แชร์

บทที่ 24

ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ฟู่เฉินหวนตัวแข็งทื่อ

ลั่วไห่ผิงโกรธมากเมื่อได้ยิน คนในครอบครัวท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ? นั่นก็คือจักรพรรดิ คือราชวงศ์เชียวนะ!

เขาตะคอก "ลั่วชิงยวน เจ้ากำลังพูดจาไร้สาระอะไร! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการสาปแช่งจักรพรรดิ และไม่เคารพราชวงศ์เป็นความผิดบาปใหญ่แรงแค่ไหน? เจ้าตั้งใจจะฆ่าคนในจวนอัครเสนาบดีงั้นรึ!"

ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะ น้ำตาและเลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด

นางกำลังจะตายอยู่แล้ว จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับจวนอัครเสนาบดีด้วยหรือ? จวนอัครเสนาบดีจะเป็นเยี่ยงไรนั้นมิเกี่ยวกับนาง หากมิใช่ท่านพ่อซึ่งเป็นท่านอัครเสนาบดีใช้กฎครอบครัวกับนาง นางจะหมดสติไปถึงขั้นโดนคนวางยาเช่นนี้หรือ!

หมอกู้พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ท่านอ๋อง กระหม่อมได้จ่ายยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว แต่อาการบาดเจ็บนั้นรุนแรงเกินไปสำหรับพระชายา และนางก็ป่วยกะทันหัน กระหม่อมเกรงว่าจะเหลือเพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ขมวดคิ้ว มองไปที่ลั่วชิงยวนที่โชกไปด้วยเลือด เขารู้สึกสงสารนางอยู่ครู่หนึ่ง

ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตจากอาการป่วยกะทันหันอย่างนั้นหรือ? ลั่วชิงยวนอยากจะอ้าปากแย้ง แต่อาการปวดท้อ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 25

    หลังจากที่ทุกคนจากไป ในเรือนมีเพียงแม่นมกู้ที่กำลังสวดมนต์ภาวนาอยู่ที่เรือน นางค้ำกำแพงพลางเดินเข้ามาในห้องอย่างช้า ๆ นางเช็ดน้ำตาขณะเดินเข้ามา มันช่างน่าสะเทือนใจยิ่งนักเมื่อได้ยินลั่วชิงยวนจับมือของจือเฉา นางพยายามเปิดปาก แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก "กล้วย… กล้วยไม้มังกรขนด..."“กล้วยไม้มังกรขนด? พระชายา ท่านพูดว่า กล้วยไม้มังกรขนดใช่หรือไม่? คืออะไรหรือเจ้าคะ?” จือเฉาได้ยินเสียงพระชายาอย่างชัดเจน นางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีลั่วชิงยวนพยายามอ้าปาก "ลาน… สัตว์ในตำนาน… หลังตะเกียงหิน..."จือเฉาเป็นคนฉลาด นางสงบลงทันที "หลังตะเกียงหินสัตว์ในตำนานในลานใช่ไหมเจ้าคะ?""ข้าจะไปบัดเดี๋ยวนี้!"จือเฉาไม่รู้ว่าพระชายากำลังพูดถึงอะไร แต่นางจำตะเกียงหินรูปร่างประหลาดได้ นางวิ่งไปที่ลานด้านหลังตะเกียงหินทันที และดึงดอกไม้รวมถึงพืชหลากสีออกมาทีละกำ ก่อนจะหอบพืชกองใหญ่วิ่งกลับไปที่เรือนสายธารนางถือมันไว้ข้างหน้าลั่วชิงยวน "พระชายา ในนี้มีกล้วยไม้มังกรขนดที่ท่านต้องการหรือไม่เจ้าคะ ถ้าไม่มี ข้าจะไปหามันอีกครั้ง!"นางรู้ว่านี่จะต้องเป็นสิ่งที่สามารถช่วย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 26

    ยามนี้ ใบหน้าของลั่วเยวี่ยอิงก็ซีดลงด้วยความตกใจ นางซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของฟู่เฉินหวน"ท่าน... ท่านเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่?""แล้วเจ้าคิดว่าข้าเหมือนคนหรือผีกันเล่า?" ลั่วชิงยวนยิ้มอย่างเย็นชาลั่วไห่ผิงรู้สึกตกใจ ลั่วชิงยวนนั้นมิเป็นไรจริง ๆ อย่านั้นหรือ? ท่านหมอบอกว่าสิ้นหวังไปแล้วมิใช่หรือ? เห็นนางอาเจียนเป็นเลือดเยี่ยงนั้น คิดว่าอย่างไรนางก็คงมิรอดแน่! แต่ตอนนี้กลับวิ่งมาอยู่ตรงหน้าของเขาเสียได้"ท่านพี่ ท่านพี่อย่าได้ทำให้คนอื่นตกใจกลัวเยี่ยงนี้เลยเจ้าค่ะ" ลั่วเยวี่ยอิงแสร้งทำเป็นกลัว และซ่อนตัวในอ้อมแขนของฟู่เฉินหวนฟู่เฉินหวนมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาที่ซับซ้อน ท่านหมอกู้ถึงกับบอกว่าสิ้นหวัง แล้วเหตุใดนางถึงยังมีชีวิตอยู่ได้?เมื่อเห็นว่าลั่วเยวี่ยอิงตกใจกลัว ลั่วไห่ผิงก็ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ และมองไปที่ลั่วชิงยวนด้วยสายตาที่เฉียบคม "เจ้ายังอยู่รอดได้ก็นับว่าเป็นโชคดีของเจ้า เหตุใดถึงไม่พักผ่อน แต่กลับวิ่งมาที่นี่เพื่อทำให้น้องสาวเจ้าตกใจกลัว! เจ้าเป็นพี่ประสาอะไรกัน!"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนที่ถูกต่อว่าก็คือลั่วชิงยวนเสมอนางยิ้มอย่างเย็นชา "พวกเจ้าอยากให้ข้าตายไม่ใช่รึ? ข้าม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 27

    ลั่วชิงยวนโกรธมาก นางเตะประตูอย่างแรง ลั่วไห่ผิงหลีกเลี่ยงเรื่องของแม่นางอย่างเห็นได้ชัด มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ลั่วไห่ผิงมีความลับอะไรกัน? "พระชายา เหตุใดพวกเขาถึงขังท่านไว้เช่นนี้เล่าเจ้าคะ?" จือเฉาไปหาอาหารและนำกลับมา แต่ประตูกลับถูกล็อกไว้"ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล" ลั่วชิงยวนนั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง คิดหาวิธีการตรวจสอบต่อไปในความเงียบ ท้องก็ร้องโครกครากด้วยความหิว แต่ประตูและหน้าต่างต่างก็ถูกล็อก จือเฉามิสามารถนำอาหารเข้ามาได้ ลั่วชิงยวนทำได้เพียงอดทนกับความหิว และนอนลงบนเตียงเพื่อหลับหนีความหิว……รุ่งสางของวันถัดมา ก่อนที่ลั่วชิงยวนจะตื่นขึ้นมา นางได้ยินเสียงปลดล็อกกุญแจ นางลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ และเห็นนักพรตเต๋าในชุดสีเหลือง ถือดาบไม้ท้อ สั่นกระดิ่ง และเดินเข้ามาพลางพึมพำอะไรอยู่ในปากลั่วชิงยวนพยุงร่างกายของตัวเองขึ้นมา พลางขมวดคิ้ว นักพรตเต๋า?“มีวิญญาณชั่วร้ายล้อมรอบสถานที่แห่งนี้” นักพรตเต๋าสังเกตห้องอย่างเคร่งขรึม จากนั้นดวงตาของเขาก็จับจ้องไปที่ร่างของลั่วชิงยวน "วิญญาณชั่วร้ายรวมตัวกันอยู่ที่นางผู้นี้นี่เอง"จากนั้นลั่วไห่ผิงก็เดินเข้ามาในห้อง พร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 28

    เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ลั่วชิงยวนที่ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ในห้อง อาบแดดที่ส่องเข้ามาจากประตู และผล็อยหลับไปหลายครั้งจนกระทั่งนักพรตเต๋าเดินมาถึงด้านหน้า และบังแสงแดดตรงหน้านางลั่วชิงยวนตื่นขึ้นมา นางเงยหน้าขึ้นและมองดูนักพรตเต๋าที่เทโอสถเม็ดออกมาจากขวด“แม่นางกินโอสถนี้ซะ วิญญาณร้ายจะไม่สามารถเข้าใกล้ท่านได้อีก” นักพรตเต๋ากล่าวอย่างเคร่งขรึม และกรอกโอสถไปที่ปากของนางลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาของนางเย็นยะเยือก "ท่านแน่ใจหรือว่าโอสถนี้สามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายได้"“แม่นาง อาตมาพบเจอมามากมาย โอสถนี้สามารถรักษาท่านจากสิ่งชั่วร้ายได่เป็นแน่! มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกจากจวนอัครเสนาบดีได้อย่างสมบูรณ์! อาตมาหวังว่าแม่นางจะให้ความร่วมมือ!” นักพรตเต๋าอธิบายเกลี้ยกล่อมให้นางกินโอสถแต่ในระยะอันใกล้เช่นนี้ ลั่วชิงยวนได้กลิ่นของเม็ดโอสถอย่างชัดเจนนางมองไปที่นักพรตเต๋าด้วยรอยยิ้มเย็น ๆ บนริมฝีปาก "ขับไล่สิ่งชั่วร้ายอย่างนั้นรึ? เมื่อกินโอสถนี้เข้าไปจะทำให้ข้าสับสนเป็นบ้า และถึงขั้นสูญเสียความทรงจำต่างหาก!"ขณะนั้นเอง นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า นักพรตเต๋าตัวแ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 29

    ลั่วชิงยวนขยับแขนและมองเขานักพรตเต๋าจอมหลอกลวงรีบแก้เชือกที่รัดตัวนางออกทันที "แม่นาง? โอ้ไม่สิ ปรมาจารย์! ช่วงนี้ข้าโชคร้ายยิ่งนัก ท่านช่วยข้าแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่?"เมื่อเห็นใบหน้าที่ตื่นตระหนกและเหงื่อออกมา ลั่วชิงยวนก็รู้ว่าเขานั้นกลัวมากจริง ๆนางขยับแขนยืนขึ้นและยืดกล้ามเนื้อ ก่อนจะพูดขึ้นช้า ๆ ว่า "มันแก้ไขมิได้"เมื่อได้ยินเช่นนั้น หน้าของเขาก็เปลี่ยนสี เขารีบพุ่งเข้าไปหาลั่วชิงยวนและคุกเข่าลง พลางพูดอย่างลนลาน "ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ข้ามิกล้าโกหกท่านแล้ว หากท่านมีความสามารถจริง ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถิด"ขณะที่เขาพูด เขาควักเงินออกมาจากกระเป๋าทีละใบ "นี่คือเงินที่ข้าหลอกมาได้ ข้าไม่เอาแล้ว ปรมาจารย์ได้โปรดช่วยข้าด้วย!"เมื่อเห็นธนบัตรเหล่านั้น ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้วนางเคยมองเงินเหมือนมูล แต่ตอนนี้นางมีแผนที่จะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลลั่ว และเงินจากตำหนักอ๋องก็ไม่ตกเข้ามาในกระเป๋าของนางแน่ ดังนั้นนางจึงต้องประหยัดเงินไว้บ้าง มิเช่นนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นจะลำบากนางหยิบธนบัตรนั้น คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "หายนะบนร่างกายของเจ้านั้นยากจะแก้ไข ในเมื่อได้ทำสิ่งเลวร้ายเอาไว้มา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 30

    ขณะที่รับประทานอาหาร ลั่วชิงยวนก็ใช้ความคิดไปด้วย ลั่วไห่ผิงเชิญนักพรตเต๋ามาเพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย ด้วยท่าทางที่จริงจัง ราวกับว่าเขาคิดว่านางมีวิญญาณชั่วร้ายสิงอยู่จริง ๆหากเขามิได้มีความลับอะไร ทำไมเขาถึงคิดว่านางถูกวิญญาณร้ายสิงกัน? วิญญาณร้ายในจวนนี้มาจากที่ใด?“จือเฉา ท่านอ๋องเสด็จกลับไปแล้วหรือยัง?”จือเฉาพยักหน้า "ท่านอ๋องเสด็จกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเจ้าค่ะ ท่านอัครเสนาบดีบอกท่านอ๋องเกี่ยวกับให้นักพรตเต๋ามาทำพิธีขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่เกาะพระชายาอยู่ แล้วจึงจะมอบพระชายาที่เป็นปกติกลับคืนให้แก่ท่านอ๋องเจ้าค่ะ"ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ "เจ้าคิดว่าตอนนี้ข้าไม่ปกติอย่างนั้นรึ?"ผิดปกติตรงไหนกัน เพียงเพราะนางทวงถามสมบัติของแม่อย่างนั้นหรือ?สิ่งนี้ทำให้นางแน่ใจมากยิ่งขึ้น ลั่วไห่ผิงทำอะไรผิดไว้เป็นแน่! เขาถึงได้กลัวเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแม่ของนาง“บางทีอาจเป็นเพราะพระชายาบอกว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กระมังเจ้าคะ ห้ามพูดคำนี้ออกมาอีกเด็ดขาดนะเจ้าคะ หากท่านไม่มีบ้าน อีกทั้งตำหนักอ๋องก็...” เมื่อถึงเวลานั้น อาจจะต้องใช้ชีวิตข้างถนนจริง ๆ ก็ได้ลั่วชิงยวนยิ้มเบา ๆ "

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 31

    “พระชายาเจ้าคะ เหตุใดนักพรตเต๋าคนนั้นถึงใจจดใจจ่อกับท่านขนาดนี้ พระชายาจะช่วยเขาแก้ไสยศาสตร์จริง ๆ หรือเจ้าคะ? แต่บ่าวคิดว่าเขาไม่ใช่คนดี” จือเฉาถามอย่างสงสัยลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ “สายตาเจ้าช่างเฉียบแหลมนัก ดีกว่าพ่อข้ามาก” “ไสยศาสตร์ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแน่นอน แม้ว่าเขาจะทำเรื่องเลวร้ายไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายมาก จะไม่มีผลกรรมที่น่าสลดใจอะไร” “เขาจะโชคร้ายมากยิ่งขึ้น หากเขายังหลอกลวงต่อไป ทุกเรื่องจะไม่ราบรื่น ข้าจะหลอกเขาหน่อย จะทำให้เขากลับไปสู่ทางที่ถูกต้องได้ ถือว่าทำบุญ” “มหาเสนาบดีจะตอบรับคำร้องขอของนักต้มตุ๋นนี้เสมอ เขาคงคิดไม่ถึงแน่ คนโกหกผู้นั้นถูกพระชายาของเราปราบแล้ว" ลั่วชิงยวนได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ตอนกลางคืน รถม้าค่อย ๆ ออกห่างจากเมืองหลวง รอบข้างดูมืดมิดไปหมด มีเพียงแสงจันทร์ส่องสว่างทางข้างหน้า เดิมทีจือเฉายังไม่รู้สึกกลัว แต่ค่อย ๆ รู้สึก สถานที่ที่รถม้าไปยิ่งเปลี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองด้านล้วนเป็นป่าทึบ บางครั้งก็มีเสียงนกร้อง ช่างน่ากลัวนัก “พระชายา เราจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ?” จือเฉาดึงแขนเสื้อของลั่วชิงยวนด้วยความกลัว “ถึงแล้วเจ้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 32

    ว่างเปล่า! จือเฉาแอบมองผ่านระหว่างนิ้ว แล้วก็ตกใจทันที “หือ? ว่างเปล่า? ” ลั่วชิงยวนไม่อยากจะเชื่อ ก็กระโดดเข้าไปในโลงศพพร้อมคบเพลิง ก้มลงตรวจดูอย่างละเอียด ลูบภายในโลงศพ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีกับดัก หรือช่องลับอะไรซ่อนอยู่ ค้นหาอย่างละเอียด แท้จริงแล้วเป็นโลงศพที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย “หรือว่ามีคนเปิดโลงศพก่อนพวกเราเจ้าคะ?” จือเฉาถามอย่างสงสัย ลั่วชิงยวนส่ายหัว “ฝาโลงปิดสนิทมาก ถ้ามีคนเคยเปิดมาก่อน จะต้องมีร่องรอย” “อย่างนั้นก็หมายความว่า... ” จือเฉาขมวดคิ้วและคิด ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว แววตาเย็นชาเล็กน้อย “ตั้งแต่การฝังศพ นี่ก็เป็นโลงศพที่ว่างเปล่า” สมบัติอะไรกันล่ะ? แม้แต่ศพของแม่นางก็ไม่มี จือเฉาตกใจมาก “พระชายา ท่านแม่ของท่านยังมีชีวิตอยู่!” ลั่วชิงยวนก็คิดอย่างนี้เช่นกัน แอบกำหมัดแน่น และพูดว่า “ข้าไม่รู้” ถ้าแม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ แล้วทำไมต้องแกล้งตาย? หากเป็นเพราะต้องแกล้งตายด้วยเหตุผลบางอย่าง งั้นลั่วไห่ผิงต้องห้ามนางไม่ให้ไปค้นหาสมบัติของแม่นางขนาดนั้น ตามเหตุผลแล้วน่าจะช่วยแม่ของนางปิดบังความจริงว่ายังมีชีวิตอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ลั่วไห่ผิงน่าจะปกป

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1096

    “องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งว่าการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ต้องการให้ท่านอ๋องคัดเลือกผู้มีความสามารถ จึงอนุญาตให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปชมการประลองได้พ่ะย่ะค่ะ!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วฟู่เฉินหวนรับพระราชโองการมาดู แล้วพบว่าเป็นพระราชโองการจริงจิ่นชูมองแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปด้วย เหตุใดจึงมิเห็นพระชายารองหรือเพคะ?”ยามนี้ลั่วเยวี่ยอิงรู้ข่าวการประลองยุทธ์แล้ว นางส่งเสียงโวยวายอยากไปด้วยอยู่หน้าประตู “ท่านอ๋อง! ท่านอ๋องเพคะ! พาหม่อมฉันไปด้วยเถิดเพคะ!”จิ่นชูได้ยินเสียงนี้แล้วก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านอ๋องอย่าลืมพระชายารองนะเพคะ”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “การประลองยุทธ์มิเกี่ยวกับนาง นางมิจำเป็นต้องไปก็ได้”จิ่นชูถามด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นท่านอ๋องจะขัดต่อพระราชโองการหรือเพคะ?”คำพูดนี้ทำให้ฟู่เฉินหวนจำต้องพาลั่วเยวี่ยอิงไปด้วยเพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็คือพระราชโองการมหาราชาจารย์เหยียนเพิ่งลาออก ตระกูลเหยียนกำลังตกต่ำ หากเขาขัดพระราชโองการในเวลานี้ก็จะดูเหมือนอวดดี มิเคารพองค์จักรพรรดิฟู่เฉินหวนสบตากับลั่วชิงยวน ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าครั้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1095

    ฟู่เฉินหวนตกใจเมื่อได้ฟังถ้อยคำของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนอธิบาย “หม่อมฉันได้คำนวณดูแล้ว เหตุการณ์วุ่นวายในแคว้นเทียนเชวียกำลังจะอุบัติขึ้น เริ่มต้นจากทางทิศใต้เพคะ”“และเมืองฉินก็ตั้งอยู่ทางทิศใต้พอดี!”“ตระกูลเหยียนรุ่งเรืองมาจากเมืองฉิน มีอิทธิพลสูงส่งยิ่งนัก การที่มหาราชาจารย์เหยียนลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับไปยังเมืองฉินอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เกรงว่าจะมีอำนาจมืดใหญ่หลวงซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเพคะ”เมื่อฟู่เฉินหวนก็ได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม“เช่นนั้นก็แสดงว่าตาแก่ผู้นี้จะเริ่มแผนการแล้วสินะ”กล่าวจบ ฟู่เฉินหวนก็คว้ามือของลั่วชิงยวนไว้ “ชิงยวน ขอบใจเจ้ามาก”ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึงงันไป “ขอบใจหม่อมฉันเรื่องอะไรเพคะ?”“ขอบใจเจ้าที่บอกเรื่องสำคัญเช่นนี้แก่ข้า”ลั่วชิงยวนถามด้วยความสงสัย “แล้วท่านจะทำอย่างไรเพคะ?”ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววเย็นชา “เมื่อเขาลาออกจากตำแหน่งแล้วออกจากเมืองหลวง เช่นนั้นก็อย่าให้เขากลับมาได้อีกเลย!”ลั่วชิงยวนก็เห็นด้วยกับวิธีการนี้มีเพียงมหาราชาจารย์เหยียนสิ้นชีพลงเท่านั้น ทุกอย่างจึงจะสงบลงได้“หม่อมฉันจะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1094

    ฟู่เฉินหวนเก็บขนมกุ้ยฮวาไปด้วยความผิดหวัง แล้วพูดปลอบโยน “มิเป็นอะไร รอชิมฝีมือหัวหน้าพ่อครัวเถิด”ดูเหมือนจะมิถูกใจ ถึงแม้เขาจะเรียนรู้จากหัวหน้าพ่อครัว แต่รสชาติก็ยังแตกต่างออกไป ดูเหมือนต้องฝึกฝนให้มากขึ้นลั่วชิงยวนเห็นความผิดหวังในสายตาของเขา จึงยกยิ้มหวานแล้วพูดว่า “หวานมาก! อร่อยมากเพคะ!”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เย้ายวนใจ ใจชายหนุ่มก็รู้สึกหวั่นไหว จึงอดมิได้ที่จะประคองหน้าลั่วชิงยวนแล้วจุมพิตถึงแม้จะรู้ว่านางอาจจะปลอบใจเขา แต่เพียงเห็นรอยยิ้มของนางเขาก็สุขใจมากแล้วหัวหน้าพ่อครัวมองไปทางอื่น ทำเป็นมิเห็นในมิช้า อาหารและขนมก็ถูกยกมาอย่างต่อเนื่องทั้งสองกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขจนดึกดื่นเมื่อออกจากหอหมื่นสุข ลั่วชิงยวนอิ่มจนแทบจะเดินมิไหวฟู่เฉินหวนจับมือลั่วชิงยวนเดินไปข้างหน้า “เดินเล่นสักหน่อย แล้วเดี๋ยวข้าค่อยส่งเจ้ากลับ”ลั่วชิงยวนเรอเบา ๆ “ท่านตั้งใจจะทำให้หม่อมฉันอ้วนขึ้นหรือเไร หากหม่อมฉันอ้วนเหมือนเดิม ท่านก็จะดีใจใช่หรือไม่เพคะ?”ฟู่เฉินหวนอุ้มนางขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าฉลาดมาก”“ท่าน!” ลั่วชิงยวนยกมือขึ้นฟู่เฉินหวนจับมือน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1093

    ซ่งเชียนฉู่เช็ดมือ ก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ลั่วชิงยวนฉีกซองอ่านดู เมื่ออ่านจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีซ่งเชียนฉู่สงสัยจึงเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ? เป็นจดหมายขอความช่วยเหลือหรือไร?”ลั่วชิงยวนเบิกตาเล็กน้อย “เป็นจดหมายขู่”ในจดหมายเขียนว่า ผู้เขียนรู้ว่านางแอบอ้างเป็นศิษย์สำนักเสวียนซานอวี้ซวี และต้องการให้นางร่วมมือ หากมิยอมร่วมมือ ก็จะให้ศิษย์สำนักเสวียนซานอวี้ซวีตัวจริงมาเปิดโปงความจริง เพื่อทำลายชื่อเสียงของนาง บอกให้ใต้หล้ารู้ว่านางเป็นเพียงสตรีที่ต้มตุ๋นหลอกลวงซ่งเชียนฉู่รับจดหมายมาอ่าน แล้วร้องอุทานด้วยความตกใจ “ใครกัน? ดูเหมือนจะจับตามองท่านมานานแล้ว!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “ให้มันมาหาข้าเองเถอะ ส่วนเจ้าก็จงระมัดระวังตัวให้มาก”ซ่งเชียนฉู่พยักหน้ารับ “ข้ามิเป็นอะไรหรอก แต่ท่านต้องระวังตัวให้มาก คนผู้นี้คงจับตามองท่านมานานแล้ว ถึงได้รู้ว่าท่านมิใช่ศิษย์สำนักเสวียนซานอวี้ซวี”นั่นเพราะเมื่อเริ่มทำนายทายทัก ลั่วชิงยวนยังไม่มีชื่อเสียง จึงใช้ชื่อศิษย์สำนักเสวียนซานอวี้ซวี ผู้เขียนจดหมายจึงต้องรู้ว่า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1092

    แต่กลับถูกจับแขน แล้วดึงเข้าไปในอ้อมกอดลั่วชิงยวนจึงรู้สึกตัว เมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคยก็ตกใจมาก “ท่านมาได้อย่างไรเพคะ?”ฟู่เฉินหวนโอบกอดนางแน่นแล้วพูดว่า “ตำหนักนอกเมืองหนาวมาก”ลั่วชิงยวนผลักเขาออกอย่างแรง “ใช่เพคะ มิเพียงแต่หนาว ยังมีงูด้วย”มิใช่ว่านางมิเคยอยู่ที่ตำหนักนอกเมืองสภาพแวดล้อมในครั้งนั้นยากลำบากกว่าฟู่เฉินหวนในตอนนี้มากฟู่เฉินหวนนึกถึงประสบการณ์ในอดีตของนาง จึงจับมือของนางด้วยความห่วงใย “ชิงหยวน ครั้งนั้นเจ้าลำบากมาก”“เป็นข้าที่ต้องขอโทษเจ้า”ใต้แสงจันทร์ ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย “เรื่องในอดีต ผ่านไปแล้ว มิต้องพูดถึงอีกแล้วเพคะ”“ท่านทนความหนาวเย็นของตำหนักนอกเมืองมิได้หรือเพคะ?”ฟู่เฉินหวนพูดเสียงต่ำ “ทนการจากลาเจ้ามิได้ต่างหาก”ใจของลั่วชิงยวนสั่นไหวเล็กน้อยแล้วก็ใจอ่อนอีกครั้ง“แต่ถ้าท่านมิไปอยู่ที่ตำหนักนอกเมือง ในตำหนักอ๋องแห่งนี้คนที่ทุกข์ใจก็จะเป็นเราสองคน”“ข้าจะไป รุ่งเช้าจะกลับ คืนนี้ขอพักอยู่ที่นี่สักคืนได้หรือไม่?”ฟู่เฉินหวนกลับมาที่เมืองหลวงในเวลากลางคืนมิใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบเมื่อไปถึงตำหนักนอกเมือง แล้วเห็นสถานที่ที่นางเค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1091

    นางโน้มกายลง ริมฝีปากแสยะยิ้มจางขณะพูดด้วยเสียงเยือกเย็น “เจ้าเป็นเพียงบ่าวที่ใช้ทดลองยาในตำหนักอ๋องเท่านั้น”จบประโยค นางก็คว้าข้อมือของลั่วเยวี่ยอิง แล้วกรีดลงไปแม้ว่าลั่วเยวี่ยอิงจะดิ้นรนอย่างไร ลั่วชิงยวนก็มิปล่อยมือ ปล่อยให้โลหิตไหลออกเต็มชาม ลั่วชิงยวนจึงคลายมือออกพร้อมกับพานางรับใช้ไปด้วยลั่วชิงยวนจำต้องเร่งรัดการปรุงยาแก้พิษ ลั่วเยวี่ยอิงยังคงมีชีวิตอยู่ก็จะยิ่งก่อความวุ่นวายให้ตำหนักอ๋องมิสงบสุขระหว่างทางกลับ นางก็สั่งนางรับใช้ว่า “เจ้าไปเอาชุดจากศาลารุ้งเมฆาให้สตรีผู้นั้น บอกว่าเป็นคำสั่งของข้า ศาลารุ้งเมฆาจะให้”“เจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนสั่งอีกว่า “จงทำตามใจนางทุกอย่าง จะได้มิเดือดร้อน”“เจ้าค่ะ”ยามเย็นลั่วชิงยวนดักรออยู่มิไกลจากตำหนักอ๋องเมื่อเห็นรถม้าใกล้เข้ามานางก็รีบเข้าไปหาเมื่อฟู่เฉินหวนบนรถม้าเห็นนางมาถึงก็รีบลงจากรถม้า ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วโอบกอดลั่วชิงยวนไว้ในอ้อมแขน “คิดถึงข้าหรือไม่?”ลั่วชิงยวนผลักเขาออก “หม่อมฉันมาบอกท่านว่าอย่ากลับไป ท่านไปอยู่ที่ตำหนักนอกเมืองเถิดเพคะ”เมื่อได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนก็แข็งค้าง “เหตุใด? ข้าทำผิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1090

    เพียงครึ่งเดือนเศษที่มิได้พบกัน มหาราชาจารย์เหยียนกลับเปลี่ยนไปราวกับคนละคนมหาราชาจารย์เหยียนจ้องมองนางอย่างมิพอใจ “พระชายาอ๋องจงดูแลตนเองเถิด!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลง ฟังเสียงมหาราชาจารย์เหยียนที่อ่อนแรง ดูเหมือนจะสูญเสียพลังงานมาก ถึงแม้ว่าจะถูกกระทบกระเทือนจากเหตุการณ์ล่าสุด แต่ก็มิควรจะสูญเสียมากถึงเพียงนี้ย่อมมีสาเหตุอื่น “ข้าหวังดี ท่านมหาราชาจารย์เหยียนมิจำเป็นต้องตอบโต้เช่นนี้”“ข้าเห็นท่านมหาราชาจารย์เหยียนดูเหมือนจะสูญเสียกำลังภายในไปมาก และมีอาการเป็นพิษ ท่านมหาราชาจารย์เหยียนควรหาหมอที่มีฝีมือดีมารักษาเถิด”“อย่าปล่อยให้ตัวเองล้มไปทั้ง ๆ ที่ยังมิได้ชนะแล้วกัน” ลั่วชิงยวนยิ้มเยาะมหาราชาจารย์เหยียนหน้าซีด จ้องมองนางอย่างเย็นชา “มิต้องมายุ่งเรื่องของข้า!” กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชาแล้วจากไปลั่วชิงยวนมองดูเงาของมหาราชาจารย์เหยียนที่รีบจากไป ในใจรู้สึกสับสน อาการป่วยของมหาราชาจารย์เหยียนดูเหมือนจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันกลับไปแล้วนางก็ใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์คำนวณอีกครั้ง และไปดูที่บริเวณบ้านตระกูลเหยียนอีกครั้งถึงแม้ว่ามหาราชาจารย์เหยียนจะมีอาการป่วยหนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1089

    ซูโหยวพยักหน้า “ท่านอ๋องตามใจนางทุกอย่างแล้วขอรับ” “ถึงกระนั้นนางกลับยังขอให้ท่านอ๋องหย่ากับพระชายาและลงทัณฑ์พระชายาอย่างหนัก” “ท่านอ๋องมิได้ยินยอมและพิโรธยิ่งนัก จึงกลับเข้าห้องไป”ลั่วชิงยวนถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ฟังดังนั้น “ลั่วเยวี่ยอิงต้องการให้ท่านอ๋องหย่ากับข้าหรือ? จะให้ลงทัณฑ์ข้าด้วยหรือ?” ซูโหยวพยักหน้ารับอีกครั้งลั่วชิงยวนรู้สึกถึงความผิดปกติ ลั่วเยวี่ยอิงอาจจะรู้แล้วหรือไม่ว่าฟู่เฉินหวนถูกควบคุมจิตใจอยู่? “เจ้าไปเถิด ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเขาเอง ข้าจะมิเข้าไป” ซูโหยวพยักหน้าแล้วถอยออกไปลั่วชิงยวนเดินไปยังชายคาบ้าน มิได้ผลักประตูเข้าไป นางยืนอยู่ข้างกำแพง ฟังเสียงครวญครางอันแสนเจ็บปวดที่เล็ดลอดออกมาจากห้อง หัวใจของนางแทบจะขาดสะบั้นดวงตาแดงก่ำ ขณะนั่งคุกเข่าลงข้างกำแพง มีเพียงกำแพงกั้นไว้ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงครวญครางอันเจ็บปวดของฟู่เฉินหวนดังก้องเข้ามาในหูอย่างชัดเจนลั่วชิงยวนกำมือแน่น มิกล้าส่งเสียงใด ฟู่เฉินหวนซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง ดิ้นรนทรมาน เลือดไหลออกมาจากปากความทรมานเช่นนั้นกินเวลายาวนานถึงหนึ่งชั่วยามเศษ แต่ฟู่เฉินหวนมิได้ออกมาจากห้อง ล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1088

    เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ใจของลั่วชิงยวนก็ยังคงเจ็บปวดแต่จะทำอย่างไรได้ ต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้น ฟู่เฉินหวนจึงจะมิถูกทรมานจนถึงตายในที่สุดลั่วเยวี่ยอิงที่ถูกอุ้มไปก็มีความสุขมากนางกอดฟู่เฉินหวน ร้องไห้คร่ำครวญน้ำตาไหลพราก “ท่านอ๋อง ในที่สุดหม่อมฉันก็ได้พบท่านแล้ว”“ท่านมิรู้หรอกเพคะว่าหม่อมฉันต้องใช้ชีวิตอย่างไรในช่วงที่ผ่านมา”“พระชายาเอาเลือดของหม่อมฉันไปทุกวัน หม่อมฉันคิดว่าชาตินี้จะมิได้พบกับท่านแล้ว…”ฟู่เฉินหวนได้ยินเสียงคร่ำครวญก็หงุดหงิด ยิ่งปวดหัวหนักขึ้น“ท่านอ๋อง ท่านต้องช่วยหม่อมฉันให้พ้นจากภัยนี้ด้วยเถิดเพคะ” ลั่วเยวี่ยอิงร้องไห้มิหยุด“ข้าจะให้หมอมาตรวจอาการเจ้า” ฟู่เฉินหวนพยายามควบคุมตนเองมิให้ต่อต้านพลังที่ควบคุมอยู่พยายามตามใจลั่วเยวี่ยอิง“เพคะ” ลั่วเยวี่ยอิงยิ้มอย่างพอใจ ในใจมีความสุขสิ่งที่เหยียนหน่ายซินพูดนั้นเป็นความจริง......ลั่วชิงยวนนั่งอยู่ที่ห้อง จือเฉาใช้ยาบรรเทาอาการบวมช้ำที่ใบหน้าของลั่วชิงยวนพลางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “ท่านอ๋องกับพระชายาได้คืนดีกันแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจู่ ๆ จึงลงมือหนักเช่นนี้”“เขาก็มีเหตุผลของเขา” ลั่วชิงยวนถ

DMCA.com Protection Status