แชร์

บทที่ 1152

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
หลังจากฟู่อวิ๋นโจวกลับมายังเมืองหลวง วันแรกที่เข้าประชุมราชสำนัก จักรพรรดิสูงสุดได้ออกพระราชโองการ

ให้ฟู่อวิ๋นโจวรับหน้าที่ดูแลการบริหารราชการแผ่นดินและให้ฟู่เฉินหวนช่วยเหลือเขา

พระราชโองการนี้ จักรพรรดิสูงสุดตรัสด้วยพระโอษฐ์เอง โดยมีลั่วชิงยวนเป็นผู้จดบันทึก

นางมิรู้ว่าจักรพรรดิสูงสุดคิดเช่นไร ในใจก็อดน้อยใจแทนมิได้

ฟู่เฉินหวนทำเพื่อแคว้นเทียนเชวียมากมาย มีผลงานมากมาย เหตุใดจักรพรรดิสูงสุดจึงดูเหมือนมิยอมรับความดีความชอบของเขา

แม้ฟู่เฉินหวนจะมิแสดงความมิพอใจใด ๆ แต่เมื่อได้ยินพระราชโองการนี้ ในดวงตาก็ยังมีความผิดหวัง

เมื่อฟู่อวิ๋นโจวได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน ไม่มีผู้ใดในราชสำนักคัดค้าน

ดูเหมือนว่าทุกคนจะพึงพอใจ

หลังจากเลิกประชุม ฟู่อวิ๋นโจวเดินมาหาฟู่เฉินหวน “ต่อไปก็ต้องพึ่งพาเสด็จพี่ช่วยเหลือแล้ว กระหม่อมยังมีหลายสิ่งที่มิเข้าใจ หวังว่าเสด็จพี่จะเมตตาชี้แนะ”

ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “เช่นนั้นไปคุยกันที่ห้องทรงพระอักษรเถิด”

เมื่อมาถึงห้องทรงพระอักษร มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น

แต่ฟู่อวิ๋นโจวกลับมิได้ขอคำแนะนำเรื่องราชการ กลับถามว่า “เสด็จพี่รักลั่วชิงยวนจริงหรือไม่?”

ฟู่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1153

    ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ร้านอาหารอร่อย ๆ ก็ไปกินกันมาหมดแล้ว ได้ยินว่าน้ำแกงเนื้อแกะที่ตรอกหูซีอร่อย ไปซดสักถ้วยให้ร่างกายอบอุ่นดีหรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “เพคะ!”จากนั้นทั้งสองก็ไปยังร้านเก่าแก่แห่งนั้นแล้วสั่งน้ำแกงเนื้อแกะสองถ้วย ปรากฏว่าถ้วยใหญ่กว่าใบหน้าเสียอีกบนโต๊ะยังมีเนื้อย่างและน้ำแกงผักรสชาติเผ็ดร้อน หอมอร่อยด้วย เมื่อกินคู่กับน้ำแกงเนื้อแกะในค่ำคืนเหมันตฤดูเช่นนี้ช่างอิ่มเอมใจยิ่งนักระหว่างกินอาหาร ลั่วชิงยวนรินเหล้าหนึ่งจอกแล้วกล่าวว่า “เพื่อฉลองชัยชนะในเมืองฉิน!”ฟู่เฉินหวนยกยิ้มจาง ยกจอกขึ้นชนกับนางเบา ๆดื่มหมดในรวดเดียวลั่วชิงยวนกล่าวต่อ “วันนี้จักรพรรดิสูงสุดเล่าให้หม่อมฉันฟัง... เหตุผลที่ให้ฟู่อวิ๋นโจวรับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินแทน”“พระองค์ทรงสงสารที่ท่านเหนื่อยเกินไป มิอยากให้ท่านแบกรับมากเกินไป จึงตั้งใจจะฝึกฝนฟู่อวิ๋นโจว”ฟู่เฉินหวนได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปแล้วมองลั่วชิงยวนด้วยแววตาลึกล้ำ“อะไรหรือเพคะ? หม่อมฉันพูดผิดไปหรือ?” ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยความมิเข้าใจฟู่เฉินหวนยิ้ม “ไม่หรอก ขอบคุณเจ้านะ”“ขอบคุณหม่อมฉันอีกแล้ว? สุภาพถึงเพียง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1154

    ลั่วเยวี่ยอิงมีความเคลื่อนไหวอีกแล้ว หรือว่าเหยียนหน่ายซินปรากฏตัวอีก?“ลั่วเยวี่ยอิงเล่าอยู่ที่ใด? ออกจากตำหนักไปแล้วหรือ?”หากออกจากตำหนักไปแล้วก็ยิ่งดี จะได้จับเหยียนหน่ายซินแล้วก็กำจัดลั่วเยวี่ยอิงไปพร้อมกันเสียเลยแต่จือเฉากลับรายงานว่า “มิใช่เจ้าค่ะ นางไปที่ห้องครัว แต่งกายเป็นนางรับใช้ มิทราบว่าคิดจะทำสิ่งใด”ลั่วชิงยวนครุ่นคิด แล้วสั่งการว่า “จือเฉา พาบ่าวในเรือนออกไปให้หมด”จือเฉารับคำ “เจ้าค่ะ”จากนั้นจือเฉาก็พาคนอื่น ๆ ออกไปจนหมดลั่วชิงยวนวางตำราแพทย์ลงแล้วเอนกายนอนลงบนเตียงนุ่มก่อนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุม“แค่กแค่กแค่ก...”อากาศหนาวเย็นขึ้นทุกวัน ลั่วชิงยวนยังคงมิสบายจนได้นางนอนลง ตั้งใจจะงีบหลับสักครู่ยามราตรีคืบคลานเข้ามา ภายนอกเริ่มมืดมิด ลั่วชิงยวนเผลอหลับไปในขณะที่กำลังจะหลับใหล ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนค่อย ๆ เปิดประตูห้องเข้ามา เสียงฝีเท้าแผ่วเบาค่อย ๆ เข้ามาใกล้นางจากนั้นกระถางธูปบนโต๊ะก็ถูกเปิดออก มิรู้ว่าคนผู้นั้นทำสิ่งใดอยู่ต่อมาเสียงฝีเท้านั้นก็หยุดลง ลั่วชิงยวนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีสายตาจ้องมองนางอยู่ด้านหลังลั่วเยวี่ยอิงมองแผ่นหลังของลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1155

    เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินดังนั้นก็หน้าเสียลั่วเยวี่ยอิงหนีไปแล้วหรือ?เขารีบไปยังเรือนของลั่วชิงยวนปรากฏว่าในลาน ลั่วเยวี่ยอิงยังมิตายมีนางรับใช้คนหนึ่งมารายงาน “พระชายา ท่านอ๋องเสด็จกลับมาแล้ว กำลังมาทางนี้เจ้าค่ะ!”ลั่วชิงยวนหน้าเสีย “ขวางเขาไว้ก่อน!”กล่าวจบ นางก็คว้าผ้าแพรขาวออกแรงรัดคอ หมายจะฆ่าลั่วเยวี่ยอิงก่อนที่ฟู่เฉินหวนจะมาถึงมิเช่นนั้นลั่วเยวี่ยอิงต้องฟ้องฟู่เฉินหวนแน่นอนแต่เมื่อลั่วเยวี่ยอิงได้ยินว่าท่านอ๋องเสด็จมาก็เหมือนกับเจอที่พึ่งสุดท้าย นางจึงดิ้นรนสุดชีวิต พยายามต่อยเตะลั่วชิงยวนแต่ก็สายไปเสียแล้วฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาในเรือนเมื่อเห็นภาพนั้น ฟู่เฉินหวนก็หน้าซีด เขารีบพุ่งเข้าไปต่อยลั่วชิงยวนที่หน้าอกลั่วชิงยวนกระอักเลือด ล้มลงกับพื้นทันใด“พระชายา!” จือเฉาตกใจ รีบเข้าไปดูผ้าแพรหลุด ลั่วเยวี่ยอิงคลานเข้าไปกอดขาฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋อง... พระชายาจะฆ่าหม่อมฉัน! นางจะฆ่าหม่อมฉัน!”“ท่านฆ่านางเถิด ฆ่านางเถิด! มิเช่นนั้นหม่อมฉันต้องตายด้วยน้ำมือของนางเป็นแน่เพคะ!”ฟู่เฉินหวนตาแดงก่ำเหมือนจะคลุ้มคลั่ง เขามองลั่วชิงยวนด้วยสายตาอาฆาตแล้วพุ่งเข้าไปบีบคอลั่วชิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1156

    ฟู่เฉินหวนฟังแล้วปวดร้าวใจยิ่งนักเมื่อก้มลงมองมือตนก็รู้สึกมิอยากจะเชื่อ เขาเกือบจะฆ่าลั่วชิงยวนไปแล้วจริง ๆเขาสามารถควบคุมตัวเองได้ แม้จะปวดหัวจนแทบแตกก็ตามแต่วันนี้เขากลับควบคุมตัวเองมิได้หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ลั่วชิงยวนคงต้องตายด้วยน้ำมือเขาเป็นแน่ลั่วชิงยวนทำเพื่อเขามามากมาย เขาจะทำร้ายนางได้อย่างไร!หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ฟู่เฉินหวนก็หันหลังกลับไป สายตาฉายแววเย็นชาค่ำคืนนี้หิมะโปรยปรายลงมาหนาแน่น ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างเมื่อฟู่เฉินหวนจากไป บนพื้นก็มีหิมะหนาแล้วซูโหยวถือร่มวิ่งตามมา แล้วกางร่มบังหิมะให้ฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋อง”ฟู่เฉินหวนเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าหนักอึ้ง ซูโหยวก็มิอาจหยั่งรู้ได้ว่าเขากำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่ใกล้ถึงเรือนพัก ฟู่เฉินหวนก็หยุดเดิน แล้วหันไปมองอีกทาง“มิต้องตามข้ามา”เมื่อพูดจบ ท่านอ๋องก็เดินไปยังเรือนของลั่วเยวี่ยอิงซูโหยวมิได้ตามไปด้วย......เมื่อฟู่เฉินหวนมาถึงเรือนของลั่วเยวี่ยอิงก็สั่งให้ทหารทั้งหมดออกไปลั่วเยวี่ยอิงได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งออกมาจากห้อง นางแต่งกายด้วยผ้าเนื้อบางเบา เท้าเปล่าวิ่งลงไปเหยียบหิมะ“ท่านอ๋อง หม่อมฉ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1157

    “ฆ่าลั่วชิงยวน แล้วให้หม่อมฉันขึ้นเป็นพระชายาของท่านแทน ดีหรือไม่เพคะ?” ลั่วเยวี่ยอิงร้องไห้อ้อนวอน แต่กลับออกคำสั่งแก่ฟู่เฉินหวนหากเขามิอยากเจ็บปวดจนตายก็ต้องฆ่าลั่วชิงยวน!ดวงตาของฟู่เฉินหวนแดงก่ำ เส้นเลือดปูดโปนขณะกำหมัดแน่น นัยน์ตาฉายแววเหี้ยมโหดเขารวบรวมพลังปราณ สั่นสะเทือนไปทั้งร่างกายเขี้ยวเหล็กถูกกระแทกออกจากร่างของเขาลั่วเยวี่ยอิงที่กอดเขาจากด้านหลังตกใจ ตัวแข็งทื่อในทันทีทำได้เพียงก้มลงมองรูโหว่บนหน้าอกที่เต็มไปด้วยเลือดแล้วถอยหลังเซ ล้มลงบนพื้นหิมะอย่างอ่อนแรงเลือดไหลออกจากร่างของนาง นางอ้าปากยื่นมือไปหาฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋อง ช่วย... ช่วยหม่อมฉันด้วย...”สายตาเย็นชาของฟู่เฉินหวนจ้องมองสภาพของลั่วเยวี่ยอิงแต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานเลือดสาดกระเซ็นบนหิมะขาวโพลน แล้วฟู่เฉินหวนก็ล้มลงบนกองเลือดเช่นกันเขามิอาจลงมือฆ่าลั่วเยวี่ยอิงได้ แต่กลับใช้เขี้ยวเหล็กสังหารนางความเจ็บปวดแสนสาหัสถาโถมเข้ามาจนยากจะทนทานเมื่อซูโหยวที่แอบตามมาเห็นภาพนั้นก็ตกใจมากรีบแบกฟู่เฉินหวนขึ้นบ่าแล้วเตรียมกลับไปทันทีเขาเพียงแค่เหลือบมองลั่วเยวี่ยอิงที่ร้องขอความช่วยเหลืออยู

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1158

    ลั่วชิงยวนตกใจ รีบแต่งตัวแล้วสวมเสื้อคลุมตัวหนาเมื่อมาถึงก็เห็นเพียงซูโหยวกำลังสั่งให้คนแบกศพออกไปลั่วชิงยวนเข้าไปเปิดผ้าคลุมออก จึงเห็นร่างไร้วิญญาณของลั่วเยวี่ยอิงร่างกายแข็งทื่อ สวมชุดเนื้อผ้าบางเบา ผิวหนังที่มือและเท้ามีรอยน้ำแข็งกัดนางนอนตายอยู่ท่ามกลางหิมะทั้งคืนเลยหรือ?“นางตายได้อย่างไร?” ลั่วชิงยวนอยากจะเปิดผ้าคลุมออกตรวจดูให้ละเอียดซูโหยวรีบห้ามไว้ “พระชายากำลังป่วย อย่าสัมผัสสิ่งสกปรกเลยขอรับ”“นางหนาวตาย นอนอยู่ในหิมะทั้งคืน”“เมื่อมีคนมาพบตอนเช้า ร่างของนางก็แข็งทื่อแล้วขอรับ”“ข้าจะให้คนนำศพออกไปขอรับ”พูดจบ ซูโหยวก็พาลูกน้องจากไปลั่วชิงยวนยืนมองศพที่ถูกแบกออกไป แล้วรู้สึกแปลกใจเกิดอะไรขึ้น ลั่วเยวี่ยอิงตายเช่นนี้ได้อย่างไร?หลังจากครุ่นคิดแล้ว บางทีฟู่เฉินหวนอาจจะรู้สึกตัวหลังจากทำร้ายนาง จึงสั่งให้ซูโหยวไปฆ่าลั่วเยวี่ยอิงหรือ?มิรู้ว่าการตายของลั่วเยวี่ยอิงจะส่งผลต่อร่างกายของฟู่เฉินหวนหรือไม่เขาคงปวดหัวอย่างหนักลั่วชิงยวนคิดจะไปดูอาการฟู่เฉินหวนแต่กลับทราบว่าฟู่เฉินหวนออกไปตั้งแต่เช้า คงจะเข้าวังไปแล้วลั่วชิงยวนจึงเข้าวังเช่นกันทันทีที่ออ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1159

    ความรู้สึกขมขื่นกัดกินหัวใจหากครั้งนั้นเขามิได้หลอกลวงลั่วชิงยวน หากเขาจริงใจต่อนางตั้งแต่แรก ผลลัพธ์คงต่างออกไป.........ท่ามกลางพายุหิมะร่างไร้วิญญาณของลั่วเยวี่ยอิงถูกโยนทิ้งไว้ในสุสานไร้ญาติปราศจากพิธีกรรมฝังศพใด ๆ ทิ้งแล้วก็จากไปเลยในเงามืดมีเงาดำทะมึนสะกดรอยตามเงียบ ๆ มาจนถึงสุสานรอจนคนพวกนั้นจากไป ลั่วฉิงจึงรีบวิ่งเข้ามาดูตรวจสอบแล้วพบว่าลั่วเยวี่ยอิงสิ้นใจแล้วจริง ๆ เมื่อมองบาดแผลที่หน้าอกของศพ ลั่วฉิงก็ตกใจ นี่คือรอยแผลจากเขี้ยวเหล็กฟู่เฉินหวนช่างเหี้ยมหาญนัก เขาใช้วิธีนี้ฆ่าคน มิกลัวตายบ้างหรืออย่างไร!น่าเสียดาย ลั่วเยวี่ยอิงเป็นหมากที่ดี แต่กลับต้องตายไปเสียแล้วแต่ก็ต้องโทษที่นางโง่เองลั่วฉิงกำลังจะจากไปด้วยความมิพอใจแต่แล้วก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันกลับมามองศพของลั่วเยวี่ยอิงนัยน์ตาฉายแววเย็นชาแล้วค่อย ๆ เดินไปนั่งยอง ๆ ข้างศพ จากนั้นกัดฟันแน่นโผเข้าหาศพ แล้วกัดกินเนื้ออย่างบ้าคลั่งเลือดจากศพสาดกระเซ็นน่าสยดสยองยิ่งนักมีคนเดินผ่านมาพอดี เมื่อเห็นเงาร่างคุกเข่ากัดกินศพอยู่ไกล ๆ ก็ตกใจจนทิ้งของในมือ แล้ววิ่งหนีไปลั่วฉิงได้ยินเสียงจึงห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1160

    ลมหนาวพัดหอบเอาหิมะโปรยปรายกระทบใบหน้างามจนระบมเจ็บยิ่งนักซ่งเชียนฉู่ฝ่าลมและหิมะติดตามเฉินเซี่ยวหานมุ่งหน้าสู่หุบเขาลึกโชคยังดีที่ฝนมิได้โปรยปรายลงมา เส้นทางยามราตรีจึงพอเดินได้สะดวกครั้นเมื่อเฉินเซี่ยวหานมาถึงถ้ำงูแห่งเดิม นางก็ตกตะลึงยิ่งนัก เฉินเซี่ยวหานรู้จักสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร?นางสะกดกลั้นความหวาดหวั่นเดินตามเข้าไปในถ้ำ บรรยากาศเย็นยะเยือกส่งผลให้ขนลุกชันทั่วกายลัดเลาะไปตามทางคดเคี้ยว อุณหภูมิเริ่มอุ่นขึ้นบ้างเส้นทางนี้ช่างคุ้นเคย นางเคยมาเยือนที่นี่เมื่อกลางวันเพื่อนำยาไปมอบให้ฉู่จิ้งกระทั่งบัดนี้ นางยังมิอาจหยั่งรู้ได้ว่าเหตุใดเฉินเซี่ยวหานจึงมาที่นี่ในยามวิกาลทันใดนั้น เสียงหอบหายใจก็ดังขึ้น ทำเอานางขนหัวลุกหวาดกลัวในใจ แต่ก็ฝืนใจเดินเข้าไปภาพเบื้องหน้าทำให้นางตกตะลึงราชันย์อสรพิษถูกตาข่ายคลุมไว้ บนตาข่ายเต็มไปด้วยโลหิตและยันต์อาคมที่นางอ่านมิออกราชันย์อสรพิษพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เกล็ดแข็งทั่วร่างไหม้เกรียมส่งเสียงดังฉ่าส่วนเฉินเซี่ยวหานชักดาบสั้นออกมาอย่างรวดเร็วซ่งเชียนฉู่ตกใจยิ่งนัก“หยุดนะ!” นางตะโกนพลางวิ่งเข้าไปเฉินเซี่ยวหานสะดุ้

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1286

    ภายในห้องบรรทมอันโอ่อ่าฉินอี้เดินมาที่ข้างเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลยามนี้เกาเหมียวเหมี่ยวได้ทำแผลและกินโอสถเรียบร้อยแล้ว แต่ใบหน้าของนางยังคงซีดอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอี้เดินมาหาด้วยใบหน้าฟกช้ำและเปื้อนเลือด เกาเหมียวเหมี่ยวจึงมองเขาด้วยความมิอยากเชื่อ“ท่านแพ้ลั่วชิงยวนรึ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองบาดแผลของเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยความกังวลและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยว บาดแผลเจ้าสาหัสมาก ช่วงสองวันนี้เจ้าควรพักผ่อนให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหนมาไหนเลย”ทว่าเกาเหมียวเหมี่ยวกลับมิได้สนใจในความห่วงใยของฉินอี้นางจ้องมองฉินอี้ด้วยความโมโหแล้วยกฝ่ามือฟาดไปหนึ่งฉาดฉินอี้มิประหลาดใจแม้แต่น้อย แต่กลับมองเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นห่วง“เหมียวเหมี่ยว...”เกาเหมียวเหมี่ยวโมโหมากจนเอามือฟาดเขาสองครั้งติดต่อกันและแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ขยะไร้ค่า! ขยะไร้ค่า!”“ท่านเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง แต่กลับถูกลั่วชิงยวนจัดการจนมีสภาพเช่นนี้ อับอายจนมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”เกาเหมียวเหมี่ยวโกรธจนแทบอยากจะฉีกลั่วชิงยวนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดวงตาของฉินอี้หรี่ลง แต่กลับมิได

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1285

    แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างสูสีวิชาฝ่ามือที่จู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลันของลั่วชิงยวนทำให้ฉินอี้มิทันตั้งตัว เขาถูกรัวหมัดใส่อย่างต่อเนื่องจนลอยกระเด็นออกไป และกระอักเลือดออกมาการต่อสู้สิ้นจบลงในพริบตาเดียวหลายคนที่อยู่รอบด้านล้วนเห็นมิชัด“เมื่อครู่เกิดกระไรขึ้น?”“ต่อสู้กันอยู่มิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ ฉินอี้ถึงแพ้ได้เล่า?”ลั่วชิงยวนมองฉินอี้ด้วยสายตาเย็นชา “ดูเหมือนวรยุทธ์ขององค์ชายใหญ่จะเป็นอย่างที่คนเขาลือกันนะเพคะ”เทียบกับคนทั่วไปแล้ว วรยุทธ์ของฉินอี้ก็ถือว่ามิได้อ่อนด้อยเลยแต่สำหรับคนที่เป็นถึงองค์ชายนั้นช่างดูอ่อนแอนักเมื่อครู่ที่ลั่วชิงยวนลองทดสอบ ดูเหมือนว่าเขายังคงมีทักษะวรยุทธ์แบบเดียวกับที่เคยเรียนมาเมื่อก่อน และมิได้มีความก้าวหน้ามากนักเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรหากฉินอี้เพียรพยายามมากกว่านี้ ผลลัพธ์ก็คงมิเป็นเช่นนี้ฉินอีจ้องนางด้วยโทสะ ดูเหมือนจะเจ็บใจที่วรยุทธ์ของตนอ่อนด้อยเกินไป ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างยิ่งบาดหูมากขึ้นไปอีกเขากัดฟันพลางกำหมัดแน่น และพุ่งเข้าหาลั่วชิงยวนอย่างดุร้ายเขามิยอมพ่ายแพ้เช่นนี้หรอกแต่เขากลับมิสามารถเอาชนะลั่วชิงย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1284

    ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1283

    หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1282

    เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1281

    “โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1280

    ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1279

    “สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1278

    “ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status