“ก่อนหน้ามิได้เป็นเช่นนี้” เซียวชูรู้สึกรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากสิ่งที่ลั่วชิงยวนเห็นคือกลิ่นอายของศพกองเป็นภูเขาที่ปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้าน อีกทั้งเข็มทิศก็ยังสั่นอย่างรุนแรง“เจ้ารอช่วยเราอยู่ตรงนี้ หาทางรวบรวมคนของเจ้ามาให้หมด ข้าจะผิวปากให้สัญญาณ หากเจ้าได้ยินเสียงผิวปากยามใด ก็เข้ามารับพวกเรา!”หลังจากที่ลั่วชิงยวนพูดจบก็พุ่งเข้าไปข้างในทันทีเซียวชูคว้าตัวนางแล้วพูดว่า “พระชายา ท่านจะเข้าไปคนเดียวหรือ? หมู่บ้านนี้ดูแปลกประหลาดมาก ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายเกินไปขอรับ”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “หากไม่มีใครพบเรา เราก็จะออกไปจากที่นี่มิได้! เจ้าฟังข้า รีบรวบรวมคนให้เร็วที่สุด เร็วเข้า”จากนั้นลั่วชิงยวนก็มอบขวดยาให้เขาอีกขวด "เมื่อคนอื่น ๆ มาถึงแล้ว ให้แต่ละคนกินคนละหนึ่งเม็ด"เซียวชูพยักหน้า “เช่นนั้นพระชายาโปรดระวังด้วยขอรับ!”......หมู่บ้านตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีพื้นที่ราบต่ำ ตอนนี้แสงสีแดงทอประกายทั่วหมู่บ้าน ทำให้หมู่บ้านถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานลั่วชิงยวนเดินลงไปตามทางลาดและเข้าไปในหมู่บ้าน เสียงดนตรีอันสนุกสนานดังก้องไปถึงหูของนางนางสะดุ้งเล็กน้อย ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาแหล่งที่มาขอ
ลั่วชิงยวนรีบตามไปที่หน้าต่าง ด้านหลังเป็นป่าอันมืดมิดถึงขนาดที่มองมิเห็นแม้แต่ฝ่ามือของตัวเอง นางจึงหยุดฝีเท้าลงลั่วฉิง นั่นคือลั่วฉิงจริง ๆ!นางมาที่แคว้นเทียนเชวียตั้งแต่เมื่อใด?ลั่วชิงยวนมาที่เตียงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน มองไปยังฟู่เฉินหวนที่ไร้ความรู้สึก นางอดมิได้ที่จะกระชับกริชจันทร์เสี้ยวในมือลั่วฉิงพูดถูก หากนางมิฆ่าฟู่เฉินหวน เมื่อตื่นขึ้น ฟู่เฉินหวนจะต้องฆ่านางอย่างแน่นอน! เพราะลั่วฉิงได้ใช้กู่ผูกจิตเพื่อควบคุมเขาไว้แล้วลั่วฉิงขอให้ฟู่เฉินหวนฆ่านาง และฟู่เฉินหวนจะมิลังเลเลยนางยืนอยู่ข้างเตียงสักพักทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังเงินอยู่ข้างนอก และจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายตามมา คิ้วของลั่วชิงยวนก็เลิกขึ้น ชาวบ้านพวกนั้น...ลั่วชิงยวนคิดว่าท่ามิดี นางจึงช่วยฟู่เฉินหวนบนเตียงและพาเขาออกไปอย่างมิลังเลทันทีที่ออกจากประตูไป ชาวบ้านหลายคนก็เดินเข้ามาจากประตูรั้ว พวกเขาแยกเขี้ยวยิงฟันและท่าทางแข็งทื่อหัวใจของลั่วชิงยวนบีบรัด รีบพาฟู่เฉินหวนข้ามกำแพงไปทันที แต่ที่นอกกำแพงก็มีชาวบ้านยืนอยู่ด้วยทันทีที่ได้ยินเสียงและได้กลิ่น พวกเขาก็มาพุ่งตามมาทันทีลั่วชิงยวนกระชั
หลังถูกดึงออกจากกลุ่มปีศาจโอสถ ลั่วชิงยวนก็ถูกพาเข้าไปในห้องเก็บฟืนทันทีที่ลงพื้น สีหน้าของลั่วชิงยวนก็เปลี่ยนไป นางพุ่งเข้าแทงฟู่เฉินหวนด้วยกริชจันทร์เสี้ยวในมือฟู่เฉินหวนตกใจและหลบไปทันทีลั่วชิงยวนคิดว่าฟู่เฉินหวนถูกควบคุมโดยลั่วฉิง และได้รับคำสั่งให้ฆ่านางแล้วอย่างไรก็ตาม ฟู่เฉินหวนก็มีทักษะสูงเช่นกัน เขาควบคุมลั่วชิงยวนและตรึงนางลงบนกองหญ้าได้ภายในพริบตาเขาคว้ากริชจันทร์เสี้ยวจากมือของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังฟู่เฉินหวนกดนางลง มองกริชจันทร์เสี้ยว ก่อนมองนางอย่างลึกซึ้ง “นี่เจ้าคิดจะฆ่าสามีของตัวเองเชียวหรือ?”จู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็สะดุ้งและมองดูเขาด้วยสายตาว่างเปล่าสีหน้าเช่นนี้ ดูมิเหมือนว่าเขาถูกควบคุมเลย“นี่ท่าน......”ฟู่เฉินหวนจับมือของนางยกขึ้นเหนือศีรษะ โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “หากเจ้าต้องการฆ่าข้า เหตุใดมิฆ่าเสียตั้งแต่ในห้องนั้น ตอนนี้มันสายไปแล้ว”ลั่วชิงยวนมองใบหน้าและดวงตาลึกซึ้งของเขา หัวใจเต้นแรง หัวใจของนางเต้นแรง “ท่านมิได้ถูกควบคุมหรอกหรือ?”ฟู่เฉินหวนกางฝ่ามือออกแล้วถามขึ้นว่า “นี่คือกู่ผูกจิตใช่หรือไ
”เช่นนั้นก็ได้”“ปีศาจโอสถพวกนั้นมีประสาทรับกลิ่นและประสาททางการได้ยินที่แข็งแกร่ง กลั้นหายใจและเดินเบา ๆ จะดีที่สุด!”ทั้งสองยืนอยู่ที่ประตูฟู่เฉินหวนกำลังจะเปิดประตูห้องเก็บฟืนในมิช้า“เจ้าพร้อมหรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้าฟู่เฉินหวนจับมือของนางแล้วเปิดประตูห้องเก็บฟืนออกไปทั้งสองวิ่งออกจากห้องเก็บฟืน มองหน้ากันแล้วกลั้นหายใจ จากนั้นทะยานขึ้นไปบนหลังคาพลันลอยตัวออกไปนอกหมู่บ้านเซียวชูและคนของเขากำลังรออย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็เห็นร่างสองร่างพุ่งเข้ามา และตื่นตัวทันที“นั่นท่านอ๋องและพระชายา!”เมื่อยืนยันได้ว่านั่นคือฟู่เฉินหวนและลั่วชิงยวน เซียวชูก็พูดขึ้นอย่างโล่งใจว่า “ท่านอ๋องและพระชายามิได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ท่านบอกให้เราเตรียมลงไปรับมิใช่หรือ?"ลั่วชิงยวนมองเขากลับไปแล้วพูดว่า “หากเจ้าเข้าไปในหมู่บ้าน เราจะยิ่งออกจากหมู่บ้านยากขึ้นไปอีก”“เกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั่นหรือขอรับ?” เซียวชูอยากรู้เป็นอย่างมาก“กลับไปยังค่ายพักแรมของเราก่อน รุ่งสางมาถึงเมื่อใดเราค่อยกลับมากันอีกครั้ง”พวกเขาจึงไปที่ค่ายพักแรมที่พวกเขาได้จัดเตรียมไว้และพักค้างคืนกัน
“ท่านอ๋อง! ข้างล่างนี่มีอาวุธเต็มไปหมดเลยพ่ะย่ะค่ะ!”ทันใดนั้นลั่วชิงยวน และฟู่เฉินหวนก็กระโดดตามลงไป ข้างใต้มีห้องใต้ดินขนาดใหญ่มากซ่อนตัวอยู่ หีบไม้มากมายเต็มไปด้วยดาบและธนู ลั่วชิงยวนหยิบอาวุธออกมาทดลองใช้หนึ่งชิ้น ช่างคมกริบเซียวชูเหลือบมองอาวุธในห้องใต้ดินนี้และตกตะลึง "คุณภาพและปริมาณดังกล่าวต้องใช้เงินมากมายทีเดียว!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย “เกรงว่าในห้องเก็บฟืนของทุกบ้านคงมีห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยอาวุธพวกนี้ด้วยเหมือนกัน”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วและสั่งเซียวชูทันที “เจ้ากลับไปนำกำลังพลจากเมืองหลวงมาที่นี่เดี๋ยวนี้ ต้องยึดอาวุธของที่นี่ไว้ให้ได้! ห้ามให้สูญหายแม้แต่ชิ้นเดียว!”เซียวชูตอบทันที “พ่ะย่ะค่ะ!”จากนั้น เซียวชูก็พาคนออกไปลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนกลับมาจัดการห้องเก็บฟืนให้อยู่ในสภาพเดิม แสร้งทำเป็นมิรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ใต้โรงฟื้นเหล่านี้มีแต่ต้องใช้วิธีเช่นนี้ พวกเขาจะได้มิไหวตัวทันจนขนย้ายอาวุธหนีไปเสียก่อนแต่ที่นี่มีอาวุธซ่อนอยู่มากมาย ไม่มีทางขนย้ายทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้นลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนลงจากภูเขาทันทีเซียวชูเหลือม้าไว้ให้พวกเขาเพียงตัวเดียว ดังนั้นท
เฉินซวนอี๋กลับไปสระผมอีกรอบ แต่นางมิรู้ว่ายางเหนียวนี้ทำมาจากอะไร มันถึงได้ติดอยู่กับผมของนางอย่างแยกมิออก สาวใช้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตัดผมบางส่วนทิ้งหลังจากตัดผมแล้ว เฉินซวนอี๋ก็นึกโกรธมิหาย นางล้างตัวและออกไปอีกครั้ง“เจ้าเก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย”สาวใช้พยักหน้าเห็นด้วย “เจ้าค่ะใช่!”เฉินซวนอี๋ออกไป สาวใช้กวาดผมบนพื้นและเตรียมที่จะโยนมันทิ้งไป ลั่วหลางหลางแอบไปตามเก็บเส้นผมนั้นกลับมาแล้วรีบกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็วเส้นผมเหล่านี้ยังมิได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม ดังนั้นลั่วหลางหลางจึงทำความสะอาดมันอีกครั้งอย่างระมัดระวัง และใส่เส้นผมเหล่านั้นลงในกล่อง รอส่งมอบให้กับลั่วชิงยวนแต่จู่ ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกโดยมิคาดคิดเฉินซวนอี๋ที่ออกไปแล้ว ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องนางเฉินซวนอี๋เดินเข้ามา มองเส้นผมสกปรกบนโต๊ะด้วยสายตาเฉียบแหลม และทันใดนั้นดวงตาของนางก็ดุร้ายขึ้นมาก“เจ้ากำลังเก็บผมของข้างั้นหรือ?”ลั่วหลางหลางก้าวถอยหลัง “ข้ามิรู้ว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร”“เจ้ามิรู้รึ? เช่นนั้นนี่มันอะไร?!” ดวงตาของเฉินซวนอี๋เบิกกว้างด้วยความโกรธ ใบหน้าดุร้าย นางคว้าผมของลั่วหลางหลา
ประตูถูกเตะจนเปิดออกอย่างกะทันหัน และร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในห้องเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาจึงดึงดาบออกจากฝัก และโยนฝักใส่เฉินซวนอี๋ ด้วยพลังที่แข็งแกร่งมากจนกระแทกร่างของเฉินซวนอี๋ให้ถอยออกไปเก้าอี้ในมือของนางก็ล้มลงกับพื้นเช่นกัน“เจ้ากำลังทำอะไร!” ฟ่านลิ่งเสวียนใบหน้าเปลี่ยนสี เมื่อได้เห็นฉากนี้เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วพลิกตัวเฉินซวนอี๋ใบหน้าของเฉินซวนอี๋เต็มไปด้วยความโกรธ ดึงกริชออกมาและพุ่งเข้าหาลั่วหลางหลางที่อยู่ข้างเตียงในขณะนี้ เฉินซวนอี๋มีเพียงความคิดเดียวในใจ นั่นคือการฆ่าลั่วหลางหลาง!แต่ฟ่านลิ่งเสวียนจะปล่อยให้นางมีโอกาสนั้นได้อย่างไร ยามฉุกเฉินเช่นนั้น เขาเตะร่างของเฉินซวนอี๋จนนางล้มลงกับพื้นหลังเฉินซวนอี๋ล้มลง นางยังพยายามจะลุกขึ้น แต่ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในท้องทำให้นางมิสามารถลุกขึ้นได้อีก “โอ๊ย ท้องของข้า…”บริเวณที่เฉินซวนอี๋นั่งอยู่ มีเลือดสดหยดลงมาที่พื้นลั่วหลางหลางตกตะลึง“สตรีชั่วช้า!” ฟ่านลิ่งเสวียนโกรธ ดุด่าเฉินซวนอี๋ “เจ้ามิคู่ควรกับการอุ้มท้องทายาทตระกูลฟ่าน!”“โอ๊ย… ใครก็ได้ ลูกของข้า ลูกของข้า…” เฉินซวนอี๋ร้องขอความช่วยเหลืออย่างเป็นกังวลลั่
“ข่าวลือมิอาจเทียบได้กับชีวิตของเจ้า”“ในเมื่อพี่ใหญ่ปกป้องเจ้ามิได้ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”......ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนกลับถึงเมืองซีหยางในช่วงเย็นทั้งสองตั้งใจจะกลับโรงเตี๊ยมทันที แต่มิคาดคิดระหว่างทางที่ผ่านสมาคมการค้าเฟิงตู จะได้เห็นสมาคมการค้าเฟิงตูกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายลั่วชิงยวนลงจากหลังม้า วิ่งเข้าไปในสมาคมทันที นางเห็นควันหนาทึบปกคลุมสมาคม ทุกคนต่างเก็บข้าวของและวิ่งออกมาจากสมาคมในตอนที่ฟู่เฉินหวนกำลังจะเข้าไปในสมาคม เขาเห็นเงาของคนในชุดดำแยกตัวจากฝูงชนอยู่ในความสับสนวุ่นวายคิ้วของฟู่เฉินหวนเลิกขึ้น รีบเข้าไปในสมาคมทันที“ชิงยวน! ชิงยวน!” ฟู่เฉินหวนมาช้าเกินไป จึงมิพบลั่วชิงยวนแล้วลั่วชิงยวนรีบเข้าไปในห้องลับนั้น ซึ่งไฟเริ่มลามไปถึง อย่างไรก็ตาม ยังมิเห็นเปลวไฟ มีเพียงควันหนาทึบลอยอยู่ในอากาศเหตุใดห้องลับจึงถูกไฟไหม้ได้ ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว หรือจะเป็นลั่วฉิงที่ทำลายห้องลับ?มิได้ ในนั้นยังมีหลักฐานและบัญชีอีกมาก และมีของของลั่วหลางหลางและเฉินซวนอี๋อยู่ในห้องลับชั้นในสุดอีก หากสิ่งเหล่านั้นถูกเผา ชีวิตของลั่วหลางหลางจะตกอยู่ในอันตราย!นางฉีกผ้าออก ชุบด้วยน
เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว
เมื่อเฉินชีได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินมาที่หน้าต่าง พิงกำแพงพลางกอดอก “เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นใคร?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นักบวชระดับสูง”ดวงตาของเฉินชีลุกโชนด้วยประกายร้อนแรง “อาเหลา ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเย่อหยิ่ง “กลับแคว้นหลีก็ได้ ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”“แคว้นหลีจะมีนักบวชระดับสูงได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”เฉินชียกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างนอบน้อม “อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลย สิบเรื่อง ร้อยเรื่อง เฉินชีก็ยินดีทำเพื่อนักบวชระดับสูงทั้งสิ้น!”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองเขาด้วยแววตาที่ลึกล้ำถึงแม้เฉินชีจะบ้าแต่ก็มิใช้คนโง่เขลา เขาทำอะไรตามอำเภอใจแต่ก็คงมิยอมสยบต่อนางง่าย ๆ เช่นนี้การเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ทำให้นางมิค่อยเชื่อถือ“เจ้าฟังเรื่องที่ข้าจะให้เจ้าทำก่อนค่อยตอบรับก็ยังมิสาย”เฉินชีลุกขึ้นมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย “ท่านนักบวชต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”“ข้าต้องการให้เจ้ายกทัพไปตีซีหลิง”“แต่ห้ามสู้รบกันจริง ๆ ห้ามทำร้ายราษฎร”เฉ
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ
ครั้นลั่วชิงยวนถูกพากลับมายังเรือนพวกองครักษ์ก็ปล่อยตัวนาง นางจึงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความอ่อนล้า“พระชายา! พระชายา!”จือเฉารีบรุดเข้ามาประคอง แต่พลั้งมือไปโดนแขนนางเข้า จึงสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับ “พระชายา แขนของท่าน...”ลั่วชิงยวนยันกายลุกขึ้นโดยอาศัยจือเฉาพยุงเดินเข้าห้องไปอย่างเชื่องช้าเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ นางก็จับแขนข้างที่หักนั้นไว้พลางกัดฟันแน่นก่อนจะออกแรงดันกระดูกให้เข้าที่ความเจ็บปวดแล่นริ้วราวกับจะขาดใจ น้ำตาของนางแทบไหลรินจือเฉากลั้นน้ำตาไว้มิอยู่ “พระชายา... เหตุใดท่านอ๋องจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ ลงพระหัตถ์หนักหนาเกินไปแล้ว...”ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อกพลันไอออกมามิหยุด จือเฉารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อไอเสร็จ ลั่วชิงยวนก็พบว่าผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยเลือด...จือเฉาตกใจมาก “บ่าวจะไปตามซูโหยวให้ไปเชิญหมอหลวงมาเจ้าค่ะ”แต่ลั่วชิงยวนกลับบอกว่า “มิต้อง อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลย”หากฟู่เฉินหวนรู้ว่าซูโหยวช่วยนางคงจะโกรธมากเป็นแน่“แล้วแผลของพระชายาเล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนรินน้ำชา “ยังมีสมุนไพรเหลืออยู่มิใช่หรือ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”จากนั้นนางก็หยิบส
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป
เขามีสีหน้าเย็นชาขณะกล่าวเสียงเรียบ “กลับตำหนักกับข้า”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงให้จือเฉาเก็บข้าวของตามฟู่เฉินหวนออกจากวังเมื่อขึ้นรถม้า ฟู่เฉินหวนก็สั่งสารถีให้กลับตำหนักทันทีทั้งยังเร่งให้รีบกลับด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่รถม้าแล่นไปอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนถูกเขย่าโคลงเคลงจนตัวแทบปลิว แต่ก็ยังพยายามทรงตัว มิเอ่ยคำใดจนกระทั่งรถม้ามาถึงหน้าตำหนักลั่วชิงยวนจึงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนนางยกมือขึ้น แตะใบหน้าเขาเบา ๆ “ใบหน้าของท่านเป็นอะไรไป?”ฟู่เฉินหวนคว้าข้อมือของนางไว้แล้วจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ “มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ!”ลั่วชิงยวนชะงักไปชั่วพริบตานั้น ฟู่เฉินหวนก็กระชากนางลงจากรถม้าอย่างแรง ทำให้นางเกือบล้มนางเดินเซ แต่ก็ยังถูกฟู่เฉินหวนลากเข้าไปในตำหนักฟู่เฉินหวนเดินอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยโทสะราวกับพยายามอดกลั้นมานานลั่วชิงยวนจึงตระหนักได้ว่าเขาคงถูกจักรพรรดิสูงสุดลงโทษมิเช่นนั้นรอยแดงบนใบหน้าเขาจะมาจากไหนเมื่อมาถึงลานด้านใน นางก็สะบัดตัวหลุดจากฟู่เฉินหวน“ท่านจะทำอะไร!”ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็บีบคางน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งไป่ชวนก็มาถึงลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเซิ่งไป่ชวนเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากนาง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พระชายารู้สึกหนาวหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้ามิเป็นอะไร มิต้องตรวจชีพจรแล้ว ข้าจะเขียนใบเทียบยาให้ เจ้าช่วยไปหยิบยาให้หน่อย”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือแพทย์ของลั่วชิงยวนจึงมิฝืนใจเพียงแต่กล่าวว่า “เห็นอาการของพระชายาทรงทรุดลงทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะความวิตกกังวล พระชายาควรปล่อยวางบ้าง”“เพื่อรักษาพระวรกายให้แข็งแรงขอรับ”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขอบคุณหมอหลวงเซิ่ง”“ข้าจะระมัดระวัง”ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็พลันได้ยินเสียงตวาดดังมาจากด้านนอก“ว่ากระไรนะ! สั่งลงไป ผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ตัดหัวได้เลย!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยด้วยความสงสัย นางจึงสวมรองเท้าเดินออกไปจือเฉานำผ้าคลุมมาสวมให้นางเห็นจักรพรรดิสูงสุดกำลังโมโหอยู่ใต้ชายคา“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความอยากรู้จักรพรรดิสูงสุดกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้ามิได้ดุใครมานานแล้วเลยลองฝึกฝนดู”จากนั้นจักรพรรดิสูงสุด