ลั่วชิงยวนรีบตามไปที่หน้าต่าง ด้านหลังเป็นป่าอันมืดมิดถึงขนาดที่มองมิเห็นแม้แต่ฝ่ามือของตัวเอง นางจึงหยุดฝีเท้าลงลั่วฉิง นั่นคือลั่วฉิงจริง ๆ!นางมาที่แคว้นเทียนเชวียตั้งแต่เมื่อใด?ลั่วชิงยวนมาที่เตียงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน มองไปยังฟู่เฉินหวนที่ไร้ความรู้สึก นางอดมิได้ที่จะกระชับกริชจันทร์เสี้ยวในมือลั่วฉิงพูดถูก หากนางมิฆ่าฟู่เฉินหวน เมื่อตื่นขึ้น ฟู่เฉินหวนจะต้องฆ่านางอย่างแน่นอน! เพราะลั่วฉิงได้ใช้กู่ผูกจิตเพื่อควบคุมเขาไว้แล้วลั่วฉิงขอให้ฟู่เฉินหวนฆ่านาง และฟู่เฉินหวนจะมิลังเลเลยนางยืนอยู่ข้างเตียงสักพักทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังเงินอยู่ข้างนอก และจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายตามมา คิ้วของลั่วชิงยวนก็เลิกขึ้น ชาวบ้านพวกนั้น...ลั่วชิงยวนคิดว่าท่ามิดี นางจึงช่วยฟู่เฉินหวนบนเตียงและพาเขาออกไปอย่างมิลังเลทันทีที่ออกจากประตูไป ชาวบ้านหลายคนก็เดินเข้ามาจากประตูรั้ว พวกเขาแยกเขี้ยวยิงฟันและท่าทางแข็งทื่อหัวใจของลั่วชิงยวนบีบรัด รีบพาฟู่เฉินหวนข้ามกำแพงไปทันที แต่ที่นอกกำแพงก็มีชาวบ้านยืนอยู่ด้วยทันทีที่ได้ยินเสียงและได้กลิ่น พวกเขาก็มาพุ่งตามมาทันทีลั่วชิงยวนกระชั
หลังถูกดึงออกจากกลุ่มปีศาจโอสถ ลั่วชิงยวนก็ถูกพาเข้าไปในห้องเก็บฟืนทันทีที่ลงพื้น สีหน้าของลั่วชิงยวนก็เปลี่ยนไป นางพุ่งเข้าแทงฟู่เฉินหวนด้วยกริชจันทร์เสี้ยวในมือฟู่เฉินหวนตกใจและหลบไปทันทีลั่วชิงยวนคิดว่าฟู่เฉินหวนถูกควบคุมโดยลั่วฉิง และได้รับคำสั่งให้ฆ่านางแล้วอย่างไรก็ตาม ฟู่เฉินหวนก็มีทักษะสูงเช่นกัน เขาควบคุมลั่วชิงยวนและตรึงนางลงบนกองหญ้าได้ภายในพริบตาเขาคว้ากริชจันทร์เสี้ยวจากมือของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังฟู่เฉินหวนกดนางลง มองกริชจันทร์เสี้ยว ก่อนมองนางอย่างลึกซึ้ง “นี่เจ้าคิดจะฆ่าสามีของตัวเองเชียวหรือ?”จู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็สะดุ้งและมองดูเขาด้วยสายตาว่างเปล่าสีหน้าเช่นนี้ ดูมิเหมือนว่าเขาถูกควบคุมเลย“นี่ท่าน......”ฟู่เฉินหวนจับมือของนางยกขึ้นเหนือศีรษะ โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “หากเจ้าต้องการฆ่าข้า เหตุใดมิฆ่าเสียตั้งแต่ในห้องนั้น ตอนนี้มันสายไปแล้ว”ลั่วชิงยวนมองใบหน้าและดวงตาลึกซึ้งของเขา หัวใจเต้นแรง หัวใจของนางเต้นแรง “ท่านมิได้ถูกควบคุมหรอกหรือ?”ฟู่เฉินหวนกางฝ่ามือออกแล้วถามขึ้นว่า “นี่คือกู่ผูกจิตใช่หรือไ
”เช่นนั้นก็ได้”“ปีศาจโอสถพวกนั้นมีประสาทรับกลิ่นและประสาททางการได้ยินที่แข็งแกร่ง กลั้นหายใจและเดินเบา ๆ จะดีที่สุด!”ทั้งสองยืนอยู่ที่ประตูฟู่เฉินหวนกำลังจะเปิดประตูห้องเก็บฟืนในมิช้า“เจ้าพร้อมหรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้าฟู่เฉินหวนจับมือของนางแล้วเปิดประตูห้องเก็บฟืนออกไปทั้งสองวิ่งออกจากห้องเก็บฟืน มองหน้ากันแล้วกลั้นหายใจ จากนั้นทะยานขึ้นไปบนหลังคาพลันลอยตัวออกไปนอกหมู่บ้านเซียวชูและคนของเขากำลังรออย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็เห็นร่างสองร่างพุ่งเข้ามา และตื่นตัวทันที“นั่นท่านอ๋องและพระชายา!”เมื่อยืนยันได้ว่านั่นคือฟู่เฉินหวนและลั่วชิงยวน เซียวชูก็พูดขึ้นอย่างโล่งใจว่า “ท่านอ๋องและพระชายามิได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ท่านบอกให้เราเตรียมลงไปรับมิใช่หรือ?"ลั่วชิงยวนมองเขากลับไปแล้วพูดว่า “หากเจ้าเข้าไปในหมู่บ้าน เราจะยิ่งออกจากหมู่บ้านยากขึ้นไปอีก”“เกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั่นหรือขอรับ?” เซียวชูอยากรู้เป็นอย่างมาก“กลับไปยังค่ายพักแรมของเราก่อน รุ่งสางมาถึงเมื่อใดเราค่อยกลับมากันอีกครั้ง”พวกเขาจึงไปที่ค่ายพักแรมที่พวกเขาได้จัดเตรียมไว้และพักค้างคืนกัน
“ท่านอ๋อง! ข้างล่างนี่มีอาวุธเต็มไปหมดเลยพ่ะย่ะค่ะ!”ทันใดนั้นลั่วชิงยวน และฟู่เฉินหวนก็กระโดดตามลงไป ข้างใต้มีห้องใต้ดินขนาดใหญ่มากซ่อนตัวอยู่ หีบไม้มากมายเต็มไปด้วยดาบและธนู ลั่วชิงยวนหยิบอาวุธออกมาทดลองใช้หนึ่งชิ้น ช่างคมกริบเซียวชูเหลือบมองอาวุธในห้องใต้ดินนี้และตกตะลึง "คุณภาพและปริมาณดังกล่าวต้องใช้เงินมากมายทีเดียว!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย “เกรงว่าในห้องเก็บฟืนของทุกบ้านคงมีห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยอาวุธพวกนี้ด้วยเหมือนกัน”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วและสั่งเซียวชูทันที “เจ้ากลับไปนำกำลังพลจากเมืองหลวงมาที่นี่เดี๋ยวนี้ ต้องยึดอาวุธของที่นี่ไว้ให้ได้! ห้ามให้สูญหายแม้แต่ชิ้นเดียว!”เซียวชูตอบทันที “พ่ะย่ะค่ะ!”จากนั้น เซียวชูก็พาคนออกไปลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนกลับมาจัดการห้องเก็บฟืนให้อยู่ในสภาพเดิม แสร้งทำเป็นมิรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ใต้โรงฟื้นเหล่านี้มีแต่ต้องใช้วิธีเช่นนี้ พวกเขาจะได้มิไหวตัวทันจนขนย้ายอาวุธหนีไปเสียก่อนแต่ที่นี่มีอาวุธซ่อนอยู่มากมาย ไม่มีทางขนย้ายทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้นลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนลงจากภูเขาทันทีเซียวชูเหลือม้าไว้ให้พวกเขาเพียงตัวเดียว ดังนั้นท
เฉินซวนอี๋กลับไปสระผมอีกรอบ แต่นางมิรู้ว่ายางเหนียวนี้ทำมาจากอะไร มันถึงได้ติดอยู่กับผมของนางอย่างแยกมิออก สาวใช้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตัดผมบางส่วนทิ้งหลังจากตัดผมแล้ว เฉินซวนอี๋ก็นึกโกรธมิหาย นางล้างตัวและออกไปอีกครั้ง“เจ้าเก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย”สาวใช้พยักหน้าเห็นด้วย “เจ้าค่ะใช่!”เฉินซวนอี๋ออกไป สาวใช้กวาดผมบนพื้นและเตรียมที่จะโยนมันทิ้งไป ลั่วหลางหลางแอบไปตามเก็บเส้นผมนั้นกลับมาแล้วรีบกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็วเส้นผมเหล่านี้ยังมิได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม ดังนั้นลั่วหลางหลางจึงทำความสะอาดมันอีกครั้งอย่างระมัดระวัง และใส่เส้นผมเหล่านั้นลงในกล่อง รอส่งมอบให้กับลั่วชิงยวนแต่จู่ ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกโดยมิคาดคิดเฉินซวนอี๋ที่ออกไปแล้ว ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องนางเฉินซวนอี๋เดินเข้ามา มองเส้นผมสกปรกบนโต๊ะด้วยสายตาเฉียบแหลม และทันใดนั้นดวงตาของนางก็ดุร้ายขึ้นมาก“เจ้ากำลังเก็บผมของข้างั้นหรือ?”ลั่วหลางหลางก้าวถอยหลัง “ข้ามิรู้ว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร”“เจ้ามิรู้รึ? เช่นนั้นนี่มันอะไร?!” ดวงตาของเฉินซวนอี๋เบิกกว้างด้วยความโกรธ ใบหน้าดุร้าย นางคว้าผมของลั่วหลางหลา
ประตูถูกเตะจนเปิดออกอย่างกะทันหัน และร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในห้องเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาจึงดึงดาบออกจากฝัก และโยนฝักใส่เฉินซวนอี๋ ด้วยพลังที่แข็งแกร่งมากจนกระแทกร่างของเฉินซวนอี๋ให้ถอยออกไปเก้าอี้ในมือของนางก็ล้มลงกับพื้นเช่นกัน“เจ้ากำลังทำอะไร!” ฟ่านลิ่งเสวียนใบหน้าเปลี่ยนสี เมื่อได้เห็นฉากนี้เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วพลิกตัวเฉินซวนอี๋ใบหน้าของเฉินซวนอี๋เต็มไปด้วยความโกรธ ดึงกริชออกมาและพุ่งเข้าหาลั่วหลางหลางที่อยู่ข้างเตียงในขณะนี้ เฉินซวนอี๋มีเพียงความคิดเดียวในใจ นั่นคือการฆ่าลั่วหลางหลาง!แต่ฟ่านลิ่งเสวียนจะปล่อยให้นางมีโอกาสนั้นได้อย่างไร ยามฉุกเฉินเช่นนั้น เขาเตะร่างของเฉินซวนอี๋จนนางล้มลงกับพื้นหลังเฉินซวนอี๋ล้มลง นางยังพยายามจะลุกขึ้น แต่ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในท้องทำให้นางมิสามารถลุกขึ้นได้อีก “โอ๊ย ท้องของข้า…”บริเวณที่เฉินซวนอี๋นั่งอยู่ มีเลือดสดหยดลงมาที่พื้นลั่วหลางหลางตกตะลึง“สตรีชั่วช้า!” ฟ่านลิ่งเสวียนโกรธ ดุด่าเฉินซวนอี๋ “เจ้ามิคู่ควรกับการอุ้มท้องทายาทตระกูลฟ่าน!”“โอ๊ย… ใครก็ได้ ลูกของข้า ลูกของข้า…” เฉินซวนอี๋ร้องขอความช่วยเหลืออย่างเป็นกังวลลั่
“ข่าวลือมิอาจเทียบได้กับชีวิตของเจ้า”“ในเมื่อพี่ใหญ่ปกป้องเจ้ามิได้ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”......ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนกลับถึงเมืองซีหยางในช่วงเย็นทั้งสองตั้งใจจะกลับโรงเตี๊ยมทันที แต่มิคาดคิดระหว่างทางที่ผ่านสมาคมการค้าเฟิงตู จะได้เห็นสมาคมการค้าเฟิงตูกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายลั่วชิงยวนลงจากหลังม้า วิ่งเข้าไปในสมาคมทันที นางเห็นควันหนาทึบปกคลุมสมาคม ทุกคนต่างเก็บข้าวของและวิ่งออกมาจากสมาคมในตอนที่ฟู่เฉินหวนกำลังจะเข้าไปในสมาคม เขาเห็นเงาของคนในชุดดำแยกตัวจากฝูงชนอยู่ในความสับสนวุ่นวายคิ้วของฟู่เฉินหวนเลิกขึ้น รีบเข้าไปในสมาคมทันที“ชิงยวน! ชิงยวน!” ฟู่เฉินหวนมาช้าเกินไป จึงมิพบลั่วชิงยวนแล้วลั่วชิงยวนรีบเข้าไปในห้องลับนั้น ซึ่งไฟเริ่มลามไปถึง อย่างไรก็ตาม ยังมิเห็นเปลวไฟ มีเพียงควันหนาทึบลอยอยู่ในอากาศเหตุใดห้องลับจึงถูกไฟไหม้ได้ ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว หรือจะเป็นลั่วฉิงที่ทำลายห้องลับ?มิได้ ในนั้นยังมีหลักฐานและบัญชีอีกมาก และมีของของลั่วหลางหลางและเฉินซวนอี๋อยู่ในห้องลับชั้นในสุดอีก หากสิ่งเหล่านั้นถูกเผา ชีวิตของลั่วหลางหลางจะตกอยู่ในอันตราย!นางฉีกผ้าออก ชุบด้วยน
สีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”จือเฉาหยิบกล่องไม้ออกมาแล้วส่งให้ลั่วชิงยวน “คุณหนูหลางหลางมาที่นี่เมื่อเช้านี้ เดิมทีนางต้องการรอให้พระชายากลับมายังโรงเตี๊ยม แต่ดูเหมือนจะมีนักฆ่าไล่ล่านางอยู่เจ้าค่ะ!”“นางมอบสิ่งนี้ให้บ่าวและออกไปแล้วเจ้าค่ะ!”จู่ ๆ หัวใจของลั่วชิงยวนก็เต้นระทึก “ไปแล้ว? ไปที่ใด?”จื่อเฉาส่ายหัว “บ่าวมิรู้เจ้าค่ะ!”ลั่วชิงยวนเปิดกล่องผ้าและเห็นว่ามีเส้นผมอยู่ภายในนี่คงจะเป็นผมของเฉินซวนอี๋จู่ ๆ หัวใจของลั่วชิงยวนก็รู้สึกวิตกหวาดหวั่นขึ้นมา คงเป็นลั่วหลางหลางที่เก็บเส้นผมนี้ได้ และถูกเฉินซวนอี๋จับได้เอาพูดตามหลักเหตุผลแล้ว ลั่วฉิงน่าจกลับมาที่เมืองซีหยางก่อนหน้าพวกเขา คนที่ไล่ล่าลั่วหลางหลางน่าจะเป็นลั่วฉิง!ดังนั้นนางจึงกลับไปที่สมาคมการค้าเฟิงตูอย่างล้าช้า แล้วจึงค้นพบว่าเสวี่ยชวนเฟิงบุกเข้าไปในห้องลับ ลั่วฉิงจึงจุดไฟเผาห้องลับด้วยความแข็งแกร่งของลั่วฉิง ลั่วหลางหลางอาจตกอยู่ในอันตรายเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ปลอบใจนางทันที “อย่าเพิ่งกังวลเลย เราไปหาตัวนางกันก่อน!”จือเฉากล่าวอย่างรวดเร็วว่า “มีบุรุษอีกคนอยู่กับคุณหนูหลาง
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื
ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา
อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท
อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่
ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว
จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั
“ดังนั้น...”“เรื่องเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง”“นักบวชระดับสูงไว้วางใจนาง ข้าก็ทำได้เพียงทนรับมือ เมื่อก่อนยังพอขัดขืนได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็เลิกขัดขืนเพราะเสียแรงเปล่า”น้ำเสียงของอวี๋โหรวราบเรียบ ทว่าลั่วชิงยวนได้ฟังแล้วกลับรู้สึกหดหู่ใจ“เป็นเช่นนี้มานานแล้วหรือ? กี่ปีแล้ว?”หรือว่าในตอนที่นางยังอยู่ อวี๋โหรวต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องเหล่านี้?อวี๋โหรวกลับส่ายหน้า “ข้าก็จำมิได้แล้วว่ากี่ปี”“อาจารย์ของข้าจากไปเสียนานแล้ว ไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลือข้า”“ดังนั้นข้าจึงต้องใช้บัวถวายรักษาอาการบาดเจ็บมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้หาซื้อมิได้แล้ว ข้าจึงเหลือเพียงดอกสุดท้าย”เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวใจหลายปีมานี้ นางมิเคยสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของอวี๋โหรวเลยเพราะอวี๋โหรวมิเคยปริปากบอกผู้ใด ในสถานที่ที่คนอ่อนแอต้องพ่ายแพ้แก่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะรู้ดีว่าบอกผู้ใดไปก็ไร้ประโยชน์หลายปีมานี้นางอดทนมาได้อย่างไรก็มิอาจรู้ได้“จั๋วฉ่างตงบาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องเจ้าอีก ข้าว่านางคงเบื่อหน่ายการมีชีวิตเต็มทีแล้ว”แววตาของลั่
ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้