แชร์

บทที่ 480

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
นางรีบจับอาภรณ์บนราวมาคลุม

ก่อนที่ร่างเย็นนั้นจะเดินถึงหน้าฉากกั้น ลั่วชิงยวนหยิบหน้ากากขึ้นมาปิดหน้าของตนไว้ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด

พวกเขาสบตากัน ภายใต้ไอร้อนอบอวล นางถือหน้ากากบังหน้าไว้ อาภรณ์ถูกน้ำซึมจนเปียกชื้น แนบสนิทกับร่างนาง เผยให้เห็นร่างอรชร

สายตาลึกซึ้งของฟู่เฉินหวนเต็มไปด้วยความตะลึง และยืนนิ่งตรงข้ามนางเช่นนี้

เมื่อลั่วชิงยวนได้สติ นางผูกหน้ากาก หยิบชุดคลุมและจะหนีออกไปด้านนอก

แต่กลับถูกฟู่เฉินหวนจับข้อมือไว้ และกระชากนางกลับมาทันใด

ลั่วชิวยวนเซถอยหลัง ล้มลงในอ้อมอกของเขาอย่างแรง

“เจ้าเป็นใคร?” เสียงของฟู่เฉินหวนแหบพร่าเล็กน้อย ข่มความตกใจแรงกล้าในใจไว้

กลิ่นสมุนไพรนี้ เหมือนกันกลิ่นของลิ่นฝูเสวี่ยวันนี้ไม่มีผิด!

ลั่วชิงยวนมิตอบ นางเหยียบไปที่เท้าของเขาอย่างแรง คิดจะหักร่างหลบ

แต่ท่าทีของฟู่เฉินหวนกลับว่องไวเป็นอย่างมาก ควบคุมนางไว้ได้ในไม่กี่ท่วงท่า แขนของเขาตรึงนางไว้ในอ้อมกอด ยื่นมือเพื่อจะถอดหน้ากากของนางทิ้ง

วินาทีนั้นหัวใจของลั่วชิงยวนบีบรัด และรีบเอ่ยปาก “อย่ามาแตะ!”

“ลั่วชิวยวน! เจ้าจริงด้วย!” ฟู่เฉินหวนตะลึง มองนางอย่างมิอยากจะเชื่อ หว่างคิ้วเขามีไอ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 481

    นางเงยหน้ามองเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าว “สตรีต่ำช้าอย่างหม่อมฉันหาได้คู่ควรกับท่านอ๋องไม่! ไฉนท่านอ๋องจึงไม่หย่ากับหม่อมฉันเล่า?!” “เจ้า!” ฟู่เฉินหวนโกรธจัด ดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยแววหนาวเหน็บเย็นชา ลั่วชิงยวนมิได้แปลกใจที่ฟู่เฉินหวนจะเดือดดาลถึงเพียงนั้น อ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นสถานะอันสูงศักดิ์ นางจะไปสถานที่อย่างหอนางโลมเพื่อร่ายรำ แล้วทำให้ตนต้องชื่อเสียงมัวหมองได้อย่างไรกัน? นางรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ขืนนางไปร่ายรำที่หอนางโลม หากมีผู้ใดพบเข้าก็จะเป็นความผิดร้ายแรง แต่เพื่อให้ได้เงื่อนงำเกี่ยวกับมารดาของตนจากลิ่นฝูเสวี่ย นางจึงไม่มีทางเลือก นางไม่คาดคิดเลยว่า ฟู่เฉินหวนจะจับได้เร็วถึงขนาดนั้น “ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเพคะ ต่อให้ท่านหย่ากับหม่อมฉันแล้วอภิเษกสมรสกับลั่วเยวี่ยอิง พ่อตาของท่านก็ยังเป็นลั่วไห่ผิง หามีอันใดเปลี่ยนแปลงแต่ไม่” น้ำเสียงเรียบนิ่งของลั่วชิงยวนฉายแววเยียบเย็น “อย่างไรเสีย หม่อมฉันก็จะร่ายรำเช่นนี้ต่อไป ถ้าหากท่านอ๋องคิดจะป่าวประกาศออกไป ท่านก็ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของตนเองด้วยเพคะ” นางมองฟู่เฉินหวนด้วยท่าทีสงบนิ่ง วาจาของนาง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 482

    รอยยิ้มหยันผุดขึ้นตรงมุมปาก จากนั้นนางก็เงยหน้ามองฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋องเอาแต่กล่าวโทษว่าหม่อมฉันทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เช่นนั้นในฐานที่เป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแล้ว การที่มอบพระชายาอย่างหม่อมฉันให้บุรุษอื่นหมายความว่าอันใดกัน?” ฟู่เฉินหวนแววตามืดมน เขาหันหลังเดินจากไปพลางเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าจะให้เวลาเจ้าได้เตรียมตัวชั่วหนึ่งถ้วยชา” เมื่อฟู่เฉินหวนออกมาจากเรือนก็เดินมาที่หน้าเรือน ซูโหยวรีบเดินเข้ามาหา “ท่านอ๋อง ทุกอย่างพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่เฉินหวนสายตาเย็นชาเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นมาว่า "หลังจากเข้าไปในจวนแล้วเจ้าจงรีบลงมือเสีย!" “พ่ะย่ะค่ะ!” ซูโหยวตอบตกลงพลางขมวดคิ้วแล้วถามด้วยท่าทีลังเลใจว่า “แต่ให้พระชายาไปถ่วงเวลาจะมิอันตรายเกินไปสักหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?” “นั่นก็คือสาเหตุที่ต้องรีบลงมืออย่างไรเล่า! นอกเหนือไปจากนั้น ก็ยังมีองครักษ์เงาอีกห้าสิบนายที่ลอบเคลื่อนพลพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ!” “พ่ะย่ะค่ะ!” ลั่วชิงยวนที่อยู่ในห้องผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว ที่แท้ก็เป็นอาภรณ์ที่สั่งให้ศาลารุ้งเมฆาตัดเย็บขึ้นมา นางสวมอาภรณ์สีแดงที่มีผ้าแพรแดงถักเป็นดอกโบตั๋นขนาดใหญ่อัน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 483

    ทั้งสองคนมิได้เอ่ยวาจาใดอีกตลอดการเดินทาง แต่รถม้าก็มาถึงนอกจวนตระกูลหลิวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะลงจากรถม้าก็ได้ยินเสียงดังขึ้นทางด้านนอก จนฟังดูราวกับมีผู้คนอยู่มากมาย ฟู่เฉินหวนนั่งสงบจิตใจอยู่ในรถม้าก่อนที่จะลุกขึ้นจากรถม้า ลั่วชิงยวนลุกขึ้นและกำลังจะลงจากรถม้า เมื่อนางเห็นฟู่เฉินหวนยื่นมือให้นาง ลั่วชิงยวนก็ลังเลไปชั่วขณะ ในยามนี้เอง เสียงของใต้เท้าหลิวก็ดังขึ้นมาว่า “โอ้ แขกผู้สูงศักดิ์มาแล้ว!” ดวงตาของลั่วชิงยวนพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นนางก็ฝืนใจวางฝ่ามือลงบนมือของฟู่เฉินหวนเพื่อให้เขาช่วยพานางลงจากรถม้า แต่ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น ลั่วชิงยวนก็รีบชักมือกลับทันที ยามนี้ฟู่เฉินหวนสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวอันเปี่ยมไปด้วยความกังวลและความรังเกียจที่นางมีต่อเขา ฟู่เฉินหวนสูดหายใจลึก ๆ พลางกำหมัดแน่นแล้วเอามือไพล่หลัง “แม่นางฝูเสวี่ย ในที่สุดเจ้าก็มาที่จวนของข้ามิใช่หรือไร?” ใต้เท้าหลิวมีสีหน้าภูมิอกภูมิใจแล้วยื่นมือออกมาราวกับจะกอดนางไว้ ลั่วชิงยวนหลบฉากด้วยท่าทีรังเกียจเพื่อหลีกเลี่ยงสัมผัสของเขา เมื่อเห็นท่าทีเมินเฉยของนาง ใต้เท้าหลิวกลับมิได้บังเกิด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 484

    ลั่วชิงยวนตัวแข็งทื่อ วาจาต่ำช้าน่ารังเกียจเหล่านั้นทำให้นางรู้สึกโมโหเสียจนมิอาจสะกดกลั้นอีกต่อไปแล้ว ฟู่เฉินหวนเองก็พลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “ใต้เท้าหลิว” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าไม่พอใจ เมื่อใต้เท้าหลิวสังเกตเห็นเข้าก็รีบลุกขึ้นตะโกนว่า “นี่ วันนี้แม่นางฝูเสวี่ยมาเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของพวกเรา นับเป็นเรื่องหาได้ยากยิ่งที่จะเชิญนางมาร่ายรำให้พวกท่านได้ชมดู อย่าได้ล้อเล่นจนสร้างความอับอายให้แก่แม่นางฝูเสวี่ยอีกเลย!” จากนั้นเสียงดนตรีก็บรรเลงต่อไป ลั่วชิงยวนกำหมัดแน่นแล้วมองฟู่เฉินหวนจากระยะไกล สายตาทิ่มแทงของนางทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกอึดอัดจนต้องยกจอกสุราขึ้นดื่มอึกหนึ่ง นางสามารถร่ายรำในหอนางโลมได้ แต่ไฉนจึงร่ายรำที่นี่มิได้? ฟู่เฉินหวนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันและแววตากลับเย็นชา ในที่สุดลั่วชิงยวนก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ร่างกายของนางจดจำทุกท่วงทำนองและการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ ต่อให้ลิ่นฝูเสวี่ยมิได้อยู่ด้วยนางก็สามารถร่ายรำได้สมบูรณ์แบบ ทว่าเรื่องนี้ก็ทำให้นางเข้าใจว่าตนมิใช่ลิ่นฝูเสวี่ย ย่อมมิอาจเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนใจดังเช่นอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงดนตรีจะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 485

    ถึงกระนั้นบุรุษพวกนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นสุดขีด อันที่จริงผู้ที่มาในวันนี้ต่างคละเคล้ากันไป บางคนก็สุภาพอ่อนน้อมและบางคนก็คิดจะเข้าใกล้นาง ทว่าหามีผู้ใดเป็นดังเช่นแม่ทัพสวี่ กระทั่งถึงทีของแม่ทัพสวี่ เขาก็ยกจอกสุราพลางรีบลุกขึ้นแล้วคว้าข้อมือของลั่วชิงยวน “แม่นางฝูเสวี่ย มาแลกกันดื่มเถอะ” “ปล่อยข้านะ!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนกรุ่นโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว แต่แม่ทัพสวี่กลับจับข้อมือของนางเอาไว้แน่นมิยอมปล่อย “แม่นางฝูเสวี่ย ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ดื่มสักจอกก็คงไม่เสียหายหรอกกระมัง” แม่ทัพสวี่ยิ้มเยาะฉายแววสัปดน ลั่วชิงยวนอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว นางกระแทกจอกสุราลงบนโต๊ะพลางรีบชักมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นก็วาดผ่านอย่างว่องไว ถึงแม่ทัพสวี่จะตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แต่มีดสั้นคมกริบก็ยังถากเข้าตรงลำคอจนทิ้งรอยเลือดเอาไว้ แม่ทัพสวี่หวาดกลัวเสียสีหน้าซีดขาวจวนจะล้มลงไปอยู่แล้ว หลังจากมีคนคอยประคองเอาไว้ เขาก็โมโหจนตัวสั่นพลางกล่าวว่า “เจ้า! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสังหารคน?!” “ใครก็ได้ จับตัวนางมาให้ข้า” ลั่วชิงยวนกำมีดสั้นเอาไว้แน่น จากนั้นนางก็ข่มกลั้นโทสะแล้วหันไปมองท่านอ๋องผู

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 486

    ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง ฮูหยินของใต้เท้าหลิว ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินซิ่งอวี่เล่าให้ฟังว่าฮูหยินของใต้เท้าหลิวเป็นคนเข้มงวดยิ่งนัก เขาจึงมิกล้าไปที่หอนางโลมอย่างโจ่งแจ้ง เขามักจะสั่งให้ผู้ใดสักคนส่งตัวแม่นางมาที่จวนอยู่เสมอ วันนี้ใต้เท้าหลิวจัดงานเลี้ยงใหญ่ขึ้นในจวนและเชิญฝูเสวี่ยมาร่ายรำเป็นพิเศษ ฮูหยินผู้นี้น่าจะมาคิดบัญชีกับนางเป็นแน่ ชั่วครู่ต่อมา ประตูก็โดนถีบให้เปิดออก ฮูหยินหลิวบุกเข้ามาในห้องด้วยท่าทีคุกคาม สายตาของอีกฝ่ายที่คมกริบราวกับมีดจับจ้องมาที่นาง “เจ้าคือนังจิ้งจอกน้อยจากหอฝูเสวี่ยใช่หรือไม่?!” ฮูหยินหลิวมีโหนกแก้มสูง ใบหน้าเรียวเล็ก และสายตามุ่งร้ายอันเด่นชัดก็แฝงไปด้วยแววอำมหิต อีกฝ่ายมิใช่ผู้ที่จะรับมือได้ง่าย ๆ เลย ฮูหยินหลิวก้าวเดินเข้ามาคว้าไหล่ของลั่วชิงยวน อีกฝ่ายพยายามออกแรงกระชากหน้ากากบนใบหน้าของนาง เพราะหมายจะกรีดหน้านางโดยแท้จริง “นางสารเลว! เจ้าหารู้ไม่ว่าจวนตระกูลหลิวของข้าเป็นสถานที่ใด กล้าดีอย่างไรถึงได้เข้ามาที่นี่?” ลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของฮูหยินหลิวเอาไว้แน่น ทำให้ฮูหยินหลิวเจ็บเสียจนต้องร้องออกมา “หยุดนะนางสารเลว! ปล่อยข้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 487

    “เจ้าค่ะ” ฮูหยินหลิวเหลือบมองลั่วชิงยวนที่อยู่บนพื้นแล้วหันหลังจากไป เมื่อฮูหยินหลิวออกไปพร้อมปิดประตูทิ้งท้าย แสงสว่างที่เหลืออยู่ในดวงตาของลั่วชิงยวนก็ค่อย ๆ หายไป จากนั้นนางก็ถูกปกคลุมไปด้วยความรู้สึกบีบคั้น เงาร่างของใต้เท้าหลิวค่อย ๆ ใกล้เข้ามาแล้วโน้มใบหน้าใหญ่โตลงมามองนาง รอยยิ้มเยาะโฉดชั่วบนใบหน้าของเขาชวนให้รู้สึกกระดูกสันหลังสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจของนางขึ้นมาทันที “ไม่ว่าเขาจะหยิ่งยโสเพียงใด สุดท้ายเจ้าก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของข้ามิใช่หรือไร? หามีสตรีนางใดในเมืองหลวงที่ข้าจะมิได้มาไม่" หลิวหม่านยิ้มพลางเอื้อมมือออกมาสัมผัสหน้ากากบนใบหน้าของนาง ลั่วชิงยวนพยายามกระถดถอยเพราะคิดจะหลบเลี่ยงเขา สิ่งนี้ทำให้หลิวหม่านแหงนหน้าแล้วหัวเราะ “อย่าห่วงไปเลย ข้ามิถอดหน้ากากของเจ้าหรอก หน้ากากนี้ออกจะงดงามถึงเพียงนั้น!” ลั่วชิงยวนพยายามขยับตัวเพื่อลุกขึ้น แต่นางกลับมิอาจควบคุมอาการเวียนศีรษะได้ นางสัมผัสได้ถึงความเย็นตรงท้ายทอยและเกรงว่าเลือดจะไหลมิหยุด หลิวหม่านลุกขึ้นจุดเทียนพลางนั่งยอง ๆ ข้างลั่วชิงยวนอีกครั้ง จากนั้นก็เขย่าแท่งเทียนให้น้ำตาเทียนหยดใส่ลั่วชิงย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 488

    ประตูโดนถีบให้เปิดออก แสงสว่างจ้าสาดส่องเข้ามาในห้องมืดสลัวอีกครั้ง หลิวหม่านผงะอึ้ง “ผู้ใดกัน?” ยามที่ลั่วชิงยวนที่แสนกะปลกกะเปลี้ยหันหน้าไปมอง ก็เห็นเงาร่างเย็นชารีบเดินเข้ามาท่ามกลางแสงสว่าง เมื่อฟู่เฉินหวนเห็นเหตุการณ์ฉากนี้ เส้นโลหิตบนหน้าผากก็ปูดโปนขึ้นมา จากนั้นเจตนาสังหารก็ปะทุขึ้นในแววตาแล้วเขาก็เตะหลิวหม่านอย่างแรง เมื่อเห็นรอยเลือดบนพื้น เสื้อคลุมที่ขาดวิ่นและรอยแดงเป็นจำนวนมากบนหลังมือของนาง โทสะของฟู่เฉินหวนก็ปะทุราวกับภูเขาไฟที่จวนจะระเบิด เขารีบถอดเสื้อคลุมของตนมาห่มคลุมบนร่างของนาง เขาห่อตัวนางเอาไว้แล้วรีบอุ้มนางออกไป ลั่วชิงยวนเอนซบอกของเขาอย่างอ่อนแรงพลางมองเขาด้วยสายตาอันพร่าเลือน จากนั้นเสียงแผ่วเบาทว่าคมกริบราวกับดาบน้ำแข็งของนางก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ไยท่านต้องช่วยหม่อมฉันด้วย? นี่มิใช่สิ่งที่ท่านอยากจะเห็นหรอกรึ?" ไม่มีทางที่เขาจะมิโทษตนเองเลย น้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ใด ๆ เช่นนั้น กลับกลายเป็นมีดคมกริบนับไม่ถ้วนที่แทงทะลุหัวใจของฟู่เฉินหวนขึ้นมาทันที คิ้วตาเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง ดวงตาแดงก่ำไปด้วยเจตนาสังหาร พร้อมโทสะที่กลืนกินตัวเขาราวกับไฟลามท

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1215

    และสองคือช่วยจือเฉาขนของสิ่งที่ทำให้จือเฉาตกใจคือ เดิมทีนางคิดว่าจะไปที่หอฝูเสวี่ยเพื่อเบิกเงิน แต่กลับพบว่าองครักษ์ช่วยจ่ายเงินให้นางจือเฉางุนงงตลอดทาง มิเข้าใจว่าท่านอ๋องต้องการทำอะไรกันแน่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ร้านค้าที่เปิดมีมิมาก ดังนั้นจือเฉาจึงต้องวิ่งไปหลายที่โดยเฉพาะการหาสมุนไพร นางแทบจะต้องเคาะประตูโรงหมอและร้านขายยาทั่วเมืองหลวง......ในคืนนั้นลั่วชิงยวนนอนซมอยู่บนเตียง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกลมหนาวพัดโชยเข้ามา ทำให้ลั่วชิงยวนไอออกมา“แค่กแค่กแค่ก... จือเฉา ดูสิว่าหน้าต่างถูกลมพัดเปิดออกหรือไม่... แค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก...”ลั่วชิงยวนไอมิหยุด ได้แต่มุดเข้าไปในผ้าห่มแต่ทันใดนั้น ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นจึงเห็นฟู่เฉินหวนนางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง “ท่านจะทำอะไร?”นางอ่อนแอจนแม้แต่การถามในตอนนี้ก็ยังไร้เรี่ยวแรงแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิพูดอะไรสักคำจากนั้นองครักษ์ก็กรูกันเข้ามาในห้อง จับแขนของลั่วชิงยวนและลากนางออกจากห้องความหนาวเหน็บถาโถมเข้ามา ลั่วชิงยวนอ้าปากจะพูด แต่กลับถูกองครักษ์ปิดปากไว้แน่นลั่วชิงยวนที่บาด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1214

    “หากต้องการแก้ไข มีเพียงการที่หม่อมฉันต้องไปซีหลิงด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่นนี่เป็นหนทางรอดเดียวของนางเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขามองนางด้วยความสงสัย “นี่เป็นผลลัพธ์เดียวหรือ?”“เพคะ”แต่ฟู่เฉินหวนกลับมิค่อยเชื่อ มองนางด้วยแววตาดุดัน “ไม่มีเข็มทิศอาณัติสวรรค์ จะทำนายได้แม่นยำหรือ?”“แม่นยำเพคะ”“เข็มทิศอาณัติสวรรค์เป็นเพียงตัวช่วย มิใช่สิ่งจำเป็น”“ทิศทางหลักจะมิผิดพลาด”แท้จริงแล้วนางทำนายหนทางรอดของตัวเองการทำนายโชคชะตาบ้านเมือง มีเพียงเข็มทิศอาณัติสวรรค์เท่านั้นที่ทำนายได้กองทัพแคว้นหลีบุกประชิด เป็นนางเองที่บอกให้เฉินชีทำ สิ่งที่นางต้องการทำนายคือเส้นทางของตัวเองหลังจากที่ฟู่เฉินหวนฟังแล้วก็มิได้ตอบ เพียงแค่หันหลังเดินจากไป......ลั่วฉิงกำลังรอข่าวจากฟู่เฉินหวนอย่างกระวนกระวาย เดินวนไปมาด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนมาแล้ว จึงรีบเข้าไปถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? ผลลัพธ์คืออะไร?”ฟู่เฉินหวนตอบ “เป็นภัยพิบัติของซีหลิง”ได้ยินดังนั้น ลั่วฉิงก็ตกใจเล็กน้อย “ภัยพิบัติของซีหลิงหรือ? หมายความว่าอย่างไร? แคว้นหลีต้องการยึดครองซีหลิงงั้นหรื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1213

    สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1212

    ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1211

    นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1210

    “กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1209

    ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1208

    ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1207

    ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status