เกรงว่า… เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง การที่ซ่งเชียนฉู่ฝันถึงเรื่องเหล่านี้ ก็น่าจะเป็นเพราะงูยักษ์ มันรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว ซ่งเชียนฉู่ไม่ได้ทอดทิ้งเขาไป แต่ประสบอุบัติเหตุระหว่างที่กำลังตามหาโอสถ น่าเสียดายที่บัวมรกตเหมันต์ถูกเด็ดไปก่อนแล้ว เกรงว่าคงไม่มีวันได้พบเจ้าสิ่งนั้นอีกในใต้หล้านี้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นางก็อดไม่ด้ที่จะรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง เมื่อเห็นสีหน้าที่ยังคงหวาดกลัวของซ่งเชียนฉู่ ลั่วชิงยวนก็ลังเลไปชั่วขณะและตัดสินใจว่าจะไม่บอกความจริงกับอีกฝ่าย ต่อให้นางบอกอีกฝ่ายไป อีกฝ่ายจะยอมรับได้หรือ? ตอนนี้ไม่รู้ว่าซ่งเชียนฉู่หวาดกลัวงูมากขนาดไหน ทว่าต่อให้ลั่วชิงยวนไม่พูดอะไร ซ่งเชียนฉู่ก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง นางไม่ได้เล่าให้ลั่วชิงยวนฟังว่าสระน้ำเย็นในความฝันเหมือนกับสถานที่ที่ตนตามหาโอสถไม่มีผิดเพี้ยน บัวมรกตเหมันต์ที่ลั่วชิงยวนได้มาน่าจะเติบโตอยู่ก้นสระน้ำเย็น เพื่อบัวมรกตเหมันต์ดอกนี้แล้ว นางเฝ้าตามหามันมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเยาว์วัย ถึงขนาดตามหาแม้แต่ในความฝัน ทว่าสุดท้ายนางก็ยังไม่มีโอกาสได้มันมา หลังจาก
"ผู้ใดอยู่ตรงนั้น?" บุรุษผู้หนึ่งเปิดประตูออกมา ลั่วชิงยวนกับซ่งเชียนฉู่ถูกพบตัวเข้า ก่อนที่พวกนางจะทันได้หนีไป "พวกเจ้ากำลังทำอะไร? เข้ามาขโมยของในหมู่บ้านเช่นนั้นหรือ!" "ช่วยด้วย มีผู้บุกรุก!" ลั่วชิงยวนร้องอุทานด้วยความตกใจแล้วรีบช่วยซ่งเชียนฉู่ยกหีบ "วิ่งเร็ว!" ไม่นานชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่ปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลังก็ถือไม้เท้ากับจอบวิ่งไล่ตามพวกนางมา ลั่วชิงยวนหายใจแทบไม่ออกและแทบจะยกสิ่งของในอ้อมแขนไม่ไหวอยู่แล้ว "เจ้าใส่เข้าไปในนี้เยอะขนาดไหนกัน หนักเหลือเกิน!" ซ่งเชียนฉู่เองก็หยุดพักหายใจ "ช้าก่อน! มีโสมเก้าบุษบันอมตะของท่านอยู่ด้วย! ทั้งยังมีทั้งหมดสามแขนงอีกต่างหาก! เพียงพอที่จะรักษาโรคอ้วนของท่านได้เชียวหนา!" เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็รู้สึกตื่นเต้น จากนั้นโลหิตทั่วทั้งกายาก็เริ่มที่จะเดือดพล่าน โสมเก้าบุษบันอมตะสามแขนง! แม้แต่ยามที่นางเป็นนักบวชหญิง นางก็ยังมิได้รับโสมเก้าบุษบันอมตะทีเดียวถึงสามแขนงเลย! ต่อให้มีเงินก็เป็นเรื่องยากที่จะซื้อหามาได้ ลั่วชิงยวนใช้มือเดียวยกหีบใบใหญ่พลางใช้มืออีกข้างคว้าแขนของซ่งเชียนฉู่เอาไว้ จากนั้นนางก็รีบวิ่งกลับ
ลั่วชิงยวนพลันนึกขึ้นได้ว่าอาหารของพวกนางหมดแล้ว ซ่งเชียนฉู่จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เข้าเมืองไปขายเครื่องยาสมุนไพรกันเถอะ พวกเราน่าจะหาเงินได้บ้างแล" ลั่วชิงยวนรีบโบกมือ "มิได้นะ! เครื่องยาสมุนไพรพวกนั้นล้ำค่าเกินไป แม้แต่ในเมืองหลวงก็ยากจักพบได้ หากขายไปเช่นนี้คงได้ขาดทุนกันพอดี!" "ข้ามีลู่ทางหาเงินแล้ว! ไปที่เมืองข้าง ๆ กันเถอะ" จือเฉาถามว่า "เช่นนั้นพวกเราควรจะนำสิ่งใดไปดีเจ้าคะ?" "แค่เปลี่ยนชุดก็พอ" ลั่วชิงยวนกับจือเฉาสวมอาภรณ์ของบุรุษ ในเรือนมีเสื้อผ้าคนรับใช้อยู่มากมาย การที่พวกนางแต่งกายเช่นนั้นจึงไม่สะดุดตามากนัก …… ณ เมืองเปี้ยนเหอ เมืองไม่ใหญ่โตอะไรนัก แต่เนื่องจากอยู่ติดกับเมืองหลวงและเป็นเส้นทางเพียงสายเดียวที่จะไปสู่เมืองหลวงได้ ทำให้ค่อนข้างรุ่งเรืองเฟื่องฟู และมีตระกูลอันมั่งคั่งสัญจรไปมา ลั่วชิงยวนมาถึงโรงน้ำชาที่ค่อนข้างเงียบสงบแห่งหนึ่งแล้วจองโต๊ะบริเวณหัวมุมประตูจากเถ้าแก่ทันที เมื่อนางจ่ายเงินไปสามตำลึงเงิน เถ้าแก่จึงยกน้ำชากาหนึ่งมาให้พวกนางโดยไม่คิดเงิน หน้าโรงน้ำชามีแผงทำนายดวงชะตาที่แสนจะธรรมดาสามัญตั้งอยู่ ทั้งยังร้างไร้ผู้คนและมีผู้มาอุดหนุนไม่
ซ่งเชียนฉู่ร้องอุทานพร้อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี "ท่านทราบเรื่องนี้ด้วยหรือเจ้าคะ?" เสียงอุทานของซ่งเชียนฉู่ดึงดูดความสนใจของหลาย ๆ คนรอบตัวนาง และทันใดนั้นก็มีคนรีบเข้ามามุงดูเรื่องตื่นเต้น เถ้าแก่โรงน้ำชาเข้ามาฟังไปเรื่อยเปื่อยพลางเอามือไพล่หลังเอาไว้ ลั่วชิงยวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง "แม่นาง เร็ว ๆ นี้ตระกูลของเจ้ากำลังเตรียมงานมงคลอยู่ใช่หรือไม่?" ซ่งเชียนฉู่ผงกศีรษะด้วยท่าทางตื่นเต้น "ใช่ ใช่เจ้าค่ะ เรื่องนี้ท่านก็รู้ด้วยหรือเจ้าคะ?" "แม่นาง วันนี้จงไปตรวจดูหลุมศพของผู้ล่วงลับสักหน่อย หากมีสิ่งใดในชีวิตที่ยังมิได้เอาไปก็เผาไปด้วยกันเลยเป็นดีที่สุด หากเจ้าคิดจะจัดงานมงคลให้เลื่อนไปอีกสองเดือนจะดีกว่า" ลั่วชิงยวนกุเรื่องขึ้นมาทั้งเพ ลั่วชิงยวนเองก็คืนถุงเงินหนักอึ้งกลับคืนไปให้ซ่งเชียนฉู่พลางกล่าวว่า "เมื่อเจ้ากลับไปจัดการธุระเรียบร้อยแล้ว หากเจ้ามีจิตศรัทธาค่อยมอบเงินให้ข้าก็ได้" เมื่อซ่งเชียนฉู่ได้ยินเช่นนี้ นางก็รู้สึกดีใจเป็นล้นพ้น "จริงหรือเจ้าคะ? ขอบคุณท่านอาจารย์ยิ่งเจ้าค่ะ!" หลังจากซ่งเชียนฉู่พูดจบ นางก็รีบจากไป จือเฉาฉวยโอกาสเรียกขานออกไปว่า "ท่านอ
นอกโรงน้ำชามีคนกลุ่มใหญ่เพื่อเอาเงินมามอบให้ ทันทีที่ลั่วชิงยวนปรากฏตัว เถ้าแก่ก็รีบเข้ามาทักทายพลางกล่าวว่า "บรรดาเพื่อนบ้านมาจ่ายเงินกันแล้วหนา ไฉนท่านจึงมาช้านักเล่า?" จือเฉารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ได้ผลเร็วขนาดนั้นเลยหรือ? เมื่อเห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของทุกคน มิได้ดูเหมือนเสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใด ลั่วชิงยวนก็เดินเข้ามาแล้วนั่งลง ป้าหลี่ก็ยื่นเงินห้าสิบตำลึงเงินให้นางพลางกล่าวว่า "ท่านอาจารย์ แม่นจริง ๆ เจ้าค่ะ เมื่อวานนี้ข้าเจอสร้อยข้อมือที่เป็นมรดกประจำตระกูลที่หายไปอยู่ใต้เตาจริง ๆ" ลั่วชิงยวนรับเงินแล้วพยักหน้า จากนั้นคนอื่น ๆ เองก็เข้ามามอบเงินให้ลั่วชิงยวน นางมิได้ตั้งราคาค่างวดอันใด ทุกคนอยากจะให้เท่าไหร่ก็เชิญ แต่วันนี้เงินส่วนใหญ่ได้มาจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้ผลอย่างรวดเร็ว เรื่องอื่นมิได้ผลรวดเร็วขนาดนั้นหรอก เพราะฉะนั้นเงินทั้งหมดที่ได้ในวันนี้จึงมีแค่ไม่กี่ตำลึงเงิน เดิมทีซ่งเชียนฉู่คิดจจะจ่ายเงินก่อน แต่นางไม่คาดคิดว่าจะมีผู้คนมากมายขนาดนั้นชิงตัดหน้าตนไปก่อนแล้ว ทว่าก็ต้องจ่ายเงินอยู่ดี ซ่งเชียนฉู่เข้ามาแสดงละครอีกฉาก จากนั้นนางก็มอบเงินถุงหนึ่งใ
“ย่อมไม่มี หมู่บ้านนี้มีข้าที่ชื่อฉู่ลั่วเพียงคนเดียว” ได้ยินดังนี้ แม่นมจึงผายมือเชื้อเชิญ “เช่นนั้นเชิญท่านเซียนฉู่ทำนายให้ฮูหยินข้าทีเถิด หากสมหวังจริง เราจักตอบแทนท่านเป็นอย่างดี!” ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงขึ้นรถม้าไปพร้อมกับซ่งเชียนฉู่และจือเฉ่า รถม้าค่อย ๆ ออกจากหมู่บ้าน และเข้าไปในเมืองหลวง ในเมืองหลวงเจริญกว่าในหมู่บ้านนัก บัดนี้เป็นเวลามืดค่ำ แต่เพราะหิมะตกหนักจึงดึงดูดให้ผู้คนไม่น้อยออกมา พวกเขาหัวเราะหยอกเล่นกันกลางหิมะ บรรยากาศครึกครื้นยิ่ง นางกลับมาอีกครั้งแล้ว กลับมาที่เมืองหลวง เพียงแต่ ครั้งนี้นางมิได้กลับตำหนักอ๋องสำเร็จราชการ รถม้าวิ่งเข้าซอยเล็ก ๆ ที่แสนจะเงียบสงบ และจอดที่ประตูหลังของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง แม่นมลงจากรถม้า พาเหล่าลั่วชิงยวนเข้าทางประตูหลัง ผ่านทางแสนจะคดเคี้ยว สุดท้ายจึงเข้ามาในเรือนใน ระหว่างทางไม่มีผู้คนสักคน คฤหาสน์ใหญ่เช่นนี้แต่กลับเงียบสงัดอย่างมาก พิลึกเกินไป แม่นมกล่าวขึ้นหน้าเรือนอุ่น “ท่านเซียนฉู่เข้าไปด้านในแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านทั้งสองโปรดรอที่เรือนรองครู่หนึ่ง” ลั่วชิงยวนพยักหน้าใส่พวกนางสองคน จากนั้นตามแม่นมเข้าไปในเ
นั่นคือเสียงของฟู่เฉินหวน! ฟู่เฉินหวนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? นางชักขาเดินหนีทันที เบื้องหลัง ฟู่เฉินหวนก็เดินถึงหน้าประตู เมื่อเห็นแผ่นหลังลับ ๆ ล่อ ๆ ของนาง จึงดุเสียงเย็น “รอเดี๋ยว!” “เจ้าเป็นใครกัน?” เสียงของฟู่เฉินหวนเยือกเย็น บัดนี้แม่นมเดินออกมา คำนับฟู่เฉินหวนพร้อมกล่าว “ท่านผู้นี้คือท่านเซียนฉู่ที่เชิญมาคืนนี้เพคะ” ลั่วชิงยวนหันหลังให้พวกเขา และมิได้หันหน้ากลับไป ฟู่เฉินหวนประเมินนางพร้อมกับขมวดคิ้ว ฟู่จิ่งหานก้าวขาเดินเข้าห้อง “ท่านเซียนฉู่ว่าอย่างไร?” แม่นมจึงเอ่ยตอบ ลั่วชิงยวนเห็นว่าพวกเขามิได้คิดจะซักถามนางต่อ ก็รู้สึกโล่งอกและสับขาเดินออกไปอย่างร้อนรน ฟู่เฉินหวนปรากฏตัวที่นี่ ฮูหยินท่านนี้ต้องมิธรรมดาแน่! มิคิดว่างานใหญ่งานแรกที่รับหลังกลับเมืองหลวงของนาง จะเกี่ยวข้องกับฟู่เฉินหวนได้ นางเดินไปเรือนรองอย่างรวดเร็ว ซ่งเชียนฉู่และจือเฉ่าทั้งคู่ต่างกำลังรอนางอยู่ “เป็นอย่างไรบ้าง?” พวกนางลุกขึ้นเอ่ยถาม ลั่วชิงยวนสรุปอาการของฮูหยินท่านนั้นให้ฟัง “ข้าเห็นบริเวณหน้าท้องของหญิงสาวมีควันทมิฬโอบล้อม แต่บนร่างกลับมิมีไอชั่วร้าย ข้าคิดว่านางน่าจะติดพิษ
ทุกครั้งที่เห็นสีหน้าเช่นนี้ของพระชายา จือเฉ่ามักรู้สึกสันหลังเย็บวูบวาบ นางเอ่ยถามอย่างอดมิได้ “พระชายา เข็มนำทางคือสิ่งใดหรือ?” “สิ่งที่ทำร้ายฮูหยินท่านนั้นหรือเจ้าคะ?” ลั่วชิงยวนพยักหน้า จากนั้นวางเข็มลงพร้อมกล่าว “เอาผ้าคลุมหน้าให้ข้า” จือเฉ่าหยิบผ้าคลุมหน้าออกมา ลั่วชิงยวนใส่ปิดหน้าทันที นางหยิบของและกลับเข้าใปในห้อง เพียงแต่ซ่งเชียนฉู่ได้ให้ฟู่เฉินหวนและฟู่จิ่งหานออกไปล่วงหน้าแล้ว บัดนี้ทั้งคู่นั่งอยู่หลังฉากกั้น ระยะมิใกล้กันแต่นิด ทิศทางที่พวกเขานั่งก็มองมิเห็นใบหน้าของลั่วชิงยวน “เป็นอย่างไรบ้าง?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถาม ซ่งเชียนฉู่พยักหน้า “อย่างที่ท่านคาดคิด ฮูหยินท่านนี้ติดพิษ และฝังไว้ลึกมาก น่าจะติดจากการสูดกลิ่นธูปเมื่อนางไปสวดมนต์ไหว้พระ พิษมิได้ร้ายแรงนัก มิถึงแก่ชีวิต เพียงแค่ส่งผลต่อสติของนาง” “แต่สำหรับหญิงสาวมีครรภ์ กลับส่งผลกระทบรุนแรงยิ่ง” ฮูหยินที่พิงอยู่บนหมอนหน้าถอดสี “เช่นนี้ท่านหมอมีวิธีรักษาหรือไม่?” ซ่งเชียนฉู่ไตร่ตรองและกล่าว “วิธีรักษาย่อมมี แต่อาจมิได้รักษาถึงต้นตอ ต้องดูว่าด้านท่านเซียนฉู่พบสิ่งใดหรือไม่” ลั่วชิงยวนจึงหยิบสิ่งของเหล่านั
“ทว่าหากฝ่าบาทมีสิ่งใดที่กระหม่อมสามารถช่วยได้ ฉู่ลั่วจะมิปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่วนรายละเอียดเราค่อยพูดคุยกันภายหลัง”ฟู่จิ่งหานพยักหน้า แต่ก็พูดว่า “ท่านมิต้องการเป็นมหาปราชญ์ แต่ตำแหน่งนี้ ข้ายังคงสงวนไว้ให้เป็นของท่านเสมอ! นอกจากท่านก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว!”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใดอีกผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนถูกจักรพรรดิเรียกไปยังห้องตำราจักรพรรดิถามด้วยความร้อนรน “ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติที่ท่านกล่าวว่าจะเริ่มเกิดขึ้นทางทิศใต้คือ... เมืองฉินใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “น่าจะเป็นเมืองฉินพ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้นางได้บอกฟู่เฉินหวนแล้วเมื่อฟู่เฉินหวนที่เพิ่งเข้ามาในห้องตำราได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยลั่วชิงยวนก็บอกเขาเรื่องเมืองฉินเช่นกันทั้งสองทำนายว่าทางทิศใต้จะเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน...นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?“ดูเหมือนว่าตระกูลเหยียนจะยังมิยอมแพ้! ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงมิได้พ่ะย่ะค่ะ”นี่เป็นครั้งที่สองที่นางทำนายเห็นได้ชัดว่ามีการส่งมือสังหารไปสังหารมหาราชาจารย์เหยีย
“คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอาจารย์นักพรตเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังมิได้มีโอกาสสืบเสาะหาชื่อเสียงของข้าในเมืองหลวง หากข้าเป็นเพียงผู้หลอกลวงต้มตุ๋น คงมีผู้คนตำหนิติเตียนข้าไปนานแล้ว”เมื่ออาจารย์นักพรตเสวียนซานได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้วเมื่อมองดูฉู่ลั่วที่วางตัวอย่างสง่าผ่าเผยและแสดงท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ก็รู้ว่าย่อมมีฝีมือที่แท้จริง มิใช่เพียงคนหลอกลวงพูดจาโอ้อวดครู่หนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่มิได้สืบเสาะหาชื่อเสียงของฉู่ลั่วเสียก่อน“ที่แท้ข้าเข้าใจผิดไป ขออภัยต่อท่านเซียนฉู่ด้วย”“แต่ข้าเห็นว่าท่านเซียนฉู่มีฝีมือที่แท้จริง มิทราบว่าเรียนวิชาจากสำนักใด? เหตุใดจึงต้องใช้ชื่อของศิษย์เสวียนซานด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวว่า “ไร้สำนักไร้พรรค”อาจารย์นักพรตเสวียนซานขมวดคิ้วแน่นด้วยความตกตะลึง แล้วกล่าวอย่างเสียดายว่า “ไร้สำนักไร้พรรค นั่นหมายความว่าเรียนวิชาลับใช่หรือไม่? ท่านเซียนฉู่ควรเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักเสวียนซาน วันนี้ได้พบกันโดยบังเอิญ ข้าปรารถนาจะรับท่านเป็นศิษย์เอก!”ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง เมื่อครู่ยังหาเรื่อง บัดนี้กลับจะรับฉู่ลั่วเป็นศิษย์แล
ทุกคนต่างพากันเหลียวมองไปตามเสียงแล้วเห็นนักพรตผู้สง่างามก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆรัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทินของโลกมนุษย์แผ่พลังอำนาจอันน่าเกรงขามลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นเครื่องหมายบนคอเสื้อของนักพรตแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์นักพรตเสวียนซาน”เครื่องหมายบนเสื้อผ้าของศิษย์แต่ละระดับของสำนักเสวียนซานจะมีสีแตกต่างกันเครื่องหมายบนคอเสื้อของคนผู้นี้เป็นสีทอง มีเพียงอาจารย์นักพรตเสวียนซานเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมใส่สำนักเสวียนซานที่มีระดับสูงกว่าสีม่วง ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มิค่อยลงจากเขาใครกันที่สามารถเชิญอาจารย์นักพรตเสวียนซานมาที่นี่ได้อาจารย์นักพรตเสวียนซานฮึดฮัด “เจ้ารู้จักข้าบ้างก็ถือว่ายังดี!”“เจ้าดูมิเหมือนคนร้ายกาจ เหตุใดจึงแอบอ้างเป็นศิษย์ของสำนักข้า มาหลอกลวงในวังหลวงแคว้นเทียนเชวีย!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็เข้าใจทันทีนี่เป็นฝีมือของลั่วฉิงเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารต่างตกตะลึง“หลอกลวงหรือ? คงมิใช่กระมัง?”“ความสามารถในการทำนายของท่านเซียนฉู่คงมิใช่ของปลอมกระมัง?”ผู้คนต่างเกิดความสงสัยจักรพรรดิกล่าวว่า “ท่านนักพรต ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!”
ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร
น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“
หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา
ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?
ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั