Share

บทที่ 1163

Author: หูเทียนเสี่ยว
พอได้ยินเสียงจั๋วซือหราน หวงเจี้ยนถังก็ใจสั่นสะท้าน

อะไรคือที่บอกว่า...เขาคิดว่าเขากับนางสู้กันอย่างสูสีแล้วหรือ?

หรือว่า...ไม่ใช่หรือไรกัน?

"ข้าน่าจะไม่ได้เดาผิดกระมัง?" จั๋วซือหรานถามขึ้นเสียงเรียบ "ในใจเจ้าน่าจะคิดว่า ข้ากับเจ้าสู้กันได้สูสีแล้วเท่านั้น"

หวงเจี้ยนถังอดไม่อยู่ ถามความคิดในใจตนเองออกมา "หรือว่าไม่ใช่กัน? หุ่นเชดของของเจ้ากับหุ่นเชิดของข้า ตอนนี้ก็สู้กันอย่างสูสีนี่"

"เฮอะ" หวงเจี้ยนถังหัวเราะเย็นชา "แต่เจ้าอย่าลืมนะ ถ้าพวกเขาหมดแรงลงมา เจ้าก็จะไม่ได้สบายแบบตอนนี้แล้ว จะไม่มีโอกาสได้สู้กันแบบสูสีกับข้าอีก!"

ถึงแม้เขาจะเล่นหุ่นเชิดมีชีวิตไม่เป็น แต่หลักการพื้นฐานก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจ

หุ่นเชิดมีชีวิตไม่เหมือนกับหุ่นเชิดความมืด หุ่นเชิดความมืดไม่มีข้อจำกัดพลังกาย ผ่านการหล่อหลอมอย่างหนักมาแล้ว ขอแค่ส่งมอบพลังวิญญาณที่เพียงพอ พวกมันก็สามารถต่อสู้ได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

จั๋วซือหรานเองก็ยิ้มขึ้นมาบ้างแล้ว แต่กลับไม่ใช่รอยยิ้มเย็นชา แต่เหมือนกับได้ยินเรื่องตลกอะไรแบบนั้น หัวเราะขึ้นมา "เจ้านี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ มิน่าทั้งที่ง่วนอยู่กับวิชาหุ่นเชิดมาทั้งชีวิต แต่ก็ยังมีแค
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1164

    ทีละก้าว ทีละก้าวร่างสีแดงร่างหนึ่ง เดินมาถึงด้านหน้านางหยุดเดินยืนนิ่ง ท่าทางยังคงสงบเยือกเย็นเช่นเดิมและ 'เหล่าหุ่นเชิด' ของนาง ก็ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ด้านหลังนาง เต็มไปด้วยแรงกดดัน!เหมือนว่าแค่นางสั่งมาคำเดียว พวกเขาก็จะชูดาบพุ่งขึ้นหน้าประหัตประหารทิ้งหมดไม่เหลือทันทีสายตาของจั๋วซือหรานยังคงเป็นเช่นนั้น เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่เหนือกว่า จ้องมองหวงเจี้ยนถังอย่างเย็นชาริมฝีปากนางขยับเบาๆ ถามขึ้นมาคำหนึ่ง "จบหรือยัง?""ริมฝีปากแห้งผากของหวงเจี้ยนถังขยับเล็กน้อย ไม่พูดอะไรออกมาเลยนางชะงักไปครู่หนึ่ง ถามขึ้นมาอีกว่า "ถ้ายังมีความสามารถอะไรที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา ก็งัดออกมาเสีย ไม่เช่นนั้นอย่าบอกว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้าดิ้นรน"หวงเจี้ยนถังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เลือดไหลลงมาที่มุมปากจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ "ดีมาก เช่นนั้นก็ถือว่าเจ้าไม่เหลืออะไรแล้วนะ"หวงเจี้ยนถังผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยถามเสียงแหบพร่า "เจ้าคิดจะ...ทำอะไรกันแน่..."เพราะอะไรจู่ๆ ถึงมาหาเรื่องคุณชายฉิน...ไม่สิ เพราะอะไรทำไมจู่ๆ ถึงมาหาเรื่องสำนักเมฆาวารี?เสียง 'ชิ้ง...!' ดังขึ้นดาบยาวสีขาวหิมะเล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1165

    พอได้ยินคำนี้ของคนสำนักเมฆาวารี ผู้คนรอบๆ ต่อให้เป็นแค่คนที่มามุงดูเหตุการณ์ ตอนนี้ก็ถอนใจโล่งออกมา!ถึงอย่างไร ใครก็ไม่อยากเห็นหญิงสาวที่มีพลังน่ากลัวแบบนี้คลั่งขึ้นมาน้องชายนางยังไม่เป็นไรก็ดีไปจะว่าไปแล้ว ขนาดน้องชายนางไม่เป็นไรยังอาละวาดเสียขนาดนี้ ถ้าน้องชายนางเป็นอะไรไป คงลำบากแน่?ถ้านางบ้าขึ้นมาไม่พังเมืองอวิ๋นยับเลยหรือ?ดังนั้นทุกคนตอนนี้ จึงล้วนถอนใจโล่งออกมาแต่พวกเขาไม่นานก็พบว่า ตนเองถอนใจโล่งเร็วเกินไปแล้วหญิงสาวคนนี้ ไม่ได้จัดการง่ายแบบที่คิดเอาไว้"พูดมา" สันดาบในมือจั๋วซือหรานปาดไปบนหน้าหวงเจี้ยนถังอีกครั้งความเจ็บปวดจี๊ดๆ ก่อนหน้า กลายเป็นความเจ็บปวดที่ชัดเจนยิ่งขึ้นหวงเจี้ยนถังขมวดคิ้ว แต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดเหมือนคิดจะใช้ความนิ่งเงียบมาแทนคำตอบจั๋วซือหรานมองออกถึงท่าทีนิ่งเงียบของเขาแบบนี้ หัวเราะขึ้นเบาๆ "มองไม่ออกเลยว่าเจ้าภักดีต่อสำนักเมฆาวารีขนาดนี้..."หวงเจี้ยนถังยังคงนิ่งเงียบไม่พูดจา"แต่ว่านะ" จั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ "ข้าเองก็ไม่เคยกลัวคนปากแข็งมาก่อนเหมือนกัน ข้ามีวิธีจะง้างปากคนอยู่มากมาย เจ้าพวกพ้องสำนักเจ้าที่อยู่บนรถม้าของข้าก็

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1166

    ครู่ต่อมา จึงพูดออกมาว่า "เป็นแค่สำนักเมฆาวารี ไม่ถึงกับต้องมาทำเรื่องหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้"จั๋วซือหรานหัวเราะเย็นชา "ก็แค่สำนักเมฆาวารี เรื่องอย่างการจับน้องชายข้ามาทำผู้ทดลองยาก็ยังทำออกมาได้ ยังมีเรื่องอะไรที่ทำไมได้อีกกัน เอาจริงๆ ถ้ากางเกงบ้านใครหายไปแล้วบอกว่าสำนักเมฆาวารีเป็นคนทำ ข้ายังรู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ"หวงเจี้ยนถังเหมือนคิดจะโต้แย้ง สูดลมหายใจลึก แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาถ้าบอกว่าวิชาหุ่นเชิดของเขาไม่เก่งกาจเท่าจั๋วซือหรานล่ะก็ ฝีปากของเขาเองก็ยังเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้ยิ่งกว่าผ่านไปพักหนึ่ง เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า "แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไร นี่ก็ไม่ได้นั่นก็ไม่ถูก เจ้าคิดจะเอาอย่างไร"จั๋วซือหรานเหลือบมองคนทั้งหมดที่นี่จากนั้นก็ชี้ไปยังคนสำนักเมฆาวารีที่เข้ามารายงานหวงเจี้ยนถังก่อนหน้านี้คนนั้น"ข้า...ข้าหรือ?" คนผู้นี้ตึงเครียดขึ้นมา และก็หวาดกลัวด้วย อย่าว่าแต่เดินขึ้นหน้าเลย กระทั่งคิดจะถอยหนีตามสัญชาตญาณด้วยซ้ำแต่จั๋วซือหรานก็ไม่ให้โอกาสนี้กับเขา"เจ้านั่นล่ะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น จากนั้นนิ้วทังห้าก็กางออกคนผู้นี้จึงพบว่าร่างกายของตนเองเดินขึ้นหน้าไปอย่างค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1167

    เรื่องในโรงน้ำชาของจั๋วซือหราน ก็ราวกับติดปีกบินออกไปอย่างไรอย่างนั้น แพร่สะพัดทั่วเมืองอวิ๋นในพริบตาผู้คนในเมืองอวิ๋นล้วนคุยกันแต่หัวข้อสนทนาที่เกี่ยวกับนาง"จริงหรือเปล่า?" มีคนที่ไม่อยู่ในเหตุการ รู้สึกไม่อยากเชื่อกับหัวข้อสนทนานี้"จริงสิ! ข้าเห็นมากับตาเลย! ให้ตายเถอะ! ผู้อาวุโสหวงโดนเล่นงานเหมือนลูกหมาเลย! หญิงสาวคนนั้นดูแล้ว...น่าจะอายุยังไม่ยี่สิบด้วยซ้ำ!"คนที่เห็นเหตุการณ์นี้ พูดถึงฉากสถานการณ์ตอนนั้นขึ้นมาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นไม้ว่าปกติพวกเขาจะยอมจำนนต่ออำนาจ ในเมืองอวิ๋น ตัวตนฐานะของสำนักเมฆาวารีไม่ใช่สิ่งที่ต้องสงสัยแต่ว่า ตอนที่คนเห็นอำนาจแข็งแกร่งถูกท้าทาย ยิ่งไปกว่านั้นยังท้าทายสำเร็จ จึงรู้สึกถึงอกถึงใจกันขึ้นมา"เพียงแต่ว่า นางพูดแบบนั้นหรือ? เช่นนั้นนางก็ไม่ใช่ว่าแข็งข้อกับเจ้าสำนักเมฆาวารีแล้วน่ะสิ? นั่นมัน...เจ้าสำนักเมฆาวารีเชียวนะ""เจ้าสำนักเมฆาวารีจะฉุดคร่าบุตรชายของคนอื่นมาเป็นผู้ทดลองยาได้ยังไง..." พูดถึงจุดนี้ เสียงคนที่นี่ก็กดต่ำลง งึมงำว่า "เอาจริงๆ ถ้าหากเจอกับครอบครัวทั่วไป คงได้ถูกฉุดไปเปล่าๆ แล้ว...ตอนนี้ถือว่ามาเจอตอเข้าจริงๆ"แม้จะจงใจกดเสี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1168

    อาหารนางก็ทำเอง สุรานางก็หมักเองรสชาติถือว่าไม่เลวเลยยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากไล่ผู้จัดการกับพนักงานออกไปแล้ว เลยดูเงียบสงบขึ้นเยอะหลังจากนางดื่มไปสองถ้วย ก็แหงนหน้ามองเหลียนเจินผาดหนึ่ง "เหลียนเจินมาดื่มเป็นเพื่อนข้าสักสองถ้วยดีไหม?"เหลียนเจินตกตะลึง รีบโบกไม้โบกมือ ถอนออกมาสองก้าว "นายท่าน ข้าน้อยคอไม่แข็ง ยิ่งไปกว่านั้น...ยังต้องออกลาดตระเวณอีก!"จั๋วซือหรานจุ๊ปาก "ช่างเถอะ ก็จริง แผลบนตัวเจ้าก็ญังไม่หายดี คงจะดื่มสุราไม่ได้"ตอนนี้เอง ที่ประตูก็ได้ยินเสียงยานคางเฉื่อยชาที่แฝงไว้ด้วยความชั่วร้ายดังขึ้น "ถ้าอย่างนั้นข้าดื่มเป็นเพื่อนเจ้าสักสองกาดีไหม?"จั๋วซือหรานได้ยินเสียงนี้ ไม่ต้องหันหน้าไปมองประตู ก็รู้ว่าใครมานางจิบไปอีกทีหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า "หุบเขาหมื่นพิษว่างขนาดนี้เชียว เจ้าหุบเขาถึงไม่ต้องกลับไปจัดการธุระปะปัง..."ปันอวิ๋นเดินเข้ามาทางประตู เดินขึ้นมาพลางตอบว่า "เป็นถึงเจ้าหุบเขาแล้ว ยังต้องมาจัดการธุระปะปังอะไรอีก ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าจะขึ้นมาเป็นเจ้าหุบเขาให้ลำบากทำไมกัน"คำพูดของปันอวิ๋นก็ถูกใจจั๋วซือหรานมาก คล้ายคลึงกับทัศนคติชาติก่อนของนางมากก็จริง ข้าเป็นถ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1169

    "ขุดเจอแล้ว" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นไม่พูดอะไร แหงนสองตาเรียวยาวมองจั๋วซือหรานเงียบๆดวงตาที่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์เย้าหยอกแต่เดิม ตอนนี้ดูจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"อะไรล่ะ?" ปันอวิ๋นถามจั๋วซือหรานยิ้ม "หน้าตาดี แล้วยังเป็นเจ้าหุบเขาหมื่นพิษ แล้วยังดูมีตัวตนฐานะด้วย...""ช่างมันเถอะ" พอฟังถึงตรงนี้ ปันอวิ๋นก็ยิ้มโบกไม้โบกมือ "ตัวตนนี้ถ้าเจ้าเห็นอยู่ในสายตาจริง ก็คงไม่ทิ้งข้าที่เมืองหยางเหมือนพวกชายเจ้าชู้แล้ว"จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "พูดแบบนี้ก็ไม่ได้นะ ไม่ต้องพูดถึงข้า อย่างน้อยคนอื่นก็ยังใส่ใจตัวตนฐานะของเจ้าอยู่นะ"ปันอวิ๋นเหลือบมองนางอย่างจนใจ หญิงสาวคนนี้ เหมือนนางจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่า 'ไม่ได้เห็นตัวตนฐานะของเขาอยู่ในสายตาเลย'"แค่ท่าทีนี้ของสำนักเมฆาวารี ตัวตนฐานะโหวของข้า พวกเขายังไม่เห็นในสายตาเลย แต่เจ้าหุบเขาหมื่นพิษอย่างเจ้าน่าจะใช้ได้ผลอยู่" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ ยักไหล่ "แล้วยังไง? เจ้าจะบอกว่าอยากเป็นคนของหุบเขาหมื่นพิษเรอะ?"จั๋วซือหรานเอียงตามองเขา "เจ้าหุบเขาคำนี้พูดมาได้...วิชาแพทย์ของข้ายอดเยี่ยมขนาดนี้ วิชากู่ก็สูงส่ง วิชาหุ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1170

    ปันอวิ๋นมองนาง ในสายตามีความไม่อยากเชื่อจั๋วซือหรานเองก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าขอโทษ จึงแหงนตามองเขา"เจ้า..." ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ "ทิ้งข้าที่เมืองหยางเหมือนพวกชายชู้""อา" จั๋วซือหรานขานรับคำหนึ่งสายตาปันอวิ๋นยิ่งไม่อยากเชื่อขึ้นไปอีก "แต่เจ้ากลับ....สงสารแมลงทั้งเจ็ดตัว""อา" จั๋วซือหรานฟังออกถึงความหมายเขาแล้ว แต่ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว "ข้าสู้แมลงเจ็ดตัวก็ไม่ได้หรือนี่?"จั๋วซือหรานหลังจากฟังออก ก็เผยรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบออกมายิ้มตาโค้งพูดกับปันอวิ๋นว่า "จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน...เจ้าหุบเขาอย่าดูถูกตนเองแบบนี้เลย เจ้าหิวหรือยัง? ข้าต้มหมี่ให้กินไหม?"นี่คือจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแล้ว?ไร้ทักษะสุดๆ แข็งทื่อเหลือเกินแต่ปันอวิ๋นมองท่าทางยิ้มตาโค้งของนาง ก็สูดลมหายใจลึก หยุดลงไปครู่หนึ่ง พยักหน้าให้ "เอาสิ"จั๋วซือหรานยังคงยิ้มตาโค้ง ตอบกลับมาว่า "เอาสิหรือ? เช่นนั้นเจ้าหุบเขาก็รับปากแล้วใช่ไหม?"ปันอวิ๋นอืมมาทีหนึ่ง "ก็แค่เรื่องแมลงกู่ไม่กี่ตัวเท่านั้น เรื่องเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเจ็ดตัวในมือเจ้า แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าเลี้ยงมาอย่างไร แต่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1171

    จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ไม่มีอะไรที่ลงมือไม่ได้หรอก ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับพวกเขาไว้แล้ว ว่าคนอย่างข้า ไม่มีนิสัยเป็นจอมเชือด แต่ก็ไม่ใช่ว่าฆ่าคนไม่เป็น"เสียงของนางไม่มีความอบอุ่นใด "แต่พวกเขาถ้าจะต้องตาย ก็ต้องไปบนเนินเขาเมฆาวารีก่อนแล้วค่อยตาย"ปันอวิ๋นเห็นจิตสังหารที่ไม่ปิดบังในแววตานางคนที่มีเมตตาและความคมกล้าด้วยเท่านั้น จึงจะแข็งแกร่งอย่างแท้จริงปันอวิ๋นเพียงไม่นานก็ไปช่วยนางหลอมแมลงกู่แล้วจั๋วซือหรานเองก็กลับไปในห้อง ในสมองนางแทบจะระเบิดแล้วน่าจะเพราะก่อนหน้านี้บทสนทนาของนางกับปันอวิ๋น เจ้าเจ็ดตัวน้อยก็ซาบซึ้งอยู่ในจิตใต้สำนึกนางจนร้องไห้กันอย่างหนักร้องกันจนนางปวดหัว!ตอนที่กลับมาถึงห้อง จั๋วซือหรานจึงแยกจิตสำนึกส่วนหนึ่ง เข้าไปบอกกับพวกมันว่า "เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว สมองข้าจะถูกเสียงร้องไห้พวกเจ้าระเบิดทิ้งอยู่แล้ว"ขนมชาเขียวสะอึกสะอื้นเอ่ยว่า "ข้าซาบซึ้ง...""จะซาบซึ้งก็กลั้นเอาไว้ก่อน" จั๋วซือหรานยกมือกดที่ขมับน่าจะเพราะก่อนหน้านี้ทั้งเจ็ดตัวร้องไห้ระงมจนปวดขมอง ดังนั้นนางจึงไม่ทันได้สังเกตแต่หลังจากที่สังเกตดู นางก็ขมวดคิ้ว มีปฏิกิริยาขึ้นมาทำไม

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1263

    ท่าทีของเฟิงเหยียน ไม่ถือว่ากระตือรือร้นมากนัก กระทั่งค่อนข้างเย็นชาด้วยซ้ำแต่ก็เป็นเรื่องปกติ หลังจากที่เขาออกจากสำนักในตอนนั้น ก็ไม่ได้มีความฮึกเหิมเหมือนสมัยครั้งยังเด็กอีกมักจะเย็นชา และมักจะเฉยเมยปันอวิ๋นเม้มริมฝีปาก เข้าใจถึงสาเหตุนั้นสภาพการณ์ตอนที่เฟิงเหยียนออกจากสำนักครั้งนั้น เขาเองก็รู้เป็นอย่างดีต่อให้จนถึงตอนนี้ ก็ยังจดจำได้อย่างชัดเจนเพราะเฟิงเหยียนถูกทรยศเป็นคนแรก ดังนั้น ตอนนั้นพวกเขาก็อยู่ในฐานะคนที่ยังไม่ถูกทรยศอันที่จริง จะมากน้อยก็ยังมีความสงสัยว่าถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงไม่เข้าใจอยู่พวกเขารู้สึกว่าเฟิงเหยียนทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเฟิงเหยียนที่ไม่รู้จักบุญคุณพวกเขารู้สึกว่า เป็นเฟิงเหยียนที่ทำไม่ถูกเฟิงเหยียนเป็นคนอกตัญญูจนต่อมา ต่อมาของต่อมา ทุกคนทยอยกันเดินบนเส้นทางของเฟิงเหยียน ใครก็หนีไม่พ้นการทรยศหรือใช้ประโยชน์ทั้งนั้นตามหลักแล้วควรจะยอมรับชะตากรรมอย่างที่เคยเตือนเฟิงเหยียนเอาไว้ในตอนนั้น และมองว่าสิ่งนั้นเป็นการบ่มเพาะและการให้ความสำคัญจากสำนักแต่เพระาอะไร...ถึงได้ดีใจกันขึ้นมาไม่ได้เลยและหลังจากนั้นอีก แต่ละคนก็ทร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1262

    ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าไปกอดนางไว้แบบนี้ตลอด คอยอยู่ด้วยเงียบๆแต่เขากลับไม่ง่วงเลย ไม่ได้หลับ ไม่ได้ปิดตาด้วยแค่มองนางเงียบๆ สัมผัสถึงความร้อนในตัวนางกับชีพจรนางกระทั่งตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง...รู้สึกสงบใจอย่างมากราวกับว่า ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสมบูรณ์แบบแล้วทั้งที่ความทรงจำในอดีตยังไม่กลับคืนเข้าที่ แต่ความรู้สึกนี้ เหมือนสลักประทับอยู่ในจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ยากที่จะลบเลือนจนกระทั่งลมหายใจของจั๋วซือหรานมั่นคงแล้ว สีหน้ายิ่งมีประกายแดง สภาพดีขึ้นมากแล้วเขามองไปที่คราบเลือดแห้งกรังเหล่านั้นบนใบหน้าจั๋วซือหราน รู้สึกเสียดแทงตาเหลือเกินจึงได้เคลื่อนไหวเบาๆ เดินออกไปด้านนอก กำชับคนรับใช้ให้เตรียมน้ำร้อนมาไม่ให้คนรับใช้เข้ามาปรนนิบัติ แต่เขาหิ้วถังน้ำเข้ามาเองเขาอุ้มนางมาแช่ในถังน้ำ คอยสระชำระเส้นผมนางทีละเล็กทีละน้อย เช็ดคราบเลือดบนผิวนางออกอาบตัวนางจนสะอาดหมดจด อุ้มกลับไปบนเตียง ใช้ผ้าห่มห่อตัวนางจากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณธาตุไฟบริสุทธิ์ เป่าผมนางจนแห้งและเพราะมีกลิ่นอายของเขาห่อหุ้มอยู่ จั๋วซือหรานจึงหลับลึกอย่างสบาย ไม่ตื

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1261

    พลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงที่บริสุทธิ์ที่สุด ถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างนั้นจั๋วซือหรานมีความรู้สึกเหมือนตนเองถูกแช่ไว้ในน้ำอุ่น เป็นความรู้สึกที่สบายอย่างที่สุดในลำคอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสบายยิ่งไปกว่านั้น คนเราก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองลำบากยากเย็นอะไรนักแต่ตอนที่ร่างกายสามารถผ่อนคลายลงมาได้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานอีกแล้วพอย้อนคิดไปถึงความยากลำบากเหล่านั้นก่อนหน้า กลับรู้สึกว่าตนเองน่าสงสารขึ้นมาจั๋วซือหรานตอนนี้ก็รู้สึก ว่าตนเอง...ไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมเท่าไรชายคนนี้ เจ้าคนสมควรตายนี่มีสิทธิ์อะไร?มีสิทธิ์อะไรกัน?"..." ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บที่ปลายลิ้นเขาขมวดคิ้ว รสชาติคคาวหวานของเลือดแผ่ซ่านในร่องฟันของทั้งสองคนเขามองหญิงสาวตรงหน้า ก็เห็นแววตาของนางมีความหงุดหงิดอยู่หน่อยๆแล้วยังมีสีหน้าท้าทายอีกด้วยดูเหมือนจะจงใจกัดปลายลิ้นเขา น่าจะโมโหเอาการชายหนุ่มไม่ครางออกมาเลย ราวกับไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้นยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นยังโถมใส่นางอย่างเร่าร้อนรุนแรงถ้านางอยากได้ ก็ต้องแล้วแต่นางจั๋วซือหรานดูจนใจหน่อยๆ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1260

    เหมือนว่าความทรมานทั้งหมดก่อนหน้านี้ ไม่ได้ทรมานอะไรขนาดนั้นและไม่รู้ว่าเจ้าโง่นี้ใช้แรงกระแทกนางมากแค่ไหน...มีหลายครั้ง ที่นางรู้สึกได้ว่า ในมิตินี้เหมือนสั่นไหวขึ้นมาราวกับวิญญาณของนางที่ถูกขังอยู่ในมิติ จะถูกดันกลับเข้าไปที่เดิมเลยจั๋วซือหรานถลึงตาโตขึ้นหน่อย จ้องมองมิติที่โยกไหวหน่อยๆรู้สึกหมดคำจะพูดแมงมุมน้อยงึมงำขึ้นมาข้างๆ "นายท่าน...ในนี้มัน...ร้อนจัง..."จั๋ซซือรหานมองไปทางเหล่าสัตว์อสูรของตนเอง มองออกไม่ยาก พวกมันเหมือนเริ่มมึนๆ จะหลับกันแล้ว พอเห็นแบบนี้ ก็เหมือนจะไม่ได้แตกต่างอะไรนักกับสถานการณ์ครั้งที่แล้วเพียงแต่ครั้งที่แล้ว ตนเองถูกทำจนเกือบจะสลบไปและตอนนี้ ตนเองถูกทำ...จนใกล้จะตื่นขึ้นมาแล้วผู้ชายคนนี้...ร้ายกาจจริงๆนี่มันช่าง....สัมผัสแนบเนื้อบนตัวนางมีเหงื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง ผิวที่เคยขาวซีดไปทั้งตัว ตอนนี้พอมีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ จึงยิ่งดูเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาและไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน..."อือ..." หญิงสาวที่ไม่มีปฏิกิริยามาตลอด ริมฝีปากที่ยังมีรอยเลือดที่ยังเช็ดไม่สะอาด ส่งเสียงครางออกมาเหมือนลูกแมวตัวน้อยฟังดูแล้วเป็นเสียงอือๆ งึมงำๆน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1259

    ในใจจั๋วหวายเข้าใจอย่างหนักแน่นว่าเฟิงเหยียนคือผู้ชายทรยศแต่ว่านี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาคิดว่าเฟิงเหยียนจะทำให้พี่สาวดีขึ้นได้คนเราก็มักมีสองมาตรฐานเช่นนี้ ไม่มีทางเลือกดังนั้นจั๋วหวายแม้จะไม่ได้เน้นหนักว่าผู้ชายทรยศคนนั้นคือผู้ชายทรยศ แต่ก็ยังถามขึ้นว่า "เขาจะพาพี่สาวข้าไปไหน?"ปันอวิ๋นได้ยินคำนี้ สายตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา "นั่น...เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา เด็กๆ ไม่ต้องถามเยอะ"จั๋วหวายเบ้ปาก ในใจก็บ่นว่าตนเองไม่ใช่เด็กแล้วเสียหน่อยแต่ปันอวิ๋นในที่สุดก็ไม่ได้บอกจั๋วหวาย ว่าเฟิงเหยียนจะพาจั๋วซือหรานไปที่ไหนในใจปันอวิ๋นชัดเจนดี สภาพของจั๋วซือหรานแย่หนักถึงระดับนี้แล้ว ขนาดยาก็ยังดื่มไม่ลงถ้าคิดจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ปลอบประโลมตัวนาง รวมถึงปลอบประโลมลูกในท้องนาง...วิธีการที่ดีที่สุด คือสิ่งนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยสติสัมปชัญญะของจั๋วซือหรานไม่ได้หลับลึกอย่างสมบูรณ์ ในมิติยังสัมผัสรับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบๆความรู้สึกนั้น เหมือนกับสติสัมปชัญญะถูกขังอยู่ในมิติอย่างไรอย่างนั้นนางจึงเป็นได้เพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น"เฮ้อ ดูท่าเขาจะใช้วิะีนั้นสินะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นขนมถั่วแดงกั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1258

    แต่ว่าชายหนุ่มยังคงไม่ตอบเขาเขาเพียงยกมือขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อ เผยท่อนแขนออกมาจากในแขนเสื้อจั๋วหวายจึงเห็นว่าท่อนแขนของชายคนนี้ มีลายมัดกล้ามที่สวยงาม กระชับเรียวยาวผิวเองก็ขาวเย็น ไม่รู้ว่าเพราะปกติไม่ค่อยโดนแสงแดดหรือเปล่าและตอนนี้เอง ผิวหนังขาวเย็นที่โผล่ออกมานอกแขนเสื้อพอต้องกับแสงตะวัน จั๋วหวายก็รู้สึกเหมือนขาวจนสะท้อนแสงออกมาเลย!จากนั้น หลังจากสัมผัสกับแสง ก็ค่อยๆ รอยแผลเหมือนไฟลวกที่ค่อยๆ แดงขึ้น ก็ปรากฏมาบนท่อนแขนเขาไม่เพียงเท่านี้ หลังจากที่รอยไหม้เหล่านี้ปรากฏ ท่อนแขนเขาก็มีอักขระประหลาดบางส่วนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วพออักขระคำสาปปรากฏ บาดแผลเผาไหม้พวกนั้นก็ถูกสะกดลงไป บาดแผลบนผิวหนังเริ่มสมานตัวกลับเหมือนเดิม หลังจากแผลสมานดี อักขระคำสาปเหล่านั้นก็ค่อยๆ สลายหายไปบนผิวหนังเขาแต่ไม่นานนัก ก็ปรากฏแผลไฟลวกอีกครั้ง อักขระเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ดูแล้วทำให้คน...รู้สึกประหลาดมากจั๋วหวายมองจนบื้อไปเลยและชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจกับแผลที่หายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็หายพวกนี้เลย ราวกับเหมือนมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้นและก็เหมือนไม่ได้เจ็บได้ปวดเลย แม้ต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1257

    เหมือนว่าพอสายตามองเห็นหญิงสาวในอ้อมกอดปันปวิ๋นที่เหมือนลมพัดก็สลายหายไปได้ ตอนนั้นเอง สัมผัสทั้งหมดก็เหมือนหายวับไปในพริบตาดวงตามองไม่เห็นสิ่งใดอีกแล้ว หุเองก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวดรุนแรงเหมือนมีดกรีดกลางใจ ไม่เพียงเท่านี้ สมองก็เหมือนถูกของมีคมกวนคนอย่างไรอย่างนั้น เจ็บขึ้นมาเป็นระยะๆยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งอยากจะมองนางให้ชัดจเน ไม่อยากพลาดไปแม้แต่น้อยปันอวิ๋นพอเห็นร่างของเขา และกลิ่นอายนั่นบนตัวปันอวิ๋นในที่สุดก็ถอนใจโล่ง เขามาได้เสียที..."เจ้าหุบเขา?" ศิษย์สำนักข้างๆ ยังระแวดระวังอยู่ปันอวิ๋นบอกกับศิษย์สำนักเสียงเรียบว่า "เขาไม่ทำอะไรหรอก"ศิษย์สำนักพอได้ยินคำนี้ จึงถอนใจโล่งออกมา เพราะตอนที่พวกคนคุ้มกันขวางเขาเมื่อครู่มันเกินต้านแล้วจริงๆปรมาจารย์กู่อย่างพวกเขาเดิมทีก็แพ้ธาตุไฟอยู่แล้ว และชายคนนี้ก็เหมือนจะมีธาตุไฟระดับสูงด้วยพวกเขาไม่มีความสามารถจะไปทัดทานได้เลยปันอวิ๋นพอเห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ก็คิดในใจ ยังจะงงอะไรอยู่เล่า ถ้าเจ้ายังงงอยู่ หญิงสาวคนนี้จะไม่ไหวแล้วนะ!"โอ๊ค..." ในปากจั๋วซือหรานมีเลือดสดทะลักออกมาและมือข้างนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1256

    ราวกับว่า...ต่อให้นางจะดูอ่อนแอเหมือนกดให้ตายได้ด้วยนิ้วเดียวแต่ยังคงไม่ยอมให้คนรู้สึกว่าอ่อนแอ ยังคงทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าหากอยากจะเป็นศัตรูกับนาง ก่อนนางตายก็จะลากเจ้าลงนรกไปด้วยกันตอนนี้รอยยิ้มที่ดูเกียจคร้านไม่ใส่ใจ กลับยิ่งดูสงบนิ่งมั่นคงราวกับยกของหนักได้อย่างสบายนางเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้าน "ใครจะรู้ล่ะ? อาจจะขาดหนูไม้ไผ่อยู่กระมัง"ปันอวิ๋นกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่พอได้ยินหนูไม้ไผ่สองคำนี้ เขาก็รู้แล้ว ว่าตอนที่เขาไปทิ้งจดหมายที่บ้านไม้ไผ่ นางก็เดาได้แล้วว่าเขาทำอะไรเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเป็นหญิงสาวที่เจ้าเล่ห์กว่าจิ้งจอกเสียอีกปันอวิ๋นจุ๊ปาก "เจ้านี่ถึงตายไป สมองก็คงจะแล่นอยู่อย่างนี้สินะ?"จั๋วซือหรานแค่เหลือบมองเขา ไม่ได้พูดอะไร มุมปากกลับยกโค้งขึ้นบางๆหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คิ้วนางก็ขมวดขึ้นบางๆ"ทำไมหรือ?" ปันอวิ๋นเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้านาง จึงขมวดคิ้วเดินเข้ามา สองมือประคองบ่านางไว้อันที่จริงเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าทรมานจากหน้านางนัก นางมักจะทำเป็นเหมือนไม่เป็นไรเสมอแต่ตอนนี้ บนสีหน้า กลับดูทรมานขึ้นอย่างชัดเจนจากนั้น นางก็เหมือนจะยืน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1255

    จั๋วหวายเกือบจะสำรอกออกมาแล้ว!"ถ้าจะอาเจียนก็ออกไปอาเจียนซะ ถ้าทำกู่กล่องนี้ของข้าพัง ข้าจะจับเจ้าแขวนห้อยหัวซะเลย" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายหมุนตัวพุ่งออกไป สูดลมหายใจลึกหลายครั้งกว่าจะสงบลงมาได้ จากนั้นจึงเตรียมตัวเตรียมใจ ตอนที่เข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีกระทบกระเทือนอย่างแรงแบบก่อนหน้าแล้วแต่สายตากลับไม่ได้มองไปยังแผ่นกระดานที่มีของดิ้นกระแด่วๆ นั่นมองแล้วขนลุกสุดๆ"มีเรื่องอะไร?" ปันอวิ๋นถามขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายเอ่ยเสียงต่ำ "ท่านรู้..." เขาสูดจมูก ถามออกไปว่า "ท่านรู้จักเฟิงเหยียนใช่ไหม?"ปันอวิ๋นเดิมทีกำลังป้อนอาหารเจ้าพวกดุ๊กดิ๊กพวกนั้นพอได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงมา ไม่หันไปมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นเรียบๆ ว่า "ทำไมล่ะ?""ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากจะถามเขา ว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่ของข้า" จั๋วหวายขอบตาแดงรื้นเขาสูดหายใจลึกแล้วพ่นออกมา "ข้าเองก็อยากจะถามเขา ว่าช่วยพี่ข้าได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ หรือก็คือเขาเป็นผู้ชายทรยศ ไม่ยินยอม เช่นนั้นเขามาบอกกับท่านพี่ได้ไหม ว่าให้เลิกแล้วต่อกันจบๆ ไป"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ จะฟังความเสียใจในใจจั๋วหวายไม่ออกได้อย่างไรกั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status