แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็รู้สึกว่า หากทำเช่นนี้ มักจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าตระกูลจั๋วได้รับผลประโยชน์แล้วแล้วถีบหัวส่ง ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะประกาศว่า เนางแยกตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลโดยสมัครใจ เพื่อป้องกันไม่ให้ครอบครัวต้องอับอายเพราะความขุ่นเคืองส่วนตัวของนางด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่รักษาศักดิ์ศรีของตระกูล แถมยังได้รักษาศักดิ์ศรีของนางด้วยแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า จู่ ๆ จะมีการสอบเพื่อเป็นแพทย์กลั่นยา คุณท่านจั๋วลิ่วจึงตัดสินใจด้วยตัวเองโดยคิดว่านางต้องสอบตก เมื่อสักครู่นี้ เขาประกาศต่อหน้าผู้คนมากมายว่า นางถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลผู้อาวุโสสามอยู่ข้าง ๆ ในเวลานั้น แต่ที่ตลอดผ่านมา ผู้อาวุโสสามมักจะสนิทกับเขาและไม่พอใจกับจั๋วซือหรานด้วย ดังนั้นผู้อาวุโสสามจึงไม่ห้ามเขาแต่เมื่อจั๋วซือหรานห้อยตราตันติ่งประจำของแพทย์กลั่นยาและเดินออกมา ใบหน้าและทัศนคติของผู้อาวุโสสามก็เปลี่ยนไปทันที'ก่อนหน้านี้เจ้าประกาศไล่กับทุกคนว่า จั๋วจิ่วถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลโดยไม่ได้ปรึกษากับทางตระกูล ในสถานการณ์นี้ ตระกูลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หากเราอยากรักษานางไว้ ทางบ้านต้องเส
เหยียนชางดูเหมือนยังปกติอยู่ สีผิวแดงกว่าเดิม คางของเขายกขึ้นเล็กน้อย และดวงตาของเขาดูเหมือนจะมีความภาคภูมิใจเล็กน้อยซึ่งทำให้ทุกคนประหลาดใจแต่เนื่องจากฮั่วชิงหยวนยืนอยู่ข้างกายจั๋วซือหราน เขาจึงเป็นคนแรกที่เห็นสีหน้าของจั๋วซือหรานได้ในระยะใกล้มากเขาเห็น...อัจฉริยะที่หายากจากของตระกูลจั๋วมีใบหน้าอันงดงาม เดิมทีนางสีหน้าเย็นชาตลอด เมื่อนางเห็นเหยียนชางเดินออกจาก หน่วยสืบสวนพิเศษ ทันใดนั้นนาง...ยิ้ม ๆมันเป็นรอยยิ้มที่สังเกตได้ยาก ไม่ชัดเจน ร้อยยิ้มนั้นตกไปที่มุมตาและคิ้ว แวววาวในดวงตาที่สดใสอย่างที่คนอื่นพูดกัน ฮั่วชิงหยวนฉลาดมาก เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาเห็นรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ในสีหน้าของจั๋วซือหราน เขาก็ตระหนักว่า เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแต่คนอื่นไม่ได้สังเกตร้อนยิ้มนี้แม้แต่คนของตระกูลเหยียน ก่อนหน้านี้ พวกเขาพากันหน้าซีดอยู่เลยในขณะนี้ เมื่อพวกเขาเห็นเหยียนชางเดินออกมาอย่างปลอดภัย พวกเขาอดไม่ได้ที่ต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอกเหยียนชางยืนอยู่ที่ประตูของหน่วยสืบสวนพิเศษ เขามองจั๋วซือหรานจากระยะไกล และเยาะเย้ยด้วยความเย่อหยิ่งเล็กน้อย“ จั๋วจิ่ว ข้ายังคิดอยู่ว
เส้นเลือดที่คอของเขาปูดขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำ ตาขาวของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือด และดวงตาของเขาดูเหมือนจะหลุดออกมาจากเบ้าตาดูเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาส่งเสียงไม่ได้ เขาส่งเสียงคำรามอย่างน่าสะพรึงกลัว แต่เขาพูดไม่ได้ตามอาการเช่นนี้ รูปร่างหน้าตานี้ค่อนข้างน่ากลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อก่อนเหยียนชางเคยเป็นหัวหน้าสถาบันแพทย์หลวง เป็นคนที่มีกิริยาสง่างามตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขาอยู่บนพื้น คุกเข่าต่อหน้าจั๋วซือหราน ดิ้นรนทุรนทุรายมันน่าตกใจจริง ๆ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เงียบลงทันทีคนของตระกูลเหยียนรู้ตัวก่อน“อาสาม”“อาสาม เป็นอะไรขอรับ”คนของตระกูลเหยียนรวมตัวกันอยู่รอบ ๆเหยียนชาง ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลเหยียนเป็นครอบครัวแพทย์ และโดยพื้นฐานแล้วสมาชิกทุกคนในครอบครัวก็เก่งเรื่องการแพทย์ ในไม่ช้า พวกเขาก็เริ่มวินิจฉัยและรักษาเหยียนชางแต่ไม่นานพวกเขาก็พบว่า มันไม่ได้ประโยชน์!ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีรักษาแบบใด ยาแก้ปวดชนิดใด การฝังเข็มยาแก้ปวดชนิดใด ล้วนแก้ปัญหาไม่ได้อาการไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อยเหยียนชางยังคงเจ็บเหมือนเดิม เขาพยายามดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดบนพื้นโดยสูญเสียหน้าท
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของจั๋วซือหรานดูบริสุทธิ์และอ่อนโยน นางแต่งกายด้วยชุดสีขาวและดูสง่างาม อีกทั้งเป็นเพราะนางสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งทำให้นางดูสวยงามมาก และทำให้ตราแพทย์ที่ทำจากไม้ตะโกบนเอวของนางเด่นชัดยิ่งขึ้นแม่นางผู้นี้คือคุณหนูเจ็ดของตระกูลเหยียน เหยียนหยี่หลิงนางยืนอยู่ตรงข้ามกับจั๋วซือหราน คนหนึ่งสวมเสื้อสีแดง อีกคนหนึ่งสวมกระโปรงสีขาว ความแตกต่างนั้นชัดเจนมากเมื่อเผชิญหน้ากับสีหน้าที่น่าสงสารของเหยียนหยี่หลิง จั๋วซือหรานหรี่ตาลงเล็กน้อย นางมีท่าทีที่ไร้ระเบียบวินัย เมื่อคู่กับชุดสีแดง ทำให้นางดูมีเสน่ห์พิเศษ“ คุณหนูจั๋วจิ่วใช่ไหม” เหยียนหยี่หลิงเห็นจั๋วซือหรานไม่ตอบนาง ก็ขมวดคิ้วและเรียกนางอีกครั้งในที่สุดจั๋วซือหรานยิ้ม“คุณหนูเจ็ดเหยียน เจ้าไม่เป็นอะไรหรอกนะ”เหยียนหยี่หลิงไม่เข้าใจคำพูดนี้ นางขมวดคิ้ว "ข้าสบายดี คนที่เดือดร้อนตอนนี้คืออายามของข้า คุณหนูจั๋วจิ่ว หวังว่าเจ้าเอายาแก้พิษให้เราเดี๋ยวนี้ ครอบครัวของเราจะไม่หาเรื่องเจ้า”จั๋วซือหรานยืนตรงกอดอกและมองเหยียนหยี่หลิง นางรู้สึกตลก"เจ้าหมายถึง เหยียนชางเป็นเช่นนี้เพราะข้าวางยาพิษเขาหรือ"เหยียนหยี่หลิงขมวด
เหยียนหยี่หลิงยิ่งเห็นจั๋วซือหรานมีท่าทีเช่นนี้ นางไม่พอใจมากขึ้น นางฉวยโอกาสพูดทันที "ดูสิ เจ้าอธิบายไม่ได้ ถึงอย่างไร เจ้าก็เป็นหญิงสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเช่นกัน และเจ้ามีชื่อเสียงอย่างมาก เจ้าจะเลวทรามขนาดนี้ได้อย่างไร ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังจากตระกูลเฟิงเลิกหมั้นกับเจ้าแล้ว พวกเขาไม่อยากติดต่อกับเจ้าเลย…”คำพูดของเหยียนหยี่หลิง ซึ่งฟังแล้วค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อฟังแรก ๆ ทำให้หลายคนเริ่มเชื่อคำพูดของนาง และมีบางคนเริ่มพยักหน้าเห็นด้วยแล้ว"ใช่ ๆ ตระกูลเหยียนไม่แย่งอะไรกับคนอื่นมาตลอด จั๋วจิ่วนี่มันจริง ๆ เลย มาหาเรื่องกับคนดี ๆ อย่างคนของตระกูลเหยียน เสมอ"“แถมยังทำให้เหยียนชางเป็นเช่นนี้ เหยียนชางซวยจริง ๆ ต้องเสียชื่อเสียงที่เขารักษามานาน…”“นี่ แม่นางจั๋วจิ่ว อะไรที่ให้อภัยได้ ให้อภัยเถิด เจ้ารีบเอายาถอนพิษออกมาสิ อย่าทำให้สองตระกูลต้องโกรธกัน”แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังคงรู้เรื่องอยู่และไม่ถูกคำพูดนั้นปิดบังสายตา ตัวอย่างเช่น คุณชายห้าของตระกูลฮั่ว ฮั่วชิงหยวน เขาขมวดคิ้วและพึมพำว่า "ไม่ใช่สิ ทั้ง ๆ ที่จั๋วจิ่วเป็นผู้ที่ได้รับความอยุติธรรมอย่างเห็นได้ชัด มันจะเป็นความผิดของนางได้อ
ทุกประโยคกำลังตบหน้าเหยียนหยี่หลิงและสมาชิกของตระกูลเหยียนเหยียนหยี่หลิงอ้าปาก เหมือนอยากพูดอะไรอีกแต่ชายหนุ่มของตระกูลเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดด้วยน้ำเสียงเข้มว "หยี่หลิง ไปกันเถิด อาการของอาสามไม่ดี เรากลับไปก่อน"ว่าเขาอาการไม่ดี แต่จริง ๆ แล้ว หากต้องพูดตามความจริง มันก็เหมือนครร้ายอย่างจั๋วจิ่วพูดในก่อนหน้านี้เหยียนชางเจ็บปวดอันยิ่งใหญ่ จนเขาเกือบหมดสติ... ไม่ อาจไม่สามารถพูดได้ว่าเขาหมดสติต้องยอมรับว่า ฝีมือของซือหลี่ตันติ่งโหดร้ายจริง ๆ ไม่รู้เขาใช้ยาชนิดใด เหยียนชางเจ็บปวดมากจนเกือบจะสูญเสียร่างมนุษย์ แต่เขายังคงตื่นตัวอยู่มาก มีสติอย่างมากเขายังได้ยินคำพูดของพวกเขาเขาไม่อาจเป็นลมได้ เขาทำได้เพียงตื่นตัวและทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดแสนสาหัสเขาจะรู้สึกอย่างไรหลังจากการทรมานนี้จบลง เขาจะโกรธหรือจะเกลียดชัง หรือกลัวจนตัวสั่น ยากที่จะพูดแต่ในขณะนี้ อารมณ์ในใจของเหยียนชางคือความเสียใจ เขาเสียใจจริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงยุ่งกับผู้หญิงคนนี้จากตระกูลจั๋ว ทำไมเขาถึงยุ่งกับคนบ้าคนนี้ของตระกูลจั๋วผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วจริง ๆ เมื่อก่อนนางยอมถอนหมั้นกับตระกูลเฟิง และต่อต้านกับตระก
ตอนนี้เขาทำได้เพียงไปจากที่นี่ต่อหน้าทุกคนเท่านั้น ถึงแม้มันจะดูน่าอายนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว แม้ว่ามันจะน่าอายหรือต้องเสียหน้า แต่อย่างน้อยก็ยังมีตระกูลเหยียน ที่น่าอายกว่านี้อีก ตระกูลเหยียนและเหยียนชางที่กลั้นขับถ่ายไม่อยู่เสียหน้าหนักกว่าเขาเพียงแต่คุณท่านจั๋วลิ่วยังไม่ทันกัดฝันไปจากที่นี่มีคนฝูงหนึ่งรีบมาที่นี่แล้วผู้คนจำนวนมากในปัจจุบันต่างมาจากครอบครัวชนชั้นสูง ดังนั้นพวกเขาจึงจำคนฝูงนี้ได้โดยดูจากเสื้อผ้าของพวกเขา“นั่นเป็นเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลจั๋ว …ไม่ใช่หรือ”“ดูท่าทาง ข่าวจะแพร่กระจายเร็วพอเนี่ยนะ”แน่นอนว่า พวกคนที่กำลังมานั้นไม่ใช่ผู้อาวุโสของสำนักงานใหญ่ของตระกูลจั๋ว แต่เป็นคนรับใช้ของผู้อาวุโสแต่ละคน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงคนรับใช้ แต่ฐานะของพวกเขาในตระกูลจั๋ว ก็ไม่ได้ต่ำเกินไปการที่พวกเขามาที่นี่ โดยพื้นฐานแล้วแสดงถึงเจตจำนงของผู้เฒ่าแต่ละท่านแล้วคนรับใช้สองคนเดินไปหาคุณท่านจั๋วลิ่ว ส่วนคนรับใช้อีกสองคนเดินไปหาจั๋วซือหรานคนรับใช้สองคนกำลังเดินไปหาคุณท่านจั๋วลิ่วด้วยใบหน้าบูดบึ้งและกระซิบว่า " คุณท่านลิ่ขอรับ เหล่าผู้อาวุโสอยากให้ท่านกลับไปประเดี๋
ถังหยวนมีนิสัยเช่นเดียวกันกับผู้อาวุโสใหญ่ เป็นคนที่พูดไม่มาก หลังจากได้เขายินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาก็เงียบไปสองสามวินาทีแล้วพยักหน้า“ข้าน้อยเข้าใจขอรับ ข้าจะถ่ายทอดคำพูดของคุณหนูแก่ผู้อาวุโสใหญ่ขอรับ ”ถังหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามอีก"ข้าน้อยอยากจะถามคุณหนูอีกครั้ง พลังแห่งสายเลือดของตระกูลจั๋วตื่นตัวจริง ๆ หรือขอรับ"จั๋วซือหรานยิ้มอย่างเดียว แต่นางไม่ได้ตอบคำถามนี้ นางเพียงแค่พูดว่า " ท่านลุงถัง สรุปข้าต้องให้พลังแห่งสายเลือดของตระกูลจั๋วตื่นตัวก่อน ถึงจะได้รับความยุติธรรม หรือความยุติธรรมจะมีอยู่เสมอเจ้าคะ"ถังหยวนได้ยินคำพูดนี้ เขาไม่พูดอะไร ในที่สุดก็หันหลังกลับไปกับคนรับใช้อีกคนความตื่นเต้นเกือบจะสิ้นสุดลงแล้ว จั๋วซือหรานไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป นางมองไปที่ผู้คนรอบตัวนางที่กำลังรอดูเรื่องตลกของนางนางพูดเสียงดัง"วันนี้ทุกคนมาที่นี่เพื่อดูเรื่องตลกของข้า ข้าขอโทษที่ข้าทำให้ทุกคนดูเรื่องตลกไม่ได้ แต่วันนี้มีการแสดงที่ดีให้ทุกคนชม ดังนั้นทุกคนไม่ได้มาเสียเปล่า ๆ ""การแข่งขันที่ตระกูลเหยียนประกาศในอีกไม่กี่วัน ราวกับว่าชัยชนะอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือ
เรื่องนี้ทำให้จั๋วซือหรานคิดไม่ถึงเลย"จริงหรือ? มีข่าวนี่ออกมาหรือ?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้น นางยังคิดว่าเรื่องสวมเขาแบบนี้ จักรพรรดิเฒ่าจะมองเป็นเรื่องฉาวโฉ่แล้วไม่ให้ใครรู้เสียอีกคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิเฒ่าจะเด็ดขาดขนาดนี้ ไม่ห่วงเรื่องหน้าตาแล้วเรื่องนี้ในเมื่อถูกเปิดเผยออกมาแล้ว เรื่องอื่นเองเลยอธิบายได้ง่ายขึ้นแล้วเพราะอ๋องอวี้ชินไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของจักรพรรดิเฒ่า ดังนั้นจึงเริ่มหวั่นๆ กังวลว่าหากช้าไปจะเกิดเรื่องไม่คาดคิด จึงวางแผนคิดจะก่อกบฏยึดอำนาจจับจักรพรรดิเฒ่าเอาไว้ในวังสวนราชวงศ์ คิดจะขังเขาไว้ในวังสวนให้ตายแต่ชินอ๋องอวี้กลับรออยู่ในเมืองหลวง รั้งเครือพระญาติกลุ่มหนึ่งไว้ในวังสวนสวนชิวอี เพื่อตอนที่จักรพรรดิเฒ่าสวรรคต เขาก็สามารถได้รับแรงสนับสนุนจากคนเหล่านี้ แล้วขึ้นบัลลังก์จักรพรรดิได้อย่างราบรื่นยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องอวี้ยังคิดจร่วมมือกับตระกูลเฟิงของห้าตระกูลใหญ่ เพื่อให้เส้นทางก่อกบฏของตนเองราบรื่นยิ่งขึ้นหน่อยถ้าหากไม่ใช่แม่นางจั๋วจิ่วแฝงตัวเข้าไปในวังสวนราชวงศ์เพียงลำพัง ช่วยเหลือจักรพรรดิเฒ่าออกมาล่ะก็ ผลที่ตามมาจะเลวร้ายมาก"ข่าวที่ลือออกมาน่าจะ
"แม่นางจิ่ว!" หานกวงพุ่งตัวมาข้างเตียง "ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ไหวไหม?"จั๋วซือหรานปวดไปทั้งตัว ไม่ใช่ปวดจากการบาดเจ็บแบบนั้น แต่เป็นความปวดของข้อต่อกระดูกถูกตรึงไว้จากการไม่ขยับตัวนานเกินไป"ประคองข้าหน่อย" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นหานกวงรีบยื่นมือมาประคองนางขึ้นมา น้ำตาคลอเบ้า เหมือนจะร้องไห้ "ขยับ...ขยับไม่ได้หมดเลยหรือ!"จั๋วซือหรานพอได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็รู้ว่านางเข้าใจผิดแล้ว คงจะมองตนเองไปเป็นพวกอัมพาตทั้งตัวอะไรแบบนั้นไปแล้วจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "ไม่ได้หนักขนาดนั้น นอนนานไปหน่อยน่ะ ข้อต่อเลยปวดไป ขยับตัวเสียหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น ข้าหลับไปนานแค่ไหน? สามวันหรือ?"หานกวงพยักหน้า "เจ้าค่ะ หลับลึกไปถึงสามวันเลย ข้ากังวลจะแย่อยู่แล้ว"หานกวงบอก มองจั๋วซือหราน อยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้จั๋วซือหรานเห็นสีหน้าหานกวงเหมือนอยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้ จึงหัวเราะขึ้นมา "เจ้ามาทายาให้ข้าสินะ?""เจ้าค่ะ" หานกวงพยักหน้า"เห็นแล้วหรือ?" จั๋วซือหรานรู้ว่าร่างกายตนเองมีร่องรอยอยู่ไม่น้อย ถ้าหากหานกวงมาทายาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางล่ะก็ จะต้องมองเห็นแล้วแน่นอนหานกวงพยักหน้าอย่างอึดอัด สีหน้าดูแล้วเสียใ
น่าจะเป็นแบบนี้ไม่ว่าพลังของหงส์แดงจะทำร้ายนางอย่างไร แต่สำหรับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ น่าจะมีประโยชน์ที่ไม่ธรรมดา"พวกเรายังดี แต่ท่านน่ะไม่ดีเลย" งูเพลิงเงินเอ่ยขึ้นข้างๆสัตว์อสูรปีกหมอบอยู่ข้างๆ งูเพลิงเงิน พยักหน้าเอ่ยขึ้นว่า "เส้นลมปราณของท่านแทบจะถูกเผาจนเกรียมหมดแล้ว"จั๋วซือหรานถอนหายใจเบา "ทำพลาดน่ะ คิดไม่ถึงว่าพลังหงส์แดงจะอหังการขนาดนี้"ก็แค่หลับนอนกันเอง ก่อนหน้านี้ไม่ได้จูบๆ กอดๆ กันมาตลอดหรือ ไม่เห็นจะดุขนาดนี้เลยดูท่าก้าวสุดท้ายนี้ จะมีพลานุภาพมากกว่าอย่างอื่นเลยแฮะจั๋วซือหรานเดิมทีเตรียมจะอยู่ในมิติน้ำพุวิเศษอีกหน่อยแต่ก็ได้ยินเสียงจากโลกภายนอก"แม่นางจิ่วเป็นอย่างไรบ้าง?""เหมือนเดิมเลย""นี่สลบไปสามวันแล้วนะ ทำอย่างไรดี...""บาดแผลบนตัวก็ไม่ฟื้นฟู""นายท่านทำไมจึงทำเช่นนี้?""ต่อให้นั่นจะเป็นนายท่าน ครั้งนี้ข้าไม่ยืนข้างเขาแล้วนะ แม่นางจิ่วถึงอย่างไรก็ช่วยชีวิตพวกเราไว้!"จั๋วซือหรานฟังออก ว่านี่คือเหล่าองครักษ์เงาพวกนั้นของเฟิงเหยียนความทรงจำในสมองนางค่อยๆ กลับมา นึกถึงตอนก่อนที่สติของนางจะดับไป กลับมาถึงบ้านดูท่าจะถูกเหล่าองครักษ์เงาพากลับมาจ
ในความฝัน จั๋วซือหราน เห็นดวงตางามคู่นั้นของขา เอ่ยขึ้นว่า "ท่านมองข้าแบบนั้นทำไมกัน?"ชายหนุ่มไม่ตอบ แค่ยื่นมือมาลูบใบหน้านางเบาๆจั๋วซือหรานก้มลงมองตนเองที่แผลเผาไหม้เต็มตัว จากนั้นก็มองไปทางเขาจึงได้ยินเขาเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "หรานหราน ขอโทษ"พอได้ยินคำนี้ นางก็เหมือนไม่ได้โกรธแล้ว เบ้ปาก "ช่างเถอะ ข้าเองก็ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับคนโง่"สายตาชายหนุ่มมองนางอย่างเจ็บปวด และพูดซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง "ขอโทษ"จั๋วซือหรานมองเขา ถามขึ้นว่า "สภาผู้อาวุโสทำให้ท่านจำข้าไม่ได้หรือ?"ชายหนุ่มพยักหน้า "พวกเขาคิดจะลบความทรงจำข้า""ความทรงจำนี่ลบได้ด้วยหรือ?" จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจ "พวกเขามีทักษะแบบนี้ด้วยหรือ?"ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างจนใจ "แค่ชั่วคราวน่ะ แต่ว่าลบความรู้สึกไม่ได้ ข้าเดาว่าพวกเขาแค่อยากให้ข้าจำเจ้าไม่ได้ในช่วงนี้น่ะ แค่จัดการปัญหาเรื่องเจ้าได้ เรื่องก็ง่ายขึ้นเยอะแล้ว อย่างน้อยตระกูลเฟิงก็คิดแบบนี้..."จั๋วซือหรานจุ๊ปาก "แล้วยังยกท่านให้กับหญิงสาวคนอื่นอีก หุงข้าวสารจนกลายเป็นข้าวสวย เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว..."ชายหนุ่มร้อนรนขึ้นมา "ข้าไม่ยอมหรอก!"จั๋วซือหรานหัวเราะเ
ทุกคนพูดไม่ออกกันทันทีเพราะว่า พวกเขาอันที่จริงก็เคยเห็นบาดแผลที่เกิดจากพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงมาแล้วเพียงแต่ว่า พวกเขาไม่เหมือนฉุนจวินที่ได้คอยคุ้มกันอยู่ข้างกายเฟิงเหยียนตลอด ดังนั้นจำนวนครั้งที่เห็นจึงไม่มากนัก ความเร็วในการมองออกจึงไม่เท่ากับฉุนจวินตอนนี้หลังจากมีปฏิกิริยากันขึ้นมาจากการเตือนของฉุนจวินก็มีคนทนไม่ไหว งึมงำถามขึ้นมาคำหนึ่ง "แม่นางจิ่ว...บนตัวทำไมจึงมี...บาดแดลจากพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงหรือ?"อันที่จริงถามคำถามนี้ออกไป คำตอบเองก็ชัดเจนมากอยู่แล้วแต่ว่าพวกเขายังไม่อยากจะเชื่อกับคำตอบนั้น ดังนั้นจึงไม่พูดออกมา รู้สึกแค่ว่าจะมีความเป็นไปได้อื่นอีกไหมเพราะถ้าหากไม่มีความเป็นไปได้อื่น...ก็อธิบายได้ว่า เป็นนายท่านของพวกเขา ที่ทำให้แม่นางจิ่วบาดเจ็บขนาดนี้นายท่านที่พวกเขาซื่อสัตย์อย่างมาก กลับทำร้ายคนที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้จนเป็นแบบนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้เจ็บปวดได้มากกว่าเรื่องนี้แล้วดวงตาของหานกวงแดงขึ้นมาแล้ว นางกอดจั๋วซือหรานไว้แน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องดูแลแม่นางจิ่วก่อนแล้วค่อยว่ากัน!"นางหรุบตาลงมองหญิงสาวในอ้อมกอดจั๋วซือหรานอยู่ในอ
กลับมาถึงเมืองหลวง ตอนที่กำลังจะแยกย้ายจั๋วซือหรานมองซือคงเซี่ยน ครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า "ท่านอ๋อง ข้าให้คำแนะนำท่านคำหนึ่งแล้วกัน"ซือคงเซี่ยนงงงัน พยักหน้าเอ่ยขึ้น "สิ่งที่เจ้าพูดข้ายินดีฟังทั้งนั้น"จั๋วซือหรานยิ้มๆ เอ่ยขึ้นว่า "เรื่องของซือคงอวี้ ข้าคิดๆ ดูแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่เหมาะที่จะลงมือ จุดยืนของเจ้า...ไม่ค่อยเหมาะนัก"พอคำนี้พูดออกมา ซือคงเซี่ยนก็เข้าใจความหมายของจั๋วซือหราน และรู้ว่านางพูดมาไม่ผิดเลยเพราะตนเองกับซือคงอวี้ ไม่ว่าจะในใจจะคิดอย่างไร จะมีความคิดต่อตำแหน่งนั้นหรือไม่ มีความคิดที่ลึกซึ้งซับซ้อนแค่ไหนแต่นั่นก็ล้วนไม่สำคัญ ในสายตาคนอื่น ซือคงเซี่ยนกับซือคงอวี้ มีความสัมพันธ์กันในเชิงแข่งขันถ้าหากตนเองลงมือจริง ตนเองใช้วิธีการใดรับมือกับซือคงอวี้ล่ะก็ ในปากของคนนอก ก็อาจจะลือกันไปในรูปแบบอื่นจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "ดังนั้น ให้จักรพรรดิเฒ่าคิดหาวิธีเถอะ"จั๋วซือหรานมองเขา เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง "มีความลับของราชวงศ์ ถึงแม้จะเป็นเรื่องฉาวโฉ่ ไม่ควรนำออกมาพูดมานัก แต่ในเวลาที่สำคัญ สิ่งที่ควรนำมาใช้ก็ต้องนำมาใช้ เจ้าว่าจริงไหม?"จั๋วซือหรานพอพูดออกม
จั๋วซือหรานไม่รู้สึกว่าซือคงเซี่ยนไม่ค่อยฉลาดหรืออะไรนักต่อเรื่องนี้จั๋วซือหรานยิ้มๆ "คนทั่วไปเวลาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่น่าจะคิดเรื่องสังหารพี่น้องหรอก ข้าเป็นแค่คนนอก ถ้าเจอเหตุการณ์นี้จริง ไม่ต้องพูดเรื่องสังหารพี่น้องเลย ต่อให้ต้องสังหารพ่อแม่ ข้าที่เป็นคนนอกก็จะมองสถานการณ์ได้ชัดเจนกว่า คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ย่อมตัดสินใจได้ไม่เด็ดขาด"ซือคงเซี่ยนรู้ว่านางกำลังปลอบเขา เขาจึงยิ้มๆ เอ่ยตอบเสียงต่ำ "สรุปคือ ข้ารู้แล้วว่าควรทำเช่นใด ซือหรานเจ้าไม่ต้องกังวล"จั๋วซือหรานพยักหน้า ในเมื่อซือคงอวี้ทางนี้ทำไปใกล้เคียงแล้ว นางเองก็เตรียมจะกลับด้วยเช่นกันนางยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกซือคงเซี่ยนคิดๆ แล้วก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ "ซือหราน ซื่อจื่อเฟิงเขา...""อื๋อ?" จั๋วซือหรานหันมามองซือคงเซี่ยน "เขาทำไมหรือ?"ซือคงเซี่ยนสูดหายใจลึก เขาน่าจะพูดคำไม่ดีต่อนห้าคนอื่นน้อย พูดให้ชัดหน่อยก็คือเขาไม่ค่อยได้พูดจาไม่ดีเกี่ยวกับชายคนอื่นต่อหน้าหญิงสาวนี่เป็นครั้งแรก น่าจะขัดกับนิสัยของตนเองมาก แต่เพื่อหญิงสาวคนนี้ เขาก็ยังจะทำซือคงเซี่ยนเอ่ยขึ้น "เขาหมั้นหมายกับคนอื่นไปแล
เพียงแต่ไม่กล้าเข้าไปขวางพวกเขาเอาไว้ทำได้แค่รีบไปรายงานกับซือคงอวี้ส่วนจั๋วซือหรานกับซือคงเซี่ยนก็ออกจากสวนชิวอีไปอย่างรวดเร็วเพิ่งออกมาจากสวนชิวอี จั๋วซือหรานก็อัญเชิญแมงมุมน้อยออกมา บรรทุกพวกเขาออกจากสวนชิวอีอย่างรวดเร็ว เข้าไปยังป่าทึบข้างๆและเป็นไปตามคาด พวกเขาออกมาได้ไม่เท่าไร ที่สวนชิวอีก็มีกลุ่มองครักษ์รีบร้อนพรุ่งออกมาจากสวนชิวอีคิดจะไล่กวดพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด"เจ้าคาดการณ์ไว้ถูกจริงๆ" ซือคงเซี่ยนทอดถอนใจจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "คนใช้พวกนั้นที่ไล่เจ้า คงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าข้าจะรอดออกมาได้ ดังนั้นตอนนี้เห็นข้าถึงได้ตกใจขนาดนั้น แล้วก็ไม่อยากให้พวกเราออกมา แต่ก็กลัวว่าจะขวางไม่อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะเพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้รับคำสั่งไว้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าพอเห็นข้าเข้ามาแล้วต้องทำอย่างไร พอรีบไปรายงาน ซือคงอวี้จึงให้คนไล่ตามออกมา..."จั๋วซือหรานพูดต่อ "ซือคงอวี้ก็คงไม่คิดว่าข้าจะหนีออกมา"พอได้ยินคำนี้ ซือคงเซี่ยนใจก็บีบ "เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงได้พูดเช่นนี้? สถานการณ์อันตรายมากสินะ?"จั๋วซือหรานคิดๆ เล่าสถานการณ์เรื่องแผนที่ซือคงอวี้ใช้กับนาง โดยเลี่ยงรายละเอียดส่
แต่ยังมีท่าทีที่...ที่...ท่าทีที่จะออกไปทันที หลังจากหลับนอนกับเขาของนางความรู้สึกนั้นมันเหมือนกับ...ตอนนี้เอง จั๋วซือหรานก็ได้ยินเขาถามมาคำหนึ่ง "แล้วต้องอย่างไรล่ะ? ท่านอ๋องจะรอให้ข้ารับผิดชอบท่านไหม?"ในหัวเฟิงเหยียนจู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา ใช่เลย มันคือเรื่องที่...เหมือนไม่ใส่ใจกับความบริสุทธิ์ของตัวนางเองเลยแม้แต่น้อยไม่มีท่าทีคิดจะให้เขาต้องรับผิดชอบเลยเฟิงเหยียนขมวดคิ้ว เสียงเย็นชาขึ้นมา "เจ้าเป็นหญิงสาวหรือเปล่า ทำไมถึงไม่ใส่ใจกับความบริสุทธิ์ของตัวเองเลย? ไม่คิดจะให้ฝ่ายชายรับผิดชอบหรือ?"จั๋วซือหรานลุกขึ้น บนผิวขาวนาวเหมือนไขมัน มีรอยแดงที่เขาฝากไว้อยู่พอสมควร แวบไปมาอยู่ตรงหน้าเขาทำให้ความปรารถนาที่สงบลงไปหน่อยแล้วของเขา เหมือนจุดลุกพรึบขึ้นมาอีกครั้งทันทีจั๋วซือหรานยื่นมือไปดึงเสื้อผ้ามาคลุมไม่ได้ใส่ใจเลยแม้เพียงน้อย กับการย้อนถามเมื่อครู่ของเฟิงเหยียน นางเลิกคิ้วเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "ข้าใช่หญิงสาวหรือไม่ ท่านอ๋องน่าจะเข้าใจยิ่งกว่าใครๆ กระมัง? ส่วนเรื่องที่ไม่สนใจกับความบริสุทธิ์ของตัวเองนี่..."จั๋วซือหรานเอียงตามองเขา "ทำไมหรือ? ท่านอ๋องฉวยโอกาสตอนที่ข้าอ