การหลอมยาคือ ใช้พลังทางจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องเพื่อห่อแก่นแท้ของวัสดุยาที่ได้รับการขัดเกลาและหลอมให้เป็นรูปทรงกลม ส่วนการอัดยาหมายถึง ในระหว่างกระบวนการนี้ มักใช้พลังทางจิตวิญญาณอัดยาจากทุกทิศทางให้เข้าในยาเม็ดเล้กในกระบวนการนี้ ผู้กลั่นยาไม่เพียงแต่ต้องใช้พลังทางจิตวิญญาณมาหลอมยาให้เป็นกลม ๆ ยังต้องใช้พลังทางจิตวิญญาณมาคุมความร้อนอีกด้วย หากไม่ระมัดระวัง ผู้กลั่นยาอาจจะระเบิดยาเม็ดเล็กหรือระเบิดเตาหม้อดังนั้นทักษะพื้นฐานของแพทย์กลั่นยาคือการควบคุมพลังทางวิญญาณอย่างละเอียดและแม่นยำ ยิ่งควบคุมพลังทางวิญญาณได้ละเอียดและแม่นยำเท่าใด คนก็ยิ่งมีโอกาสเป็นแพทย์กลั่นยาที่เก่งมากขึ้นเท่านั้นเดิมทีจั๋วซือหรานมีสมาธิมากอยู่แล้ว และเมื่อมาถึงสองขั้นตอนนี้ นางยิ่งมีสมาธิมากขึ้น ราวกับว่านางอยู่ในโลกที่มีแต่นางผู้เดียวเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นไม่ใช่เสียงใหญ่ที่เกิดจากเตาหม้อระเบิด แต่เป็นเสียงที่คมชัด - ดิ๊งเนื่องจากจั๋วซือหรานมีสมาธิมากเกินไป ม่านตาของนางจึงไม่มีสมาธิในขณะนี้ ม่านตาสีดำอันสว่างมีสมาธิและมีแสงสว่างเจิดจ้าดวงตาและมุมปากของนางเริ่มค่อย ๆ โค้งงอเสียงที่คมชัดในเมื่อครู่นี
เสียงของซือหลี่ฝายเทียนฟังติด ๆ ขาด ๆ จะว่าเขาพูดติดอ่าง ดูเหมือน...มากกว่าจั๋วซือหรานอดไม่ได้ที่ต้องมองซือหลี่ฝายเทียนสองครั้งและซือหลี่ฝายเทียนท่านนี้ดูผอมและไม่สูงมาก ดูเหมือนเขาจะเขินอายเล็กน้อยเมื่อเขาสังเกตจั๋วซือหรานมองเขา เขาหันไปด้านข้างและหลบสายตาของนางซือหลี่ตันติ่งมีนิสัยที่เย็นชาและตรงไปตรงมา เขาค่อนข้างใจร้อนกับซือหลี่ท่านอื่น ทีนี้เขาดูเหมือนจะค่อนข้างดีกับซือหลี่ฝายเทียนเขาเรียกชื่อของซือหลี่ฝายเทียนตรง ๆ “เอาล่ะ ชิ่งหมิง มานี่สิ”ซือหลี่ฝายเทียน ซึ่งถูกเรียกว่า ชิ่งหมิง ในตอนแรกเขาหันไปด้านข้างและรักษาระยะห่างอย่างสุภาพกับจั๋วซือหราน จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ ยับตัวไปที่ด้านข้างของ ซือหลี่ตันติ่งจั๋วซือหรานรู้ลัทธิฝานเทียน ในเจ็ดลัทธิหลัก ลัทธิฝานเทียนไม่ใช่ลัทธิที่ถนัดการต่อสู้ แต่ลัทธินี้มีฐานะสูงอยู่ เนื่องจากลัทธิฝานเทียนเชี่ยวชาญด้านฝึกฝนนักกลั่นอาวุธ เช่นเดียวกับลัทธิตันติ่ง ซึ่งถนัดในด้านการฝึกฝนแพทย์กลั่นยาผู้มีความสามารถพิเศษเช่นนี้ แม้ว่าบุคคลธรรมดาไม่ไปตีสนิทเอง แต่พวกเขาก็ไม่อยากทำให้เขาขุ่นเคืองด้วยตัวอย่างนักหลอมดาบของห้องกระบี่ประจำตระกูลที่ตร
"อ้าว" ซือหลี่ตันติ่งเหลือบมองเขาจากด้านข้างจากนั้นเขาได้ยินซือหลี่ฝายเทียนพูดติดอ่าง"นาง นางหน้าตาดี ดวงตา ดวงตาของนางสวยมาก"Alaซือหลี่ตันติ่งดูเหมือนจะหัวเราะและพูดว่า "เอาน่า"หลังจากพวกเขาออกไป ห้องโถงเงียบลงทันทีจั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่า หน่วยสืบสวนพิเศษ ซึ่งดูจริงจังเกินไป เคร่งขรึม และมืดมน จะมีคนเช่นซือหลี่ฝายเทียนทั้ง ๆ ที่ชื่อของลัทธิฟังเผด็จการ ฝานเทียน(ฝานเทียนในภาษาจีนหมายถึง เผาท้องฟ้า)จริง ๆ แล้วเขาเป็นเด็กน่ารักที่พูดติดอ่าง...จั๋วซือหรานไม่รีบเดินไปข้างนอก นางเลยนั่งอยู่บนพื้นในห้องโถง เริ่มลองใช้พลังทางจิตวิญญาณของนางและพลังของการแพทย์สายวิเศษอีกครั้ง เพื่อรู้สึกการผสมผสานที่ลึกลับนางรู้สึกการคาถาที่ซับซ้อนที่อยู่บนพื้นของห้องโถงน่าจะช่วยกระตุ้นด้วยห้องโถงตันติ่งเงียบมาก ซึ่งเงียบกว่าที่อื่นมาก ดูเหมือนว่าไม่ต้องต้องกังวลใครเข้ามาอย่างกะทันหันจั๋วซือหรานไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร นางรู้สึกว่าน่าจะเกือบหนึ่งชั่วยามพอดีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากนอกประตูของห้องโถงตันติ่ง เสียนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆจั๋วซือหรานลืมตาขึ้นและเห็นซือหลี่ฝายเทียนที่สวมหน้า
“คิดให้ดีก่อนค่อยตอบ หากทำไม่ได้ก็อย่าตกลง” เสียงของซือหลี่ตันติ่งดังมาจากประตูเขาวางมือไว้ด้านหลังและยืนอย่างเงียบ ๆ ที่ประตู "เจ้าควรสังเกตว่า ชิ่งหมิงแตกต่างจากคนทั่วไป เขาฟังคำพูดที่เป็นขอไปทีหรือคำพูดที่มีพิธีรีตองไม่เป็น ดังนั้นหากเจ้าทำไม่ได้ก็อย่ารับปากเขา คิดให้ดีก่อนค่อยตอบ”จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนั้น นางมองไปที่ซือหลี่ฝายเทียน ลายบนหน้ากากของเขาดูเหมือนเปลวไฟสีดำที่แปลกมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวจั๋วซือหรานมองเขา พยักหน้าและพูดว่า "เจ้าค่ะ ข้ารับปาก หลังจากข้าจัดงานต่าง ๆ ให้เสร็จ ข้าจะมาเรียนกับใต้เท้า""ขอรับ" ซือหลี่ฝายเทียนกระโดดขึ้น ๆ ลง ในบริเวณนั้น แล้วรีบพูด "ถ้าอย่างนั้น เจ้ารีบเอาตราของเจ้าให้คนเหล่านั้นดูเลย"จั๋วซือหรานยิ้มและพูดว่า "เจ้าค่ะ"เมื่อนางเดินออกจาก ห้องโถงตันติ่ง นางเดินผ่านซือหลี่ตันติ่งพูดตามความจริง จั๋วซือหรานไม่เคยคาดคิดว่า คนที่มีนิสัยอย่างซือหลี่ตันติ่งจะชมนางต่อหน้าซือหลี่ฝายเทียนว่า หลอมอาวุะได้แน่ ๆดังนั้นเมื่อนางเดินผ่านซือหลี่ตันติ่ง นางก็อดไม่ได้ที่ต้องมองเขาจากด้านข้างซือหลี่ตันติ่งมองนางและเรียกนาง " จั๋วซือห
นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ...ตราที่ห้อยอยู่บนเอวของนาง พลิ้วไหวเบา ๆ ตามรอยเท้าของนางตรานั้นมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของฝ่ามือ เป็นรูปเตาหม้อเล่นแร่แปรธาตุ และเปล่งประกาย โดยมีชื่อของนางสลักอยู่บนนั้นมีเพียงผู้ผ่านการทดสอบแพทย์กลั่นยาเท่านั้น จึงสามารถรับตราตันติ่งได้เป็นตราตันติ่งประจำของแพทย์กลั่นยาตัวจริงไม่รู้ใครเป็นคนพูดก่อน “นาง...สอบผ่านจริง ๆ ด้วยหรือ”"เป็นไปได้อย่างไร..."ผู้คนที่เดิมจะหัวเราะเยาะนางต่างตกใจ แต่พวกเขามาที่นี่เพื่อดูความสนุกสนาน หากนางล้มเหลว พวกเขาจะถือว่ามันเป็นเรื่องตลกแต่คนบางคนไม่ได้มาที่นี่เพื่อดูความสนุกสนานเท่านั้นเหยียนชางยืนอยู่ในฝูงชน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเขาได้ยินเสียงกระซิบรอบตัวเขาแล้ว ทำให้เขากลายเป็นหัวข้อสนทนา“คราวนี้นายท่านสามของตระกูลเหยียนเจอคนแข่งล่ะสิ”“เขาทำตัวเอง... ทั้ง ๆ ที่คุณหนูจั๋วจิ่วกำลังจะไปสอบใบอนุญาตแพทย์ย์ แต่เขาหาเรื่องนาง นางจึงตัดสินใจเช่นนี้ใช่ไหมล่ะ”“ จั๋วจิ่วคนนี้เโหดจริง ๆ นางสามารถทนต่อแรงกดดันมหาศาลได้จริง ๆ และเข้ามาสอบแพทย์กลั่นยาอย่างไม่ลังเล ไม่มีคนธรรมดาคนไหนหรอกที่กล้าหาญขนาดนี้”“ตอนนี้น
ยามที่จั๋วซือหรานสวมตราตันติ่ง เหยียนชางได้รับความอับอายตั้งแต่วินาทีที่นางเดินออกมาจากหน่วยสืบสวนพิเศษภายใต้สายตาของทุกคน จั๋วซือหรานทำท่าเชิญโดยเชิญเขาเข้าหน่วยสืบสวนพิเศษ มันจะน่าละอายยิ่งกว่านี้หากเขาไม่ไปเหยียนชางจ้องมองจั๋วซือหรานด้วยความเกลียดชัง เขาพูดอย่างดุเดือด "ข้าจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะคอยดูเจ้าเล่นงานอะไร"เหยียนชางเดินไปที่ประตูของหน่วยสืบสวนพิเศษด้วยความโกรธหลังจากที่ทุกคนเห็นเขาเข้าไป ความสนใจก็ตกอยู่ที่จั๋วซือหรานอีกครั้งต้องยอมรับเลยว่า ช่วงนี้สาวคนนี้เป็นศูนย์กลางการสนทนาในเมืองหลวง ดูเหมือนว่าทุกหัวข้อจะวนเวียนอยู่กับนางอยู่เสมอทุกคนมองนาง แล้วก็ตระหนักว่า จั๋วซือหรานดูเหมือนนางยังไม่อยากไปจากที่นี่นางยืนอยู่ที่ประตูเหมือนพวกเขาจริง ๆ หรือมีคนอดไม่ได้ที่ต้องเข้ามาถามนางด้วยเสียงเบา ๆ "อ้าว แม่นางจั๋วจิ่ว ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่ล่ะ"จั๋วซือหรานมองไปที่คนที่มา เขาคือฮั่วชิงหยวน บุตรชายคนที่ห้าของตระกูลฮั่ว ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าตระกูลขุนนางรายใหญ่ในเมืองหลวง เขามีพรสวรรค์ที่ดีและค่อนข้างได้รับความเอ็นดูจากตระกูล ดังนั้นเขาจึงมีนิสัยที่ร่าเริงหน่อยลูกหลานข
แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็รู้สึกว่า หากทำเช่นนี้ มักจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าตระกูลจั๋วได้รับผลประโยชน์แล้วแล้วถีบหัวส่ง ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะประกาศว่า เนางแยกตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลโดยสมัครใจ เพื่อป้องกันไม่ให้ครอบครัวต้องอับอายเพราะความขุ่นเคืองส่วนตัวของนางด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่รักษาศักดิ์ศรีของตระกูล แถมยังได้รักษาศักดิ์ศรีของนางด้วยแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า จู่ ๆ จะมีการสอบเพื่อเป็นแพทย์กลั่นยา คุณท่านจั๋วลิ่วจึงตัดสินใจด้วยตัวเองโดยคิดว่านางต้องสอบตก เมื่อสักครู่นี้ เขาประกาศต่อหน้าผู้คนมากมายว่า นางถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลผู้อาวุโสสามอยู่ข้าง ๆ ในเวลานั้น แต่ที่ตลอดผ่านมา ผู้อาวุโสสามมักจะสนิทกับเขาและไม่พอใจกับจั๋วซือหรานด้วย ดังนั้นผู้อาวุโสสามจึงไม่ห้ามเขาแต่เมื่อจั๋วซือหรานห้อยตราตันติ่งประจำของแพทย์กลั่นยาและเดินออกมา ใบหน้าและทัศนคติของผู้อาวุโสสามก็เปลี่ยนไปทันที'ก่อนหน้านี้เจ้าประกาศไล่กับทุกคนว่า จั๋วจิ่วถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลโดยไม่ได้ปรึกษากับทางตระกูล ในสถานการณ์นี้ ตระกูลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หากเราอยากรักษานางไว้ ทางบ้านต้องเส
เหยียนชางดูเหมือนยังปกติอยู่ สีผิวแดงกว่าเดิม คางของเขายกขึ้นเล็กน้อย และดวงตาของเขาดูเหมือนจะมีความภาคภูมิใจเล็กน้อยซึ่งทำให้ทุกคนประหลาดใจแต่เนื่องจากฮั่วชิงหยวนยืนอยู่ข้างกายจั๋วซือหราน เขาจึงเป็นคนแรกที่เห็นสีหน้าของจั๋วซือหรานได้ในระยะใกล้มากเขาเห็น...อัจฉริยะที่หายากจากของตระกูลจั๋วมีใบหน้าอันงดงาม เดิมทีนางสีหน้าเย็นชาตลอด เมื่อนางเห็นเหยียนชางเดินออกจาก หน่วยสืบสวนพิเศษ ทันใดนั้นนาง...ยิ้ม ๆมันเป็นรอยยิ้มที่สังเกตได้ยาก ไม่ชัดเจน ร้อยยิ้มนั้นตกไปที่มุมตาและคิ้ว แวววาวในดวงตาที่สดใสอย่างที่คนอื่นพูดกัน ฮั่วชิงหยวนฉลาดมาก เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาเห็นรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ในสีหน้าของจั๋วซือหราน เขาก็ตระหนักว่า เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแต่คนอื่นไม่ได้สังเกตร้อนยิ้มนี้แม้แต่คนของตระกูลเหยียน ก่อนหน้านี้ พวกเขาพากันหน้าซีดอยู่เลยในขณะนี้ เมื่อพวกเขาเห็นเหยียนชางเดินออกมาอย่างปลอดภัย พวกเขาอดไม่ได้ที่ต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอกเหยียนชางยืนอยู่ที่ประตูของหน่วยสืบสวนพิเศษ เขามองจั๋วซือหรานจากระยะไกล และเยาะเย้ยด้วยความเย่อหยิ่งเล็กน้อย“ จั๋วจิ่ว ข้ายังคิดอยู่ว
ทุกคนพูดไม่ออกกันทันทีเพราะว่า พวกเขาอันที่จริงก็เคยเห็นบาดแผลที่เกิดจากพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงมาแล้วเพียงแต่ว่า พวกเขาไม่เหมือนฉุนจวินที่ได้คอยคุ้มกันอยู่ข้างกายเฟิงเหยียนตลอด ดังนั้นจำนวนครั้งที่เห็นจึงไม่มากนัก ความเร็วในการมองออกจึงไม่เท่ากับฉุนจวินตอนนี้หลังจากมีปฏิกิริยากันขึ้นมาจากการเตือนของฉุนจวินก็มีคนทนไม่ไหว งึมงำถามขึ้นมาคำหนึ่ง "แม่นางจิ่ว...บนตัวทำไมจึงมี...บาดแดลจากพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงหรือ?"อันที่จริงถามคำถามนี้ออกไป คำตอบเองก็ชัดเจนมากอยู่แล้วแต่ว่าพวกเขายังไม่อยากจะเชื่อกับคำตอบนั้น ดังนั้นจึงไม่พูดออกมา รู้สึกแค่ว่าจะมีความเป็นไปได้อื่นอีกไหมเพราะถ้าหากไม่มีความเป็นไปได้อื่น...ก็อธิบายได้ว่า เป็นนายท่านของพวกเขา ที่ทำให้แม่นางจิ่วบาดเจ็บขนาดนี้นายท่านที่พวกเขาซื่อสัตย์อย่างมาก กลับทำร้ายคนที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้จนเป็นแบบนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้เจ็บปวดได้มากกว่าเรื่องนี้แล้วดวงตาของหานกวงแดงขึ้นมาแล้ว นางกอดจั๋วซือหรานไว้แน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องดูแลแม่นางจิ่วก่อนแล้วค่อยว่ากัน!"นางหรุบตาลงมองหญิงสาวในอ้อมกอดจั๋วซือหรานอยู่ในอ
กลับมาถึงเมืองหลวง ตอนที่กำลังจะแยกย้ายจั๋วซือหรานมองซือคงเซี่ยน ครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า "ท่านอ๋อง ข้าให้คำแนะนำท่านคำหนึ่งแล้วกัน"ซือคงเซี่ยนงงงัน พยักหน้าเอ่ยขึ้น "สิ่งที่เจ้าพูดข้ายินดีฟังทั้งนั้น"จั๋วซือหรานยิ้มๆ เอ่ยขึ้นว่า "เรื่องของซือคงอวี้ ข้าคิดๆ ดูแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่เหมาะที่จะลงมือ จุดยืนของเจ้า...ไม่ค่อยเหมาะนัก"พอคำนี้พูดออกมา ซือคงเซี่ยนก็เข้าใจความหมายของจั๋วซือหราน และรู้ว่านางพูดมาไม่ผิดเลยเพราะตนเองกับซือคงอวี้ ไม่ว่าจะในใจจะคิดอย่างไร จะมีความคิดต่อตำแหน่งนั้นหรือไม่ มีความคิดที่ลึกซึ้งซับซ้อนแค่ไหนแต่นั่นก็ล้วนไม่สำคัญ ในสายตาคนอื่น ซือคงเซี่ยนกับซือคงอวี้ มีความสัมพันธ์กันในเชิงแข่งขันถ้าหากตนเองลงมือจริง ตนเองใช้วิธีการใดรับมือกับซือคงอวี้ล่ะก็ ในปากของคนนอก ก็อาจจะลือกันไปในรูปแบบอื่นจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "ดังนั้น ให้จักรพรรดิเฒ่าคิดหาวิธีเถอะ"จั๋วซือหรานมองเขา เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง "มีความลับของราชวงศ์ ถึงแม้จะเป็นเรื่องฉาวโฉ่ ไม่ควรนำออกมาพูดมานัก แต่ในเวลาที่สำคัญ สิ่งที่ควรนำมาใช้ก็ต้องนำมาใช้ เจ้าว่าจริงไหม?"จั๋วซือหรานพอพูดออกม
จั๋วซือหรานไม่รู้สึกว่าซือคงเซี่ยนไม่ค่อยฉลาดหรืออะไรนักต่อเรื่องนี้จั๋วซือหรานยิ้มๆ "คนทั่วไปเวลาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่น่าจะคิดเรื่องสังหารพี่น้องหรอก ข้าเป็นแค่คนนอก ถ้าเจอเหตุการณ์นี้จริง ไม่ต้องพูดเรื่องสังหารพี่น้องเลย ต่อให้ต้องสังหารพ่อแม่ ข้าที่เป็นคนนอกก็จะมองสถานการณ์ได้ชัดเจนกว่า คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ย่อมตัดสินใจได้ไม่เด็ดขาด"ซือคงเซี่ยนรู้ว่านางกำลังปลอบเขา เขาจึงยิ้มๆ เอ่ยตอบเสียงต่ำ "สรุปคือ ข้ารู้แล้วว่าควรทำเช่นใด ซือหรานเจ้าไม่ต้องกังวล"จั๋วซือหรานพยักหน้า ในเมื่อซือคงอวี้ทางนี้ทำไปใกล้เคียงแล้ว นางเองก็เตรียมจะกลับด้วยเช่นกันนางยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกซือคงเซี่ยนคิดๆ แล้วก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ "ซือหราน ซื่อจื่อเฟิงเขา...""อื๋อ?" จั๋วซือหรานหันมามองซือคงเซี่ยน "เขาทำไมหรือ?"ซือคงเซี่ยนสูดหายใจลึก เขาน่าจะพูดคำไม่ดีต่อนห้าคนอื่นน้อย พูดให้ชัดหน่อยก็คือเขาไม่ค่อยได้พูดจาไม่ดีเกี่ยวกับชายคนอื่นต่อหน้าหญิงสาวนี่เป็นครั้งแรก น่าจะขัดกับนิสัยของตนเองมาก แต่เพื่อหญิงสาวคนนี้ เขาก็ยังจะทำซือคงเซี่ยนเอ่ยขึ้น "เขาหมั้นหมายกับคนอื่นไปแล
เพียงแต่ไม่กล้าเข้าไปขวางพวกเขาเอาไว้ทำได้แค่รีบไปรายงานกับซือคงอวี้ส่วนจั๋วซือหรานกับซือคงเซี่ยนก็ออกจากสวนชิวอีไปอย่างรวดเร็วเพิ่งออกมาจากสวนชิวอี จั๋วซือหรานก็อัญเชิญแมงมุมน้อยออกมา บรรทุกพวกเขาออกจากสวนชิวอีอย่างรวดเร็ว เข้าไปยังป่าทึบข้างๆและเป็นไปตามคาด พวกเขาออกมาได้ไม่เท่าไร ที่สวนชิวอีก็มีกลุ่มองครักษ์รีบร้อนพรุ่งออกมาจากสวนชิวอีคิดจะไล่กวดพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด"เจ้าคาดการณ์ไว้ถูกจริงๆ" ซือคงเซี่ยนทอดถอนใจจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "คนใช้พวกนั้นที่ไล่เจ้า คงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าข้าจะรอดออกมาได้ ดังนั้นตอนนี้เห็นข้าถึงได้ตกใจขนาดนั้น แล้วก็ไม่อยากให้พวกเราออกมา แต่ก็กลัวว่าจะขวางไม่อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะเพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้รับคำสั่งไว้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าพอเห็นข้าเข้ามาแล้วต้องทำอย่างไร พอรีบไปรายงาน ซือคงอวี้จึงให้คนไล่ตามออกมา..."จั๋วซือหรานพูดต่อ "ซือคงอวี้ก็คงไม่คิดว่าข้าจะหนีออกมา"พอได้ยินคำนี้ ซือคงเซี่ยนใจก็บีบ "เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงได้พูดเช่นนี้? สถานการณ์อันตรายมากสินะ?"จั๋วซือหรานคิดๆ เล่าสถานการณ์เรื่องแผนที่ซือคงอวี้ใช้กับนาง โดยเลี่ยงรายละเอียดส่
แต่ยังมีท่าทีที่...ที่...ท่าทีที่จะออกไปทันที หลังจากหลับนอนกับเขาของนางความรู้สึกนั้นมันเหมือนกับ...ตอนนี้เอง จั๋วซือหรานก็ได้ยินเขาถามมาคำหนึ่ง "แล้วต้องอย่างไรล่ะ? ท่านอ๋องจะรอให้ข้ารับผิดชอบท่านไหม?"ในหัวเฟิงเหยียนจู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา ใช่เลย มันคือเรื่องที่...เหมือนไม่ใส่ใจกับความบริสุทธิ์ของตัวนางเองเลยแม้แต่น้อยไม่มีท่าทีคิดจะให้เขาต้องรับผิดชอบเลยเฟิงเหยียนขมวดคิ้ว เสียงเย็นชาขึ้นมา "เจ้าเป็นหญิงสาวหรือเปล่า ทำไมถึงไม่ใส่ใจกับความบริสุทธิ์ของตัวเองเลย? ไม่คิดจะให้ฝ่ายชายรับผิดชอบหรือ?"จั๋วซือหรานลุกขึ้น บนผิวขาวนาวเหมือนไขมัน มีรอยแดงที่เขาฝากไว้อยู่พอสมควร แวบไปมาอยู่ตรงหน้าเขาทำให้ความปรารถนาที่สงบลงไปหน่อยแล้วของเขา เหมือนจุดลุกพรึบขึ้นมาอีกครั้งทันทีจั๋วซือหรานยื่นมือไปดึงเสื้อผ้ามาคลุมไม่ได้ใส่ใจเลยแม้เพียงน้อย กับการย้อนถามเมื่อครู่ของเฟิงเหยียน นางเลิกคิ้วเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "ข้าใช่หญิงสาวหรือไม่ ท่านอ๋องน่าจะเข้าใจยิ่งกว่าใครๆ กระมัง? ส่วนเรื่องที่ไม่สนใจกับความบริสุทธิ์ของตัวเองนี่..."จั๋วซือหรานเอียงตามองเขา "ทำไมหรือ? ท่านอ๋องฉวยโอกาสตอนที่ข้าอ
จั๋วซือหรานมีนิสัยแบบนี้ ชอบให้ใช้ไม้อ่อนต่อให้ฟ้าถล่มลงมานางก็ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วแต่จั๋วซือหรานก็เข้าใจเป็นอย่างดี ในเวลาเช่นนี้ ตามหลักแล้วไม่ควรพูดเชื้อเชิญชายหนุ่มแล้วชายหนุ่มตรงหน้านี่...นางเองก็ มองออกแล้ว ตระกูลเฟิง...หรืออาจจะสภาผู้อาวุโส จะต้องทำอะไรกับเขาไปแน่ๆ กดความทรงจำต่อตัวนางของเขาเอาไว้ดังนั้นคนคนนี้จึงดูเหมือนเจ้าโง่คนหนึ่งแต่ว่าพอกดความทรงจำลงไปแล้ว ความรู้สึกกับความรักที่มีต่อตัวนางก็อาจจะไม่ได้กดลงไปทั้งหมดไม่เช่นนั้นตอนที่เห็นนางยื่นคอรอความตาย กระทั่งตอนที่หยิบกระบี่จะปาดคอตัวเอง เขาคงไม่ตกใจขนาดนั้นถ้าหากคนแปลกหน้ามาปาดคอต่อหน้าเขา ด้วยนิสัยของชายคนนี้ น่าจะถอยห่างออกมาสองก้าว เลือดจะได้ไม่กระเด็นมาโดนตนเองกระมังไม่ว่าอย่างไร ต่อให้ในจิตใต้สำนึกเขาอาจจะมีอะไรต่อนางบ้าง แต่คุณสมบัติตอนนี้ขอเขาก็ยังเป็นคนโง่อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจะยังไม่เข้าใจว่าตนเองทำไมจึงมีความรู้สึกเช่นนี้กับนางด้วย...โง่ซ้ำซากในสถานการณ์เช่นนี้ ไปกระตุ้นคนโง่ซ้ำซากแบบนี้...ไม่ใช่เรื่องที่ชาญฉลาดพูดให้เข้าใจง่ายหน่อย คือถูกเล่นงานจนน่าเวทนามากถึงอย่างไรชายคนนี้ก็หึ
สายตาของจั๋วซือหรานตอนที่เห็นใบหน้าเขา ก็ผ่อนคลายลงมาหน่อยแล้วตอนนี้พอได้ยินคำนี้ นางก็หัวเราะเฮอะขึ้นมา "ท่านมาสนใจว่าข้าจะไปเจอใครทำไม ข้าอยากจะเจอใครข้าก็ไปเจอคนนั้นนั่นล่ะ...."เฟิงเหยียนรู้สึกว่า น่าจะจัดการอุดปากนี้ไปเลยก็คงดีหน้าตาดีเสียขนาดนี้ แต่ปากทำไมถึงน่ารำคาญเสียขนาดนี้กัน?นี่ไม่ต้องรอให้เขาได้พูดอะไรมากร่างที่อ่อนยวบร่างหนึ่ง ก็ทิ่มหัวเข้ามาที่หน้าอกของเขาเฟิงเหยียนตกตะลึง ยกมือขึ้นมาจับแขนนางไว้ ตอนนี้จึงเพิ่งรู้สึกว่า ร่างกายของนางร้อนมาก กระทั่งแค่ลมหายใจก็ยังร้อนผ่าวเฟิงเหยียนขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ปล่อยไปไม่ได้ เขาโค้งตัวไปช้อนใต้เข่าเธออุ้มขึ้นมาอุ้มนางขึ้นมา พานางออกจากศาลาริมน้ำไปที่ห้องของเขาเองเพราะเรื่องประกาศงานหมั้นขึ้นที่นี่ รวมถึงตระกูลเฟิงจะไปร่วมมือกับอ๋องสุนัขนั่นดังนั้นตระกูลเฟิงจึงถูกยกขึ้นเป็ฯแขกคนสำคัญ มีห้องของตัวเองในสวนชิวอีพอเพิ่งเข้ามาในห้อง เฟิงเหยียนเดินไปที่เตียงไม้ คิดจะวางนางไว้ด้านบนเพราะเตียงของเขาใช้น้ำแข็งทมิฬทำขึ้น นางตอนนี้อยู่ในสภาพร้อนผ่าวไปทั้งตัว บนเตียงนางสามารถผ่อนคลายลงมาได้พอดีแต่ว
เฟิงเหยียนอยู่ตรงหน้านาง ก่อนหน้านี้เขาเห็นขั้นตอนทั้งหมดกับตาเขาเองก็ไม่รู้เพราะอะไรทั้งที่ตนเองแค่ต้องทำตามที่รับปากกับเหล่าผู้อาวุโสไว้ ล่อนางเข้ามาก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องให้เขามากังวลและไม่ต้องให้เขามารับมือกับหญิงสาวคนนี้เหล่าผู้อาวุโสบอกว่า จะมีคนมาจัดการกับหญิงสาวหยิ่งผยองที่ดูหมิ่นตระกูลเฟิงคนนี้และเขาแค่คอยช่วยล่อนางเข้ามาในสถานการณ์นี้ก็พอ พวกเขาจะยอมขอเรียกร้องที่ขอให้เขาออกจากเมืองหลวง ออกไปแสวงหาประสบการณ์ภายนอกเฟิงเหยียนทำเพื่อสิ่งนี้เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังราบรื่นมากด้วยหญิงสาวคนนี้ปรากฏตัวขึ้นตามคาดจริงๆเขาถอนตัวออกไปสำเร็จ ออกไปจากศาลาริมน้ำตามหลักการขอแค่ไปบอกกับเหล่าผู้อาวุโส เขาก็ออกไปได้แล้ว สามารถออกจากเมืองหลวงไปแสวงหาประสบการณ์ภายนอกได้เขาเบื่อที่จะต้องอยู่แต่ในตระกูลทุกวันดังนั้นต่อให้ต้องหมั้นหมายกับตระกูลเหยียนตามที่ตระกูลต้องการก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรการหมั้นนี้ ก็เป็นแค่การหมั้นตอนที่สองตระกูลมีความสัมพันธ์อันดีกันก็เท่านั้นถ้าสองตระกูลพังทลายลง มันก็จะไม่ใช่อะไรต่อไปอีกเฟิงเหยียนอันที่จริงก็ไม่ได้ใส่ใจนัก แต่เขากลับไม่เดินออกไปจากเร
ราชาแมงมุมหน้าผีเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ "ได้เลย ข้าเตรียมพร้อมแล้ว นายท่าน"จั๋วซือหรานเพ่งสมาธิมองลายอักขระบนพื้น ค่อยๆ สูดลมหายใจหลังจากนั้นก็อัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมาร่างของราชาแมงมุมหน้าผีหดเล็กลงมาก จนสูงพอพอกับจั๋วซือหราน แขนเคียวคู่เปล่งประกายเย็บวาบ!ชิ้ง...! เสียงฉัวะดังขึ้น!ขุดลงไปบนพื้นตรงๆ ขุดพื้นตรงนั้นลึกจนเป็นรู!ร่างของจั๋วซือหรานอ่อนยวบลงไปทันที นางลงไปนั่งกับพื้นราชาแมงมุมหน้าผีดูกังวล ถามขึ้นว่า "นายท่าน ท่านยังไหวไหม สำเร็จไหม?"จั๋วซือหรานก้มหน้า ชุดสีแดงเพลิงกางแผ่ที่ใต้ตัว ยุ่งเหยิงแต่สวยงามนางถอนหายใจยาว "สำเร็จแล้ว ยังดีที่ข้าเดิมพันถูก"จั๋วซือหรานรู้สึกว่าตนเองดวงไม่เลวนัก ด้วยความเข้าใจต่อค่ายกลของนาง คงไม่ใช่แค่พังพื้นแล้วจะสำเร็จแต่ค่ายกลจุดนั้นก็เป็นจุดที่เปราะบางพอดี เพราะค่ายกลหนึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งสมบูรณ์แบบจนทุกจุดแข็งแกร่งไปทั้งหมด+ราชาแมงมุมหน้าผีเห็นสภาพนางแล้วยังคงรู้สึกกังวล "หัวใจท่านยังเต้นเร็วอยู่ ไม่เป็นไรจริงหรือ?"จั๋วซือหรานไม่เงยหน้าขึ้น ยังคงก้มหน้า นางส่ายหัวเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "เป็นเพราะฤทธิ์ยาน่ะ ไม่เป็น