ทันทีที่นางได้ยินเสียงนี้ จั๋วซือหรานรู้สึกหมั่นไส้จากใจนางไม่แน่ใจความรู้สึกนี้เกิดจากความคิดที่หลงเหลือจากเจ้าของร่างเดิมหรือเปล่าเจ้าของของเสียงที่มาจากนอกประตูนั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นฉินตวนหยางอย่างแน่นอน บัดนี้เขากำลังเอามือตีประตูของจวนจั๋วซือหราน และตะโกนด้วยจวนของตระกูลจั๋วและจวนของตระกูลเฟิงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีชนชั้นสูงที่ดีที่สุดของเมืองหลวง แต่จวนของจั๋วซือหรานไม่ได้อยู่ในพื้นที่นั้น สภาพแวดล้อมโดยรอบจึงไม่ได้เงียบมากนักการกระทำของฉินตวนหยางทำให้คนรอบข้างสนใจอย่างมากด้วยเสียงเอี๊ยด ประตูของจวนก็ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆรูปร่างเพรียวบางยืนอยู่ที่ประตูด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามและบุคลิกที่โดดเด่นเนื่องจากขาของฉินตวนหยางถูกนางหักในวันแต่งงาน และขายังไม่หายดี เขาจึงถูกคนเอาเปลหามเขามานี่ และทีนี้เขาทำได้นอนบนพื้นหน้าประตูเท่านั้นจั๋วซือหรานมองเขาด้วยความดูถูกฉินตวนหยางเห็นจั๋วซือหรานมีการกระทำเช่นนี้ เขาโกรธอย่างไร้เหตุผล เพราะแต่เดิมเขากำลังจะมีชีวิตที่ดีแต่สุดท้าย ผู้หญิงคนนี้ยกเลิกพิธีงานแต่งต่อหน้าแขกทุกท่าน แถมนางโหดเหี้ยมมากและหักขาของเขา ทำให้เขาต้องเสียหน้าต่อห
ก่อนที่ฉินตวนหยางจะพูดจบ เขาถูกใครบางคนรัดคออย่างแน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัวในขณะนี้ ดูเหมือนเขาจึงตระหนักได้ทันทีว่า ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ผู้หญิงที่เชื่อฟัง และไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาควบคุมด้วยเสน่ห์หนอนพิษกู่อีกต่อไปจั๋วซือหรานจ้องมองเขา ราวกับว่า นางกำลังมองไก่ที่ถูกรัดคอและกำลังจะถูกฆ่า“ความรักหรือ ฉินตวนหยาง เจ้าเอาเสน่ห์หนอนพิษกู่มาควบคุมสติของข้า เจ้าพยายามคุมชีวิตของข้าและทำลายชีวิตของข้า ระหว่างข้ากับเจ้า พูดได้เลยว่าเหลือแต่ความพยาบาท คงไม่มีใครกล้าตำหนิข้าหรอกนะ ข้าไม่ไปจัดการเจ้า แต่เจ้ากลับกล้ามาหาข้าหรือ”มุมปากของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย นางค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้และจ้องมองไปที่ดวงตาของฉินตวนหยาง "หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะอยู่ห่าง ๆ ไว้ ช่างน่าเสียดาย มีคนจำนวนมากเห็นเจ้า มิฉะนั้น....."ฉินตวนหยางได้ยินเสียงออร่าแห่งการฆาตกรรมในน้ำเสียงของนาง เขาสังเกตว่าความแข็งแกร่งของนิ้วของนางแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และความตื่นตระหนกในใจของเขาก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ"ช่วย ช่วย... ชีวิต..." ฉินตวนหยางหายใจลำบาก เขารู้สึกคอของเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง ราวกับว่าวินาทีถัดไป
จั๋วซือหรานสังเกตชายสองคนนี้มานานแล้วเพียงว่านางกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการกั ฉินตวนหยาง เลยไม่มีเวลาทักทายพวกเขาเหยียนฉีมาถึงที่นี่ จั๋วซือหรานคิดว่าจะต้องเกี่ยวกับการแข่งขันครั้งต่อไปแต่จั๋วซือหรานไม่เข้าใจ ทำไมเฟิงเหยียนมาด้วยชายสองคนนี้เดินตามจั๋วซือหรานเข้าไปในจวนน์ แม้ว่าในวันที่จั๋วซือหรานเกือบแต่งงานกับฉินตวนหยาง พวกเขาเคยแอบมาเยี่ยมจวนหลังนี้แต่บัดนี้พวกเขาเข้ามาในกลางวันแสก ๆ จึงมีโอกาสเห็นการตกแต่งของจวนหลังนี้จั๋วซือหรานพาพวกเขาไปที่ห้องโถงด้านหน้าและนางสั่งฝูซูเตรียมชา“ต่อไปนางจะอยู่ที่นี่หรือ” เหยียนฉีถามจั๋วซือหรานฟังความเห็นอกเห็นใจในน้ำเสียงของเหยียนฉี เห็นได้ชัดว่า เขาเหมือนเหล่าลูกหลานของตระกูลใหญ่และขุนนางต่างๆ ต่างรู้สึกว่าการที่นางแยกตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูล นั่นเท่ากับว่านางถูกลงโทษด้วยถูกเนรเทศ“เจ้าค่ะ ต่อจากนี้ ข้าจะอยู่ที่นี่” จั๋วซือหรานตอบด้วยสีหน้าปกติเหยียนฉีถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า "แม่นางจั๋วจิ่ว ข้าทราบดี เรื่องของครั้งที่แล้วล้วนเป็นความผิดของอาสามของข้าทั้งนั้น แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องเอาอนาคตและชีวิตของเจ้ามาพูดเล่น ตอนนี้เจ้าถูก
จั๋วซือหรานรู้สึกว่า นางทำเช่นนี้ เขาเย็นชากับตัวเอง นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้วฝูซูไม่รู้เรื่องนี้ จึงได้แต่พูดกับตัวเองว่า "เขาต้องจำฝังใจแน่เลยใช่ไหมขอรับ เขาต้องโกรธคุณหนูเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้"“อย่ากังวลอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า” จั๋วซือหรานยืนขึ้น “ไปกัน เราไปคลังเก็บของกัน”หลังจากเฟิงเหยียนและเหยียนฉีออกจากจวนของจั๋วซือหรานเหยียนฉีถอนหายใจ "คราวนี้อาสามของข้ามากเกินไปแล้ว เขารังแกแม่นางเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างใจร้ายเหลือเกิน... "เขายังไม่ทันพูดจบ เฟิงเหยียนพูดอย่างไร้ความรู้สึกจากด้านข้าง "เจ้าคิดว่าเจ้าจะชนะแน่ ๆ หรือ"“ไม่ใช่หรือ…” เหยียนฉีมองเฟิงเหยียน ดวงตาของเขาค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “เจ้าหมายถึง เจ้าคิดว่านางจะชนะข้าได้หรือ”สีหน้าของเฟิงเหยียนไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เขาพูดเบา ๆ "ข้าจะไม่ตัดสินอะไร แต่เจ้าเห็นวิชาการตรวจชีพจรโดยไม่สัมผัสผิวหนังของนางแล้ว และฝีมือของเมื่อครู่นี้ด้วย"เหยียนฉีพูด "เจ้าหมายถึง นางทำให้ผู้ชายที่แซ่ฉินเจ็บสาหัสเช่นนั้น แล้วทำให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง นั่นไม่เก่งนัก ข้าก็ทำได้เช่นกัน"“เจ้าเห็นสีหน้าของนางในเวลานั้นหร
“สวัสดีตอนเย็น ท่านอ๋อง” จั๋วซือหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชา เล่นกับชุดน้ำชา และยิ้ม“รับชาสักถ้วยไหม”แม้ว่าซือคงเซี่ยนไม่เข้าใจทำไมนางถึงไม่ให้คนรับใช้ทำสิ่งเหล่านี้ แต่เมื่อเห็นนิ้วเรียวอันสีขาวของนางเล่นชุดน้ำชา ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขและแปลกใจซือคงเซี่ยนนั่งลงแล้วพูดว่า "เช่นนั้น ข้าขอรบกวน คุณหนูจิ่ว "จั๋วซือหรานเทชาให้เขาหนึ่งแก้ว แล้ววางไว้ตรงหน้าเขาซือคงเซี่ยนวางม้วนกระดาษไว้ข้างหน้าจั๋วซือหราน "นี่คือสิ่งที่ คุณหนูจิ่วฝากข้าไปจัดการ สัญญาเช่าร้านค้าใกล้กับศูนย์การแพทย์เหยียนอยู่ในนี้หมดแล้ว"ฝูซูจะไม่เข้าใจได้อย่างไร คุณหนูไม่เพียงแต่วางแผนที่จะแข่งทักษะทางการแพทย์ของนางกับลูกหลานของตระกูลเหยียนเท่านั้น นอกจากนี้นางยังวางแผนที่จะเปิดศูนย์การแพทย์ของตัวเอง และจะแข่งกับศูนย์การแพทย์เหยียน“ขอบพระทัยท่านอ๋อง ค่าเช่าเท่าไร ข้าจะให้ฝูซูเอามาให้ท่านทีหลัง” จั๋วซือหรานยิ้มซือคงเซี่ยนโบกมือ “เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ คุณหนูจิ่วไม่ต้องเกรงใจนัก นางช่วยชีวิตเสด็จย่าของข้าไว้ ซึ่งเป็นความกรุณาอันล้ำค่าสำหรับข้าแล้ว”จั๋วซือหรานส่ายหัวแล้วพูดว่า "อย่างไรก็ตาม นี่คือเรื่องที
ซือคงเซี่ยนยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่ามีน้ำใจมาก ท่านไม่ว่าหรอก"ทั้งสองเดินไปพระราชวังระหว่างทาง ซือคงเซี่ยนหยิบกล่องไม้พะยูงออกมา กล่องไม้ชิงชันนั้นดูประดิษฐ์อย่างประณีตและละเอียดมาก และมีพื้นผิวที่เรียบมาก“ท่านอ๋อง นี่คือ...” จั๋วซือหรานไม่เข้าใจ เลยไม่รับ“นี่คือยารักษาบาดแผล” ซือคงเซี่ยนพูดอย่างอ่อนโยน “ข้ารู้ คุณหนูจิ่วมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่เป็นคุณหมอที่เก่ง หากไม่มียาที่ดี คงหายยาก คุณท่านจั๋วลิ่วเป็นผู้ที่ดูแลคลังของตระกูลจั๋ว ข้าว่า... "ซือคงเซี่ยนไม่ได้พูดต่อ แต่ความหมายในสิ่งที่เขาอยากพูดนั้นชัดเจนอย่างมากด้วยทัศนคติอันแย่ที่คุณท่านจั๋วลิ่วมีต่อจั๋วซือหราน ไม่ต้องสงสัยเลย เขาต้องฉวยทุกโอกาสเพื่อกีดขวางนาง เขาต้องไม่ให้ยาใด ๆ แก่นางอย่างแน่นอนและเมื่อวานนางอยู่ในหน่วยสืบสวนพิเศษหนึ่งวันเต็ม ๆซือคงเซี่ยนได้ยินมานาน และเขาทราบวิธีการลงโทษที่โหดเหี้ยมของหน่วยสืบสวนพิเศษแม้ว่าเมื่อคืนจั๋วซือหรานได้รับยารักษาบาดแผลที่สระน้ำเย็น แต่สำหรับน้ำใจของซือคงเซี่ยน นางรู้สึกดีมากและนางขอบคุณชายผู้นี้“ขอบพระคุณท่านอ๋อง” จั๋วซือหรานยิ้มและขอบคุณซือคงเซี่ยน นางรับกล่
เมื่อจั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ สีหน้าของซือคงเซี่ยนก็กลายเป็นเคร่งขรึมทันที " แม่นมยวี่ เกิดอะไรขึ้น"แม่นมยวี่สะอื้นสะอื้นและพูดว่า "ท่านอ๋องเพคะ เช้านี้ไทเฮาไม่มีอะไรผิดปกติเพคะ ท่านเสวยข้าวเช้าและมือเที่ยง หลังจากนั้นท่านเสวยยาหลังอาหารกลางวัน จากนั้นท่านมีอาการแย่ลงเพคะ"จั๋วซือหรานพูด" แม่นมยวี่ รีบพาหม่อมฉันไปตรวจอาการของไทเฮา แล้วเล่าอาการของไทเฮาให้หม่อมฉันฟัง"แม่นมยวี่รีบลุกขึ้นและนำจั๋วซือหรานเดินเข้าไปห้องข้างใน นางเดินไปพูดไป "ตอนแรกไทเอามีอาการอาเจียนและท้องเสีย ท่านนึกว่าท่านรับประทานอะไรผิด หลังจากท่านลงโทษห้องครัวหลวง ก็ไม่สังเกตอาการต่อ ก็.......เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ พวกเราไม่กล้าตามหมอหลวงมาตรวจอาการ”“โดยปกติ ตำหนักหย่งโซ่วมักจะเตรียมยาไว้รักษาอากรเล็ก ๆ น้อย ๆ และความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ ไทเฮารับประทานยาเหล่านั้น แต่ไม่คาดคิด ท่านสลบไสลทันที”“ทีแรกบ่าวนึกว่าไทเฮาสลบไสลเพียงเพราะท่านอ่อนแอและเหนื่อยจนหลับ แต่นึกไม่ถึง บ่าวปลุกอย่างไร ท่านไม่ตื่นเสียที” แม่นมยวี่ปาดน้ำตาแล้วมองจั๋วซือหรานด้วยน้ำตา“ แม่นางจิ่ว ไทเฮา...โดนใครวางยาอีกหรือเปล่าเจ้าคะ”ก่อนหน
แม่นมยวี่รีบมาแก้ผ้าของไทเฮา เพื่อให้จั๋วซือหรานฝังเข็มเข็มทองคำในมือของจั๋วซือหรานเจาะเข้าไปในจุดฝังเข็มอย่างรวดเร็วและแม่นยำจากนั้นนางตอบคำถามที่ซือคงเซี่ยนถามไว้ก่อนหน้านี้ "ใช่เลย มันเป็นพิษกู่ คราวนี้ ไทเฮาไม่ใช่ถูกวางยาพิษ แต่ถูกวางพิากู่"จั๋วซือหรานบิดเข็มทองคำทีละอัน และพลังอันบริสุทธิ์การแพทย์สายวิเศษได้ถูกนำไปยังจุดฝังเข็มของไทเฮาและระบบเส้นลมปราณตามเข็มทองคำจั๋วซือหรานหมุนเข็มแล้วเยาะเย้ย "นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบอกว่าคราวนี้มันอาจจงใจหาเรื่องข้า ก่อนหน้านี้ ข้าเคยถูกชายที่ขาหักควบคุมโดยเสน่ห์หนอนพิษกู่ เลยทำให้ข้ายอมยกเลิกการหมั้นหมายกับท่านอ๋องเฟิง และโวยวายแต่งงานกับผุ้ชายที่ขาหัก”“เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ ดังนั้นบางทีพวกเขาอาจคิดว่า เนื่องจากข้าถูกควบคุมโดยเสน่ห์หนอนพิษกู่ แม้ว่าข้าจั๋วจิ่วมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี ข้าไม่สามารถรักษาพิษกู่นี้ได้อย่างแน่นอน”หลังจากจั๋วซือหรานบิดเข็มทองคำแต่ละอัน นางสะบัดมันเบา ๆ และเข็มทองคำก็เริ่มสั่นซือคงเซี่ยนถามจั๋วซือหราน“ แม่นางจิ่ว...ถอนพิษนี้ได้หรือ”จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆเจ้าของร่างเดิมนี้ทำไม่เป็นจริง ๆ แม้ว่าเจ้าของร่างเ
ส่วนมือของหานกวง กระทั่งทาบไว้บนกระบี่ที่เอวแล้วแต่คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะตรวจจั๋วซือหราน สีหน้ากลับไม่มีความเป็นศัตรูเลยจั๋วซือหรานตอนนี้ก็เงยหน้ามองคนตรงหน้าอดพูดไม่ได้เลย ว่านี่เป็นใบหน้าที่หล่อเหลามาก คนเราพอเจอกับคนที่หน้าตาดี ในใจก็มักจะใจกว้างขึ้นมาจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้เพราะเห็นหน้าเฟิงเหยียนมากไป ดังนั้นเรื่องการตัดสินความสวยความหล่อนี้จึงสูงมากแต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในใจก็ยังอดยอมรับไม่ได้ ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ หน้าตาดีเอามากๆหล่อเหลา แล้วยังเป็นแบบนี้เฟิงเหยียนยังไม่อาจเทียบได้ สองคนลักษณะแตกต่างกันเฟิงเหยียนให้ความรู้สึกเหมือน หล่อแบบหาที่ติไม่ได้แต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้ เทียบจะบอกว่าหล่อเหลา สู้บอกว่างามสง่าดีกว่า ใบหน้าแม้จะดูสง่างาม แต่มองจากรายละเอียดเค้าโครงหูตาจมูก ก็ดูอ่อนโยนกว่า ไม่ได้แข็งกระด้างนักยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เขายิ้ม ในดวงตาก็มีแววเจ้าเล่ห์เล็กๆอยู่ ทั่วทั้งตัวดูมีท่วงท่าความเจ้าเล่ห์แผ่ออกมาว่าอย่างไรดี คือ...ไม่ใช่คนดีนั่นล่ะเขานั่งอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหราน มองนางเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม สายตาพิจารณาไปมาอยู่บนตัวนางจากนั้นจึงหัวเราะเส
เพราะตอนที่จั๋วซือหรานมา โรงหมอเปิดทำการแล้ว ดังนั้นในโรงหมอยังมีคนอื่นอยู่ ล้วนกำลังตรวจอาการกันจั๋วซือหรานเองก็มองออกง่าย ถึงอย่างไรก็มีหน้าตาแบบว่าพอได้เห็นก็ย้ายสายตาออกไม่ได้แล้วยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของแม่นางจั๋วจิ่ว ในเมืองหลวงเองก็ลือชื่อโด่งดัง ปกติไม่ค่อยได้เห็นตัว ตอนนี้พอได้เห็นก็ทำเอาคนอยากรู้จักกันขึ้นมาเอาแค่ใบหน้านี้ ก็คุ้มที่จะลงทุนแล้ว พอมองไปนานๆ อาการป่วยก็ไม่ค่อยจะเจ็บแล้วอีกต่างหากจั๋วซือหรานที่ถูกคนจ้องมองก็ไม่ยี่หระอะไร และไม่รู้สึกอึดอัดด้วยดังนั้นสิ่งที่นางควรพูดก็พูดหมดแล้ว จึงไม่สนใจอีกว่าจะถูกใครมองแต่คนรอบๆ ก็ยังจับจ้องนางอยู่ แม่นางที่สวยขนาดนี้ ดูดีละเมียดไปทุกอณู เค้าโครงใบหน้าก็สมบูรณ์แบบไปทุกส่วนสวมชุดแดงทั้งตัว พวกเขาไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้ พอได้เห็นก็รู้สึกเหมือนเทพธิดาเสียอย่างนั้นแต่พอเปิดปากมาก็ให้ตายเถอะ เนื้อหาที่พูดมาดันเป็น...ช่วงนี้เอาแต่ฆ่าคนให้ตายสิ...สายตาพวกเขาก็แข็งทื่อกันไปแล้ว คนที่เหมือนเทพธิดานางสวรรค์...ทำไมพอเอ่ยปากจิตสังหารก็พุ่งขึ้นมาแบบนี้กันยิ่งไปกว่านั้นพอมองอย่างละเอียด ก็เหมือนไม่มีตรงไหนที่ผิดปกติ นางเ
พูดได้แค่ว่าข้อมูลในคำพูดของแม่นางจิ่วนี้มากเกินไปจริงๆมากจนสมองนางเหมือนจะคิดไม่ทันเสียแล้ว!จั๋วซือรหานมองนาง เอ่ยต่ว่า "ข้าก็บอกไปแล้ว อย่ามาเติมฟืนให้นายท่านเจ้าอีก ดีที่สุดแล้วที่เขาจะจำไม่ได้ วันไหนถ้านึกออกขึ้นมา จั๋วซือหรานอย่างข้าต้องเอาคืนเขาแน่ๆ..."ในใจหานกวงแอบคิด นายท่านคงต้องระวังตัวเองเสียแล้วนะจั๋วซือหรานมองสีหน้าที่เหมือนปิดเครื่องไปแล้วของหานกวง ก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ตอนนี้จึงเดินหน้าต่อ เอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งว่า "เรื่องนี้เจ้ารู้ไว้ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปบอกองครักษ์เงาคนอื่นล่ะ""แม่นางจิ่ววางใจเถิด ข้าน้อยทราบแล้ว" หานกวงรีบตอบกลับเสียงต่ำนางรู้แน่นอน เรื่องเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของหญิงสาว แม่นางจิ่วก็น่าจะเห็นว่านางเป็นหญิงสาว ถึงได้เอ่ยขึ้นมาขณะที่คุยกัน ก็มาถึงโรงหมอแล้วจั๋วซือหรานไม่ได้แล้วพักหนึ่ง ก็คิดไม่ถึงเลยว่า ถนนเส้นนี้หน้าตาจะเปลี่ยนไปแล้วพอเห็นว่านางมา ผู้จัดการก็รู้สึกตกใจมาก รีบเข้ามาต้อนรับ "คุณหนู! ท่านมาแล้ว!""อืม ช่วงนี้ยุ่งหน่อยน่ะ เลยไม่ได้เข้ามาเลย พวกเจ้ายังไหวกันไหม?" จั๋วซือหรานถาม"แน่นอน! คุณหนูวางใจได้เลย!" ผู้จัดการตอบกลับ"ข้าเพ
หลังจากฉุนจวินกลับไป ดูแล้วก็เหมือนจะกลัดกลุ้มอยู่หน่อยๆแต่ว่าจั๋วซือหรานหลังจากกลับไปกรมสืบสวนพิเศษ ไม่ได้เจอกับฉุนจวิน จึงไม่ได้สังเกตเห็นอะไรสองวันต่อมา หานกวงจึงมาบอกกับนางจั๋วซือหรานกำลังไปดูร้านยาโรงแพทย์ของตนเอง หานกวงก็อยู่กับนางด้วยระหว่างทางก็บอกกับนาง หลังจากจั๋วซือหรานได้ยิน ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ"นี่ฉุนจวินพูดมาหรือ?" จั๋วซือหรานถามขึ้นหานกวงพยักหน้า "ฉุนจวินวันนั้นตอนที่ไปรายงานกับท่านที่กรมสืบสวนพิเศษ ก็เจอกับนายท่านเข้า จากนั้นจึงคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง"หานกวงก็เอาไม่กี่คำที่ฉุนจวินคุยกับนายท่านเขา บอกให้จั๋วซือหรานฟังจั๋วซือหรานฟังไปครึ่งหนึ่งจึงยิ้มออกมา มุมปากนางกระตุก เอ่ยขึ้นว่า "อะไรคือคือตระกูลเฟิงเห็นเขาเป็นคนโง่กันนะ..."หานกวงพอได้ยินก็งงงัน ยังคิดว่าจั๋วซือหรานไม่เข้าใจคำพูดนี้ พอกำลังจะอธิบาย ก็ได้ยินแม่นางจิ่วหัวเราะขึ้นมา บอกว่า "เขามันก็คนโง่จริงๆ นี่นา?"หานกวง "..."ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้จริงๆ ว่าจะโต้กลับอย่างไรหานกวงกระแอมขึ้นมาทีหนึ่ง ไม่ได้ตอบกลับจั๋วซือหรานมองนาง "จากนั้นล่ะ? เขาพูดอะไรอีก?""ความหมายของนายท่านเหมือนว่าจะเป็น ต่อให้เข
ชิ่งหมิงคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ ตลอด แม้จะไม่ถึงกับจ้องตาแป๋วน้ำลายไหล แต่ตาก็เป็นประกายอยู่ตลอดจั๋วซือหรานมองไปก็ยิ้มๆ พูดขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ "มีแค่ตอนนี้นี่ล่ะ ที่จะได้เห็นเจ้าตอนที่ยังติดอ่างแบบตอนนั้น"นางยื่นมือออกไป คิดจะบีบแก้มชิ่งหมิงแต่ปฏิกิริยาชิ่งหมิงก็รวดเร็ว เขยิบถอยออกไปด้านหลังเลี่ยงนิ้วของนางออกไปอย่างไม่ตั้งใจและตอนที่จั๋วซือหรานยังไม่ทันได้ทันตั้งตัวว่าน้องชิ่งก็กลายเป็นชายหนุ่มเสียแล้ว จะมาหยิกแก้มแบบนี้ไม่ได้ชิ่งหมิงก็เดินเข้ามาก้าวหนึ่ง ยื่นแก้มตัวเองเข้าไปที่นิ้วของนางจั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง บีบเบาๆ "พอโตมา สัมผัสไม่ค่อยดีแล้วแฮะ"ชิ่งหมิงยกกับข้าวออกไปอย่างสมัครใจรอให้จั๋วซือหรานจัดการเสร็จแล้วค่อยกินด้วยกันแต่พอจั๋วซือหรานเสร็จงาน ยังไม่ทันได้จับตะเกียบ ก็มีคนเข้ามารายงานแล้ว"แม่นางจิ่ว"จั๋วซือหรานแหงนจามองฉุนจวินที่ตรงเข้ามารายงาน "ทำไม? เกิดอะไรขึ้นรึ?"ฉุนจวินกดเสียงต่ำ "จดหมาของฮูหยินส่งเข้ามาในเมืองหลวง เพิ่งส่งมาในจวนขอรับ"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ตกตะลึง "แม่ข้าหรือ?""ขอรับ"จั๋วซือหรานพยักหน้า "ในจดหมายแม่ข้าบอกว่าอะไร?""ฮูหยินบอกว่าออกเด
ชิ่งหมิงเดินออกมาจากด้านหลัง นับจากที่จั๋วซือหรานรักษาถอนพิษให้เขา หลังจากที่ฟื้นฟูร่างกายกับสติปัญญาแบบผู้ใหญ่กลับมาหลังจากที่ค่อยๆ ปรับตัวและเข้าใจเรื่องราวได้ชัดเจนขึ้น ชิ่งหมิงก็ไม่คิดจะไปมีนิสัยเหมือนตอนเป็นหนุ่มน้อยแบบนั้นแล้ว ที่คอยเรียกเวินป๋อยวนว่าลุงเวินป๋อยวนก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำเรียกนี้"แหย่ข้า?" จั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาถึงคำพูดของชิ่งหมิง เอียงตาไปมองเวินป๋อยวน "ใต้เท้าซือหลี่ล้อเล่นกับข้าเป็นตั้งแต่เมื่อไรกัน"ชิ่งหมิงเดินเข้ามา นั่งลงข้างๆ จั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า "ความหมายของป๋อยวนก่อนหน้านี้คือ อาวุธกู่ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิดนะ และไม่ใช่แค่เอาไว้ควบคุมแมลงกู่ให้โจมตีเท่านั้นด้วย"จั๋วซือหรานฟังขึ้นมาอย่างสนใจ "โอ๋? ยังมีอะไรอีกล่ะ?"นางใช้มือเท้าโต๊ะยันคาง มองเวินป๋อยวน "ใต้เท้าโปรดสั่งสอนอย่างไม่ตระหนีด้วย ข้าอยากฟังอย่างชัดเจน"เวินป๋อยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "จะอาวุธกู่ก็ดี อาวุธวิญญาณอาวุธเวทก็ดี ในพื้นฐานแล้วก็ล้วนเป็นอาวุธประเภทหนึ่ง ล้วนมีไว้ใช้เพื่อโจมตี คุณสมบัติดั้งเดิมเป็นแบบเดียวกัน""และอาวุธที่ยิ่งดี แน่นอนว่าประสิทธิภาพก็จะยิ่ง
จะเป็นก็ไม่เป็น จะตายก็ไม่ตายอยู่ในแบบที่ไม่เป็นไม่ตาย"ซือคงอวี้" ปากชายหนุ่มเอ่ยออกมาเรียบๆ สามคำร่างกายที่แช่ในอ่างสั่นไปทั้งตัวทันที ดวงตายังคงขุ่นมัว แต่ในตาที่ขุ่นมัว เริ่มปรับภาพขึ้นมาแล้วในคอเองก็เริ่มมีพยางค์ความหมาย "ฆ่า...ฆ่าข้า...ซะ!"เสียงฟังแล้วแหบพร่าสุดๆใครจะนึกออก ว่าชินอ๋องอวี้ที่เคยยิ่งใหญ่ทรงอำนาจในเมืองหลวง จะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ถูกคนสับแขนขาแช่ไว้ในถัง กลายมาเป็นมนุษย์ท่อนไม้ ทนทุกข์ทรมานแบบที่จะอยู่ก็ไม่ได้จะตายก็ไม่ได้เขาคำรามอีกว่า "ฆ่า...ปัน...ปันอวิ๋น...ฆ่าข้า...ซะ!"ผู้ใต้บัญชาข้างๆ ตะคอกขึ้นมา "เป็นแค่หุ่นเชิด ยังกล้ามาเรียกชื่อนายท่านอีกเรอะ!"ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเจ้าเล่ห์ข้างๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือปันอวิ๋น...ปรมาจารย์กู่ที่หลอมสกัด 'ลูกแก้วมังกรทั้งเจ็ด' ของจั๋วซือหรานออกมา และเป็นเจ้าหุบเขาของหุบเขาหมื่นพิษพรมแดนใต้นั่นเองเทียบกับการตะคอกไม่อย่างชอบใจของผู้ใต้บัญชาแล้ว ปันอวิ๋นไม่ได้มีอารมณ์อะไรนักกับการที่ซือคงอวี้เรียกชื่อจริงเขาแต่กลับเดินวนรอบถังอย่างสนใจ เอ่ยขึ้นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "เจ้าไม่ใช่อยากจะมีชีวิตเรอะ? เจ้าไม่ใช่อย
ผู้ใต้บัญชาของชายหนุ่มเหมือนจะลังเลหน่อยๆ เอ่ยเตือนเสียงต่ำว่า "นายท่าน บางทีคงไม่ต้องรีบในตอนนี้กระมัง? ถึงอย่างไร พระราชโองการพระราชทานรางวัลให้หญิงสาวคนนี้ก็เพิ่งจะออกมาเอง"คิ้วชายหนุ่มเลิกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยต่อว่า "เจ้าหมายถึงเรื่องที่พื้นที่ศักดินาของนางถูกแต่งตั้งไว้ที่มณฑลหลวนหนานน่ะหรือ?""ขอรับ" ผู้ใต้บัญชาขานรับเสียงหนักแน่น "เช่นนี้ก็เห็นได้ว่า จะช้าเร็วนางก็ต้องไปที่หลวนหนาน ส่วนหลวนหนาน..."ก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก มณฑลหลวนหนานมีเส้นชายแดนของแคว้นชางกับพรมแดนใต้ทั้งสามแคว้นยาวๆ อยู่เส้นหนึ่งและเพราะอยู่ใกล้กับพรมแดนใต้ เทียบกับหญิงสาวชั้นสูงที่เข้าไปมีอำนาจในเมืองหลวงแคว้นชางแล้ว คนพรมแดนใต้ทางนั้นบางทีอาจจะคุ้นเคยกับสถานที่นั้นมากกว่าคนใต้บัญชาเอ่ยต่อว่า "นางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ต่อให้เป็นหญิงชั้นสูงจากแคว้นชางแล้วทำไมกัน ถึงตอนนั้นพอนางไปถึงหลวนหนาน ไม่คุ้นคนไม่คุ้นที่ จะทำอะไรได้? มีแต่ให้นายท่านบังคับควบคุมเท่านั้นล่ะ..."ชายหนุ่มได้ยินผู้ใต้บัญชาพูดเช่นนี้ มุมปากก็ยกขึ้นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "ถ้านางบีบง่ายแบบที่เจ้าพูด ข้าคงไม่สนใจตัวนางหรอก"นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่
นางยกมือขึ้นตบไปที่หลังของชิ่งหมิงเบาๆ "เจ้าติดอ่างโตแล้วสินะ"ข้าเดิมทีโตกว่าเจ้าเสียอีก" ชิ่งหมิงเอ่ยต่อ "เดี๋ยวตอนที่เจ้าไปพื้นที่ศักดินา ข้าจัดการงานในมือเสร็จแล้วจะไปหาเจ้าที่หลวนหนาน"จั๋วซือหรานตกตะลึง "เจ้า...ซือหลี่ไม่ไปทำงานตามใจชอบได้ด้วยหรือ?""ไม่ได้" ชิ่งหมิงตอบ "แต่ข้าไม่สนใจ อย่างมากก็แค่เลิกทำ ยิ่งไปกว่านั้น ใต้เท้าซือเจิ้งก่อนหน้าก็ไม่ได้ไปทำงานตั้งนานแล้ว ข้าก็แค่ทำตามคนอื่นเขา"จั๋วซือหรานพอได้ยินชิ่งหมิงเอ่ยถึงใต้เท้าซือเจิ้ง นางก็เม้มปาก สีหน้าชะงักไปถามขึ้นเบาๆ "ใต้เท้าซือเจิ้งไม่ได้ไปทำงานนานแค่ไหนแล้ว?""อืม ก็ซักพักก่อนหน้านี้แล้วล่ะ จู่ๆ ก็ไปทำงานเมื่อไม่กี่วันก่อน" ชิ่งหมิงบอกทุกเรื่องที่รู้จนหมดเปลือกจั๋วซือหรานยังคิดจะถามอะไรอีก ก็ได้ยินเสียงติ๋งดังขึ้นมานางมองกลับไปทางเตาสำริดทันที แล้วจึงเห็น ว่าขลุ่ยเลานั้นที่นอนนิ่งอยู่ในเตา ตัวขลุ่ยมีแสงประกายระยิบระยับ เปล่งแสงห้าสี ราวกับน้ำมันบนผิวน้ำอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย "สำเร็จแล้ว!"นางดับเพลิงห้าสีของตนเองลงทันที จากนั้นมือก็คลุมด้วยสีหยกชั้นหนึ่ง ใช้งานหัตถ์เสวียนอวี้ ยื่นเข้าไป