นี่เป็นอะไรกันเนี่ย นางดูดพลังหยางและเติมพลังหยินจากเขา เขาต้องเอาคืนหรือแต่จั๋วซือหรานยังไม่ทันคิดเรื่องนี้ เฟิงเหยียนก็ปล่อยนางไปแล้ว สีหน้าของเขาดูราวกับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย สงบและไร้เดียงสาในทางตรงกันข้าม ริมฝีปากของนางแดงและบวม และการที่นางยกมือและเช็ดปากของนางเบา ๆ ทำให้นางดูกังวลและอึดอัดมากยิ่งขึ้น“ ท่านอ๋อง เจ้า...”“หากข้าไม่ดูดกลับบ้าง พรุ่งนี้เจ้าจะถูกพลังนั้นเผา” เฟิงเหยียนกล่าวจั๋วซือหรานจำได้ว่าหลังจากนางรักษาอาการบาดเจ็บให้เขาแล้ว นางถูกพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาปลุกเข้าร่างกายของนาง และวันรุ่งขึ้น นางเจ็บตัวจนตั้งสติไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยนางกลอกตาและเอื้อมมือไปจับข้อมือของเฟิงเหยียนเฟิงเหยียนเพียงรู้สึกได้ถึงมีพลังอันบริสุทธิ์กำลังไหลเข้าสู่ระบบเส้นลมปราณของเขา เขารู้สึกสบายตัวมากเขารู้สึกพลังนั้นไม่ใช่พลังไฟของตระกูลเฟิง และไม่ใช่พลังไม้ของตระกูลจั๋วนั่นเป็นพลังที่บริสุทธิ์และมหัศจรรย์มาก ซึ่งเขาไม่สามารถอธิบายได้ชั่วขณะหนึ่งจั๋วซือหรานกล่าวว่า "เอาเป็นว่าข้าตอบแทนข้าละกัน เนื่องจากเจ้าปฏิบัติต่อข้าด้วยคว
“ใช่แล้ว เหยียนเอ๋อร์ เจ้าแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่” ผู้อาวุโสถามเฟิงเหยียนตรวจดูเป็นคร่าว ๆ เขาตอบ "ข้าหมดปัญญาขอรับ"ผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งยอมรับความจริงนี้ไม่ได้ เขาคิดเช่นนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาเป็นผู้ที่ฝึกฝนเฟิงช่านเอง และเฟิงช่านก็ยังเป็นรุ่นหลังที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดอีกด้วยแต่ตอนนี้เฟิงช่านกลายเป็นเช่นนี้ผู้อาวุโสท่านนี้พูดอย่างวิตกกังวล “ทำไมจะไม่มีทางออก ทำไมจะไม่มีทางแก้ปัยหาล่ะ เจ้าดูออกอยู่ใช่ไหม พวกเขาถูกวางยาพิษทั้งนั้น ในเมื่อถูกวางยาพิษ เจ้าต้องมีทางแก้ปัญหาสิ”ผู้อาวุโสจ้องมองที่ดวงตาของเฟิงเหยียนอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของผู้อาวุโสโหดร้ายเล็กน้อย"เจ้าร้อยพิษไม่กล้ำกลายมิใช่หรือ"สีหน้าของเฟิงเหยียนไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยสักนิดเขามีพลังอันรุนแรงที่สุด ตระกูลของเขาได้ผนึกพลังศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ไว้ในตัวร่างกายของเขา เขามีไฟที่รุนแรงและทรงพลังเช่นนี้เขายังจะถูกพิษกัดกร่อนได้อย่างไร พิษทั้งหมดจะถูกไฟเผาจนไม่เหลืออะไรเลยเฟิงเหยียนเหลือบมองผู้อาวุโสท่านนี้ เขาตอบ "ข้าร้อยพิษไม่กล้ำกลายก็จริง แต่พวกเขาไม่ใช่"“แล้ว แล้วตอนนี้เราต้องทำอย่างไรดี” ไม่น่าแปลกใ
มีความสามารถแต่ถูกทำร้ายหรือได้รับอันตรายตระกูลเฟิงนำหน้ามาเป็นเวลานาน ดังนั้นต้องมีใครบางคนไม่ยอมตระกูลเฟิงแน่ ๆจั๋วซือหรานไม่รู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนเฟิงนางกลับบ้านและรีบไปพักผ่อน จากนั้นนางเข้าไปในพื้นที่น้ำพุวิเศษของนางจั๋วซือหรานมองแวบเดียว นางตกใจทันทีเดิมทีนางไม่มีความรู้สึกมากมายต่อพลังวิเศษไม้โดยกำเนิดของตระกูลจั๋ว แต่เมื่อนางเห็นพืชอันสีเขียวชอุ่มในพื้นที่น้ำพุวิเศษอัตราการเติบโตของพืชเหล่นนี้เร็วกว่าอัตราการเติบโตในพื้นที่น้ำพุวิเศษของชีวิตก่อนหน้านี้ตั้งสามหรือห้าเท่าอย่างเห็นได้ชัดจั๋วซือหรานตกใจอย่างมาก และนางพอใจมากจริง ๆ ดังนั้นนางจึงขยันทำงานหนักในพื้นที่น้ำพุวิเศษตลอดทั้งคืนจนกระทั้งเช้าวันรุ่งขึ้น จั๋วซือหรานตื่นขึ้นมา นางยังรู้สึกตัวเองเหนื่อยอยู่เล็กน้อยแม้ว่านางหลับไปแล้วก็ตามเหมือนฝันว่านางโดนฆาตกรไล่ตามทั้งคืน นางพยายามวิ่งหนีในฝันไปทั้งคืน นางมีความรู้สึกเช่นนี้ นางจึงรู้สึกเหนื่อยเมื่อตื่นนอนนางไม่ได้เหนื่อยทางกายภาพ แต่เหนื่อยตรงจิตใจล้วน ๆฝูซูรายงานที่นอกประตู “คุณหนูขอรับ มีแขกมาขอรับ”จริง ๆ แล้วน้ำเสียงของฝูซูค่อนข้างเคร่งขรึมเล็ก
จั๋วซือหรานมองแขกที่มาจากราชวงศ์ แขกที่กำลังนั่งอยู่สวมชุดที่งดงามไม่มีความอบอุ่นในรูม่านตาของนาง ส่วนใหญ่เป็นเพราะแขกท่านนี้จ้องมองนางอย่างไม่รู้จักเก็บตัวรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความคิดอันชั่วร้าย ซึ่งทำให้นางรู้สึกหมั่นไส้" แม่นางจิ่ว ไม่เจอกันนานเลย” ซือคงยวี่พูดขณะที่เขามองจั๋วซือหราน เขายิ้ม “ตอนแรกข้ายังคิดอยู่ว่า เมื่อแม่นางจิ่วต้องพบกับความวุ่นวายมากมายในเมืองหลวงในเมื่อเร็ว ๆ นี้ แม่นางคงต้องเหนื่อยทั้งใจและกาย แต่ข้าคิดไม่ถึง..."ขณะที่เขาพูด เขามองจั๋วซือหรานอย่างละเอียด เขายิ้มและพูด" แม่นางจิ่วยังคงสวยราวกับดอกไม้ ไม่เพียงแต่สีหน้าของแม่นางไม่ซีดเซียวและเหนื่อยล้า แต่แม่นางยังสวยและมีเสน่ห์มากกว่าที่เราเคยเจอในก่อนหน้านี้”จั๋วซือหรานไม่ปฏิเสธคำชมของเขา นางยิ้มอย่างไร้ความจริงใจและพูด "ท่านมาที่นี่ มีธุระอันใด"“มีสิขอรับ” อ๋องชินยวี่ยิ้มและตอบ เขาปรบมือเบา ๆ จากนั้นมีคนรับใช้เดินเข้ามาจากประตูและยื่นใบรายการของขวัญให้จั๋วซือหรานด้วยความเคารพจั๋วซือหรานรับใบรายการนี้แล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย “อ๋องชินหมายความหว่า”อ๋องชินยวี่ยิ้มและกล่าวว่า "ข้ามาที่นี่ด้วยมือเปล่าได้ส
ซือคงยวี่กล่าวต่อ "และข้าถือโอกาศนี้ฉลองให้กับแม่นางจิ่วพอดี "“ฉลองหรือเพคะ” จั๋วซือหรานถามกลับ“ แม่นางจิ่วสอบติดแพทย์กลั่นยา ชนะตระกูลเหยียน และตอนนี้เจ้าได้ปลุกพลังสายเลือดแห่งตระกูลสายเลือดของตระกูลจั๋วแล้วด้วยซ้ำ เราไม่ควรฉลองกันหรือ” ซือคงยวี่ยิ้มและตอบ“ท่านอ๋องได้รับข่าวไวจังเพคะ” จั๋วซือหรานกระตุกริมฝีปากของนางซือคงยวี่ยิ้มและเดินไปหาจั๋วซือหราน เขาเอื้อมมือไปตบไหล่ของนางเบา ๆ แล้วพูดว่า "ดังนั้นข้าเลยตั้งใจเลื่อนงานเลี้ยงน้ำชาให้แม่นางจิ่วโดยเฉพาะ แม่นางจิ่ว คราวนี้เจ้าคงจะไม่ปฏิเสธข้าแล้วใช่ไหม"ในขณะที่ซือคงยวี่พูด เขาก็ตบไหล่ของจั๋วซือหรานเบา ๆ เมื่อเขาพูดจบ มือของเขาก็ตบไหล่ของนางเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเขาก็วางมือที่ไหล่ของนางจั๋วซือหรานสังเกตถึงความแข็งแกร่งบนไหล่ของนาง นางขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา "หากท่านอ๋องไม่อยากเอามือข้างนี้แล้ว ท่านอ๋องบอกหม่อมฉันก็ได้ ทำไมต้องวางผิดที่ล่ะ"“เจ้าพูดอะไรนะ” ซือคงยวี่ไม่ทราบตัวเองไม่ได้ยินคำพูดของจั๋วซือหรานชัดเจน หรือเขาฟังผิดเพราะเช่นเดียวกับคนรับใช้ที่คิดไว้ในก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีใครกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าเขาเลยดังนั
ซือคงยวี่ตกตะลึง เหมือนเขาคิดไม่ถึงว่า...เพราะการเคลื่อนไหวของจั๋วซือหรานเร็วเกินไปผู้หญิงที่อ่อนแอซึ่งได้รับการปกป้องอย่างชัดเจนจากน้องเจ็ดในก่อนหน้านี้ดูเหมือนมาอยู่ข้างหน้าในชั่วพริบตาเดียวซือคงยวี่มองไปที่นาง" แม่นางจิ่ว เจ้ามายถึงอะไร"“ไหนบอกว่ามีงานเลี้ยงน้ำชาไม่ใช่หรือ” จั๋วซือหรานมองเขาอย่างเย็นชา“ใบเชิญอยู่ล่ะ เอามาให้ข้าสิ”ซือคงยวี่เงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากเขารู้ตัว เขาจึงส่งสัญญาณมือแก่คนรับใช้ของเขาคนรับใช้ของเขารีบเข้ามาและถือใบเชิญไว้ในมือจั๋วซือหรานรับใบเชิญนี้อย่างไม่สนใจ นางพูดเบา ๆ “ ข้าจะไปอยู่ เช่นนั้น หากท่านอ๋องมีอะไรแล้ว…”นางทำท่า 'ได้โปรด' ไปที่ประตูซือคงยวี่มีสีหน้าที่แยกมาก จนกระทั่งรอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยการฝืนใจ เหมือนเขายิ้มแค่ผิวผืนแต่ด้วยฐานะและความเย่อหยิ่งของตนเอง เขาไม่ควรทะเลาะกับแม่นางจิ่ว มิดเช่นนั้นจะกลายเป็นว่า เขาดูเสียมารยาทอย่างมากเขาโกรธอย่างมาก จนเขาต้องบีบประโยคหนึ่งออกมาจากระหว่างฟัน "เช่นนั้น แม่นางจิ่ว เราพบกันใหม่ในวันนั้น"จั๋วซือหรานกระตุกริมฝีปากของนางแล้วพูดว่า "ข้าขอตัวไม่ไปส่ง"หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ในที่สุดซ
ทันใดนั้นเขาทรงตัวไม่อยู่ และเขารู้สึกตัวเองกำลังจะล้มลงกับพื้น แต่สุดท้ายเขาล้มลงพื้นไม่ได้ซือคงเซี่ยนหันไปของแม่นางที่อยู่ด้านหลังเขาอย่างช่วยไม่ได้ บัดนี้แม่นางผู้นี้กำลังเอานิ้วแตะไปที่หลังของเขา“เจ้า... ทรงพลังจริง ๆ…” ซือคงเซี่ยนพูด ในที่สุดน้ำเสียงของเขาก็ค่อนข้างผ่อนคลายจั๋วซือหรานดึงเก้าอี้มาให้เขานั่งลง จากนั้นนางขมวดคิ้วแล้วถามเขา "ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นกันแน่"ก่อนหน้านี้ นางยุ่งอยู่กับการเผชิญหน้ากับซือคงยวี่ เลยไม่สนใจกับสภาพของซือคงเซี่ยนมากนัก นางสังเกตเห็นเพียงว่าเขาผอมลงอย่างมาก และนางรู้สึกเขาซีดเซียวมากเวลานี้ จั๋วซือหรานจึงเห็นสภาพของเขาได้อย่างชัดเจน เขาไม่ใช่เพียงผอมแห้งและซีดเซียวแล้ว“ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้” จั๋วซือหรานขมวดคิ้วและจับชีพจรที่ข้อมือของซือคงเซี่ยนทันทีทันทีที่พลังของการแพทย์สายวิเศษทะลุผ่านเส้นเลือดที่ข้อมือ จั๋วซือหรานก็ขมวดขึ้น “นี่ เจ้า…”ชีพจรเช่นนี้แสดงว่าเขาต้องถูกทรมานอย่างมาก“ข้าเป็นเพียงลูกสาวธรรมดา ๆ ของตระกูล ดังนั้นตอนนั้นข้าจึงไม่มีกำลังสู้กับตระกูลเหยียนได้ เลยถูกพวกเขาใส่ร้ายและกล่าวหา ข้าได้ถูกลงโทษอย่างรุนแรง แต่ข้า
“ส่วนรายละเอียด...ข้าไม่ทราบ...ข้าก็ไม่แน่ใจ ข้าแค่ได้ยินแค่ไม่กี่คำ...ดูเหมือนพูดว่า...วางยาพิษ... ..”สภาพร่างกายของซือคงเซี่ยนอ่อนแอมาก และหลังจากเขาพูดไปสองสามคำ ลมหายใจของเขาก็อ่อนลงนางไม่รู้ว่าเขาหนีออกจากจวนอ๋องชินยวี่ได้อย่างไรจั๋วซือหราน มวดคิ้วและกดเขาลงบนเก้าอี้เตียงที่อยู่ด้านข้างทันทีฝูซูรู้สึกคุณหนูของเขาทำเช่นนี้ไม่เหมาะ เพราะคุณหนูของเขาเป็นเด็กผู้หญิง และท่านอ๋องเซี่ยนเป็นผู้ชาย...แต่จั๋วซือหรานดึงเสื้อผ้าของซือคงเซี่ยนออก นางหันไปหาฝูซู แล้วพูดว่า "อย่าอยู่เฉย ๆ มาช่วยหน่อยสิ"เมื่อฝูซูเห็นบาดแผลบนตัวของซือคงเซี่ยน เขาตกใจทันที "นี่ นี่ นี่ นี่..."ฝูซูรีบเดินเข้าไปช่วยจั๋วซือหรานปลดกระดุมเสื้อของซือคงเซี่ยน เปิดตัวร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลฝูซูเห็นสภาพร่างกายเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่ต้องกัดฟัน บางครั้งผู้คนอาจรู้สึกถึงความเจ็บปวดเมื่อเขาเห็นอาการบาดเจ็บบางอย่างดูเหมือนเขาจะเจ็บปวดเช่นกันฝูซูมององค์ชายท่านนี้ ดูเหมือนองค์ชายท่านนี้กำลังจะหายใจไม่ได้แล้วจั๋วซือหรานหยิบเข็มเงินออกมาหนึ่งแถวแล้วปักเข็มไปที่ร่างของซือคงเซี่ยนทีละอันหลังจากให้ยาเพิ่มอีกสอ
“นี่ฝูซูกับเฮยหลิงยังไว้หน้าพวกเจ้าอยู่นะ ถึงยังไม่จับตะเกียบ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าแค่น้ำแกงก็ไม่ได้ชิมด้วยซ้ำ” เจี่ยงเทียนซิงวางตะเกียบลงหัวเราะฮั่วจือโจวไม่อยากเชื่อ ถามขึ้นว่า “นี่คือของที่แม่นางจั๋วจิ่วทำหรือ? จริงหรือเปล่า?”“เป็นของที่คุณหนูข้าทำเอง” ฝูซูพยักหน้าอินเจ๋ออันมองเขา ถามขึ้นว่า “คุณชายฮั่ว ยอมรับแล้วหรือยัง?”ฮั่วจือโจวถอนหายใจเบาๆ พยักหน้าเจี่ยงเทียนซิงเห็นท่าทางแขกยึดครองตำแหน่งเจ้าภาพของอินเจ๋ออันแล้วก็หัวเราะพรวดขึ้นมา “เปาน้อย เจ้าเองก็ไว้หน้าตัวเองหน่อยดีไหม คำพูดนี้ข้าต่างหากที่ควรถาม? เจ้าน่ะยอมรับแล้วหรือยัง?”“ถ้าข้าไม่ยอมรับ แล้วข้าจะเอาเงินมาให้พวกเจ้าด้วยตัวเองทำไมกัน?!” อินเจ๋ออันจ้องอย่างมาดร้ายไปทางเจี่ยงเทียนซิงตัวเขาเองอาจจะไม่ทันสังเกต ว่าตนเองกระทั่งลืมไปแล้วว่าต่อต้านชื่อเรีย ‘เปาน้อย’ อยู่เฟิงหร่านนั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรมาตลอด สนใจแค่การกินอาหารบนโต๊ะอย่างรวดเร็วราวพายุดูดเท่านั้นนางกินไปด้วย พิจารณาชายหนุ่มสามคนนี้ไปด้วยในใจจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาเฟิงหร่านเกิดวิตกกังวลขึ้นมาแทนพี่ชายตนเอง นางชื่นชมในใจ พี่หญิงจั๋วน
สายตาฮั่วจือโจวมองจั๋วซือหรานอย่างลึกซึ้งตระกูลขุนนางเหล่านี้ล้วนเป็นแบบเดียวกัน จั๋วซือหรานเองก็เดินออกมาจากตระกูลขุนนาง ดังนั้นจึงเข้าใจเป็นอย่างดีต่อให้ทุกคนจะเป็นลูกหลานในตระกูลเหมือนกัน และก็จะมีพวกลูกหลานที่ได้รับการปฏิบัติกับให้ความสำคัญมากกว่า และก็จะมีลูกหลานที่ถูกมองข้ามหรือเมินเฉยแต่นี่ก็จะขึ้นอยู่กับฝีมือของรุ่นพ่อและฝีมือของตนเองดูจากจั๋วซือหรานแล้วมองออกไม่ยาก กระทั่งฝีมือของรุ่นพ่อก็ยังไม่แน่ว่าจะสำคัญ เพราะพ่อของนางนั้นไม่อยู่มานานแล้วมีเพียงฝีมือของตนเองที่ถูกให้ความสำคัญมากที่สุดดังนั้นในฐานะที่เป็นลูกหลานในตระกูล หากคิดจะได้รับการให้ความสำคัญของตระกูล อย่างน้อยก็ต้องทำผลงานออกมาให้ได้สถานการณ์ของฮั่วจือโจวตอนนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนี้เขามีฝีมืออยู่บ้าง และมีอุดมการณ์ของตนเองด้วยเช่นกัน แต่ก็จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ จะตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามไม่ได้เพราะในตระกูลเช่นนี้ คนมากมายล้วนเป็นแบบเดียวกัน โอกาสอาจจะมีแค่ครั้งเดียว ถ้าทำผลงานไม่ได้ หลังจากนี้ทรัพยายากรก็อาจจะไม่เอนมาทางเขาอีกแล้วจุดนี้ จั๋วซือหรานไม่ลังเลที่จะพูดออกมาสายตาฮั่วจือโจวหยุดอยู่ที่แ
จั๋วซือหรานยิ้มๆ “ก็ต้องตั้งแต่ตอนที่เจ้าตามพวกเราเข้ามาแล้วน่ะสิ”ฮั่วจือโจวลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้ามาทางนี้ นั่งลงข้างโต๊ะพวกเขา“เมื่อครู่แผนของแม่นางจิ่ว ข้าได้ยินแล้ว” ฮั่วจือโจวเองก็ไม่ปิดบัง พูดออกมาตรงๆเขาพูดประโยคนี้ออกมา ก็หวังว่าจั๋วซือหรานจะไม่ต้องมาเสียเวลาคิดมากในเรื่องนี้แล้วแต่ฮั่วจือโจวคิดไม่ถึงว่าจั๋วซือหรานจะพูดว่า “ข้าจงใจพูดออกมาให้เจ้าได้ยิน”สีหน้าฮั่วจือโจวตกตะลึงไปทันที “อะไรนะ?”จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายสามฮั่วฟังแผนการของข้าแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?”“ไม่เลว” ฮั่วจือโจวตอบ “มิน่าสี่ตระกูลที่เหลือจึงมองเจ้าเป็นหนามยอกอก”รอยยิ้มบนหน้าจั๋วยังไม่จางหาย “ถ้าข้าไม่จงใจพูดให้เจ้าได้ยิน แล้วจะกล่อมให้เจ้ามาร่วมมือได้อย่างไรกัน?”“ร่วมมือ?” ฮั่วจือโจวตกตะลึงจั๋วซือหรานตอบ “อืม ข้าไม่มีเจตนาจะทำให้ตระกูลฮั่วต้องลำบากใจ ถ้าแค่ตระกูลฮั่วไม่ทำให้ข้าลำบากใจน่ะนะ แต่ข้าเองก็เข้าใจ บุ่มบ่ามไปแย่งธุรกิจของคนอื่น ดูแล้วยังไงก็ไม่เหมาะสม และยังเป็นในสถานการณ์ที่ข้ามั่นใจว่าข้าคว้ามันมาได้ด้วย”ฟังคำพูดนี้ของจั๋วซือหรานแล้ว ฮั่วจือโจวก็หัวเราะขึ้นมา เขาก
“ทำให้มันคึกคักขึ้น?” เฟิงหร่านตาเป็นประกาย ความชื่นชมต่อตัวจั๋วซือหรานของนางไม่ได้แค่นิดหน่อยแล้วตอนนี้มองจั๋วซือหรานด้วยตาเป็นประกาย “พี่หญิงจั๋ว จะทำให้มันคึกคักขึ้นได้อย่างไรหรือ?”จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “วิธีการมีอยู่เยอะเลยทีเดียว ก็ให้เจ้าไปแสดงพ่นไฟ เฮยหลิงไปแสดงหน้าอกทลายหินอะไรแบบนั้น หรือไม่ข้าก็ให้พวกแมลงไปแสดงละครหุ่นกระบอก? ต้องสนุกคึกคักแน่ๆ...”“พ่น พ่น...พ่นไฟ??” ในสายตาเฟิงหร่านเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อก็จริง สำหรับนางที่เป็นคุณหนูลูกขุนนางเช่นนี้ทุกการกระทำทั้งหมดของจั๋วซือหราน กระทั่งแค่ลมหายใจของนาง ก็ดูจะผิดแปลกไปจากคนอื่นๆ ในตระกูลขุนนางเหล่านั้น “พ่นไฟเป็นไหม? ถ้าไม่เป็นเดี๋ยวไว้ข้าหาเวลาสอนเจ้า” จั๋วซือหรานวางตะเกียบลง “สรุปคือ ถ้าถึงเวลาต้องเปิดกิจการ ก็หาการแสดงอะไรมา จากนั้นพอเปิดร้านก็เตรียมการให้ลูกค้าแต่ละโต๊ะหลังจากที่กินอาหารเสร็จ ก็มอบอาหารเพิ่มให้อีกหนึ่งจานแบบไม่ต้องจ่ายเงินอะไรแบบนี้”“ประชาชนกินเพื่ออยู่ ขอแค่ของอร่อย ยังต้องกลัวว่าจะไม่มีใครมาอีกหรือ” จั๋วซือหรานคิดคิด เอ่ยต่อว่า “ไหนจะเรื่องที่อาหารของที่นี่รสชาติแย่แค่ไหน น่าจะไ
จั๋วซือหรานตอบ “เดี๋ยวเจ้าลองชิมก็รู้แล้ว...”ผ่านไปครู่หนึ่ง อาหารก็ส่งขึ้นมา หน้าตาแย่เอามากๆเจี่ยงเทียนซิงจึงเพิ่งได้ยินประโยคหลังของจั๋วซือหราน “...ไม่ใช่ห่วยแตกแบบธรรมดาด้วย”เจี่ยงเทียนซิง “...”เฟิงหร่าน “...”ฝูซู “...”เฮยหลิง “...”ทุกคนทยอยกันพูดไม่ออกจั๋วซือหรานหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบคำหนึ่งส่งเข้าปาก หลังจากเคี้ยวไปสองคำ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “พวกเจ้าลองชิมสิ ห่วยแตกแบบไม่ธรรมดาจริงๆ”เฮยหลิงยังพอไหว ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตยากลำบากมาแล้ว ขยับตะเกียบ หลังจากกินคำแรกไปเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าเขาเหมือนจะโกรธขึ้นแล้วเฟิงหร่านเองพอเห็นสถานการณ์ จึงวางตะเกียบลงเงียบๆเจี่ยงเทียนซิงถาม “เจ้าหิวแล้ว แต่จงใจมายังร้านอาหารที่รสชาติแย่หรือ?”จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ลองชิมดูก่อน แบบนี้ภายหลังจะได้มีความแตกต่าง”เจี่ยงเทียนซิงก็เชื่อฟังคำพูดของนาง คีบขึ้นมาพอส่งเข้าปาก จึงเพิ่งมีปฏิกิริยากับคำพูดของจั๋วซือหราน “...ภายหลัง?”ตอนนี้เอง อะไรบางอย่างที่อยู่ในปาก ในที่สุดก็ทำเอาประสามรับรสของเขาถูกปะทะอย่างรุนแรง“ถุด” เจี่ยงเทียนซิงพ่นอาหารในปากออกมา รู้สึกว่าคำวิจารณ์ก่อน
พอได้ยินคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง จั๋วซือหรานก็เลิกคิ้ว “นั่นก็จริงอยู่”เจี่ยงเทียนซิงถามขึ้น “บาดแผลของเจ้าไม่เป็นไรหรือ?”“ถ้าเจ้าถามช้าอีกหน่อย มันก็หายสนิทแล้ว” จั๋วซือหรานมองตำแหน่งบาดแผลเหล่านั้นบนร่างกายตนเองผาดหนึ่ง“ที่ข้าพูดไม่ได้หมายถึงบาดแผลในการประลองเมื่อครู่ แต่เป็นของเมื่อคืนนี้” เจี่ยงเทียนซิงบอกมาเฟิงหร่านอยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง จึงรีบกำชับขึ้นมาว่า “จริงด้วย พี่หญิงจั๋ว ท่านไม่เป็นอะไรแล้วหรือ? ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านเข้าไปในศาลบรรพบุรุษเมื่อคืนนี้แล้ว นั่นมันอันตรายมากเลย! ท่านไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม?”จั๋วซือหรานเหลือบมองแม่นางคนนี้ “พี่ชายของเจ้า กลับบ้านไปแล้วหรือยัง?”เฟิงหร่านตกตะลึง จากนั้นจึงพยักหน้า “กลับมาแล้ว”“เช่นนั้นเขาไม่ได้บอกเจ้าหรือ?” จั๋วซือหรานถามขึ้นมาอีกเฟิงหร่านถอนหายใจอีกครั้ง “อารมณ์ของพี่ชายเหมือนไม่ค่อยดีนัก หลังจากกลับมา ผู้อาวุโสหลายคนที่อยากไปคุยกับเขา ก็ล้วนถูกไล่ออกมาหมด ข้าเองก็ไม่กล้าเข้าไปวุ่นวาย”นางมองจั๋วซือหรานตาแป๋ว “พี่หญิงจั๋ว เป็นเพราะท่านหรือเปล่า?”“หือ?” จั๋วซือหรานส่งเสียงสงสัยขึ้นมาเฟิงหร่านถามขึ้น
“ไม่มีเคล็ดวิชาอะไร กระทั่งไม่มีถุงเก็บสัตว์ด้วยซ้ำ แต่กลับเก็บแมงมุมหน้าผีระดับราชาลงไปได้ในชั่วพริบตา” ซางเชวี่ยเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ก่อนหน้านี้ตอนที่นางอัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมา พวกเราถูกทำให้เข้าใจผิดจนคิดว่าอีกฝ่ายอัญเชิญออกมา คู่มือของนางคนนั้น แม้ความเร็วในการอัญเชิญจะเร็ว แต่ก็ยังต้องมีเคล็ดวิชาอะไรอยู่”“ตอนนั้นถูกเบนความสนใจจนไม่ทันสังเกต ตอนนี้กลับมองเห็นชัดเจนแล้ว ไม่แน่ว่าตอนที่นางอัญเชิญมาก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีเคล็ดวิชาอะไรในการเก็บหรือเรียก” คนตระกูลซางที่ถูกจั๋วซือหรานแย่งราชาแมงมุมหน้าผีไปคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงขรึมเขาจู่ๆ ก็รู้สึกโชค ที่ตอนไปจัดการราชาแมงมุมหน้าผีในป่าลึกลับตอนนั้น ตนเองไม่ได้เผชิญหน้ากับจั๋วซือหรานเหมือนคนพวกนั้นตอนนั้นเขายังรู้สึกว่า ราชาแมงมุมหน้าผีถูกแย่งไปเพราะโชคดีที่ไม่ได้มาเจอกับเขา ดังนั้นจึงแย่งไปได้อย่างราบรื่นแต่พอเห็นตรงนี้ ในใจเขาก็แอบรู้สึกโชคดี ยังดีที่ตนเองโชคดี! ไม่ได้ไปเจอเข้ากับจั๋วซือหรานในตอนนั้น! ไม่เช่นนั้น เขาคงได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ในป่าลึกลับเหมือนคนอื่นๆ พวกนั้นแน่!และบนเวทีประลองตอนนี้ หลังจากจั๋วซือหรานเก็บราชาหน้
เปรี๊ยะ...! ตอนที่เสียงนี้ดังขึ้น แจ่มชัดอย่างมากต่อให้ในสถานที่ที่สับสนวุ่นวายอย่างในลานประลอง ก็ยังแจ่มชัดอย่างมาก!ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยากันขึ้นว่ามาต้นเสียงมาจากไหนแต่เพียงไม่นาน ก็มีคนพบขึ้นแล้ว“ดู...ดูสิ! ให้ตายเถอะ...เว เวที แตก...แตกออกแล้ว!”ภายใต้การจับตามองของทุกคน ด้านใต้ร่างกายของซางถิง แตกออกมาเป็นรอยแยกรอยหนึ่ง!“นั่น...นั่นไม่ใช่เวทีที่ทำจากหินต้องห้ามหรือ? ทำ ทำไมถึง...แตกล่ะ?”ระดับความแข็งของหินต้องห้ามแค่จินตนาการก็รู้แล้ว ไหนจะคุณสมบัติพิเศษของหินต้องห้ามที่สามารถสะกดพลังวิญญาณของมนุษย์ได้ถ้าหากไม่สามารถใช้พลังวิญญาณ แล้วคิดจะสร้างรอยแตกแก่หินต้องห้าม นั่นมันฝันกลางวันชัดๆทว่าตอนนี้ กลับมีคนทำได้แล้วก็คือคนที่เดิมทีถูกทุกคนดูถูกบนเวทีประลอง ถูกทุกคนเข้าใจว่าสู้หลอกๆ เข้าใจว่านางไม่มีฝีมือการต่อสู้...คนที่เป็นแค่หญิงสาวในสายตาของทุกคนคนนั้นจัดการหั่น...เวทีประลองที่ทำจากหินต้องห้ามนี้จนแตกหลังจากที่ทุกคนตระหนักขึ้นได้ ทั่วทั้งลานก็เงียบลงมาทันทีจั๋วซือหรานมองไปทางอินเจ๋ออัน อินเจ๋ออันก็สีหน้าปั้นยากขึ้นมา กระทั่งประกาศแพ้ชนะก็ยังลืมทำ ยืนแข็งทื
เพราะบนเวทีประลอง ไม่ค่อยจะมีความยอดเยี่ยมที่พิเศษนัก หรือก็คือ การต่อสู้ที่งดงามยอดเยี่ยม คนที่เก่งกาจจริงๆ ใครก็ไม่อยากจะมาเสียเวลาบนเวทีประลองระดับต่ำๆ เช่นนี้ปกติจึงมีแต่การต่อสู้ที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก และเพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากจะลองเดิมพันกัน อยากจะเห็นการต่อสู้ที่เลือดสาดยิ่งขึ้น เพราะมันต้องมีอะไรสักอย่างที่ดึงดูดสายตาแต่ตอนนี้ การต่อสู้บนเวที ไม่จำเป็นต้องเลือดสาด แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมเพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็มองออก!สถานการณ์ตอนนี้เหมือนเคยเจอมาก่อนเพียงไม่นาน ก็มีคนมีปฏิกิริยาขึ้นมา“ไม่ใช่เหมือนกับตอนยกแรกหรือ? แค่พลิกกลับมาเท่านั้น”“จริงด้วย! ตอนยกแรก เป็นหญิงสาวถูกอีกฝ่ายใช้แส้ไล่ฟาดบีบจนเข้าไปในระยะโจมตีของสัตว์ประหลาด!”“แต่ว่าตอนนี้เหมือนนางมาไล่บี้ชายคนนี้ไปในระยะของสัตว์ประหลาด...?”“ไม่ ไม่ใช่ นางบีบชายคนนี้ ตรงไปยังจุดโจมตีถัดไปของนาง!”“พอพูดเช่นนี้ ตอนยกแรกคงไม่ใช่ว่านางยอมให้คนอื่นชนะหรอกใช่ไหม...?”จั๋วซือหรานได้ยินเสียงเหล่านี้ หางตายกโค้งนางคิดจะให้ทุกคนรู้สึกเช่นนี้ พอเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครรู้สึกว่านางไม่มีฝีมือ เอาชนะมาได้เพราะอีกฝ