แชร์

บทที่ 255

ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ผ่านผืนป่าทมิฬ ที่ถูกแนวผาด้านหน้าปกคลุมเป็นเงามืด เมื่อมาถึง ที่นี่มีลมหนาวพัดโบก ทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลังทุกครั้งที่โดนลม

ชายหนุ่มหลายคนต่างเหงื่อเย็นไหลซิบ พวกเขารีบยกเกี้ยวไปไว้หน้าถ้ำ และหนีไปอย่างร้อนรน

ลั่วชิงยวนมองดูปากถ้ำที่มืดสนิท มีงูอาศัยที่นี่

นางแกะเชือกที่ข้อมือออกนานแล้ว รอบด้านดังขึ้นเป็นเสียงฟ่อ ๆ ฝูงงูปรากฏ และแลบลิ้นออกมาเพื่อตรวจหากลิ่นของสิ่งมีชีวิตต่างเผ่า

ลั่วชิงยวนกำผงไล่งูขึ้นมาสาดอย่างสงบ ฝูงงูที่เตรียมจะเข้าใกล้กระจายตัวออก

ภายในถ้ำนั้นลึกมาก

หลังเดินผ่านอุโมงค์มืดมิด สิ่งตรงหน้าดูเริงร่าขึ้นมา มันเป็นพื้นที่โล่งเตียนอันกว้างขวาง บนผาหินเต็มไปด้วยเถาวัลย์ และยังมีเสียงของน้ำตกส่งมา

ในขณะที่นางกำลังอยากเดินไปทางเสียงน้ำตก จู่ ๆ กลับมีลมหนาวพัดมา เสียงน้ำดังฉ่า หยดกระเด็นลงบนร่างของลั่วชิงยวน

นางยกมือบดบัง

วินาทีต่อมา เสียงน้ำหายไปจนสิ้น

แต่เมื่อหันหน้าอีกที งูตัวหนึ่งกำลังอ้าปากกว้างและกระโจนเข้ามาหานาง

“ราชันอสรพิษ มีอะไรคุยกันดี ๆ ก่อน!” ลั่วชิงยวนหยิบเข็มทิศออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อบดบังการลอบโจมตีของอีกฝ่าย

ทันทีเข็มทิศถูกเอาออกมา แ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 256

    เป็นทาสใบ้นั่นเอง! ทาสใบ้อยู่ข้าง ๆ ลั่วเยวี่ยอิง! ลั่วชิงยวนสัมผัสได้ถึงโทสะที่พลุ่งขึ้นอีกระลอกหนึ่ง มิน่าชาวบ้านสองคนที่แบกเกี้ยวถึงได้บอกว่าพวกเขาก็แค่รับเงินมาจากหัวหน้าหมู่บ้าน ที่แท้พวกเขาก็รับเงินที่ลั่วเยวี่ยอิงให้มา! การที่ทาสใบ้ตามเข้าไปในถ้ำบนภูเขาน่าจะเป็นเพราะอยากรู้ว่านางตายไปแล้วหรือไม่ เพื่อจะได้กลับไปรายงานให้ลั่วเยวี่ยอิงทราบ หลังจากค้นหาอยู่ในถ้ำได้สักพัก เมื่อทาสใบ้ไม่พบใครก็รีบจากไป นางไม่มีผงไล่งู มันเป็นผงไล่งูที่ลั่วชิงยวนเคยใช้ตอนที่เข้ามาเพื่อไล่งู ดังนั้นนางจึงไม่กล้าอยู่ให้นานเกินไปนัก หลังจากทาสใบ้จากไปแล้ว ลั่วชิงยวนก็โผล่ออกมาจากหลังเถาวัลย์แล้วเดินมาจนถึงน้ำตก นางไม่กล้าเข้าใกล้มากเท่าไหร่นัก ทั้ง ๆ ที่นางแทบไม่เห็นว่าข้างล่างมีสระน้ำลึกขนาดใหญ่มากอยู่ แค่เข้าใกล้ก็รู้สึกกลัวแล้ว นางรู้สึกกายาสั่นสะท้านแล้วรีบก้าวถอยหลังไป ไม่นานก็มีงูยักษ์โผล่ออกมาแล้วส่งเสียงแหบพร่าขึ้นมาว่า "มอบตัวซ่งเชียนฉู่มาให้ข้า" ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว "เพราะเหตุใดกัน? เมื่อสักครู่นี้เจ้าว่าซ่งเชียนฉู่เป็นกระไร?" แต่คำพูดต่อมาของงูยักษ์กลับทำให้นางต้องตื่นตะลึง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 257

    ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ "บัวมรกตเหมันต์" นี่คือพิษประหลาดที่ยากจะพบในใต้หล้าซึ่งบันทึกอยู่ในตำราโบราณเท่านั้น นางไม่เคยเห็นบัวมรกตเหมันต์ของจริงมาก่อนเลย "แลกเปลี่ยนกับการที่เจ้ากำจัดสวี่ชิงหลินกับคนของมันเพื่อให้แน่ใจได้ว่าซ่งเชียนฉู่จะปลอดภัย จากนั้นก็มอบตัวนางให้ข้าโดยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน" ช่างใจคอกว้างขวางนัก! ลั่วชิงยวนรู้สึกแปลกใจนัก พิษจากกลีบดอกเหล่านี้เพียงพอให้จัดการกับสวี่ชิงหลินและคนของมันได้แล้ว! "ได้เลย ตกลงตามนั้น!" ของล้ำค่าเช่นนั้น ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ลั่วชิงยวนห่อบัวมรกตเหมันต์เอาไว้ในผ้าเช็ดมือแล้วออกไปจากถ้ำ ตามที่บันทึกเอาไว้ในตำราโบราณ บัวมรกตเหมันต์จะเบ่งบานเพียงครั้งเดียว เมื่อดอกบานและสร้างฝักบัวขึ้นมาแล้ว เม็ดบัวที่อยู่ข้างในนั้นก็จะเป็นโอสถหายากในใต้หล้า ต่อให้เป็นผู้ที่มีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็สามารถเอากลับมาจากประตูนรกได้ ดูเหมือนว่าบัวมรกตเหมันต์ดอกนี้จะสร้างฝักบัวในช่วงคิมหันตฤดู ทว่าตอนนี้กลับถูกเด็ดออกมาเสียก่อน แต่การที่ได้รับบัวมรกตเหมันต์มาก็นับว่าโชคดีมากแล้ว! คนเราไม่ควรละโมบเกินไป ลั่วชิงยวนเดินลงมาจากเขาที่แวดล้อม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 258

    ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว สังหารนางหรือ? ซ่งเชียนฉู่เอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนที่ข้ายังเด็กก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับข้า จากนั้นข้าก็มักจะฝันถึงงูอยู่บ่อย ๆ" "ความฝันเหล่านี้เคี่ยวกรำข้ามาหลายสิบปี สุขภาพของข้านับวันก็ย่ำแย่ลงไปเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำข้ายังต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายมากมายอีกต่างหาก" "ข้าเคยปรึกษาซินแสท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าชะตาของข้าจะมีเคราะห์หนัก มันเป็นหนี้กรรมที่ข้าติดค้างมาตั้งแต่ชาติปางก่อน สิ่งนั้นจะคอยตามหลอกหลอนจนกว่าข้าจะตายไป" "ท่านซินแสแนะนำว่าต้องตัดบ่วงกรรมนี้ไปเสีย ข้าต้องมาที่นี่แล้วจัดการให้เรียบร้อยก่อนวันเกิดปีที่ยี่สิบสี่ของข้า มิฉะนั้นข้าจะต้องตาย" "ข้าโกหกว่ามาที่นี่เพื่อมาตามหาญาติ ข้าแค่อยากจะจัดการปัญหาของตัวเอง ท่านซินแสเองก็บอกว่าข้าจะได้พบผู้มีพระคุณที่นี่" "แม่นางลั่ว ดูเหมือนว่าท่านก็คือผู้มีพระคุณของข้า" ซ่งเชียนฉู่จับมือของลั่วชิงยวนด้วยท่าทีตื่นเต้น เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้าก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็เป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้ นางรู้สึกว่าซ่งเชียนฉู่กำลังปกปิดอะไรบางอย่าง ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงทำนายโชคชะตาของนาง ชะตาของนางมีเคราะห์หนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 259

    สวี่ชิงหลินพาซ่งเชียนฉู่กลับขึ้นเขาไปอีกครั้ง ลั่วชิงยวนติดตามพวกเขาอยู่ไกล ๆ อีกหนหนึ่ง ในที่สุดคราวนี้พวกมันก็ลงมืออย่างที่คิดเอาไว้เลย สวี่ชิงหลินมุ่งหน้าไปยังถ้ำอสรพิษ ในวันเดียวกันนั้นเอง ข่าวที่พวกชาวบ้านเอาลั่วชิงยวนไปเซ่นสังเวยให้แก่เทวาภูผาก็ดังมาเข้าหูของฟู่เฉินหวน เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินข่าวนี้ ทีแรกเขาก็ไม่อยากเชื่อนัก "เจ้าพูดอีกทีซิ?!" ซูโหยวก้มหน้าลงด้วยเคร่งเครียด "ท่านอ๋อง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของกระหม่อมที่ไม่จับตาดูนางให้ดี กระหม่อมไม่คาดคิดว่าชาวบ้านพวกนั้นจะกล้า..." ทุกคนคิดว่าหลังจากส่งพระชายาไปที่จวนนอกเมืองเพื่อรับโทษสักสองสามวัน จากนั้นท่านอ๋องก็จะรับนางกลับมา แต่ผู้ใดจะคิดว่า... "เหลวไหลทั้งเพ! พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการผู้สูงศักดิ์กลับถูกไพร่กลุ่มหนึ่งเอาไปเซ่นสังเวยเทวาภูผาเช่นนั้นหรือ?!" ฟู่เฉินหวนโกรธจัดรู้สึกหัวใจบีบรัดอย่างบอกไม่ถูกจนแทบจะหายใจไม่ออก "ผู้ติดตามของกระหม่อมส่งคนไปถามดูแล้ว ตอนที่นางถูกพาตัวเข้าไปในหุบเขายังมีชีวิตอยู่ ถ้าโชคเข้าข้างพวกเรา พระชายาก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่พ่ะย่ะค่ะ" ซูโหยวกล่าวพลางก้มหน้าลง ฟู่เฉินหวนที่โกรธ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 260

    คนผู้นั้นหลอกนาง! สวี่ชิงหลินวิ่งเข้ามาแล้วเถาวัลย์บนผนังผาก็เปิดออกจนเผยให้เห็นเส้นทางลับอีกแห่งหนึ่ง ลั่วชิงยวนเองก็ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด ทันทีที่เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นในถ้ำ นักฆ่ากลุ่มหนึ่งที่ถืออาวุธนานาชนิดอยู่นอกถ้ำก็เตรียมพร้อมบุกเข้ามาในถ้ำ ซ่งเชียนฉู่ที่ถูกลากเข้าไปในถ้ำพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนด้วยความหวาดกลัว "ปล่อยข้า!" ความหวาดกลัวท่วมท้นจิตใจของนาง ในที่สุดพวกมันก็หยุดลง ถ้ำมืดจนชวนให้นางหัวใจสั่นสะท้าน ทันใดนั้นความเย็นยะเยือกก็คืบคลานมาตามแผ่นหลังแล้วโอบรอบลำคอของนางเอาไว้ น้ำเสียงน่าสะพรึงกลัวที่ซ่งเชียนฉู่ฝันถึงนับครั้งไม่ถ้วนดังก้องโสตของนาง "อาจวิน ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบเสียที" ซ่งเชียนฉู่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวแล้วสำลักก้อนสะอื้น "ข้าไม่ใช่อาจวิน เจ้าจำคนผิดแล้ว" "ข้าจำมิผิดหรอก ตอนนั้นเจ้าสาบานว่าจะหาโอสถมาให้ข้า แต่เจ้าก็ทิ้งข้าไปและไม่กลับมาอีกเลยทำให้ข้าต้องกลายเป็นเช่นนี้!" "ข้าละทิ้งชื่อเสียงและครอบครัวเอาไว้ข้างหลังเพื่อที่จะได้โบยบินไปกับเจ้า แต่เจ้ากลับทำกับข้าอย่างโหดร้ายถึงเพียงนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ารอคอยเจ้ามากี่ทิวาราตรีแล้ว?"

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 261

    ชั่วขณะที่ลั่วชิงยวนเหลือบไปเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม นางก็ใจหล่นวูบ สวีซงหย่วน! บุรุษที่ลั่วอวิ๋นสี่ชื่นชอบ! มิน่า ตอนที่แอบฟังพวกเขาคุยกันในคืนฝนพรำนั้น น้ำเสียงของบุรุษจึงฟังดูคุ้น ๆ ที่แท้ก็เป็นสวีซงหย่วน! วันที่ลั่วอวิ๋นสี่เจอสวีซงหย่วนถึงได้อยากหนีตามสวีซงหย่วนไปด้วย นางเคยพบสวีซงหย่วนมาก่อนนี่เอง! ที่แท้เขากับสวี่ชิงหลินก็เป็นพวกเดียวกัน? ! นางรีบลุกขึ้นหมายจะไล่ตามสวีซงหย่วนไป แต่งูยักษ์เป็นอิสระจากตาข่ายเวทแล้วพุ่งเข้าหาซ่งเชียนฉู่ ลั่วชิงยวนไม่มีทางเลือกนอกเสียจากรีบถอยกลับมายืนขวางหน้าซ่งเชียนฉู่เอาไว้ "ไฉนเจ้าต้องหลอกข้าด้วย? เจ้ามิได้คิดจะปกป้องนางเลยสักนิด เจ้าคิดจะฆ่านางต่างหาก" ลั่วชิงยวนหยิบเข็มทิศออกมาทันที น้ำเสียงของนางทั้งเย็นชาและยังคงระแวดระวัง น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของงูยักษ์ดังขึ้นมาว่า "นางเป็นคนทำร้ายข้าจนกลายเป็นเช่นนี้! นังคนไร้หัวใจสมควรตาย!" เมื่อมันพูดจบ หมอกขาวกลุ่มหนึ่งก็ล่องลอยผ่านความมืดเข้ามา ลั่วชิงยวนจึงเห็นภาพอีกครั้งหนึ่ง บุรุษผู้นั้นต้องพิษงูแปลกประหลาดระหว่างที่กำลังเก็บสมุนไพรมาให้สตรีผู้นั้น เกล็ดมากมายนับไม่ถ้วนบนร่างกา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 262

    ตอนที่ฟู่เฉินหวนพาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในถ้ำ เขาก็เห็นลั่วชิงยวนที่กำลังนอนอยู่ตรงมุมหนึ่งได้ทันที เขารีบเดินเข้าไปช่วยประคองให้นางลุกขึ้นด้วยท่าทีร้อนใจ "ลั่วชิงยวน! ฟื้นสิ!" ฟู่เฉินหวนตรวจดูการหายใจเพื่อยืนยันว่านายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่! จากนั้นเขาก็รีบอุ้มลั่วชิงยวนออกไปจากถ้ำแล้วออกคำสั่งว่า "ตรวจสอบที่นี่ให้ละเอียด เมื่อสักครู่นี้มีความเคลื่อนไหวค่อนข้างเยอะทีเดียว ดูซิว่ายังมีผู้ใดอยู่อีกหรือไม่" เซียวชูตอบว่า "พ่ะย่ะค่ะ!" ทันใดนั้นฟู่เฉินหวนก็อุ้มลั่วชิงยวนออกมาจากถ้ำด้วยท่าทีร้อนใจ จากนั้นก็ลงเขามาถึงเรือนแห่งหนึ่ง จือเฉากำลังนั่งอยู่ตรงขั้นบันไดหิน เพื่อรอคอยให้พระชายากับแม่นางซ่งกลับมา แต่นางกลับไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นท่านอ๋องที่กำลังรอคอยอยู่! มิหนำซ้ำยังอุ้มพระชายามาอีกด้วย! "ทะ… ท่านอ๋อง ไฉนพระองค์ถึงเสด็จมาที่นี่ได้เพคะ?" จือเฉารู้สึกตกใจมากเสียจนต้องรีบลุกขึ้น แต่เมื่อนางเห็นพระชายาหมดสติและกระอักโลหิตอยู่ในอ้อมแขนของท่านอ๋อง จือเฉาก็พลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที "ไปเอาน้ำร้อนมา" "เพคะ!" เมื่อฟู่เฉินหวนอุ้มลั่วชิงยวนเข้ามาในห้อง จือเฉาก็รีบไปเอาน้ำร้อนแล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 263

    จือเฉารีบยื่นชาถ้วยหนึ่งให้แก่ลั่วชิงยวน แต่หลังจากดื่มชาเข้าไปแล้ว ลั่วชิงยวนก็อดมิได้ที่จะไอขึ้นมา ทันใดนั้นนางก็กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง จือเฉาร้องอุทานด้วยความตื่นตะลึง "พระชายา ท่านไอเป็นเลือดหนาเจ้าคะ!" ฟู่เฉินหวนที่อยู่ในลานเรือนถึงกับขมวดคิ้ว ไอเป็นเลือดเช่นนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บภายนอกจะไม่สาหัส แต่อาการบาดเจ็บภายในไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะในช่วงเหมันตฤดู หากไม่ดูแลให้ดี ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดโรคภัยขึ้นมาได้ ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วแล้วพยายามต่อสู้กับความคิดของตน เขาไม่ควรมอบโอกาสให้แก่ลั่วชิงยวนอีกครั้ง แต่... ถ้าหากนางยอมรับผิดและตัดขาดความสัมพันธ์กับฟู่อวิ๋นโจวและไทเฮา เขาก็จะมอบโอกาสครั้งสุดท้ายให้แก่นาง! ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จือเฉาก็วิ่งออกมานอกห้องแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าฟู่เฉินหวน "ท่านอ๋องเพคะ! พระชายาได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอท่านอ๋องได้โปรดอนุญาตให้พระชายากลับไปได้หรือไม่เพคะ?" เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเสียงของจือเฉา นางก็รีบลุกขึ้นจากเตียงทันที แต่นางกลับอ่อนแอลงทั้งยังมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง นางพิงกรอบประตูและปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฟู่เฉินหวนด้วย

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1108

    “ทว่าหากฝ่าบาทมีสิ่งใดที่กระหม่อมสามารถช่วยได้ ฉู่ลั่วจะมิปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่วนรายละเอียดเราค่อยพูดคุยกันภายหลัง”ฟู่จิ่งหานพยักหน้า แต่ก็พูดว่า “ท่านมิต้องการเป็นมหาปราชญ์ แต่ตำแหน่งนี้ ข้ายังคงสงวนไว้ให้เป็นของท่านเสมอ! นอกจากท่านก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว!”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใดอีกผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนถูกจักรพรรดิเรียกไปยังห้องตำราจักรพรรดิถามด้วยความร้อนรน “ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติที่ท่านกล่าวว่าจะเริ่มเกิดขึ้นทางทิศใต้คือ... เมืองฉินใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “น่าจะเป็นเมืองฉินพ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้นางได้บอกฟู่เฉินหวนแล้วเมื่อฟู่เฉินหวนที่เพิ่งเข้ามาในห้องตำราได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยลั่วชิงยวนก็บอกเขาเรื่องเมืองฉินเช่นกันทั้งสองทำนายว่าทางทิศใต้จะเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน...นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?“ดูเหมือนว่าตระกูลเหยียนจะยังมิยอมแพ้! ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงมิได้พ่ะย่ะค่ะ”นี่เป็นครั้งที่สองที่นางทำนายเห็นได้ชัดว่ามีการส่งมือสังหารไปสังหารมหาราชาจารย์เหยีย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1107

    “คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอาจารย์นักพรตเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังมิได้มีโอกาสสืบเสาะหาชื่อเสียงของข้าในเมืองหลวง หากข้าเป็นเพียงผู้หลอกลวงต้มตุ๋น คงมีผู้คนตำหนิติเตียนข้าไปนานแล้ว”เมื่ออาจารย์นักพรตเสวียนซานได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้วเมื่อมองดูฉู่ลั่วที่วางตัวอย่างสง่าผ่าเผยและแสดงท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ก็รู้ว่าย่อมมีฝีมือที่แท้จริง มิใช่เพียงคนหลอกลวงพูดจาโอ้อวดครู่หนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่มิได้สืบเสาะหาชื่อเสียงของฉู่ลั่วเสียก่อน“ที่แท้ข้าเข้าใจผิดไป ขออภัยต่อท่านเซียนฉู่ด้วย”“แต่ข้าเห็นว่าท่านเซียนฉู่มีฝีมือที่แท้จริง มิทราบว่าเรียนวิชาจากสำนักใด? เหตุใดจึงต้องใช้ชื่อของศิษย์เสวียนซานด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวว่า “ไร้สำนักไร้พรรค”อาจารย์นักพรตเสวียนซานขมวดคิ้วแน่นด้วยความตกตะลึง แล้วกล่าวอย่างเสียดายว่า “ไร้สำนักไร้พรรค นั่นหมายความว่าเรียนวิชาลับใช่หรือไม่? ท่านเซียนฉู่ควรเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักเสวียนซาน วันนี้ได้พบกันโดยบังเอิญ ข้าปรารถนาจะรับท่านเป็นศิษย์เอก!”ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง เมื่อครู่ยังหาเรื่อง บัดนี้กลับจะรับฉู่ลั่วเป็นศิษย์แล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1106

    ทุกคนต่างพากันเหลียวมองไปตามเสียงแล้วเห็นนักพรตผู้สง่างามก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆรัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทินของโลกมนุษย์แผ่พลังอำนาจอันน่าเกรงขามลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นเครื่องหมายบนคอเสื้อของนักพรตแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์นักพรตเสวียนซาน”เครื่องหมายบนเสื้อผ้าของศิษย์แต่ละระดับของสำนักเสวียนซานจะมีสีแตกต่างกันเครื่องหมายบนคอเสื้อของคนผู้นี้เป็นสีทอง มีเพียงอาจารย์นักพรตเสวียนซานเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมใส่สำนักเสวียนซานที่มีระดับสูงกว่าสีม่วง ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มิค่อยลงจากเขาใครกันที่สามารถเชิญอาจารย์นักพรตเสวียนซานมาที่นี่ได้อาจารย์นักพรตเสวียนซานฮึดฮัด “เจ้ารู้จักข้าบ้างก็ถือว่ายังดี!”“เจ้าดูมิเหมือนคนร้ายกาจ เหตุใดจึงแอบอ้างเป็นศิษย์ของสำนักข้า มาหลอกลวงในวังหลวงแคว้นเทียนเชวีย!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็เข้าใจทันทีนี่เป็นฝีมือของลั่วฉิงเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารต่างตกตะลึง“หลอกลวงหรือ? คงมิใช่กระมัง?”“ความสามารถในการทำนายของท่านเซียนฉู่คงมิใช่ของปลอมกระมัง?”ผู้คนต่างเกิดความสงสัยจักรพรรดิกล่าวว่า “ท่านนักพรต ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1105

    ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1104

    ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1103

    น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1102

    หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1101

    ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1100

    ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั

DMCA.com Protection Status