Share

บทที่ 426

Author: หว่านชิงอิ๋น
ลั่วชิงยวนกำหมัดแน่น ความทรงจำของนางคงอยู่ตอนอายุสิบสามปีเท่านั้น จากนั้นนางก็นึกอันใดมิออกแล้ว

มิหนำซ้ำนางยังจำชื่อมารดาของตนมิได้เสียด้วยซ้ำไป

นางถึงขนาดถามท่านป้าลั่วหรงและคนที่น่าจะรู้จักมารดาของตน

แต่ก็หามีผู้ใดล่วงรู้ชื่อมารดาของลั่วชิงยวนไม่

เนื่องจากนางเป็นฮูหยินอัครมหาเสนาบดี คนภายนอกจวนจึงเรียกนางว่าฮูหยินลั่ว

“ข้าจำชื่อนางมิได้ก็จริง แต่ทุกคนเรียกนางว่าฮูหยินลั่ว นางเป็นฮูหยินของลั่วไห่ผิง”

เมื่อลิ่นฝูเสวี่ยได้ยินเช่นนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีอยู่บ้าง “ท่านถามถึงนางไปเพื่ออันใดกัน?”

ลั่วชิงยวนรู้สึกตกตะลึง “เจ้ารู้จักนางด้วยรึ?!”

ลิ่นฝูเสวี่ยเลิกคิ้วแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ารู้จักนาง”

“ไม่เพียงพวกเรารู้จักกัน แต่พวกเรายังค่อนข้างสนิทสนมกันด้วย”

ลั่วชิงยวนหัวใจบีบรัด นางกำลังจะได้ทราบเรื่องของมารดาตนเองแล้ว

หรือว่ามารดาของลั่วชิงยวนจะเป็นนายหญิงของอีกฝ่าย?

“เช่นนั้น…” ลั่วชิงยวนอดรนทนไม่ไหวจนต้องถามออกมา

แต่ลิ่นฝูเสวี่ยกลับค่อย ๆ ยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าไม่ทำการค้าที่ขาดทุนหรอกนะ หากท่านปรารถนาสิ่งใดจากข้า ท่านก็ต้องมอบสิ่งที่ข้าปรารถนาเป็นการแลกเปลี่ยน”

“มิฉ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 427

    “ตามที่เจ้าว่ามา เจ้าคงสนิทสนมกับท่านแม่ของข้ามาก ไฉนเจ้าถึงมิบอกข้า? นางตายไปแล้ว เจ้ามิอยากรู้หรือว่านางตายเช่นไร?” ลิ่นฝูเสวี่ยเงยหน้าพลางหัวเราะแล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “ตอนนี้ข้าเองก็เป็นคนตายเหมือนกันนะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” “เช่นนั้นมารดาของข้าก็…” ลั่วชิงยวนหัวใจบีบรัด ลิ่นฝูเสวี่ยเดินกรีดกรายด้วยท่าทีไม่รีบร้อน “ผู้ที่มีความยึดติดลึกล้ำจักมีจุดจบดั่งเช่นตัวข้า แต่ความยึดติดของมารดาท่านอาจหาใช่การมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้” “หาใช่การมีชีวิตอยู่กระนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วแล้วรีบถามว่า “นั่นมันเรื่องอันใดกัน? เจ้ารู้ว่ามารดาของข้าตายได้อย่างไรใช่หรือไม่?” แต่ลิ่นฝูเสวี่ยกลับยกยิ้มมุมปากด้วยท่าทีเปี่ยมเสน่ห์ “ข้าบอกไปแล้ว ข้าเป็นคนทำมาค้าขาย หากท่านปรารถนาสิ่งใดจากข้า ท่านก็ต้องมีเงื่อนไขมาแลกเปลี่ยน” ลั่วชิงยวนรู้สึกหน่วงอยู่ในอก นายหญิงตายไปแล้ว มิหนำซ้ำลูกสาวของนายหญิงก็ตายไปด้วย จากนั้นนางก็มาเกิดใหม่ในร่างลูกสาวของนายหญิง เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโชคชะตากระนั้นหรือ? นายหญิงตายได้อย่างไร? นางจะต้องรู้ให้จงได้! “ก็ได้ ข้าจักให้เจ้ายึดร่างของข้า!” “แต่มาทำความเข้าใ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 428

    ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “ท่านอ๋องมาแต่เช้าถึงเพียงนี้ ใช่เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ฟู่เฉินหวนมองเข้าไปข้างในพลางกล่าวว่า “วันนี้ตัวข้ามาหาแม่นางซ่ง” “แม่นางซ่งยังมิตื่น ท่านอ๋องประสงค์สิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ลั่วชิงยวนถาม ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าอยากซื้อโอสถ!” “แม่นางซ่งมีเครื่องยาสมุนไพรล้ำค่าอยู่มากหลาย ตัวข้าต้องการโสมร้อยปีมาช่วยชีวิตคนเป็นการด่วน มิทราบว่าแม่นางซ่งมีหรือไม่ ตัวข้ายอมจ่ายสิบเท่าของราคาเดิมเลย!” หากเป็นผู้อื่นที่มาซื้อและได้ยินราคาที่สูงกว่าถึงสิบเท่า ลั่วชิงยวนก็คงจะขายให้ทันทีโดยไม่ลังเลสักนิด แต่จู่ ๆ ฟู่เฉินหวนก็เสนอราคาของโอสถอายุวัฒนะให้ถึงสิบเท่าตัว ย่อมมิใช่เพื่อจุดประสงค์ทั่ว ๆ ไปเป็นแน่ ยามนี้ลั่วไห่ผิงคงจะป่วยหนัก ฟู่เฉินหวนต้องการโอสถไปช่วยชีวิตลั่วไห่ผิงใช่หรือไม่? โอสถที่มอบให้ลั่วไห่ผิงเป็นของขวัญในงานเลี้ยงวันเกิดเมื่อครั้งล่าสุดยังไม่พออีกกระนั้นหรือ? เมื่อซ่งเชียนฉู่ได้ยินเสียงก็เดินออกมา “สิบเท่าของราคาเดิมกระนั้นหรือ? ท่านอ๋องจักเอาไปใช้ทำอันใดเพคะ?” ฟู่เฉินหวนจึงกล่าวว่า “ไม่สะดว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 429

    “เซียนฉู่ว่างเมื่อไหร่ ข้าค่อยมาดื่มกับเจ้าอีกก็แล้วกัน” หลังจากฟู่เฉินหวนพูดจบก็หันหลังเดินจากไป ทั้งสองคนยืนอยู่ใต้ชายคาแล้วมองดูเงาร่างของฟู่เฉินหวนเดินจากไป จากนั้นซ่งเชียนฉู่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เขาคิดจะซื้อโอสถให้ท่านใช่หรือไม่? ที่บอกว่าใบหน้าของท่านโดนงูกัดก็เป็นเพียงข้ออ้างมิใช่หรอกหรือ?” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “โสมร้อยปีย่อมมิได้ให้ข้าอยู่แล้ว คงเอาไปช่วยชีวิตลั่วไห่ผิงมากกว่า” “พวกเรามอบให้เขามิได้เป็นอันขาด!” ซ่งเชียนฉู่เลิกคิ้ว “ข้ามิยอมมอบให้เขาแน่! ท่านอุตส่าห์ทุ่มเงินตั้งมากมายเพื่อจัดการกับลั่วไห่ผิง! ขืนรักษาลั่วไห่ผิงอีก คงได้ขาดทุนป่นปี้กันพอดี” จากนั้นลั่วชิงยวนก็ผลัดเปลี่ยนเป็นอาภรณ์บุรุษและผ้าคลุมหน้าที่มิเคยสวมใส่มาก่อนแล้วค่อยเดินออกไป นางไปหาลิ่นฝูเสวี่ยที่คฤหาสน์หลังนั้นก่อน นางหยิบตุ๊กตาผ้าตัวเล็กใส่ลงไปในถุงหอม จากนั้นก็ชักนำลิ่นฝูเสวี่ยเอาไว้ข้างใน “ไม่รู้ว่าท่านแค้นใจข้ามากเสียจนต้องแก้เผ็ดใช่หรือไม่? พื้นที่เล็กจ้อยเช่นนั้น ท่านจักบีบคั้นให้ข้าตายหรืออย่างไรกัน?” เสียงบริภาษของลิ่นฝูเสวี่ยดังออกมาจากถุงหอม ลั่วชิงยวนค่อย ๆ เดิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 430

    ”โอ๊ย ปวดเหลือเกิน…” หญิงงามนางหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงพลางกุมท้องเอาไว้ สตรีหลายคนกับแม่เล้าที่อยู่ใกล้ ๆ ช่วยประคองนางเอาไว้ หมอท่านหนึ่งกำลังจับชีพจรให้อยู่ “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านหมอ? เป็นอันใดหรือไม่?” แม่เล้ารีบถามขึ้นมา ท่านหมอทำสีหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า “เป็นเพราะนางกินยาระบายเข้าไปเป็นมาก! มันมิเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรอก! แต่สาเหตุที่ทำให้ปวดมากขนาดนั้นเป็นเพราะกินเข้าไปเกินขนาด หลังจากหายปวดก็ดีขึ้นเองนั่นแหละ” “ข้าจักเขียนเทียบยาให้นางค่อย ๆ กิน ประเดี๋ยวนางก็จะหายดีในสามวันห้าวัน” เมื่อแม่เล้าได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึง “ยาระบายกระนั้นหรือ? เช่นนั้นหลังจากหายปวด นางจักขึ้นเวทีไหวอยู่อีกหรือเจ้าคะ?” ท่านหมอมีสีหน้าหนักใจพลางกล่าวว่า “ยาระบายก็ตามที่ชื่อบอกไว้นั่นแหละ จักทำให้เกิดอาการท้องร่วง” “เกรงว่าคงไม่เหมาะที่จะขึ้นเวที มิฉะนั้น…” พอเอ่ยถึงตรงนี้ท่านหมอก็หยุดพูด จากนั้นทุกคนในห้องก็ขมวดคิ้วแล้วปิดจมูกเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ากลิ่นแปลกประหลาดโชยออกมา หลีเถารู้สึกอับอายขายหน้าจึงกล่าวว่า “ออกไป! รีบออกไปสิ!” แม่เล้ารีบไล่สตรีคนอื่น ๆ ออกจากห้องและ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 431

    ทว่าก็ยังต้องไปอยู่ดี นางสูดหายใจลึก ๆ พลางเขย่งเท้าแล้วกระโจนตัวขึ้นกลางอากาศ นางก้าวลงบนหน้าต่างแล้วกระโดดขึ้นไปตรงกลางเวทีทรงกลม ทันทีที่ชุดกระโปรงสีแดงเจิดจ้าปรากฏขึ้น ก็ทำให้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกตะลึงงัน แขกเหรื่อโดยรอบต่างตกตะลึง “ใช่แม่นางหลีเถาหรือไม่?” เมื่อนักดนตรีเห็นเช่นนี้ ก็บรรเลงพิณอย่างให้ความร่วมมือยิ่ง ลิ่นฝูเสวี่ยรีบตั้งสมาธิแล้วกระโดดเบา ๆ ไปตามเสียงพิณ ลั่วชิงยวนสัมผัสได้ว่าร่างกายของนางก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ แต่กลับมิได้อยู่ภายใต้การควบคุมของนาง เมื่อเห็นสายตาของผู้คนที่อยู่ ณ เบื้องล่าง นางก็รู้ว่าลิ่นฝูเสวี่ยทำสำเร็จแล้ว เช่นเดียวกับตอนที่นางพบเจออีกฝ่ายเป็นครั้งแรก นางถูกการร่ายรำของอีกฝ่ายดึงดูดความสนใจเอาไว้อย่างลึกล้ำ “ท่านแม่ ผู้ใดกำลังร่ายรำอยู่ตรงนั้นหรือเจ้าคะ?” จู่ ๆ ก็มีคนเอ่ยขึ้นมา แม่เล้าปี้มองดูแล้วให้รู้สึกตกตะลึง “นั่นผู้ใดกัน? ซิ่งอวี่กระนั้นหรือ?” “ดูเหมือนว่าจะมิใช่! ซิ่งอวี่จักมีเรือนร่างเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า!” “เช่นนั้นก็น่าแปลก ผู้ใดกันที่วิ่งขึ้นไปร่ายรำด้วยตัวเอง! ใครก็ได้ช่วยข้าเอานางลงมาที!” แม่เล้าป

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 432

    หลีเถารีบวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีตื่นเต้นพลางเหลือบมองไปทั่วห้อง ก่อนจะโผเข้าหาซิ่งอวี่ที่ยังสลบไสลอยู่กับพื้น “นางสารเลว! เจ้าวางยาจนข้าขึ้นเวทีมิได้เพื่อได้ช่วงชิงความสนใจ!” หลีเถาบีบคอซิ่งอวี่ด้วยความโมโหจัด ลั่วชิงยวนรีบก้าวเดินเข้าไปดึงตัวอีกฝ่ายออกมา ในยามนี้เอง แม่เล้าปี้พร้อมกับคนอื่น ๆ ก็เข้ามา “ปล่อยข้านะ! ข้าจักตีนางสารเลวผู้นี้ให้ตาย!” หลีเถาโกรธจัด แม่เล้าปี้รีบคว้าตัวหลีเถาเอาไว้ “เจ้ากินยาแล้วใช่หรือไม่? รีบกลับไปพักผ่อนซะ อย่าได้เที่ยววิ่งพล่านไปทั่ว” “เร็วเข้า รีบพาแม่นางหลีเถากลับห้องไปเสีย!” หลีเถาดิ้นรนขัดขืนพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ “ข้ามิกลับ! เป็นนางสารเลวผู้นี้ที่วางยาข้า! นางทำลายโอกาสที่ข้าจักได้ขึ้นเวที ข้ามิไปหรอก!” ทว่าถึงแม้หลีเถาจะไม่ยอมจากไป แต่การตอบสนองในทางกลับกันของร่างกายก็บีบให้นางต้องออกไป นางปวดท้องขึ้นมาอีกแล้ว! หลีเถารีบวิ่งออกไปทันที หลังจากหลีเถาจากไปแล้ว แม่เล้าปี้ก็รีบสั่งคนให้มาช่วยประคองซิ่งอวี่ อาภรณ์เป็นของซิ่งอวี่ก็จริง แต่เรือนร่างกลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด หลังจากซิ่งอวี่ฟื้นแล้ว แม่เล้าปี้ก็รีบถามว่า “ซิ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 433

    แต่นางก็มีข้อได้เปรียบพอให้กำแหงได้จริง ๆ นั่นแหละ! …… ลั่วชิงยวนออกจากหอเจาเซียงอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางเสียงดังสับสนวุ่นวาย หามีผู้ใดสังเกตเห็นนางสักคนไม่ หลังออกมาจากหอเจาเซียง ลั่วชิงยวนรู้สึกว่าอากาศสดชื่นขึ้นจนอดมิได้ที่จะสูดหายใจลึก ๆ “สวรรค์ คราวหน้าพวกเราจักมาเมื่อใดรึ?” ลิ่นฝูเสวี่ยตั้งหน้าตั้งตารอคอยคราวหน้าแล้ว ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่สักครู่ “คราวหน้าข้าย่อมต้องกลับมาอีกแน่” “ว่าแต่ยังมิถึงเวลาที่เจ้าจะบอกเงื่อนงำเกี่ยวกับมารดาของข้าอีกหรือ?” ลิ่นฝูเสวี่ยยกยิ้มเยาะ “ท่านตัวเล็กนิดเดียว ทว่ากลับฉลาดเป็นกรด” “ในเมื่อวันนี้ท่านให้ความร่วมมือแต่โดยดี ข้าจักบอกท่านให้รู้ก่อนว่าข้ารู้ชื่อจริงของมารดาท่าน” “มารดาของท่านมีนามว่าลั่วอิง” ทันทีที่เอ่ยวาจาออกมา ลั่วชิงยวนก็ฝีเท้าซวนเซและตกตะลึงไปทั้งร่างประดุจดั่งถูกสายฟ้าฟาด ลั่วอิง! ลั่วอิง! สองคำนี้วนเวียนอยู่ในหัวของนาง เป็นอาจารย์จริง ๆ ด้วย! ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้นางมักจะคิดเช่นนี้มาโดยตลอด แต่เมื่อคำตอบได้รับการยืนยันในที่ท้ายสุด นางก็ยังคงรู้สึกตกตะลึง นางสงบสติอารมณ์แล้วถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “เช่นนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 434

    “ลั่วเยวี่ยอิง! เจ้าลอบเข้ามาทำอันใด!” ลั่วชิงยวนตะคอกใส่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย็นชา ลั่วเยวี่ยอิงมีสีหน้าตื่นตระหนกแล้วรีบซ่อนกล่องที่กำลังถืออยู่เอาไว้ข้างหลัง แต่ลั่วชิงยวนมองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นกล่องที่ใช้เก็บเครื่องยาสมุนไพร นางรีบเดินเข้ามาคว้าแขนของลั่วเยวี่ยอิง “คืนมาให้ข้าซะ!” ลั่วเยวี่ยอิงหลบเลี่ยงนางอย่างสุดความสามารถ จากนั้นก็กอดกล่องเอาไว้พลางนั่งลงกับพื้นแล้วรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ลั่วชิงยวน เจ้ามิอยู่ในเรือนเสียด้วยซ้ำไป เจ้าหนีออกไปตั้งนานแล้ว! หากเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจักมิบอกผู้ใด” “มิฉะนั้นข้าจักบอกท่านอ๋องว่าเจ้ามิได้อยู่ในเรือนเลย!” แววตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชาแล้วแย่งเอากล่องมาทันที เมื่อเปิดดูก็เห็นว่าเป็นโสมอายุร้อยปี นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ซ่งเชียนฉู่หลงเหลือไว้ให้นางรักษาแผลของตน การที่ลั่วเยวี่ยอิงเข้ามาขโมยสมุนไพรทันที พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเมื่อเช้าฟู่เฉินหวนขอโอสถเพียงเพื่อเอามาใช้รักษาลั่วไห่ผิง! “คืนข้ามา! เอาคืนข้ามานะ!” ลั่วเยวี่ยอิงรีบเข้ามายื้อแย่งราวกับคลุ้มคลั่ง ลั่วชิงยวนถีบเข้าที่หน้าอกลั่วเยวี่ยอิงทันที ลั่วเยวี่ยอิงถูกถีบจน

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1294

    ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1293

    นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมิพอใจนางเป็นถึงองค์หญิง ความรักของนางนั้นสูงส่งยิ่งนัก เฉินชีควรจะคุกเข่ารับมันไว้ แต่น่าเสียดายที่เขาปฏิเสธนางอย่างเย็นชา! มิหนำซ้ำยังทำให้นางอับอายขายหน้าอีกด้วย!นางมิพอใจและมิเต็มใจอย่างยิ่งเฉินชียิ่งเป็นแบบนี้ นางก็ยิ่งอยากเอาชนะเขาให้ได้!เฉินชีมองนางด้วยความประหลาดใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจแต่เขาก็ยังคงแย่งกระบี่ในมือเกาเหมียวเหมี่ยวมา แล้วกดศีรษะของนางลง ก่อนจะจุมพิตลงบนริมฝีปากของนางอย่างมิลังเลหัวใจของเกาเหมียวเหมี่ยวเต้นแรงราวกับจะกระโดดออกมาจากอกของนางจูบของเฉินชีนั้นเร่าร้อนและรุนแรงอย่างมิอาจต้านทานได้เกาเหมียวเหมี่ยวถูกจูบจนหมดแรง แทบจะทรุดตัวลงแต่ในขณะที่นางคิดว่าเฉินชีจะทำอะไรต่อไป เฉินชีกลับผลักนางออกอย่างแรงไร้ซึ่งความปรานีก่อนเดินจากไปอย่างสง่างามโดยมิแม้แต่จะหันมามองนางด้วยซ้ำเกาเหมียวเหมี่ยวล้มลงนั่งกับพื้นพลางมองแผ่นหลังของเฉินชีด้วยความตกตะลึงเสียงเย็นชาของเฉินชีดังขึ้นว่า “สิ่งที่ท่านให้ข้าทำ ข้าทำแล้ว เรื่องนี้จบแค่นี้”“หากท่านยังคงใช้เรื่องนี้มาขู่ข้าอีก ข้าจะมิเกรงใจท่านแน่”เฉินชีเดิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1292

    ลั่วชิงยวนมองอวี๋โหรวด้วยความประหลาดใจ อวี๋โหรวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คราวก่อนเจ้ามิได้ถามข้าหรอกหรือว่ามีสิ่งนี้หรือไม่ นี่เป็นดอกสุดท้ายที่ข้าเหลืออยู่”“คราวนี้เจ้าถูกฮองเฮาทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ข้าคิดว่าเจ้าย่อมต้องการสิ่งนี้เป็นแน่ จึงได้นำมาให้”ลั่วชิงยวนได้ฟังก็รู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก นางมิคาดคิดว่าอวี๋โหรวจะมอบสิ่งนี้แก่นางด้วยว่ายามนี้ ต่อให้หาทั่วทั้งเมืองหลวงก็หาสิ่งนี้มิได้แล้ว“ขอบคุณ” ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างซาบซึ้งใจยามนี้นางต้องการสิ่งนี้ยิ่งนัก“มิต้องเกรงใจ” อวี๋โหรวแย้มยิ้มจากนั้นทั้งสองก็เข้าวังไปด้วยกัน กลับไปยังที่พำนักของสำนักนักบวชของพวกนางการใช้บัวถวายนั้นจำต้องใช้สมุนไพรอื่นร่วมด้วย อวี๋โหรวจึงไปยังคลังโอสถเพื่อนำสมุนไพรมามากมายลั่วชิงยวนจึงก่อไฟต้มยาในลานหลังจากกินยาเข้าไป ลั่วชิงยวนก็รู้สึกถึงกระแสความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างสิ่งนี้มีสรรพคุณหลักในการรักษาบาดแผลภายในและฟื้นฟูลมปราณ แต่เมื่อบาดแผลภายในหายดีแล้วย่อมส่งผลดีต่อบาดแผลภายนอกด้วยเช่นกันอวี๋โหรวเห็นว่าหลังจากนางกินยาแล้วสีหน้าของนางก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ดูเหมือนว่ายานี้จะได้ผลดีกับเจ้าย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1291

    นางจ้องมองไปยังเฉินชีพลางเอ่ยว่า “โอสถนี้ก็แค่บำรุงรักษาร่างกายทั่วไป มิได้มีผลอะไรต่อข้าในยามนี้”เฉินชีกลับกล่าวตอบ “ร่างกายของเจ้าในยามนี้มิอาจกินยาแรงได้ ตำรับยานี้สามารถรักษาบาดแผลภายนอกของเจ้าได้”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมุ่นมองเขา “แต่ยามนี้ข้าต้องการโอสถรักษาบาดแผลภายใน”“โอสถของเจ้าเพียงรักษาที่ปลายเหตุ มิได้รักษาที่ต้นเหตุ!” เฉินชียังคงยืนกรานในความคิดของตน “วางใจเถิดอาเหลา โอสถที่ข้าให้เจ้ากินนั้นย่อมเหมาะสมแก่เจ้าที่สุด”“เจ้าพักผ่อนให้ดี ข้ายังต้องเข้าวังไปอีกครั้ง”“เรื่องของเกาเหมียวเหมี่ยวยังมิได้สะสาง”“เจ้าพักอยู่ที่นี่ให้สบายใจ ไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายเจ้าหรอก”กล่าวจบ เฉินชีก็จากไปอีกทั้งยังจัดแจงให้คนมาส่งโอสถแก่ลั่วชิงยวนด้วยลั่วชิงยวนพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนของเฉินชีสองวันแล้ว ทุกวันจะมีนางรับใช้มาเปลี่ยนผ้าพันแผลและเสื้อผ้าให้ตรงเวลาโอสถที่นำมาให้ก็ล้วนเป็นไปตามตำรับของเฉินชีทว่าลั่วชิงยวนรู้ซึ้งถึงอาการของตนดีว่า ร่างกายของตนนั้นจำต้องได้รับการรักษาด้วยโอสถใดตำรับยาของเฉินชีนั้นเป็นเพียงยาบำรุงร่างกายและให้สารอาหารแก่ร่างกายนี้ แต่การบำรุงเพียงอย่างเดีย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1290

    ขณะพูด เฉินชีก็รีบหยิบขวดโอสถขวดหนึ่งออกมา พลางเทโอสถลูกกลอนหนึ่งเม็ดส่งให้ลั่วชิงยวนกินมันสามารถปกป้องหัวใจของนางได้รถม้าโคลงเคลงไปตลอดทาง เร่งมุ่งหน้าไปยังจวนของเฉินซีอย่างรวดเร็วหลานจีได้ยินเสียงจึงเดินมาที่ลาน นางสงสัยมากว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านแม่ทัพต้องรีบร้อนออกไปอย่างกะทันหันทว่านางกลับเห็นเฉินชีลงจากรถม้าพร้อมกับอุ้มลั่วชิงยวนที่ได้รับบาดเจ็บ“ท่านแม่ทัพ… นางคือ...” หลานจีรีบสาวเท้าเข้ามาแต่นางกลับถูกเฉินชีผลักออกไปอย่างไร้ความเมตตา “อย่ามาขวางข้า!”หลานจีต้องถอยหลังไปสองก้าวถึงจะทรงตัวไว้ได้เมื่อได้สติ เฉินชีก็เดินไปไกลพร้อมกับสตรีในอ้อมแขนแล้วหลานจีตกตะลึงเหตุใดท่านแม่ทัพถึงต้องเป็นห่วงสตรีนางนั้นถึงเพียงนี้?นางเป็นใครกัน?หลานจีเกิดอาการตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกะทันหันนางตามไปดูด้วยความมิพอใจเฉินชีอุ้มลั่วชิงยวนเข้ามาที่ห้องของตน เขาวางนางลงบนเตียงแล้วเรียกนางรับใช้มาเปลี่ยนอาภรณ์ให้ลั่วชิงยวนนางรับใช้พากันสาละวนเข้า ๆ ออก ๆ เรือนกันยกใหญ่ยามนี้หลั่วชิงยวนหลับไปแล้วจากนั้นเฉินชีก็ออกจากห้องไป และมิรู้ว่าเขาไปที่ใดหลังจากที่นางรับใช้เปลี่ยนอา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1289

    "ตอนนี้มิว่าท่านจะตรัสอะไรไปก็ไร้ประโยชน์”“ไม่มีใครสนใจหรอกเพคะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สีหน้าของฉินอี้และฮองเฮาเกาก็เปลี่ยนไปฮองเฮาเกาจ้องนางด้วยสายตาดุร้ายนางยิ้มเยาะ “ในที่สุดก็ยอมเอ่ยปากแล้วรึ? อย่าลืมที่ข้าพูดไว้สิว่า หากเจ้าพูดข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้งเสีย!”จากนั้นนางก็ส่งสายตาเป็นนัยให้องครักษ์องครักษ์สองคนก้าวไปข้างหน้า คนหนึ่งจับไหล่ของลั่วชิงยวน อีกคนหยิบมีดขึ้นมาเตรียมตัวพร้อมลงมือฉินอี้ตกใจและครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะทำอย่างไรดีลั่วชิงยวนยังมิยอมแพ้ รอยยิ้มเย็นชาผุดขึ้นบนใบหน้าของนาง “องค์ชายใหญ่ทรงเคยคิดหรือไม่เพคะว่าเหตุใดวรยุทธ์ของท่านถึงหยุดนิ่งมิพัฒนาไปไหน?”“เหตุใดถึงเรียนรู้ได้ช้า แม้จะทุ่มเทความพยายามมากกว่าคนทั่วไปหลายสิบเท่า แต่ก็ยังมิสามารถเรียนรู้ได้เท่ากับที่คนอื่นทำได้”“นั่นมีเหตุผลอยู่เพคะ”“ที่จริงแล้ว ทั้งหมดมิใช่เป็นเพราะพรสวรรค์ที่ธรรมดาเพคะ”“แต่มีพิษชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า…”เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ฉินอี้ก็ตกใจเป็นอย่างมากฮองเฮาเการีบกระชับเสื้อของนางด้วยความกังวล สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังจะพูดออกมาน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1288

    ทันทีที่คำกล่าวเหล่านี้หลุดออกมาร่างกายของฟู่เฉินหวนก็แข็งทื่อดวงตาของฉินอี้เต็มไปด้วยความคาดหวังอันร้อนแรงตั้งแต่เล็กจนโต แม้เขาจะเป็นองค์ชาย แต่ก็มีเพียงมิกี่คนที่ให้ความเคารพเขาแม้กระทั่งน้องสาวของเขาเองก็มักจะลงมือทำร้ายเขาบ่อย ๆ โดยมิไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อยส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคืออ๋องผู้เป็นเทพสงครามเทพแห่งแคว้นเทียนเชวียและผู้สำเร็จราชการผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้าเขาจึงตั้งตารอที่จะได้เห็นฟู่เฉินหวนคุกเข่าด้วยความเคารพฟู่เฉินหวนกำหมัดแน่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จริงเขาสามารถเจรจากับฉินอี้ได้ และมีเงื่อนไขต่าง ๆ มากมายที่เขาสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายได้ทว่าการเจรจาต้องอาศัยยุทธวิธีและที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องมีจิตใจที่สงบมั่นคงแต่ในเวลานี้ ฟู่เฉินหวนมิสามารถทำเช่นนั้นได้เขาแทบจะรอมิไหวแล้วดวงตาของเขาขรึมลง พลางยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงเสียงดังตึงเมื่อเข่ากระทบพื้นนั้นเจือไปด้วยความอึดอัดกลัดกลุ้ม แต่เป็นเสียงที่ฉินอี้ฟังแล้วรู้สึกสบายหูเป็นอย่างยิ่งมิอาจปฏิเสธได้ว่าตอนนี้เขาพอใจอย่างถึงที่สุดนี่เป็นความรู้สึกที่เขาพยายามเสาะหามาตลอดหลายปีแต่ก็มิเคยได้มันมาโดยเฉพา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1287

    ในห้องขังอันเงียบงัน เสียงเฆี่ยนตีดังชัดเจนจนเหมือนได้ยินเสียงผิวหนังฉีกออกเป็นชิ้น ๆทำเอาคนที่ได้ยินรู้สึกใจสั่นที่มุมตรงทางเดิน บุรุษสวมหน้ากากที่อยู่ข้างหลังฉินอี้กำหมัดแน่นในทันทีฝ่ามือถูกจิกจนเกือบจะเลือดออกฟู่เฉินหวนที่ได้ยินเสียงนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงและอดมิได้ที่จะพุ่งไปหาแต่ฉินอี้คว้าข้อมือของเขาเอาไว้“เฉินชีจะมาช่วยนางเอง”“หากตอนนี้เจ้าถูกจับได้ก็ช่วยนางออกไปมิได้ แล้วพวกเจ้าก็จะต้องตายอยู่ที่นี่”“ด้วยตัวตนของเจ้า มีแต่จะต้องเผชิญกับจุดจบที่น่าอนาถยิ่งกว่าเดิม”ฟู่เฉินหวนกำหมัดแน่น เขาก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าวและอดทนต่อไปฝ่ามือของเขาเหงื่อออกเมื่อได้ยินเสียงเฆี่ยนตีอย่างต่อเนื่องแต่ไม่มีเสียงร้องของความเจ็บปวด ก็สามารถบอกได้ว่า ลั่วชิงยวนกำลังทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดมากเพียงใดนั่นทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมากทว่าเขาทำได้เพียงเฝ้ามองจากที่ไกล ๆ มิสามารถเข้าไปใกล้หรือช่วยนางได้เสียงแส้ดังขึ้นอย่างมิหยุดหย่อน และเสียงแส้ในแต่ละครั้งนั้นดูเหมือนจะฟาดลงไปที่หัวใจของฟู่เฉินหวนจนเลือดสด ๆ ไหลออกมาเป็นทางเวลาเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า และเสียงแส้น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1286

    ภายในห้องบรรทมอันโอ่อ่าฉินอี้เดินมาที่ข้างเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลยามนี้เกาเหมียวเหมี่ยวได้ทำแผลและกินโอสถเรียบร้อยแล้ว แต่ใบหน้าของนางยังคงซีดอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอี้เดินมาหาด้วยใบหน้าฟกช้ำและเปื้อนเลือด เกาเหมียวเหมี่ยวจึงมองเขาด้วยความมิอยากเชื่อ“ท่านแพ้ลั่วชิงยวนรึ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองบาดแผลของเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยความกังวลและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยว บาดแผลเจ้าสาหัสมาก ช่วงสองวันนี้เจ้าควรพักผ่อนให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหนมาไหนเลย”ทว่าเกาเหมียวเหมี่ยวกลับมิได้สนใจในความห่วงใยของฉินอี้นางจ้องมองฉินอี้ด้วยความโมโหแล้วยกฝ่ามือฟาดไปหนึ่งฉาดฉินอี้มิประหลาดใจแม้แต่น้อย แต่กลับมองเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นห่วง“เหมียวเหมี่ยว...”เกาเหมียวเหมี่ยวโมโหมากจนเอามือฟาดเขาสองครั้งติดต่อกันและแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ขยะไร้ค่า! ขยะไร้ค่า!”“ท่านเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง แต่กลับถูกลั่วชิงยวนจัดการจนมีสภาพเช่นนี้ อับอายจนมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”เกาเหมียวเหมี่ยวโกรธจนแทบอยากจะฉีกลั่วชิงยวนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดวงตาของฉินอี้หรี่ลง แต่กลับมิได

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status