จุดที่เฟิงหร่านมีปฏิกิริยากลับมาว่าผิดปกติก็คือ...“ถ้าหากข้ากลับไปแล้วไม่เกิดสถานการณ์อะไรขึ้น...มันไม่ใช่ว่าข้าถูกอัดเปล่าๆ ไปหรือไรกัน?!” เฟิงหร่านถลึงตาโตและจึงเห็นสาวงามตรงหน้า ยิ้มจนตาหงส์คู่โค้ง ยิ่งงดงามจนไม่อาจหาสิ่งที่มาเทียบเทียมได้พอใบหน้างามมีรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งก็ดึงถุงมือของมืออีกข้าง เพื่อให้ถุงมือกระชับขึ้นอีกหน่อยและเอ่ยว่า “ถือเสียว่า...กินของคนอื่นแล้วปากอ่อนไปแล้วกัน คุณหนูเฟิงสือ ต้องผิดใจกันเสียแล้ว”“อุ๊อ๊าๆๆ...!”......ประตูจวนเฟิง ยังคงเป็นเหมือนเมื่อหลายวันก่อน การป้องกันอยู่ในสถานภาพเข้มงวดรัดกุมองครักษ์ที่หน้าประตู เห็นเงาร่างหนึ่งมาแต่ไกล เดินโซเซโงนเงนเข้ามาจึงตะคอกขึ้นว่า “ใครน่ะ!”รอจนร่างที่โซเซโงนเงนค่อยเดินเข้ามาใกล้ เหล่าองครักษ์จึงเห็นได้ชัดขึ้น“คุณหนูสิบ? ท่านกลับมาแล้ว...” องครักษ์เอ่ยขึ้น “แล้วทำไมท่านถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”เฟิงหร่านใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำ สีหน้าอึมครึมจั๋วจิ่วนั่น! ลงมือได้...ไม่เจ็บเลยสักนิด!ในใจเฟิงหร่านไม่ได้จงใจพูดแขวะแดกดันอะไร แต่ว่า...มันไม่เจ็บจริงๆ!เฟิงหร่านเองก็ไม่รู้ว่าถุงมือของนางนั้นมีคุณสมบั
ก่อนหน้านี้ตอนที่จั๋วซือหรานได้ยินเรื่องตระกูลเฟิง ก็ยังเคยรู้สึกเสียอกเสียดายอยู่ทว่าตอนนี้...นางรู้สึกแค่ว่าตระกูลเฟิงเป็นพวกโง่เง่าตอนนี้เฟิงหร่านยืนอยู่หน้าประตูตระกูลเฟิงองครักษ์พอเห็นนางไม่ตอบ จึงถามตามขึ้นมาคำหนึ่ง “คุณหนูสิบ ท่านทำไมจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปกัน?”เฟิงหร่านเงยหน้าเหลือบมององครักษ์ “ข้าเป็นอย่างไร จำเป็นต้องมารายงานเจ้าด้วยหรือ?”เสียงของนางก็ไม่มีความอ่อนโยนเลย ราวกับว่าลูกหมาน่ารักอ่อนโยนที่อยู่ในเรือนจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้ตอนนี้กลับกลายเป็นสุนัขเฝ้าบ้านดุร้ายตัวหนึ่งที่แทบจะแยกเขี้ยวออกมาแล้วองครักษ์พอได้ยินเสียงเย็นชาของนางก็งงงันไป เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้านอบน้อม “ข้าน้อยมิกล้า เพียงแต่...”องครักษ์หยุดลงครู่หนึ่ง เอ่ยต่อว่า “เหล่าผู้อาวุโสหวังว่าหลังจากคุณหนูสิบกลับมาจากเรือนของแม่นางจั๋วจิ่วแล้ว จะตรงไปพบพวกเขาที่ห้องโถงบรรพบุรุษเลย”สีหน้าเฟิงหร่านไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด น่าจะเพราะฟ้ามืดแล้ว ดังนั้นเหล่าองครักษ์จึงไม่เห็นประกายประหลาดที่แวบผ่านด้วยตาของเฟิงหร่าน“รู้แล้ว” เฟิงหร่านเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา แบกร่างโซซัดโซเซเดินเข้าไปหลังจากเข้าไประยะหนึ่ง
พอได้ยินคำพูดของเฟิงหร่าน จั๋วซือหร่านก็ถอนใจ “ใจอ่อนสิ อ่อนจนเป็นก้อนโคลนไปแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น...” เฟิงหร่านกัดริมฝีปากยังไม่ทันที่ตนเองจะได้เอ่ยอะไร นางก็เห็นว่ารอยยิ้มบนสีหน้าจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้ มลายหายสิ้นไปแล้ว ความลึกซึ้งเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มในดวงตานั่น ก็เหลือเพียงความเย็นชา“แต่ว่าพวกเจ้าทำไมจึงรู้สึกว่า พอข้าใจอ่อนกับเฟิงเหยียน แล้วต้องใจอ่อนกับพวกเจ้าด้วย?”เสียงของจั๋วซือหรานเย็นยะเยือก “ต่อให้พวกตระกูลขุนนางรู้ว่าข้า ‘รักลึกซึ้ง’ ต่อเฟิงเหยียน นั่นมันก็แค่กับเฟิงเหยียนเท่านั้น พวกเขาใช้งานเฟิงเหยียนจนเป็นเช่นนี้ คงไม่ได้คิดว่าข้าจะยอมรับพวกเขาหรอกใช่ไหม”เฟิงหร่านรู้สึกว่าคำพูดนี้ของจั๋วซือหรานมีเหตุผล จึงพยักหน้าเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นเจ้าคิดจะให้ข้าทำอย่างไร”จั๋วซือหรานหรี่ตาลง เลิกคิ้วขึ้นยิ้ม “เจ้าก็แค่...”......ในโถงศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษเฟิงหร่านคุกเข่าอยู่ในนั้น ใบหน้าขาวซีด มุมปากสั่นระริกกลุ่มผู้อาวุโสจ้องมองนาง “เฟิงสือ เอาคำพูดของเจ้าเมื่อครู่ เล่าออกมาอีกครั้ง”เฟิงหร่านปากสั่น “เหล่าผู้อาวุโสโปรดระงับความโกรธด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจจ
ในใจเฟิงหร่านบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร แค่รู้สึกว่า...ตนเองเหมือนจะเคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อนอย่างไรอย่างนั้นเพราะตอนที่อยู่ในเรือนพี่สาวจั๋วก่อนหน้านี้ พี่สาวจั๋วก็ให้นางได้ซ้อมไว้แล้วล่วงหน้าเฟิงหร่านเงยขึ้นมองเหล่าผู้อาวุโส ด้วยท่าทีขึงขัง เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ “จั๋วจิ่วบอกว่า ตระกูลเฟิงครั้งนี้กระทำการอย่างไม่สำนึกบุญคุณ ไม่เพียงแต่ร่วมมือกับตระกูลจั๋วตระกูลเหยียนใส่ร้ายป้ายสีนางเรื่องโรคระบาด แต่ยังซ่อนตัวพี่ชายเอาไว้ ไม่ยอมให้นางได้พบเจอ”“แล้วยังส่งข้าไปลอบโจมตีนางอีก เรื่องเหล่านี้ นางไม่อาจยอมรับได้ จะแตกหักขั้นเด็ดขาดกับตระกูลเฟิง”เหล่าผู้อาวุโสพอได้ยินคำพูดของเฟิงหร่านก็งงงันไปแล้ว “นางบอกว่าอะไรนะ?”“นางบอกว่าพวกเราซ่อนตัวเหยียนเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ?”“นาง...”“เหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่ว่าถูกนางซ่อนตัวเอาไว้หรือไรกัน!”“แล้วนางทำไมถึงยังใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นก่อนล่ะ!”เฟิงหร่านตอนนี้ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงเอ่ยต่อว่า “ข้าไม่รู้ นางบอกกับข้าเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังบอกว่า...”เฟิงหร่านมองไปทางเหล่าผู้อาวุโส ถามขึ้นว่า “นางให้ข้ามาถามเหล่าผู้อาวุโส ว่ายังจำสัญญาณที่นางตั้งข
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเฟิงก็หัวร้อนหน้าไหม้กันขึ้นมาเฟิงหร่านมอง และรอตอนที่รู้สึกว่าเวลาใกล้เคียงแล้ว จึงค่อยๆ ยกมือขึ้น เอ่ยปากว่า “เหล่าผู้อาวุโส เพราะ...เพราะว่าข้าถูกนางควบคุมไป จนคายความลับออกมามากมายอย่างควบคุมไม่อยู่ ในนี้ยังรวมถึง เรื่องที่พี่ชายได้รับการลงโทษจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย...”คำพูดของเฟิงหร่าน ทำเอาผู้อาวุโสทั้งหลายเงียบกันลงมาทันทีพวกเขารู้เรื่องที่เฟิงหร่านไปจวนของจั๋วซือหรานนานแล้ว เดิมทีพวกเขาคิดว่าเฟิงหร่านน่าจะไปบอกความลับกับจั๋วซือหรานเพราะเฟิงหร่านเทิดทูนศรัทธาเฟิงเหยียนมาแต่ไหนแต่ไร จุดนี้ในตระกูลไม่ใช่ความลับอะไรยิ่งไปกว่านั้นเฟิงหร่านเนื่องจากที่พ่อของนางทำงานในโถงศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษ คิดแล้วจึงน่าจะเข้าใจเรื่องการที่เฟิงเหยียนถูกลงโทษโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยเหล่าผู้อาวุโสคำนวณไว้แล้วถ้าเฟิงหร่านออกไป จะต้องนำความลับไปบอกแน่ใครจะรู้ ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้เดินตามหมากที่พวกเขาวางเอาไว้เลย!แต่กลับไปทะเลาะกับจั๋วจิ่วมาอีก?! สมองคิดอะไรอยู่กันแน่...แต่ดูแล้ว ก็เหมือนว่าข้อมูลที่จะให้จั๋วจิ่วได้รู้ ก็ถูกจั๋วจิ่วรับรู้ไปแล้วเช่นกันว่าตามหลัก
ผลลัพธ์น่าจะไม่ดีขนาดนี้ แต่ตอนนี้เป็นเฟิงฉี เช่นนั้นผลลัพธ์จึง...เฟิงหร่านพอคิดเช่นนี้ นิ่งงันคำนวณในใจ เวลาน่าจะใกล้เคียงแล้วพี่สาวจั๋วจิ่วบอกว่าประมาณหนึ่งเค่อก็จะบังเกิดผลในใจเฟิงหร่านเพิ่งจะคิด ก็เห็นสีหน้าของผู้อาวุโสเฟิงฉีเปลี่ยนไปแล้วดวงตาของเขาถลึงโต ยางกลับว่าจะทะลักออกมาจากในเบ้าตาอย่างไรอย่างนั้น!บนหน้าผาก บนคอ เส้นเลือดปูดโปน พูดอะไรออกมาไม่ออกแม้แต่คำเดียว จากแก้มที่ตึงก็มองออกไม่ยาก เขาขบฟันแน่นเหมือนกำลังทนความทุกข์ทรมานแสนสาหัส!ผู้อาวุโสเฟิงฮ่วนที่อยู่ข้างๆ ก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเขาแล้ว“เฟิงฉี เจ้าเป็นอะไร? เป็นอะไรไหม?” เฟิงฮ่วนถามขึ้นแต่เสียงเขายังไม่ทันขาด เฟิงฉีก็ยืนไม่อยู่แล้ว คุกเข่าลงเสียงดังตุบ!ผู้อาวุโสคนอื่นก็ระแวดระวังขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าเฟิงฉีทำไมจึงกลายเป็นเช่นนี้แค่คิดว่า น่าจะเป็นเพราะโรคระบาดกู่ก่อนหน้านี้กระตุ้นให้เกิดขึ้น แค่คิดว่าเฟิงฉีน่าจะกำลังจะกลายพันธุ์!กระทั่งมีคนเอามือทาบไว้บนด้ามกระบี่ตระกูลแล้ว ตั้งท่าเตรียมรับมือไว้ตลอดเวลาส่วนเฟิงฉี ในที่สุดก็หอบหายใจถี่ท่ามกลางความทรมานแสนสาหัสนั่น ดวงตาที่แดงก่ำจากควา
“อะไรนะ?!” เหล่าผู้อาวุโสตกตะลึงกันขึ้นมาเฟิงหร่านโขกศีรษะ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “ข้า ข้าเดิมทีก็ไม่รู้...ไม่รู้ว่าเป็นอะไร นาง นางบอกว่ารอให้ถึงเวลา ข้าก็จะรู้ว่ามันมีไว้ทำอะไร...ข้าคิด ข้าคิดว่าตอนนี้ นี่คือเวลาที่นางบอกไว้กระมัง?”“รีบ...รีบ...” เฟิงฉีนอนตะแคงอยู่บนพื้น มุมปากมีน้ำลายฟูมออกมาแล้ว ดวงตาเริ่มพร่ามัว “ให้..รีบ...ให้ข้า...”เฟิงหร่านรีบลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซนำยาไปมอบให้ใครจะคิดว่าพอเท้าไม่มั่นคง จึงคะมำตัวไปด้านหน้า ล้มคว่ำลงไป!ขวดยาในมือเองก็แตกกระจาย ผงยาในขวดก็กระจายลงบนพื้นเฟิงหร่านเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสลด “ขอโทษขอโทษ ข้า ข้าของข้ามันชาจนยืนไม่อยู่...”ไม่มีคนโทษนาง คนทั้งหมดล้วนตกตะลึงกับฉากตรงหน้าเฟิงฉีที่หยิ่งทะนงมาแต่ไหนแต่ไร เฟิงฮ่วนที่ชอบกู่ก้องเรื่องความสง่างาม ส่วนเฟิงฉีใส่ใจกับภาพลักษณ์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเวลานี้กลับทิ้งภาพลักษณ์ไปจนหมด เลื้อยตัวไปตามพื้น เหมือนคนใกล้ตายที่ได้พบเข้ากับน้ำทิพย์ชโลมใจใช้ลิ้นที่ยังเหมือนขยับได้ จัดการเลียผงยาที่อยู่บนพื้นทีละนิดๆ ต่อหน้าต่อตาคนทุกคนท่าทางหกล้มของเฟิงหร่านนี้ไม่ได้จงใจเจตนาแต่นางก็ไม่คาดไม่ฝันเหมือ
“...คนไหนก็ได้ทั้งนั้น เฟิงหร่าน ก็เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ข้าจัดการพวกตระกูลเฟิง ตระกูลจั๋วกับตระกูลเหยียน พวกที่เข้ามากำเริบเสิบสานที่ประตูบ้านข้า”“พวกเขามาร้องอย่างเวทนาหน้าบ้านข้า ร้องห่มร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลนอง กระทั่งขี้เยี่ยวราดออกมาอย่างคุมไม่อยู่ หลังจากนั้น คนอื่นๆ ก็เปลี่ยนเป็นว่าง่ายขึ้นทันที”“เฟิงหร่าน เจ้าต้องรู้ ว่าไม่มีอะไรที่จะมีพลังคุกคามไปมากกว่าเสียงกรีดร้องของพวกเดียวกันแล้ว”เฟิงหร่านคิดถึงบทสนทนากับจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้และขณะเดียวกัน นางเองก็มองเห็นความหวาดกลัวในสีหน้าของผู้อาวุโสคนอื่นแล้ว โดยเฉพาะหน้าของผู้อาวุโสทั้งสี่คนที่จั๋วซือหรานมีสัญญาณจิตวิญญาณแห่งคำพูดด้วยอย่างน้อย พวกเขาก็ไม่ได้ก่นด่าตบจนที่รองแขนพังเหมือนเฟิงฉีก่อนหน้านี้เหมือนกับว่า เปลี่ยนลงมาเย็นชาในพริบตา“แล้วตอนนี้ จะทำอย่างไร?”“หญิงสาวคนนี้ไม่ได้กำเริบเสิบสานแค่วันสองวันแล้ว การไปยั่วโมโหนางไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดเลย”“แต่พวกเราจะไปหาเหยียนเอ๋อร์มาจากที่ไหนให้นางล่ะ? เอาจริงๆ เหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่ว่าถูกนางเอาไปซ่อนไว้ที่ไหนแล้วหรอกหรือ?”เฟิงฉีหอบหายใจหนัก เอ่ยขึ้นเสียงแหบพร่า “สร
และตอนที่ฮั่วจือโจวกำลังหารือเรื่องเปิดโรงเตี๊ยมอยู่กับเจี่ยงเทียนซิงและอินเจ๋ออัน ก็ได้รู้ข่าวการพระราชทานรางวัลนี้พวกเขาสามคนสบตากัน"จักรพรรดิเฒ่านี่ร้ายจริงๆ"จั๋วซือหรานไม่ได้ส่งเสียง หลังจากได้ยินคนวังประกาศราชโองการจบ นางก็ยืนนิ่งไม่ขยับคนวังเองก็ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรียกนางขึ้นคำหนึ่ง "แม่นางจิ่ว ขานรับราชโองการสิ"จั๋วซือหรานไม่ขยับ นางมองราชโองการฉบับนั้น อันที่จริงในใจกำลังพิจารณาจะรับดีไหมองค์จักรพรรดิเฒ่าดีดลูกคิดรอบนี้ ลูกคิดแทบจะกระเด็นมาโดนหน้านางอยู่แล้วพระราชทานเงิน พระราชทานจวน พระราชทานวังสวน สิทธิ์อำนาจพ่อค้าหลวง พวกนี้ไม่มีปัญหาอะไร ใกล้เคียงกับที่นางขอองค์จักรพรรดิเฒ่าไว้แต่การอวยยศ...แต่งตั้งขุนนางกับพื้นที่ศักดินา แบบนี้มันเกินไปจริงๆในสายตาคนนอก นางเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ได้รับยศมา เรียกได้ว่าจะกลายเป็นโหวหญิงชั้นสูงเพียงคนเดียวของเมืองหลวงไปเลยยิ่งไปกว่านั้นยังมีพื้นที่ศักดินาให้ เรื่องดีจะตายนี่?แต่การแต่งตั้งเป็นหัวหน้าแพทย์หลวง แม้จะชั่วคราว แต่ใครจะรุ้ว่าต้องนานแค่ไหน?ต้องไปเข้ากะอะไรแบบนั้น น่ารำคาญจะตายยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งข้า
จั๋วซือหรานพอได้ยินเสียงนี้ ก็ไม่เร่งไม่ร้อน ชนแก้วกับจั๋วอวิ๋นฉีก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ดื่มสุราในแก้วลงไปจนหมดตอนนี้ นางกับจั๋วอวิ๋นฉีก็กลายเป็นผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้าของตระกูลจั๋วแล้วพอวางแก้วลง จั๋วอวิ๋นฉีก็หน้าเย็นชาลงมา เขาหน้าตาหล่อเหล่า แต่ตอนที่สีหน้าเย็นชา ก็ให้ความรู้สึกบีบคั้นที่เย็นเยียบมากเขามองไปทางผู้อาวุโสที่พูดเมื่อครู่นี้คนคนนั้นหดคอลง ไม่กล้าส่งเสียงอีกจั๋วซือหรานไม่ได้ใส่ใจ งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้วตอนที่อาหารกลางวันดำเนินไปครึ่งหนึ่ง ด้านนอกประตูจู่ๆ ก็มีรายงาน ว่าคนในวังมาแล้ว"คนในวัง?" ยังมีคนไม่เข้าใจ คนในวังมาบ้านตระกูลจั๋วทำไมเพียงไม่นานก็เห็นคนวังประกาศราชโองการในชุดเรียบร้อยเดินเข้ามา เพียงแต่ว่า ดูแล้วหายใจหอบอยู่ น่าจะรีบเข้ามาพอควรคนวังประกาศราชโองการพอเห็นจั๋วซือหราน ก็เผยรอยยิ้มออกมา "แม่นางจิ่วที่แท้ก็อยู่ที่นี่นี่เอง ข้าน้อยหาตัวมาพักหนึ่งแล้ว เกรงว่าจะพลาดฤกษ์ประกาศราชโองการ"สายตาของคนตระกูลจั๋ว ทยอยกันมองจั๋วซือหรานตอนนี้ คนวังประกาศราชโองการจึงลากเสียงขึ้นดังลั่น "จั๋วซือหราน...รับราชโองการ...!"จั๋วซือหรานลุกขึ้น เตรียมจะทำท่
ผู้อาวุโสสาม!?ครั้งที่แล้วที่นางกลับไปตระกูลจั๋ว คือเชิญนางไปเป็นผู้อาวุโสหรือ?!อย่าว่าแต่พวกที่มาดูมหรสพเลย กระทั่งเฉวียนคุนพอได้ยินคำเรียกนี้ก็ยังตะลึงไปและเพราะอารมณ์ในใจเขาตื่นเต้นเกินไป จึงสั่นไปทั้งตัว!เรียก เรียกว่าอะไรนะ?!นี่เรียกว่า! สะใจสินะ! เขาตอนนั้นยังจำได้ว่า คุณหนูจิ่วออกจากตระกูล ตอนนั้นคนมากมายล้วนรอดูนางเป็นตัวตลก หรือรู้สึกว่านางนี่ล่ะที่เป็นตัวตลกตอนนั้นส่งคนใช้มามากมายมาที่เรือนของนาง แต่ละคนล้วนรู้สึกเหมือนถูกเนรเทศอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกว่าจะไม่มีวันได้กลับไปเชิดหน้าชูตาอีกแล้วมีแค่เขาที่อยู่รอด! นับจากตอนนั้นเขาก็เริ่มเชื่อมั่นว่านายท่านจะต้องก้าวหน้าแน่!จั๋วซือหรานได้ยินคำเรียกนี้ สีหน้าก็ดูสงบนิ่งมากทุกคนเห็นสีหน้านางก็รู้แล้ว นางคงรู้เรื่องนี้มานานแล้วพอคนใช้รายงานเสร็จ ก็มองจั๋วซือหรานอย่างตึงเครียดขึ้นมาราวกับ...กลัวว่านางจะปฏิเสธพวกเขาถูกส่งมาเชิญนาง ถ้าหากเชิญไม่ได้ กลับไปอาจจะถูกลงโทษก็ไม่แน่ดังนั้นพวกเขาจึงมองดูการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของจั๋วซือหราน เตรียมว่าถ้าหากเห็นเค้าลางการปฏิเสธในสีหน้า พวกเขาก็จะอ้อนวอนนางทันทีแต่จั๋วซือห
ตอนที่เฉวียนคุณเคาะประตูจั๋วซือหรนา นางเพิ่งจะวุ่นกับการหลอมยา...งานช่วงเช้าเสร็จเฉวียนคุนรีบเข้ามารินชาให้นางจั๋วซือหรานรับไปดื่มสองอึก "ทำไมหรือ?"เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นว่า "นายท่าน นี่มันเรื่องอะไรกัน"สีหน้าของเฉวียนคุณปั้นยาก "เดิมทีเรือนของพวกเราก็ไม่ได้เล็กอะไร ตามหลักการแล้วก็พออาศัยอยู่"เดิมทีก็มีแค่นายท่าน ข้า เด็กฉลาด เฮยหลิง นี่ก็ไม่ใช่ว่าพออยู่เหลือเฟือหรือ"แต่ก่อนหน้านั้นก็เพิ่งจะมีใต้เท้าพวกนั้นที่ท่านช่วยกลับมาจากตระกูลเฟิง" เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นหมายถึงพวกเหล่าองครักษ์เงาของเฟิงเหยียนที่นางช่วยกลับมา"ตอนนี้ยังมีพ่อลูกสกุลเหยียนอีก" เฉวียนคุนเอ่ยต่อ "ดังนั้นห้องข้างจึงไม่ค่อยพอแล้วนะ"ห้องพักคนใช้นอกเรือนยังว่างอยู่ ปัญหาคือ เฉวียนคุนมองว่าคนเหล่านี้ นายท่านก็ไม่ได้มองพวกเขาเหมือนคนรับใช้ ดูคล้ายจะเป็นแขกมากกว่าจะให้แขกไปอยู่ในห้องพักคนใช้ก็ไม่ได้..."อา..." จั๋วซือหรานฟังถึงจุดนี้ ก็เข้าใจความหมายของเฉวียนคุนแล้ว "อย่างนี้นี่เอง รู้แล้ว"เฉวียนคุนพยักหน้า "นายท่านเข้าใจบ้างก็ดีแล้ว ตอนนี้ยังพอจัดให้ได้ถูไถ แต่หลังจากนี้ถ้าฮูหยินกับนายท่านกลับมา ก็น่าจะจัดไม่ลง
แต่หลังจากที่พวกเขาออกไป จั๋วซือหรานกลับไม่ได้ลงมาจากบนกำแพงล้อมแต่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยขึ้นว่า "พวกเจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก"นางปวดหัว เรื่องนึงสงบลงอีกเรื่องก็ผุดขึ้นมา นางสัมผัสได้นานแล้ว ต่อให้จะเป็นตอนที่คุมเชิงกับคนตระกูลเฟิงที่ไล่ตามเฟิงหร่านมา นางก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องแอบมองอยู่จากมุมหนึ่งมาโดยตลอดแล้วพอคนจากไป นางก็รออยู่อีกพักหนึ่ง สายตาที่แอบมองอยู่นั่นก็ยังอยู่นางเองก็ขี้เกียจมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้แล้ว จึงส่งเสียงขึ้นมาตรงๆตอนนี้เอง ในมุมลับตา ก็มีเงาสองร่างเดินออกมาจั๋วซือหรานรู้จักหนึ่งในนี้ นางเลิกคิ้ว "วันนี้คึกคักเสียจริง"พอได้ยินคำนี้ เหยียนฉีก็รู้สึกเขินหน่อยๆ เขาประสานมือให้ "แม่นางจิ่ว ไม่เจอกันเสียนาน"จั๋วซือหรานพยักหน้า มองไปยังคนข้างๆ ผาดหนึ่งเหยียนฉีเอ่ยแนะนำว่า "นี่ นี่คือพ่อของข้าเหยียนเจิน"จั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เข้ามาสิ"นางไม่ได้กระโจนกลับจากกำแพงล้อมหรือกระโจนออกไป แต่ยืนขึ้นย้ำไปตามสันกำแพง เดินตรงไปยังประตูหน้าพร้อมพวกเขาตอนที่พวกเขาเดินมาถึงประตูเรือนหลัก จึงมีเงาแดงร่างหนึ่งร่อนลงมาตรงหน้าพวกเขา
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หานกวงก็พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมุมปากกระตุก "ไม่จบไม่สิ้นเสียที"หานกวงฟังออก ถึงความเย็นชาและขุ่นเคืองในน้ำเสียงของแม่นางจิ่วจั๋วซือหรานผลักประตูออก เดินไปที่ห้องตะวันออกเฟิงหร่านพยุงร่างขึ้นมานั่งบนเตียง นางอยู่ในชุดดำ มีบาดแผลอยู่ไม่น้อย มีเลือดซึมออกมาข้างนอกด้วยจั๋วซือหรานแค่เหลือบมอง ก็รู้ว่าปัญหาไม่ใหญ่นักนางเดินเข้าไป ใช้มือหนึ่งจับชีพจรของเฟิงหร่าน อีกมือหนึ่งโยนขวดใบหนึ่งให้นางเฟิงหร่านก็รับไปแบบมือไม้พัลวัน "พี่จั๋ว นี่คือ...""เจ็บไม่หนักมาก กินยาเอาเองเลย" จั๋วซือหรานตอบมาเฟิงหร่านเดาว่าด้านในน่าจะเป็ยารักษาอะไรบางอย่าง นางพยักหน้า "ได้เลย ขอบคุณพี่จั๋วมาก"นางเดิมทียังคิดจะเอ่ยปาก บอกเรื่องในตระกูลเฟิงกับจั๋วซือหรานแต่ก็เห็นว่าว่าหลังที่จั๋วซือหรานส่งยาให้นางแล้ว ก็หมุนตัวเดินไปนอกประตูทันทีเฟิงหร่านรีบถามขึ้น "พี่จั๋ว ท่านจะไปไหน?"จั๋วซือหรานมุถมปากกระตุก "คนตระกูลเฟิงที่ไล่สังหารเจ้ามาพวกนั้น มาล้อมอยู่นอกบ้านข้าแล้ว พอดีเลย คืนนี้ข้าจะได้ไม่ต้องไปหาพวกเขา"พูดจบ นางก็เดินออกจาห้องไปเฟิงหร่านนั่งลงบนเตียงงงๆ แล
แพงไม่ว่า แต่บางทีมีเงินก็หาซื้อไม่ได้พวกเขาตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกขึ้นได้ว่าตัวตนนักกลั่นยาของจั๋วซือหรานนั้นมีประโยชน์มากจริงๆถ้าหากเดิมทียังรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ตอนนี้ก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วสายตาของพวกเขาเปล่งประกายจับจ้องจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มๆ นางมองสายตาเปล่งประกายรอบๆ จากนั้นจึงมองไปทางผู้อาวุโสใหญ่"ถ้าหากให้ข้าตัดสินใจได้ล่ะก็ เงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน"เสียงของจั๋วซือหรานสงบนิ่งมาก "จะทำเช่นที่มอบให้กับตระกูลฮั่ว มอบยาลูกกลอนให้ตระกูลจั๋ว กระทั่งถ้าอารมณ์ดี จะมอบที่ขั้นสูงกว่าให้ด้วย แต่เงื่อนไขก็คือ ตระกูลจั๋วข้าต้องมีอำนาจตัดสินใจ แล้วก็ไม่ใช่ว่ามีพวกกลุ่มที่กระโจนตัวลากใบหน้าแก่ๆ ออกมาสั่งโน่นสั่งนี่กับข้า"จั๋วหลานฟังถึงคำนี้ ในใจก็อดสั่นกึกขึ้นไม่ได้เขาฟังออกถึงความหมายเชิงลึกในคำพูดนาง...ถ้าหากวันไหนที่นางไม่มีอำนาจตัดสินใจในตระกูลจั๋ว นางก็จะตัดการส่งมอบให้ได้ตลอดเวลา พวกเขาไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อยดังนั้น ไม่ว่าในใจเหล่าผู้อาวุโสที่นี่จะมีความคิด 'ฟังนางไปก่อนชั่วคราว หลังจากนี้ค่อยว่ากัน' แค่ไหน ตอนนี้ก็ต้องดับมอดลงไปทันทีจั๋วซือหรานพ
ทุกคนเห็นว่าบนหน้าจั๋วซือหรานมีรอยยิ้มจางๆ อยู่ตลอดแม้จะไม่มีความหมายอะไร ลอยอยู่ผิวเผิน แต่ก็มีอยู่มาตลอดจนตอนที่คำพูดนี้ออกมา รอยยิ้มผิวเผินบนหน้านางเหล่านั้นก็หายวับไปทันทีเหลือเพียงความเย็นชาไร้ความรู้สึกนางบอกกับคนวังจดบันทึกที่อยู่ข้างๆ "รบกวนเจ้าด้วย"คนวังจดบันทึกรู้ว่าคนผู้นี้เป็นตัวตนที่สำคัญแค่ไหนสำหรับฝ่าบาทดังนั้นท่าทีจึงนอบน้อมมาก หยิบม้วนผ้าไหมเลืองทองออกมาคลี่ออกใครก็เห็นลายมังกรที่อยู่บนนั้น...นี่มันคือราชโองการ!คนวังจดบันทึกหยิบพู่กันออกมา เริ่มตวัดเขียนขึ้นบัญชาสวรรค์ จักรพรรดิรับสั่ง ตระกูลจั๋วมีบุตรสาว ชื่อนามหรูซิน จึงขอพระราชทานงานอภิเษกให้กับฉินตวนหยางปราชญ์แห่งกรมดาราศาสตร์...หลังจากได้ยินคนวังจดบันทึกอ่านประกาศร่างราชโองการจั๋วหรูซินยังคงเป็นลมไม่ได้ เพราะยาเม็ดนั้นที่จั๋วซือหรานให้มาอหังการเหลือเกิน บอกว่าจะทำให้นางสติตื่นตัว ก็ทำให้ตื่นตัวได้จริงๆดังนั้นนางจึงโกรธแค้นจนเกินทน กระอักเลือดสดออกมาจั๋วซือหรานลุกขึ้นยืน ในดวงตาไม่มีคนผู้นี้อยู่อีก ราวกับว่า ล้างแค้นสิ่งที่ควรทำเรียบร้อยคนอย่างจั๋วหรูซิน ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในสายตานางอี
ถังหยวนมองสภาพจั๋วหรูซินตอนนี้ เขาอดมีสายตาสับสนขึ้นมาไม่ได้ตรงหน้าเขามีภาพตอนที่จั๋วซือหรานถูกลงโทษแวบผ่านขึ้นมา กระดูกสันหลังที่ไม่ยอมคดงอนั่นเก้าแส้ฟาดลงไป หน้าขาวซีด เหมือนจะร่วงพับสิ้นสติ สภาพซมซานน่าเวทนาแต่ในสีหน้าท่าทาง ไม่มีท่าทีเจ็บปวดร้องไห้ชักกระตุกให้เห็นกระทั่งว่า ถังหยวนเกิดความรู้สึกลวงขึ้นมา ว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้หรือเปล่า?แต่ตอนนี้พอเห็นท่าทางของจั๋วหรูซิน จึงมีปฏิกิริยาเข้าใจขึ้นทันที จั๋วหรูซินแบบนี้ต่างหากที่เป็นสภาพปกติแต่แบบจั๋วซือหรานนั่น เป็นตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่นจั๋วหลานมองจั๋วซือหราน "เสียวจิ่ว พอสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานเดินขึ้นไปทีละก้าวทุกคนล้วนคิดว่า หญิงสาวคนนี้ยังไม่สะใจพอ ต้องเข้าไปมองความเจ็บปวดทรมานของจั๋วหรูซินใกล้ๆ จึงจะพอใจจั๋วอวิ๋นชินอดทนอยู่ข้างๆ แม้เขาจะไม่พอใจน้องสาวคนนี้นัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวจะอย่างไรก็ยังมีความรู้สึกทนไม่ไหวอยู่ เขาเตรียมจะยัดยาลูกกลอนให้กับจั๋วหรูซินแล้วแต่ตอนนี้พอเห็นจั๋วซือหรานเดินขึ้นมา แม้เขาจะหยุดเท้าลง แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจั๋วอวิ๋นชินเอ่ยขึ้นเสียงขรึม "จั๋วซือหราน หรูชินได้ร