ที่เขาผิดหวังและระแวดระวังขนาดนี้ ก็พอเข้าใจได้"ข้าน้อยเข้าใจแน่นอน แต่ว่า...นางมอบยาลูกกลอนมาให้ บอกว่าเป็นน้ำใจจากนาง ไม่ว่าฝ่าบาทจะป่วยอย่างไร พอมียาลูกกลอนนี้ ก็สามารถต้านทานเอาไว้ได้" จอมกระบี่ชุดเทาชิงหงเอ่ยขึ้นซือคงเหมี่ยนตอนที่ได้ยิน ในดวงตาที่ขุ่นมัวก็เปล่งประกายขึ้นทันที "จริงหรือ?""ข้าน้อยจะทดสอบให้เดี๋ยวนี้"จอมกระบี่ชุดเทาชิงหงพูดจบ ก็ขูดส่วนหนึ่งของยาลูกกลอนอย่างระมัดระวัง ส่งเข้าไปในปาก "พอชิมแล้วก็ไม่รู้สึกผิดปกติอะไร กลิ่นของยาเข้มข้นชัดเจน สีสันก็ดีมาก"ชิงหงมองซือคงเหมี่ยนอย่างเปี่ยมความหวัง "ฝ่าบาท..."ซือคงเหมี่ยนยังคงลังเล ถูกกักบริเวณมาเสียนาน พวกความเชื่อมั่นระหว่างคนด้วยกัน แทบจะหายไปจนหมดสิ้นแล้วชิงหงโขกศีรษะ เอ่ยขึ้นว่า "ฝ่าบาท ตอนนี้พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ที่นี่มีคนคุ้มกันหนาแน่น ฝ่าบาทเองก็สุขภาพอ่อนแอ ข้าไม่สามารถพาฝ่าบาทออกไปได้ จึงทำได้แค่ติดอยู่ที่นี่ต่อไป""ในว่าอาหารในเรือนก็ใช้หมดไปตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว อาหารที่ด้านนอกส่งเข้ามาก็ไม่รู้ว่ามีพิษหรือไม่จึงไม่กล้ากินกัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะเลี่ยง..."เลี่ยงความตายไม่พ้นแล้ว คำพ
ความรู้สึกว่านางมีมารยาทก่อนหน้านี้ สลายหายไปจนหมดจากใจของซือคงเหมี่ยน"เช่นนั้นข้าก็เข้าไปแล้วนะ" จั๋วซือหรานยิ้มตาหยี ก้าวเท้ายังคงสบายๆ เหมือนเดินเล่นในสวน"เจ้านี่ไม่เกรงอกเกรงใจกันเลยนะ" ใบหน้าซือคงเหมี่ยนคาดเดาอารมณ์ได้ยาก ตาทั้งสองจ้องมองนาง แม้จะชราภาพ แต่ว่าตอนนี้ดวงตาของเขาไม่ขุ่นมัวเหมือนก่อนหน้าแล้วบนความรู้สึกเหมือนในที่สุดก็ฟื้นฟูกำลังวังชาจิตวิญญาณขึ้นมาบ้างแล้วจั๋วซือหรานยิ้มเอ่ยว่า "หลักๆ คือข้าต้องทำเวลาน่ะ ยิ่งไปกว่านั้นท่านเองก็กินยาลูกกลอนข้าไปแล้ว"ซือคงเหมี่ยนน่าจะเพราะมองเห็นความหวังบางๆ ในช่วงอับจน ตอนนี้อารมณ์ก็ไม่แย่นัก พอได้ยินนางเอ่ยขึ้น จึงยิ้มแล้วบอกว่า "ทำไมล่ะ กินยาลูกกลอนเจ้าลงไปแล้วก็เลยไม่เกรงใจได้อย่างนั้นหรือ?"เขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้จะกลัวขึ้นบ้าง แต่ใครจะรู้ว่านางกลับ...พยักหน้า "อืม""อืม?" คำตอบนี้ทำเอาคนคิดไม่ถึงเลย ซือคงเหมี่ยนเองก็งงงันไปแล้วจั๋วซือหรานยิ้มตอบ "ถ้าหากข้าวางยาอะไรลงไปล่ะ ฝ่าบาทตอนนี้ก็คงจะไม่มีทางเลือกแล้ว ข้าจึงเข้ามาได้อย่างไรล่ะ"ซือคงเหมี่ยนจ้องนางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะขึ้นมา "น้องเจ็ดหาคนนิสัยแบบเจ้ามา ไ
จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ก็ชะงักไป จากนั้นจึงพูดสิ่งที่ซือคงเหมี่ยนคิดไม่ถึงออกมา "ข้าคิดว่าสามารถช่วยท่านออกไปได้เลย""!!!" ต่อให้เป็นจักรพรรดิที่สงบนิ่งมาแต่ไหนแต่ไร เวลานี้ก็ยังถูกคำพูดของจั๋วซือหรานจนคุมสีหน้าไว้ไม่ได้เหมือนกันจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "พลังผู้ติดตามข้างกายท่านคนนี้สู้ได้สบาย ข้ากับเขาร่วมมือกันช่วยพาท่านออกไปน่าจะไม่ใช่ปัญหาเลย"ซือคงเหมี่ยนพอได้ยินคำพูดนาง ก็พูดไม่ถูกว่ามีความรู้สึกอย่างไร คงเป็นเพราะช่วงนี้รู้สึกอึดอัดใจมากเขาเป็นจักรพรรดิ! เคยมีความรู้สึกอึดอัดแบบนี้เสียที่ไหน...ดังนั้นตอนนี้พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน สิ่งที่ซือคงเหมี่ยนคิดถึงก่อนกลับไม่ได้ความสงสัย หรือการถอยหนีแต่เป็น...ความโล่งใจความโล่งใจที่สามารถหลุดพ้นจนก 'คุก' นี่ได้เสียที!ดังนั้นเขาจึงถามว่า "เรื่องนี้พูดจริงหรือ?"จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ข้าพูดแต่ความจริงมาตลอด""ดี!" ซือคงเหมี่ยนดันเตียงคิดจะยืนขึ้นมาจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "ข้าขอรักษาท่านก่อน แล้วพวกเราค่อยออกไปก็ยังไม่สาย"ซือคงเหมี่ยนเห็นนางหยิบเข็มทองออกมา ถึงแม้จะยังระแวดระวังอยู่บ้าง แต่ก็พยายามผ่อนคลายลงมาให
จั๋วซือหรานมองหญิงสาวที่แห้งเหมือนกระดูกบนเตียง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "พระสนมเอก ข้ามาช่วยท่านออกไป"แม้จะบอกว่าหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงตรงหน้านี้ มองไม่ออกถึงความสงบเสงี่ยมและสูงส่งในวันวาน แต่แม้จะดูอ่อนล้า กลับไม่ได้ดูน่าสมเพชเลยระทั่งยังยิ้มให้กับจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า "แม่นางจิ่วจากตระกูลจั๋ว ครอบครัวของพวกเรา เป็นหนี้บุญคุณเจ้าไม่น้อยเลย..."เสียงของพระสนมเอกค่อนข้างอ่อนแรงจั๋วซือหรานเอ่ยต่อ "ข้าจะรักษาให้ท่านสักครู่ จากนั้นจะพาท่านออกจากที่นี่"พระสนมเอกสูดลมหายใจยาวอันที่จริงสถานการณ์ของพระสนมเอกจะบอกว่าไม่หนักก็ไม่หนัก จะบอกว่าหนักก็หนักอยู่ถ้าต้องพูดขึ้นจริง ก็คือหิวจนกลายเป็นแบบนี้ ไม่มีของดีดีตกถึงท้องนานน่าจะมีแค่เสบียงกรังนิดหน่อยคอยพยุงไว้ ร่างกายอยู่ในสภาพอดอยากทุกวันดังนั้น แม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าสภาพร่างกาย ก็อยู่ในสภาพที่แย่เอามากๆแต่เพราะไม่มีบาดแผลภายนอก จึงไม่มีวิะีรักษาอื่นแล้วจั๋วซือหรานนำอาหารออกมาให้นางแค่พอเห็นอาหารที่จั๋วซือหรานนำออกมา พระสนมเอกก็ตกตะลึงไป ดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาเพราะการอบรมมาอย่างดี จึงพยายามสะกดข่มเอาไว้ ไม่เช่นนั้น
น่าจะเพราะได้ยินชื่อเรียกตัวเองว่าพระสนมเอก เหล่าคนคุ้มกันพวกนี้ก็มีปฏิกิริยาถึงตัวตนของนางขึ้นมาแต่ก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก น่าจะเป็นพวกเดียวกับองค์ชายเจ็ดอ๋องเซี่ยนมาตั้งแต่แรก จบสิ้นไปแล้วถึงอย่างไรขนาดองค์จักรพรรดิก็ยังถูกอ๋องอวี้ชินกักบริเวณไว้ที่นี่เลย องค์จักรพรรดิเองก็จบสิ้นไปแล้วเช่นกัน แล้วนี่ก็แค่พระสนมเอกคนเดียวคนคุ้มกันกลุ่มนี้ คนที่เป็นหัวหน้าหัวเราะขึ้นมาทีหนึ่ง ฟังแล้วดูหยามหมิ่นอย่างที่สุด"นี่มันเวลาไหนแล้ว ท่านยังคิดจะวางตัวเป็นพระสนมเอกอีกหรือ? รอให้ท่านต้องพลีชีพเพื่อฝ่าบาทก่อน พวกเราจะมาเคารพท่าน แต่ว่าตอนนี้ ท่านน่ะกลับไปที่เรือนตนเองอย่างว่าง่ายเสียเถอะ อย่ารอให้พวกเราต้องเข้าไปเชิญท่าน เช่นนั้นจะไม่ได้เกรงใจแบบนี้แล้วนะ"ความหยามหมิ่นในเสียงของอีกฝ่าย ส่งออกมาแบบไม่มีปิดบังแต่สีหน้าพระสนมเอกก็ไม่ต่ำต้อยไม่หยิ่งยโส ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับคำพูดพวกเขาแม้แต่น้อย"เชอะ!" คนคุ้มกันจุ๊ปากออกมาอย่างทนไม่ไหว "ให้ตายเถอะ วุ่นวายเสียจริง"จากนั้นจึงยกเท้าเดินตรงมาทางพวกนางจั๋วซือหรานพอเห็นก็เลิกคิ้วขึ้น ในใจบอกว่าพอดีเลย ตนเองจะได้ไม่ต้องเดินไปเก็บพวกเขาย
จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆ นี่น่าจะเป็นพลังแห่งรักกระมัง?ถึงแม้นางจะไม่เข้าใจ ว่าองค์จักรพรรดิที่เลี้ยงสาวๆ ไว้ในวังหลังตั้งมากมายแบบนั้นมีอะไรให้น่ารักซือคงเหมี่ยนรออยู่ในห้อง พอเทียบกับความคเร่งเครียดและร้อนรนของผู้ติดตามชิงหงแล้ว องค์จักรพรรดิก็ยังเป็นองค์จักรพรรดิ ถึงแม้จะไม่มีพลังเท่าชิงหง แต่นิสัยนั้นก็มั่นคงกว่ามากทั้งที่เป็นช่วงที่จะหนีออกไปแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับดูไม่ได้ร้อนรนอยู่ไม่สุขเลยชิงหงสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่ด้านนอก"ฝ่าบาท เหมือนจะมาแล้ว ข้าน้อยออกไปดูให้"ชิงหงพอพูดจบ ยังไม่ทันได้ลุกออกไป ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกที่ร้อนรนดังใกล้เข้ามา"ฝ่าบาท! ฝ่าบาท..."ทั้งที่ทุกคำเรียกล้วนแผ่วเบา แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะความร้อนรนของน้ำเสียงชัดเจนเกินไปหรือเปล่าทำให้แม้จะอยู่ในห้องก็ยังได้ยินอย่างชัดเจนองค์จักรพรรดิเฒ่าลุกขึ้นยืน "พระสนมเอกนี่นา จั๋วจิ่วเด็กคนนั้น ไปช่วยพระสนมเอกออกมาจริงๆ"ชิงหงเดินไปเปิดประตู พระสนมเอกก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาถ้าไม่ได้เห็นกับตา ชิงหงคงยากจะเชื่อ ว่าพระสนมเอกที่สง่างามและงดงามมาตลอด จะมีสภาพซูบซีดและอ่อนแอถึงเพียงนี้ได้"ฝ่าบาท เห็
จักรพรรดิเฒ่ากับพระสนมเอกล้วนไม่เข้าใจความหมายของจั๋วซือหราน และสัมผัสได้ว่าแมลงนั่นแปะลงมาบนคอของพวกเขา ความรู้สึกนั้น...ทำเอาขนขนลุกเลยทีเดียว เพราะเหมือนพวกมันกำลังรวมเข้ามาในร่างกายตนเองอย่างไรอย่างนั้น!พวกเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ขึ้นมา แต่ว่า ในขั้นตอนนี้ ร่างกายของพวกเขาเหมือนจะคล่องแคล่วขึ้น ถูกหนวดสัมผัสไร้รูปร่างชักดึงไว้เคลื่อนไหวคล่องแคล่วเหมือนสัตว์ที่ปีนป่ายขึ้นมาท่ามกลางราตรี ถึงแม้ความเร็วจะไม่เร็ซนัก แต่ทุกการเคลื่อนไหวก็มั่นคง ปีนขึ้นมาถึงบนกำแพงล้อมจั๋วซือหรานเอียงตามองชิงหง ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับสายตาตกตะลึงและชื่นชมในดวงตาของเขาจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ คำหนึ่ง "ไปเถอะ"จากนั้นร่างของนางก็กระโจนขึ้นอย่างคล่องแคล่ว ปลายเท้าแตะบนกำแพงเบาๆ เพียงพริบตาก็ขึ้นไปถึงบนกำแพงล้อมและได้เห็นสถานการณ์ที่ฝั่งนั้นของกำแพงอย่างชัดเจน อดพูดไม่ได้เลย ว่าเป็นอย่างที่ชิงหงพูดจริงๆ คนคุ้มกันหนาแน่นมากพวกเขาตอนนี้อยู่บนกำแพงล้อม มีกิ่งไม้บดบังอยู่บ้าง จึงยังไม่ถูกพบชั่วคราว แต่ถ้ายังถ่วงเวลาอยู่ คงถูกพบอย่างรวดเร็วแน่นอนองค์จักรพรรดิเฒ่าเอ่ยถามเสียงขรึม "แม่นางจั๋วจิ่ว
จักรพรรดิเฒ่าไม่กล้าพูดแล้ว กลืนน้ำลายลงคอเงียบๆพอคิดจะยื่นมือออกไปนับอะไรให้ร่างกายมั่นคงขึ้นหน่ยอ แต่ก็ไม่กล้ากำขนบนหลังแมงมุมยักษ์ที่อยู่ใต้ก้นของตัวเองทำได้แค่ยื่นมือไปกุ้มมือของพระสนมเอกที่อยู่ข้างๆ ไว้แน่นเทียบกับความตื่นเต้นของจักรพรรดิเฒ่าแล้ว พระสนมเอกดูจะมั่นคงกว่าหน่อย บางทีอาจจะเพราะเคยผ่านร้อนหนาว ตอนนี้ที่รอดชีวิตจากหายนะมาได้ เรื่องอื่นก็เหมือนกลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้วแต่นางมองออกถึงความเครียดของฝ่าบาท จึงคิดๆ แล้วเอ่ยกับจักรพรรดิเฒ่าว่า "ฝ่าบาท ท่านหิวไหม?""อะ อะไรนะ?" จักรพรรดิเฒ่าถูกนางเบนความสนใจมาเล็กน้อย จึงไม่ถึงกับถูกการเริ่มเคลื่อนไหวของราชาแมงมุมหน้าผีทำให้อกสั่นขวัญแขวน"ท่านหิวไหม?" พระสนมเอกถามมาอีกครั้ง จากนั้นจึงล้วงเอาห่อผ้าเช็ดหน้าหนึ่งออกมาคลายออก ด้านในมีไก่ย่างตัวขนาดฝ่ามืออยู่ตัวหนึ่งนี่เป็นอาหารตอนที่แม่นางจั๋วจิ่วเข้าไปช่วยหม่อมฉัน แล้วมอบให้หม่อมฉัน หม่อมฉันเหลือไว้ให้ฝ่าบาท" พระสนมเอกยิ้มอย่างอ่อนโยน นำผ้าเช็ดหน้าที่หอไก่ย่าง ยัดเข้าไปในมือของจักรพรรดิเฒ่าตอนนี้เอง จักรพรรดิเฒ่าก็เหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจกับการเคลื่อนไหวของเจ้ายักษ์ด้าน
และตอนที่ฮั่วจือโจวกำลังหารือเรื่องเปิดโรงเตี๊ยมอยู่กับเจี่ยงเทียนซิงและอินเจ๋ออัน ก็ได้รู้ข่าวการพระราชทานรางวัลนี้พวกเขาสามคนสบตากัน"จักรพรรดิเฒ่านี่ร้ายจริงๆ"จั๋วซือหรานไม่ได้ส่งเสียง หลังจากได้ยินคนวังประกาศราชโองการจบ นางก็ยืนนิ่งไม่ขยับคนวังเองก็ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรียกนางขึ้นคำหนึ่ง "แม่นางจิ่ว ขานรับราชโองการสิ"จั๋วซือหรานไม่ขยับ นางมองราชโองการฉบับนั้น อันที่จริงในใจกำลังพิจารณาจะรับดีไหมองค์จักรพรรดิเฒ่าดีดลูกคิดรอบนี้ ลูกคิดแทบจะกระเด็นมาโดนหน้านางอยู่แล้วพระราชทานเงิน พระราชทานจวน พระราชทานวังสวน สิทธิ์อำนาจพ่อค้าหลวง พวกนี้ไม่มีปัญหาอะไร ใกล้เคียงกับที่นางขอองค์จักรพรรดิเฒ่าไว้แต่การอวยยศ...แต่งตั้งขุนนางกับพื้นที่ศักดินา แบบนี้มันเกินไปจริงๆในสายตาคนนอก นางเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ได้รับยศมา เรียกได้ว่าจะกลายเป็นโหวหญิงชั้นสูงเพียงคนเดียวของเมืองหลวงไปเลยยิ่งไปกว่านั้นยังมีพื้นที่ศักดินาให้ เรื่องดีจะตายนี่?แต่การแต่งตั้งเป็นหัวหน้าแพทย์หลวง แม้จะชั่วคราว แต่ใครจะรุ้ว่าต้องนานแค่ไหน?ต้องไปเข้ากะอะไรแบบนั้น น่ารำคาญจะตายยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งข้า
จั๋วซือหรานพอได้ยินเสียงนี้ ก็ไม่เร่งไม่ร้อน ชนแก้วกับจั๋วอวิ๋นฉีก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ดื่มสุราในแก้วลงไปจนหมดตอนนี้ นางกับจั๋วอวิ๋นฉีก็กลายเป็นผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้าของตระกูลจั๋วแล้วพอวางแก้วลง จั๋วอวิ๋นฉีก็หน้าเย็นชาลงมา เขาหน้าตาหล่อเหล่า แต่ตอนที่สีหน้าเย็นชา ก็ให้ความรู้สึกบีบคั้นที่เย็นเยียบมากเขามองไปทางผู้อาวุโสที่พูดเมื่อครู่นี้คนคนนั้นหดคอลง ไม่กล้าส่งเสียงอีกจั๋วซือหรานไม่ได้ใส่ใจ งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้วตอนที่อาหารกลางวันดำเนินไปครึ่งหนึ่ง ด้านนอกประตูจู่ๆ ก็มีรายงาน ว่าคนในวังมาแล้ว"คนในวัง?" ยังมีคนไม่เข้าใจ คนในวังมาบ้านตระกูลจั๋วทำไมเพียงไม่นานก็เห็นคนวังประกาศราชโองการในชุดเรียบร้อยเดินเข้ามา เพียงแต่ว่า ดูแล้วหายใจหอบอยู่ น่าจะรีบเข้ามาพอควรคนวังประกาศราชโองการพอเห็นจั๋วซือหราน ก็เผยรอยยิ้มออกมา "แม่นางจิ่วที่แท้ก็อยู่ที่นี่นี่เอง ข้าน้อยหาตัวมาพักหนึ่งแล้ว เกรงว่าจะพลาดฤกษ์ประกาศราชโองการ"สายตาของคนตระกูลจั๋ว ทยอยกันมองจั๋วซือหรานตอนนี้ คนวังประกาศราชโองการจึงลากเสียงขึ้นดังลั่น "จั๋วซือหราน...รับราชโองการ...!"จั๋วซือหรานลุกขึ้น เตรียมจะทำท่
ผู้อาวุโสสาม!?ครั้งที่แล้วที่นางกลับไปตระกูลจั๋ว คือเชิญนางไปเป็นผู้อาวุโสหรือ?!อย่าว่าแต่พวกที่มาดูมหรสพเลย กระทั่งเฉวียนคุนพอได้ยินคำเรียกนี้ก็ยังตะลึงไปและเพราะอารมณ์ในใจเขาตื่นเต้นเกินไป จึงสั่นไปทั้งตัว!เรียก เรียกว่าอะไรนะ?!นี่เรียกว่า! สะใจสินะ! เขาตอนนั้นยังจำได้ว่า คุณหนูจิ่วออกจากตระกูล ตอนนั้นคนมากมายล้วนรอดูนางเป็นตัวตลก หรือรู้สึกว่านางนี่ล่ะที่เป็นตัวตลกตอนนั้นส่งคนใช้มามากมายมาที่เรือนของนาง แต่ละคนล้วนรู้สึกเหมือนถูกเนรเทศอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกว่าจะไม่มีวันได้กลับไปเชิดหน้าชูตาอีกแล้วมีแค่เขาที่อยู่รอด! นับจากตอนนั้นเขาก็เริ่มเชื่อมั่นว่านายท่านจะต้องก้าวหน้าแน่!จั๋วซือหรานได้ยินคำเรียกนี้ สีหน้าก็ดูสงบนิ่งมากทุกคนเห็นสีหน้านางก็รู้แล้ว นางคงรู้เรื่องนี้มานานแล้วพอคนใช้รายงานเสร็จ ก็มองจั๋วซือหรานอย่างตึงเครียดขึ้นมาราวกับ...กลัวว่านางจะปฏิเสธพวกเขาถูกส่งมาเชิญนาง ถ้าหากเชิญไม่ได้ กลับไปอาจจะถูกลงโทษก็ไม่แน่ดังนั้นพวกเขาจึงมองดูการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของจั๋วซือหราน เตรียมว่าถ้าหากเห็นเค้าลางการปฏิเสธในสีหน้า พวกเขาก็จะอ้อนวอนนางทันทีแต่จั๋วซือห
ตอนที่เฉวียนคุณเคาะประตูจั๋วซือหรนา นางเพิ่งจะวุ่นกับการหลอมยา...งานช่วงเช้าเสร็จเฉวียนคุนรีบเข้ามารินชาให้นางจั๋วซือหรานรับไปดื่มสองอึก "ทำไมหรือ?"เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นว่า "นายท่าน นี่มันเรื่องอะไรกัน"สีหน้าของเฉวียนคุณปั้นยาก "เดิมทีเรือนของพวกเราก็ไม่ได้เล็กอะไร ตามหลักการแล้วก็พออาศัยอยู่"เดิมทีก็มีแค่นายท่าน ข้า เด็กฉลาด เฮยหลิง นี่ก็ไม่ใช่ว่าพออยู่เหลือเฟือหรือ"แต่ก่อนหน้านั้นก็เพิ่งจะมีใต้เท้าพวกนั้นที่ท่านช่วยกลับมาจากตระกูลเฟิง" เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นหมายถึงพวกเหล่าองครักษ์เงาของเฟิงเหยียนที่นางช่วยกลับมา"ตอนนี้ยังมีพ่อลูกสกุลเหยียนอีก" เฉวียนคุนเอ่ยต่อ "ดังนั้นห้องข้างจึงไม่ค่อยพอแล้วนะ"ห้องพักคนใช้นอกเรือนยังว่างอยู่ ปัญหาคือ เฉวียนคุนมองว่าคนเหล่านี้ นายท่านก็ไม่ได้มองพวกเขาเหมือนคนรับใช้ ดูคล้ายจะเป็นแขกมากกว่าจะให้แขกไปอยู่ในห้องพักคนใช้ก็ไม่ได้..."อา..." จั๋วซือหรานฟังถึงจุดนี้ ก็เข้าใจความหมายของเฉวียนคุนแล้ว "อย่างนี้นี่เอง รู้แล้ว"เฉวียนคุนพยักหน้า "นายท่านเข้าใจบ้างก็ดีแล้ว ตอนนี้ยังพอจัดให้ได้ถูไถ แต่หลังจากนี้ถ้าฮูหยินกับนายท่านกลับมา ก็น่าจะจัดไม่ลง
แต่หลังจากที่พวกเขาออกไป จั๋วซือหรานกลับไม่ได้ลงมาจากบนกำแพงล้อมแต่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยขึ้นว่า "พวกเจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก"นางปวดหัว เรื่องนึงสงบลงอีกเรื่องก็ผุดขึ้นมา นางสัมผัสได้นานแล้ว ต่อให้จะเป็นตอนที่คุมเชิงกับคนตระกูลเฟิงที่ไล่ตามเฟิงหร่านมา นางก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องแอบมองอยู่จากมุมหนึ่งมาโดยตลอดแล้วพอคนจากไป นางก็รออยู่อีกพักหนึ่ง สายตาที่แอบมองอยู่นั่นก็ยังอยู่นางเองก็ขี้เกียจมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้แล้ว จึงส่งเสียงขึ้นมาตรงๆตอนนี้เอง ในมุมลับตา ก็มีเงาสองร่างเดินออกมาจั๋วซือหรานรู้จักหนึ่งในนี้ นางเลิกคิ้ว "วันนี้คึกคักเสียจริง"พอได้ยินคำนี้ เหยียนฉีก็รู้สึกเขินหน่อยๆ เขาประสานมือให้ "แม่นางจิ่ว ไม่เจอกันเสียนาน"จั๋วซือหรานพยักหน้า มองไปยังคนข้างๆ ผาดหนึ่งเหยียนฉีเอ่ยแนะนำว่า "นี่ นี่คือพ่อของข้าเหยียนเจิน"จั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เข้ามาสิ"นางไม่ได้กระโจนกลับจากกำแพงล้อมหรือกระโจนออกไป แต่ยืนขึ้นย้ำไปตามสันกำแพง เดินตรงไปยังประตูหน้าพร้อมพวกเขาตอนที่พวกเขาเดินมาถึงประตูเรือนหลัก จึงมีเงาแดงร่างหนึ่งร่อนลงมาตรงหน้าพวกเขา
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หานกวงก็พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมุมปากกระตุก "ไม่จบไม่สิ้นเสียที"หานกวงฟังออก ถึงความเย็นชาและขุ่นเคืองในน้ำเสียงของแม่นางจิ่วจั๋วซือหรานผลักประตูออก เดินไปที่ห้องตะวันออกเฟิงหร่านพยุงร่างขึ้นมานั่งบนเตียง นางอยู่ในชุดดำ มีบาดแผลอยู่ไม่น้อย มีเลือดซึมออกมาข้างนอกด้วยจั๋วซือหรานแค่เหลือบมอง ก็รู้ว่าปัญหาไม่ใหญ่นักนางเดินเข้าไป ใช้มือหนึ่งจับชีพจรของเฟิงหร่าน อีกมือหนึ่งโยนขวดใบหนึ่งให้นางเฟิงหร่านก็รับไปแบบมือไม้พัลวัน "พี่จั๋ว นี่คือ...""เจ็บไม่หนักมาก กินยาเอาเองเลย" จั๋วซือหรานตอบมาเฟิงหร่านเดาว่าด้านในน่าจะเป็ยารักษาอะไรบางอย่าง นางพยักหน้า "ได้เลย ขอบคุณพี่จั๋วมาก"นางเดิมทียังคิดจะเอ่ยปาก บอกเรื่องในตระกูลเฟิงกับจั๋วซือหรานแต่ก็เห็นว่าว่าหลังที่จั๋วซือหรานส่งยาให้นางแล้ว ก็หมุนตัวเดินไปนอกประตูทันทีเฟิงหร่านรีบถามขึ้น "พี่จั๋ว ท่านจะไปไหน?"จั๋วซือหรานมุถมปากกระตุก "คนตระกูลเฟิงที่ไล่สังหารเจ้ามาพวกนั้น มาล้อมอยู่นอกบ้านข้าแล้ว พอดีเลย คืนนี้ข้าจะได้ไม่ต้องไปหาพวกเขา"พูดจบ นางก็เดินออกจาห้องไปเฟิงหร่านนั่งลงบนเตียงงงๆ แล
แพงไม่ว่า แต่บางทีมีเงินก็หาซื้อไม่ได้พวกเขาตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกขึ้นได้ว่าตัวตนนักกลั่นยาของจั๋วซือหรานนั้นมีประโยชน์มากจริงๆถ้าหากเดิมทียังรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ตอนนี้ก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วสายตาของพวกเขาเปล่งประกายจับจ้องจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มๆ นางมองสายตาเปล่งประกายรอบๆ จากนั้นจึงมองไปทางผู้อาวุโสใหญ่"ถ้าหากให้ข้าตัดสินใจได้ล่ะก็ เงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน"เสียงของจั๋วซือหรานสงบนิ่งมาก "จะทำเช่นที่มอบให้กับตระกูลฮั่ว มอบยาลูกกลอนให้ตระกูลจั๋ว กระทั่งถ้าอารมณ์ดี จะมอบที่ขั้นสูงกว่าให้ด้วย แต่เงื่อนไขก็คือ ตระกูลจั๋วข้าต้องมีอำนาจตัดสินใจ แล้วก็ไม่ใช่ว่ามีพวกกลุ่มที่กระโจนตัวลากใบหน้าแก่ๆ ออกมาสั่งโน่นสั่งนี่กับข้า"จั๋วหลานฟังถึงคำนี้ ในใจก็อดสั่นกึกขึ้นไม่ได้เขาฟังออกถึงความหมายเชิงลึกในคำพูดนาง...ถ้าหากวันไหนที่นางไม่มีอำนาจตัดสินใจในตระกูลจั๋ว นางก็จะตัดการส่งมอบให้ได้ตลอดเวลา พวกเขาไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อยดังนั้น ไม่ว่าในใจเหล่าผู้อาวุโสที่นี่จะมีความคิด 'ฟังนางไปก่อนชั่วคราว หลังจากนี้ค่อยว่ากัน' แค่ไหน ตอนนี้ก็ต้องดับมอดลงไปทันทีจั๋วซือหรานพ
ทุกคนเห็นว่าบนหน้าจั๋วซือหรานมีรอยยิ้มจางๆ อยู่ตลอดแม้จะไม่มีความหมายอะไร ลอยอยู่ผิวเผิน แต่ก็มีอยู่มาตลอดจนตอนที่คำพูดนี้ออกมา รอยยิ้มผิวเผินบนหน้านางเหล่านั้นก็หายวับไปทันทีเหลือเพียงความเย็นชาไร้ความรู้สึกนางบอกกับคนวังจดบันทึกที่อยู่ข้างๆ "รบกวนเจ้าด้วย"คนวังจดบันทึกรู้ว่าคนผู้นี้เป็นตัวตนที่สำคัญแค่ไหนสำหรับฝ่าบาทดังนั้นท่าทีจึงนอบน้อมมาก หยิบม้วนผ้าไหมเลืองทองออกมาคลี่ออกใครก็เห็นลายมังกรที่อยู่บนนั้น...นี่มันคือราชโองการ!คนวังจดบันทึกหยิบพู่กันออกมา เริ่มตวัดเขียนขึ้นบัญชาสวรรค์ จักรพรรดิรับสั่ง ตระกูลจั๋วมีบุตรสาว ชื่อนามหรูซิน จึงขอพระราชทานงานอภิเษกให้กับฉินตวนหยางปราชญ์แห่งกรมดาราศาสตร์...หลังจากได้ยินคนวังจดบันทึกอ่านประกาศร่างราชโองการจั๋วหรูซินยังคงเป็นลมไม่ได้ เพราะยาเม็ดนั้นที่จั๋วซือหรานให้มาอหังการเหลือเกิน บอกว่าจะทำให้นางสติตื่นตัว ก็ทำให้ตื่นตัวได้จริงๆดังนั้นนางจึงโกรธแค้นจนเกินทน กระอักเลือดสดออกมาจั๋วซือหรานลุกขึ้นยืน ในดวงตาไม่มีคนผู้นี้อยู่อีก ราวกับว่า ล้างแค้นสิ่งที่ควรทำเรียบร้อยคนอย่างจั๋วหรูซิน ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในสายตานางอี
ถังหยวนมองสภาพจั๋วหรูซินตอนนี้ เขาอดมีสายตาสับสนขึ้นมาไม่ได้ตรงหน้าเขามีภาพตอนที่จั๋วซือหรานถูกลงโทษแวบผ่านขึ้นมา กระดูกสันหลังที่ไม่ยอมคดงอนั่นเก้าแส้ฟาดลงไป หน้าขาวซีด เหมือนจะร่วงพับสิ้นสติ สภาพซมซานน่าเวทนาแต่ในสีหน้าท่าทาง ไม่มีท่าทีเจ็บปวดร้องไห้ชักกระตุกให้เห็นกระทั่งว่า ถังหยวนเกิดความรู้สึกลวงขึ้นมา ว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้หรือเปล่า?แต่ตอนนี้พอเห็นท่าทางของจั๋วหรูซิน จึงมีปฏิกิริยาเข้าใจขึ้นทันที จั๋วหรูซินแบบนี้ต่างหากที่เป็นสภาพปกติแต่แบบจั๋วซือหรานนั่น เป็นตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่นจั๋วหลานมองจั๋วซือหราน "เสียวจิ่ว พอสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานเดินขึ้นไปทีละก้าวทุกคนล้วนคิดว่า หญิงสาวคนนี้ยังไม่สะใจพอ ต้องเข้าไปมองความเจ็บปวดทรมานของจั๋วหรูซินใกล้ๆ จึงจะพอใจจั๋วอวิ๋นชินอดทนอยู่ข้างๆ แม้เขาจะไม่พอใจน้องสาวคนนี้นัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวจะอย่างไรก็ยังมีความรู้สึกทนไม่ไหวอยู่ เขาเตรียมจะยัดยาลูกกลอนให้กับจั๋วหรูซินแล้วแต่ตอนนี้พอเห็นจั๋วซือหรานเดินขึ้นมา แม้เขาจะหยุดเท้าลง แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจั๋วอวิ๋นชินเอ่ยขึ้นเสียงขรึม "จั๋วซือหราน หรูชินได้ร