จั๋วซือหรานกล่าวต่อ "ข้าตั้งแผนนี้ชื่อว่า แผนได้คืบจะเอาศอก"“ผลได้คืบจะเอาศอกหรือ”“ใช่ เจ้ารู้สึกห้องนี้มืดเกินไปแล้วอยากเปิดช่องแสง แต่เขาไม่เห็นด้วย แล้วหากเจ้าบอกตรง ๆ ตั้งแต่แรกว่าห้องนี้มืดเกินไปและต้องการรื้อหลังคาออก แล้วทีนี้ ผู้คนบางคนจะคิดว่าการเปิดหน้าต่างที่หลังคาก็ไม่เลว” จั๋วซือหรานยิ้มและกล่าวนางมองเหยียนฉี "ดังนั้น พวกเจ้าได้ขึ้นราคาของวัสดุยาถึงห้าเท่าแล้ว ในเวลานี้ หากข้าเรียกสองเท่าของราคา ในสายตาของ ตระกูลจั๋ว พวกเขายังพอไหวราคาของข้า"“แม้พวกเขาจะรู้ว่าราคายาสองเท่านั้นไม่สมเหตุสมผลตั้งแต่แรก พวกเขาก็จะรู้สึกว่า ช่างมันเถิดหากพวกเขาไม่รีบซื้อ หลัง ๆ พวกเขาอาจพลาดราคานี้ไป พวกเขาอาจจะไม่ได้ราคาสองเท่าด้วยซ้ำ เพราะในระหว่างปรับราคาวัสดุยาขึ้น พวกเขากำลังคิดอยู่ว่า พวกเจ้าขึ้นราคาเช่นนี้ ต้องมีความแค้นส่วนตัวเกี่ยวข้อง และความแค้นส่วนตัวนั้นอธิบายได้ยาก…”จั๋วซือหรานกล่าวจุดนี้ แล้วพูดประโยคสุดท้ายเบา ๆ ว่า "จริง ๆ แล้ว หากมีเวลาพอสมควร ตระกูลจั๋วยังมีโอกาศหาซื้อวัสดุยาจากช่องทางอื่น และได้ราคาที่พวกเขารับได้ด้วย แต่สิ่งที่ตระกูลจั๋วขาดมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเว
ช่างโง่เขลาเหลือเกิน เห็นได้ชัดว่านางเป็นสมบัติ แต่พวกมันกลับปฏิบัติต่อนางเหมือนนางเป็นหญ้าในอีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานเห็นผู้คนจากตระกูลจั๋วทันทีที่นางกลับมาถึงที่บ้านผู้ที่มาไม่ใช่ใคร เป็นผู้อาวุโสสาม จั๋วยูง นั่นเองจั๋วยูงเห็นจั๋วซือหรานไม่อยู่บ้านและทำให้เขารอเสียนาน เขาไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วและพูดว่า " เสียวจิ่ว อย่างไรก็ตาม เจ้าเป็นคุณหนูของตระกูลสูงส่ง ทำไมเจ้าต้องวิ่งเล่นด้านนอกบ่อยครั้ง และตอนนี้มืดแล้ว เจ้าจึงกลับมา มันไม่เหมาะสม”จั๋วซือหรานมองเขาอย่างไร้ความรู้สึก ดวงตาของนางไม่มีอารมณ์ใด ๆ และนางยังคงเงียบเมื่อถูกจั๋วซือหรานจ้องมองเช่นนี้ ทันใดนั้น จั๋วยูงมีความรู้สึก... ราวกับว่าเขาได้เห็นภาพที่จั๋วซือหรานเดินออกมาจากหน่วยสืบสวนพิเศษหลังจากนางผ่านการสอบของการแพทย์กลั่นยานั่นเป็นความรู้สึกอย่างเขา... สูญเสียการควบคุม ราวกับว่ามีบางอย่างควบคุมไม่ได้ หรือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นบุคคลที่เขาควบคุมไม่ได้โดยสิ้นเชิงจั๋วยูงถูกจั๋วซือหรานจ้องมองเช่นนี้ เขาจึงเอากำปั้นไปที่ริมฝีปาก และไอเบา ๆ และในที่สุดก็เริ่มเข้าเรื่อง“อย่างไรก็ตาม เสียวจิ่ว วันนี้มาที่นี่ มีเรื่องอ
ดังนั้นเขาจึงเกิดความโกรธขึ้นเป็นปกติว่า "ตระกูลต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า เจ้าทำตัวเช่นนี้ได้อย่างไร"จั๋วยูงโกรธอย่างมาก จนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง และหลอดเลือดบนหน้าผากของเขาโป่งขึ้น เขาพูดอีกด้วยว่า "...ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอทาน"ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า ทำไมเขาถึงรู้สึกเสียหน้าเพราะทัศนคติของผู้หญิงคนนี้ในเมื่อครู่นี้เป็นเพราะทัศนคติของนางททำให้จั๋วยูงรู้สึกเหมือนเขามาที่นี่เพื่อขอทานหรือเปล่าสิ่งที่ทำให้เขาโกรธที่สุดคือ หลังจากเขาพูดคำเหล่านี้ จั๋วซือหรานยังทำตัวเช่นนั้นเหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเลิกคิ้วเล็กน้อย "ข้าไม่ได้พูดอย่างนั้นนะ"เขาพูดเช่นนี้เองจั๋วยูงยิ่งโกรธมากขึ้น เขาหายใจเข้าลึก ๆ สักสองสามทีจึงสงบอารมณ์ได้ เขาพูดว่า "ก็แค่คิดว่าข้าคิดเยอะละกัน พูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้ตระกูลต้องการเจ้า ทุกวันนี้ เจ้าคงได้ยินเรื่องราวในเมืองหลวงบ้าง ตระกูลเหยียนเรียกราคาอย่างโหด ราคาวัสดุยาที่พวกเขาเสนอให้พวกเราโหดสุด ๆ จะว่าไป ในเรื่องนี้ เจ้าต้องรับผิดชอบส่วนหนึ่งด้วย“หากไม่ใช่เพราะเจ้าทำให้ตระกูลเหยียนขุ่นเคือง พวกเขาคงไม่มีความแค้นต่อตระกูลของเรา อย่างไรก็ต
รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขอ ผู้อาวุโสสาม“เฮ้ ดี ๆ ดีมากเลย ข้ารู้เลยว่า เจ้าเป็นเด็กดี เจ้าทำเช่นนี้ถูกต้องแล้ว แม้ว่าตระกูลของเราจะมีความขัดแย้งภายในบ้าง แต่ก็ยังเป็นเรื่องภายในตระกูลเรา เมื่อถึงเวลาต้องสู้กับโลกภายนอก เราร่วมใจกัน”รอยยิ้มบนใบหน้าของจั๋วซือหรานดูเหมือนถูกวาดโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือความจริงใจใด ๆนางพูดกับจั๋วยูง " ผู้อาวุโสสามพูดถูก"“ใช่แล้ว เด็กดี เช่นนั้นข้าฝากเจ้าจัดการเรื่องนี้” จั๋วยูง ยิ้มกว้างจั๋วซือหรานมองเขาแล้วรู้สึกว่า หากไม่ใ่เพราะไม่ถูกมารยาท เขาอาจตบไหล่ของจั๋วซือหรานแล้วจั๋วยูงยิ้มและถามจั๋วซือหราน " เสียวจิ่ว เจ้าคิดว่าเราจะได้คำตอบเมื่อใด"ตอนนี้พวกเขาวิตกกังวลมากและไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วันเดียวจั๋วซือหรานตอบ "หากทางบ้านรีบร้อย ข้าไปไปคุยกับ ตระกูลเหยียนคืนนี้ได้เลย ข้าน่าจะให้คำตอบได้ในเช้าวันพรุ่งนี้"จั๋วยูงคิดอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว และท้องฟ้าก็มืดลง โดยปกติแล้วเขาจะไม่ต้องรีบเร่งขนาดนี้ แต่เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยจั๋วยูงกล่าวว่า "ทางบ้านกำลังรีบร้อนแล้วจริง ๆ เอาอย่างนี้ละกัน คืนนี้เจ้าไปคุยกับตระกูลเหยียนกันเถิด คืนนี้ข
จั๋วซือหรานเดินไปทางทิศตะวันตกของเมืองนางไม่จำเป็นไปถึงทางตะวันตกของเมืองจริง ๆ เมื่อนางใกล้จะถึงเขตตะวันตกของเมือง นางสังเกตสภาพแวดล้อมและถนนโดยรอบเสื่อมโทรมลงอย่างเห็นได้ชัดจั๋วซือหรานสวมหมวกผ้าอย่างไม่ตั้งใจ ม่านผ้ากอซยาวก็ปิดบังใบหน้าของนางนางเดินเข้าไปในเขตตะวันตกของเมืองแม้ว่านางสวมผ้ากอซ แต่รูปร่างของนางยังคงดูเรียวและสง่างามเกินไป และนางก็ดึงดูดความสนใจอย่างมากในเวลากลางคืนทางตะวันตกของเมืองเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าแสดงท่าทีหุนหันพลันแล่นผู้ที่สามารถอยู่รอดได้ในเขตตะวันตกของเมืองไม่โง่ ไม่มีใครคิดว่าผู้หญิงที่กล้ามาตลาดกลางคืนของเขตตะวันออกของเมืองในยามกลางคืนเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอจริง ๆก็ไม่รู้ว่าใครเคยกล่าวไว้ หากเจ้าดูถูกผู้หญิง เจ้าจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่และทุกคนต่างทราบกันดีว่าว่า คุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋ว ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองหลวงเมื่อเร็ว ๆ นี้ตีความประโยคนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบดังนั้น ในระหว่างทางที่จั๋วซือหรานเดินไปตลาดกลางคืนของเขตตะวันตกของเมือง ถือว่านางเดินราบรื่นอยู่ และไม่มีผู้ที่ไม่มีตากล้ามาหาเรื่องนางแต่เมื่อนางเดินม
เด็กคนนั้นอาจไม่เคยเห็นเหรียญเงินสักสองสามเหรียญมาตลอดชีวิต เขาตกตะลึงอย่างมากเมื่อเขารู้ตัว จั๋วซือหรานเดินไปใกล ๆ แล้วในที่สุดเขารู้ตัว เขากระโดดขึ้นและไล่ตามจั๋วซือหรานไป “ท่าน... ท่าน ท่านรอข้าด้วย...”จั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่า การกระทำอย่างไม่สนใจของนางจะกลายนำปัญหาผู้ชายคนนี้เดินตามนางตลอดและไม่เคยจากไป“...แต่ข้าไม่ควรเอาเงินของท่านโดยเปล่า ๆ ขอรับ” เขาพูดเช่นนี้ จากนั้นเดินตามจั๋วซือหรานอย่างใกล้ชิดเขาไม่สนใจจั๋วซือหรานจะชอบหรือไม่ เขาก็ไม่ได้อยากะจากไปอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงเดินตามจั๋วซือหราน และเล่าสถานการณ์ที่ตลาดกลางคืนของเขตตะวันออกของเมืองให้นางฟังอาจเป็นเพราะในระหว่างเขาพูด เขาสังเกตเห็นแม้ว่าจั๋วซือหรานรู้สึดหงุดหงิดเล็กน้อย แต่นางก็ไม่โกรธหรือไล่เขา ดูเหมือนว่านางเป็นผู้ที่มีนิสัยดีดังนั้นเขาจึงพูดไปเรื่อย ๆ และแม้แต่แต่เดิมเขาพูดติดอ่างเล็กน้อย ก็ยังค่อย ๆ พูดคล่องมากขึ้นจั๋วซือหรานได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ และกฎของเขตตะวันตกของเมืองจากเขา“เพราะตอนที่ท่านมถึงตลาดกลางคืน ท่านได้แสดงให้เห็นว่าท่านมีความสามารถที่เก่งกาจ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงไม่
เด็กฉลาดกระซิบว่า "ท่านขอรับ ที่นั่นคือสนามฝึก พูดไม่ได้ บางครั้งมันก็เป็นการฆาตกรรมจริง ๆ ... "เสียงของเด็กฉลาดเริ่มเงียบลงไปเรื่อย ๆจั๋วซือหรานเลิกคิ้วและตระหนักว่านางเดาถูกจริง ๆ ใช่ที่นั่นเลยเดิมทีเด็กฉลาดพูดเช่นนี้ โดยหวังว่าจั๋วซือหรานกลัวและเลิกสนใจที่นั่นใครจะรู้ว่าเมื่อแขกผู้มีเกียรติท่านนี้ได้ยินเช่นนี้ นางไม่มีเจตนาที่จะกลัวเลย นางเดินไปที่นั่นอย่างไม่ลังเลเด็กผู้ฉลาดเหงื่อออกบนหลังของเขา แต่เขาก็ยังรีบเดินตาม เขารีบโน้มน้าว "ท่าน ท่านขอรับ โปรดใจเย็น ๆ ที่นั่นวุ่นวายจริง ๆ คนหลายประเภทปะปนกันหมด อีกอย่าง ท่านเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง ข้ากลัวกลัวท่านถูกคนร้ายรังแก หากคนอันธพาลที่นั่นเดิมพันแพ้ พวกเขาอาจะทำทุกอรื่อง ยิ่งไปกว่านั้น หากท่านบังเอิญเข้าไปเดิมพนัน เท่ากับว่า จะครอบครัวจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง”ในตอนท้ายของประโยค เสียงของเด็กฉลาดเศร้าหมองเล็กน้อยจั๋วซือหรานเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย นางฟังออก ในความเป็นจริงแล้ว เด็กคนนี้กลัวนางถูกคนรังแกเมื่อนางไปสนามฝึกฝน เขากลัวนางติดการพนันที่สนามฝึกฝนมากกว่านางไม่ทราบเขาเคยประสบสมาชิกในครอบครัวติดการพนันหรือเ
เด็กฉลาดเริ่มวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นอันที่จริง จั๋วซือหรานยังคิดว่าการหยอกเด็กนั้นสนุกมากยิ่งนางเดินเข้าไปในสนามฝึกฝนมากเท่าไร นางก็ยิ่งได้ยินเสียงดังมาจากด้านในมากขึ้นเท่านั้นตามคำพูดของเด็กฉลาด มักจะมีผู้คนเดิมพันให้กับการแข่งขันประเภทนี้การแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงโอกาสที่เดิมพันได้ ในสถานที่เช่นนี้ ไม่ว่าจะมีเสียงดังและอึกทึกมากเท่าไร ก็ไม่น่าแปลกใจสนามแข่งเช่นนั้นและความอึกทึกเช่นนั้นสามารถยั่วยุความกระตือรือร้นของผู้คนได้จริง ๆเมื่อเข้าสู่สนามฝึกฝน นางเห็นผู้คนที่ส่งเสียงดังจนหน้าแดงและตะโกนไปในทุกที่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นเพียงผู้ดู แต่ดูเหมือนพวกเขาจะตื่นเต้นกว่าผู้แข่งในสนามที่กำลังต่อสู้เพื่อรอดชีวิต“ตี ตีมันเลย”"ฆ่าเขา""ลุยสิ ลุย เจ้าลังเลทำไม ไอ้ไม่ได้เรื่อง"“พุ่งไปสิ แม่งรู้กูลงทุนกับเจ้าไปเท่าไรไหม”เสียงเช่นนี้ดังขึ้นมาเรื่อย ๆยิ่งสถานการณ์ในสนามแข่งดึงเคลียดมากเท่าไร เสียงตะโกนนอกสนามก็ยิ่งดังขึ้นมากเท่านั้นมันมีเสียงดังมากภายใต้เสียงรบกวน ผู้คนจะหงุดหงิด ซึ่งเวลานี้ ภายใต้ผ้ากอซ จั๋วซือหรานเริ่มหงุดหงิดเด็กฉลาดกระซิบข้างนาง "ท่านขอรับ โปรดระวัง
เพราะบนเวทีประลอง ไม่ค่อยจะมีความยอดเยี่ยมที่พิเศษนัก หรือก็คือ การต่อสู้ที่งดงามยอดเยี่ยม คนที่เก่งกาจจริงๆ ใครก็ไม่อยากจะมาเสียเวลาบนเวทีประลองระดับต่ำๆ เช่นนี้ปกติจึงมีแต่การต่อสู้ที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก และเพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากจะลองเดิมพันกัน อยากจะเห็นการต่อสู้ที่เลือดสาดยิ่งขึ้น เพราะมันต้องมีอะไรสักอย่างที่ดึงดูดสายตาแต่ตอนนี้ การต่อสู้บนเวที ไม่จำเป็นต้องเลือดสาด แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมเพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็มองออก!สถานการณ์ตอนนี้เหมือนเคยเจอมาก่อนเพียงไม่นาน ก็มีคนมีปฏิกิริยาขึ้นมา“ไม่ใช่เหมือนกับตอนยกแรกหรือ? แค่พลิกกลับมาเท่านั้น”“จริงด้วย! ตอนยกแรก เป็นหญิงสาวถูกอีกฝ่ายใช้แส้ไล่ฟาดบีบจนเข้าไปในระยะโจมตีของสัตว์ประหลาด!”“แต่ว่าตอนนี้เหมือนนางมาไล่บี้ชายคนนี้ไปในระยะของสัตว์ประหลาด...?”“ไม่ ไม่ใช่ นางบีบชายคนนี้ ตรงไปยังจุดโจมตีถัดไปของนาง!”“พอพูดเช่นนี้ ตอนยกแรกคงไม่ใช่ว่านางยอมให้คนอื่นชนะหรอกใช่ไหม...?”จั๋วซือหรานได้ยินเสียงเหล่านี้ หางตายกโค้งนางคิดจะให้ทุกคนรู้สึกเช่นนี้ พอเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครรู้สึกว่านางไม่มีฝีมือ เอาชนะมาได้เพราะอีกฝ
พอได้ยินคำพูดของซางถิง จั๋วซือหรานก็รู้สึกไม่อยากเชื่อเพราะนางมีความรู้สึกอย่างชัดเจน ว่าชายคนนี้ยังมีไพ่ตายอยู่อีกเขายังมีฝีมืออื่นอีกแน่นอน แต่เขากลับยอมแพ้เสียแล้วไม่มีทางเป็นเพราะชื่นชมนางแน่ๆ เช่นนั้น...จั๋วซือหรานครุ่นคิด ขมวดคิ้ว เหมือนเข้าใจขึ้นหน่อยๆไม่ใช่เพราะชื่นชมนาง เช่นนั้น จะต้องเป็นเพราะคนของตระกูลซางตอนนี้ชมอยู่ในห้องหรูกระมัง ไพ่ตายของเขาน่าจะไม่อยากให้ตระกูลซางได้เห็นถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเหมือนจั๋วซือหราน ไม่มีการปิดบังซ่อนเร้นฝีมือของตนเอง ไม่กลัวความยุ่งยากอันที่จริงนางเองก็ไม่ใช่ว่าไม่กลัวความยุ่งยากหรอก เพียงแต่เพราะ ต่อให้ตนเองจะพยายามปิดบังซ่อนเร้น แต่ก็เหมือนความยุ่งยากก็แวะเวียนเข้ามาหาอยู่เรื่อยเช่นนั้นทำไมจะต้องไปปิดบังซ่อนเร้นแล้วคอยอดทนกล้ำกลืน แต่ว่าทุกคนก็มีท่าทีและวิธีแก้ไขที่แตกต่างกันไปในสถานการณ์คล้ายๆ กันนี้จั๋วซือหรานเองก็เคารพการตัดสินใจ“โอ้...” นางลากเสียงยาวออกมา แสดงท่าทีว่าเข้าใจแล้ว นางมองไปทางซางถิง “เช่นนั้นก็ขอบคุณ”แต่ว่าชัดเจนมาก วิธีการแก้ไขที่สงบสุขแบบนี้มันไม่ได้ ไม่มีทางทำให้นักพนันบ้าคลั่งที่แพ้บนที่
ซางเชวี่ยเอ่ยขึ้นเสียงขรึม “หวังว่าข้าคงจะแค่คิดมากไป หญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ มิน่านางจึงเหิมเกริมได้ขนาดนี้”การเหิมเกริมของคนล้วนต้องมีต้นทุนทั้งนั้นและตอนนี้ บนอัฒจันทร์ยิ่งครึกโครมเข้าไปอีก พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนคิดว่าซางถิงเป็นคนอัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมายังเหยียดหยามจั๋วซือหราน หัวเหราะเยาะนาง รู้สึกว่านางต้องแพ้อยู่เลย ยังรู้สึกว่าคนเขาเก็บของใหญ่มาปล่อยเอาตอนท้ายเพื่อจัดการนางใครก็คิดไม่ถึง ว่าเจ้าของใหญ่นี่ที่แท้จั๋วซือหรานเป็นคนอัญเชิญออกมา!บนเวทีคึกคักขึ้นมาทันทีคนที่มาจากค่ายทหารเหล่านั้น เหล่าทหารของค่ายทหารที่มาเพื่อสนับสนุนจั๋วซือหรานโดยเฉพาะ ล้วนส่งเสียงโห่ร้องยินดีออกมาก่อนหน้านี้เนื่องจากชัยชนะของคุณหนูจิ่วยังไม่ค่อยชัดเจน พวกเขาจึงค่อนข้างตึงเครียดหน่อยๆ กลัวว่าแม่นางจิ่วจะแพ้ดังนั้นจึงไม่กล้าส่งเสียงกันตอนนี้ในที่สุดก็ระเบิดเสียงโห่ร้องออกมาได้แล้ว!ยังมีคนส่วนหนึ่งที่รู้สึกว่าจั๋วซือหรานคนนี้ชั่วร้ายเหลือเกิน ดังนั้นจึงไม่สนการวิเคราะห์ความสมเหตุสมผล รู้สึกแค่ว่าอยากจะลองแทงหุ้นที่ไม่มีใครสนใจ ถ้าเกิดมันพุ่งแรงขึ้นมาล่ะ?คนพวกนี้ ตอนนี้ก็โห่ร
อดพูดไม่ได้เลย ว่าคำสบถคำนี้ของจั๋วซือหรานแม่นยำมาก ผู้คนที่บาดเจ็บเหล่านี้ ดูแล้วเหมือนถูกทัณฑ์เชือดเฉือนอย่างไรอย่างนั้นแต่ละคนกลายเป็นมนุษย์โชกเลือดไปหมด!และเพราะฉากที่ค่อนข้างน่าตกตะลึงนี้เลือดสดจึงกระตุ้นเอาความเร่าร้อนของคนทั้งหมด“ฆ่าๆๆ!”“ฆ่าเขาเสีย!”“ฆ่านางเสีย!”ตอนนี้เหมือนจะไม่เกี่ยวกับแพ้ชนะแล้ว แต่กลับเกี่ยวข้องกับความตื่นเต้นเร้าใจที่ได้มาจากเลือดเหล่านี้“จั๋วซือหรานคนนี้เก่งกาจเกินไปแล้ว สัตว์ประหลาดที่นางนำมาร้ายกาจขนาดนี้เชียว!”“นางคิดจะทำให้คนตกตะลึงไปถึงเมื่อ...”มีคนยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกความโกลาหลที่ปรากฎขึ้นกะทันหันตัดบทไปเสียแล้ว“ทำ ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น?”“ให้...ให้ตายเถอะ รีบดูสิ นั่นมัน...”“นั่น...มันอะไร สถานการณ์อะไรกัน...?”ทุกคนล้วนตกตะลึงไปแล้วเพราะว่าตอนนี้ ทุกคนล้วนเห็นแล้ว ว่าราชาแมงมุมหน้าพิษ....ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ซางถิงอัญเชิญออกมากลับมาขวางไว้ด้านหน้าจั๋วซือหรานพูดให้ถูกคือ อันที่จริงก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่า พอการโจมตีของผีเสื้อปีกระยับไม่มีผลกับราชาแมงมุมหน้าผี ราชาแมงมุมหน้าผีจึงจะต้องไปโจมตีจั๋วซือหรานแล
ไม่มีคนสังเกตเห็น ว่าที่ข้างเวที เจ้าสำนักหอจันทร์เงินที่หน้าตาอ่อนโยนหล่อเหลา เวลานี้มีสีหน้าปั้นยากมากตราประทับจันทร์เสี้ยวที่หน้าผากนั่น ขมวดเป็นก้อนจากการขมวดคิ้วแน่นของเขาแล้ว!คนอื่นอาจไม่รู้ แต่อินเจ๋ออันชัดเจนอย่างที่สุด!ผีเสื้อปีกระยับตัวเดียวของนางเผชิญหน้ากับราชาแมงมุมหน้าผีแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรกัน? ผีเสื้อปีกระยับตัวหนึ่งถ้าเผชิญหน้ากับแมงมุมหน้าผีมันไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว!แต่ผีเสื้อปีกระยับนั่นไม่ใช่ของจั๋วซือหราน!อินเจ๋ออันเข้าใจเป็นอย่างดี ตั้งแต่ตอนแรกเขาก็รู้ถึงอันดับการออกสัตว์ประหลาดของซางถิงแล้ว ยกที่สามคือ...ผีเสื้อปีกระยับผีเสื้อปีกระยับที่ไม่มีประโยชน์! เป็นของซางถิง!ส่วนราชาแมงมุมหน้าผีที่พลังกับขนาดร่างกายสะกดไปทั้งเวทีนั่น เป็นของจั๋วซือหรานต่างหาก!อินเจ๋ออันดูถูกนางไปจริงๆ ตอนนี้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เสียใจอย่างมาก เสียใจอย่างมากจริงๆ แค่คิดขึ้นมาใจก็รวดร้าวแล้วตอนนี้เอง ในห้องหรูบนหอในห้องหรูของตระกูลซาง เสียงแหลมหนึ่งดังขึ้น “นี่เลย นี่เลย คุณหนูสี่ ราชาแมงมุมหน้าผีตัวนี้ เดิมทีเป็นสิ่งที่ข้ากับคนเหล่านั้นจะมอบให้เป็นของขวัญวันเก
พอสิ่งมหึมานี้ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งลานก็เงียบกริบไปทันที!ทุกคนหวาดกลัวกันจนกระทั่งกลั้นหายใจ!หนึ่งคือเพราะมนุษย์นั้นจะเกิดความกลัวได้ง่ายต่อสิ่งของที่ใหญ่โตมหึมานี่น่าจะเป็นสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในยีนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายยิ่งไปกว่านั้น ตัวมนุษย์เองก็หวาดกลัวกับแมลงประเภทแมงมุมอยู่แล้วโดยเฉพาะแมงมุมที่ดูฉูดฉาดและร่างหายมหึมาขนาดนี้ตอนนี้เอง เจ้าตัวโตที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันบนลานประลองก็คุมสถานการณ์ไปทั้งหมดแล้ว!ใหญ่แล้วหรือ? นี่มันยังย่อไว้หน่อยแล้วด้วยนะ ไม่อย่างนั้นบนเวทีนี้ มันเดินไม่กี่ก้าวก็คงจะสุดทางแล้วแมงมุมหรือ? ขาขนปุกปุยทั้งแปดกับแขนเคียวนั่น แล้วยังมีปากที่แหลมคมอีก มองอย่างไรก็เป็นแมงมุม ไม่ใช่ปูอย่างแน่นอนฉูดฉาดหรือ? ลายดอกไม้บนหลังกับท้องของมัน เหมือนกับใบหน้าผีที่กำลังร้องไห้กำลังหัวเราะอยู่อย่างไรอย่างนั้นนี่คือที่มาของชื่อมัน“แมงมุมหน้าผี!”“นี่มันแมงมุมหน้าผี! น่ากลัวเหลือเกิน!”“ข้ากลัวแมงมุม ขนข้าลุกไปหมดแล้ว!”“ข้าก็ด้วย!”“แมงมุมหน้าผีที่ใหญ่โตขนาดนี้ ต้องเป็นระดับราชาแล้วกระมัง? ครั้งนี้จั๋วซือหรานแพ้แน่แล้ว!”เสียงดังขึ้นไม่ขาดสาย
ถึงอย่างไร ความจริงก็จะสอนให้เขาเป็นคนเอง ถึงอย่างไร คนเหล่านั้นที่ปากแข็งกับนางก่อนหน้า เจ้าพวกที่ควรตบฉาดก็ตบไปแล้วไม่มีเขาก็ไม่ได้น้อยลง หรือมีเขามาสักคนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไรตอนที่จั๋วซือหรานกลับมาถึงห้องพักผ่อน ก็เห็นเจี่ยงเทียนซิงรออยู่ที่นั่นแล้ว“ทำไมยังมาด้วยตัวเองอีกล่ะ?” จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจเจี่ยงเทียนซิงยิ้มๆ “ในเมื่อชนะแล้วนี่ ก็ต้องมาฉลองชัยชนะของเจ้าสักหน่อยไหม”จั๋วซือหรานหัวเราะเบาๆ “เพิ่งจะยกเดียวเอง ยกต่อไปต่างหากที่สำคัญ”เจี่ยงเทียนซิงคิดๆ ตอบมาว่า “ข้ารู้สึกว่าฉลองล่วงหน้าได้ เจ้าเป็นคนที่มีความคิดดีดีอยู่เสมอ ถ้ารู้สึกไม่มั่นใจพอต่อเรื่องนี้ เจ้าไม่มีทางบุ่มบามเห็นด้วยหรอก”จั๋วซือหรานยิ้มๆ ไม่พูดจา“แต่ก็คิดไม่ถึงว่ายกนี้เจ้าจะสู้ได้ยอดเยี่ยมจริงๆ” เจี่ยงเทียนซิงเดิมทีคิดว่าความหมายของจั๋วซือหรานคือรอยกต่อไปแล้วค่อยเริ่มต่อสู้ ยกนี้แค่สู้ให้ชนะอย่างหวุดหวิด แต่การแสดงออกเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน แม้จะไม่สามารถพูดได้ว่าข่มกดดันไว้จนหมด แต่ก็ไม่ใช่ชนะอย่างหวุดหวิดแน่นอน ตอนท้ายยังดูค่อนข้างอหังการอีกด้วย จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “หลักๆ คือคิ
“ให้ตายเถอะ...”ทุกคนเห็นแค่ จั๋วซือหรานที่เดิมทีเต้นรำอยู่ท่ามกลางพายุห่าฝนแส้ที่หนาแน่นเวลานี้นั่งลงมาแล้ว...อยู่บนตัวซางถิง?พูดให้ถูกต้องคือ นางกดเขาอยู่บนเวทีหินต้องห้ามไปแล้วหัวเข่าข้างหนึ่งของนางยันไว้ที่หน้าอกเขา แต่การเคลื่อนไหวนี้ ไม่ใช่จุดสำคัญที่ควบคุมเขาไว้ หรือเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญที่ทำให้คนอื่นต้องทึ่งการเคลื่อนไหวสำคัญ คือสองดาบที่พาดไขว้อยู่บนคอซางถิง ดาบสองเล่มสลับไขว้อยู่บนคอเขา คมดาบหันเข้าด้านใน ขังคอของเขาเอาไว้ที่ร่องตัดสลับของคมดาบราวกับว่าขอแค่เขาขยับตัว นางแค่ออกแรงเบาๆ ก็เด็ดหัวเขาออกมาได้แล้ว!เพียงแค่มอง ก็อยู่ในระดับที่ทำให้คนที่เห็นอดกลั้นหายใจขึ้นไม่ได้ขณะที่บนเวทีมีเสียงตกตะลึงดังขึ้น ในห้องหรู เฟิงหร่านก็ส่งเสียงตกตะลึงออกมา“เขา...คนนั้นตายหรือยัง?” เฟิงหร่านถามขึ้น เสียงดูตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะจากมุมมองของนาง มองเห็นแค่แผ่นหลังของจั๋วซือหราน คุกเข่ากดหน้าอกอีกฝ่ายเอาไว้สองมือกุมดาบไขว้กดลงไปมองแล้วเป็นการเคลื่อนไหวที่จะเอาชีวิต เป็นการเคลื่อนไหวแบบประหัตประหารแต่เพราะถูกแผ่นหลังของจั๋วซือหรานบังไว้ ดังนั้นอันที่จริงจึงไม่รู้ว่า
ถามขึ้นว่า “ตาข้าแล้วหรือยัง?”สายตาของซางถิงจ้องนางเขม็ง เขากุมมือในแส้แน่น สะบัดข้อมือแส้ยาวในมือดีดตึง ปลายแหลมสะบัดไปทางจั๋วซือหราน“วูม...!” เสียงผ่าอากาศดังขึ้นจากนั้นแส้ก็ส่งเสียงเผียะขึ้นกลางอากาศ ราวกับตัดอากาศจนขาดเป็นท่อนอย่างไรอย่างนั้นและร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบ ดูแล้วไม่มีอาการซมซานหรือโซซัดโซเซตอนที่หลบหลีกก่อนหน้านี้เลยความเร็วการเคลื่อนไหวของนางสูงมาก แต่ในสายตาของทุกคน กลับดูเชื่องช้าความรู้สึกแตกต่างระหว่างความเร็วและช้าที่สลับไปมานี้ ทำให้คนรู้สึกเริ่มปวดตาขึ้นมาทุกคนเห็นเห็นว่านางอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ นางเพียงแค่ก้าวอย่างสงบไม่กี่ก้าวราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านเท่านั้นกระทั่งความตึงเครียดสักนิดก็ไม่มีแต่การโจมตีของแส้ที่น่าตกตะลึงนั่น ก็ถูกนางเบี่ยงหลบไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกระทั่งชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ!ส่วนการโจมตีจากแส้ของซางถิงก็ยังไม่หยุด กระหน่ำเข้ามาราวกับห่าฝน เหมือนไม่ต้องการให้มีเวลาหยุดพักทั้งที่ซัดแส้ออกไปแท้ๆ มันควรจะมีช่วงจังหวะที่ค้างกลางอากาศกับจังหวะดึงแส้กลับมารวมพลังตวัดออกไปอีกจึงจะถูกแต่นั่นแทบจะไม่มีเลยการโจมตีแส้ของซ