Share

บทที่ 617

Author: หูเทียนเสี่ยว
“อะไรนะ?!” เหล่าผู้อาวุโสตกตะลึงกันขึ้นมา

เฟิงหร่านโขกศีรษะ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “ข้า ข้าเดิมทีก็ไม่รู้...ไม่รู้ว่าเป็นอะไร นาง นางบอกว่ารอให้ถึงเวลา ข้าก็จะรู้ว่ามันมีไว้ทำอะไร...ข้าคิด ข้าคิดว่าตอนนี้ นี่คือเวลาที่นางบอกไว้กระมัง?”

“รีบ...รีบ...” เฟิงฉีนอนตะแคงอยู่บนพื้น มุมปากมีน้ำลายฟูมออกมาแล้ว ดวงตาเริ่มพร่ามัว “ให้..รีบ...ให้ข้า...”

เฟิงหร่านรีบลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซนำยาไปมอบให้

ใครจะคิดว่าพอเท้าไม่มั่นคง จึงคะมำตัวไปด้านหน้า ล้มคว่ำลงไป!

ขวดยาในมือเองก็แตกกระจาย ผงยาในขวดก็กระจายลงบนพื้น

เฟิงหร่านเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสลด “ขอโทษขอโทษ ข้า ข้าของข้ามันชาจนยืนไม่อยู่...”

ไม่มีคนโทษนาง คนทั้งหมดล้วนตกตะลึงกับฉากตรงหน้า

เฟิงฉีที่หยิ่งทะนงมาแต่ไหนแต่ไร เฟิงฮ่วนที่ชอบกู่ก้องเรื่องความสง่างาม ส่วนเฟิงฉีใส่ใจกับภาพลักษณ์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

เวลานี้กลับทิ้งภาพลักษณ์ไปจนหมด เลื้อยตัวไปตามพื้น เหมือนคนใกล้ตายที่ได้พบเข้ากับน้ำทิพย์ชโลมใจ

ใช้ลิ้นที่ยังเหมือนขยับได้ จัดการเลียผงยาที่อยู่บนพื้นทีละนิดๆ ต่อหน้าต่อตาคนทุกคน

ท่าทางหกล้มของเฟิงหร่านนี้ไม่ได้จงใจเจตนา

แต่นางก็ไม่คาดไม่ฝันเหมือ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 618

    “...คนไหนก็ได้ทั้งนั้น เฟิงหร่าน ก็เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ข้าจัดการพวกตระกูลเฟิง ตระกูลจั๋วกับตระกูลเหยียน พวกที่เข้ามากำเริบเสิบสานที่ประตูบ้านข้า”“พวกเขามาร้องอย่างเวทนาหน้าบ้านข้า ร้องห่มร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลนอง กระทั่งขี้เยี่ยวราดออกมาอย่างคุมไม่อยู่ หลังจากนั้น คนอื่นๆ ก็เปลี่ยนเป็นว่าง่ายขึ้นทันที”“เฟิงหร่าน เจ้าต้องรู้ ว่าไม่มีอะไรที่จะมีพลังคุกคามไปมากกว่าเสียงกรีดร้องของพวกเดียวกันแล้ว”เฟิงหร่านคิดถึงบทสนทนากับจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้และขณะเดียวกัน นางเองก็มองเห็นความหวาดกลัวในสีหน้าของผู้อาวุโสคนอื่นแล้ว โดยเฉพาะหน้าของผู้อาวุโสทั้งสี่คนที่จั๋วซือหรานมีสัญญาณจิตวิญญาณแห่งคำพูดด้วยอย่างน้อย พวกเขาก็ไม่ได้ก่นด่าตบจนที่รองแขนพังเหมือนเฟิงฉีก่อนหน้านี้เหมือนกับว่า เปลี่ยนลงมาเย็นชาในพริบตา“แล้วตอนนี้ จะทำอย่างไร?”“หญิงสาวคนนี้ไม่ได้กำเริบเสิบสานแค่วันสองวันแล้ว การไปยั่วโมโหนางไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดเลย”“แต่พวกเราจะไปหาเหยียนเอ๋อร์มาจากที่ไหนให้นางล่ะ? เอาจริงๆ เหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่ว่าถูกนางเอาไปซ่อนไว้ที่ไหนแล้วหรอกหรือ?”เฟิงฉีหอบหายใจหนัก เอ่ยขึ้นเสียงแหบพร่า “สร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 619

    จั๋วซือหรานสอนคำพูดและการกระทำให้กับเฟิงหร่าน เฟิงหร่านก็ทำตามทั้งหมดจากสิ่งที่เกิดขึ้น ในการคาดการณ์ของพี่สาวจั๋ว ผลลัพธ์ที่ต้องการจากคำพูดและการกระทำเหล่านี้ ก็ล้วนสัมฤทธิ์ผลหมดแล้วและตอนนี้ เฟิงหร่านบอกกับตนเอง ว่านี่คือผลลัพธ์จากสิ่งที่นางตัดสินใจ จากสิ่งที่นางพิจารณาแล้วตัวเฟิงหร่านเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรบางทีคงเพราะหลังจากที่ได้สัมผัสกับจั๋วซือหราน ทำให้นางตระหนักถึงความเป็นหญิงของตนเองมากขึ้นกระมัง?แน่นอน เฟิงหร่านไม่รู้ว่าการตระหนักถึงความเป็นผู้หญิงหมายถึงอะไรในตอนนี้ นางรู้สึกขึ้นมาโดยสัญชาตญาณว่าตนเองควรจะทำอะไร ตนเองเหมือนยังทำอะไรได้บ้าง “...ขอเหล่าผู้อาวุโสให้โอกาสข้าด้วย” เสียงของเฟิงหร่านเต็มไปด้วยความยำเกรงและหวาดกลัวมีผู้อาวุโสหลายคนไม่แม้แต่จะมองนาง เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของนาง เหมือนว่าคนคนนี้สำหรับพวกเขาแล้วเป็นเพียงแค่อากาศธาตุแต่ก็ยังมีผู้อาวุโส ที่สังเกตเห็นเฟิงหร่านจากคำพูดของนางเสียงของเฟิงฉีเสียงแหบพร่า มีความอ่อนล้าจากการถูกทรมานจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรงยานี้ที่เวินป๋อยวนค้นคว้า เดิมทีคือไร้สีไร้กลิ่น รักษาแผลไม่ได้ รักษาโรคก็ไม่ได้ ทำให้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 620

    บ้านของนาง ถือว่าเป็นตระกูลสาขาเดียวกับผู้อาวุโสเฟิงฉี คิดดูแล้ว ก็เป็นเพราะชุบแสงของผู้อาวุโสเฟิงฉี ถึงได้เข้ามาในตระกูล ตามหลักการแล้วคือต้องฟังคำพูดของผู้อาวุโสเฟิงฉีมากที่สุด เชื่อฟังอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ท่านพ่อกลับโต้เถียงผู้อาวุโสเฟิงฉีเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของนางด้วยนิสัยของผู้อาวุโสเฟิงฉี เฟิงหร่านรู้ว่า ท่านพ่อต่อให้จะพูดอีกแค่ไหน ก็คงโดนลงโทษแน่นอน กฏของตระกูลเฟิงเองก็ไม่ได้เบากว่าของตระกูลจั๋วเลยหลังจากที่เฟิงหร่านยั้งคำพูดพ่อของนางไว้ ก็รีบเอ่ยกับเฟิงฉีว่า “ผู้อาวุโสโปรดระงับความโกรธ ท่านพ่อแค่เป็นห่วงลูกสาวจนจิตใจว้าวุ่น หร่านเอ๋อร์ไม่มีความเห็นใดต่อคำพูดของผู้อาวุโส หร่านเอ๋อร์จะไปเอง”เฟิงฉีเดิมทีก็รู้สึกโกรธอยู่ที่พ่อของเฟิงหร่านดื้อรั้น เดิมทีเขาก็เจอเรื่องไม่ดีมาก่อนหน้าแล้ว จึงยิ่งเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นไปอีกแต่ว่าคำพูดของเฟิงหร่านกลับทำให้เขาสงบลงไปไม่น้อยมีคนไม่เข้าใจกับวิธีการของเฟิงฉี“เจ้าให้เด็กสาวคนหนึ่งไปเจรจากับจั๋วจิ่ว แล้วจะเจรจาอะไรมาได้กัน?”เฟิงฉีตอบ “ก็เพราะนางเป็นเด็กสาวคนหนึ่งนี่ล่ะ ถึงจะทำให้จั๋วจิ่วลดการป้องกันลง เจ้านั่นถ้าไม่ลดการป้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 621

    จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็เพียงแค่เหลือบมองนางผาดหนึ่ง จากนั้นก็ร้องเรียกเฉวียนคุนเข้ามาเฉวียนคุนกำลังกินเคี้ยวตุ้ยๆ เต็มปาก สองตาเปล่งประกาย “นายท่าน มีอะไรหรือ?”“ไป เตรียมอาหารเช้าให้คุณหนูเฟิงสือสักชามนึง” จั๋วซือหรานกำชับขึ้นมาเฉวียนคุนรู้สึกว่าฝีมือทำอาหารของคุณหนูแทบจะพลิกแผ่นฟ้าอยู่แล้ว แค่บะหมี่ราดหน้าชามเดียว เด็กฉลาดนั่นก็กินจนตาเป็นประกาย ส่วนเขาก็เคี้ยวตุ้ยๆ เต็มปาก ส่วนเฮยหลิงนั่นก็ตัวดีเลย!เกือบจะเอาหม้อมาทุบกันอยู่แล้ว!ยิ่งไปกว่านั้นเฉวียนคุนยังรู้สึกว่า ถ้าเฮยหลิงเคยสูญเสียอิสระในตลาดมืด จนรู้สึกไม่ชอบที่ต้องมาคุดคู้อยู่ในที่ของผู้อื่นอีกล่ะก็บะหมี่ราดหน้าวันนี้ก็แทบจะทำให้ความรู้สึกไม่พอใจของเขาลดไปกว่าครึ่งเฉวียนคุนกระทั่งรู้สึกว่าที่หายไปครึ่งหนึ่งนี้ตนเองยังพูดน้อยไปด้วยซ้ำ ไม่แน่ในใจเฮยหลิงอาจจะโห่ร้องสรรเสริญคุณหนูหมื่นปีหมื่นหมื่นปีอยู่ก็ได้!แต่ว่าพวกเขาก็รู้สึกว่ามันอร่อยมากจริงๆทว่าตรงหน้าคนนี้ คุณหนูเฟิงสือเป็นถึงตระกูลเฟิงหนึ่งในห้าผู้นำตระกูลขุนนางเลยนะ!เฉวียนคุนกังวลเล็กน้อย ว่าอาหารเช้าของตนเอง จะดูถูกคุณหนูเฟิงสือคนนี้ไปไหม แล้วจะทำให้ค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 622

    “อื๋อ?” ข้อศอกจั๋วซือหรานเท้าอยู่บนโต๊ะ นิ้วรองคาง จ้องมองเฟิงหร่าน เป็นท่าทางที่กำลังตั้งใจฟัง รอคำพูดต่อไปของนางอยู่“พี่สาวจั๋ว อันที่จริง ไม่ใช่แค่ข้าที่มองออกว่าพวกเขามันเน่าไปจนถึงรากในแล้ว” ในสายตาเฟิงหร่าน มีประกายสุกใสบริสุทธิ์ไร้เดียงสา มองจั๋วซือหรานตาไม่กระพริบ “ข้าเองก็มองออก ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังคิดว่า คนอีกมากก็มองออกแล้วด้วย”จั๋วซือหรานไม่พูดอะไร ฟังเฟิงหร่านพูดต่อเงียบๆ“แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีคนยอมต่อต้านพวกเขา” เฟิงหร่านเอ่ยเสียงต่ำ “ต่อให้พวกเขาจะรู้ ว่าตระกูลนี้ เป็นพวกที่เน่าในถึงรากแก่น...แล้วมันทำไมล่ะ? พวกเขาที่รากฝังลึกเน่าเปื่อยมาหลายปี ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำอะไรได้”“ดังนั้นจึงมีคนอีกมากที่เลือกตามน้ำ” เฟิงหรานพูด หัวเราะจืดจางขึ้นมา ฟังแล้ว ดูมีความประชดประชันอยู่ “ข้าเองก็เคยคิดที่จะเลือกตามน้ำ เพราะว่าตระกูลนี้ ก็ยังค่อนข้างทำให้คนรู้สึกมั่นใจอยู่ ไม่ใช่หรือ?”“เทียบกับการต่อต้านแล้ว” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ทำตามกระแสไปมันง่ายกว่าเยอะ การต่อต้านเป็นเส้นทางที่ยากลำบากกว่าเสมอ”“ใช่แล้ว” เฟิงหร่านหัวเราะขึ้นมาอีก นางจ้องมองดวงตาจั๋วซือหรานจั๋วซือห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 623

    จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายจากอักษร รู้สึกว่า ในสุสานกระบี่น่าจะเป็นเศษกระบี่ที่ใช้หลอมกระบี่ให้กับลูกหลานตระกูลเฟิงถึงอย่างไรในงานหลอมใดก็ตาม ล้วนต้องมีพวกเศษชิ้นส่วนอยู่แล้วจั๋วซือหรานลองถามดู “ในสุสานกระบี่ คือเศษชิ้นส่วนกระบี่ของกระบี่ตระกูลเฟิงใช่ไหม?”เฟิงหร่านส่ายหัว “พี่สาวจั๋ว ในสุสานกระบี่คือกระบี่ตระกูลของคนในตระกูลเฟิงที่ตายไป”จั๋วซือหรานแม้จะบอกว่าคิดไม่ถึงคำตอบนี้ แต่พอได้ยินแล้วก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลอยู่คนตายมีสุสานฝังศพ กระบี่เองก็ต้องมีสุสานกระบี่ด้วยสิแต่ว่า สีหน้าของเฟิงหรานดูแล้ว จั๋วซือหรานรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายแบบนั้น“เท่านี้หรือ?” จั๋วซือหรานถามต่อเฟิงหร่านยิ้มๆ เพียงแต่รอยยิ้มดูขมขื่น “ตระกูลเฟิงให้พวกเราเห็นเพียงเท่านี้ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่แค่นี้ ตามหลักการแล้ว พวกเขาคงไม่หวังให้คนในตระกูลรู้เรื่องอื่น...และไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย...”เฟิงหร่านเอ่ยขึ้น “ลูกหลานอย่างพวกเราตอนที่ไปเข้าชมสวนหลอมกระบี่ ตอนที่ถูกพาเข้าไปยังสุสานกระบี่ ข้าดันหลงทาง”“แล้วเจ้าไปเห็นอะไรมาหรือ?” จั๋วซือหรานขมวดคิ้วถาม“โถงบรรพบุรุษ...แห่งหนึ่ง? โถงศักดิ์สิทธิ์? จาก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 624

    จั๋วซือหรานถามนาง “แต่เจ้าทำไมถึงรู้ล่ะ ว่าที่นั่นเป็นโถงลงโทษ? ถ้าหากมีไว้สำหรับคนเป็น โถงลงโทษมองแวบเดียวก็รู้แล้ว แต่พวกนั้น...เป็นดวงวิญญาณ ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรอกหรือ?”“ข้า...ไม่แน่ใจ ” ในดวงตาเฟิงหราน มี อารมณ์ หวาดกลัวค่อยๆ ปรากฏขึ้นแล้วจั๋วซือหรานตกตะล ง “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึงไม่แน่ใจ?”“พี่สาวจั๋ว ท่านรู้ไหมว่าการหลอมกระบี่ตระกูลของตระกุลเฟิง...เป็นเรื่องของคนเพียงคนเดียว?” เฟิงหร่านเอ่ยขึ้น “ตามหลักการ เรื่องอย่างกระบี่ตระกูล อันที่จริงหลอมตีออกมาในฐานะอาวุธวิญญาณก็พอแล้ว แต่ว่าของตระกูลเฟิงกลับตีหลอมออกมา..เป็นภาชนะวิญญาณ”จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของเฟิงหร่าน ม่านตานางหดลงจ้องเฟิงหร่าน “ดังนั้นความหมายของเจ้าคือ...”เพราะการหลอมภาชนะวิญญาณ จำเป็นต้องใช้พลังดวงวิญญาณของเจ้าของภาชนะวิญญาณและพลังดวงวิญยาณเดิมทีก็เป็นของที่สำคัญอย่างมาก แต่ว่าเหล่าคนในตระกูลที่เชื่อในตระกูลเหล่านั้น ล้วนรู้สึกว่ามานำพลังดวงวิญญาณส่วนหนึ่งของตนเอง มาผนึกไว้ในสถานที่ที่ลึกลับที่สุดอย่างสวนหลอมกระบี่ของตระกูล ถือว่าปลอดภัยและมั่นคงพวกเขาไม่รู้สึกว่ามีอันตรายใด พวกเขายินยอมพร้อมใจนำพล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 625

    นี่ถึงจะเป็นสาเหตุที่เฟิงหร่านหวาดกลัวจั๋วซือหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามออกมาว่า “แล้วเจ้าล่ะ?”เฟิงหร่านยิ้ม ยิ้มอย่างขมขื่น แสดงออกมาอย่างแจ่มชัดว่าอะไรคือการยิ้มที่ดูแล้วน่าเกลียดกว่าร้องไห้“ข้า? ข้ายังไม่รู้ว่าข้าโชคดีหรือว่าโชคร้าย” เฟิงหร่านมองจั๋วซ์อหราน “ในรุ่นเดียวกัน ข้ากับพี่ชาย เกรงว่าจะเป็นสองคนที่ไม่ได้ถูกผลึกพลังดวงวิญญาณเอาไว้ในสุสานกระบี่”“โอ๋? เพราอะไรกัน?” จั๋วซือหรานประหลาดใจหน่อยๆ ต่อให้เฟิงหร่านเป็นปลาที่หลุดรอดออกมาจากในตาข่าย ตระกูลเฟิงจะไม่สนใจมันก็เรื่องนึง แต่นี่กระทั่งเฟิงเหยียนก็...?เฟิงหร่านพยักหน้า “ข้ากับพี่ชายเป็นสองคนในรุ่นเดียวกันที่ไม่ได้ถูกผนึกพลังดวงวิญญาณไว้ ไม่ได้สร้างการสื่อสารกับดวงวิญญาณกับกระบี่ประจำตระกูล กระบี่ประจำตระกูลของพวกเราไม่ใช่ภาชนะวิญญาณ เป็นเพียงอาวุธวิญญาณเท่านั้น”“และเพราะข้าดวงดี ที่ได้ไปรับกระบี่วันเดียวกับพี่ชาย ตามหลักการแล้ว วันที่รับกระบี่ จำเป็นต้องมีการสื่อสารกับดวงวิญญาณ หรือก็คือ...ต้องผนึกพลังดวงวิญญาณบางส่วนเข้าไปในหินวิญญาณ แล้ววางเก็บรักษาไว้ที่สวนหลอมกระบี่”เฟิงหร่านตาเป็นประกาย “แต่ว่า! ดวงวิญญ

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1269

    เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่สามีของนาง เขายังเป็นคู่หมั้นในนามของหญิงสาวคนอื่นอีกด้วยสีหน้าของเฟิงเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะในคำพูดจั๋วซือหราน ไม่มีส่วนที่ผิดเลยแม้แต่น้อยแม้จะบอกว่าเด็กคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตามแต่ครั้งก่อนหน้านั้น เป็นเพราะจั๋วซือหรานถูกวางแผนร้ายใส่ ถึงทำให้นางสับสนหลงใหลจนมีสัมพันธ์กับเขาถ้าจะบอกว่า เขาเอาเปรียบหญิงสาวไป ก็ไมไ่ด้พูดเกินเลยนักเอาเปรียบหญิงสาว จนทำนางตั้งท้อง ไม่เคยจะมารับผิดชอบอะไรตอนนี้กลับจะมาชี้มือชี้ไม้เรื่องของนางพอสรุปมาแบบนี้ มันก็ช่าง...แย่มากจริงๆเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าตนเองนั้นแย่มาก พูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะปันอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนสหายเก่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ไกล่เกลี่ยขึ้นว่า "เอาล่ะเอาล่ะ..."เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถึงอย่างไร ทั้งสองคนตอนนี้จะไม่ได้เป็นคู่รัก แต่ความสัมพันธ์แบบนี้...มันก็ดูคลุมเครือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ นี่มันช่าง...ดังนั้นปันอวิ๋นเลยเปิดประเด็นขึ้น อึกอักในปากอยู่พักหนึ่ง กว่าจะพูดออกมาได้ "...พวกเจ้าหิวหรือยัง? ให้เหล่าจวนทำอะไรให้กินหน่อยดีไหม?"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1268

    นางยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น แหงนตาขึ้นมองพวกเขาสายตาของเฟิงเหยียนอึ้งไปเล็กน้อย เห็นนางยืนอยู่ในประตูด้วยสีหน้านิ่งขรึมเขารู้สึกลำคอแห้งผากอย่างประหลาด ความรู้สึกนั้น บางทีควรจะเรียกว่า...ตึงเครียดไหม?"เจ้า...ตื่นขึ้นมาตอนไหนน่ะ?" เฟิงเหยียนถามจั๋วซือหรานมองเขา "ไม่นานเท่าไร"เหมือจะมองออกถึงความกระอักกระอ่วนของเขา หรืออาจจะไม่สรุปคือ มุมปากจั๋วซือหรานยกขึ้นบางๆ พูดมาคำหนึ่ง "ท่านอ๋องน้อย ไม่เจอกันเสียนาน"นางทำแบบนี้โดยไม่เอ่ยถึงคำพูดก่อนหน้านั้นแม้แต่น้อยเฟิงเหยียนอ้าปากพะงาบ ต่อให้คิดจะพูดอะไร แต่ชั่วขณะหนึ่งก็เหมือนจะพูดออกมาไม่ได้จึงแค่ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง "ดีขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานพยักหน้า "ดีขึ้นมากแล้ว"กระทั่งปันอวิ๋นก็ยังมองออกถึงเรื่องระหว่างพวกเขา ไม่รู้เพราะเจ้าสมองกลับนี่ไปแตะเนื้อต้องตัวทำอะไรนาง หรือเป็นเพราะคำพูดเมื่อครู่นางได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน...สรุปคือ ปันอวิ๋นมองพวกเขาทั้งสองคน แล้วก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแทนพวกเขาทั้งสองคนปันอวิ๋นคิดๆ ดู ตอนที่ตนเองอยู่กับจั๋วซือหรานก็ยังไม่ได้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนี้รู้สึกร้อนใจแทนเจ้าบ้านี่จร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1267

    เพราะเป็นเพื่อนสนิท ปันอวิ๋นจึงเข้าใจความหมายที่เขาคิดจะแสดงออกมาหรือก็คือ ปันอวิ๋นเดาได้นานแล้วบางทีตอนนั้นเพื่อจะให้จั๋วซือหรานหลีกเลี่ยงโชคชะตาเช่นนี้ ตนเองจึงเลือกที่จะลืมเลือนแต่สุดท้ายพอวกไปวนมา ก็กลับมาเดินอยู่บนเส้นทางเดิมเจ้าสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตานี่ ลึกลับเอามากๆบางครั้งเหมือนจะมีเมตตา แต่บางครั้งก็เหมือนไม่เคยปราณีใครผู้ใด"แล้วเจ้าตอนนี้...คิดจะทำอย่างไร?" ปันอวิ๋นถามเขาจ้องเฟิงเหยียนตาไม่กระพริบเอาจริงๆ ปันอวิ๋นใช้มองจากมุมมองคนนอกอย่างมีเหตุมีผล ยังหวังว่าจั๋วซือหรานจะสามารถปล่อยวางได้แต่พอคิดถึงว่าถ้าหากจั๋วซือหรานปล่อยวางแล้วล่ะก็ ด้วยโชคชะตาภาชนะพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงของเฟิงเหยียน ผลสรุปสุดท้าย ก็คือตายก่อนวัยอันควรอยู่ดีและเพราะรู้เรื่องนี้ ดังนั้นปันอวิ๋นจึงหยุดไปครู่หนึ่ง เอ่ยเสริมมาคำนึง "ถังฉือเคยบอกข้าไว้ ในโถงวิญญาณอสูร พวกสัตว์เทพที่ถูกเก็บกลับมาเหล่านั้น..."ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว คิดถึงคำพูดของถังฉือถังฉือมีบาปหนาจากการฆ่าฟันคนมากมาย กลายเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจไปแล้ว ถ้าหากไม่เย็นชาไร้หัวใจ ป่านนี้คงเป็นบ้าไปแล้วดังนั้นตอนที่เขาพูดถึงเรื่องเห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1266

    ปันอวิ๋นส่งให้เขาชามหนึ่ง ตนเองก็ด้วยทั้งสองคนไม่พูดพล่ามทำเพลง กระดกรวดเดียวจนหมดราวกับว่า สุราที่มาช้าไปหลายปีนี้ ในที่สุดก็ได้ดื่มเสียทีราวกับว่าภาพเด็กน้อยที่แอบขโมยสุราพวกนั้นมาดื่ม ซ้อนทับเข้ามากับพวกเขาในเวลานี้"ช่วงนี้เจ้า ไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลยหรือ?"หลังจากร่ำสุราลงท้องไปสองชาม จิตใจก็เหมือนจะผ่อนคลายลงมาไม่น้อย ปันอวิ๋นถามขึ้นอย่างสบายๆ เป็นกันเองเฟิงเหยียนฟังออก ว่าเขาถามถึงเหล่าพี่น้องพวกนั้นเขาตอบอืมไปคำหนึ่ง "ไม่ได้ติดต่อกันเลย""เช่นนั้นก็คงไม่รู้สถานการณ์ของพวกเขาเลยสินะ" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเฟิงเหยียนไม่ยอมรับหรือปฏิเสธกับสิ่งนี้ ถือว่ายอมรับไปกลายๆปันอวิ๋นยิ้มๆ เหมือนจะเย้ยหยันตนเอง "แต่ก็ไม่โทษพวกเขาที่ไม่ติดต่อเจ้า ด้วยสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้ ก็ไม่มีหน้ามาติดต่อเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ"ได้ยินคำนี้ของปันอวิ๋น เฟิงเหยียนก็ไม่พูดอะไรอีกปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "ซงซีตอนนี้ทุกวันเหมือนขลุกอยู่แต่ในห้องหลอมสกัด หลอมสกัดอยู่ทุกวันไม่ได้พักเลย"เฟิงเหยียนพอได้ยินคำนี้ คิ้วก็ขมวดขึ้นบางๆ"เยี่ยนเหวย...ก็สูบเลือดออกมาทุกวัน อยู่แบบไม่เหมือนผู้เหมือนคน ผู้อาวุโสหวงจ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1265

    บางทีคงเป็นเพราะการคุยแบบเปิดอกก่อนหน้านี้ ทำให้ระยะทางขอเพื่อนสนิทสองคนที่เคยห่างไปตามกาลเวลา ย่อหดลงไปไม่น้อยเลยกระมังดังนั้นพอได้ยินปันอวิ๋นบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ เฟิงเหยียนจึงเหลือบมองเขา น้ำเสียงเปลี่ยนไป "ก็ได้ เช่นนั้นก็ไม่ขอบคุณแล้วกัน"เฟิงเหยียนสั่งขึ้นมา "ไป ไปเอาสุรามาให้ข้าหน่อย"แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ในเสียงกลับไม่ได้ออกคำสั่งอะไร ฟังแล้วเหมือนการใช้งานระหว่างเพื่อนกันมากกว่าปันอวิ๋นชะงักไปเล้กน้อย เพราะตอนพวกเขายังเด็ก ก็เคยใช้งานกันและกันแบบนี้ไป ไปเอาสุรามาหน่อยได้ งั้นเจ้าก็เอาปลาไปย่างซะข้าเห็นว่าเจ้าหน้าตาเหมือนปลาถ้าเจ้ายังพูดอีกรอบ จะโดนข้ากดจนจมถังสุราตายไปเลยเพราะคำพูดนี้ของเฟิงเหยียน ทั้งสองคนก็เหมือนกลับไปสมัยยังเด็กในชั่วพริบตาปันอวิ๋นยกมุมปากขึ้นบางๆ ลุกขึ้นไปให้คนรับใช้ส่งสุราเข้ามาคือสุราห้าพิษที่เขาจะหมักอยู่ทุกปี และใช้แมลงพิษมาหลอมจริงๆ แต่ตัวสุรากลับไม่มีพิษใดๆ กระทั่งยังหอมอบอวลเข้มข้นเป็นพิเศษ เป็นสุราที่หาได้ยากยิ่งและเป็นความลับที่ไม่เผยแพร่สู่ภายนอกของหุบเขาหมื่นพิษ ปกติมีแค่เจ้าหุบเขาที่รู้แต่ปันอวิ๋น หลังจากออกสำนักมา ก็ไม่ได้ด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1264

    จะเหมือนว่าตบหน้าใส่ตนเองอย่างแรง ทั้งที่เดิมทีก็อยู่บนโชคชะตาที่ขมขื่นอยู่แล้ว กระทั่งยังเป็นการตบหน้าตนเองในตอนนั้นอีกด้วยแบบนั้น...มันขมขื่นเกินไป พวกเขาเดิมทีก็ยากลำบากอยู่แล้วปันอวิ๋นนิ่งงันไปพักหนึ่ง อันที่จริงรู้สึกเหมือนไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนดีอยู่หน่อยๆความเงียบงันดำเนินต่อไประยะหนึ่งยังคงเป็นเฟิงเหยียนที่เอ่ยเสียงต่ำขึ้นมาก่อน "ขอบคุณมาก"ปันอวิ๋นได้ยินคำนี้ ก็รู้สึกแปลกประหลาด อารมณ์เองก็ไม่ค่อยมั่นคงทั้งที่มั่นคงมาตลอดแท้ๆหลังผ่านไปพักหนึ่ง ปันอวิ๋นจึงเอ่ยตอบว่า "เรื่องเล็กน้อย"ตอนที่ได้ยินคำนี้ สายตาของเฟิงเหยียนก็เหมือนขยับนิดๆยังจำได้ว่า ตอนยังเด็กถ้าปันอวิ๋นช่วยเขาทำอะไร ขอแค่เขาขอบคุณ ปันอวิ๋นก็จะพูดคำว่า 'เรื่องเล็กน้อย' ออกมาเสมอต่อให้บางครั้ง จะไม่ใช่เรื่องเล็กเลยก็ตาม แต่ก็ยังทำให้เขารู้สึกว่า ไม่ต้องเกรงใจ ยังมีพี่น้องคนนี้ช่วยแบกอยู่เฟิงเหยียนหยุดไปครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบขึ้นว่า "ก่อนหน้านี้ ข้าเจอกับหลงเฉินมา"พอได้ยินชื่อนี้ที่คุ้นเคย ม่านตาปันอวิ๋นก็หดลงเล็กน้อยเฟิงเหยียนเอ่ยต่อว่า "เขามีชีวิตไม่ค่อยดีนัก เหมือนตอนนั้นหลังจากที่เขาท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1263

    ท่าทีของเฟิงเหยียน ไม่ถือว่ากระตือรือร้นมากนัก กระทั่งค่อนข้างเย็นชาด้วยซ้ำแต่ก็เป็นเรื่องปกติ หลังจากที่เขาออกจากสำนักในตอนนั้น ก็ไม่ได้มีความฮึกเหิมเหมือนสมัยครั้งยังเด็กอีกมักจะเย็นชา และมักจะเฉยเมยปันอวิ๋นเม้มริมฝีปาก เข้าใจถึงสาเหตุนั้นสภาพการณ์ตอนที่เฟิงเหยียนออกจากสำนักครั้งนั้น เขาเองก็รู้เป็นอย่างดีต่อให้จนถึงตอนนี้ ก็ยังจดจำได้อย่างชัดเจนเพราะเฟิงเหยียนถูกทรยศเป็นคนแรก ดังนั้น ตอนนั้นพวกเขาก็อยู่ในฐานะคนที่ยังไม่ถูกทรยศอันที่จริง จะมากน้อยก็ยังมีความสงสัยว่าถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงไม่เข้าใจอยู่พวกเขารู้สึกว่าเฟิงเหยียนทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเฟิงเหยียนที่ไม่รู้จักบุญคุณพวกเขารู้สึกว่า เป็นเฟิงเหยียนที่ทำไม่ถูกเฟิงเหยียนเป็นคนอกตัญญูจนต่อมา ต่อมาของต่อมา ทุกคนทยอยกันเดินบนเส้นทางของเฟิงเหยียน ใครก็หนีไม่พ้นการทรยศหรือใช้ประโยชน์ทั้งนั้นตามหลักแล้วควรจะยอมรับชะตากรรมอย่างที่เคยเตือนเฟิงเหยียนเอาไว้ในตอนนั้น และมองว่าสิ่งนั้นเป็นการบ่มเพาะและการให้ความสำคัญจากสำนักแต่เพระาอะไร...ถึงได้ดีใจกันขึ้นมาไม่ได้เลยและหลังจากนั้นอีก แต่ละคนก็ทร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1262

    ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าไปกอดนางไว้แบบนี้ตลอด คอยอยู่ด้วยเงียบๆแต่เขากลับไม่ง่วงเลย ไม่ได้หลับ ไม่ได้ปิดตาด้วยแค่มองนางเงียบๆ สัมผัสถึงความร้อนในตัวนางกับชีพจรนางกระทั่งตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง...รู้สึกสงบใจอย่างมากราวกับว่า ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสมบูรณ์แบบแล้วทั้งที่ความทรงจำในอดีตยังไม่กลับคืนเข้าที่ แต่ความรู้สึกนี้ เหมือนสลักประทับอยู่ในจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ยากที่จะลบเลือนจนกระทั่งลมหายใจของจั๋วซือหรานมั่นคงแล้ว สีหน้ายิ่งมีประกายแดง สภาพดีขึ้นมากแล้วเขามองไปที่คราบเลือดแห้งกรังเหล่านั้นบนใบหน้าจั๋วซือหราน รู้สึกเสียดแทงตาเหลือเกินจึงได้เคลื่อนไหวเบาๆ เดินออกไปด้านนอก กำชับคนรับใช้ให้เตรียมน้ำร้อนมาไม่ให้คนรับใช้เข้ามาปรนนิบัติ แต่เขาหิ้วถังน้ำเข้ามาเองเขาอุ้มนางมาแช่ในถังน้ำ คอยสระชำระเส้นผมนางทีละเล็กทีละน้อย เช็ดคราบเลือดบนผิวนางออกอาบตัวนางจนสะอาดหมดจด อุ้มกลับไปบนเตียง ใช้ผ้าห่มห่อตัวนางจากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณธาตุไฟบริสุทธิ์ เป่าผมนางจนแห้งและเพราะมีกลิ่นอายของเขาห่อหุ้มอยู่ จั๋วซือหรานจึงหลับลึกอย่างสบาย ไม่ตื

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1261

    พลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงที่บริสุทธิ์ที่สุด ถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างนั้นจั๋วซือหรานมีความรู้สึกเหมือนตนเองถูกแช่ไว้ในน้ำอุ่น เป็นความรู้สึกที่สบายอย่างที่สุดในลำคอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสบายยิ่งไปกว่านั้น คนเราก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองลำบากยากเย็นอะไรนักแต่ตอนที่ร่างกายสามารถผ่อนคลายลงมาได้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานอีกแล้วพอย้อนคิดไปถึงความยากลำบากเหล่านั้นก่อนหน้า กลับรู้สึกว่าตนเองน่าสงสารขึ้นมาจั๋วซือหรานตอนนี้ก็รู้สึก ว่าตนเอง...ไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมเท่าไรชายคนนี้ เจ้าคนสมควรตายนี่มีสิทธิ์อะไร?มีสิทธิ์อะไรกัน?"..." ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บที่ปลายลิ้นเขาขมวดคิ้ว รสชาติคคาวหวานของเลือดแผ่ซ่านในร่องฟันของทั้งสองคนเขามองหญิงสาวตรงหน้า ก็เห็นแววตาของนางมีความหงุดหงิดอยู่หน่อยๆแล้วยังมีสีหน้าท้าทายอีกด้วยดูเหมือนจะจงใจกัดปลายลิ้นเขา น่าจะโมโหเอาการชายหนุ่มไม่ครางออกมาเลย ราวกับไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้นยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นยังโถมใส่นางอย่างเร่าร้อนรุนแรงถ้านางอยากได้ ก็ต้องแล้วแต่นางจั๋วซือหรานดูจนใจหน่อยๆ แต

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status