“นางไม่ได้ก่อปัญหาอะไรใช่ไหม ข้าให้เจ้าไปหานาง เพื่อบรรเทาความสัมพันธ์อันแย่ระหว่างเจ้ากับจั๋วจิ่ว ” จั๋วหยุนชิน กล่าวจั๋วหรูซินรีบพยักหน้า "ข้าทราบเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้สร้างปัญหาใด ๆ "เมื่อเห็นว่าใบหน้าของพี่ชายของนางดูเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำ จั๋วหรูซินไม่กล้าพูดถึงงานเลี้ยงน้ำชานางเพียงพูดอย่างระมัดระวังว่า "ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพี่ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้ามีคำแนะนำและยาเม็ดของท่านพี่ ข้าต้องสามารถเอาชนะจั๋วซือหรานได้ในการฝึกฝนอย่างแน่นอน ข้าจะไม่ทำให้ท่านพี่และท่านพ่อเสียหน้าแน่ ๆ "ปกติแล้ว เมื่อนางพูดเช่นนี้ สีหน้าของท่านพี่ต้องดูดีขึ้นหน่อยมิใช่หรือแต่จั๋วหรูซินเห็นใบหน้าของพี่ชายของนางยังคงถูกปกคลุมไปด้วยเมฆเช่นเดิม นางอดไม่ได้ที่ต้องถาม "ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น ท่านพี่ดูสีหน้าไม่ดีมาก"ทันใดนั้น จั๋วหรูซินจึงตระหนักด้วยว่า ไม่เพียงแต่ท่านพี่ของนางเท่านั้น แต่สีหน้าของท่านพ่อก็ไม่ได้ดูดีมากด้วย มันเป็นเพียงเพราะร่างกายของท่านพ่อของยังไม่ดีขึ้นหลังจากท่านพ่อถูกลงโทษตามกฎตระกูล สีหน้าของท่านพ่อเลยไม่ค่อยดีนัก ดังนั้น เมื่อครู่นี้ นางจึงไม่ได้สังเกตคุณท่านจั๋วลิ่วพูดด้วยน้ำเสี
คุณท่านจั๋วลิ่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของจั๋วหรูซิน "ใช่สิ จั๋วจิ่ว... "จั๋วหยุนชินขมวดคิ้วและมองคุณท่านจั๋วลิ่ว "ท่านพ่อ จั๋วจิ่วเคยตกลงเรื่องนี้กับตระกูลเหยียนหรือขอรับ""ใช่ มีข้อตกลงนี้จริง ๆ " คุณท่านจั๋วลิ่วนึกถึงการแข่งขันระหว่าง จั๋วซือหรานกับตระกูลเหยียน "นางถูกตระกูลเหยียนบีบบังคับ และเดิมพันสูงขึ้นเรื่อย ๆ นางไม่เพียงแต่ต้องการให้ศูนย์การแพทย์ตระกูลเหยียนปิดตัวลง แต่ยังให้ตระกูลเหยียนตอบสนองความต้องการของนางด้วย”จั๋วหยุนชินเยาะเย้ย "ข้าไม่คิดเลยว่ามีเงื่อนไขเช่นนี้ เช่นนั้นทุกอย่างง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าไร และเมื่อมีนาง ไม่จำเป็นต้องกังวลระกูลเหยียนขึ้นราคายาอีก"เมื่อคุณท่านจั๋วลิ่วได้ยินคำพูดของจั๋วหยุนชิน เขาก็เดาแผนของเขาได้คร่าว ๆ แต่เขาก็ยังกังวลเล็กน้อย "แต่นางไม่ได้เป็นสมาชิกของสำนักงานใหญ่ของตระกูลอีกแล้ว และนางอาจจะรู้สึกขุ่นเคืองเพราะนางถูกกฎตระกูลลงโทษ นางคงไม่ฟังเราหรอกนะ”“เชอะ นั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับนาง” จั๋วหยุนชินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นางใช้ทรัพยากรและชีวิตที่ตระกูลมอบให้นางมานานกว่าสิบปี นางควรช่วยเหลือตระกูล นางคิดว่าทุกอย
“สัญชาตญาณ สัญชาตญาณอะไร” ผู้อาวุโสห้าขมวดคิ้วและถาม เห็นได้ชัดว่านางไม่สนใจคำตอบสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ยังคงเคร่งขรึม และเขาพูดอย่างสงบ "ข้ามีลางสังหรณ์ว่า หากคงบังคับสาวน้อยคนนั้นต่อ สักวันหนึ่งจะเกิดผลร้าย แต่ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนคิดว่าแผนนี้ดี ข้าพูดอะไรก็ไม่ได้"ผู้อาวุโสสามขมวดคิ้ว "ข้าคิดว่าเจ้ากังวลมากเกินไป นางเป็นผู้หญิงและนางไม่มีสำนักงานใหญ่ของตระกูลที่จะพึ่งพา นางเป็นเพียงแหนที่ไม่มีกิ่งก้านให้พึ่งพา นางจะเปลี่ยนโลกหรือ หากเจ้าไม่อยากทำเรื่องนี้ ให้ข้าทำละกัน ข้าไปเป็นผู้ร้ายเอง ดีไหม”“แล้วแต่เจ้าเลย” ผู้อาวุโสใหญ่เลิกมองพวกเขาแล้วเดินจากไปผู้อาวุโสสามถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นผู้อาวุโสใหญ่ ที่เป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขาจากไป เขาเริ่มปรึกษาแผนรับมือกับผู้อาวุโสท่านอื่น“...ใช่ ทำตามที่หยุนชินบอก ข้าจะไปที่นั่นเอง อย่างที่หยุนชิน บอก แม่และน้องชายของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ในบ้านทั้งคู่ ทำไมต้องกังวลว่านางไม่เชื่อฟังด้วย”จั๋วซือหรานไม่รู้ข่าวที่นี่นางอยู่ในบ้าน กำลังยุ่งกลั่นยาอย่างไม่เร่งรีบ ไม่เพียงแต่มียาเม็ดกู้หยวนและยาเม็ดเผยหยวนเท่านั้น แต่ยังมียาอื่น ๆ
“นางออกมาได้ด้วยหรือ”ไม่แปลกใจเลยที่จั๋วซือหรานนึกออกไม่ได้ในตอนแรก นางไม่คิดว่าหลิ่วเย่จะฟื้นตัวเร็วขนาดนี้และสามารถลุกจากเตียงได้ตอนนี้ฉวนคูนกล่าวว่า "หากคุณหนูไม่อยากเจอนาง ข้าจะให้นางออกไป"จั๋วซือหรานคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า "ไม่ต้อง ให้นางเข้ามาเลย ข้าอยากฟังนางจะพูดอะไร"“รับทราบ”ฉวนคูนใช้เวลาครุ่หนึ่ง จึงพาบุคคลนั้นเข้ามา ไม่ใช่เพราะเขาช้า แต่เป็นเพราะอาการของหลิ่วเย่ นางเดินเร็วไม่ได้ นางเกือบต้องหยุดพักหลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวฉวนคูนต้องสงสัย นางออกจากจวนจั๋วตั้งแต่เมื่อไร ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะมาถึงที่นี่?ฉวนคูนกลัวเดินช้าเกินไป จะทำให้คุณหนูโกรธ เขาจึงพยอง หลิ่วเย่ และพูดว่า "ข้าพยุงเจ้าด้วยรีบไปกันเถิด อย่าให้คุณหนุรอนาน"หลิ่วเย่ไม่ปฏิเสธในที่สุด เดินถึงสวนหลังบ้านสักที หลิ่วเย่เห็นสาวสวยที่สวมชุดแดงนั่งอยู่บนขั้นบันไดหน้าห้อง สาวสวยผู้นี้เอาข้อศอกวางไว้บนเข่า เอาคางวางไว้บนฝ่ามือ มองดูนางอย่างไม่คิดอะไร"... คุณหนู" หลิ่วเย่เรียกสาวสวยผู้นี้จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ดูท่าทาง เจ้าฟื้นตัวได้ดีและลงเตียงเร็วจัง"หลิ่วเย่หายใจเข้าเล็กน้อย สีหน้าซีดเซี
นางไม่ได้ประหลาดใจหรือเหมือนในฝันเพราะได้รับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสใหญ่ แต่นางแค่รู้สึกมหัศจรรย์เล็กน้อย“ผู้อาวุโสใหญ่พูดเช่นนี้จริง ๆ หรือ” จั๋วซือหรานถามหลิ่วเย่พยักหน้า "ใช่ นี่เป็นคำพูดของท่านทั้งหมด"“คงต้องเกิดอาเพสอะไรสักอย่างแน่เลย…” จั๋วซือหรานพึมพำหลิ่วเย่กล่าวต่อ " ผู้อาวุโสใหญ่ยังมีประโยคหนึ่งด้วย ให้ข้าบอกคุณหนูด้วย"ไหน ๆ ก็พูดถึงเช่นนี้แล้ว จั๋วซือหรานถามนาง "ว่ามา"" ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า ท่านจะไม่เข้าร่วมในเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป และจะไม่แสดงจุดยืนของท่านอีก ยิ่งไม่เข้าข้างพวกเขาด้วย ดังนั้น ท่านหวังว่าสักวันหนึ่ง เมื่อมีความจำเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นไปได้ หวังว่าคุณหนูเห็นแก่หน้าของท่าน ช่วยตระกูลจั๋วหน่อยเจ้าค่ะ ”หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของจั๋วซือหรานก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจแม้ว่านางยังไม่เข้าใจผู้อาวุโสใหญ่มองเห็นอนาคตไกลแค่ไหนแต่จั๋วซือหรานมีร่องรอยและความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับเส้นโชคชะตาของเจ้าของร่างเดิม ดังนั้นนางจึงรู้ว่าความกังวลของผู้อาวุโสใหญ่ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เพราะในเส้นโชคชะตาเจ้าของร่างเดิมนั้น ตระกูลจั๋วถูกทำลายจนเสียชีวิตไปหมด
ฉวนคูนรีบกระโดดขึ้นและไปเตรียมม้า เขายังถามจั๋วซือหราน ต้องการใช้รถม้าไหมจั๋วซือหรานคิดอยู่พักหนึ่งแล้วตอบ "ไม่ต้องก็ได้ สวมอาน ข้าขี่ไปที่นั่นเอง จะได้ถึงเร็ว ๆ ข้าต้องรีบไปรีบกลับ มิเช่นนั้น เดี๋ยวคนของตระกูลจั๋วจะมาอีก"เมื่อฉวนคูนได้ยินคำพูดของคุณหนู เขาก็เลยรู้ว่านางมีแผนรับมือในใจอยู่แล้วจั๋วซือหรานขี่ม้าไปจวนของตระกูลเหยียนอย่างรวดเร็วเมื่อนางหยุดที่ประตูจวนของตระกูลเหยียน นางดูน่ากลัวมากจนยามเฝ้าจวนสะดุ้งและรีบเข้าไปรายงานหลังจากนั้นไม่นาน เหยียนฉีเดินออกมาต้อนรับนางด้วยตนเองอาจเป็นเพราะเขารีบเดินออกมา เหยียนฉีหายใจเร็วเล็กน้อย " แม่นางจิ่ว เจ้ามาที่นี่มีธุระอันใด"จั๋วซือหรานยิ้มและพูด "เข้าไปคุยกันเลยไหม ข้ากังวลว่าจะหน้าบ้านมีคนเดินไปเดินมาบ่อย ๆ เดี๋ยวมีคนนินทา"“เชิญเข้าบ้านขอรับ” เหยียนฉีเชิญนางเข้าบ้านทันทีเมื่อเดินเข้าไปในประตูตระกูลเหยียน เหยียนฉี ฃก็พูดว่า "เจ้ากังวลพวกเราไม่ได้ทำตามอย่างที่เจ้าพูดหรือไม่ เจ้าไม่ต้องกังวล พวกเราทำตามแผนของเจ้า และทำเสร็จแล้วด้วย"จั๋วซือหรานยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า "ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าอาจไม่สามารถไว้วางใจผู้อื่นในตระกูลเห
จั๋วซือหรานกล่าวต่อ "ข้าตั้งแผนนี้ชื่อว่า แผนได้คืบจะเอาศอก"“ผลได้คืบจะเอาศอกหรือ”“ใช่ เจ้ารู้สึกห้องนี้มืดเกินไปแล้วอยากเปิดช่องแสง แต่เขาไม่เห็นด้วย แล้วหากเจ้าบอกตรง ๆ ตั้งแต่แรกว่าห้องนี้มืดเกินไปและต้องการรื้อหลังคาออก แล้วทีนี้ ผู้คนบางคนจะคิดว่าการเปิดหน้าต่างที่หลังคาก็ไม่เลว” จั๋วซือหรานยิ้มและกล่าวนางมองเหยียนฉี "ดังนั้น พวกเจ้าได้ขึ้นราคาของวัสดุยาถึงห้าเท่าแล้ว ในเวลานี้ หากข้าเรียกสองเท่าของราคา ในสายตาของ ตระกูลจั๋ว พวกเขายังพอไหวราคาของข้า"“แม้พวกเขาจะรู้ว่าราคายาสองเท่านั้นไม่สมเหตุสมผลตั้งแต่แรก พวกเขาก็จะรู้สึกว่า ช่างมันเถิดหากพวกเขาไม่รีบซื้อ หลัง ๆ พวกเขาอาจพลาดราคานี้ไป พวกเขาอาจจะไม่ได้ราคาสองเท่าด้วยซ้ำ เพราะในระหว่างปรับราคาวัสดุยาขึ้น พวกเขากำลังคิดอยู่ว่า พวกเจ้าขึ้นราคาเช่นนี้ ต้องมีความแค้นส่วนตัวเกี่ยวข้อง และความแค้นส่วนตัวนั้นอธิบายได้ยาก…”จั๋วซือหรานกล่าวจุดนี้ แล้วพูดประโยคสุดท้ายเบา ๆ ว่า "จริง ๆ แล้ว หากมีเวลาพอสมควร ตระกูลจั๋วยังมีโอกาศหาซื้อวัสดุยาจากช่องทางอื่น และได้ราคาที่พวกเขารับได้ด้วย แต่สิ่งที่ตระกูลจั๋วขาดมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเว
ช่างโง่เขลาเหลือเกิน เห็นได้ชัดว่านางเป็นสมบัติ แต่พวกมันกลับปฏิบัติต่อนางเหมือนนางเป็นหญ้าในอีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานเห็นผู้คนจากตระกูลจั๋วทันทีที่นางกลับมาถึงที่บ้านผู้ที่มาไม่ใช่ใคร เป็นผู้อาวุโสสาม จั๋วยูง นั่นเองจั๋วยูงเห็นจั๋วซือหรานไม่อยู่บ้านและทำให้เขารอเสียนาน เขาไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วและพูดว่า " เสียวจิ่ว อย่างไรก็ตาม เจ้าเป็นคุณหนูของตระกูลสูงส่ง ทำไมเจ้าต้องวิ่งเล่นด้านนอกบ่อยครั้ง และตอนนี้มืดแล้ว เจ้าจึงกลับมา มันไม่เหมาะสม”จั๋วซือหรานมองเขาอย่างไร้ความรู้สึก ดวงตาของนางไม่มีอารมณ์ใด ๆ และนางยังคงเงียบเมื่อถูกจั๋วซือหรานจ้องมองเช่นนี้ ทันใดนั้น จั๋วยูงมีความรู้สึก... ราวกับว่าเขาได้เห็นภาพที่จั๋วซือหรานเดินออกมาจากหน่วยสืบสวนพิเศษหลังจากนางผ่านการสอบของการแพทย์กลั่นยานั่นเป็นความรู้สึกอย่างเขา... สูญเสียการควบคุม ราวกับว่ามีบางอย่างควบคุมไม่ได้ หรือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นบุคคลที่เขาควบคุมไม่ได้โดยสิ้นเชิงจั๋วยูงถูกจั๋วซือหรานจ้องมองเช่นนี้ เขาจึงเอากำปั้นไปที่ริมฝีปาก และไอเบา ๆ และในที่สุดก็เริ่มเข้าเรื่อง“อย่างไรก็ตาม เสียวจิ่ว วันนี้มาที่นี่ มีเรื่องอ
เพราะบนเวทีประลอง ไม่ค่อยจะมีความยอดเยี่ยมที่พิเศษนัก หรือก็คือ การต่อสู้ที่งดงามยอดเยี่ยม คนที่เก่งกาจจริงๆ ใครก็ไม่อยากจะมาเสียเวลาบนเวทีประลองระดับต่ำๆ เช่นนี้ปกติจึงมีแต่การต่อสู้ที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก และเพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากจะลองเดิมพันกัน อยากจะเห็นการต่อสู้ที่เลือดสาดยิ่งขึ้น เพราะมันต้องมีอะไรสักอย่างที่ดึงดูดสายตาแต่ตอนนี้ การต่อสู้บนเวที ไม่จำเป็นต้องเลือดสาด แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมเพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็มองออก!สถานการณ์ตอนนี้เหมือนเคยเจอมาก่อนเพียงไม่นาน ก็มีคนมีปฏิกิริยาขึ้นมา“ไม่ใช่เหมือนกับตอนยกแรกหรือ? แค่พลิกกลับมาเท่านั้น”“จริงด้วย! ตอนยกแรก เป็นหญิงสาวถูกอีกฝ่ายใช้แส้ไล่ฟาดบีบจนเข้าไปในระยะโจมตีของสัตว์ประหลาด!”“แต่ว่าตอนนี้เหมือนนางมาไล่บี้ชายคนนี้ไปในระยะของสัตว์ประหลาด...?”“ไม่ ไม่ใช่ นางบีบชายคนนี้ ตรงไปยังจุดโจมตีถัดไปของนาง!”“พอพูดเช่นนี้ ตอนยกแรกคงไม่ใช่ว่านางยอมให้คนอื่นชนะหรอกใช่ไหม...?”จั๋วซือหรานได้ยินเสียงเหล่านี้ หางตายกโค้งนางคิดจะให้ทุกคนรู้สึกเช่นนี้ พอเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครรู้สึกว่านางไม่มีฝีมือ เอาชนะมาได้เพราะอีกฝ
พอได้ยินคำพูดของซางถิง จั๋วซือหรานก็รู้สึกไม่อยากเชื่อเพราะนางมีความรู้สึกอย่างชัดเจน ว่าชายคนนี้ยังมีไพ่ตายอยู่อีกเขายังมีฝีมืออื่นอีกแน่นอน แต่เขากลับยอมแพ้เสียแล้วไม่มีทางเป็นเพราะชื่นชมนางแน่ๆ เช่นนั้น...จั๋วซือหรานครุ่นคิด ขมวดคิ้ว เหมือนเข้าใจขึ้นหน่อยๆไม่ใช่เพราะชื่นชมนาง เช่นนั้น จะต้องเป็นเพราะคนของตระกูลซางตอนนี้ชมอยู่ในห้องหรูกระมัง ไพ่ตายของเขาน่าจะไม่อยากให้ตระกูลซางได้เห็นถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเหมือนจั๋วซือหราน ไม่มีการปิดบังซ่อนเร้นฝีมือของตนเอง ไม่กลัวความยุ่งยากอันที่จริงนางเองก็ไม่ใช่ว่าไม่กลัวความยุ่งยากหรอก เพียงแต่เพราะ ต่อให้ตนเองจะพยายามปิดบังซ่อนเร้น แต่ก็เหมือนความยุ่งยากก็แวะเวียนเข้ามาหาอยู่เรื่อยเช่นนั้นทำไมจะต้องไปปิดบังซ่อนเร้นแล้วคอยอดทนกล้ำกลืน แต่ว่าทุกคนก็มีท่าทีและวิธีแก้ไขที่แตกต่างกันไปในสถานการณ์คล้ายๆ กันนี้จั๋วซือหรานเองก็เคารพการตัดสินใจ“โอ้...” นางลากเสียงยาวออกมา แสดงท่าทีว่าเข้าใจแล้ว นางมองไปทางซางถิง “เช่นนั้นก็ขอบคุณ”แต่ว่าชัดเจนมาก วิธีการแก้ไขที่สงบสุขแบบนี้มันไม่ได้ ไม่มีทางทำให้นักพนันบ้าคลั่งที่แพ้บนที่
ซางเชวี่ยเอ่ยขึ้นเสียงขรึม “หวังว่าข้าคงจะแค่คิดมากไป หญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ มิน่านางจึงเหิมเกริมได้ขนาดนี้”การเหิมเกริมของคนล้วนต้องมีต้นทุนทั้งนั้นและตอนนี้ บนอัฒจันทร์ยิ่งครึกโครมเข้าไปอีก พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนคิดว่าซางถิงเป็นคนอัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมายังเหยียดหยามจั๋วซือหราน หัวเหราะเยาะนาง รู้สึกว่านางต้องแพ้อยู่เลย ยังรู้สึกว่าคนเขาเก็บของใหญ่มาปล่อยเอาตอนท้ายเพื่อจัดการนางใครก็คิดไม่ถึง ว่าเจ้าของใหญ่นี่ที่แท้จั๋วซือหรานเป็นคนอัญเชิญออกมา!บนเวทีคึกคักขึ้นมาทันทีคนที่มาจากค่ายทหารเหล่านั้น เหล่าทหารของค่ายทหารที่มาเพื่อสนับสนุนจั๋วซือหรานโดยเฉพาะ ล้วนส่งเสียงโห่ร้องยินดีออกมาก่อนหน้านี้เนื่องจากชัยชนะของคุณหนูจิ่วยังไม่ค่อยชัดเจน พวกเขาจึงค่อนข้างตึงเครียดหน่อยๆ กลัวว่าแม่นางจิ่วจะแพ้ดังนั้นจึงไม่กล้าส่งเสียงกันตอนนี้ในที่สุดก็ระเบิดเสียงโห่ร้องออกมาได้แล้ว!ยังมีคนส่วนหนึ่งที่รู้สึกว่าจั๋วซือหรานคนนี้ชั่วร้ายเหลือเกิน ดังนั้นจึงไม่สนการวิเคราะห์ความสมเหตุสมผล รู้สึกแค่ว่าอยากจะลองแทงหุ้นที่ไม่มีใครสนใจ ถ้าเกิดมันพุ่งแรงขึ้นมาล่ะ?คนพวกนี้ ตอนนี้ก็โห่ร
อดพูดไม่ได้เลย ว่าคำสบถคำนี้ของจั๋วซือหรานแม่นยำมาก ผู้คนที่บาดเจ็บเหล่านี้ ดูแล้วเหมือนถูกทัณฑ์เชือดเฉือนอย่างไรอย่างนั้นแต่ละคนกลายเป็นมนุษย์โชกเลือดไปหมด!และเพราะฉากที่ค่อนข้างน่าตกตะลึงนี้เลือดสดจึงกระตุ้นเอาความเร่าร้อนของคนทั้งหมด“ฆ่าๆๆ!”“ฆ่าเขาเสีย!”“ฆ่านางเสีย!”ตอนนี้เหมือนจะไม่เกี่ยวกับแพ้ชนะแล้ว แต่กลับเกี่ยวข้องกับความตื่นเต้นเร้าใจที่ได้มาจากเลือดเหล่านี้“จั๋วซือหรานคนนี้เก่งกาจเกินไปแล้ว สัตว์ประหลาดที่นางนำมาร้ายกาจขนาดนี้เชียว!”“นางคิดจะทำให้คนตกตะลึงไปถึงเมื่อ...”มีคนยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกความโกลาหลที่ปรากฎขึ้นกะทันหันตัดบทไปเสียแล้ว“ทำ ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น?”“ให้...ให้ตายเถอะ รีบดูสิ นั่นมัน...”“นั่น...มันอะไร สถานการณ์อะไรกัน...?”ทุกคนล้วนตกตะลึงไปแล้วเพราะว่าตอนนี้ ทุกคนล้วนเห็นแล้ว ว่าราชาแมงมุมหน้าพิษ....ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ซางถิงอัญเชิญออกมากลับมาขวางไว้ด้านหน้าจั๋วซือหรานพูดให้ถูกคือ อันที่จริงก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่า พอการโจมตีของผีเสื้อปีกระยับไม่มีผลกับราชาแมงมุมหน้าผี ราชาแมงมุมหน้าผีจึงจะต้องไปโจมตีจั๋วซือหรานแล
ไม่มีคนสังเกตเห็น ว่าที่ข้างเวที เจ้าสำนักหอจันทร์เงินที่หน้าตาอ่อนโยนหล่อเหลา เวลานี้มีสีหน้าปั้นยากมากตราประทับจันทร์เสี้ยวที่หน้าผากนั่น ขมวดเป็นก้อนจากการขมวดคิ้วแน่นของเขาแล้ว!คนอื่นอาจไม่รู้ แต่อินเจ๋ออันชัดเจนอย่างที่สุด!ผีเสื้อปีกระยับตัวเดียวของนางเผชิญหน้ากับราชาแมงมุมหน้าผีแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรกัน? ผีเสื้อปีกระยับตัวหนึ่งถ้าเผชิญหน้ากับแมงมุมหน้าผีมันไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว!แต่ผีเสื้อปีกระยับนั่นไม่ใช่ของจั๋วซือหราน!อินเจ๋ออันเข้าใจเป็นอย่างดี ตั้งแต่ตอนแรกเขาก็รู้ถึงอันดับการออกสัตว์ประหลาดของซางถิงแล้ว ยกที่สามคือ...ผีเสื้อปีกระยับผีเสื้อปีกระยับที่ไม่มีประโยชน์! เป็นของซางถิง!ส่วนราชาแมงมุมหน้าผีที่พลังกับขนาดร่างกายสะกดไปทั้งเวทีนั่น เป็นของจั๋วซือหรานต่างหาก!อินเจ๋ออันดูถูกนางไปจริงๆ ตอนนี้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เสียใจอย่างมาก เสียใจอย่างมากจริงๆ แค่คิดขึ้นมาใจก็รวดร้าวแล้วตอนนี้เอง ในห้องหรูบนหอในห้องหรูของตระกูลซาง เสียงแหลมหนึ่งดังขึ้น “นี่เลย นี่เลย คุณหนูสี่ ราชาแมงมุมหน้าผีตัวนี้ เดิมทีเป็นสิ่งที่ข้ากับคนเหล่านั้นจะมอบให้เป็นของขวัญวันเก
พอสิ่งมหึมานี้ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งลานก็เงียบกริบไปทันที!ทุกคนหวาดกลัวกันจนกระทั่งกลั้นหายใจ!หนึ่งคือเพราะมนุษย์นั้นจะเกิดความกลัวได้ง่ายต่อสิ่งของที่ใหญ่โตมหึมานี่น่าจะเป็นสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในยีนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายยิ่งไปกว่านั้น ตัวมนุษย์เองก็หวาดกลัวกับแมลงประเภทแมงมุมอยู่แล้วโดยเฉพาะแมงมุมที่ดูฉูดฉาดและร่างหายมหึมาขนาดนี้ตอนนี้เอง เจ้าตัวโตที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันบนลานประลองก็คุมสถานการณ์ไปทั้งหมดแล้ว!ใหญ่แล้วหรือ? นี่มันยังย่อไว้หน่อยแล้วด้วยนะ ไม่อย่างนั้นบนเวทีนี้ มันเดินไม่กี่ก้าวก็คงจะสุดทางแล้วแมงมุมหรือ? ขาขนปุกปุยทั้งแปดกับแขนเคียวนั่น แล้วยังมีปากที่แหลมคมอีก มองอย่างไรก็เป็นแมงมุม ไม่ใช่ปูอย่างแน่นอนฉูดฉาดหรือ? ลายดอกไม้บนหลังกับท้องของมัน เหมือนกับใบหน้าผีที่กำลังร้องไห้กำลังหัวเราะอยู่อย่างไรอย่างนั้นนี่คือที่มาของชื่อมัน“แมงมุมหน้าผี!”“นี่มันแมงมุมหน้าผี! น่ากลัวเหลือเกิน!”“ข้ากลัวแมงมุม ขนข้าลุกไปหมดแล้ว!”“ข้าก็ด้วย!”“แมงมุมหน้าผีที่ใหญ่โตขนาดนี้ ต้องเป็นระดับราชาแล้วกระมัง? ครั้งนี้จั๋วซือหรานแพ้แน่แล้ว!”เสียงดังขึ้นไม่ขาดสาย
ถึงอย่างไร ความจริงก็จะสอนให้เขาเป็นคนเอง ถึงอย่างไร คนเหล่านั้นที่ปากแข็งกับนางก่อนหน้า เจ้าพวกที่ควรตบฉาดก็ตบไปแล้วไม่มีเขาก็ไม่ได้น้อยลง หรือมีเขามาสักคนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไรตอนที่จั๋วซือหรานกลับมาถึงห้องพักผ่อน ก็เห็นเจี่ยงเทียนซิงรออยู่ที่นั่นแล้ว“ทำไมยังมาด้วยตัวเองอีกล่ะ?” จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจเจี่ยงเทียนซิงยิ้มๆ “ในเมื่อชนะแล้วนี่ ก็ต้องมาฉลองชัยชนะของเจ้าสักหน่อยไหม”จั๋วซือหรานหัวเราะเบาๆ “เพิ่งจะยกเดียวเอง ยกต่อไปต่างหากที่สำคัญ”เจี่ยงเทียนซิงคิดๆ ตอบมาว่า “ข้ารู้สึกว่าฉลองล่วงหน้าได้ เจ้าเป็นคนที่มีความคิดดีดีอยู่เสมอ ถ้ารู้สึกไม่มั่นใจพอต่อเรื่องนี้ เจ้าไม่มีทางบุ่มบามเห็นด้วยหรอก”จั๋วซือหรานยิ้มๆ ไม่พูดจา“แต่ก็คิดไม่ถึงว่ายกนี้เจ้าจะสู้ได้ยอดเยี่ยมจริงๆ” เจี่ยงเทียนซิงเดิมทีคิดว่าความหมายของจั๋วซือหรานคือรอยกต่อไปแล้วค่อยเริ่มต่อสู้ ยกนี้แค่สู้ให้ชนะอย่างหวุดหวิด แต่การแสดงออกเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน แม้จะไม่สามารถพูดได้ว่าข่มกดดันไว้จนหมด แต่ก็ไม่ใช่ชนะอย่างหวุดหวิดแน่นอน ตอนท้ายยังดูค่อนข้างอหังการอีกด้วย จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “หลักๆ คือคิ
“ให้ตายเถอะ...”ทุกคนเห็นแค่ จั๋วซือหรานที่เดิมทีเต้นรำอยู่ท่ามกลางพายุห่าฝนแส้ที่หนาแน่นเวลานี้นั่งลงมาแล้ว...อยู่บนตัวซางถิง?พูดให้ถูกต้องคือ นางกดเขาอยู่บนเวทีหินต้องห้ามไปแล้วหัวเข่าข้างหนึ่งของนางยันไว้ที่หน้าอกเขา แต่การเคลื่อนไหวนี้ ไม่ใช่จุดสำคัญที่ควบคุมเขาไว้ หรือเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญที่ทำให้คนอื่นต้องทึ่งการเคลื่อนไหวสำคัญ คือสองดาบที่พาดไขว้อยู่บนคอซางถิง ดาบสองเล่มสลับไขว้อยู่บนคอเขา คมดาบหันเข้าด้านใน ขังคอของเขาเอาไว้ที่ร่องตัดสลับของคมดาบราวกับว่าขอแค่เขาขยับตัว นางแค่ออกแรงเบาๆ ก็เด็ดหัวเขาออกมาได้แล้ว!เพียงแค่มอง ก็อยู่ในระดับที่ทำให้คนที่เห็นอดกลั้นหายใจขึ้นไม่ได้ขณะที่บนเวทีมีเสียงตกตะลึงดังขึ้น ในห้องหรู เฟิงหร่านก็ส่งเสียงตกตะลึงออกมา“เขา...คนนั้นตายหรือยัง?” เฟิงหร่านถามขึ้น เสียงดูตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะจากมุมมองของนาง มองเห็นแค่แผ่นหลังของจั๋วซือหราน คุกเข่ากดหน้าอกอีกฝ่ายเอาไว้สองมือกุมดาบไขว้กดลงไปมองแล้วเป็นการเคลื่อนไหวที่จะเอาชีวิต เป็นการเคลื่อนไหวแบบประหัตประหารแต่เพราะถูกแผ่นหลังของจั๋วซือหรานบังไว้ ดังนั้นอันที่จริงจึงไม่รู้ว่า
ถามขึ้นว่า “ตาข้าแล้วหรือยัง?”สายตาของซางถิงจ้องนางเขม็ง เขากุมมือในแส้แน่น สะบัดข้อมือแส้ยาวในมือดีดตึง ปลายแหลมสะบัดไปทางจั๋วซือหราน“วูม...!” เสียงผ่าอากาศดังขึ้นจากนั้นแส้ก็ส่งเสียงเผียะขึ้นกลางอากาศ ราวกับตัดอากาศจนขาดเป็นท่อนอย่างไรอย่างนั้นและร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบ ดูแล้วไม่มีอาการซมซานหรือโซซัดโซเซตอนที่หลบหลีกก่อนหน้านี้เลยความเร็วการเคลื่อนไหวของนางสูงมาก แต่ในสายตาของทุกคน กลับดูเชื่องช้าความรู้สึกแตกต่างระหว่างความเร็วและช้าที่สลับไปมานี้ ทำให้คนรู้สึกเริ่มปวดตาขึ้นมาทุกคนเห็นเห็นว่านางอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ นางเพียงแค่ก้าวอย่างสงบไม่กี่ก้าวราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านเท่านั้นกระทั่งความตึงเครียดสักนิดก็ไม่มีแต่การโจมตีของแส้ที่น่าตกตะลึงนั่น ก็ถูกนางเบี่ยงหลบไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกระทั่งชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ!ส่วนการโจมตีจากแส้ของซางถิงก็ยังไม่หยุด กระหน่ำเข้ามาราวกับห่าฝน เหมือนไม่ต้องการให้มีเวลาหยุดพักทั้งที่ซัดแส้ออกไปแท้ๆ มันควรจะมีช่วงจังหวะที่ค้างกลางอากาศกับจังหวะดึงแส้กลับมารวมพลังตวัดออกไปอีกจึงจะถูกแต่นั่นแทบจะไม่มีเลยการโจมตีแส้ของซ