ลั่วเยวี่ยอิงมีความเคลื่อนไหวอีกแล้ว หรือว่าเหยียนหน่ายซินปรากฏตัวอีก?“ลั่วเยวี่ยอิงเล่าอยู่ที่ใด? ออกจากตำหนักไปแล้วหรือ?”หากออกจากตำหนักไปแล้วก็ยิ่งดี จะได้จับเหยียนหน่ายซินแล้วก็กำจัดลั่วเยวี่ยอิงไปพร้อมกันเสียเลยแต่จือเฉากลับรายงานว่า “มิใช่เจ้าค่ะ นางไปที่ห้องครัว แต่งกายเป็นนางรับใช้ มิทราบว่าคิดจะทำสิ่งใด”ลั่วชิงยวนครุ่นคิด แล้วสั่งการว่า “จือเฉา พาบ่าวในเรือนออกไปให้หมด”จือเฉารับคำ “เจ้าค่ะ”จากนั้นจือเฉาก็พาคนอื่น ๆ ออกไปจนหมดลั่วชิงยวนวางตำราแพทย์ลงแล้วเอนกายนอนลงบนเตียงนุ่มก่อนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุม“แค่กแค่กแค่ก...”อากาศหนาวเย็นขึ้นทุกวัน ลั่วชิงยวนยังคงมิสบายจนได้นางนอนลง ตั้งใจจะงีบหลับสักครู่ยามราตรีคืบคลานเข้ามา ภายนอกเริ่มมืดมิด ลั่วชิงยวนเผลอหลับไปในขณะที่กำลังจะหลับใหล ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนค่อย ๆ เปิดประตูห้องเข้ามา เสียงฝีเท้าแผ่วเบาค่อย ๆ เข้ามาใกล้นางจากนั้นกระถางธูปบนโต๊ะก็ถูกเปิดออก มิรู้ว่าคนผู้นั้นทำสิ่งใดอยู่ต่อมาเสียงฝีเท้านั้นก็หยุดลง ลั่วชิงยวนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีสายตาจ้องมองนางอยู่ด้านหลังลั่วเยวี่ยอิงมองแผ่นหลังของลั่วชิงยวน
เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินดังนั้นก็หน้าเสียลั่วเยวี่ยอิงหนีไปแล้วหรือ?เขารีบไปยังเรือนของลั่วชิงยวนปรากฏว่าในลาน ลั่วเยวี่ยอิงยังมิตายมีนางรับใช้คนหนึ่งมารายงาน “พระชายา ท่านอ๋องเสด็จกลับมาแล้ว กำลังมาทางนี้เจ้าค่ะ!”ลั่วชิงยวนหน้าเสีย “ขวางเขาไว้ก่อน!”กล่าวจบ นางก็คว้าผ้าแพรขาวออกแรงรัดคอ หมายจะฆ่าลั่วเยวี่ยอิงก่อนที่ฟู่เฉินหวนจะมาถึงมิเช่นนั้นลั่วเยวี่ยอิงต้องฟ้องฟู่เฉินหวนแน่นอนแต่เมื่อลั่วเยวี่ยอิงได้ยินว่าท่านอ๋องเสด็จมาก็เหมือนกับเจอที่พึ่งสุดท้าย นางจึงดิ้นรนสุดชีวิต พยายามต่อยเตะลั่วชิงยวนแต่ก็สายไปเสียแล้วฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาในเรือนเมื่อเห็นภาพนั้น ฟู่เฉินหวนก็หน้าซีด เขารีบพุ่งเข้าไปต่อยลั่วชิงยวนที่หน้าอกลั่วชิงยวนกระอักเลือด ล้มลงกับพื้นทันใด“พระชายา!” จือเฉาตกใจ รีบเข้าไปดูผ้าแพรหลุด ลั่วเยวี่ยอิงคลานเข้าไปกอดขาฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋อง... พระชายาจะฆ่าหม่อมฉัน! นางจะฆ่าหม่อมฉัน!”“ท่านฆ่านางเถิด ฆ่านางเถิด! มิเช่นนั้นหม่อมฉันต้องตายด้วยน้ำมือของนางเป็นแน่เพคะ!”ฟู่เฉินหวนตาแดงก่ำเหมือนจะคลุ้มคลั่ง เขามองลั่วชิงยวนด้วยสายตาอาฆาตแล้วพุ่งเข้าไปบีบคอลั่วชิ
ฟู่เฉินหวนฟังแล้วปวดร้าวใจยิ่งนักเมื่อก้มลงมองมือตนก็รู้สึกมิอยากจะเชื่อ เขาเกือบจะฆ่าลั่วชิงยวนไปแล้วจริง ๆเขาสามารถควบคุมตัวเองได้ แม้จะปวดหัวจนแทบแตกก็ตามแต่วันนี้เขากลับควบคุมตัวเองมิได้หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ลั่วชิงยวนคงต้องตายด้วยน้ำมือเขาเป็นแน่ลั่วชิงยวนทำเพื่อเขามามากมาย เขาจะทำร้ายนางได้อย่างไร!หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ฟู่เฉินหวนก็หันหลังกลับไป สายตาฉายแววเย็นชาค่ำคืนนี้หิมะโปรยปรายลงมาหนาแน่น ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างเมื่อฟู่เฉินหวนจากไป บนพื้นก็มีหิมะหนาแล้วซูโหยวถือร่มวิ่งตามมา แล้วกางร่มบังหิมะให้ฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋อง”ฟู่เฉินหวนเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าหนักอึ้ง ซูโหยวก็มิอาจหยั่งรู้ได้ว่าเขากำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่ใกล้ถึงเรือนพัก ฟู่เฉินหวนก็หยุดเดิน แล้วหันไปมองอีกทาง“มิต้องตามข้ามา”เมื่อพูดจบ ท่านอ๋องก็เดินไปยังเรือนของลั่วเยวี่ยอิงซูโหยวมิได้ตามไปด้วย......เมื่อฟู่เฉินหวนมาถึงเรือนของลั่วเยวี่ยอิงก็สั่งให้ทหารทั้งหมดออกไปลั่วเยวี่ยอิงได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งออกมาจากห้อง นางแต่งกายด้วยผ้าเนื้อบางเบา เท้าเปล่าวิ่งลงไปเหยียบหิมะ“ท่านอ๋อง หม่อมฉ
“ฆ่าลั่วชิงยวน แล้วให้หม่อมฉันขึ้นเป็นพระชายาของท่านแทน ดีหรือไม่เพคะ?” ลั่วเยวี่ยอิงร้องไห้อ้อนวอน แต่กลับออกคำสั่งแก่ฟู่เฉินหวนหากเขามิอยากเจ็บปวดจนตายก็ต้องฆ่าลั่วชิงยวน!ดวงตาของฟู่เฉินหวนแดงก่ำ เส้นเลือดปูดโปนขณะกำหมัดแน่น นัยน์ตาฉายแววเหี้ยมโหดเขารวบรวมพลังปราณ สั่นสะเทือนไปทั้งร่างกายเขี้ยวเหล็กถูกกระแทกออกจากร่างของเขาลั่วเยวี่ยอิงที่กอดเขาจากด้านหลังตกใจ ตัวแข็งทื่อในทันทีทำได้เพียงก้มลงมองรูโหว่บนหน้าอกที่เต็มไปด้วยเลือดแล้วถอยหลังเซ ล้มลงบนพื้นหิมะอย่างอ่อนแรงเลือดไหลออกจากร่างของนาง นางอ้าปากยื่นมือไปหาฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋อง ช่วย... ช่วยหม่อมฉันด้วย...”สายตาเย็นชาของฟู่เฉินหวนจ้องมองสภาพของลั่วเยวี่ยอิงแต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานเลือดสาดกระเซ็นบนหิมะขาวโพลน แล้วฟู่เฉินหวนก็ล้มลงบนกองเลือดเช่นกันเขามิอาจลงมือฆ่าลั่วเยวี่ยอิงได้ แต่กลับใช้เขี้ยวเหล็กสังหารนางความเจ็บปวดแสนสาหัสถาโถมเข้ามาจนยากจะทนทานเมื่อซูโหยวที่แอบตามมาเห็นภาพนั้นก็ตกใจมากรีบแบกฟู่เฉินหวนขึ้นบ่าแล้วเตรียมกลับไปทันทีเขาเพียงแค่เหลือบมองลั่วเยวี่ยอิงที่ร้องขอความช่วยเหลืออยู
ลั่วชิงยวนตกใจ รีบแต่งตัวแล้วสวมเสื้อคลุมตัวหนาเมื่อมาถึงก็เห็นเพียงซูโหยวกำลังสั่งให้คนแบกศพออกไปลั่วชิงยวนเข้าไปเปิดผ้าคลุมออก จึงเห็นร่างไร้วิญญาณของลั่วเยวี่ยอิงร่างกายแข็งทื่อ สวมชุดเนื้อผ้าบางเบา ผิวหนังที่มือและเท้ามีรอยน้ำแข็งกัดนางนอนตายอยู่ท่ามกลางหิมะทั้งคืนเลยหรือ?“นางตายได้อย่างไร?” ลั่วชิงยวนอยากจะเปิดผ้าคลุมออกตรวจดูให้ละเอียดซูโหยวรีบห้ามไว้ “พระชายากำลังป่วย อย่าสัมผัสสิ่งสกปรกเลยขอรับ”“นางหนาวตาย นอนอยู่ในหิมะทั้งคืน”“เมื่อมีคนมาพบตอนเช้า ร่างของนางก็แข็งทื่อแล้วขอรับ”“ข้าจะให้คนนำศพออกไปขอรับ”พูดจบ ซูโหยวก็พาลูกน้องจากไปลั่วชิงยวนยืนมองศพที่ถูกแบกออกไป แล้วรู้สึกแปลกใจเกิดอะไรขึ้น ลั่วเยวี่ยอิงตายเช่นนี้ได้อย่างไร?หลังจากครุ่นคิดแล้ว บางทีฟู่เฉินหวนอาจจะรู้สึกตัวหลังจากทำร้ายนาง จึงสั่งให้ซูโหยวไปฆ่าลั่วเยวี่ยอิงหรือ?มิรู้ว่าการตายของลั่วเยวี่ยอิงจะส่งผลต่อร่างกายของฟู่เฉินหวนหรือไม่เขาคงปวดหัวอย่างหนักลั่วชิงยวนคิดจะไปดูอาการฟู่เฉินหวนแต่กลับทราบว่าฟู่เฉินหวนออกไปตั้งแต่เช้า คงจะเข้าวังไปแล้วลั่วชิงยวนจึงเข้าวังเช่นกันทันทีที่ออ
ความรู้สึกขมขื่นกัดกินหัวใจหากครั้งนั้นเขามิได้หลอกลวงลั่วชิงยวน หากเขาจริงใจต่อนางตั้งแต่แรก ผลลัพธ์คงต่างออกไป.........ท่ามกลางพายุหิมะร่างไร้วิญญาณของลั่วเยวี่ยอิงถูกโยนทิ้งไว้ในสุสานไร้ญาติปราศจากพิธีกรรมฝังศพใด ๆ ทิ้งแล้วก็จากไปเลยในเงามืดมีเงาดำทะมึนสะกดรอยตามเงียบ ๆ มาจนถึงสุสานรอจนคนพวกนั้นจากไป ลั่วฉิงจึงรีบวิ่งเข้ามาดูตรวจสอบแล้วพบว่าลั่วเยวี่ยอิงสิ้นใจแล้วจริง ๆ เมื่อมองบาดแผลที่หน้าอกของศพ ลั่วฉิงก็ตกใจ นี่คือรอยแผลจากเขี้ยวเหล็กฟู่เฉินหวนช่างเหี้ยมหาญนัก เขาใช้วิธีนี้ฆ่าคน มิกลัวตายบ้างหรืออย่างไร!น่าเสียดาย ลั่วเยวี่ยอิงเป็นหมากที่ดี แต่กลับต้องตายไปเสียแล้วแต่ก็ต้องโทษที่นางโง่เองลั่วฉิงกำลังจะจากไปด้วยความมิพอใจแต่แล้วก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันกลับมามองศพของลั่วเยวี่ยอิงนัยน์ตาฉายแววเย็นชาแล้วค่อย ๆ เดินไปนั่งยอง ๆ ข้างศพ จากนั้นกัดฟันแน่นโผเข้าหาศพ แล้วกัดกินเนื้ออย่างบ้าคลั่งเลือดจากศพสาดกระเซ็นน่าสยดสยองยิ่งนักมีคนเดินผ่านมาพอดี เมื่อเห็นเงาร่างคุกเข่ากัดกินศพอยู่ไกล ๆ ก็ตกใจจนทิ้งของในมือ แล้ววิ่งหนีไปลั่วฉิงได้ยินเสียงจึงห
ลมหนาวพัดหอบเอาหิมะโปรยปรายกระทบใบหน้างามจนระบมเจ็บยิ่งนักซ่งเชียนฉู่ฝ่าลมและหิมะติดตามเฉินเซี่ยวหานมุ่งหน้าสู่หุบเขาลึกโชคยังดีที่ฝนมิได้โปรยปรายลงมา เส้นทางยามราตรีจึงพอเดินได้สะดวกครั้นเมื่อเฉินเซี่ยวหานมาถึงถ้ำงูแห่งเดิม นางก็ตกตะลึงยิ่งนัก เฉินเซี่ยวหานรู้จักสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร?นางสะกดกลั้นความหวาดหวั่นเดินตามเข้าไปในถ้ำ บรรยากาศเย็นยะเยือกส่งผลให้ขนลุกชันทั่วกายลัดเลาะไปตามทางคดเคี้ยว อุณหภูมิเริ่มอุ่นขึ้นบ้างเส้นทางนี้ช่างคุ้นเคย นางเคยมาเยือนที่นี่เมื่อกลางวันเพื่อนำยาไปมอบให้ฉู่จิ้งกระทั่งบัดนี้ นางยังมิอาจหยั่งรู้ได้ว่าเหตุใดเฉินเซี่ยวหานจึงมาที่นี่ในยามวิกาลทันใดนั้น เสียงหอบหายใจก็ดังขึ้น ทำเอานางขนหัวลุกหวาดกลัวในใจ แต่ก็ฝืนใจเดินเข้าไปภาพเบื้องหน้าทำให้นางตกตะลึงราชันย์อสรพิษถูกตาข่ายคลุมไว้ บนตาข่ายเต็มไปด้วยโลหิตและยันต์อาคมที่นางอ่านมิออกราชันย์อสรพิษพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เกล็ดแข็งทั่วร่างไหม้เกรียมส่งเสียงดังฉ่าส่วนเฉินเซี่ยวหานชักดาบสั้นออกมาอย่างรวดเร็วซ่งเชียนฉู่ตกใจยิ่งนัก“หยุดนะ!” นางตะโกนพลางวิ่งเข้าไปเฉินเซี่ยวหานสะดุ้
ซ่งเชียนฉู่สะดุ้งตกใจนัก รีบกางแขนขวางหน้าเฉินเซี่ยวหานพลางมองราชันย์อสรพิษเลื้อยลงไปจากหน้าผาแต่นางกลับเหยียบอยู่บนตาข่ายดักอสรพิษเมื่อราชันย์อสรพิษร่วงลงสู่ผืนน้ำ น้ำหนักมหาศาลจึงฉุดร่างนางร่วงลงไปด้วยร่างบอบบางพลัดตกลงจากปากถ้ำจมดิ่งสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง“เชียนฉู่!” เฉินเซี่ยวหานตกใจสุดขีด รีบวิ่งไปยังปากถ้ำแล้วมองลงไปเบื้องล่าง เห็นเพียงห้วงน้ำลึกดำมืด เขากัดฟันแน่นก่อนจะรีบวิ่งออกจากถ้ำอ้อมไปยังทิศทางของห้วงน้ำซ่งเชียนฉู่ตกสู่ห้วงน้ำเย็นยะเยือก ร่างกายถูกโอบล้อมด้วยความหนาวเหน็บจนแทบขาดใจ นางดิ้นรนสุดกำลังท่ามกลางห้วงน้ำลึก ราชันย์อสรพิษรัดร่างนางไว้ แล้วพาว่ายออกจากห้วงน้ำเย็นอย่างรวดเร็วแม้รอดพ้นจากห้วงน้ำ แต่นางยังคงหนาวสั่นไปทั้งตัวในขณะนั้น เฉินเซี่ยวหานก็ตามมาถึงพอดีนางยังมิทันตั้งสติ ราชันย์อสรพิษก็รัดร่างนางแล้วพาเข้าไปซ่อนตัวในพงหญ้า“หยุดนะ!” เฉินเซี่ยวหานรีบวิ่งตามมาราชันย์อสรพิษรัดนางหลบหนีมุ่งหน้าสู่ป่าลึกบนภูเขาสายลมพัดหิมะปกคลุมพื้น ร่องรอยต่าง ๆ จึงเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเฉินเซี่ยวหานไล่ตามมิทันเขาร้อนรนใจและรู้สึกเสียใจยิ่งนัก และรีบออก
นางสะบัดมือ ผงยาพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของฉู่จิ้งฉู่จิ้งมึนหัวทันที“เป็นเจ้านี่เอง!” ฉู่จิ้งโยนคนที่อยู่ในอ้อมแขนออกไปลั่วฉิงตีลังกาลงพื้นอย่างมั่นคง แล้วมองฉู่จิ้งด้วยสายตาเย็นชา “ที่แท้ก็ต้องปลอมตัวเป็นเด็กคนนี้จริง ๆ ถึงจะหลอกเจ้าได้สินะ”“ตอนนั้นเฉินเซี่ยวหานมีโอกาสใช้ซ่งเชียนฉู่มาข่มขู่เจ้า แต่เขากลับมิทำ ทำให้แผนของข้าล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างโง่เขลาสิ้นดี!”“วันนี้ข้าจะควักดีงูของเจ้าด้วยตัวเอง!”“จัดการเจ้าแล้วข้าค่อยไปจัดการลั่วชิงยวน!”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฉู่จิ้งก็เปลี่ยนไปลั่วชิงยวนคงจะตกอยู่ในอันตรายเขามิอยากต่อสู้กับนาง ตัดสินใจรีบหันหลังวิ่งหนีแต่บนพื้นกลับมีแสงสีทองส่องประกายวงเวทสีทองอยู่ใต้เท้าของเขาเขาออกไปมิได้!ลั่วฉิงเดินเข้ามาหาช้า ๆ พลางหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้ามิได้เตรียมตัวเลยงั้นรึ?”“มีโอกาสล่อเจ้าออกมาได้เช่นนี้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้อย่างไรเล่า”ลั่วฉิงถือกระบี่ยาวเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความกระหายเลือดนางจะควักดีของเขาทั้งเป็น!ถึงตอนนั้น มิเพียงแต่อาการบาดเจ็บของนางจะหายเท่านั้น แต่ยังจะทำให้พลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย!
ลั่วชิงยวนหยิบยันต์ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วถือไว้ในมือ วินาทีต่อมายันต์นั้นลุกไหม้เป็นเถ้าถ่าน พลังหยินอันรุนแรงพวยพุ่งออกมาลั่วฉิงตกใจมากนางเห็นยันต์ลุกไหม้ก่อนที่มิติจะเปิดออก ทันใดนั้นงูยักษ์ก็พุ่งทะยานออกมาจากมิติมันอ้าปากเปื้อนเลือดขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาลั่วฉิงเสียงคำรามดังกึกก้องลั่วฉิงรีบหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมา แต่กลับไร้ประโยชน์ นางถูกเสียงคำรามผลักจนกระเด็นออกจากห้อง เข็มทิศอาณัติสวรรค์ในมือหล่นลงพื้นนางตกลงไปที่ห้องโถงชั้นล่าง ได้แต่ลุกขึ้นยืนโซซัดโซเซ และเงยหน้ามองห้องนั้นด้วยความโกรธนางกัดฟันแล้วหันหลังเดินออกไปข้างกายลั่วชิงยวนมีงูยักษ์คอยปกป้อง!แต่ก็ดี ทั้งเข็มทิศอาณัติสวรรค์และดีงู นางต้องการทั้งหมด!ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้งลั่วชิงยวนก้มลงเก็บเข็มทิศอาณัติสวรรค์ที่ตกอยู่บนพื้น ในที่สุดก็วางใจได้เสียทีของอย่างอื่นจะหายไปก็ได้แต่เข็มทิศอาณัติสวรรค์จะหายไปมิได้นางรู้ว่าลั่วฉิงต้องสะกดรอยตามมาแน่นอน จึงจงใจแวะพักที่นี่เพื่อให้ลั่วฉิงมีโอกาสลงมือครู่หนึ่งจือเฉาและฉู่จิ้งก็กลับมา ลั่วชิงยวนรีบพาพวกเขาเดินทางไปซีหลิงในทันทีมิกล้าเสียเวลาอีกบนรถม้า
พระชายาใช้ชีวิตอย่างไรในตอนที่ถูกขังอยู่หลังจากกินข้าวเสร็จลั่วชิงยวนก็มอบสมุนไพรให้จือเฉา ให้นางไปต้มที่ห้องครัวส่วนลั่วชิงยวนนอนพักบนเตียง ขณะสะลึมสะลือ นางได้ยินเสียงบุรุษหลายคนกำลังพูดคุยเรื่องสงครามอยู่ชั้นล่างลั่วชิงยวนได้ยินเรื่องกองทัพแคว้นหลีและซีหลิงนางจึงลุกไปเปิดประตูแล้วยืนฟังที่มาจากทางเดิน“สู้รบกันมาตั้งนานแล้ว ยังมิรู้ผลแพ้ชนะ ครั้งนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการคงจะแพ้กระมัง”“เป็นไปมิได้ นี่เป็นสิ่งที่ท่านมหาปราชญ์ทำนาย บอกว่าท่านอ๋องไปแล้วจะชนะอย่างแน่นอน!”“แต่ก็มิรู้ว่าต้องรอนานเท่าใด”“จะว่าไปแล้ว ท่านมหาปราชญ์ผู้นี้มีความสามารถจริงหรือ? เทียบกับพระชายาอ๋องคนก่อนแล้ว ความสามารถช่างห่างไกล”ลั่วชิงยวนกลับเข้าห้องปรากฏว่ากองทัพแคว้นหลียังมิถอยทัพฟู่เฉินหวนถึงกับไปซีหลิงเพื่อต่อสู้กับกองทัพแคว้นหลี ดูเหมือนว่าอยากจะช่วยลั่วฉิงรักษาสถานะในราชสำนักจริง ๆมิรู้ว่าทั้งสองกลายเป็นมิตรกันได้อย่างไรหรือเป็นเพราะมีศัตรูร่วมกันก็คือนาง?จือเฉาต้มยาเสร็จแล้วนำมาให้ หลังจากที่ลั่วชิงยวนกินยาแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างหน้าต่างพลางสัมผัสแสงแดดภายนอกจือเฉานำผ้าห่ม
ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาดุจสายน้ำ เลือดเอ่อล้นขึ้นมาในลำคอ“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉู่จิ้งขมวดคิ้ว“มิเป็นอะไร” ลั่วชิงยวนพยายามพยุงตัวเองขึ้น สิ่งที่ทรมานยิ่งกว่าคือแสงแดดที่แยงตาในขณะนี้แสบตามากจนน้ำตาไหลมิหยุด“พระชายา พระชายา!” จือเฉาโผเข้ามาหาพลางร้องไห้โฮ “พระชายา โชคดีเหลือเกินที่ท่านปลอดภัย”“ตอนที่ยังวุ่นวาย พวกเราหนีไปตอนนี้กันเถิดเจ้าค่ะ ” จือเฉาจูงมือลั่วชิงยวน แล้วรีบหนีออกจากประตูหลังนางยังจำคำพูดของซูโหยวได้ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ต้องพาพระชายาออกไปก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่โตมิเช่นนั้นหากทุกคนรู้ว่าพระชายายังมิตาย พระชายาอาจจะออกไปมิได้แล้วลั่วชิงยวนถูกพาตัวออกจากประตูหลัง แสงแดดแยงตาจนมองมิเห็นทางข้างหน้าเมื่อขึ้นรถม้าได้จึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง“พระชายา เหตุใดท่านจึงร้องไห้หรือเจ้าคะ” จือเฉารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสักพักฉู่จิ้งก็ขึ้นรถม้าตามมา “พระชายาของเจ้าถูกขังอยู่ในห้องลับที่มืดมิดนานเกินไป ยังปรับตัวเข้ากับแสงภายนอกมิได้”ได้ยินดังนั้น จือเฉาก็รีบหยิบห่อผ้ามาจากกล่อง แล้วหยิบเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ออกมาแล้วคลุมศีรษะให้ลั่วชิงยวนร่างผอมบางถูกคลุมด้วยเสื้อ
หัวใจของลั่วชิงยวนกระตุก แต่มิส่งเสียง ได้ยินลั่วฉิงยืนอยู่ข้างนอกครู่หนึ่งก็จากไปแต่ประตูห้องเปิดอยู่ ลั่วชิงยวนมองเห็นแสงสว่างจากด้านนอก ในที่สุดก็ได้เห็นแสงที่แตกต่างจากแสงเทียนแต่ทันใดนั้น นางก็ได้กลิ่นไหม้และเห็นไฟลุกไหม้จากด้านนอกบ้านไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว มินานลั่วชิงยวนก็ได้กลิ่นควันไฟเปลวเพลิงกำลังแผดเผาเรือนหลังนี้ลั่วชิงยวนรีบนำน้ำมาชุบผ้าห่มแล้วอุดช่องว่างเพื่อป้องกันมิให้ควันลอยเข้ามาฟู่เฉินหวนอาจจะมิสนใจชีวิตของนาง แต่เมื่อเรือนไฟไหม้ก็ต้องให้คนมาช่วยดับไฟเพียงแค่นางยืนหยัดต่อไป ไฟก็จะมิลามเข้ามา อีกสักพักก็คงจะดับแล้วแต่ไฟกลับยิ่งลุกไหม้รุนแรงขึ้นผู้คนในตำหนักพบเห็นเข้าจึงรีบมาช่วยกันดับไฟจือเฉาได้ยินข่าวจึงรีบมา แล้วเห็นไฟไหม้ในเรือนนั้นเหมือนกับครั้งก่อนไม่มีผิดนางร้อนใจมากพระชายายังอยู่ข้างใน!นางรีบไปตักน้ำดับไฟกับคนอื่น ๆท่ามกลางความวุ่นวาย ลั่วฉิงแอบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ไม่มีใครสังเกตเห็นนางแน่นอนว่านางต้องรอ รอลั่วชิงยวนออกมาครั้งนี้มิว่าอย่างไรก็จะมิปล่อยให้ลั่วชิงยวนหนีไปได้!“แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก...” ลั่วชิงยวนพิงกำแพง ควันที่ลอยเข
“ตามข้ามา” ซูโหยวสั่งจือเฉาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตามซูโหยวไปเมื่อมาถึงห้องของซูโหยว ซูโหยวก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมายื่นให้จือเฉาจือเฉางุนงง “นี่คือ...”“นี่คือสิ่งที่ท่านอ๋องให้เจ้าทำก่อนหน้านี้ จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายที่ท่านอ๋องเขียนถึงพระชายา”จือเฉารับจดหมายมาอ่าน แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด “พระชายามิได้...”ซูโหยวยกนิ้วชี้แตะริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า “พระชายายังมิตาย”“ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของท่านอ๋อง”“ข้าเตรียมทุกอย่างให้เจ้าแล้ว เช้าวันพรุ่ง เจ้าก็พาพระชายาออกจากตำหนัก ออกจากเมืองหลวง แล้วอย่าได้กลับมาอีก”“ส่วนจดหมายฉบับนี้ค่อยมอบให้พระชายาหลังจากผ่านไปครึ่งปี”“เจ้าทำได้หรือไม่?”จือเฉาตกใจมากและรู้สึกสับสน “แผนการของท่านอ๋องคืออะไรกันแน่”“เจ้าอย่าสนใจมาก ทำตามที่ท่านอ๋องสั่งก็พอ เจ้าแค่ต้องรู้ว่าทำเช่นนี้จึงจะรักษาชีวิตของพระชายาได้”“เรื่องที่ข้าบอกเจ้า ห้ามบอกพระชายา แค่ส่งจดหมายฉบับนี้ให้พระชายาหลังจากผ่านไปครึ่งปีก็พอ”“นี่เป็นโอกาสที่เจ้าทั้งสองจะมีชีวิตรอด เข้าใจหรือไม่?”จือเฉาตั้งใจฟัง พยักหน้า แล้วเก็บจดหมายไว้ในอกเสื้อ“แล้วตอนนี้พระชายาอยู่ที่ใด? วันพร
ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยแล้วยื่นมือออกไปนอกช่อง พยายามดึงถุงเข้ามาแล้วหยิบขวดยาออกมาทีละขวดหลังจากตรวจสอบดูว่ามียาอะไรบ้าง ลั่วชิงยวนก็กินยาเม็ดหนึ่งนางกำลังจะถามฉู่จิ้งว่าหายาพวกนี้มาจากที่ใด แต่เมื่อมองไปที่มุมห้องก็กลายเป็นว่าฉู่จิ้งขดตัวหลับไปเสียแล้วลั่วชิงยวนลากผ้าห่มมาห่มให้เขาเมื่อเข้าเหมันตฤดู พลังของฉู่จิ้งจะอ่อนแอลง ทำให้เขาง่วงนอนและต้องจำศีล ปกติแล้วจะมิค่อยตื่นขึ้นมาการออกไปหายาคงจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มียาที่นำมาเพียงพอสำหรับพวกเขาใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ได้แต่หวังว่าเหมันตฤดูจะผ่านพ้นไปโดยเร็วในห้องลับที่มืดมิด ลั่วชิงยวนได้แต่นอนและกินเท่านั้น มองมิเห็นแสงตะวัน มีเพียงความมืดมิดมิรู้จบห้วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานช่างยาวนานเหลือเกินเสบียงแห้งแข็งราวกับหิน ทั้งแห้งและแข็งจนกลืนลำบาก กลืนลงไปแล้วก็เหมือนกินใบมีด เจ็บคอมากบาดแผลทั่วร่างก็มิสามารถล้างทำความสะอาดได้ ได้แต่ใช้ผ้าสะอาดเช็ดรอบแผล ทายาและพันแผลใหม่ทุกวันถึงแม้ว่าบาดแผลส่วนใหญ่จะมิแย่ลง แต่ก็มิได้ดีขึ้นเลยในห้องลับนั้นหนาวเหน็บ หนาวจนต้องห่มผ้าห่มสองผืนแต่ก็ยังคงรู้สึกหนาวผิวแห้งแตกไปหมด บางค
ลั่วฉิงรีบกลับไปที่ตำหนัก ค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมแต่ก็มิพบลั่วชิงยวนนางขมวดคิ้ว ลั่วชิงยวนถูกซ่อนไว้ที่ใดกันแน่!กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบนี้เป็นฝีมือของลั่วชิงยวนเอง หรือฟู่เฉินหวนเป็นผู้บงการ?หากเป็นฟู่เฉินหวน แล้วเขาคิดจะทำอะไร!ลั่วฉิงออกจากตำหนักอ๋องด้วยความโกรธ และส่งคนไปเฝ้าประตูหน้าและประตูหลังของตำหนักอ๋องไว้หากลั่วชิงยวนปรากฏตัว ต้องจับนางให้ได้ในทันที!ในเมื่อเฉินชีไปซีหลิงแล้ว ก็ต้องสู้กับฟู่เฉินหวนจนตายไปข้างหนึ่ง มีเพียงช่วงเวลานี้เท่านั้นที่สามารถจับลั่วชิงยวนได้ มิเช่นนั้นก็จะไม่มีโอกาสอีก!......ลั่วชิงยวนถูกกัดจนสะดุ้งตื่นความเจ็บปวดที่ข้อเท้าทำให้นางสะดุ้งตื่น นางลืมตาขึ้นอย่างงุนงง เมื่อพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งก็เห็นงูนอนขดอยู่ข้างเท้าของนาง และกัดนางเข้าทันทีที่รู้สึกตัว นางก็รู้สึกเจ็บปวดที่ท้องอย่างรุนแรงนางก้มลงมองใต้แสงสลัว เมื่อเห็นเลือดไหลนองพื้นใต้ชายกระโปรงก็ตกใจสุดขีดขณะที่ลูบท้อง น้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินไม่มีแล้ว!ไม่มีลูกแล้ว!เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ลั่วชิงยวนมิรู้ว่าตัวเองสลบไปนานเท่าใด แต่นึกถึงคืนที่ถูกขังไว้ ยาที่ฟู่เฉินหวนกรอกให้นา
“แต่ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องก็เคยรับลั่วเยวี่ยอิงเป็นพระชายารองมาก่อน เรื่องของลั่วเยวี่ยอิงกับเหยียนผิงเซียวก็ดังไปทั่ว ท่านอ๋องยังแต่งงานกับลั่วเยวี่ยอิง”“ตอนนั้นท่านยังมิรู้สึกเสียหน้า เหตุใดจึงมารู้สึกตอนที่พระชายาอ๋องทำให้ท่านเสียหน้าเล่า!”“ใช่ นี่มันมากเกินไปแล้ว!”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องยังเป็นถึงมหาปราชญ์ ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงด้วย! ท่านอ๋องช่างอาจหาญนัก บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่า!”“ท่านก็มิได้ฆ่าอย่างเปิดเผย แค่ไฟไหม้ พระชายาจึงสิ้นใจไป ใครจะมีหลักฐานว่าท่านเป็นคนฆ่า เฮ้อ...”“น่าสงสารพระชายา ต้องอดทนมาตลอดชีวิต”เพียงวันเดียว ชื่อเสียงของฟู่เฉินหวนก็เสื่อมเสียลงอย่างมากจือเฉาคุกเข่าร้องไห้อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังครึ่งวัน เดิมทีอยากจะออกจากตำหนักอ๋องไปแต่กลับถูกองครักษ์ขวางไว้ “เจ้าออกจากตำหนักมิได้”“เหตุใด? พระชายาจากไปแล้ว ข้ามิอยากอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว!” จือเฉาพูดพลางน้ำตาไหล“ไม่มีเหตุผล เจ้าไปมิได้”กล่าวจบ องครักษ์สองคนก็ลากจือเฉาไปขังไว้ในเรือนอีกแห่ง“ปล่อยข้า! ปล่อยข้า!”“พวกเจ้าจะทำอะไร!”ประตูลั่นดาล จือเฉาทุบประตูอย่างสุดกำลังแต่ก็ไร้ผลสุดท้ายก