แชร์

บทที่ 61

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
ซือหลี่ชางยหวี่ตกตะลึง เขาไม่ได้พิจารณาข้อนี้เลย เขาเพียงแต่รู้สึกว่า จั๋วซือหรานหยิบวัสดุยาจากชั้นวางของอย่างจริงจังและนางไม่ลังเลใจ เขาเลยคิดว่านางสอบผ่านแน่ ๆ

แต่หลังจากเขาฟังซือหลี่เสวียนหมิงพูดเช่นนั้น เขารู้สึกข้อสอบนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนี้

“ป๋อยวนคงไม่แอบจัดข้อสอบยาก ๆ เพื่อให้นางสอบตกหรอกนะ”ซือหลี่ชางยหวี่ถาม เขามองซือหลี่ตันติ่งที่ยังคงยืนตัวตรงอยู่ที่นั่น

ซือหลี่เสวียนหมิงยืนอยู่ด้านข้าง เสียงของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ใครจะรู้ล่ะ เพราะป๋อยวนให้คนสอบผ่านยาก แต่ป๋อหยวนบอกข้าว่า คุณหนูจั๋วจิ่วนี้ใจกล้ามาก นางตกลงกับป๋อยวน หากนางสอบตกแพทย์กลั่นยา นางจะถูกลงโทษสิบเท่า”

ขณะที่ซือหลี่เสวียนหมิงกำลังพูดอยู่ นางก็เกร็งและยืดนิ้วออกเล็กน้อย และเสียงแผ่วเบาของนางเผยให้เห็นความกระตือรือร้นเล็กน้อยที่คนอื่นสังเกตยาก

“การลงโทษเท่าสิบครั้งนะ ข้าไม่ได้ลงโทษใครสิบเท่ามานานแล้ว…” นอกจากคำพูดอันเร่าร้อนของนางแล้ว การงอเล็กน้อยและการยืดนิ้วของนางกำลังแสดงความในใจของนาง-นางคันมือแล้ว

หากฟังเสียงที่อ่อนโยนของนางอย่างเดียว บางทีอาจไม่มีใครคิดว่าผู้หญิงที่มีเสียงที่อ่อนโยนจริง ๆ แล้วคือ ซื
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 62

    ซือหลี่ฉือหางเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงกำลังจะพูดบั่นทอนกำลังใจแต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป“นี่คือ...!” ซือหลี่ฉือหางพูดด้วยความตกใจ นี่ไม่ใช่แค่พลังวิญญาณของไม้ธรรมดา ๆพลังทางจิตวิญญาณของจั๋วซือหรานสั่นสะเทือนอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน จากนั้นนางค่อย ๆ ปิดเข้าไป แน่นอนว่าเจ้าของร่างเดิมเหมือนกับสมาชิกของตระกูลจั๋วคนอื่น ๆ พวกเขาถูกควบคุมด้วยเลือดแต่จั๋วซือหรานไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม พลังการแพทย์สายวิเศษ ของนางเปิดทางให้พรสวรรค์ทางสายเลือดของตระกูลจั๋วโดยไม่ตั้งใจ แม้ว่าพลังนี้ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ แต่แรงบันดาลใจแค่นี้ก็พอที่จะไปใช้ในห้องโถงยาของหน่วยสืบสวนพิเศษ การรับรู้ของนางพอที่จะให้นางใช้ในห้องโถงนี้แล้วจากนั้นนางก็หันหลังอย่างสงบ นางหยิบสมุนไพรอีกสองสามชนิดออกมาจากชั้นวางยาแล้วเรียงยาเหล่านี้และวางทั้งหมดไว้บนโต๊ะ“นี่คือยาตอนที่ข้าเดินเข้ามาในหน่วยสืบสวนพิเศษ มีหญ้าจาง ๆ อยู่ในรอยแตกของผนังข้างฉาก ข้าเกือบจะพลาดไปแล้ว…”“ส่วนนี่คือสาหร่ายใต้น้ำที่ก้นบ่อปลาหน้าห้องโถง”ทุดท้าย จั๋วซือหรานวางกล่องหนึ่งลงบนโต๊ะ "และนี่คือลูกปัดว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 63

    ซือหลี่ตันติ่งเป็นผู้ที่ไม่ชอบคุย เขาไม่ค่อยคุยกับซือหลี่คนอื่น ๆ แต่เขาเคารพซือเจิ้งของหน่วยสืบสวนพิเศษอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็มิได้คัดค้านและพยักหน้า “เชิยท่านตามสบายขอรับ”จั๋วซือหรานรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อได้นางยินคำแนะนำของชายคนนั้นแม้ว่านางจะจำได้ว่าตอนที่นางถูกเหยียนชางใส่ร้ายและถูกทรมานเพื่อสอบปากคำ หลังจากชายคนนี้ปรากฏตัว คนอื่นจึงหยุดการทรมานแต่คนอย่างเขาเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้และยากที่จะรู้ว่า เขาเป็นศัตรูหรือเพื่อนเช่นนี้ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอันตรายโดยไม่มีเหตุผลจั๋วซือหรานกัดริมฝีปากของนางเบา ๆ แต่เสียงของนางไม่ได้ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยอง "มิทราบว่า ท่านจะทดสอบข้าอย่างไร"ด่านที่สองของการแพทย์กลั่นยาคือยาแก้พิษนั่นคือการวิเคราะห์ลักษณะยาและวัตถุดิบของยาด่านที่สามคือการกลั่นยาต่อหน้าทุกคนหากจั๋วซือหรานผ่านสามด่านนี้ได้ จะถือว่านางสอบผ่านฟังดูง่าย แต่จริง ๆ แล้วทำได้ยากมากเพราะถ้านางไม่ใช่คนที่รู้เรื่องยาและสรรพคุณทางยามากนัก นางจะติดอยู่ที่นี่ในด่านที่สองยาเม็ดสามารถแบ่งคร่าว ๆ ออกเป็นคุณภาพชั้นหนึ่งถึงชั้นก้าวโดยชั้นหนึ่ง คือคุณภาพที่แย่สุด และชั้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 64

    คิ้วของจั๋วซือหรานขมวดเล็กน้อย จากนั้นนางเงยหน้าและมองไปที่ชายที่นั่งอยู่บนที่นั่งนางมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกความรู้สึกที่ผู้ชายคนนี้ทำให้นางซับซ้อนมาก เมื่อเทียบกับการเขาจงใจพยายามทำให้นางสอบไม่ผ่านจั๋วซือหรานรู้สึกเขานำยาเม็ดเล็กชั้นสี่มาทดสอบนาง นั่นไม่ใช่จงใจสร้างด่านให้นาง แต่เหมือนอยากทดสอบความลึกของนางมากกว่า เพราะเขาอยากรู้นางได้ซ่อนความสามารถอะไรบ้างจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ “ยาเม็ดเล็กชั้นสี่หรือ ท่านกำลังพยายามหาเรื่องกับผู้หญิงที่อ่อนแออย่างข้าหรือ”ซือเจิ้งของหน่วยสืบสวนพิเศษจ้องจ้องมองใบหน้าของนางครู่หนึ่ง และเขาพูดด้วยนำเสียงแบบเดิม "เมื่อเห็นเจ้ามีความมั่นใจอย่างมาก ข้ารู้สึกนี่ไม่ใช่หาเรื่องหรอก"จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากของนางเบา ๆ นางแอบคิดในใจ เมื่อครู่นี้นางควรทำตัวน่าสงสารหน่อยนางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางนึกแผนรับมือออก นางเลิกคิ้วที่สวยงามของนางเล็กน้อย “ไม่ต้องสนใจข้าจะลำบากหรือไม่ ท่านเป็นผู้ใหญ่ เอายาเม็ดเล็กชั้นสี่มาเป็นการทดสอบของการสอบแพทย์กลั่นยา ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง”ซือเจิ้งของหน่วยสืบสวนพิเศษถามอย่างไร้ความรูั้สึก “เจ้าจะยอมแพ้หรือ”“นั่นไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 65

    พลังของการแพทย์สายวิเศษพุ่งออกมาจากแหวนเสวียนเหยียน และห่อยาเม็ดเล็กนั้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับพลังทางจิตวิญญาณไม้ธรรมชาติของตระกูลจั๋วแม้แต่จั๋วซือหรานก็สังเกตถึง หลังจากรวมพลังของการแพทย์สายวิเศษเข้ากับพลังทางจิตวิญญาณไม้ธรรมชาติของตระกูลจั๋ว พลังนั้นทรงพลังและมั่นคงอย่างยิ่งแรงบันดาลใจอันสูงสุดแก่จั๋วซือหราน ต้องยอมรับว่าบางทีพลังของการแพทย์สายวิเศษของตัวเองและพลังทางจิตวิญญาณจากไม้ตามธรรมชาติของตระกูลจั๋วใช้คู่กันดีจริง ๆแรงบันดาลใจในสมองของจั๋วซือหรานช่วยจั๋วซือหรานรู้จักลักษณะยาและช่วยหาส่วนผสมของยาเม็ดเล็กซือหลี่หลายคนเห็นนางเริ่มกลั่นยาหลังจากได้รับแรงบันดาลใจอย่างรวดเร็วพวกเขาทั้งหมดดูนางและไม่พูดคำใด ๆ ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ซือหลี่ชางยหวี่อดไม่ได้ที่ต้องบถามด้วยเสียงต่ำ "ข้าได้ยินมาว่า ดูเหมือนตระกูลจั๋วประกาศว่า ไล่นางออกจากกสำนักงานใหญ่"ซือหลี่เสวียนหมิงตอบสั้น "จ้ะ น่าจะใช่"“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลจั๋วเสื่อมโทรมเรื่อย ๆ มีสายตาสั้นเช่นนี้ มันก็จะจบล้มละลายไม่ช้าก็เร็ว” ซือหลี่ชางยหวี่พูดตรง ๆ หากพูดอย่างสุภาพคือ ไม่มีวิจารณญาณ หากพูดอย่างไร้มารยาทคือ มองคนไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 66

    การหลอมยาคือ ใช้พลังทางจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องเพื่อห่อแก่นแท้ของวัสดุยาที่ได้รับการขัดเกลาและหลอมให้เป็นรูปทรงกลม ส่วนการอัดยาหมายถึง ในระหว่างกระบวนการนี้ มักใช้พลังทางจิตวิญญาณอัดยาจากทุกทิศทางให้เข้าในยาเม็ดเล้กในกระบวนการนี้ ผู้กลั่นยาไม่เพียงแต่ต้องใช้พลังทางจิตวิญญาณมาหลอมยาให้เป็นกลม ๆ ยังต้องใช้พลังทางจิตวิญญาณมาคุมความร้อนอีกด้วย หากไม่ระมัดระวัง ผู้กลั่นยาอาจจะระเบิดยาเม็ดเล็กหรือระเบิดเตาหม้อดังนั้นทักษะพื้นฐานของแพทย์กลั่นยาคือการควบคุมพลังทางวิญญาณอย่างละเอียดและแม่นยำ ยิ่งควบคุมพลังทางวิญญาณได้ละเอียดและแม่นยำเท่าใด คนก็ยิ่งมีโอกาสเป็นแพทย์กลั่นยาที่เก่งมากขึ้นเท่านั้นเดิมทีจั๋วซือหรานมีสมาธิมากอยู่แล้ว และเมื่อมาถึงสองขั้นตอนนี้ นางยิ่งมีสมาธิมากขึ้น ราวกับว่านางอยู่ในโลกที่มีแต่นางผู้เดียวเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นไม่ใช่เสียงใหญ่ที่เกิดจากเตาหม้อระเบิด แต่เป็นเสียงที่คมชัด - ดิ๊งเนื่องจากจั๋วซือหรานมีสมาธิมากเกินไป ม่านตาของนางจึงไม่มีสมาธิในขณะนี้ ม่านตาสีดำอันสว่างมีสมาธิและมีแสงสว่างเจิดจ้าดวงตาและมุมปากของนางเริ่มค่อย ๆ โค้งงอเสียงที่คมชัดในเมื่อครู่นี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 67

    เสียงของซือหลี่ฝายเทียนฟังติด ๆ ขาด ๆ จะว่าเขาพูดติดอ่าง ดูเหมือน...มากกว่าจั๋วซือหรานอดไม่ได้ที่ต้องมองซือหลี่ฝายเทียนสองครั้งและซือหลี่ฝายเทียนท่านนี้ดูผอมและไม่สูงมาก ดูเหมือนเขาจะเขินอายเล็กน้อยเมื่อเขาสังเกตจั๋วซือหรานมองเขา เขาหันไปด้านข้างและหลบสายตาของนางซือหลี่ตันติ่งมีนิสัยที่เย็นชาและตรงไปตรงมา เขาค่อนข้างใจร้อนกับซือหลี่ท่านอื่น ทีนี้เขาดูเหมือนจะค่อนข้างดีกับซือหลี่ฝายเทียนเขาเรียกชื่อของซือหลี่ฝายเทียนตรง ๆ “เอาล่ะ ชิ่งหมิง มานี่สิ”ซือหลี่ฝายเทียน ซึ่งถูกเรียกว่า ชิ่งหมิง ในตอนแรกเขาหันไปด้านข้างและรักษาระยะห่างอย่างสุภาพกับจั๋วซือหราน จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ ยับตัวไปที่ด้านข้างของ ซือหลี่ตันติ่งจั๋วซือหรานรู้ลัทธิฝานเทียน ในเจ็ดลัทธิหลัก ลัทธิฝานเทียนไม่ใช่ลัทธิที่ถนัดการต่อสู้ แต่ลัทธินี้มีฐานะสูงอยู่ เนื่องจากลัทธิฝานเทียนเชี่ยวชาญด้านฝึกฝนนักกลั่นอาวุธ เช่นเดียวกับลัทธิตันติ่ง ซึ่งถนัดในด้านการฝึกฝนแพทย์กลั่นยาผู้มีความสามารถพิเศษเช่นนี้ แม้ว่าบุคคลธรรมดาไม่ไปตีสนิทเอง แต่พวกเขาก็ไม่อยากทำให้เขาขุ่นเคืองด้วยตัวอย่างนักหลอมดาบของห้องกระบี่ประจำตระกูลที่ตร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 68

    "อ้าว" ซือหลี่ตันติ่งเหลือบมองเขาจากด้านข้างจากนั้นเขาได้ยินซือหลี่ฝายเทียนพูดติดอ่าง"นาง นางหน้าตาดี ดวงตา ดวงตาของนางสวยมาก"Alaซือหลี่ตันติ่งดูเหมือนจะหัวเราะและพูดว่า "เอาน่า"หลังจากพวกเขาออกไป ห้องโถงเงียบลงทันทีจั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่า หน่วยสืบสวนพิเศษ ซึ่งดูจริงจังเกินไป เคร่งขรึม และมืดมน จะมีคนเช่นซือหลี่ฝายเทียนทั้ง ๆ ที่ชื่อของลัทธิฟังเผด็จการ ฝานเทียน(ฝานเทียนในภาษาจีนหมายถึง เผาท้องฟ้า)จริง ๆ แล้วเขาเป็นเด็กน่ารักที่พูดติดอ่าง...จั๋วซือหรานไม่รีบเดินไปข้างนอก นางเลยนั่งอยู่บนพื้นในห้องโถง เริ่มลองใช้พลังทางจิตวิญญาณของนางและพลังของการแพทย์สายวิเศษอีกครั้ง เพื่อรู้สึกการผสมผสานที่ลึกลับนางรู้สึกการคาถาที่ซับซ้อนที่อยู่บนพื้นของห้องโถงน่าจะช่วยกระตุ้นด้วยห้องโถงตันติ่งเงียบมาก ซึ่งเงียบกว่าที่อื่นมาก ดูเหมือนว่าไม่ต้องต้องกังวลใครเข้ามาอย่างกะทันหันจั๋วซือหรานไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร นางรู้สึกว่าน่าจะเกือบหนึ่งชั่วยามพอดีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากนอกประตูของห้องโถงตันติ่ง เสียนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆจั๋วซือหรานลืมตาขึ้นและเห็นซือหลี่ฝายเทียนที่สวมหน้า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 69

    “คิดให้ดีก่อนค่อยตอบ หากทำไม่ได้ก็อย่าตกลง” เสียงของซือหลี่ตันติ่งดังมาจากประตูเขาวางมือไว้ด้านหลังและยืนอย่างเงียบ ๆ ที่ประตู "เจ้าควรสังเกตว่า ชิ่งหมิงแตกต่างจากคนทั่วไป เขาฟังคำพูดที่เป็นขอไปทีหรือคำพูดที่มีพิธีรีตองไม่เป็น ดังนั้นหากเจ้าทำไม่ได้ก็อย่ารับปากเขา คิดให้ดีก่อนค่อยตอบ”จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนั้น นางมองไปที่ซือหลี่ฝายเทียน ลายบนหน้ากากของเขาดูเหมือนเปลวไฟสีดำที่แปลกมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวจั๋วซือหรานมองเขา พยักหน้าและพูดว่า "เจ้าค่ะ ข้ารับปาก หลังจากข้าจัดงานต่าง ๆ ให้เสร็จ ข้าจะมาเรียนกับใต้เท้า""ขอรับ" ซือหลี่ฝายเทียนกระโดดขึ้น ๆ ลง ในบริเวณนั้น แล้วรีบพูด "ถ้าอย่างนั้น เจ้ารีบเอาตราของเจ้าให้คนเหล่านั้นดูเลย"จั๋วซือหรานยิ้มและพูดว่า "เจ้าค่ะ"เมื่อนางเดินออกจาก ห้องโถงตันติ่ง นางเดินผ่านซือหลี่ตันติ่งพูดตามความจริง จั๋วซือหรานไม่เคยคาดคิดว่า คนที่มีนิสัยอย่างซือหลี่ตันติ่งจะชมนางต่อหน้าซือหลี่ฝายเทียนว่า หลอมอาวุะได้แน่ ๆดังนั้นเมื่อนางเดินผ่านซือหลี่ตันติ่ง นางก็อดไม่ได้ที่ต้องมองเขาจากด้านข้างซือหลี่ตันติ่งมองนางและเรียกนาง " จั๋วซือห

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1018

    เฟิงอวี้มองขวดสุราผาดหนึ่ง สายตาก็เหมือนล่องลอยไปไกล แฝงไปด้วยความคิดคะนึง"ข้าดื่มสุรานี้ ไม่เดี่ยวกับอะไรกับพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดง" ปลายนิ้วเฟิงอวี้นวดคลึงเบาๆ บนขวดสุรา ลายมือที่สลักอยู่บนขวดสุรา เลือนลางจนมองไม่ชัดไปตามกาลเวลาต้องมองอย่างละเอียด ถึงจะเห็นว่า ด้านบนสลักคำว่า 'เสวี่ย' ไว้คำว่าเสวี่ยจากชื่อเสวี่ยเจินแม่ของเฟิงเหยียน"ตอนนั้นข้าถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ทรมาน ทุกวันเจ็บปวดแสนสาหัส แม่ของเจ้าก็คิดหาทุกวิถีทาง ถึงได้ทำสุราเหมันต์นี้ออกมาได้ บวกกับอักขระคำสาปพิเศษ จึงสามารถข่มพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทำร้ายตัวเองนี้ได้ในระดับหนึ่ง"เฟิงอวี้ทั้งที่พูดถึงความเจ็บปวดในอดีตแท้ๆ แต่อดีตพวกนั้นก็เคยเป็นช่วงเวลาที่เขาใช้ชีวิตกับภรรยาด้วย ดังนั้นบนหน้าเขาจึงไม่มีสีหน้าความเจ็บปวดแม้แต่น้อย แต่กลับดูอ่อนโยนเสียด้วยซ้ำไปเฟิงเหยียนพอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ อันที่จริงก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่ในมุมมืด ก็ได้ยินเนื้อหาเหล่านั้นที่ท่านพ่อบอกกับจั๋วจิ่ว นั่นมันก็ประหลาดมากแล้ว...ไม่สิ คำพูดเหล่านั้นสำหรับเขา บางทีน่าจะเป็นการพลิกผันทำให้ความคิดและความเชื่อที่ฝังลึกมานานหลายปีพลิกผันไปอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1017

    ตอนที่เฟิงอวี้มีปฏิกิริยาถึงความหมายในคำพูดนาง เจ้าเด็กคนนี้ก็กระโจนหนีไปทางยอดไม้แล้วตอนนี้มันใช่ปัญหาเรื่องนามสกุลของลูกหรือ!เฟิงอวี้แค่รู้สึกว่าหนังหัวตึงขึ้นมา ก่อ่นหน้านี้บางทีคงไม่ทันสังเกต แต่ตอนนี้ ตัวตนของสายตาที่จับจ้องอยู่ด้านหลังนั้นเพิกเฉยไปไม่ได้เลยไม่รู้ว่ามาตั้งแต่ตอนไหน และไม่รู้ว่าฟังอยู่นานแค่ไหน ฟังไปมากแค่ไหนพอเฟิงอวี้หมุนตัว ก็เห็นว่าในมุมมืดไม่ห่างไปนัก ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เสื้อผ้าสีดำบนตัว เดิมทีก็ดูไม่เด่นอยู่แล้ว พอบวกกับการที่เขาเก็บงำตัวตนอย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นจึงยิ่งทำให้คนสังเกตเห็นได้ยาก เฟิงอวี้ตอนนี้ก็เพิ่งจะจับได้ถึงตัวตนเขาพอคิดถึงคำพูดเหล่านั้นก่อนที่จั๋วจิ่วจะออกไป ก็ฟังออกว่า นางเหมือนจะสังเกตได้นานแล้ว เจ้าเด็กนี่จริงๆ เลย สังเกตเห็นเขาแล้วแท้ๆ ดันไม่เตือนกันเสียหน่อยถ้าเตือนมาสักนิด เขาคงไม่พูดอะไรไร้สาระมากขนาดนี้หรอก ตอนนี้คงไม่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนี้เฟิงอวี้มองไปยังเฟิงเหยียนที่ยืนอยู่ในเงามืด ไม่ค่อยเจอจริงๆ บนใบหน้าเย็นชาแต่ไหนแต่ไรของเฟิงอวี้ ที่จะมีสีหน้าประหม่าขึ้นมาแบบนี้"เจ้ามาได้อย่างไรกัน" เฟิงอวี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1016

    "ใช่ ตระกูลเฟิงจะว่าอย่างไรก็คือมองข้ามเจ้าไป ไม่คิดว่าจะมีตัวตนแบบเจ้า พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะดึงดูดพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงของเฟิงเหยียนมาใช้กับตนเองได้ นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน ดังนั้นจึงรู้สึกว่ายากจะควบคุม ตัดสินใจเลือกปล่อยเจ้าทิ้งไปเสีย"ส่วนเหยียนเอ๋อร์...หลังจากที่รู้ว่าอาจจะทำให้เจ้าต้องบาดเจ็บ จึงเห็นด้วยกับวิธีลบความทรงจำของพวกเขา เขารู้นิสัยเจ้าดี ร้ว่าเจ้ากล้ารักและกล้าเกลียดดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่า ขอแค่เขาจำเจ้าไม่ได้ ด้วยนิสัยของเจ้า ไม่มีทางที่จะเอาแต่อยู่กับเขาไม่จากไปไหนแน่นอนถึงแม้ในสายตาคนนอกเจ้าจะดูเหมือนรักเขาอย่างลึกซึ้ง แต่เขาเข้าใจนิสัยแท้จริงของเจ้าดี ดังนั้น เขาทำถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าหนีได้ก็ควรจะรีบหนีไปซะ อย่ากระโดดมาลงหลุมอีก ข้าเตือนเจ้าไปตั้งนานแล้วพอฟังคำเหล่านี้ของเฟิงอวี้ จั๋วซือหรานจึงถามว่า "แล้วพวกท่านล่ะ? เฟิงเหยียนเหมือนตัดสินใจจะออกไปท่องเที่ยวนอกเมืองหลวงแล้วนี่?""ใช่ ตระกูลเฟิงถูกตัวตนของเจ้าเล่นงานจนรับมือไม่ทัน ดังนั้นตอนนั้นขอแค่เขาเห็นด้วยกับการลบความทรงจำ ตระกูลเฟิงก็จะเห็นด้วยกับเงื่อนไขที่มากมายของเขา หนึ่งในนั้นคือส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1015

    จั๋วซือหรานเรียบเรียงความคิดในหัว เรียบเรียงเรื่องราวออกมาให้ชัดเจน เอ่ยออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน"ท่านไม่รู้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นเหมือนกับครรภ์พิษ สร้างตราประทับให้กับเฟิงเหยียนตั้งแต่ในครรภ์แม่ ดังนั้นท่านจึงไม่คิดจะให้เขาเป็นแบบท่าน ทรยศเจ้าโชคชะตาที่ยากลำบากนี้ ท่านปั้นเรื่องราวขึ้นมาภายใต้การยอมรับของตระกูลเฟิง"ท่านทำให้เขาเกลียดท่าน กระทั่งดีใจด้วยซ้ำที่มันเป็นเช่นนั้น ก็เพื่อให้ตอนที่เขาออกไปหลังจากนี้ ไม่ถูกท่านถ่วงแข้งขาไว้อีก ดังนั้นเฟิงเหยียนจึงได้ออกไปท่องโลกมานานในช่วงอายุยังน้อย กระทั่ง...เกือบจะได้สัมผัสถึงอิสระแล้วแต่เขาดันกลับมา ทรยศสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา คิดแล้วก็น่าจะเพราะเขาถูกประทับตราพลังศักดิ์สิทธิ์ไปตั้งแต่อยู่ในครรภ์แม่ ถ้าหากโตมาถึงระดับหนึ่ง...บางทีภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง ถ้าไม่ได้รับสืบทอดพลังศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะจบไม่สวยนัก...จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็ตั้งใจครุ่นคิดขึ้นมา งึมงำกับตนเองว่า "เงื่อนไขอะไรกันนะ..." นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเงยตามองไปทางเฟิงอวี้ ถามขึ้นว่า "กระบี่ประจำตระกูลใช่ไหม"เฟิงอวี้มองนาง ไม่ได้ตอบ แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆจั๋วซือห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1014

    จั๋วซือหรานพอได้ยินเขาพูดถึงจุดนี้ ก็รู้ว่าเรื่องในอดีตเหมือนจะจบลงแล้ว นางก็เหมือนคนที่เพิ่งยกภาระออกจากอก ถอนหายใจยาวออกมาเงียบๆเฟิงอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางดูแล้วไม่ได้เย็นเยียบเหมือนก่อนหน้าขนาดนั้นแล้วมองออกไม่ยาก เขาก็เหมือนเพิ่งยกภาระออกจากอกเช่นกันมีแต่ฟ้าที่รู้ว่าเขาแบกเรื่องนี้ไว้มานานแค่ไหน คำพูดเมื่อครู่นี้ คือคำตอบที่ให้กับนาง ขณะเดียวกันอาจจะเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกตนเองออกมาด้วยก้ได้? จั๋วซือหรานคิดในใจจากนั้นก็คือความงงงัน พอย้อนนึกถึงความคิดนี้อีกครั้ง ก็จริง มีแต่ฟ้าที่รู้ว่าเขาแบกเรื่องนี้ไว้แล้วนานแค่ไหนจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "เฟิงเหยียนไม่รู้เรื่องนี้เลย" นางใช้น้ำเสียงที่ยืนยัน ถ้าหากเฟิงเหยียนรู้เรื่องนี คงไม่มีทางมีท่าทีแบบนั้นกับพ่อของเขา...ท่าทีที่เหมือนว่าพ่อเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งอย่างยิ่งไปกว่านั้น...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว บอกต่ออีกว่า "ตระกูลเฟิงไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าท่านฟื้นคืนความจำแล้ว...ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางเอาความเสียงอย่างท่านมาไว้ในตระกูล กระทั่งยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษด้วย"เฟิงอวี้มองนาง ในดวงตามีสีหน้าเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1013

    ดวงตาของเฟิงอวี้ ราวกับมีสีแดงเลือดแผ่ขยายออกมา "หลังจากนั้นรึ?""ข้ารู้การตัดสินใจของพวกเขา และรู้ว่าการมีลูกให้กับคนที่แบกพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงไว้มันอันตรายแค่ไหน ดังนั้นจึงตัดสินใจไว้แล้ว ข้ากับเสวี่ยเจินชีวิตนนี้จะไม่มีลูกกัน"พวกเขาบอกกับข้าว่า จะปล่อยข้าไปก็ได้อยู่ แต่ถ้าข้าอยากให้เสวี่ยเจินอยู่รอดปลอดภัย ก็ต้องให้ตระกูลมีคนที่จะแบกโชคชะตาอีกคนปรากฏขึ้นมา แต่เนื่องจากพฤติกรรมการหลบหนีของข้ากับเสวี่ยเจินก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเชื่อใจข้าได้แล้วดวงตาจั๋วซือหรานเบิกโพลงขึ้นมา เหมือนพอจะเดาถึงสถานการณ์ภายหลังนี้ได้ "พวกเขาเลยลบความทรงจำของทม่าน""ใช่ พวกเขากลัวข้าจะหนีไปกับเสวี่ยเจินอีก เลยจะลบความทรงจำข้าออกไป" เฟิงอวี้ตอบ "ข้าจึงรับปากไป""เพราะอะไร?" จั๋วซือหรานเม้มปาก "นั่นมัน...อาจจะเป็นกับดักชัดๆ"อันที่จริงที่จั๋วซือหรานอยากพูดคือนั่นมันเป็นกับดัก นางพูดอ้อมลงหน่อยเฟิงอวี้หัวเราะขึ้นเสียงหนึ่ง ฟังแล้ว...เย็นชามาก เขาไม่ได้อ้อมค้อม เขาเอ่ยขึ้นว่า "นั่นล่ะคือกับดัก""แต่ข้าตอนนั้นคิดว่า ถ้านั่นเป็นกับดักข้าก็ต้องยอมแล้ว พวกเขาก็แค่อยากให้ข้าเป็นคนแบกโชคชะตาตร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1012

    จั๋วซือหรานรู้ ตนเองเดิมพันไว้แล้ว"เจ้าถามได้อีกสองข้อ""ขอสาม" จั๋วซือหรานต่อรองเฟิงอวี้เหมือนจะรำคาญ คิ้วขมวดแน่น แต่กลับไม่พูดปฏิเสธอะไรจั๋วซือหรานถาม "ตอนนั้น ท่านสมัครใจหรือเปล่า"สายตาคมเหมือนกระบี่ของเฟิงอวี้จู่ๆ ก็มองไปทางจั๋วซือหราน "เจ้านี่กล้าหาญเสียจริง เจ้ารู้ไหมว่าตนเองถามอะไรออกมา""รู้สิ" จั๋วซือหรานพยักหน้าอย่างตั้งใจ "ข้ากำลังถาม ว่าท่านตอนนั้นเป็นเหมือนเฟิงเหยียนที่จำข้าไม่ได้ เรื่องที่เสียความทรงจำเกี่ยวกับภรรยาไป ท่านสมัครใครหรือเปล่า?"เฟิงอวี้จ้องมองตานาง กัดฟันตอบเสียงลอดไรฟันมาคำหนึ่ง "ใช่"จั๋วซือหรานลมหายใจสับสนขึ้นมา ถามคำถามที่สองต่อ "เช่นนั้น เฟิงเหยียนที่สูญเสียความทรงจำตัวข้าไป เรื่องนี้เขาก็สมัครใจอย่างนั้นหรือ?"สายตาเฟิงอวี้ยังคงจ้องที่นาง ไม่ได้ย้ายไปไหน เขาไม่ได้ตอบทันที แต่ถามมาว่า "เด็กน้อย เจ้ารู้เรื่องพวกนี้แล้วมันมีความหมายอะไร? ขอเตือนเจ้าไว้นะ ตอนที่ควรจะดูแลตัวเองก็ดูแลตัวเองไปซะ ตอนนี้เจ้เาองก็มีความสุขดีอยู่ไม่ใช่หรือ?"จั๋วซือหรานเม้มปากแน่น ฟันในปากออกแรงกัดแน่น ในปากมีกลิ่นคาวเลือดแผ่ออกมา นางเอ่ยขึ้นว่า "นั่นมันเรื่องของข้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1011

    จั๋วซือหรานเห็นขั้นตอนสีหน้าขรึมลงของเฟิงอวี้อย่างชัดเจน ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้สีหน้าเขายังมีความอบอุ่นที่ไม่ใส่ใจแยแสอยู่บ้างล่ะก็ตอนนี้ กระทั่งความอบอุ่นสักนิดก็ไม่เหลืออยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้นสีหน้ากับสายตาเขาตอนนี้ กระทั่งจั๋วซือหรานก็ยังรู้สึกว่า...อันตรายในความเป็นจริง หลังจากที่นางข้ามมาอยู่ในโลกแปลกหน้านี้ ก็ไม่ค่อยจะรู้สึกถึงความอันตรายแบบนี้เท่าไรนักดังนั้นตอนนี้จู่ๆ สัมผัสความรู้สึกนี้ได้ขึ้นมา บนหน้าแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด แต่ในใจก็ญังสั่นสะเทือนขึ้นมาบ้างเหมือนกันสิ่งนี้ทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกว่า บางทีเฟิงอวี้ที่ตนเองพบมาก่อนหน้านี้ เป็นแค่การเสแสร้งแกล้งทำส่วนหนึ่งของเขาเท่านั้นส่วนตัวจริงของเขา อันที่ซ่อนอยู่ลึกเอามากๆมือจั๋วซือหรานกำแน่นเล็กน้อย นิ้วกดไปบนแหวนเสวียนเหยียน เตรียมการรับมือต่างๆ เอาไว้แล้วถ้าหากเฟิงอวี้จะทำอะไรจริง อย่างน้อยนางก็ยังมีปฏิกิริยาได้ทันทีดวงตาจ้องเขม็งไปที่เฟิงอวี้ คอยจับการตอบสนองของสีหน้าเขาตลอดเวลากระทั่งยังไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วจั๋วซือหรานในที่สุดก็เจอกับการตอบสนองของเฟิงอวี้ พอจะถอนใจโล่งออกมาได้ เฟิงอวี้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1010

    จั๋วซือหรานเดินขึ้นหน้ามาหลายก้าว กระโจนลงมาจากหลังคาอย่างแผ่วเบา"เจ้าเองก็กล้านัก มองข้าเป็นคนตระกูลเฟิงที่เจ้าจัดการไปก่อนหน้านี้หรือ" เสียงเขายังคงราบเรียบ ไม่มีอุณหภูมิใด ฟังแล้วมีความน่าเกรงขามอันสูงส่งอยู่จั๋วซือหรานยังคงมีท่าทีคล้ายๆ กับก่อนหน้านี้ ยิ้มจางๆ เอ่ยขึ้นว่า "ไม่ใช่เสียหน่อย แต่ว่า ก็ไม่ได้จัดการยากกว่าพวกเขานักหรอก""พูดจาใหญ่โตเหลือเกิน""ถ้าข้าคิดจะทุ่มสุดกำลังให้พังกันไปข้างล่ะก็ ต่อให้ข้าจะจบไม่สวย แต่ถ้าจะเอาท่านไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร" จั๋วซือหรานตอนที่พูดคำนี้ มุมปากยกโค้งขึ้น อุณหภูมิค่อยๆ ลดลงมาแล้วนางจ้องเขา ถามขึ้นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "จะลองดูไหมล่ะ?"นางจ้องเขม็งจั๋วซือหราน หลังจากมองไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า "ทำไมหรือ เจ้าเข้ามากลางดึก นั่งยองอยู่บนหลังคาข้าตั้งนานสองนาน แค่เพื่อจะมาทุ่มสำกำลังให้พังไปข้างอย่างนั้นเรอะ?"พอสิ้นเสียงเขา ก็เห็นว่าจั๋วซือหรานเปลี่ยนสีหน้าและท่าทีแล้วบนหน้านางเริ่มเปลี่ยนเป็นยิ้มตาหยี แม้รอยยิ้มนี้จะดูไม่ค่อยจริงใจนักก็ตามเพียงแต่ว่า นางก็เอ่ยเรียกเขาขึ้นว่า "ลุงเฟิง ที่ข้ามาครั้งนี้ มีเรื่องอยากให้ชี้แน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status