เฟิงหร่านถลึงตาโต ไม่รู้ว่าเพราะกังวลจากในคำพูดของจั๋วซือหรานที่บอกว่าสุขภาพของพี่ชายนางไม่ปกติ หรือว่าเพราะตกตะลึงที่จั๋วซือหรานบอกว่าอาหารรสเลิศพวกนี้นางเป็นคนทำผ่านไปครู่หนึ่ง เฟิงหร่านจึงพูดออกมาคำหนึ่ง “เจ้านี่เป็น...แม่ศรีเรือนจริงๆ นี่ยังทำอาหารอร่อยขนาดนี้ได้ด้วย”“ใช่สิ สร้างประสบการณ์ในบ้าน...” นางพูดพลางมองไปทางเฟิงหร่าน ยกมุมปากขึ้น เอ่ยต่อว่า “สังหารคนชิงทรัพย์ข้าก็ทำได้นะ”เฟิงหร่านถูกรอยยิ้มปากโค้งนี้ของนางแย่จนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง ตะลึงงันไปทั้งตัวเลยทีเดียว ตอนได้สติกลับมา หน้าก็แดงก่ำไปหมดแค่รู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ ทั้งที่ไม่ได้สวมชุดสีแดงปีศาจแบบที่ปกติสวมแท้ๆร่างในชุดขาวอ่อนนุ่ม ผมสยายรุงรัง แต่ก็ยังมีสื่อถึงความอ่อนโยน ทว่ากลับรู้สึกแปลก ที่ทุกการขยับทุกการยิ้มดุเหมือนจะเย้ายวนราวกับเป็นปีศาจนางเงือก เฟิงหร่านจู่ๆ เข้าใจขึ้นมา ว่าเพราะอะไรพี่ชายที่ไม่เคยญาติดีกับใครเลย แต่กลับปฏิบัติกับหญิงสาวคนนี้แตกต่างออกไปใครจะไปทัดทานไหวกัน?!เฟิงหร่านกระแอมออกมาเสียงหนึ่ง การกระแอมนี้ก็เหมือนดึงวิญญาณตนเองกลับมา จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้น “พี่ชายของข้าเขา สุขภาพมี
จุดที่เฟิงหร่านมีปฏิกิริยากลับมาว่าผิดปกติก็คือ...“ถ้าหากข้ากลับไปแล้วไม่เกิดสถานการณ์อะไรขึ้น...มันไม่ใช่ว่าข้าถูกอัดเปล่าๆ ไปหรือไรกัน?!” เฟิงหร่านถลึงตาโตและจึงเห็นสาวงามตรงหน้า ยิ้มจนตาหงส์คู่โค้ง ยิ่งงดงามจนไม่อาจหาสิ่งที่มาเทียบเทียมได้พอใบหน้างามมีรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งก็ดึงถุงมือของมืออีกข้าง เพื่อให้ถุงมือกระชับขึ้นอีกหน่อยและเอ่ยว่า “ถือเสียว่า...กินของคนอื่นแล้วปากอ่อนไปแล้วกัน คุณหนูเฟิงสือ ต้องผิดใจกันเสียแล้ว”“อุ๊อ๊าๆๆ...!”......ประตูจวนเฟิง ยังคงเป็นเหมือนเมื่อหลายวันก่อน การป้องกันอยู่ในสถานภาพเข้มงวดรัดกุมองครักษ์ที่หน้าประตู เห็นเงาร่างหนึ่งมาแต่ไกล เดินโซเซโงนเงนเข้ามาจึงตะคอกขึ้นว่า “ใครน่ะ!”รอจนร่างที่โซเซโงนเงนค่อยเดินเข้ามาใกล้ เหล่าองครักษ์จึงเห็นได้ชัดขึ้น“คุณหนูสิบ? ท่านกลับมาแล้ว...” องครักษ์เอ่ยขึ้น “แล้วทำไมท่านถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”เฟิงหร่านใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำ สีหน้าอึมครึมจั๋วจิ่วนั่น! ลงมือได้...ไม่เจ็บเลยสักนิด!ในใจเฟิงหร่านไม่ได้จงใจพูดแขวะแดกดันอะไร แต่ว่า...มันไม่เจ็บจริงๆ!เฟิงหร่านเองก็ไม่รู้ว่าถุงมือของนางนั้นมีคุณสมบั
ก่อนหน้านี้ตอนที่จั๋วซือหรานได้ยินเรื่องตระกูลเฟิง ก็ยังเคยรู้สึกเสียอกเสียดายอยู่ทว่าตอนนี้...นางรู้สึกแค่ว่าตระกูลเฟิงเป็นพวกโง่เง่าตอนนี้เฟิงหร่านยืนอยู่หน้าประตูตระกูลเฟิงองครักษ์พอเห็นนางไม่ตอบ จึงถามตามขึ้นมาคำหนึ่ง “คุณหนูสิบ ท่านทำไมจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปกัน?”เฟิงหร่านเงยหน้าเหลือบมององครักษ์ “ข้าเป็นอย่างไร จำเป็นต้องมารายงานเจ้าด้วยหรือ?”เสียงของนางก็ไม่มีความอ่อนโยนเลย ราวกับว่าลูกหมาน่ารักอ่อนโยนที่อยู่ในเรือนจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้ตอนนี้กลับกลายเป็นสุนัขเฝ้าบ้านดุร้ายตัวหนึ่งที่แทบจะแยกเขี้ยวออกมาแล้วองครักษ์พอได้ยินเสียงเย็นชาของนางก็งงงันไป เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้านอบน้อม “ข้าน้อยมิกล้า เพียงแต่...”องครักษ์หยุดลงครู่หนึ่ง เอ่ยต่อว่า “เหล่าผู้อาวุโสหวังว่าหลังจากคุณหนูสิบกลับมาจากเรือนของแม่นางจั๋วจิ่วแล้ว จะตรงไปพบพวกเขาที่ห้องโถงบรรพบุรุษเลย”สีหน้าเฟิงหร่านไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด น่าจะเพราะฟ้ามืดแล้ว ดังนั้นเหล่าองครักษ์จึงไม่เห็นประกายประหลาดที่แวบผ่านด้วยตาของเฟิงหร่าน“รู้แล้ว” เฟิงหร่านเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา แบกร่างโซซัดโซเซเดินเข้าไปหลังจากเข้าไประยะหนึ่ง
พอได้ยินคำพูดของเฟิงหร่าน จั๋วซือหร่านก็ถอนใจ “ใจอ่อนสิ อ่อนจนเป็นก้อนโคลนไปแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น...” เฟิงหร่านกัดริมฝีปากยังไม่ทันที่ตนเองจะได้เอ่ยอะไร นางก็เห็นว่ารอยยิ้มบนสีหน้าจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้ มลายหายสิ้นไปแล้ว ความลึกซึ้งเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มในดวงตานั่น ก็เหลือเพียงความเย็นชา“แต่ว่าพวกเจ้าทำไมจึงรู้สึกว่า พอข้าใจอ่อนกับเฟิงเหยียน แล้วต้องใจอ่อนกับพวกเจ้าด้วย?”เสียงของจั๋วซือหรานเย็นยะเยือก “ต่อให้พวกตระกูลขุนนางรู้ว่าข้า ‘รักลึกซึ้ง’ ต่อเฟิงเหยียน นั่นมันก็แค่กับเฟิงเหยียนเท่านั้น พวกเขาใช้งานเฟิงเหยียนจนเป็นเช่นนี้ คงไม่ได้คิดว่าข้าจะยอมรับพวกเขาหรอกใช่ไหม”เฟิงหร่านรู้สึกว่าคำพูดนี้ของจั๋วซือหรานมีเหตุผล จึงพยักหน้าเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นเจ้าคิดจะให้ข้าทำอย่างไร”จั๋วซือหรานหรี่ตาลง เลิกคิ้วขึ้นยิ้ม “เจ้าก็แค่...”......ในโถงศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษเฟิงหร่านคุกเข่าอยู่ในนั้น ใบหน้าขาวซีด มุมปากสั่นระริกกลุ่มผู้อาวุโสจ้องมองนาง “เฟิงสือ เอาคำพูดของเจ้าเมื่อครู่ เล่าออกมาอีกครั้ง”เฟิงหร่านปากสั่น “เหล่าผู้อาวุโสโปรดระงับความโกรธด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจจ
ในใจเฟิงหร่านบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร แค่รู้สึกว่า...ตนเองเหมือนจะเคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อนอย่างไรอย่างนั้นเพราะตอนที่อยู่ในเรือนพี่สาวจั๋วก่อนหน้านี้ พี่สาวจั๋วก็ให้นางได้ซ้อมไว้แล้วล่วงหน้าเฟิงหร่านเงยขึ้นมองเหล่าผู้อาวุโส ด้วยท่าทีขึงขัง เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ “จั๋วจิ่วบอกว่า ตระกูลเฟิงครั้งนี้กระทำการอย่างไม่สำนึกบุญคุณ ไม่เพียงแต่ร่วมมือกับตระกูลจั๋วตระกูลเหยียนใส่ร้ายป้ายสีนางเรื่องโรคระบาด แต่ยังซ่อนตัวพี่ชายเอาไว้ ไม่ยอมให้นางได้พบเจอ”“แล้วยังส่งข้าไปลอบโจมตีนางอีก เรื่องเหล่านี้ นางไม่อาจยอมรับได้ จะแตกหักขั้นเด็ดขาดกับตระกูลเฟิง”เหล่าผู้อาวุโสพอได้ยินคำพูดของเฟิงหร่านก็งงงันไปแล้ว “นางบอกว่าอะไรนะ?”“นางบอกว่าพวกเราซ่อนตัวเหยียนเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ?”“นาง...”“เหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่ว่าถูกนางซ่อนตัวเอาไว้หรือไรกัน!”“แล้วนางทำไมถึงยังใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นก่อนล่ะ!”เฟิงหร่านตอนนี้ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงเอ่ยต่อว่า “ข้าไม่รู้ นางบอกกับข้าเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังบอกว่า...”เฟิงหร่านมองไปทางเหล่าผู้อาวุโส ถามขึ้นว่า “นางให้ข้ามาถามเหล่าผู้อาวุโส ว่ายังจำสัญญาณที่นางตั้งข
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเฟิงก็หัวร้อนหน้าไหม้กันขึ้นมาเฟิงหร่านมอง และรอตอนที่รู้สึกว่าเวลาใกล้เคียงแล้ว จึงค่อยๆ ยกมือขึ้น เอ่ยปากว่า “เหล่าผู้อาวุโส เพราะ...เพราะว่าข้าถูกนางควบคุมไป จนคายความลับออกมามากมายอย่างควบคุมไม่อยู่ ในนี้ยังรวมถึง เรื่องที่พี่ชายได้รับการลงโทษจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย...”คำพูดของเฟิงหร่าน ทำเอาผู้อาวุโสทั้งหลายเงียบกันลงมาทันทีพวกเขารู้เรื่องที่เฟิงหร่านไปจวนของจั๋วซือหรานนานแล้ว เดิมทีพวกเขาคิดว่าเฟิงหร่านน่าจะไปบอกความลับกับจั๋วซือหรานเพราะเฟิงหร่านเทิดทูนศรัทธาเฟิงเหยียนมาแต่ไหนแต่ไร จุดนี้ในตระกูลไม่ใช่ความลับอะไรยิ่งไปกว่านั้นเฟิงหร่านเนื่องจากที่พ่อของนางทำงานในโถงศักดิ์สิทธิ์บรรพบุรุษ คิดแล้วจึงน่าจะเข้าใจเรื่องการที่เฟิงเหยียนถูกลงโทษโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยเหล่าผู้อาวุโสคำนวณไว้แล้วถ้าเฟิงหร่านออกไป จะต้องนำความลับไปบอกแน่ใครจะรู้ ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้เดินตามหมากที่พวกเขาวางเอาไว้เลย!แต่กลับไปทะเลาะกับจั๋วจิ่วมาอีก?! สมองคิดอะไรอยู่กันแน่...แต่ดูแล้ว ก็เหมือนว่าข้อมูลที่จะให้จั๋วจิ่วได้รู้ ก็ถูกจั๋วจิ่วรับรู้ไปแล้วเช่นกันว่าตามหลัก
ผลลัพธ์น่าจะไม่ดีขนาดนี้ แต่ตอนนี้เป็นเฟิงฉี เช่นนั้นผลลัพธ์จึง...เฟิงหร่านพอคิดเช่นนี้ นิ่งงันคำนวณในใจ เวลาน่าจะใกล้เคียงแล้วพี่สาวจั๋วจิ่วบอกว่าประมาณหนึ่งเค่อก็จะบังเกิดผลในใจเฟิงหร่านเพิ่งจะคิด ก็เห็นสีหน้าของผู้อาวุโสเฟิงฉีเปลี่ยนไปแล้วดวงตาของเขาถลึงโต ยางกลับว่าจะทะลักออกมาจากในเบ้าตาอย่างไรอย่างนั้น!บนหน้าผาก บนคอ เส้นเลือดปูดโปน พูดอะไรออกมาไม่ออกแม้แต่คำเดียว จากแก้มที่ตึงก็มองออกไม่ยาก เขาขบฟันแน่นเหมือนกำลังทนความทุกข์ทรมานแสนสาหัส!ผู้อาวุโสเฟิงฮ่วนที่อยู่ข้างๆ ก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเขาแล้ว“เฟิงฉี เจ้าเป็นอะไร? เป็นอะไรไหม?” เฟิงฮ่วนถามขึ้นแต่เสียงเขายังไม่ทันขาด เฟิงฉีก็ยืนไม่อยู่แล้ว คุกเข่าลงเสียงดังตุบ!ผู้อาวุโสคนอื่นก็ระแวดระวังขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าเฟิงฉีทำไมจึงกลายเป็นเช่นนี้แค่คิดว่า น่าจะเป็นเพราะโรคระบาดกู่ก่อนหน้านี้กระตุ้นให้เกิดขึ้น แค่คิดว่าเฟิงฉีน่าจะกำลังจะกลายพันธุ์!กระทั่งมีคนเอามือทาบไว้บนด้ามกระบี่ตระกูลแล้ว ตั้งท่าเตรียมรับมือไว้ตลอดเวลาส่วนเฟิงฉี ในที่สุดก็หอบหายใจถี่ท่ามกลางความทรมานแสนสาหัสนั่น ดวงตาที่แดงก่ำจากควา
“อะไรนะ?!” เหล่าผู้อาวุโสตกตะลึงกันขึ้นมาเฟิงหร่านโขกศีรษะ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “ข้า ข้าเดิมทีก็ไม่รู้...ไม่รู้ว่าเป็นอะไร นาง นางบอกว่ารอให้ถึงเวลา ข้าก็จะรู้ว่ามันมีไว้ทำอะไร...ข้าคิด ข้าคิดว่าตอนนี้ นี่คือเวลาที่นางบอกไว้กระมัง?”“รีบ...รีบ...” เฟิงฉีนอนตะแคงอยู่บนพื้น มุมปากมีน้ำลายฟูมออกมาแล้ว ดวงตาเริ่มพร่ามัว “ให้..รีบ...ให้ข้า...”เฟิงหร่านรีบลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซนำยาไปมอบให้ใครจะคิดว่าพอเท้าไม่มั่นคง จึงคะมำตัวไปด้านหน้า ล้มคว่ำลงไป!ขวดยาในมือเองก็แตกกระจาย ผงยาในขวดก็กระจายลงบนพื้นเฟิงหร่านเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสลด “ขอโทษขอโทษ ข้า ข้าของข้ามันชาจนยืนไม่อยู่...”ไม่มีคนโทษนาง คนทั้งหมดล้วนตกตะลึงกับฉากตรงหน้าเฟิงฉีที่หยิ่งทะนงมาแต่ไหนแต่ไร เฟิงฮ่วนที่ชอบกู่ก้องเรื่องความสง่างาม ส่วนเฟิงฉีใส่ใจกับภาพลักษณ์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเวลานี้กลับทิ้งภาพลักษณ์ไปจนหมด เลื้อยตัวไปตามพื้น เหมือนคนใกล้ตายที่ได้พบเข้ากับน้ำทิพย์ชโลมใจใช้ลิ้นที่ยังเหมือนขยับได้ จัดการเลียผงยาที่อยู่บนพื้นทีละนิดๆ ต่อหน้าต่อตาคนทุกคนท่าทางหกล้มของเฟิงหร่านนี้ไม่ได้จงใจเจตนาแต่นางก็ไม่คาดไม่ฝันเหมือ
"เจ้ามองข้าแบบนี้ทำไมกัน!" ซางเชวี่ยเหมือนจะรับไม่ได้กับสีหน้านิ่งๆ ของจั๋วซือหรานซะแล้ว จึงลงมือทันที คิดจะรีบฉีกทึงสีหน้านิ่งบนหน้าของจั๋วซือหรานทิ้ง นางอยากจะเห็นหญิงสาวคนนี้อ้อนวอน! อยากเห็นหญิงสาวคนนี้กรีดร้องทรมาน!"ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมาเสีย!" เสียงของซางเชวี่ยยังไม่ทันขาด ร่างก็พุ่งไปอยู่ข้างตัวจั๋วซือหรานแล้วเพราะความเร็วมหาศาล กระพือลมเย็นเยียบขึ้นมาซางถิงเอ่ยเตือนเสียงต่ำ "ระวัง!"เขาคิดไม่ถึง! ว่าซางถิงนี่จะ...ซางถิงเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน "นางสูดรับความสามารถกับพลังของสัตว์ที่ควบคุมสองชนิดได้พร้อมกัน!"แสงเงินบนผิวหนัง เป็นพลังป้องกันจากเกล็ดสีเงินของงูเพลิงเงินตัวนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ความเร็วนี้ และยังมีการโจมตีกรงเล็บที่ส่งเสียงเคร้งคร้างตอนที่โจมตีใส่จั๋วซือหรานด้วย...ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นสัตว์ที่ควบคุมประเภทนกที่รวดเร็วแน่นอนบางทีอาจจะเป็นสัตว์ที่ควบคุมประเภทนกเหยี่ยว!แต่ซางเชวี่ยแม้จะฉากเข้ามาข้างตัวจั๋วซือหราน แต่การโจมตีก็ไม่ได้โจมตีโดนจั๋วซือหรานอย่างราบรื่นเสียงชิ้ง!ดังขึ้น ถูกจั๋วซือหรานกันออกไปแล้ว"เจ้าอาจจะยังเข้าใจข้าไม่พอ" เสียงของจั๋วซือหราน
ซางถิงมองหลายกระบวนท่าในปางมือของซางเชวี่ยออกสาเหตุที่เขามองออก ก็เพราะในกระบวนท่าบางส่วนในปางมือของซางเชวี่ย มันดูคล้ายกับกระบวนท่าปางมือในวิชา 'วิญญาณเลือดอสูร' ของเขานั่นเองจั๋วซือหรานสังเกตเห็นความเคร่งขรึมในสายตาซางถิงแล้วถามขึ้นว่า "มีอะไรหรือ?""กังวล นางจะเอาจริงแล้ว" เสียงของซางถิงกดต่ำ เอียงหน้าเล็กน้อย บอกกับจั๋วซือหรานที่อยู่ข้างๆ มาคำหนึ่งแล้วเขาก็ผูกถุงเก็บสัตว์ที่เอวไว้แน่น เอ่ยเสียงต่ำกับจั๋วซือหรานว่า "อีกเดี๋ยวถ้าสถานการณ์ไม่ปกติเจ้าก็หนีไปก่อนเลยนะ""อะไรนะ?" จั๋วซือหรานรู้สึกแปลกประหลาดนิดหน่อยซางถิงพยักหน้าช้าๆ สายตากลับไม่วางจากตัวซางเชวี่ย เอ่ยเสียงต่ำพูดกับจั๋วซือหรานว่า "ข้าจะขวางนางไว้เอง เจ้าหนีไปก่อน"จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่พูดอะไรซางถิงพูดต่อ "ข้ามองออกว่าบนเวทีเจ้าอ่อนข้อให้ข้า ดังนั้นตอนนี้ถือว่าข้าคืนให้เจ้าแล้วกัน เจ้าหนีไปก่อนก็พอ วิชาที่นางกำลังจะใช้ น่าจะตำมือพอควร""วิชาอะไร?" จั๋วซือหรานถามขึ้น"วิชาพวกยกระดับเลือดอสูร แต่แตกต่างกับเปิดช่องพลังทั่วไป สิ่งนี้เนื่องจากสูบเอาพลังและความสามารถจากบนตัวสัตว์ที่ควบคุมตรงๆ ดังนั้นภ
งูเพลิงเงินยังคงอ้าปาก กัดไปบนมือของจั๋วซือหราน แต่กลับกัดไม่เข้าซางถิงเพิ่งจะสังเกตเห็น ว่าบนผิวมือจั๋วซือหราน มีสิ่งของสีหยกบางอย่างที่ไม่รุ้จักเพิ่มขึ้นมาชั้นหนึ่งแต่ความคมของเขี้ยวงูเพลิงเงินนี้เหมือนจะกัดไม่เข้างูเพลิงเงินเองก็เหมือนจะคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้ มันพ่นเพลิงเงินออกมาทันที!แต่ของที่ราวกับเป็นปรอทนั่น พออยู่บนแขนของจั๋วซือหรานซางถิงรู้สึกเหมือนใจจะดีดออกมาอีกครั้ง ภาพนี้มันตื่นเต้นเกินไปแล้วแต่ว่า ไม่มีอะไรเลยสถานการณ์อย่างแขนจะถูกเผาจนเห็นกระดูกอะไรนั่น ไม่มีเลย เพลิงเงินนั่นค้างอยู่บนแขนของนาง แต่กลับไม่สร้างบาดแผลอะไรเลยจั๋วซือหรานกางฝ่ามือออก กอบเพลิงเงินนั่นไว้ในมือคนของโถงตัดหัวตระกูลซางล้วนตกตะลึงกระทั่งสีหน้าของซางเชวี่ยก็ยังเปลี่ยนไปแล้ว "ปะ เป็นไปได้อย่างไร...?"อันที่จริงหลังจากที่จั๋วซือหรานก็สังเกตได้ว่างูตัวนี้แม้เพลิงเงินที่พ่นออกมาจะชื่อว่าเพลิงเงิน แต่อันที่จริงมันไม่ใช่เปลวไฟ แต่เเป็นพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนของมันแล้วจั๋วซือหรานก็รู้สึกว่าพลังคุกคามนี้ไม่หนักหนาอะไรนัก หัตถ์เสวียนอวี้ของนางตอนที่เผชิญหน้ากับการแผดเผาของดวงใจแห่ง
ซางถิงสังเกตเห็นถึงสายตาของจั๋วซือหราน เขาไม่รู้เพราะอะไร ตนเองเหมือนจะเข้าใจความหมายบางส่วนในสายตาของจั๋วซือหรานขึ้นมาดวงตาซางถิงเบิกโพลงขึ้นมา ม่านตาหดลง จ้องมองจั๋วซือหราน "เจ้าคิดจะทำอะไร?"เขารู้สึกว่า จั๋วซือหรานกำลังคิดเรื่องที่แปลกใหม่เอามากๆคนปกติไม่มีทางมีความคิดเช่นนี้ แต่นางกลับกำลังคิดอยู่จริงๆ!จั๋วซือหรานเอียงตาเหลือบมองซางถิงผาดหนึ่ง คนผู้นี้ฉลาดจริงๆ มองออกแล้วว่านางคิดจะทำอะไรซางถิงกดเสียงต่ำพูดกับนาง "การโจมตีของงูเพลิงเงินนั้นอหังการมาก การป้องกันเองก็ยอดเยี่ยม เกล็ดหนังสีเงินทั้งตัวก็เหมือนเหล็กที่ไม่มีวันขาด ยิ่งไปกว่นั้นเพลิงเงินของมันก็ร้ายกาจ จะเผาไหม้สิ่งที่สัมผัสโดนมันจนไหม้เป็นจุณ!"จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว ตอนนี้เอง งูสีเงินตัวนั้น ก็ถูกแส้ของซางถิงกับไหมกู่ของนางพันเอาไว้แน่นและเป็นอย่างที่ซางถิงพูดเอาไว้เลย เกล็ดหนังของมันพลังป้องกันโดดเด่นมาก ไหมกู่ของนางแทงหนังเกล็ดของมันไม่เข้าเลย ทำอันตรายกับมันไม่ได้และมันก็เหมือนจะโกรธที่ถูกแส้กับไหมกู่พันเอาไว้ด้วย จึงอ้าปาก แล้วพ่นเพลิงเงินลูกหนึ่งออกมาเพลิงเงินลูกหนึ่ง ดูแล้วราวกับเป็นปรอทอย่างไรอย่างนั
"เดิมทีข้าแค่คิดจะจับเจ้าเป็นๆ พากลับไปสอบสวนเสียหน่อย ว่าเจ้าไปรเียนรู้ทักษะภาษาสัตว์ที่แทบจะสาปสูญไปแล้วของตระกูลซางมาได้อย่างไร" ซางเชวี่ยน้ำเสียงเย็นชาลงไปอีกจั๋วซือหรานมองนาง มุมปากยกขึ้นจนเป็นร้อยยิ้มจางๆ ไม่มีความอบอุ่นใดๆ กระทั่งไม่มีอารมณ์ใดอีกด้วยราวกับไม่ว่าซางเชวี่ยกับคนตระกูลซางพวกนี้จะพูดอะไรหรือทำอะไร ก็ไม่อาจส่งผลอะไรกับใจนางได้เลยจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "คนที่บีบเค้นถามข้า บอกว่าข้าแอบเรียนวิชาแพทย์ของตระกูลพวกเขา ตอนนี้ยังนอนอยู่ในบ้าน บางครั้งก็อั้นฉี่ไม่ไหวอยู่เลย "จั๋วซือหรานมองดวงตาซางเชวี่ย "เจ้าอยากจะลองไหม?"ซางเชวี่ยหัวเราะเย็นชา "ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ ข้าเดิมทีคิดจะจับเจ้าเป็นๆ แต่ตอนนี้ ข้าเปลี่ยนความคิดแล้ว คนอย่างเจ้า เป็นตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้ ไม่รู้ว่าจะเอาความยุ่งยากหรือการเปลี่ยนแปลงมามากแค่ไหน ตายๆ ไปเสียดีกว่า คนตายไปคือปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าสำหรับใครก็เป็นเช่นนี้"เสียงเพิ่งหยุดลง ข้อมือของซางเชวี่ยก็สั่นไหวอย่างรุนแรงแสงเงินสายหนึ่ง รวดเร็วมาก! แล่นตรงเข้ามาทางจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานหรี่ตาลงเล็กน้อย ยื่นมือออกทันทีแต่นางยังไม่ทันยื่นมือ
"นี่มัน...ไหมกู่?" ซางถิงอยู่ใกล้ๆ จั๋วซือหราน ดังนั้นจึงเห็นเส้นใยเหล่านี้ยิงออกมาจากมือนางและเพราะสามารถมองเห็นได้ชัด ดังนั้นซางถิงจึงมองออกรางๆ ว่าเส้นใยแต่ละเส้นเหล่านี้ กลับไม่เหมือนตาข่ายใยแมงมุมอะไรแต่คล้ายกับ...ไหมกู่ไหมกู่ที่แมลงกู่พ่นออกมาหญิงสาวคนนี้...ใช้วิชากู่ได้ด้วย!ซางถิงก่อนหน้านี้รู้สึกแค่ว่า จั๋วซือหรานถึงแม้จะเก่งกาจ แต่ว่าตนเองก็ออมมือไปบนเวทีด้วยไม่ได้ใช้วิญญาณเลือดอสูรออกมาด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ดูแล้ว จั๋วซือหรานที่อยู่บนเวทีเองก็เหมือนจะออมมืออยู่ไม่น้อยเลย ทั้งสองฝ่ายต่างออมมือจนสู้ออกมาเป็นแบบนั้นคนของโถงตัดหัวตระกูลซาง เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าจั๋วซือหรานจะใช้วิชากู่ได้ด้วย!หญิงสาวคนนี้! คิด! จะทำอะไรกันแน่!วิชาแพทย์ วิชาสกัดยา วิชายุทธ์ ตอนนี้วิชาควบคุมสัตว์กับวิชากู่ก็ยัง...!คนของโถงตัดหัวล้วนมองนางอย่างระแวดระวัง หลังจากกันไหมกู่ของนางออกไปแล้ว ก็ยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแต่ก็มีอยู่สองสามคนที่ไม่ระวังถูกไหมกู่ของนางเปื้อนเข้าไป ล้วนล้มลงพื้นครวญครางเจ็บปวดขึ้นมาสายตาซางเชวี่ยก็จับจ้องที่จั๋วซือหรานเช่นกัน "วิชากู่เจ้าก็เป็นด้วย
"แต่จากที่ข้ารู้ แมลงพิษที่ใช้เป็นกู่มาหลอมได้...แมงมุมเองก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นพอจั๋วซือหรานพูดคำนี้ คนของโถงตัดหัว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีจั๋วซือหรานยิ้มๆ "เล่นกู่หรือ? ช่วงนี้ข้าก็สนใจกับการเล่นกู่เหมือนกัน ดังนั้น ตาข่ายของพวกเจ้า ฉันเลยทดสอบไปแล้ว ตอนนี้ตาข้าแล้วกระมัง?"ตอนที่จั๋วซือหรานพูดคำนี้ ซางถิงก็ตกตะลึงไปเขารู้สึกว่าคำพูดนี้ดูคุ้นหู ตอนอยู่บนเวที จั๋วซือหรานก็พูดแบบนี้กับเขาเหมือนกันและหลังจากที่นางพูดคำนี้ ก็โต้กลับอย่างรุนแรงใส่เขาทันทีตอนนี้ นางพูดแบบนี้ออกมาอีกครั้งไม่รู้เพราะอะไร ซางถิงรู้สึกว่า น่าจะเป็นความรู้สึกคล้ายๆ กับก่อนหน้านี้กระมังคนอย่างจั๋วซือหราน ตอนที่เป็นคู่ต่อสู้ของนาง คงรู้สึกตำมือเป็นอย่างมาก มาเจอคนแบบนี้ เหมือนเจอกับเข็มแหลมรอบด้านจริงๆไม่ว่าจะสัมผัสจากมุมไหน ก็ล้วนทิ่มแทงมือทั้งสิ้น!แต่ตอนที่ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้กับนาง แล้วมาเป็นสหายร่วมรบที่มีเป้าหมายเดียวกันก็เหมือนจะรู้สึกว่าวางใจได้อย่างประหลาดเลยทีเดียวตอนที่ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็เหมือนจะไม่มีอะไรให้สับสนแล้วซางเชวี่ยหัวเราะเย็นชาขึ้นมาในกลุ่มโถงตัดหั
"มันต้องไม่ปกติอยู่แล้ว! นั่นมันวิชาลับสืบทอดของโถงตัดหัว" ซางถิงเอ่ยขึ้น "ตาข่ายแมงมุมของพวกเขาล้วนหลอมขึ้นมา ก็เพราะเอาไว้ควบคุมฝ่ายตรงข้าม""ในเมื่อควบคุมจั๋วซือหรานได้แล้ว" ผู้หญิงเสียงเย็นชานั่นเอ่ยขึ้นมา "ก็เก็บซางถิงเสีย ข้าเห็นตอนที่เขาสู้กับจั๋วซือหรานบนเวที สู้จนหมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว ยังไม่รู้ว่าจับแอบเก็บไพ่ตายอะไรที่ไม่อยากให้ใครเห็นไว้หรือเปล่า? ดูแล้วประหลาดๆ"ซางถิงพอได้ยินเนื้อหาคำพูดของซางเชวี่ย สีตาก็เปลี่ยนไปเขากำกำปั้นแน่น เขาซ่อนไพ่ตายความสามารถที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ไว้จริง เขาสามารถเปิดช่องพลังได้แต่ไม่เหมือนกับเปิดช่องพลังทั่วไป เขาไม่เพียงแต่สามารถเปิดช่องพลัง ยกระดับความสามารถตนเองขึ้นชั่วคราว ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่รู้สึกอ่อนล้าหลังจากที่ใช้พลังเกินตัวอีกด้วยเพราะการเปิดช่องพลังของเขา ไม่ได้เกิดจากใช้พลังงานของตนเองจนหมดแล้วดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินการเปิดช่องพลังของเขา คือใช้พละกำลังของสัตว์ที่ควบคุม ไม้ตายนี้เรียกว่า...วิญญาณเลือดอสูรไขาไม่เพียงแต่สามารถใช้พลังของสัตว์ที่ควบคุมได้ แต่ยังใช้พลังวิญญาณของสัตว์ควบคุมได้ในบางระดับด้วย กระทั่ง ยังสามารถทำให้
เขาสัมผัสได้ว่าบนบาดแผลทั้งสองที่ถูกดาบของนางแทงไว้ จนทำให้หินต้องห้ามยังแตกก่อนหน้านี้เวลานี้มันคันยุบยิบ ราวกัยว่า...กำลังผสานอย่างรวดเร็วจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "รักษาให้เจ้าก่อน อีกเดี๋ยวถ้าสู้ขึ้นมา จะได้ไม่ขี้เกียจ"ซางถิงเกือบจะโมโหจนหัวเราะขึ้นมายังไม่ทันที่เขาจะได้พูด ในกลุ่มคนเหล่านั้นที่ล้อมเข้ามา ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น"จั๋วซือหราน เจ้าสังหารลูกหลานตระกูลข้าไป แอบเรียนวิชาลับตระกูลข้า โทษนี้สมควรตาย แต่เห็นแก่ว่าเจ้าไม่ใช่คนในตระกูลเรา ไม่เข้าใจกฏเกณฑ์ของตระกูล จะไว้ชีวิตเจ้า แล้วจะพาเจ้ากลับไปช่วยอธิบายให้หน่อย ว่าไปร่ำเรียนวิชาลับตระกูลเรามาจากที่ไหน"จั๋วซือหรานพอได้ยินเนื้อหานี้ "เข้ามาเพราะความสามารถข้าจริงๆ ด้วย"ซางถิงหัวเราะเฮอะขึ้นมา เอ่ยเสียงต่ำกับจั๋วซือหรานว่า " ข้าก็บอกว่าแล้วไม่ได้มาหาข้า ในเมื่อมันไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไปได้แล้วใช่ไหม?"จั๋วซือหรานหัวเราะเหอะๆ " อย่าสิ ข้ารักษาให้เจ้าแล้วนะ รับแล้วก็ตอบแทนกันหน่อยมันเป็นมารยาท"ซางถิงกัดฟัน "แล้วทำไมเจ้าไม่พูดเสียหน่อยว่าบาดแผลพวกนั้นมันมายังไง..."ตอนนี้เอง เสียง 'คาดโทษ' จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้ก