สวี่ชิงหลินพาซ่งเชียนฉู่กลับขึ้นเขาไปอีกครั้ง ลั่วชิงยวนติดตามพวกเขาอยู่ไกล ๆ อีกหนหนึ่ง ในที่สุดคราวนี้พวกมันก็ลงมืออย่างที่คิดเอาไว้เลย สวี่ชิงหลินมุ่งหน้าไปยังถ้ำอสรพิษ ในวันเดียวกันนั้นเอง ข่าวที่พวกชาวบ้านเอาลั่วชิงยวนไปเซ่นสังเวยให้แก่เทวาภูผาก็ดังมาเข้าหูของฟู่เฉินหวน เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินข่าวนี้ ทีแรกเขาก็ไม่อยากเชื่อนัก "เจ้าพูดอีกทีซิ?!" ซูโหยวก้มหน้าลงด้วยเคร่งเครียด "ท่านอ๋อง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของกระหม่อมที่ไม่จับตาดูนางให้ดี กระหม่อมไม่คาดคิดว่าชาวบ้านพวกนั้นจะกล้า..." ทุกคนคิดว่าหลังจากส่งพระชายาไปที่จวนนอกเมืองเพื่อรับโทษสักสองสามวัน จากนั้นท่านอ๋องก็จะรับนางกลับมา แต่ผู้ใดจะคิดว่า... "เหลวไหลทั้งเพ! พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการผู้สูงศักดิ์กลับถูกไพร่กลุ่มหนึ่งเอาไปเซ่นสังเวยเทวาภูผาเช่นนั้นหรือ?!" ฟู่เฉินหวนโกรธจัดรู้สึกหัวใจบีบรัดอย่างบอกไม่ถูกจนแทบจะหายใจไม่ออก "ผู้ติดตามของกระหม่อมส่งคนไปถามดูแล้ว ตอนที่นางถูกพาตัวเข้าไปในหุบเขายังมีชีวิตอยู่ ถ้าโชคเข้าข้างพวกเรา พระชายาก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่พ่ะย่ะค่ะ" ซูโหยวกล่าวพลางก้มหน้าลง ฟู่เฉินหวนที่โกรธ
คนผู้นั้นหลอกนาง! สวี่ชิงหลินวิ่งเข้ามาแล้วเถาวัลย์บนผนังผาก็เปิดออกจนเผยให้เห็นเส้นทางลับอีกแห่งหนึ่ง ลั่วชิงยวนเองก็ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด ทันทีที่เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นในถ้ำ นักฆ่ากลุ่มหนึ่งที่ถืออาวุธนานาชนิดอยู่นอกถ้ำก็เตรียมพร้อมบุกเข้ามาในถ้ำ ซ่งเชียนฉู่ที่ถูกลากเข้าไปในถ้ำพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนด้วยความหวาดกลัว "ปล่อยข้า!" ความหวาดกลัวท่วมท้นจิตใจของนาง ในที่สุดพวกมันก็หยุดลง ถ้ำมืดจนชวนให้นางหัวใจสั่นสะท้าน ทันใดนั้นความเย็นยะเยือกก็คืบคลานมาตามแผ่นหลังแล้วโอบรอบลำคอของนางเอาไว้ น้ำเสียงน่าสะพรึงกลัวที่ซ่งเชียนฉู่ฝันถึงนับครั้งไม่ถ้วนดังก้องโสตของนาง "อาจวิน ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบเสียที" ซ่งเชียนฉู่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวแล้วสำลักก้อนสะอื้น "ข้าไม่ใช่อาจวิน เจ้าจำคนผิดแล้ว" "ข้าจำมิผิดหรอก ตอนนั้นเจ้าสาบานว่าจะหาโอสถมาให้ข้า แต่เจ้าก็ทิ้งข้าไปและไม่กลับมาอีกเลยทำให้ข้าต้องกลายเป็นเช่นนี้!" "ข้าละทิ้งชื่อเสียงและครอบครัวเอาไว้ข้างหลังเพื่อที่จะได้โบยบินไปกับเจ้า แต่เจ้ากลับทำกับข้าอย่างโหดร้ายถึงเพียงนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ารอคอยเจ้ามากี่ทิวาราตรีแล้ว?"
ชั่วขณะที่ลั่วชิงยวนเหลือบไปเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม นางก็ใจหล่นวูบ สวีซงหย่วน! บุรุษที่ลั่วอวิ๋นสี่ชื่นชอบ! มิน่า ตอนที่แอบฟังพวกเขาคุยกันในคืนฝนพรำนั้น น้ำเสียงของบุรุษจึงฟังดูคุ้น ๆ ที่แท้ก็เป็นสวีซงหย่วน! วันที่ลั่วอวิ๋นสี่เจอสวีซงหย่วนถึงได้อยากหนีตามสวีซงหย่วนไปด้วย นางเคยพบสวีซงหย่วนมาก่อนนี่เอง! ที่แท้เขากับสวี่ชิงหลินก็เป็นพวกเดียวกัน? ! นางรีบลุกขึ้นหมายจะไล่ตามสวีซงหย่วนไป แต่งูยักษ์เป็นอิสระจากตาข่ายเวทแล้วพุ่งเข้าหาซ่งเชียนฉู่ ลั่วชิงยวนไม่มีทางเลือกนอกเสียจากรีบถอยกลับมายืนขวางหน้าซ่งเชียนฉู่เอาไว้ "ไฉนเจ้าต้องหลอกข้าด้วย? เจ้ามิได้คิดจะปกป้องนางเลยสักนิด เจ้าคิดจะฆ่านางต่างหาก" ลั่วชิงยวนหยิบเข็มทิศออกมาทันที น้ำเสียงของนางทั้งเย็นชาและยังคงระแวดระวัง น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของงูยักษ์ดังขึ้นมาว่า "นางเป็นคนทำร้ายข้าจนกลายเป็นเช่นนี้! นังคนไร้หัวใจสมควรตาย!" เมื่อมันพูดจบ หมอกขาวกลุ่มหนึ่งก็ล่องลอยผ่านความมืดเข้ามา ลั่วชิงยวนจึงเห็นภาพอีกครั้งหนึ่ง บุรุษผู้นั้นต้องพิษงูแปลกประหลาดระหว่างที่กำลังเก็บสมุนไพรมาให้สตรีผู้นั้น เกล็ดมากมายนับไม่ถ้วนบนร่างกา
ตอนที่ฟู่เฉินหวนพาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในถ้ำ เขาก็เห็นลั่วชิงยวนที่กำลังนอนอยู่ตรงมุมหนึ่งได้ทันที เขารีบเดินเข้าไปช่วยประคองให้นางลุกขึ้นด้วยท่าทีร้อนใจ "ลั่วชิงยวน! ฟื้นสิ!" ฟู่เฉินหวนตรวจดูการหายใจเพื่อยืนยันว่านายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่! จากนั้นเขาก็รีบอุ้มลั่วชิงยวนออกไปจากถ้ำแล้วออกคำสั่งว่า "ตรวจสอบที่นี่ให้ละเอียด เมื่อสักครู่นี้มีความเคลื่อนไหวค่อนข้างเยอะทีเดียว ดูซิว่ายังมีผู้ใดอยู่อีกหรือไม่" เซียวชูตอบว่า "พ่ะย่ะค่ะ!" ทันใดนั้นฟู่เฉินหวนก็อุ้มลั่วชิงยวนออกมาจากถ้ำด้วยท่าทีร้อนใจ จากนั้นก็ลงเขามาถึงเรือนแห่งหนึ่ง จือเฉากำลังนั่งอยู่ตรงขั้นบันไดหิน เพื่อรอคอยให้พระชายากับแม่นางซ่งกลับมา แต่นางกลับไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นท่านอ๋องที่กำลังรอคอยอยู่! มิหนำซ้ำยังอุ้มพระชายามาอีกด้วย! "ทะ… ท่านอ๋อง ไฉนพระองค์ถึงเสด็จมาที่นี่ได้เพคะ?" จือเฉารู้สึกตกใจมากเสียจนต้องรีบลุกขึ้น แต่เมื่อนางเห็นพระชายาหมดสติและกระอักโลหิตอยู่ในอ้อมแขนของท่านอ๋อง จือเฉาก็พลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที "ไปเอาน้ำร้อนมา" "เพคะ!" เมื่อฟู่เฉินหวนอุ้มลั่วชิงยวนเข้ามาในห้อง จือเฉาก็รีบไปเอาน้ำร้อนแล
จือเฉารีบยื่นชาถ้วยหนึ่งให้แก่ลั่วชิงยวน แต่หลังจากดื่มชาเข้าไปแล้ว ลั่วชิงยวนก็อดมิได้ที่จะไอขึ้นมา ทันใดนั้นนางก็กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง จือเฉาร้องอุทานด้วยความตื่นตะลึง "พระชายา ท่านไอเป็นเลือดหนาเจ้าคะ!" ฟู่เฉินหวนที่อยู่ในลานเรือนถึงกับขมวดคิ้ว ไอเป็นเลือดเช่นนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บภายนอกจะไม่สาหัส แต่อาการบาดเจ็บภายในไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะในช่วงเหมันตฤดู หากไม่ดูแลให้ดี ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดโรคภัยขึ้นมาได้ ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วแล้วพยายามต่อสู้กับความคิดของตน เขาไม่ควรมอบโอกาสให้แก่ลั่วชิงยวนอีกครั้ง แต่... ถ้าหากนางยอมรับผิดและตัดขาดความสัมพันธ์กับฟู่อวิ๋นโจวและไทเฮา เขาก็จะมอบโอกาสครั้งสุดท้ายให้แก่นาง! ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จือเฉาก็วิ่งออกมานอกห้องแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าฟู่เฉินหวน "ท่านอ๋องเพคะ! พระชายาได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอท่านอ๋องได้โปรดอนุญาตให้พระชายากลับไปได้หรือไม่เพคะ?" เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเสียงของจือเฉา นางก็รีบลุกขึ้นจากเตียงทันที แต่นางกลับอ่อนแอลงทั้งยังมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง นางพิงกรอบประตูและปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฟู่เฉินหวนด้วย
เซียวชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "กระหม่อมพบร่องรอยของการมีคนอาศัยอยู่เรือนข้าง ๆ ผ้าผ่อนในตู้เสื้อผ้าหายไปส่วนหนึ่งซึ่งตรงกับสายคาดเอวไหมที่มัดแผลของนักฆ่าพ่ะย่ะค่ะ" เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนี้ สายตาของเขากลับแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา "นางเลี้ยงบุรุษไว้ในเรือนของข้าเช่นนั้นหรือ?!" เซียวชูรู้สึกประหลาดใจนัก ไฉนท่าทีตอบสนองอย่างแรกของท่านอ๋องถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า? "ท่านอ๋อง กระหม่อมเกรงว่าเรื่องราวจะไม่ง่ายดายเช่นนั้น มีศพนักฆ่าหลายสิบคนอยู่ในถ้ำ พวกมันเป็นนักฆ่าที่ฝึกวรยุทธมาหลายปีจึงไม่น่าจะมีวรยุทธอ่อนด้อย ดูเหมือนว่าพวกมันจะตายเพราะพิษจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำ" "การตายช่างน่าสงสัยนัก ทั้งยังเป็นถ้ำอสรพิษอีกต่างหาก พระชายาถูกส่งไปที่นั่นเพื่อเซ่นสังเวยให้แก่เทวาภูผา แต่นักฆ่าพวกนั้นมาจากที่ใดกัน?" "ไฉนพระชายาถึงเข้าไปพัวพันกับพวกมันได้?" หลังจากฟังวาจาของเซียวชู สายตาของฟู่เฉินหวนกลับยิ่งเย็นชามากขึ้น "ตรวจดูให้ละเอียด! ตรวจสอบพื้นเพของคนพวกนั้นด้วย!" หลังจากฟู่เฉินหวนสั่งการก็เดินจากไป เซียวชูรีบถามขึ้นมาว่า "พระชายาเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?" ฟู่เฉินหวนเหลียว
นางฉีกเสื้อผ้าตัวเองแล้วรีบพันแผลให้งูยักษ์ จากนั้นหาที่หลบซ่อนแล้วยัดตัวมันเข้าไปข้างใน "ช่วยชีวิตคนได้กุศลยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ข้าจะช่วยเจ้าสักครั้งก็แล้วกัน ถ้าหากเจ้ารอดพ้นเหมันต์นี้ไปได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะปล่อยซ่งเชียนฉู่ไป" "แน่นอนว่าต่อให้เจ้าไม่ยอมปล่อยนางไป ก็ไม่เป็นไรหรอก อย่างไรเสียเจ้าก็เอาชนะข้าไม่ได้" หลังจากลั่วชิงยวนพูดจบ นางก็หันหลังเดินจากไป นางแบกซ่งเชียนฉู่เอาไว้บนหลังแล้วเดินลงเขาไปด้วยความยากลำบาก เมื่อกลับมาถึงเรือนลั่วชิงยวนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดให้ซ่งเชียนฉู่แล้วเตรียมตัวไปต้มยามาป้อนให้ซ่งเชียนฉู่ ช่วยชีวิตของอีกฝ่ายไว้ได้เป็นการชั่วคราว! …… เมื่อถึงตอนเย็น จือเฉาก็กลับมาพร้อมกับโอสถแล้วรีบไปต้มยาให้ลั่วชิงยวน "พระชายา แม่นางซ่งเองก็กลับมาแล้ว สวี่ชิงหลินเล่าเจ้าคะ?" จือเฉาถามด้วยความสงสัย "เขาตายไปแล้ว" ลั่วชิงยวนตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก จือเฉาผงกศีรษะ "เช่นนั้นนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราสามคนก็คงต้องพึ่งพาอาศัยกันแล้ว! พรุ่งนี้บ่าวจะหาทางขึ้นเขาไปเก็บผักป่าเองเจ้าค่ะ" เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ นางก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า "เจ้าเป็
เกรงว่า… เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง การที่ซ่งเชียนฉู่ฝันถึงเรื่องเหล่านี้ ก็น่าจะเป็นเพราะงูยักษ์ มันรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว ซ่งเชียนฉู่ไม่ได้ทอดทิ้งเขาไป แต่ประสบอุบัติเหตุระหว่างที่กำลังตามหาโอสถ น่าเสียดายที่บัวมรกตเหมันต์ถูกเด็ดไปก่อนแล้ว เกรงว่าคงไม่มีวันได้พบเจ้าสิ่งนั้นอีกในใต้หล้านี้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นางก็อดไม่ด้ที่จะรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง เมื่อเห็นสีหน้าที่ยังคงหวาดกลัวของซ่งเชียนฉู่ ลั่วชิงยวนก็ลังเลไปชั่วขณะและตัดสินใจว่าจะไม่บอกความจริงกับอีกฝ่าย ต่อให้นางบอกอีกฝ่ายไป อีกฝ่ายจะยอมรับได้หรือ? ตอนนี้ไม่รู้ว่าซ่งเชียนฉู่หวาดกลัวงูมากขนาดไหน ทว่าต่อให้ลั่วชิงยวนไม่พูดอะไร ซ่งเชียนฉู่ก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง นางไม่ได้เล่าให้ลั่วชิงยวนฟังว่าสระน้ำเย็นในความฝันเหมือนกับสถานที่ที่ตนตามหาโอสถไม่มีผิดเพี้ยน บัวมรกตเหมันต์ที่ลั่วชิงยวนได้มาน่าจะเติบโตอยู่ก้นสระน้ำเย็น เพื่อบัวมรกตเหมันต์ดอกนี้แล้ว นางเฝ้าตามหามันมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเยาว์วัย ถึงขนาดตามหาแม้แต่ในความฝัน ทว่าสุดท้ายนางก็ยังไม่มีโอกาสได้มันมา หลังจาก
เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว
เมื่อเฉินชีได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินมาที่หน้าต่าง พิงกำแพงพลางกอดอก “เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นใคร?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นักบวชระดับสูง”ดวงตาของเฉินชีลุกโชนด้วยประกายร้อนแรง “อาเหลา ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเย่อหยิ่ง “กลับแคว้นหลีก็ได้ ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”“แคว้นหลีจะมีนักบวชระดับสูงได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”เฉินชียกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างนอบน้อม “อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลย สิบเรื่อง ร้อยเรื่อง เฉินชีก็ยินดีทำเพื่อนักบวชระดับสูงทั้งสิ้น!”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองเขาด้วยแววตาที่ลึกล้ำถึงแม้เฉินชีจะบ้าแต่ก็มิใช้คนโง่เขลา เขาทำอะไรตามอำเภอใจแต่ก็คงมิยอมสยบต่อนางง่าย ๆ เช่นนี้การเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ทำให้นางมิค่อยเชื่อถือ“เจ้าฟังเรื่องที่ข้าจะให้เจ้าทำก่อนค่อยตอบรับก็ยังมิสาย”เฉินชีลุกขึ้นมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย “ท่านนักบวชต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”“ข้าต้องการให้เจ้ายกทัพไปตีซีหลิง”“แต่ห้ามสู้รบกันจริง ๆ ห้ามทำร้ายราษฎร”เฉ
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ
ครั้นลั่วชิงยวนถูกพากลับมายังเรือนพวกองครักษ์ก็ปล่อยตัวนาง นางจึงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความอ่อนล้า“พระชายา! พระชายา!”จือเฉารีบรุดเข้ามาประคอง แต่พลั้งมือไปโดนแขนนางเข้า จึงสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับ “พระชายา แขนของท่าน...”ลั่วชิงยวนยันกายลุกขึ้นโดยอาศัยจือเฉาพยุงเดินเข้าห้องไปอย่างเชื่องช้าเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ นางก็จับแขนข้างที่หักนั้นไว้พลางกัดฟันแน่นก่อนจะออกแรงดันกระดูกให้เข้าที่ความเจ็บปวดแล่นริ้วราวกับจะขาดใจ น้ำตาของนางแทบไหลรินจือเฉากลั้นน้ำตาไว้มิอยู่ “พระชายา... เหตุใดท่านอ๋องจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ ลงพระหัตถ์หนักหนาเกินไปแล้ว...”ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อกพลันไอออกมามิหยุด จือเฉารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อไอเสร็จ ลั่วชิงยวนก็พบว่าผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยเลือด...จือเฉาตกใจมาก “บ่าวจะไปตามซูโหยวให้ไปเชิญหมอหลวงมาเจ้าค่ะ”แต่ลั่วชิงยวนกลับบอกว่า “มิต้อง อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลย”หากฟู่เฉินหวนรู้ว่าซูโหยวช่วยนางคงจะโกรธมากเป็นแน่“แล้วแผลของพระชายาเล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนรินน้ำชา “ยังมีสมุนไพรเหลืออยู่มิใช่หรือ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”จากนั้นนางก็หยิบส
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป
เขามีสีหน้าเย็นชาขณะกล่าวเสียงเรียบ “กลับตำหนักกับข้า”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงให้จือเฉาเก็บข้าวของตามฟู่เฉินหวนออกจากวังเมื่อขึ้นรถม้า ฟู่เฉินหวนก็สั่งสารถีให้กลับตำหนักทันทีทั้งยังเร่งให้รีบกลับด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่รถม้าแล่นไปอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนถูกเขย่าโคลงเคลงจนตัวแทบปลิว แต่ก็ยังพยายามทรงตัว มิเอ่ยคำใดจนกระทั่งรถม้ามาถึงหน้าตำหนักลั่วชิงยวนจึงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนนางยกมือขึ้น แตะใบหน้าเขาเบา ๆ “ใบหน้าของท่านเป็นอะไรไป?”ฟู่เฉินหวนคว้าข้อมือของนางไว้แล้วจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ “มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ!”ลั่วชิงยวนชะงักไปชั่วพริบตานั้น ฟู่เฉินหวนก็กระชากนางลงจากรถม้าอย่างแรง ทำให้นางเกือบล้มนางเดินเซ แต่ก็ยังถูกฟู่เฉินหวนลากเข้าไปในตำหนักฟู่เฉินหวนเดินอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยโทสะราวกับพยายามอดกลั้นมานานลั่วชิงยวนจึงตระหนักได้ว่าเขาคงถูกจักรพรรดิสูงสุดลงโทษมิเช่นนั้นรอยแดงบนใบหน้าเขาจะมาจากไหนเมื่อมาถึงลานด้านใน นางก็สะบัดตัวหลุดจากฟู่เฉินหวน“ท่านจะทำอะไร!”ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็บีบคางน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งไป่ชวนก็มาถึงลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเซิ่งไป่ชวนเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากนาง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พระชายารู้สึกหนาวหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้ามิเป็นอะไร มิต้องตรวจชีพจรแล้ว ข้าจะเขียนใบเทียบยาให้ เจ้าช่วยไปหยิบยาให้หน่อย”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือแพทย์ของลั่วชิงยวนจึงมิฝืนใจเพียงแต่กล่าวว่า “เห็นอาการของพระชายาทรงทรุดลงทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะความวิตกกังวล พระชายาควรปล่อยวางบ้าง”“เพื่อรักษาพระวรกายให้แข็งแรงขอรับ”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขอบคุณหมอหลวงเซิ่ง”“ข้าจะระมัดระวัง”ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็พลันได้ยินเสียงตวาดดังมาจากด้านนอก“ว่ากระไรนะ! สั่งลงไป ผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ตัดหัวได้เลย!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยด้วยความสงสัย นางจึงสวมรองเท้าเดินออกไปจือเฉานำผ้าคลุมมาสวมให้นางเห็นจักรพรรดิสูงสุดกำลังโมโหอยู่ใต้ชายคา“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความอยากรู้จักรพรรดิสูงสุดกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้ามิได้ดุใครมานานแล้วเลยลองฝึกฝนดู”จากนั้นจักรพรรดิสูงสุด