จั๋วซือหรานรู้สึกว่า นางทำเช่นนี้ เขาเย็นชากับตัวเอง นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้วฝูซูไม่รู้เรื่องนี้ จึงได้แต่พูดกับตัวเองว่า "เขาต้องจำฝังใจแน่เลยใช่ไหมขอรับ เขาต้องโกรธคุณหนูเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้"“อย่ากังวลอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า” จั๋วซือหรานยืนขึ้น “ไปกัน เราไปคลังเก็บของกัน”หลังจากเฟิงเหยียนและเหยียนฉีออกจากจวนของจั๋วซือหรานเหยียนฉีถอนหายใจ "คราวนี้อาสามของข้ามากเกินไปแล้ว เขารังแกแม่นางเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างใจร้ายเหลือเกิน... "เขายังไม่ทันพูดจบ เฟิงเหยียนพูดอย่างไร้ความรู้สึกจากด้านข้าง "เจ้าคิดว่าเจ้าจะชนะแน่ ๆ หรือ"“ไม่ใช่หรือ…” เหยียนฉีมองเฟิงเหยียน ดวงตาของเขาค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “เจ้าหมายถึง เจ้าคิดว่านางจะชนะข้าได้หรือ”สีหน้าของเฟิงเหยียนไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เขาพูดเบา ๆ "ข้าจะไม่ตัดสินอะไร แต่เจ้าเห็นวิชาการตรวจชีพจรโดยไม่สัมผัสผิวหนังของนางแล้ว และฝีมือของเมื่อครู่นี้ด้วย"เหยียนฉีพูด "เจ้าหมายถึง นางทำให้ผู้ชายที่แซ่ฉินเจ็บสาหัสเช่นนั้น แล้วทำให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง นั่นไม่เก่งนัก ข้าก็ทำได้เช่นกัน"“เจ้าเห็นสีหน้าของนางในเวลานั้นหร
“สวัสดีตอนเย็น ท่านอ๋อง” จั๋วซือหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชา เล่นกับชุดน้ำชา และยิ้ม“รับชาสักถ้วยไหม”แม้ว่าซือคงเซี่ยนไม่เข้าใจทำไมนางถึงไม่ให้คนรับใช้ทำสิ่งเหล่านี้ แต่เมื่อเห็นนิ้วเรียวอันสีขาวของนางเล่นชุดน้ำชา ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขและแปลกใจซือคงเซี่ยนนั่งลงแล้วพูดว่า "เช่นนั้น ข้าขอรบกวน คุณหนูจิ่ว "จั๋วซือหรานเทชาให้เขาหนึ่งแก้ว แล้ววางไว้ตรงหน้าเขาซือคงเซี่ยนวางม้วนกระดาษไว้ข้างหน้าจั๋วซือหราน "นี่คือสิ่งที่ คุณหนูจิ่วฝากข้าไปจัดการ สัญญาเช่าร้านค้าใกล้กับศูนย์การแพทย์เหยียนอยู่ในนี้หมดแล้ว"ฝูซูจะไม่เข้าใจได้อย่างไร คุณหนูไม่เพียงแต่วางแผนที่จะแข่งทักษะทางการแพทย์ของนางกับลูกหลานของตระกูลเหยียนเท่านั้น นอกจากนี้นางยังวางแผนที่จะเปิดศูนย์การแพทย์ของตัวเอง และจะแข่งกับศูนย์การแพทย์เหยียน“ขอบพระทัยท่านอ๋อง ค่าเช่าเท่าไร ข้าจะให้ฝูซูเอามาให้ท่านทีหลัง” จั๋วซือหรานยิ้มซือคงเซี่ยนโบกมือ “เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ คุณหนูจิ่วไม่ต้องเกรงใจนัก นางช่วยชีวิตเสด็จย่าของข้าไว้ ซึ่งเป็นความกรุณาอันล้ำค่าสำหรับข้าแล้ว”จั๋วซือหรานส่ายหัวแล้วพูดว่า "อย่างไรก็ตาม นี่คือเรื่องที
ซือคงเซี่ยนยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่ามีน้ำใจมาก ท่านไม่ว่าหรอก"ทั้งสองเดินไปพระราชวังระหว่างทาง ซือคงเซี่ยนหยิบกล่องไม้พะยูงออกมา กล่องไม้ชิงชันนั้นดูประดิษฐ์อย่างประณีตและละเอียดมาก และมีพื้นผิวที่เรียบมาก“ท่านอ๋อง นี่คือ...” จั๋วซือหรานไม่เข้าใจ เลยไม่รับ“นี่คือยารักษาบาดแผล” ซือคงเซี่ยนพูดอย่างอ่อนโยน “ข้ารู้ คุณหนูจิ่วมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่เป็นคุณหมอที่เก่ง หากไม่มียาที่ดี คงหายยาก คุณท่านจั๋วลิ่วเป็นผู้ที่ดูแลคลังของตระกูลจั๋ว ข้าว่า... "ซือคงเซี่ยนไม่ได้พูดต่อ แต่ความหมายในสิ่งที่เขาอยากพูดนั้นชัดเจนอย่างมากด้วยทัศนคติอันแย่ที่คุณท่านจั๋วลิ่วมีต่อจั๋วซือหราน ไม่ต้องสงสัยเลย เขาต้องฉวยทุกโอกาสเพื่อกีดขวางนาง เขาต้องไม่ให้ยาใด ๆ แก่นางอย่างแน่นอนและเมื่อวานนางอยู่ในหน่วยสืบสวนพิเศษหนึ่งวันเต็ม ๆซือคงเซี่ยนได้ยินมานาน และเขาทราบวิธีการลงโทษที่โหดเหี้ยมของหน่วยสืบสวนพิเศษแม้ว่าเมื่อคืนจั๋วซือหรานได้รับยารักษาบาดแผลที่สระน้ำเย็น แต่สำหรับน้ำใจของซือคงเซี่ยน นางรู้สึกดีมากและนางขอบคุณชายผู้นี้“ขอบพระคุณท่านอ๋อง” จั๋วซือหรานยิ้มและขอบคุณซือคงเซี่ยน นางรับกล่
เมื่อจั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ สีหน้าของซือคงเซี่ยนก็กลายเป็นเคร่งขรึมทันที " แม่นมยวี่ เกิดอะไรขึ้น"แม่นมยวี่สะอื้นสะอื้นและพูดว่า "ท่านอ๋องเพคะ เช้านี้ไทเฮาไม่มีอะไรผิดปกติเพคะ ท่านเสวยข้าวเช้าและมือเที่ยง หลังจากนั้นท่านเสวยยาหลังอาหารกลางวัน จากนั้นท่านมีอาการแย่ลงเพคะ"จั๋วซือหรานพูด" แม่นมยวี่ รีบพาหม่อมฉันไปตรวจอาการของไทเฮา แล้วเล่าอาการของไทเฮาให้หม่อมฉันฟัง"แม่นมยวี่รีบลุกขึ้นและนำจั๋วซือหรานเดินเข้าไปห้องข้างใน นางเดินไปพูดไป "ตอนแรกไทเอามีอาการอาเจียนและท้องเสีย ท่านนึกว่าท่านรับประทานอะไรผิด หลังจากท่านลงโทษห้องครัวหลวง ก็ไม่สังเกตอาการต่อ ก็.......เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ พวกเราไม่กล้าตามหมอหลวงมาตรวจอาการ”“โดยปกติ ตำหนักหย่งโซ่วมักจะเตรียมยาไว้รักษาอากรเล็ก ๆ น้อย ๆ และความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ ไทเฮารับประทานยาเหล่านั้น แต่ไม่คาดคิด ท่านสลบไสลทันที”“ทีแรกบ่าวนึกว่าไทเฮาสลบไสลเพียงเพราะท่านอ่อนแอและเหนื่อยจนหลับ แต่นึกไม่ถึง บ่าวปลุกอย่างไร ท่านไม่ตื่นเสียที” แม่นมยวี่ปาดน้ำตาแล้วมองจั๋วซือหรานด้วยน้ำตา“ แม่นางจิ่ว ไทเฮา...โดนใครวางยาอีกหรือเปล่าเจ้าคะ”ก่อนหน
แม่นมยวี่รีบมาแก้ผ้าของไทเฮา เพื่อให้จั๋วซือหรานฝังเข็มเข็มทองคำในมือของจั๋วซือหรานเจาะเข้าไปในจุดฝังเข็มอย่างรวดเร็วและแม่นยำจากนั้นนางตอบคำถามที่ซือคงเซี่ยนถามไว้ก่อนหน้านี้ "ใช่เลย มันเป็นพิษกู่ คราวนี้ ไทเฮาไม่ใช่ถูกวางยาพิษ แต่ถูกวางพิากู่"จั๋วซือหรานบิดเข็มทองคำทีละอัน และพลังอันบริสุทธิ์การแพทย์สายวิเศษได้ถูกนำไปยังจุดฝังเข็มของไทเฮาและระบบเส้นลมปราณตามเข็มทองคำจั๋วซือหรานหมุนเข็มแล้วเยาะเย้ย "นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบอกว่าคราวนี้มันอาจจงใจหาเรื่องข้า ก่อนหน้านี้ ข้าเคยถูกชายที่ขาหักควบคุมโดยเสน่ห์หนอนพิษกู่ เลยทำให้ข้ายอมยกเลิกการหมั้นหมายกับท่านอ๋องเฟิง และโวยวายแต่งงานกับผุ้ชายที่ขาหัก”“เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ ดังนั้นบางทีพวกเขาอาจคิดว่า เนื่องจากข้าถูกควบคุมโดยเสน่ห์หนอนพิษกู่ แม้ว่าข้าจั๋วจิ่วมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี ข้าไม่สามารถรักษาพิษกู่นี้ได้อย่างแน่นอน”หลังจากจั๋วซือหรานบิดเข็มทองคำแต่ละอัน นางสะบัดมันเบา ๆ และเข็มทองคำก็เริ่มสั่นซือคงเซี่ยนถามจั๋วซือหราน“ แม่นางจิ่ว...ถอนพิษนี้ได้หรือ”จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆเจ้าของร่างเดิมนี้ทำไม่เป็นจริง ๆ แม้ว่าเจ้าของร่างเ
ในความเป็นจริง เมื่อจั๋วซือหรานตระหนักว่าไทเฮาถูกวางพิษกู่ นางพอทราบความเป็นมาของเรื่องนี้นางเดาว่า เหยียนชางคงไม่อยากให้นางแข่งกับตระกูลเหยียนตราบใดที่เหยียนชางฉลาดบ้าง เขาก็ตระหนักได้ว่า นี่เป็นการกระทำที่ไร้ค่าจริง ๆแม้ว่าพวกเขาจะชนะ แต่สำหรับคนภายนอก และพวกเขาอาจคิดด้วยว่า ตระกูลเหยียน ซึ่งเป็นตระกูลที่ถนัดวิชาการแพทย์เป็นเวลายาวนาน แต่กลับรังแกแพทย์มือใหม่อย่างจั๋วซือหรานและหากเขาแพ้สำ ในสายตาของคนภายนอก มันจะกลายเป็นเรื่องตลกใหญ่ดังนั้นเขาไม่อยากสร้างปัญหา เลยเล่นงานกับไทเฮา หากแผนนี้สำเร็จ อาจกล่าวได้ว่า จั๋วซือหรานรักษาไทเฮาไม่เป็น เขาจะได้มีโอกาสตำหนิจั๋วซือหราน ในที่สุด เขาประกาศว่า หมอหลวงจะไม่แข่งกับจั๋วซือหราน เพื่อสร้างภาพที่ว่า เขาเป็นคนใจกว้างจากนั้นเหยียนชางเพียงต้องรักษาพิษแก่ไทเฮา และทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ อาจไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่จะแข่งขันกันก็ได้จั๋วซือหรานอธิบายสั้น ๆ ให้ไทเฮาและท่านอ๋องเซี่ยนทราบความคิดเห็นที่นางเดาจากสถานการณ์นี้“หม่อมฉันยอมรับ นี่เป็นเพียงการคาดเดาที่หม่อมฉันคิดว่าสมเหตุสมผล”จั๋วซือหรานพูดและยักไหล่ "เพราะถึงอย่
เพียงแต่แววตาในดวงตาของนางไม่คู่กับสถานะที่สง่างามของนาง ในแววตานั้นกลับมีความหมายที่มืดมน“บางทีอาจจะหมดหนทางแล้ว” เสียงฮองเฮาเย็นชาอย่างมาก “หญิงชราคนนั้นหมดหนทาง และวางแผนให้องค์ชายเจ็ดไม่ได้อีกแล้ว แม้ว่าเด็กหญิงนั่นจะเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ก็ต้องตีสนิทไว้”เหยียนชางได้ยินฮองเฮาเอ่ยถึงชื่อของจั๋วซือหรานอีกครั้ง เหยียนชางโกรธเคืองอีกเล็กน้อย " จั๋วจิ่วสมควรตายเสียจริง และตระกูลจั๋วโชคร้ายเสียใจ มันไม่ง่ายเลยที่จะมีลุกหลานที่มีพรสวรรค์อย่างดีเช่นนี้ แต่ลูกหลานคนนี้มันไม่ได้เรื่อง"ฮองเฮาปลอบใจอย่างอ่อนโยน “เจ้าอย่าโกรธเลย พวกมันเป็นเพียงผู้ที่จะพ่ายแพ้อยู่แล้ว อยู่ได้ไม่นานหรอก ตราบใดที่จั๋วจิ่ว พ่ายแพ้ให้กับเหยียนฉี ความหวังของหญิงชราและองค์ชายเจ็ด นั้นจะถูกทำลาย จากนั้น เมื่อลูกชายของข้าขึ้นครองบัลลังก์ ข้ามีวิธีจัดการกับพวกเขามากมาย”หลังจากที่ เหยียนชาง ได้ยินสิ่งที่เธอพูด สีหน้าของเขาก็อ่อนลงมากในที่สุด เขายิ้มและเหยียดแขนออกเพื่อกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา "ใช่แล้ว อนาคตจะเป็นของเรา"จั๋วซือหรานรู้ประวัติชีวิตของท่านอ๋องเซี่ยนเป็นเวลานานแล้วซือคงเซี่ยน เป็นบุตรชายของนางสนม ซึ
ซือคงเซี่ยนถอนหายใจ จั๋วซือหรานไม่ฉลาดได้อย่างไร นางฉลาดเหลือเกินหากนางไม่ฉลาด นางจะไม่สามารถมองทะลุถึงจุดนี้และเมื่อมองทะลุถึงจุดนี้ ความจริงก็ใกล้ถูกเปิดเผยแล้ว ซือคงเซี่ยนรู้สึกจั๋วซือหรานอาจเดาความจริงได้ตั้งนานแล้วด้วยซ้ำมันเป็นเพียงเรื่องเกี่ยวถึงชื่อเสียงของราชวงศ์ ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดตรง ๆ แต่แกล้งทำตัวโง่ ๆไท่จื่อที่เป็นองค์ชายที่ได้รับความเมตตาพิเศษจากฮ่องเต้ ในสายตาของทุกคน ไท่จื่อต้องเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัยข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสายเลือดอันสูงส่งและสถานะของเขาในฐานที่เป็นไท่จื่อตราบใดที่เขามีไพ่เด็ด เขาก็แทบไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแต่ทำไมเขาถึงกลัวไทเฮาและองค์ชายเจ็ดที่ถูกตรวจสอบขนาดนี้เว้นแต่สายเลือดนี้จั๋วซือหรานลอกความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างราชวงศ์ทีละชั้น และในท้ายที่สุด นางเดาความจริงออก ซึ่งฟังแล้วรู้สึกไร้สาระบางทีองค์ชายห้าอาจไม่ใช่สายเลือดของฮ่องเต้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเข้ารู้สึกว่า มันไม่ปลอดภัยพอ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกผิดและกลัวแต่นางไม่ควรพูดเช่นนั้นได้ นางจึงแสร้งทำเป็นโง่และถามซือคงเซี่ยน
ราชาแมงมุมหน้าผีเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ "ได้เลย ข้าเตรียมพร้อมแล้ว นายท่าน"จั๋วซือหรานเพ่งสมาธิมองลายอักขระบนพื้น ค่อยๆ สูดลมหายใจหลังจากนั้นก็อัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมาร่างของราชาแมงมุมหน้าผีหดเล็กลงมาก จนสูงพอพอกับจั๋วซือหราน แขนเคียวคู่เปล่งประกายเย็บวาบ!ชิ้ง...! เสียงฉัวะดังขึ้น!ขุดลงไปบนพื้นตรงๆ ขุดพื้นตรงนั้นลึกจนเป็นรู!ร่างของจั๋วซือหรานอ่อนยวบลงไปทันที นางลงไปนั่งกับพื้นราชาแมงมุมหน้าผีดูกังวล ถามขึ้นว่า "นายท่าน ท่านยังไหวไหม สำเร็จไหม?"จั๋วซือหรานก้มหน้า ชุดสีแดงเพลิงกางแผ่ที่ใต้ตัว ยุ่งเหยิงแต่สวยงามนางถอนหายใจยาว "สำเร็จแล้ว ยังดีที่ข้าเดิมพันถูก"จั๋วซือหรานรู้สึกว่าตนเองดวงไม่เลวนัก ด้วยความเข้าใจต่อค่ายกลของนาง คงไม่ใช่แค่พังพื้นแล้วจะสำเร็จแต่ค่ายกลจุดนั้นก็เป็นจุดที่เปราะบางพอดี เพราะค่ายกลหนึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งสมบูรณ์แบบจนทุกจุดแข็งแกร่งไปทั้งหมด+ราชาแมงมุมหน้าผีเห็นสภาพนางแล้วยังคงรู้สึกกังวล "หัวใจท่านยังเต้นเร็วอยู่ ไม่เป็นไรจริงหรือ?"จั๋วซือหรานไม่เงยหน้าขึ้น ยังคงก้มหน้า นางส่ายหัวเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "เป็นเพราะฤทธิ์ยาน่ะ ไม่เป็น
จั๋วซือหรานไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของตนเองถูกเห็นนางกำลังหารือเสียงต่ำกับสัตว์อสูรของตนเองแต่ว่าเหล่าเจ้าก้อนเนื้อของนาง ทุกตัวล้วนกังวลเป็นห่วงนาง เอะอะเอ็ดตะโรกันว่าจะลองดึงไหมกู่ออกมาถ้าหากดึงไหมกู่ออกมาแล้วแก้ไขได้ล่ะก็ นางก็ไม่ต้องเอาแรงมาใช้กับการอัญเชิญแมงมุมน้อยหรอกทำแบบนี้ยังพอเหลือแรงไว้ได้บ้าง หลังจากหลุดจากสถานการณ์นี้ อย่างน้อยก็ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์อื่นได้จั๋วซือหรานอันที่จริงก็รู้สึกว่ามีโอกาสไม่มากเพราะถ้าหากมีช่องโหว่แบบนี้ ซือคงอวี้คงไม่ได้กร่างขนาดนี้ จนทำท่าแบบว่านางไม่มีทางแก้ไขได้อะไรแบบนั้นถ้าหากนางไม่เอาปืนพวกนั้นออกมา ให้เขาได้ลิ้มรสกับพลังเทคโนโลยีล่ะก็ สถานการณ์เมื่อครู่ก็น่าจะยากลำบากอยู่ค่ายกลที่ก่อตัวขึ้นจากอักขระคำสาปนี้ น่าจะมีฤทธิ์ร้ายกาจน่าดู ถึงแม้จั๋วซือหรานจะดูถูกซือคงอวี้อยู่แต่ว่าซือคงเจาหมิ่นคนนั้น รวมถึงขั้วอำนาจเบื้องหลังซือคงเจาหมิ่น...จั๋วซือหรานรู้สึกว่าไปดูถูกไม่ได้เลยแต่เสียงของขนมถั่วแดงแทบจะร้องไห้อยู่แล้วจั๋วซือหรานดูจนใจ ถอนหายใจเหมือนปลอบเด็กน้อยว่า "ได้ได้ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเจ้าลองดูแล้วกัน"จั๋วซือห
เจ้าก้อนเนื้อพวกนี้ร้อนรนกระวนกระวายกันน่าดูในมิติน้ำพุวิเศษ แต่ก็รู้ว่าคำพูดของจั๋วซือหรานก็มีเหตุผลอยู่ "แล้ว แล้วจะทำอย่างไรล่ะ?"จั๋วซือหรานคิดๆ "ปล่อยแบบนี้ไปก่อนเถอะ ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่บาดเจ็บอะไร แค่รู้สึกแย่หน่อยๆ แล้วก็แค่ยังออกไปไม่ได้เท่านั้น ถูกขังอยู่ตรงนี้ ยังสามารถคิดหาวิธีอื่นได้ รอให้ข้าดีขึ้นหน่อย ข้าจะศึกษาเจ้าอักขระคำสาปนี้..."ขนมถั่วแดงร้อนรนขึ้นมา "แต่ท่านตอนนี้ก็รู้สึกแย่นี่นา ไม่มีวิธีผ่อนให้เบาลงบ้างหรือ?"ฟังถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็หัวเราะออกมาเบาๆ "แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีวิธีนี่ แต่ข้าตอนนี้ก็ยังไม่ได้รู้สึกแย่จนถึงขั้นทนไม่ไหว ยังไม่ต้องสนเรื่องนี้หรอก"เสียงยังไม่ทันขาด ก็มีความร้อนวาบแล่นไปทั้งตัวจั๋วซือหรานหอบหายใจเบาๆ จึงข่มระลอกนี้ลงไปได้หลังจากนั้นจึงนั่งยองลงมา ค้นคว้าอักขระคำสาปบนพื้นเหล่าสัตว์อสูรล้วนใจสื่อถึงจั๋วซือหรานได้ ดังนั้นจึงเข้าใจว่านางเป็นคนมีนิสัยแบบไหน นางตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้วพวกมันกังวล แต่ก็ไม่ได้เอะอะใส่นางจั๋วซือหรานมองอักขระคำสาปบนพื้นอย่างละเอียด ดูแล้วเหมือนจะเป็นอักษรจากดินแดนทางใต้ไม่ค่อยแตกต่างกับอักษรของแคว้น
ซือคงอวี้รู้สึกว่าปฏิกิริยาของตนเองไม่เคยรวดเร็วขนาดนี้มาก่อน!ท่าทางแบบนี้ของจั๋วซือหราน บังหน้าของเธอไปกว่าครึ่งแล้วแต่ว่าในบางมุม ก็ยังมองเห็นมุมปากสีแดงของนางได้อยู่ซือคงอวี้มองเห็นมุมปากนั่น...กำลังยิ้มพริบตานั้น ซือคงอวี้ก็รู้สึกว่ามีอันตรายมหาศาลกำลังโถมเข้าใส่เขา!เขามีปฏิกิริยาขึ้นมาในพริบตา! หลังจากนั้นจึงไปหลบข้างๆ องครักษ์คนหนึ่ง!ขณะเดียวกัน เสียง "ปัง" ก็ดังขึ้นมา!ซือคงอวี้รู้สึกตาลาย ตอนที่ตั้งตัวกลับมาได้ ก็ถูกองครักษ์คนอื่นดึงไปหลบแล้ว"เป็น เป็นอะไรไป..." ซือคงอวี้เสียงตะกุกตะกักราวกับตั้งตัวไม่ทันสีหน้าขององครักษ์ขาวซีดไป ริมฝีปากสั่นระริกแต่พูดออกมาไม่ได้แล้วซือคงอวี้ก็มองตามสายตาขององครักษ์ไป จึงได้เห็นว่าองครักษ์ที่ตนเองหลบไปอยู่ข้างๆ เมื่อครู่ หัวไหลครึ่งหนึ่งถูกระเบิดเละไปแล้ว ร่างทั้งร่างถูกแรงปะทะมหาศษล ซัดลอยห่างออกไปคนผู้นี้นอนอยู่บนพื้น เป็นตายไม่ทราบ เลือดสดทะลักจากร่างกายกระจายเป็นวงกว้างสีหน้าซือคงอวี้ซีดกว่าเดิม ใจเต้นผางอย่างรุนแรง แค่รู้สึกราวกับความตายเฉียดผ่านหัวไหล่ไปแล้วเขาในตอนนี้เพิ่งรู้สึกตัวว่า จั๋วซือหรานคนนั้น! ไม่ได้พู
มีฝีมือก็สังหารนางเสียสิจั๋วซือหรานหัวเราะเย็นชา ในสายตาไม่มีความอบอุ่นอยู่เลย จ้องมองซือคงอวี้ เอ่ยขึ้นว่า "ไม่ใช่ว่าปากแข็ง แต่ว่า...ในเมื่อสภาผู้อาวุโสร้ายกาจขนาดนั้น ไม่รู้ว่าพอเจ้าตายไปพวกเขาจะช่วยให้เจ้ารอดกลับมาได้หรือเปล่า"คำพูดนี้ถูกนางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสงบซือคงอวี้งงงันไป ในใจก็แอบรู้สึกไม่ค่อยสงบ บางครั้งก็จะเป็นเช่นนี้ ยิ่งอีกฝ่ายทำท่าทางดุร้ายมากเท่าไร ก็ยิ่งเหมือนดีแต่ขู่ให้กลัวมากกว่าแต่ว่าอีกฝ่ายถ้าหากพูดด้วยน้ำเสียงสงบเช่นนี้ กลับยิ่งทำให้รู้สึกไม่สงบ เพราะจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นมีความมั่นใจอะไรอยู่สีหน้าซือคงอวี้แข็งไป "เจ้าอย่ามาข่ม..."ปัง!ยังไม่ทันที่ซือคงอวี้จะพูดจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น แล้วยังดังมาก ฉับพลันกะทันหัน ทำเอาซือคงอวี้ตกใจสะดุ้งโหยง!ร่างหนึ่งเอียงคะมำไปข้างๆเป็นองครักษ์ติดตามเขา ที่มีปฏิกิริยาฉับไวมาก เข้ามาขวางตรงหน้าเขาได้ทันเวลาพอดีตอนนี้ตำแหน่งใต้กระดูกไหปลาร้า ช่วงอกด้านบน กลายเป็นแผลขนาดใหญ่ที่มีเลือดไหลออกมาอย่างรุนแรงซือคงอวี้ม่านตาหดลง! เขาเคยได้ยินเรื่องอาวุธพิเศษแบบนี้ของจั๋วซือหรานมานานแล้ว และเคยได้ยินตระกูลเฟิงเอ่ยถ
จากท่าทางการสาดเข้ามาของซือคงอวี้ กลิ่นหอมประหลาดเข้มข้นกระจายออกมาในอากาศจั๋วซือหรานขมวดคิ้วเบาๆ มองออกถึงวัตถุดิบหลายอย่างที่อยู่ด้านในซือคงอวี้เอ่ยต่อ "ข้ารู้ว่าเจ้ามีคุณสมบัติร่างกายไม่ธรรมดา พิษแทบไม่มีผลกับเจ้า ดังนั้นข้าจึงให้คนปรับยานี้มาเป็นพิเศษ ด้านในล้วนเป็นยาบำรุง"ซือคงอวี้หัวเราะเหี้ยมเกรียม มองจั๋วซือหราน ถามขึ้นว่า "พิษไม่มีผลกับเจ้า แต่ยาบำรุงก็ควรจะมีผลกระมัง? ยิ่งไปกว่านั้นยานี้ก็มีปฏิกิริยากับไหมกู่บนตัวเจ้าพอดี"จั๋วซือหรานไม่เคยได้กลิ่นหอมประหลาดเข้มข้นแบบนี้มาก่อน จึงรู้ว่ายานี้ของซือคงอวี้มีประสิทธิภาพอะไร มาในจุดประสงค์ไหนก็เดาได้ไม่ยาก ถึงอย่างไรความคิดสกปรกต่อตัวนางของซือคงอวี้ ก็ไม่ใช่เพิ่งมีมาวันสองวันซือคงอวี้ใช้สายตาพิจารณาจั๋วซือหรานทั้งบนล่าง เอ่ยขึ้นว่า "ข้ารอให้เจ้าลงมาคุกเข่าอ้อนวอนข้าเหมือนพวกแมลงน่าสงสาร วางใจได้ ถึงแม้ที่เจ้าพังแผนใหญ่ของข้าไปจะน่าโมโห แต่เห็นแก่หน้าสวยๆ ของเจ้า ถ้าเจ้ายอมมาคุกเข่าอ้อนวอนข้า ข้าก็จะไม่ปฏิเสธเจ้า"จั๋วซือหรานพอได้ยินคำนี้ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ"เจ้ายังขำออกอีกหรือ? ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ" ซือคงอวี
เพราะนี่เป็นตรรกะง่ายๆ ถ้าหากเจ้าอ๋องสุนัขนี่ไม่ได้มั่นใจเต็มร้อยกับไพ่ลับที่เอาไว้รับมือกับตนเอง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกล้าโผล่หน้ามาแบบนี้แน่นอน เป็นไปได้ว่าเจ้าอ๋องสุนัขนี่จะสมองไม่ค่อยดี แต่ความเป็นไปได้นี้ก็ไม่ค่อยจะสูงนักจั๋วซือหรานกลับยิ่งรู้สึกว่าซือคงอวี้น่าจะมีอะไรที่ทำให้เขามั่นใจมากอยู่และปฏิกิริยาของนาง ก็ค่อนข้างไว พุ่งตรงเข้าไปหาเขาทันที!จั๋วซือหรานค่อนข้างเข้าใจหลักการที่ว่าลงมือก่อนได้เปรียบแต่ว่า นางกลับยังไม่ทันพุ่งออกจากประตูศาลาริมน้ำนี่ ก็หยุดเอาไว้แล้วจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว มองแล้วสถานการณ์ราวกับว่าถูกสิ่งของไร้รูปร่างบางอย่างขวางเอาไว้แต่อันที่จริงนางก็รู้ ว่าไม่ใช่สิ่งของไร้รูปร่างที่ขวางอยู่แต่เป็นแขนขาทั้งสี่ของตนเองต่างหาก ที่ขยับไม่ได้แล้วชั่วขณะหนึ่ง นางกระทั่งนึกไม่ออกว่าทำไมตนเองจู่ๆ จึงขยับตัวไม่ได้ดังนั้น จั๋วซือหรานพริบตานี้จึงนำพลังวิญญาณของตนเองกระตุ้นไปยังเส้นลมปราณของแขนขาตนเอง พยายามหาต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นนางตั้งแต่ที่มาถึงสวนชิวอี้ แค่น้ำสักหยดก็ยังไม่ได้ดื่ม แล้วยังไม่ได้กลิ่นอะไรในอากาศด้วยถ้าหากในอากาศมียาอะไรอยู่ เช่นนั
จั๋วซือหรานก็ไม่คิดเยอะ เดินเข้าไปในประตูศาลาริมน้ำใครจะรู้ว่าพอเดินเข้ามาในศาลาริมน้ำ ก็เห็นร่างสีดำคล่องแคล่วผ่านหน้าต่างออกไป...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ตอนเข้าไปในศษลาก็ไม่เห็นร่างเจ้าโง่คนนั้นก่อนหน้านี้แล้วนางเม้มริมฝีปาก เดิมทีก็ยังไม่อยากยอมรับ แต่กลับจำใจต้องยอมรับ...น่าจะเป็นเฟิงเหยียนจริงๆ สร้างสถานการณ์ล่อนางเข้ามาน่าจะเพราะตระกูลเฟิงร่วมมือกับซือคงอวี้แล้ว และตระกูลเฟิงกับซือคงอวี้ก็ใช้ประโยชน์จากการที่เฟิงเหยียนอยู่ในใจนาง แล้วสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นจั๋วซือหรานเดินมาถึงตำแหน่งที่เฟิงเหยียนนั่งอยู่ก่อนหน้า ค่อยๆ นั่งลงมาสีหน้าหม่นจางลงเล็กน้อยไม่สนว่าพวกเขาจะเตรียมสถานการณ์อะไรไว้ นางตัดสินใจจะดูเสียหน่อยแม้ก่อนหน้านี้ในใจจะคิดว่า ยังไม่อยากจะพูดอะไรดีดีกับเจ้าโง่นั่นชั่วคราวเพราะในใจรู้สึกว่า เจ้าโง่นั่นก็โง่จริงๆ จำนางไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อย เขาตอนนี้ก็ปลอดภัยดี เพราะตอนนี้เขากับตนเองไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันในสายตาตระกูลเฟิง ก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้วแต่เจ้าโง่นั่นดันมาช่วยคนชั่วๆ ในบ้านรับมือกับนาง ความเข้าใจนี้ก็ยังทำให้จั๋วซือหรานหงุดหงิดขึ้นมาเลยทีเดียวยิ่
ซือคงเซี่ยนชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีแต่ว่าจั๋วซือหรานกลับไม่รอให้เขาทันซาบซึ้ง นางดึงชายผ้าคลุมไหล่เล็กน้อย เดินตรงไปทางตำหนักข้างตำหนักข้างจัดเตรียมงานเลี้ยงเสร็จแล้ว เหล่าแขกเหรื่อกำลังกินอย่างมีความสุขล้วนเป็นชนชั้นสูงและเหล่าญาติราชวงศ์ หลักๆ แล้วล้วนเป็นตระกูลเหยียนกับตระกูลเฟิง ตระกูลซางเองก็มีคนบางส่วนมาด้วยแต่ว่ากลับไม่เห็นตระกูลฮั่วกับตระกูลจั๋วมานี่ทำเอาคนนึกไม่ถึงเลย ทุกคนคาดเดาว่า ที่ตระกูลฮั่วไม่มา น่าจะเพราะมีความร่วมมือกับจั๋วซือหรานไว้แต่ตระกูลจั๋วก็ไม่มาหรือ?"จะเพราะอะไรได้ ก็เพราะถูกตระกูลเฟิงถอนหมั้นน่ะสิ""แต่ว่าพวกเขาทั้งสองตระกูลก็สงบศึกกันแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้ตอนที่จั๋วจิ่วถูกคนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่เข้าควบคุม ไม่ใช่ยังเคยไปถอนหมั้นกับตระกูลเฟิงหรอกหรือ""ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้จั๋วซือหรานถูกตระกูลเฟิงถอนหมั้น...นางไม่ใช่ว่าออกจากตระกูลจั๋วแล้วหรือ?"เสียงคำวิจารณ์เหล่านี้ ล้วนหยุดลงอย่างฉับพลันตอนที่ร่างงามคลุมผ้าคลุมเดินเข้าไปเท้าของจั๋วซือหรานไม่สะทกสะท้าน เดินมาที่ข้างโต๊ะจัดเลี้ยงตัวหนึ่งแล้วนั่งลงคนที่เดิมทีกำลังคุยกันอยู่ที่โต๊ะนี้