เขาพูดอย่างนั้นแล้ว จั๋วซือหรานจะไม่เข้าใจเขาหมายถึงอะไรได้อย่างไรหอฟ้าดาวไม่ใช่ลัทธิจริง ๆ แต่เป็นเพียงอธิพลของตลาดมืดที่ไม่ทำสิ่งที่ดีเมื่อเผชิญหน้ากับอธิพลประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องพูดมีเหตุผล พวกเขาจะโจมตีเจ้าเมื่อพวกเขาบอกว่าจะทำ พวกเขารับเงินและปฏิบัติทันที ไม่จำเป็นต้องเลือกวันจั๋วซือหรานขมวดคิ้ว นางไม่อยากพูดอะไรอีกเจ้าสำนักของหอฟ้าดาวเห็นนางเงียบ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "แต่เนื่องจากวันนี้ข้าเป็นเชิญแม่นางมาที่นี่เอง ก็มีจุดประสงค์ของข้าเอง ข้าเชื่อว่าแม่นางมาเขตตะวันตกของเมือง แม่นางมีจุดประสงค์ของตัวเองเช่นกัน”จั๋วซือหราน มองที่เขา ยกมือขึ้นและถอดหมวกผ้ากอซออกแล้วถามว่า "โอ้? ฉันสงสัยว่าจุดประสงค์ของปรมาจารย์ศาลาคืออะไร"“ตราบใดที่หญิงสาวเห็นด้วยกับคำขอของฉัน หอฟ้าดาว ก็สามารถแสดงคำขอโทษและความจริงใจอย่างเพียงพอสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันสามารถล้างแค้นให้กับหญิงสาวคนนั้นได้” อาจารย์ของศาลาเทียนซิงกล่าวจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "โอ้ ทำไม"“ไม่มีอะไรนอกจากผลประโยชน์ ในระดับหนึ่งมันอาจจะตรงกับจุดประสงค์ของแม่นางพอดี”เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวกล่าวเสริมต้องยอมรับ
จั๋วซือหรานเหลือบมองสถานการณ์ที่'ก้นชาม' นางถาม "เจ้าพูดจริงหรือ"“แน่นอน” เจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวตอบ เขามองการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของจั๋วซือหรานอย่างสงบเดิมทีเขายังคิดว่าเขาจะได้เห็นสีหน้าที่ขุ่นเคืองและโกรธเพราะถูกล่วงเกินตัว แต่หญิงสาวผู้นี้แค่เลิกคิ้วขึ้นเมื่อดูจากสีหน้าของนาง ดูเหมือนนางไม่ได้โกรธหรืออารมณ์เสียเพราะเขาล่วงเกินตัวแต่นางกลับพิจารณาสถานการณ์ที่"ก้นชาม'อย่างจริงจัง ราวกับว่านางกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ของเรื่องนี้จริง ๆซึ่งทำให้เจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวประหลาดใจมาก ท้ายที่สุด ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร นางก็ยังเป็นแม่นางที่มาจากตระกูลขุนนางและเติบโตในพื้นที่ชนชั้นสูง ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ทางตอนเหนือของเมืองแม้ว่าผู้คนในพื้นที่นั้นไม่ได้บอกว่ามีฐานะที่สูงส่งมากนัก แต่เมื่อมาถึงเขตตะวันตกของเมือง พวกเขามักจะดูถูกที่นี่ด้วยความรังเกียจทุกรูปแบบเมื่อถูกคุกคามเช่นนี้ในเขตตะวันตกของเมือง นางไม่ได้โกรธ ซึ่งเป็นที่น่าสนใจจริง ๆเจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวไม่รีบร้อน เขายังคงเงียบและรอคำตอบของจั๋วซือหรานอย่างเงียบ ๆ เขายังหยิบถ้วยชาขึ้นและค่อย ๆ ดื่มชา'ก้นชา' ได้เริ่มการแข่งขันรอบใ
เจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวกล่าวเสริม "จากคำพูดของแม่นาง ดูเหมือนว่าแม่นางไม่ต่อต้านข้อเสนอของข้า"จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองเขา ดวงตาอันสีเข้มคู่หนึ่งจ้องมองเขา ดวงตาที่ลึกซึ้งและเฉียบคมของนางไม่เหมือนแววตาที่เด็กผู้หญิงในวัยนี้“ในเมื่อเจ้าสำนักตั้งใจสืบข้อมูลของข้ามาแล้ว เจ้าคงรู้ด้วยว่าข้า จั๋วซือหราน ไม่ชอบพูดอะไรที่ฟังแล้วดูดี แต่ชอบคำพูดที่ทำได้จริง ๆ ”จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ "พูดตรง ๆ ข้าเป็นคนที่เห็นแต่ผลประโยชน์ชัด ๆ ดังนั้นแทนที่จะพูดคำหรุ ๆ ให้ข้าฟัง เจ้าสำนักพูดตรงตรง ๆ กับข้าดีกว่า"จั๋วซือหรานจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา แม้ว่าเสียงของนางจะมีรอยยิ้ม แต่สีหน้าหรือลูกตาของนางไม่ได้แสดงร้อยยิ้มใด ๆ นางกล่าวต่อ "บอกข้าสิว่า ข้าจะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้างหากข้าทำตามข้อเสนอของเจ้า มิฉะนั้นเจ้าขู่ข้า มันไร้ประโยชน์ หากข้าเป็นคนที่กลัวภัยคุกคาม ข้าคงไม่อยู่จนถึงทุกวันนี้หรอก”ก่อนหน้านี้ เจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวจ้องมองนาง เพราะเขาต้องการศึกษาอารมณ์บางอย่างในดวงตาของนางเขาจะได้เดาอารมณ์ของนางได้แต่ในขณะนี้ เมื่อนางกลับจ้องมองเขาครู่หนึ่ง เขามีภาพลวงตาจริง ๆ ว่าเขากำลังถูกสัตว์ป่าจ้องมองอ
ทันทีที่เขได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวมองมาที่นาง ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่านี่คือคนที่นางต้องการสอบถาม"โดยปกติแล้ว คนมักอยากได้ข้อมูลขององค์ชาย" เพราะการชิงบัลลังเป็นการแข่งขันที่น่าดูมาก เจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวเหลือบมองจั๋วซือหรานอีกครั้ง "เจ้าไม่เหมือนผู้อื่นจริง ๆ ทำไมถึงอยากรู้ข้อมูลขององค์หญิงขอรับ "“แน่นอน ข้ามีเหตุผลของข้า องค์หญิงท่านนี้ไม่ธรรมดา” จั๋วซือหรานกล่าวนางไม่เห็นความประหลาดใจใด ๆ ในสีหน้าของของเจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาว จากนั้น จั๋วซือหรานหัวเราะ "แต่ดูเหมือนเจ้าสำนักรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เช่นนั้นข้าหาคนถูกต้องแล้วจริง ๆ หอฟ้าดาวสืบข้อมูลได้ดีมากจริง ๆ "เจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวกล่าว "ท่านอ๋องยวี่ชอบหาความสนุก ท่านอ๋องเซี่ยนไม่ชอบต่อสู้ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่องค์ชาย แต่ไม่มีใครสนใจในสวนหลังของพระราชวัง มีองค์หญิงที่ฉลาดหรือไม่ ข้าขอบอก องค์หญิงท่านนี้ฉลาดจริง ๆ แม่นางมองคนเก่งจริง ๆ "เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จั๋วซือหรานหัวเราะ "ข้าจะมองคนเก่งได้อย่างไร"แต่เป็นเพราะนางเกือบถูกองค์หญิงเจาหมิ่นฆ่าตายโดยใช้กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคน หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง เจ้าของร่างเ
หลังจากเจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวพูดจบ เขาก็มองจั๋วซือหราน "ข้าไม่ได้รู้ทุกอย่าง ข้าได้ข้อมูลมาแค่นี้"จั๋วซือหรานแตะคางของนางและคิด แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่พักหนึ่งเจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวสังเกตความเงียบของนาง เขาอดไม่ได้ที่ต้องขมวดคิ้ว เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ "อย่างไรก็ตาม หากเจ้าเห็นด้วยกับเงื่อนไขของข้า ข้าจะให้คนอื่นไปสืบข้อมูลของนางต่อ"จั๋วซือหรานจึงตระหนักได้ว่า ดูเหมือนเจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวกำลังกลัวนางไม่อยากลงสนามแข่งหรือจั๋วซือหรานยิ้มและพูดว่า "เจ้าสำนักไม่ต้องกังวล ข้า จั๋วซือหราน ทำเช่นนี้ตลอด ในเมื่อข้าพยักหน้า ข้าจะไม่ผิดสัญญา เราตกลงเรื่องนี้กันแล้ว""นั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก"หลังจากได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ในที่สุด ใบหน้าไร้อารมณ์ของเจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดูเหมือนเขาโค้งมุมปากของเขาตื้น"แต่ช่วงนี้ไม่ได้ เจ้าสำนักคงรู้เช่นกันว่าช่วงนี้ข้ายุ่งมาก แม้แต่คืนนี้ข้ามาที่นี่ ข้ายังต้องหาโอกาสเดินเล่น คุยกับเจ้าเสร็จ ข้าต้องรีบกลับ" จั๋วซือหรานกล่าวเจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวไม่มีความคิดเห็นใด ๆ เขาแค่ถามว่า "เช่นนั้น แม่นางจะมาหลังการฝึกฝนของ
เดิมทีเจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวยังไม่สบายใจอยู่เลย แต่เมื่อเขาเห็นผู้ชายคนนี้ เขาตตระลึงทันทีน เขาตกใจอย่างมาก "ท่าน... ท่านมาที่นี่ทำไมขอรับ"ไม่เพียงแต่เขาตกใจเล็กน้อย แต่ จั๋วซือหรานตกใจอเล็กน้อยเช่นกันเพราะชายที่สวมหน้ากากที่อยู่ข้างนอกนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากท่านซือเจิ้ง ผู้ลึกลับแห่งหน่วยสืบสวนพิเศษนางพยายามถามเจ้าติดอ่างน้อย ชิ่งหมิง นั้น แต่ไม่ได้ข้อมูลเลยไม่ต้องพูดถึงข้อมูล นางยังไม่ทราบชื่อท่านนี้ด้วยซ้ำจั๋วซือหรานจึงเปิดปาก แต่นางเพียงพูดว่า "... ท่านซือเจิ้ง เหตุใดท่านจึงมาที่นี่"แม้ว่านางนั่งอยู่ในที่นั่งที่ข้างในสุด ๆ ของห้องส่วนตัว เพราะมองจากที่นี่เท่านั้น นางจึงสามารถมองเห็นทุกการเคลื่นไหวใน 'ก้นชาม' ได้อย่างชัดเจนแต่จั๋วซือหรานยังคงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ท่านซือเจิ้งกำลังจ้องมองนางและนางสังเกตถึงอารมณ์ของเจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวอย่างชัดเจน เขาไม่สงบเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป เขากังวลเล็กน้อย“ เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ในครั้งนี้” ปรเจ้าสำนักแห่งหอฟ้าดาวถาม แม้ว่าจะไม่มีน้ำเสียงที่ถ่อมตัวเกินไปก็ตามแต่เขาใช้คำว่า 'ท่าน' ยังคงแสดงความเคารพต่อท่านซือเจิ้งของหน่วยสื
ในฐานะที่เป็นหน่วยสืบสวนพิเศษ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของลัทธิ เขามาเขตตะวันตกของเมือง ซึ่งเป็นเรื่องปกติอย่างมากแต่คำพูดถัดไปของซือเจิ้งทำให้เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวรู้สึกตึงเครียด และทำให้จั๋วซือหราน รูสึกประหลาดใจ“แต่ข้าเห็นเจ้าคุมนางมาที่นี่” หน่วยสืบสวนพิเศษมองเจ้าสำนักของหอฟ้าดาวด้วยสายตาที่เคร่งครัด “เจ้าอยากทำอะไร”เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวอ้าปาก แต่ก็พูดไม่ออกสักคำ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง เขาแค่ตอบ "...ข้าได้ยินเรื่องต่าง ๆ ที่เก่งกาจของคุณหนูจิ่วในเมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้าสนใจนางมาก เลยชวนนางมาคุยกันหน่อย ข้าไม่ทราบเรื่องนี้จะรบกวนถึงท่านขอรับ"เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวกล่าวเช่นนี้ แต่ดูเหมือนซือเจิ้งของหน่วยสืบสวนพิเศษไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด อาจเป็นเพราะเขาเป็นผู้นำขององค์กรตลาดมืดเขตตะวันตกของเมือง ซึ่งทำให้ผู้คนคิดว่าเขาไม่น่าเชื่อถือกล่าวโดยสรุป เมื่อซือเจิ้งของหน่วยสืบสวนพิเศษได้ยินคำพูดนั้น เขาก็หันไปมองจั๋วซือหราน และถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า "เขาพูดจริงหรือไม่"ขณะที่จั๋วซือหรานกำลังจะตอบ นางได้ยินท่านซือเจิ้งพูดอีกครั้งว่า "ในหน่วยสืบสวนพิเศษ เจ้าได้ผ่านการสอบของแพทย์กล
เมื่อจั๋วซือหรานเห็นใบหน้าที่ไม่ยิ้มแย้มของเจ้าสำนักของหอฟ้าดาว สีหน้าของเขามีความโล่งใจและปิติยินดีนางอดไม่ได้ที่ต้องสงสารเขา เจ้าสำนักเจ้าคะ อย่าเพิ่งดีใจก่อนสิจั๋วซือหรานกล่าวต่อ "เจ้าสำนักให้ข้าขึ้นมา เพื่อให้ข้าเข้าร่วมในการฝึกฝนเถื่อนของหอฟ้าดาว ไม่ทราบว่าท่านเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงหรือไม่"ซือเจิ้งของหน่วยสืบสวนพิเศษเงียบไปสองสามวินาที แล้วพูดว่า "ได้ยินมานิดหน่อย"“กล่าวโดยสรุปคือ ความทุกข์ที่ข้าได้รับในก่อนหน้านี้คือข้าถูกพี่สาวในตระกูลเล่นงาน ตระกูบจะให้ความยุติธรรมแก่ข้าโดยมีเงื่อนไขบางอย่าง ข้าต้องเอาชนะพี่สาวที่ทำราบข้าในการฝึกฝนของตระกูล"ใบหน้าของจั๋วซือหรานไม่มีสีหน้าใด ๆ และนางพูดอย่างใจเย็น เหมือนนางกำลังพูดถึงเรื่องไม่สำคัญของคนอื่นซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่า นางไม่ได้จริงจังกับเรื่องเหล่านี้จริง ๆจั๋วซือหรานกล่าวต่อ "พี่ชายของพี่สาวคนนั้นไม่เป็นศิษย์ของ ลัทธิอู๋จี๋เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เก่งกาจในการฝึกฝนประจำตระกูลด้วย เขากลับมาอยู่เมืองหลวงแล้ว และเขาต้องใช้วิธีทุกประเภทอย่างแน่นอน เพื่อยกระดับแข็งแกร่งของพี่สาวคนนี้ให้ได้ ”“ข้าไม่มีใครชี้แนะเ
ถ้าหากใช้ศพของคนล่ะ?แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นตอนที่หุ่นเชิดร่างแรกถูกหลอมออกมา ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นกระทั่ง ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นก็พบกับการลงโทษที่รุนแรงยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดมนุษย์ก็ถูกตราว่าเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ว่า ทักษะนี้ก็ปรากฏออกมาแล้วทักษะอะไรก็ตามพอปรากฏออกมาแล้ว ต่อให้จะถูกตีตราเป็นสิ่งต้องห้ามก็ตาม แต่ก็ยังมีคนที่แอบนำมาใช้งานกันอยู่ส่วนหุ่นเชิดความมืดตัวแรกนั้น...จั๋วซือหรานฟังถึงตรงนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น "ดังนั้นเอาคนเป็นมาใช้ถึงจะกลายเป็นหุ่นเชิดความมืดสินะ"นางมองผู้เฒ่าเหอ "ข้าเป็นหมอ วิชาแพทย์เองก็ไม่เลวนัก บาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนตายกับบาดแผลที่เกิดขึ้นหลายตายไปแล้ว ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี"เจตนาที่จั๋วซือหรานพูดคำนี้ออกมานั้นง่ายมาก ก็คือจะพูดกับผู้เฒ่าเหอให้ชัดเจนถึงความหมายหนึ่ง...อย่าโกหกข้าผู้เฒ่าเหอเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ตอนนี้จึงเอ่ยขึ้นเสียงเล็ก "ใช่แล้ว แค่นำคนเป็นมาทำ ก็จะเรียกว่าหุ่นเชิดความมืด แม้หุ่นเชิดความมืดจะถูกสั่งห้ามมาตลอด แต่ระหว่างปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนด้วยกันก็มีการหารือกันมาตลอด หุ่นเชิดมนุษย์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องควา
พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ดวงตาผู้เฒ่าเหอถลึงตาโตกว่าเดิมไม่มีอะไรที่ที่จะยอดเยี่ยมไปกว่าคนที่เก่งรอบด้าน คำพูดส่งๆ ที่ว่า 'อันที่จริงข้าก็แค่เล่นๆ เท่านั้น ไม่เคยเรียนรู้จริงจังมาก่อนเลย' ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าถูกดูถูกมากขึ้นไปอีกแต่ผู้เฒ่าเหอถึงจะโกรธก็ไม่กล้าพูด ดูเหมือนกลั้นหายใจค้างอยู่ที่อก เข้าก็ไม่ได้ออกก็ไม่ได้ผ่านไปพักหนึ่งถึงหายใจได้คล่องหน่อยเหมือนเพิ่งจะได้ความสามารถในการพูดกลับมา"สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวิชาหุ่นเชิดก็คือหุ่นเชิดความมืด และสิ่งที่สำคัญที่สุดของหุ่นเชิดความมืดก็คือตะปูวิญญาณ" ผู้เฒ่าเหอเอ่ยขึ้นหลังจากที่จั๋วซือหรานได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้น ทำท่าเหมือนจะสนใจขึ้นมา "เล่าให้ละเเอียดหน่อย"ผู้เฒ่าเหอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ในใจก็เกิดความคิดขึ้นเพียงแต่ความคิดเหล่านี้พอโผล่ขึ้นมาในใจ ก็ถูกจั๋วซือหรานทำลายลงทันที"ถึงอย่างไรเจ้าก็คิดจะดึงข้าไว้ที่นี่อยู่แล้ว เจ้าจะได้ให้กองหนุนจากสำนักเมฆาวารีเข้ามาสั่งสอนข้า ช่วยระบายให้กับเจ้าไม่ใช่หรือ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น"ข้าเองก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าได้ รอกองหนุนของเจ้าที่นี่เสียเลย" จั๋วซือหรานยกมุมปากเป็นร
ตอนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม รู้สึกถึงแต่ความกดดันบีบคั้น ทว่ายืนอยู่ฝั่งตนเองก็ไม่เหมือนเดิม รู้สึกปลอดภัยอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะ...ทำไมถึงเริ่มนับขึ้นมาล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น ในมือจั๋วซือหรานตอนนี้ ยังปรากฏตะปูยาวสีดำที่เต็มไปด้วยอักขระคำสาปแปลกประหลาดที่ดูแล้วลึกลับอย่างมากเล่มหนึ่ง!จากนั้นจึงเริ่มนับ "หนึ่ง""สอง"แล้วความเร็วการนับก็ไม่ได้ช้าเลย รู้สึกเหมือนไม่คิดจะให้คนได้ลังเลด้วยซ้ำจะยอมแพ้ หรือจะตาย ไม่มีตัวเลือกที่สามจะเจรจาหรือไม่เจรจา ไม่มีให้เห็นทั้งสิ้นผู้เฒ่าเหอ ตอนที่สายตาจับภาพตะปูยาวในมือจั๋วซือหรานได้ก็เปลี่ยนไปแล้ว ความหวาดกลัวตกตะลึงมหาศาลระเบิดขึ้นมาในดวงตากระทั่งตอนที่จั๋วซือหรานนับถึงสอง เขาก็รีบเอ่ยขึ้นว่า "ให้เจ้า! ให้เจ้าก็พอสินะ!"เสียงของผู้เฒ่าเหอแม้จะไม่ได้ต่ำขรึม แต่ก็ยังหนักแน่นแต่ตอนที่รีบตะโกนคำนี้ออกมา เสียงก็สั่นเครือราวกับกรีดร้องแหลมเหมือนกลัวว่าถ้าช้าไปสักนิดเดียว นางจะเอาตะปูประหลาดเล่มนั้นมาเล่นงานเขาดูแล้วพอเทียบกับการกลัวจั๋วซือหราน สู้บอกว่าเขากลัวตะปูในมือนางนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว ตะปูยาวที่อยู่ระหว่างนิ้ว หมุนควงเหมื
ผู้เฒ่าเหอก่อนหน้านี้เดิมทีถูกทำให้ตกใจจนสลบไปเท่านั้น ร่างกายไม่ได้บุบสลายแต่อย่างใดดังนั้นจึงได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่า หลังจากได้สติแล้วในใจยังไม่มีแผนรับมือ จึงทำได้แค่แกล้งนอนสลบไปบนพื้นต่อครุ่นคิดว่าควรจะรับมืออย่างไร แต่หญิงสาวคนนี้จะหลอกล่อก็หลอกไม่ได้ ทิฐิสูงไม่มีอ่อนข้อให้เลยจริงๆชั่วขณะหนึ่งก็ยากจะหาแผนการรับมือออกมาได้จึงทำได้แค่แกล้งสลบดึงเวลาออกไปก่อนดังนั้นผู้เฒ่าเหอจึงแกล้งนอนสลบอยู่บนพื้น ไม่ยอมลุกขึ้นมาเขายังคิดว่าจะไม่ถูกพบเสียอีก ฟังคำพูดเหล่านั้นของจั๋วซือหราน ฟังฟู่จาวหนิงชักชวนยุยงเหล่าคนคุ้มกันของเขาผู้เฒ่าเหอรู้สึกชิงชังในใจ!ตอนนี้เขาเองก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว ว่าคนคุ้มกันเหล่านี้ไม่ได้ทรยศหักหลังเขาแต่หญิงสาวคนนี้จงใจไว้ชีวิตพวกเขา ปล่อยพวกเขากลับมา...ใครจะรู้ว่านางคำนวณไว้แล้วหรือเปล่าว่าเขาจะไม่มีท่าทีที่ดีกับคนคุ้มกันเหล่านี้ ใครจะรู้ว่านางรอให้สถานการณ์แบบนี้ปรากฏขึ้นหรือเปล่า?!ผู้เฒ่าเหอในใจชิงชังนางอย่างมากแล้วยังแอบคิดในใจ ถึงอย่างไรหนังสือสารกรมธรรม์เจ้าพวกนี้ก็ยังอยู่ในมือเขาขอแค่หนังสือสารกรมธรรม์ยังอยู่ในมือเขา จั
จั๋วซือหรานไม่ตอบ แค่เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ยอมรับหรือปฏิเสธหัวหน้าคนคุ้มกันออกแรงเม้มปาก ในดวงตาแดงก่ำขึ้นจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ "เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเห็นแล้วว่าเจ้านายเจ้าเป็นพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคน จะมองออกถึงดวงชะตาแล้ว ทั้งที่ผ่านความเป็นความตายมาแล้วก็น่าจะหวงแหนชีวิตขึ้นมาบ้างจึงจะถูก นี่เจ้ากลับเข้ามารนหาที่ตาย"หัวหน้าคนคุ้มกันริมฝีปากสั่นระริก "แม่นาง..."จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ เลือกมา"พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันก็ตกตะลึง "อะ อะไรหรือ?""อยากจะรอดหรืออยากจะตาย" จั๋วซือหรานพลิกข้อมือ อาวุธเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ "ถ้าจะส่งเจ้าไปสบายมันง่ายดายมาก ไม่ใช่เรื่องลำบากเลย อย่าว่าแต่เจ้า พวกลูกน้องเหล่านี้ของเจ้า ข้าสังหารทั้งหมดได้แค่ในไม่กี่อึดใจ"พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ในดวงตาสงบนิ่งไปแล้วแท้ๆ แต่กลับเหมือนมีประกายของดวงดาวเปล่งปลั่งขึ้นมา"ยังมี...ชีวิตต่อได้หรือ?" ในน้ำเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันมีความหวังขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ได้ แต่มีสิ่งที่ต้องจ่าย""จ่ายด้วย...อะไรหรือ?"
เพราะขนมชามมีไฟวิเศษเปลวเพลิงอู๋ซื่ออยู่ในตัว รูปร่างเดิมจึงกึ่งโปร่งใสถนัดการพรางตัวมากที่สุดและสภาพก่อนหน้านี้ การปรากฏตัวกะทันหันของจั๋วซือหราน ตอนที่ผู้เฒ่าเหอมีอาการสั่นไปทั้งตัวจากความผวาต่อตัวนาง แน่นอนว่าความสนใจทั้งหมดจึงพุ่งไปบนตัวนางจนไม่ทันได้สังเกตถึงการเคลื่อนไหวผิดปกติอื่น ดังนั้นจึงไม่รู้สึกตัวเลย ว่าแมลงกู่ที่ร่างกายกึ่งโปรงใสในปกติ และในตอนที่จำเป็นก็เพิ่มระดับความโปร่งใสได้อีก ตัวนี้ ไปเกาะอยู่บนไหล่เขาตั้งแต่เมื่อไรตอนนีเ้อง พอเห็นว่าร่างของผู้เฒ่าเหอล้มลงกะทันหันขนมชามก็รีบกระพือปีกน้อยทั้งสองนั่นขึ้นมา แม้จะบินไม่ได้เร็วหรือสูงนัก แต่การจะบินขึ้นมาจากจุดเดิมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ตุบตุบ...ตุบตุบ...มาอยู่เบื้องหน้าจั๋วซือหราน หยุดลงข้างๆ หูแล้วจึงส่งเสียงจี๊ดๆ ขึ้นมาแต่ที่ได้ยินในหูจั๋วซือหราน ขนมชามกำลังบอกว่า "นายท่าน เขาสลบไปแล้ว"จั๋วซือหรานจุ๊ปากขึ้นมา "ชิ อ่อนแอเสียจริง""ใช่เลย" ขนมชามเห็นด้วยกับคำพูดของนายท่าน หลังจากนั้นก็ร่อนลงมาบนไหล่จั๋วซือหราน เอ่ยว่า "ทั้งที่ข้าเป็นคนที่ทนรับได้ง่ายที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้วด้วยซ้ำ"จั๋วซือหรานคิดแล้วก็ขำ พูดอ
สีหน้าผู้เฒ่าเหอแข็งทื่อไป หลังจากตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าก็เขียวจนซีดไป นี่นางกำลังตอบโต้เขาว่าก่อนหน้านี้ผายลมออกมาไม่ดังพอสินะ!ผู้เฒ่าเหอโมโหไม่พอใจ สูดลมหายใจลึก แล้วจึงสงบลงมาได้เขาจ้องจั๋วซือหราน "ใต้เท้าจั๋ว ท่านมาโดยไม่ได้รับเชิญถึงสองรอบ วางยาพิษลูกชายข้า ทำร้ายผู้ใต้บัญชาข้า นี่รังแกกันมากเกินไปแล้ว ทำไมหรือ? ขุนนางราชสำนักสามารถรังแกคนได้แบบนี้หรือไรกัน? คิดว่าต้าชางไม่มีกฏหมายหรือไร?"จั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำนี้ พูดออกมาแค่ว่า "เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?""ความหมายของข้าก็คือ..." ผู้เฒ่าเหอกำลังคิดจะพูดแต่เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกจั๋วซือหรานตัดบทไปแล้ว "เจ้าคิดว่ายกเอากฏหมายออกมาแล้วจะช่วยชีวิตเจ้าได้เรอะ?""นี่เจ้า...!" ผู้เฒ่าเหอถลึงตาโตในดวงตาถลึงโตของเขา สะท้อนใบหน้ารอยยิ้มชั่วร้ายของจั๋วซือหราน "ในเมื่อเจ้ากล้าคิดวิธีมาทำร้ายข้า ก็คงจะเคยหาข่าวเรื่องข้ามาแล้ว คงเข้าใจในตัวข้าอยู่บ้างสินะ""ในเมื่อเจ้าเข้าใจตัวข้า ก็น่าจะชัดเจนว่า จั๋วจิ่วอย่างข้าไม่มีนิสัยที่ทำตามกฏระเบียบมาแต่ไหนแต่ไร" จั๋วซือหรานเหลือบตามองเขา"เจ้ายกกฏหมายขึ้นมามีประโยชน์อะไร? ต่อ
พอได้ยินเสียงนี้ที่ดังขึ้นกะทันหัน แล้วยังคุ้นหูขนาดนี้คุ้นหูจนทำให้ผู้เฒ่าเหอยังหลังเย็นวาบ จนถึงตอนนี้ ข้างหูเขาก็เหมือนยังได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกชายอยู่เลย...ดังนั้น พริบตาที่ได้ยินเสียงนี้ เสียงของผู้เฒ่าเหอที่เดิมทียังกระฟัดกระเฟียด ก็หยุดลงไปทันทีทั่วทั้งลานเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด!และเสียงใสเย็นของหญิงสาวคนนั้น ก็ดังลอดเข้ามาอีกครั้ง "เจ้าเองก็ลองผายลมเสียงดังๆ ให้ฟังหน่อยสิ"ผู้เฒ่าเหอก็เหมือนจะเพิ่งยืนยันได้ว่านี่ไม่ได้หูฝาด แต่เป็นเสียงของหญิงสาวคนนั้นจริงๆสีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาทันทีและตอนนี้เองหัวหน้าคนคุ้มกันตระกูลเหอที่นอนหายใจรวยรินกันบนพื้น แม้แต่จะเหลือบตามองก็ยังสุดกำลัง ก็เลิกหนังตาขึ้น แล้วมองไปทางเสียงที่ดังลอดเข้ามาเหลือบมองออกไปอย่างสุดกำลังที่มีในสายตา เงาสีแดงร่างหนึ่ง ก็รวกับเป็นเปลวไฟกลุ่มหนึ่ง เผาไหม้เข้ามาจั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงนั้น จากนั้น จึงก้มลงมองเขาผาดหนึ่งและสบตาเข้ากับเขาที่เงยขึ้นมาพอดีจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว จุ๊ปากขึ้นมาทีหนึ่ง "ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว"หัวหน้าคนนี้เข้าใจความหมายในคำพูดของจั๋วซือหรานซึ่งก็จริง ก่อนหน้านี้นาง
"เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น