่านลิ่งเสวียน ในภายหน้าเขาจะได้อยู่ในเมืองหลวง”“ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านอยู่ที่ซีหยาง เช่นนั้นฟ่านลิ่งเสวียนก็ควรจะอยู่ที่ซีหยางต่อไป”หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็เข้าใจเหตุผลนางแอบตกใจ เช่นนั้นฟู่เฉินหวนจึงจงใจใช้กำลังคนของฟ่านลิ่งเสวียนในการขนอาวุธทั้ง ๆ ที่เซียวชูพากำลังคนจากเมืองหลวงมาอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นจึงไม่มีปัญหาการขาดแคลนกำลังคนดังนั้นตั้งแต่ตอนนั้น ฟู่เฉินหวนได้วางแผนที่จะให้ฟ่านลิ่งเสวียนอยู่ในซีหยางเพื่อปกป้องลั่วหลางหลางไว้แล้วเขาช่างสมกับที่เป็นถึงอ๋องผู้สำเร็จราชการผู้รอบคอบเสียจริงแต่การทำตัวเจ้าแผนการในครั้งนี้ มิได้ทำให้ลั่วชิงยวนมิพอใจลั่วชิงยวนเท้าคางมองเขา “แต่คราวนี้ ควรจะเป็นความดีความชอบของท่าน ฟ่านลิ่งเสวียนมิได้ทำอันใดมาก เขาแค่ช่วยเหลือท่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"“นี่ก็เท่ากับว่าท่านยกความดีความชอบให้เขา”“เช่นนั้นก็คงไม่มีใครสนใจว่าท่านทำลงทุนลงแรงไปมากน้อยเพียงใด”ฟู่เฉินหวนมิได้จริงจังกับเรื่องนี้ จึงอดมิ
ลั่วชิงยวนเดินออกจากห้องลับด้วยอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อยแต่โดยมิคาดคิด ฟู่เฉินหวนที่ยืนอยู่นอกประตูทำให้นางตกใจ“เจ้าทำอะไรอยู่ ข้ารอเจ้ามาเกือบชั่วยามแล้ว” ฟู่เฉินหวนอยากรู้มากว่าภายในมีสิ่งใดอยู่เขาจึงเดินเข้าไปได้เห็นกระดิ่ง ยันต์สีเหลือง และเทียนบนพื้นที่วางอยู่เต็มห้องลับ วงแหวนเวทที่ซับซ้อนทำให้คนที่เห็นตาลายคล้ายจะเวียนหัวมีกลิ่นอายความชั่วร้ายแผ่ออกมา“ลั่วชิงยวน?” ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วลั่วชิงยวนดึงเขาออกมาอย่างรวดเร็ว "นี่คือวงแหวนเวทที่ใช้สับเปลี่ยนชะตาของลั่วหลางหลาง!"“สับเปลี่ยนชะตา?”ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงอธิบายเรื่องราวให้ฟู่เฉินหวนฟังฟู่เฉินหวนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “หากโชคชะตาของทุกคนในใต้หล้านี้สามารถถูกสับเปลี่ยนได้เช่นนี้ มันจะมิเกิดความสับสนวุ่นวายไปใหญ่หรือ?”“ใช่ เช่นนั้นนี่คือการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎสวรรค์ และจะนำมาสู่ผลกรรม มิอาจทำสุ่มสี่สุ่มห้าได้” ลั่วชิงยวนอธิบายเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วมองนาง “แล้วเหตุใดเจ้ายังทำอีก?”“รีบรื้อออก!”ฟู่เฉินหวนพูดพลางกำลังจะพุ่งเข้าไปลั่วชิงยวนรีบคว้าเขาไว้ “เหตุใดท่านถึงหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ หม่อมฉันมิ
ทันใดนั้น ระยะห่างที่ลดลงก็ทำให้ร่างกายของฟู่เฉินหวนแข็งทื่อใบหน้างดงามนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ลึกลับแปลกประหลาด และดวงตาคู่งามลึกล้ำมากจนมิสามารถอ่านได้“เพราะหม่อมฉันมิใช่ลั่วชิงยวน” เสียงแผ่วเบาดังขึ้น ซึ่งทำให้ฟู่เฉินหวนขนลุกไปทั้งตัวฟู่เฉินหวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขา อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา“นี่ท่านขลาดกลัวหรือ?” ลั่วชิงยวนอดหัวเราะมิได้ฟู่เฉินหวนสะดุ้งกลับมามีสติอีกครั้ง ขมวดคิ้วมองนาง “เจ้าแกล้งข้าหรือ?”ฟู่เฉินหวนพูดพลางจะคว้าแขนนางไว้ลั่วชิงยวนลุกขึ้นยืนและวิ่งหนีไปทันที เสียงหัวเราะสดใสดังก้องอยู่ในสวนอันเงียบสงบฟู่เฉินหวนลุกขึ้นและไล่ตามนางไปแต่เขามิสามารถจับลั่วชิงยวนได้ลั่วชิงยวนหลุดจากมือเขาไป ทิ้งท้ายไว้เพียงประโยคเดียว“วงแหวนแห่งเวทได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้ว อีกมินานก็จะได้ผล หากสังเกตท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงว่ามีเมฆดำ ก็อาจพบที่หลบซ่อนของคนชุดดำผู้นั้น”“แต่ท่านมีเวลาเพียงเก้าวัน”เพราะปฏิกิริยาดังกล่าวจะคงอยู่เป็นเวลาสูงสุดเพียงเก้าวันเท่านั้น หลังจากนั้นจะมิเกิดขึ้นอีกแน่นอนว่าลั่วชิงยวนมิคิดจะไปจับตัวคนผู้นั้นด้วยตัวเอง เมืองหลวง
ลั่วฉิงหมดสติไปทันทีใบหน้าของนางซีดเซียวเหยียนผิงเซียวกังวลมากจึงรีบตามหมอมา แต่หมอมิสามารถวินิจฉัยอาการได้ สุดท้ายจึงสั่งจ่ายยาที่ทำให้สงบจิตใจและจากไปเหยียนผิงเซียวอยู่ข้างเตียงตลอดทั้งคืนจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นลั่วเยวี่ยอิงก็มาหาเหยียนผิงเซียวจำต้องละทิ้งลั่วฉิงไว้ และไปรับมือกับลั่วเยวี่ยอิง“ข้าควรทำเยี่ยงไรดี? ความสัมพันธ์ระหว่างฟู่เฉินหวนและลั่วชิงยวนดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ข้าเข้าไปแทรกแซงมิได้เลย ข้าควรทำอย่างไรดี?”ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกหมดหนทางอย่างยิ่งแม้ว่านางจะวางแผนไว้มากมาย แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะมีข้อได้เปรียบอย่างมาก แต่ตอนนี้นางรู้สึกหมดพลังเหยียนผิงเซียวกังวลเรื่องความปลอดภัยของลั่วฉิง ตอนนี้จึงมิค่อยมีความอดทนต่อลั่วเยวี่ยอิงมากนักเขาพูดอย่างเย็นชา “ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนมิไว้วางใจต่อกันอย่างลึกซึ้ง ฟู่เฉินหวนขี้ระแวงเพียงนั้น เจ้าลองใช้กลอุบายใดก็ได้ ทำให้พวกเขาแตกคอกันสิ”“ยังมีฟู่อวิ๋นโจวอยู่นี่? นั่นก็เป็นช่องทางให้เจ้าได้เหมือนกัน มีคนมากมายที่เจ้าใช้ประโยชน์ได้ เจ้าก็ใช้พวกเขาสิ”“ดูชื่อเสียงของลั่วชิงยวนตอนนี้สิ นางช่วยอ๋องผู้สำเร็จราชการค
ในวันนั้น ในห้องทาสใบ้พบจดหมายลับลั่วเยวี่ยอิงกระแทกจดหมายลับฉบับนั้นต่อหน้าทาสใบ้ “เจ้าช่างดีนัก! เจ้าถูกลั่วชิงยวนซื้อตัวไปตั้งแต่เมื่อใด?”ทาสใบ้ส่ายหัว นางมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และนางก็มิได้ถูกลั่วชิงยวนซื้อตัวไปน่าเสียดายที่นางมิอาจพูด หรือแก้ต่างให้ตัวเองได้เลยลั่วอวิ๋นสี่ที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างเย็นชา “ข้ามิน่าแปลกใจแล้วว่าเหตุใดข้าจึงเห็นเจ้าออกไปข้างนอกในยามดึกเมื่อคืนนี้ เจ้าไปส่งข่าวให้ลั่วชิงยวนใช่หรือไม่?”ทาสใบ้รู้สึกคับแค้นใจและโกรธมาก นางทำได้เพียงส่ายหน้าให้กับลั่วเยวี่ยอิง นางมิรู้อะไรเลย!เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วเยวี่ยอิงกลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟนางด่าทออย่างโกรธเกรี้ยว “ลั่วชิงยวนบอกว่าจะรักษาตาของเจ้าให้หาย เจ้าเลยใจอ่อน ทรยศข้าใช่หรือไม่?”“ข้าดีกับเจ้าขนาดไหน! แต่เจ้ากลับปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้!”“ใครก็ได้! เอาตัวทาสใบ้ไปโบยให้ตายเสีย!”ทาสใบ้ตกตะลึง น้ำตาคลอเบ้าลั่วอวิ๋นสี่รีบเรียกคนมาจับกุมทาสใบ้ทันที คนรับใช้โบยทาสใบ้ด้วยไม้อย่างเต็มแรงทาสใบ้พยายามหลบ แต่ยังคงถูกตีจนเลือดท่วมตัวขณะที่นางกำลังจะตาย ลั่วอวิ๋นสี่รีบตรวจลมหายใจของนางแล้วพูดว่า “คุณหนู น
จือเฉารู้สึกงุนงง “พระชายา แต่เหตุใดท่านมิเสนอเงื่อนไขและให้นางทำงานให้กับพระชายาต่อจากนี้เล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนยิ้มและพูดว่า “หากข้าหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเสียเอง นางจะคิดว่าข้ามีเจตนาแอบแฝง”“แค่ทำดีกับนาง ดีจนกระทั่งนางรู้สึกละอายใจไปเอง นางจะรู้สึกผิดหากนางมิทำอะไรตอบแทนความเมตตาของข้า”“นี่คือวิธีเอาชนะใจผู้คน”จือเฉาเข้าใจในทันทีและพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง! บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!”ต่อจากนั้นอีกหลายวัน ลั่วชิงยวนมิได้ไปเยี่ยมทาสใบ้อีกเลยจือเฉาแค่ส่งอาหารและยาทุกวัน โดยมิพูดอะไรเมื่อทาสใบ้เริ่มขยับตัวได้ นางเดินออกจากลานเรือนแล้วจึงได้พบว่าไม่มีใครเฝ้าดูนาง หรือขวางนางไว้เลยนางเดินออกจากลาน ก่อนจะเห็นลั่วชิงยวนกำลังอาบแดดอยู่ในสวนมิไกลลั่วชิงยวนลืมตาขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินมาตรงหน้า“มีธุระอะไรหรือ?” ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อยทาสใบ้ยืนนิ่ง มิรู้จะถามออกไปอย่างไรที่นี่ไม่มีปากกาและกระดาษลั่วชิงยวนเลิกคิ้วแล้วถามว่า “เห็นเจ้าเดินได้เช่นนี้ เจ้าจะไปแล้วหรือ? เดินออกจากประตูหลังได้เลย จะไม่มีใครขัดขวางเจ้าหรอก”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทาสใบ้ก็สะดุ้งเล็กน้อยมองนางด้ว
“ไปคุยกันในห้องของข้าดีกว่า” ลั่วชิงยวนพาทาสใบ้ไปที่ห้องนางนำกระดาษกองหนาไปให้ทาสใบ้โชคดีที่ทาสใบ้รู้หนังสือ มิเช่นนั้นคงสื่อสารกันลำบากลั่วชิงยวนรอทาสใบ้เขียนบนกระดาษอย่างอดทน นางเขียนลงบนกระดาษว่า : อัครเสนาบดีลั่วให้นักพรตเต๋ามาสะกดแม่ของท่านเอาไว้การแสดงออกของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป เมื่อได้เห็นข้อความนั้น “ว่ากระไรนะ?”ทาสใบ้ยังคงเขียนต่อ : ข้ามิรู้รายละเอียด รู้เพียงว่ามินานหลังจากที่ท่านกลับมา เขาขอให้นักพรตเต๋ามาสะกดนางเอาไว้ ข้าเองก็มิรู้ว่าอยู่ที่ใดจู่ ๆ ลั่วชิงยวนนึกย้อนไปว่าตอนที่นางขุดโลงศพของมารดาขึ้นมา ในโลงศพกลับว่างเปล่าตอนนี้ดูเหมือนว่าแม่ของนางมิได้ยังมีชีวิตอยู่ แต่ถูกลั่วไห่ผิงสะกดไว้ที่อื่น“เจ้าอยู่ในตระกูลลั่วมานานแล้ว เจ้ารู้จักแม่ของข้ามากน้อยเพียงใด?”ทาสใบ้เขียนว่า : ข้ามิรู้ ข้าถูกลั่วไห่ผิงซื้อมาเพื่อให้ปกป้องคุณหนูรอง บางครั้งเขาก็ถามข้าว่า คุณหนูรองทำอะไรบ้าง เรื่องอื่นเขามิได้บอกข้าลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “ลั่วไห่ผิงจัดให้เจ้าอยู่กับลั่วเยวี่ยอิง แล้วเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้เล่า?”ทาสใบ้พยักหน้าและเขียนว่า : อัครเสนาบดีลั่วรู้เรื่องเซี่ยหว่านมาโดย
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน
คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย
“ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ
“แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า
“แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ
เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้