ถือว่าจ่าย 'ค่าเช่า' ละกัน เพราะนางกำลังใช้ร่างกายของคนอื่นอยู่ และแแถมร่างกายร่างนี้เป็นร่างกายที่ค่อนข้างดีและมีร่างกายที่แข็งแรงมากจั๋วซือหรานกำลังเหม่อเล็กน้อย ความจริงผู้อาวุโสสามพูดไปสองสามประโยคโดยประมาณว่า จั๋วหรูซินได้รับบาดเจ็บและได้รับการลงโทษที่นางสมควรได้รับแล้ว จั๋วหรูซินไม่รู้เรื่อง ให้จั๋วซือหรานอย่าคิดเล็กคิดหน่อยกับนางเลยจั๋วซือหรานกำลังคิดฟุ้งซ่านเล็กน้อย นางไม่ตอบคำใด ๆ ซึ่งทำให้ผู้อาวุโสสามคิดว่านางกำลังลังเล ดังนั้นเขาจึงรอนางลังเลต่อ และคิดว่าจะพูดคำดี ๆ อีกสักสองสามประโยคดีหรือไม่ใครจะรู้ว่าในม่านตาอันสีดำสดใสของจั๋วซือหราน มีแสงเทียนส่องประกายในดวงตาของนาง ซึ่งเห็นได้ชัดว่า นางอ่อนโยนอย่างมากแต่ใครจะรู้ว่าคำพูดที่นางจะพูดออกกลับจะหนักกว่าก้อนหินจั๋วซือหรานไม่มองพวกเขาอีก นางแค่พูดว่า " ฉวนคูน เชิญแขกออกไป""ขอรับ" ฉวนคูนยืนตรงทันที เขารู้ดีว่าเจ้านายของเขาคือใคร ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจด้วยซ้ำว่าทั้งสองที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นเจ้านายที่มาจากจวนจั๋ว เขารีบทำท่าเชิญอย่างไม่ลังเล“ ผู้อาวุโสสาม คุณหนูหก เชิญเลยขอรับ” ฉวนคูนกล่าวจั๋วซือหรานหันหลังกลับ และกำ
ฉวนคูนมองกล่องบนโต๊ะและตกตะลึง "คุณหนู ข้าไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย และข้าก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ"กล่องบนโต๊ะเปิดอยู่ และข้างในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติ ทงเป่าเป็นตั๋วเงินของโลกนี้และสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญทองได้ในขณะนี้ กล่องเต็มไปด้วยทงเป่า ไม่น่าแปลกใจเลย ฉวนคูนจะตกตะลึงขนาดนี้จั๋วซือหรานยิ้มและถาม "จริงหรือ ถ้าอย่างนั้นเจ้านับให้หน่อย"ดวงตาของจั๋วซือหรานมีแววเยาะเย้ย "อย่านับผิดนะ ตั้งใจหน่อย ข้าจะไปนอนก่อน"“อ้าว...อ๊ะ” ฉวนคูนตะลึง “ข้า...ข้านับหรือ”จั๋วซือหรานพยักหน้าอย่างไม่ลังเล "มิเช่นนั้น กล่องใหญ่ขนาดนี้ เจ้าอยากให้ข้านับหรือ ข้าต้องนอนต่อ"ฉวนคูนยังคงตกตะลึงอย่างมากอยู่ เขาอาจไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือทราบว่า จะมีคนอยากไปนอนก่อน แต่ไม่อยากนับเงิน มีคนเช่นนี้ด้วยหรือ นี่คือเงินนะ เงินฉวนคูนพยักหน้าอย่างระมัดระวัง "คุณหนูไม่ต้องกังวลขอรับ ข้าจะนับเงินดี ๆ และนับหลายครั้งด้วย ข้าจะไม่นับผิดแน่ ๆ ขอรับ"“จ้ะ ถ้านับเสร็จแล้ว แบ่งออกครึ่งหนึ่ง แล้วรอคนของตระกูลเหยียนมารับอีกครึ่งหนึ่ง”เช้าวันรุ่ง จั๋วซือหรานตื่น นางเห็นฝูซูยืนอยู่นอกประตูห้องนอนของนาง ดู
"ข้านับเสร็จแล้วขอรับ" ฉวนคูนบอกตัวเลข "ตัวเลขนี้ขอรับ ตรงกับตัวเลขที่ผู้อาวุโสสามบอกคุณหนูขอรับ"จั๋วซือหรานพยักหน้าเล็กน้อย "ดีแล้ว ตระกูลจั๋วมีธุรกิจใหญ่โตขนาดนี้ คงไม่เล่นงานในเรื่องนี้หรอก"และจั๋วซือหรานรู้สึกว่าหลังจากเกิดเรื่องมากมาย ตระกูลจั๋วคงไม่กล้าปฏิบัติต่อนางเหมือนนางเป็นคนโง่แล้ว“ข้าแบ่งพวกมันทั้งหมดเป็นสองส่วนพอดี” ฉวนคูนกล่าว“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก วันนี้เจ้าไม่ต้องทำอะไรเลย ไปพักผ่อนให้เต็มที่” จั๋วซือหรานพูด จากนั้นนางหันไปมองฝูซู แล้วบอกเขาว่า “ไปถือกล่องนั้น”ฝูซูยังคงสับสนเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่ต้องถาม "คุณหนู นับอะไรอยู่หรือ อะไรอยู่ในกล่องขอรับ"จั๋วซือหรานยิ้มและมองฉวนคูน ฉวนคูนอ่านออกแววตาของคุณหนูในตอนแรกใบหน้าของเขาซีดเหมือนผัก แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น " ฝูซู เจ้าเปิดกล่องและดูเอง" ฉวนคูนยั่วยุฝูซูฝูซูเป็นคนประหม่า เขาก็ไม่ได้คิดมาก เขาเปิดกล่องแล้วพึมพำ "ลึกลับ... แม่เจ้า"เขาเพิ่งเปิดกล่องออกมานิดหน่อย และเขายังไม่ได้เปิอฝาให้เต็มที่ แต่เปิดแค่นิดเดียว ก็พอเห็นทงเป่าที่อัดแน่นอยู่ข้างในกล่องแล้วเขารีบปิดฝากล่องอย่างรวดเร็วและอย่
จั๋วซือหรานมองฝูซู "เอาล่ะ ข้าเห็นแล้วรักษาลุง ทำไมหรือ"นางรักษาลุงที่ขายโรตีก็จริง แต่นางทำไม่ได้หวังผลประโชคน์ใด ๆ แค่เป็นเพราะลุงทำโรตีอร่อย นางชอบมากนางจึงชมลุงคนนี้ แล้วลุงบอกนางว่าเขาสุขภาพไม่ดี และไม่รู้ว่าเขาจะทำได้นานแค่ไหนจั๋วซือหรานสังเกต ความจริงลุงคนนี้ยังแข็งแรงอยู่ เขาบอกว่าตัวเองสุขภาพไม่ดี แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียงเพราะเขาทำงานหนักเป็นเวลานาน และเขาทำท่าหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่านางเลยรักษาลุงคนนี้ตามสะดวก เห็นได้ผลอยู่ฝูซูคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามจั๋วซือหราน "คุณหนูช่วยรักษาชิ่งหมิง หน่อยได้ไหมขอรับ"จั๋วซือหรานอดไม่ได้ที่ต้องหยุดฝีเท้า นางมองฝูซู ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อชิ่งหมิงมาถึงในวันนั้น เขาเพิ่งเปิดเผยตัวตนของเขา ฝูซูก็ตัวสั่นราวกับแกลบ จั๋วซือหรานรู้สึกเหมือนฝูซูตกใจจนร้องไห้ นอกจากนี้ เขายังเลื่อนลงจากเก้าอี้แล้วคุกเข่าลงบนพื้นโดยตรงต่อมา เป็นเพราะชิ่งหมิงไม่ได้ทำตัวหยิ่งใด ๆ ฝูซูและจั๋วหวายจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายได้ตอนนี้เขากลายเป็นห่วงชิ่งหมิงได้แล้วจั๋วซือหรานยิ้มเล็กน้อยและถามกลับ "เจ้ารู้ได้อย่างไร ข้าจะไม่รักษาชิ่งหมิงล่ะ "ก่
หลังจากเดินมาถึงเขตขุนนางทางตอนเหนือของเมือง ถนนก็กว้างขึ้นและวุ่นวายน้อยลง ฝูซูก็กังวลน้อยลงเขาถามจั๋วซือหราน "คุณหนูขอรับ เราจะไปจวนเหยียนใช่ไหใขอรับ"แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่ละเอียด แต่เขาก็ไม่ได้โง่จริง ๆ เดินมาถึงเขตนี้แล้ว ไม่มีทางหรอกว่าเขาไม่ทราบที่นี่คือที่ไหนแต่เขาไม่ได้รับคำตอบจากคุณหนู ฝูซู สึหันไปมองนาง และเขาก็เห็นคุณหนูของเขาดูฟุ้งซ่านเล็กน้อย"คุณหนูขอรับ"“ฮะ” จั๋วซือหรานกลับมามีสติอีกครั้ง“เราจะไปจวนเหยียนด้วยกันใช่ไหมขอรับ”“จ้ะ เจ้ารู้ตัวแล้วหรือ แสดงว่าฉลาดขึ้นล่ะสิ” จั๋วซือหรานยิ้มฝูซูรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขารู้สึกตัวเองถูกคุณหนูปฏิบัติเหมือนเด็ก ๆ อยู่เสมอเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม “คุณหนูกังวลเพราะเหตุนี้หรือเปล่า ข้าเห็นคุณใจไม่อยู่กับตัวเลย”เนื่องจากฝูซูไม่เหมือนฉวนคูน เขาไม่ทราบแผนการที่จั๋วซือหรานวางไว้ในก่อนหน้านี้ ดังนั้นในขณะนี้ เขาจึงคิดว่าจั๋วซือหราน กังวลเพราะนางต้องเป็นตัวแทนของตระกูลจั๋วและต้องเจรจากับตระกูลเหยียนจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "เรื่องนี้หรือ เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ข้าแค่คิดเรื่องอื่น... "“เรื่องอื่นหรือขอรับ” ฝูซูรู้
เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนูของตัวเอง ฝูซูค่อนข้างผ่อนคลายแต่เขาสามารถปรับตัวเองเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าคนภายนอก ดังนั้นเมื่อเขาเห็นร่างที่ยืนอยู่หน้าประตูจวนเหยียน เขาทักทายชายผู้นั้นอย่างสุภาพ " อรุณสวัสดิ์ยามเช้า คุณชายเหยียน "ผู้ที่รออยู่ที่ประตูไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหยียนฉีเหยียนฉีแสดงรอยยิ้มอันอบอุ่นและมองไปที่จั๋วซือหรานเมื่อเทียบกับทัศนคติที่สุภาพของฝูซูแล้ว จั๋วซือหรานทำตัวผ่อนคลายกว่ามาก " ทำไมเจ้าถึงรออยู่ที่นี่ "“ข้ากังวลยามเฝ้าประตูต้อนรับไม่ดี” เหยียนฉีกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าเป็นแขกผู้มีเกียรติในบ้านของข้า เชิญเข้าบ้านขอรับ”“สุภาพมาก” จั๋วซือหรานยิ้มและเดินตามเหยียนฉีเข้าไปเนื่องจากนางเจรจากับเหยียนฉีมาโดยตลอด และแทบไม่มีการติดต่อกับสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลเหยียน เมื่อเห็นนางเดินเข้ามา ผู้อาวุโสหลายคนในห้องโถงด้านหน้าจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยหากจะบอกว่าพวกเขาอึดอัด พวกเขาตื่นตระหนกมากกว่าในทางตรงกันข้าม จั๋วซือหรานกลับดูอารมณ์ดี หลังจากนางเดินเข้าไป นางเหลือบมองพวกเขา นางมีท่าทางอย่างผ่อนคลาย และมีน้ำเสียงอย่างสงบ"อรุณสวัสดิ์ทุกคน"ในความเป็นจริง เมื่อผู้อาวุโสของตระก
สีหน้าของผู้อาวุโสที่เคยพูดแหน็บแนมกับจั๋วซือหรานในก่อนหน้านี้ดูแข็งทื่อเล็กน้อย เดิมทีเขากำลังรอจั๋วจิ่วดุคนรับใช้ที่เสียมารยาทใครจะรู้ว่าจั๋วจิ่วไม่ดุคนรับใช้เลย นางแค่ยกคางขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ข้านับเรียบร้อยแล้ว จำนวนทั้งหมดมีเท่านี้ ข้ายังได้เตรียมใบรายการวัสดุยาที่ตระกูลจั๋วต้องการให้ปแล้ว ความหมายของตระกูลจั๋วคือส่งมอบยาภายในวันนี้จะดีที่สุด หากไม่สามารถขนส่งทั้งหมดได้ ถยอยส่งก็ได้”ผู้อาวุโสที่พูดอย่างเหน็บแนมในก่อนหน้านี้พูดอีกครั้งว่า "จะส่งเร็วอย่างนี้ได้อย่างไร เราต้องนับเงินด้วยไม่ใช่หรือ หากเจ้านับผิดล่ะ ทำอย่างไรดี เพราะเจ้ายังกล้าเล่นงานกับตระกูลเจ้าเลย มีอะไรหรือที่เจ้าไม่กล้าทำ”เหยียนฉีขมวดคิ้วขึ้น " ผู้อาวุโสห้า "เขาทราบดี ผู้อาวุโสห้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อาวุโสสี่ และผู้อาวุโสสี่ของตระกูลเหยียนตัดสินใจผิดในระหว่างการแข่งขันกับ จั๋วซือหราน และทำข้อตกลงเขาไม่ควรตกลงเอาไว้ ซึ่งทำให้ตระกูลเหยียนต้องประสบความสูญเสียแม้ตอนนี้ผู้อาวุโสห้ายังสำนึกผิดในห้องอยู่เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาการของเหยียนชาง...แต่เหยียนฉีทราบดี จั๋วซือหรานไม่ใช่ผู้ที่ยอมให้คนอื่นมาบ
อันที่จริง ก่อนหน้านี้ฝูซูยังไม่เข้าใจฉวนคูนนับเงินเสร็จแล้ว ทำไมต้องแบ่งเงินเป็นเช่นนี้ เงินในกล่องถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน และถูกแนบไว้ด้านล่างของกล่องและด้านในของฝาของกล่องแต่ในขณะนี้ เมื่อฝูซูชักดาบออก และตัดฝากล่องออก ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจทำไมฉวนคูนถึงจัดเรียงเงินเป็นเช่นนี้ เพราะแบ่งเงินได้สะดวกฝูซูนำเงินครึ่งหนึ่งและฝากล่องกลับมา และยืนเงียบ ๆ อยู่ด้านหลังของจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ นางเพียงแต่เงยหน้าขึ้นและมองเหยียนฉี แล้วพูดว่า " ตระกูลจั๋วให้ส่งวัสดุยาไปที่จวนจั๋วภายในวันนี้ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าได้เตรียมไว้แล้ว"เหยียนฉีดูกังวล จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้กังวลจั๋วซือหรานเอาวัสดุยาโดยไม่จ่ายเงิน เดิมทีตระกูลของพวกเขาพ่ายแพ้จั๋วซือหรานอยู่แล้ว และพวกเขาสัญญาไว้ว่าพวกเขาจะจัดหายาให้นางโดยนางมิต้องจ่ายเงินใด ๆสิ่งที่เขากังวลคือในที่สุดเขาก็ได้คลายความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้แล้ว และตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางก็เป็นเช่นนี้อีกครั้งเมื่อเห็นจั๋วซือหรานกำลังจะออกไป เหยียนฉีก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วพูดว่า " แม่นางจิ่ว... "จั๋วซือหรานมองเขาแล้วพูดว่า "ส่วนย
นางหมายถึง...กองหนุนที่ย้ายมาจากสำนักเมฆาวารีของผู้เฒ่าเหอสินะ!?แต่ใครก็ตามที่มีความคิดเช่นนี้ เขาคงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายหยิ่งผยองโอหังถึงที่สุดหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ ตอนที่เผยความหมายนี้ออกมากลับไม่ทำให้เขารู้สึกถึงความหยิ่งผยองโอหังแม้แต่น้อยเพราะ เรื่องราวเหมือนจะเป็นเช่นนี้จั๋วซือหรานเหมือนจะงึมงำกับตนเองขึ้นว่า "พอเข้าใจวิชาหุ่นเชิดกับหุ่นเชิดมนุษย์แล้ว มันน่าสนใจจริงๆ ทางที่ดีขอให้พวกเขาเอาเจ้าพวกนี้มาเล่นด้วย จะได้ไม่เสียเวลาที่ให้ข้ารอนานขนาดนี้...เจิ้นเจียงเหลือบมองทุกคนที่มีบาดแผลพอคิดๆ ก็ถามจั๋วซือหรานขึ้น "แม่นาง แล้วจะเรียกพวกเขาว่าอย่างไรกัน? เหมือนว่าจะบาดเจ็บกันหนักมาก ข้าพาพวกเขาไปพักผ่อนดีไหม?"หัวหน้าคนคุ้มกันมองออก ว่าคนรับใช้คนนี้ของนายท่าน เหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรเลยกับสถานการณ์ที่นายท่านกำลังจะเผชิญแม้ไม่รู้ว่าผ่านเรื่องอะไรมา ถึงทำให้บ่าวมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้แต่ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาอันที่จริงคนคุ้มกันอย่างพวกเขา ก็เพิ่งจะผ่านการถูกตระกูลเหอปฏิบัติอย่างโหดร้ายมานี่เองและยังเห็นเจิ้นเจียงมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้ต่อนายท่านแม้พวกเขา
จั๋วซือหรานหลังจากพูดจบ ผู้เฒ่าเหอในที่สุดก็ทนกับความโกรธไม่ไหวตาเหลือกสลบเหมือดไปอีกครั้งจั๋วซือหรานจึงพาคนออกมาจากจวน ตอนที่ไปยังโรงเตี๊ยม หัวหน้าคนคุ้มกันยังมีความระแวดระวังอยู่"แม่นาง นี่คือโรงเตี๊ยมของตระกูลเหอ"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขา พยักหน้าตอบ "ข้ารู้""ท่านไม่กังวล..." ขณะที่หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้น ก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ว่าเจ้านายใหม่ของตนเอง เหมือนเดิมทีจะเป็นคนที่ไม่ค่อยกังวลกับอะไรนัก""ถ้าหากกังวลล่ะก็ เกรงว่าตอนที่พวกเขาอยู่ในป่าทวนแสงก่อนหน้านี้ คงไม่ถูกนางเล่นงานเสียจนเป็นแบบนั้นหัวหน้าคนคุ้มกันบอกพูดพลางยิ้มจางๆ บอกกับตนเองว่า "ก็ถูก..."จั๋วซือหรานเพิ่งเดินเข้าประตูโรงเตี๊ยม เจิ้นเจียงก็เข้ามาต้อนรับแล้ว "คุณหนู! ท่านกลับมาแล้ว!"จั๋วซือหรานขานรับอืม เหลือบมองเขา "มีเรื่องอะไรยุ่งยากหรือเปล่า?"เจิ้นเจียงส่ายหัวตอบกลับ "ไม่มีเลยขอรับ ก็แค่ตอนที่เริ่มมีคนคิดจะมาหาเรื่อง แต่ยังไม่ทันได้แตะข้า ก็ถูกฟาดจนล้มไป หลังจากนั้น...ไม่มีหลังจากนั้นแล้วขอรับ"เจิ้นเจียงรู้ว่านายท่านคงทำอะไรไว้บนตัวตนเอง แต่ว่าจนถึงตอนที่เห็นคนที่คิดจะเข้ามาหาเรื่อง กระทั่งย
ราวกับว่าความรู้สึกที่คลุมเครือในใจนั้น ในที่สุดก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งนางไม่มีประสบการณ์ผ่านเรื่องนี้จริงๆ แต่ในเส้นโชคชะตาของเจ้าของร่างเดิม เสน่ห์หนอนพิษกู่ในร่างเจ้าของเดิมถูกควบคุมโดยฉินตวนหยาง ทำให้ร่างกายไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วมองเห็นตนเองถูกควบคุมอยู่ตลอดเวลาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแตกต่างอะไรกับหุ่นเชิดความมืดกัน วิญญาณถูกขังให้รับการควบคุมอยู่ในเปลือกร่าง ไม่อาจสงบสุขได้อีก ไม่อาจหลุดพ้นได้...เกลียดชังขนาดที่แม้จะเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ยังไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วผู้เฒ่าเหอพอได้ยินคำนี้ ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร ยังคงเช็ดแผลเลือดซิบบนหน้าตนเอง เช็ดจนบวมขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานไม่หันไปมองผู้เฒ่าเหออีก นำทางคนที่รับเข้ามาใหม่เตรียมจะออกไปพวกเขาแม้จะยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็เดินกันได้แล้วยิ่งไปกว่านั้นในใจพวกเขาก็เข้าใจดี ต่อให้ตนเองเดินไม่ได้ จะต้องคลาน! ก็ต้องตามแม่นางออกไปพอเห็นจั๋วซือหรานออกไป ในใจผู้เฒ่าเหอก็เกิดความรู้สึกโล่งใจออกมาแต่ความรู้สึกที่มากว่า ยังคงเป็ฯความโกรธเคือง ชิงชังจนเข้ากระดูกดำแม้จะไม่กล้าพูดอะไรที่รุนแรงออกมา แต่กลับยังใช้สาย
จั๋วซือหรานฟังถึงจุดนี้ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรให้ฟังต่อเท่าไรแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนจะเดาออกมาได้อยู่สาเหตุที่ใช้คนเป็นมาหลอมสกัด โดยเฉพาะต้องไปลอบโจมตีคนที่ทักษะยุทธ์ยอดเยี่ยมมาหลอมเป็นหุ่นเชิดความมืดแน่นอนว่าเป็นเพราะทักษะยุทธ์กับความคิดด้านต่อสู้ของอีกฝ่าย และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในร่างกายของอีกฝ่าย แต่อยู่ในจิตใต้สำนึกของอีกฝ่าย...พูดให้ง่ายหน่อย คืออยู่ในจิตวิญญาณของอีกฝ่ายนั่นเองพอร่างตายวิญญาณก็ดับสลายแล้วตะปูวิญญาณนี่...จั๋วซือหรานมองตะปูยาวในมือเล่มนี้ ฟังจากชื่อก็เดาประโยชน์ของมันได้ไม่ยากโหดร้ายมาก ตอกดวงวิญญาณของอีกฝ่ายไว้ในร่างกาย ประสิทธิภาพของอักขระคำสาปเปล่านี้ ก็ควรจะเป็นเช่นนี้กระมังผู้เฒ่าเหอพอเห็นจั๋วซือหรานไม่ถามต่อ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถอนใจยาวออกมาและตอนนี้เอง หลังจากได้รับการรักษาของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ฟื้นฟูพลังปราณมาแล้วบางส่วนก็พูดกับจั๋วซือหรานอย่างนอบน้อม "แม่นาง ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนที่หลอมสกัดหุ่นเชิดความมืดเป็นคนแรก ก็คือบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเมฆาวารี แต่เจ้าสำนักเมฆาวารีในตอนนี้ เป็นรุ่นหลังของบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักคนนั้น"
ถ้าหากใช้ศพของคนล่ะ?แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นตอนที่หุ่นเชิดร่างแรกถูกหลอมออกมา ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นกระทั่ง ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นก็พบกับการลงโทษที่รุนแรงยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดมนุษย์ก็ถูกตราว่าเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ว่า ทักษะนี้ก็ปรากฏออกมาแล้วทักษะอะไรก็ตามพอปรากฏออกมาแล้ว ต่อให้จะถูกตีตราเป็นสิ่งต้องห้ามก็ตาม แต่ก็ยังมีคนที่แอบนำมาใช้งานกันอยู่ส่วนหุ่นเชิดความมืดตัวแรกนั้น...จั๋วซือหรานฟังถึงตรงนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น "ดังนั้นเอาคนเป็นมาใช้ถึงจะกลายเป็นหุ่นเชิดความมืดสินะ"นางมองผู้เฒ่าเหอ "ข้าเป็นหมอ วิชาแพทย์เองก็ไม่เลวนัก บาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนตายกับบาดแผลที่เกิดขึ้นหลายตายไปแล้ว ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี"เจตนาที่จั๋วซือหรานพูดคำนี้ออกมานั้นง่ายมาก ก็คือจะพูดกับผู้เฒ่าเหอให้ชัดเจนถึงความหมายหนึ่ง...อย่าโกหกข้าผู้เฒ่าเหอเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ตอนนี้จึงเอ่ยขึ้นเสียงเล็ก "ใช่แล้ว แค่นำคนเป็นมาทำ ก็จะเรียกว่าหุ่นเชิดความมืด แม้หุ่นเชิดความมืดจะถูกสั่งห้ามมาตลอด แต่ระหว่างปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนด้วยกันก็มีการหารือกันมาตลอด หุ่นเชิดมนุษย์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องควา
พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ดวงตาผู้เฒ่าเหอถลึงตาโตกว่าเดิมไม่มีอะไรที่ที่จะยอดเยี่ยมไปกว่าคนที่เก่งรอบด้าน คำพูดส่งๆ ที่ว่า 'อันที่จริงข้าก็แค่เล่นๆ เท่านั้น ไม่เคยเรียนรู้จริงจังมาก่อนเลย' ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าถูกดูถูกมากขึ้นไปอีกแต่ผู้เฒ่าเหอถึงจะโกรธก็ไม่กล้าพูด ดูเหมือนกลั้นหายใจค้างอยู่ที่อก เข้าก็ไม่ได้ออกก็ไม่ได้ผ่านไปพักหนึ่งถึงหายใจได้คล่องหน่อยเหมือนเพิ่งจะได้ความสามารถในการพูดกลับมา"สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวิชาหุ่นเชิดก็คือหุ่นเชิดความมืด และสิ่งที่สำคัญที่สุดของหุ่นเชิดความมืดก็คือตะปูวิญญาณ" ผู้เฒ่าเหอเอ่ยขึ้นหลังจากที่จั๋วซือหรานได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้น ทำท่าเหมือนจะสนใจขึ้นมา "เล่าให้ละเเอียดหน่อย"ผู้เฒ่าเหอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ในใจก็เกิดความคิดขึ้นเพียงแต่ความคิดเหล่านี้พอโผล่ขึ้นมาในใจ ก็ถูกจั๋วซือหรานทำลายลงทันที"ถึงอย่างไรเจ้าก็คิดจะดึงข้าไว้ที่นี่อยู่แล้ว เจ้าจะได้ให้กองหนุนจากสำนักเมฆาวารีเข้ามาสั่งสอนข้า ช่วยระบายให้กับเจ้าไม่ใช่หรือ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น"ข้าเองก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าได้ รอกองหนุนของเจ้าที่นี่เสียเลย" จั๋วซือหรานยกมุมปากเป็นร
ตอนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม รู้สึกถึงแต่ความกดดันบีบคั้น ทว่ายืนอยู่ฝั่งตนเองก็ไม่เหมือนเดิม รู้สึกปลอดภัยอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะ...ทำไมถึงเริ่มนับขึ้นมาล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น ในมือจั๋วซือหรานตอนนี้ ยังปรากฏตะปูยาวสีดำที่เต็มไปด้วยอักขระคำสาปแปลกประหลาดที่ดูแล้วลึกลับอย่างมากเล่มหนึ่ง!จากนั้นจึงเริ่มนับ "หนึ่ง""สอง"แล้วความเร็วการนับก็ไม่ได้ช้าเลย รู้สึกเหมือนไม่คิดจะให้คนได้ลังเลด้วยซ้ำจะยอมแพ้ หรือจะตาย ไม่มีตัวเลือกที่สามจะเจรจาหรือไม่เจรจา ไม่มีให้เห็นทั้งสิ้นผู้เฒ่าเหอ ตอนที่สายตาจับภาพตะปูยาวในมือจั๋วซือหรานได้ก็เปลี่ยนไปแล้ว ความหวาดกลัวตกตะลึงมหาศาลระเบิดขึ้นมาในดวงตากระทั่งตอนที่จั๋วซือหรานนับถึงสอง เขาก็รีบเอ่ยขึ้นว่า "ให้เจ้า! ให้เจ้าก็พอสินะ!"เสียงของผู้เฒ่าเหอแม้จะไม่ได้ต่ำขรึม แต่ก็ยังหนักแน่นแต่ตอนที่รีบตะโกนคำนี้ออกมา เสียงก็สั่นเครือราวกับกรีดร้องแหลมเหมือนกลัวว่าถ้าช้าไปสักนิดเดียว นางจะเอาตะปูประหลาดเล่มนั้นมาเล่นงานเขาดูแล้วพอเทียบกับการกลัวจั๋วซือหราน สู้บอกว่าเขากลัวตะปูในมือนางนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว ตะปูยาวที่อยู่ระหว่างนิ้ว หมุนควงเหมื
ผู้เฒ่าเหอก่อนหน้านี้เดิมทีถูกทำให้ตกใจจนสลบไปเท่านั้น ร่างกายไม่ได้บุบสลายแต่อย่างใดดังนั้นจึงได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่า หลังจากได้สติแล้วในใจยังไม่มีแผนรับมือ จึงทำได้แค่แกล้งนอนสลบไปบนพื้นต่อครุ่นคิดว่าควรจะรับมืออย่างไร แต่หญิงสาวคนนี้จะหลอกล่อก็หลอกไม่ได้ ทิฐิสูงไม่มีอ่อนข้อให้เลยจริงๆชั่วขณะหนึ่งก็ยากจะหาแผนการรับมือออกมาได้จึงทำได้แค่แกล้งสลบดึงเวลาออกไปก่อนดังนั้นผู้เฒ่าเหอจึงแกล้งนอนสลบอยู่บนพื้น ไม่ยอมลุกขึ้นมาเขายังคิดว่าจะไม่ถูกพบเสียอีก ฟังคำพูดเหล่านั้นของจั๋วซือหราน ฟังฟู่จาวหนิงชักชวนยุยงเหล่าคนคุ้มกันของเขาผู้เฒ่าเหอรู้สึกชิงชังในใจ!ตอนนี้เขาเองก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว ว่าคนคุ้มกันเหล่านี้ไม่ได้ทรยศหักหลังเขาแต่หญิงสาวคนนี้จงใจไว้ชีวิตพวกเขา ปล่อยพวกเขากลับมา...ใครจะรู้ว่านางคำนวณไว้แล้วหรือเปล่าว่าเขาจะไม่มีท่าทีที่ดีกับคนคุ้มกันเหล่านี้ ใครจะรู้ว่านางรอให้สถานการณ์แบบนี้ปรากฏขึ้นหรือเปล่า?!ผู้เฒ่าเหอในใจชิงชังนางอย่างมากแล้วยังแอบคิดในใจ ถึงอย่างไรหนังสือสารกรมธรรม์เจ้าพวกนี้ก็ยังอยู่ในมือเขาขอแค่หนังสือสารกรมธรรม์ยังอยู่ในมือเขา จั
จั๋วซือหรานไม่ตอบ แค่เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ยอมรับหรือปฏิเสธหัวหน้าคนคุ้มกันออกแรงเม้มปาก ในดวงตาแดงก่ำขึ้นจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ "เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเห็นแล้วว่าเจ้านายเจ้าเป็นพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคน จะมองออกถึงดวงชะตาแล้ว ทั้งที่ผ่านความเป็นความตายมาแล้วก็น่าจะหวงแหนชีวิตขึ้นมาบ้างจึงจะถูก นี่เจ้ากลับเข้ามารนหาที่ตาย"หัวหน้าคนคุ้มกันริมฝีปากสั่นระริก "แม่นาง..."จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ เลือกมา"พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันก็ตกตะลึง "อะ อะไรหรือ?""อยากจะรอดหรืออยากจะตาย" จั๋วซือหรานพลิกข้อมือ อาวุธเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ "ถ้าจะส่งเจ้าไปสบายมันง่ายดายมาก ไม่ใช่เรื่องลำบากเลย อย่าว่าแต่เจ้า พวกลูกน้องเหล่านี้ของเจ้า ข้าสังหารทั้งหมดได้แค่ในไม่กี่อึดใจ"พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ในดวงตาสงบนิ่งไปแล้วแท้ๆ แต่กลับเหมือนมีประกายของดวงดาวเปล่งปลั่งขึ้นมา"ยังมี...ชีวิตต่อได้หรือ?" ในน้ำเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันมีความหวังขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ได้ แต่มีสิ่งที่ต้องจ่าย""จ่ายด้วย...อะไรหรือ?"