แชร์

บทที่ 1129

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
เพียงแต่ว่า เหอจื้อหย่วนทางนี้ นางคงไม่ได้คำตอบอะไรแล้ว

บนนิ้วจั๋วซือหรานยังคงหมุนตะปูวิญญาณเล่นเหมือนควงปากกา ลุกขึ้นยืน เดินพิจารณาตัวเหอจื้อหย่วนสำนักเมฆาวารีทั้งหกคน แล้วก็ฐนตัวผู้ดูแลชุยไปรอบหนึ่ง

สภาพผู้ดูแลชุยตอนนี้ดูสับสนมาก แต่สำนักเมฆาวารีทั้งหกคนและเหอจื้อหย่วน พอเห็นท่าทางเดินเล่นเหมือนอยู่ในสวนของจั๋วซือหรานแล้วก็ผวาขึ้นมาจะแย่

กลัวว่าจั๋วซือหรานจะพลั้งมือเอาตะปูวิญญาณในมือจิ้มเข้ามาที่หลังคอพวกเขา อย่างนั้นได้บรรลัยกันพอดี

ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ พวกเขาอาจจะไม่มีความรู้สึกเช่นนี้

แต่ว่า หญิงสาวตรงหน้าคนนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกมองไม่ออกเลย! ไม่รู้ว่าในใจนางกำลังคิดอะไร

ดังนั้น จึงไม่กล้าเดิมพันกับหญิงสาวคนนี้ว่าจะปราณีพวกเขาหรือเปล่า

รู้สึกแค่ว่านางเหมือนจะบ้าขึ้นมาได้ทุกขณะ

พวกเขาจ้องมองจั๋วซือหรานอย่างเคร่งเครียด เหงื่อไหลหยดลงมาจากหน้าผาก

จั๋วซือหรานแค่ร้องเชอะเย็นชาขึ้นมา เอ่ยว่า "ช่างเถอะ"

นางใช้ตะปูวิญญาณชี้ไปที่พวกสำนักเมฆาวารี "พวกเจ้าแบกหัวหน้าพวกเจ้า แล้วไปกับข้า"

พวกสำนักเมฆาวารีตกตะลึง นิ่งงันกันไปพักหนึ่ง

จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง มองพวกเขาอย่างเย็นชา "พวกเจ้า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1130

    ดังนั้นจึงไม่กล้าอวดดีแล้วจั๋วซือหรานนำคนสำนักเมฆาวารีไปที่โรงเตี๊ยมหกคนนั้นของสำนักเมฆาวารีแบกผู้ดูแลชุยเหมือนคนดำแบกโลงศพอย่างไรอย่างนั้น...ตอนที่ออกจากโรงเตี๊ยมไปที่ตระกูลเหอ ก็ดึงดูดความสนใจไปไม่น้อยแล้ว ตอนนี้จากจวนตระกูลเหอยังแบกคนที่เจ็บจนน่าเวทนากลับมาอีกคน จึงทำให้คนที่เห็นยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเข้าไปอีกยิ่งไปกว่านั้นยังมองออกอย่างรวดเร็วอีกว่าคนคนนั้น แม้บนตัวจะเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แต่ก็มองออกไม่ยาก ว่าเป็นคนของสำนักเมฆาวารีเช่นกัน ยิ่งไปกว่นั้น เนื่องจากสื้อผ้าที่เหลืออยู่บางส่วนบนตัว พอมองก็รู้ว่าแตกต่างกับศิษย์ทั่วไปของสำนักเมฆาวารีดังนั้นจึงคาดเดาได้ไม่ยาก น่าจะเป็นคนที่มีฐานะหน่ยอในสำนักเมฆาวารียังกลายมาเป็นสภาพนี้...ถ้าบอกว่าแต่ก่อนสำนักเมฆาวารีมีชื่อเสียงมากในเมืองหยาง วันนี้ก็น่าจะถึงจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์แล้วจั๋วซือหรานไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้าง นางเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรเพียงแต่ว่า ระหว่างทางที่กลับมานี้ ผู้ดูแลชุยก็ร้องอย่างน่าเวทนา ฟังแล้วทำเอารำคาญขึ้นมาเลยพอมาถึงโรงเตี๊ยม ผู้จัดการโรงเตี๊ยมคางแทบจะห้อยลงมาแล้วพวกสำนักเมฆาวารีวางผู้ดูแลชุย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1

    “เสียวจิ่ว ผู้นี้คือจวงเหยาเหยา นางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่ในท้องของนางแล้ว ในเมื่อวันนี้เป็นพิธีงานแต่งระหว่างข้าและเจ้า ข้าไม่อยากปิดบังอะไรเจ้า ข้าได้วางแผนที่จะให้นางมาเป็นนางสนม และข้าจะแต่งเจ้ากับนางเข้าเรือนในวันนี้"ฉินรุ่ยหยางไม่รู้สึกไร้ยางอายแม้แต่นิดเดียว“เจ้า...เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไรนะ เจ้าพูดอีกครั้งสิ…”สีหน้าของจั๋วซือหรานดูซีดขาวมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับชุดแต่งงานสีแดงสดและมงกุฎหงส์นางจ้องเขม็งไปยังชายและหญิงที่อยู่ตรงหน้านางฉินรุ่ยหยาง"เสียวจิ่ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าจะเป็นภรรยาหลวงที่มีเกียรติเสมอ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือเจ้าได้ ในภายภาคหน้า เหยาเหยาจะเคารพเจ้าอันเป็นแท้ และลูกของนางก็จะเรียกเจ้าว่า แม่ใหญ่"จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ข้าเกลียดคำเรียกนี้เสียจริง เด็กเหี้ยอะไรกันกล้ามาเรียกข้าเป็นแม่"ใบหน้าของฉินรุ่ยหยางนิ่งขรึมจวงเหยาเหยาน้ำตาเอ่อคลอ " พี่จั๋วเจ้าคะ หนูรู้ดีว่าตนเองมีฐานะต่ำต้อย แต่เด็กที่อยู่ในท้องของข้านั้น เด็กไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย โปรดเห็นแก่เด็กคนนี้ที่เป็นสายเลือดของพี่ฉินด้วยนะ... "จั๋วซือหรานไม่มองนาง สายตาจ้องไปยังฉินรุ่ยหยางอย่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 2

    ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่นจั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจนางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจหลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิมร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคาชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงามส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉยชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 3

    แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยางนางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวังฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น“เจ้าฝันไปเสียเถิด”เสียง 'คลิก'ดังขึ้น“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 4

    น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 5

    ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพเฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้*จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 6

    จั๋วซือหรานแต่งกายด้วยชุดสีขาวบาง คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของจวนจั๋วนางพูดกับผู้ที่เฝ้าหน้าประตูว่า "กรุณาบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่า จั๋วจิ่วกลับมาเพื่อขออภัยโทษแล้ว"องครักษ์กำลังจะเข้าไปรายงาน ทว่ากลับถูกใครบางคนห้ามไว้“ห้ามไป” เจียงซาน ซึ่งเป็นคนของบิดาจั๋วหรูซิน เขาห้ามยามที่เฝ้าหน้าประตูไว้เจียงซานพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า "คุณหนูจิ่วไม่เชื่อฟังแม้แต่ผู้อาวุโส ทั้งยังไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลด้วยซ้ำมิใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้ออกเรือนแล้ว กลับมาด้วยเหตุใด"จั๋วซือหรานเกิดมาพร้อมกับผิวพรรณเกลี้ยงเกลา คิ้วงดงามดังภาพวาด ด้วยรูปลักษณ์สตรีเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองเป็นสตรีผู้แสนน่าสงสารและอ่อนแอแต่นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอเห็นได้ชัดว่า นางกำลังคุกเข่าอยู่ แต่บุคลลิกของนางดูสูงส่งกว่าตอนที่นางยืนด้วยซ้ำ นางพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีฐานะเช่นใด เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้าหรือ เหรือจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งง่ายเช่นนั้นหรือ"เจียงซาน "ผู้อาวุโสไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเลย ต่อให้เจ้าคุกเข่าที่หน้าประตูจนตายก็ไร้ประโยชน์"จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา"เจ้าควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า ผู้อาวุโสไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 7

    จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกนจั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีดระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถามฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าค

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1130

    ดังนั้นจึงไม่กล้าอวดดีแล้วจั๋วซือหรานนำคนสำนักเมฆาวารีไปที่โรงเตี๊ยมหกคนนั้นของสำนักเมฆาวารีแบกผู้ดูแลชุยเหมือนคนดำแบกโลงศพอย่างไรอย่างนั้น...ตอนที่ออกจากโรงเตี๊ยมไปที่ตระกูลเหอ ก็ดึงดูดความสนใจไปไม่น้อยแล้ว ตอนนี้จากจวนตระกูลเหอยังแบกคนที่เจ็บจนน่าเวทนากลับมาอีกคน จึงทำให้คนที่เห็นยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเข้าไปอีกยิ่งไปกว่านั้นยังมองออกอย่างรวดเร็วอีกว่าคนคนนั้น แม้บนตัวจะเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แต่ก็มองออกไม่ยาก ว่าเป็นคนของสำนักเมฆาวารีเช่นกัน ยิ่งไปกว่นั้น เนื่องจากสื้อผ้าที่เหลืออยู่บางส่วนบนตัว พอมองก็รู้ว่าแตกต่างกับศิษย์ทั่วไปของสำนักเมฆาวารีดังนั้นจึงคาดเดาได้ไม่ยาก น่าจะเป็นคนที่มีฐานะหน่ยอในสำนักเมฆาวารียังกลายมาเป็นสภาพนี้...ถ้าบอกว่าแต่ก่อนสำนักเมฆาวารีมีชื่อเสียงมากในเมืองหยาง วันนี้ก็น่าจะถึงจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์แล้วจั๋วซือหรานไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้าง นางเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรเพียงแต่ว่า ระหว่างทางที่กลับมานี้ ผู้ดูแลชุยก็ร้องอย่างน่าเวทนา ฟังแล้วทำเอารำคาญขึ้นมาเลยพอมาถึงโรงเตี๊ยม ผู้จัดการโรงเตี๊ยมคางแทบจะห้อยลงมาแล้วพวกสำนักเมฆาวารีวางผู้ดูแลชุย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1129

    เพียงแต่ว่า เหอจื้อหย่วนทางนี้ นางคงไม่ได้คำตอบอะไรแล้วบนนิ้วจั๋วซือหรานยังคงหมุนตะปูวิญญาณเล่นเหมือนควงปากกา ลุกขึ้นยืน เดินพิจารณาตัวเหอจื้อหย่วนสำนักเมฆาวารีทั้งหกคน แล้วก็ฐนตัวผู้ดูแลชุยไปรอบหนึ่งสภาพผู้ดูแลชุยตอนนี้ดูสับสนมาก แต่สำนักเมฆาวารีทั้งหกคนและเหอจื้อหย่วน พอเห็นท่าทางเดินเล่นเหมือนอยู่ในสวนของจั๋วซือหรานแล้วก็ผวาขึ้นมาจะแย่กลัวว่าจั๋วซือหรานจะพลั้งมือเอาตะปูวิญญาณในมือจิ้มเข้ามาที่หลังคอพวกเขา อย่างนั้นได้บรรลัยกันพอดีถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ พวกเขาอาจจะไม่มีความรู้สึกเช่นนี้แต่ว่า หญิงสาวตรงหน้าคนนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกมองไม่ออกเลย! ไม่รู้ว่าในใจนางกำลังคิดอะไรดังนั้น จึงไม่กล้าเดิมพันกับหญิงสาวคนนี้ว่าจะปราณีพวกเขาหรือเปล่ารู้สึกแค่ว่านางเหมือนจะบ้าขึ้นมาได้ทุกขณะพวกเขาจ้องมองจั๋วซือหรานอย่างเคร่งเครียด เหงื่อไหลหยดลงมาจากหน้าผากจั๋วซือหรานแค่ร้องเชอะเย็นชาขึ้นมา เอ่ยว่า "ช่างเถอะ"นางใช้ตะปูวิญญาณชี้ไปที่พวกสำนักเมฆาวารี "พวกเจ้าแบกหัวหน้าพวกเจ้า แล้วไปกับข้า"พวกสำนักเมฆาวารีตกตะลึง นิ่งงันกันไปพักหนึ่งจั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง มองพวกเขาอย่างเย็นชา "พวกเจ้า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1128

    ผู้เฒ่าเหอกับหกคนนั้นของสำนักเมฆาวารี พริบตานี้ ก้เหมือนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันตรายที่ทำให้คนรู้สึกไม่ค่อยดี...จากบนตัวนาง"เจ้า..." คนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น "คิดจะทำอะไร?"สายตาจั๋วซือหรานเหลือบผ่านพวกเขากับผู้เฒ่าเหอ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นขรึมๆ ว่า "ข้ามาที่นี่ ไม่ใช่แค่มาดูผู้ดูแลชุยของพวกเจ้าเท่านั้น"ผู้เฒ่าเหอบางทีอาจจะยังไม่เข้าใจความหมายคำพูดของจั๋วซือหรานแต่คนสำนักเมฆาวารี ปัญญาเกิดขึ้นในพริบตา เข้าใจได้ทันทีนางมาเพื่อหุ่นเชิดความมืดขอผู้ดูแลชุย!เมื่อครุ่นางใช้ปลายฝักกริชพลิกไปมาบนตัวผู้ดูแลชุย แน่นอนว่าไม่ใช่ตรวจสอบบาดแผลบนตัวผู้ดูแลชุยแต่เพื่อค้นหาตลับหุ่นเชิดของเขาแต่ก็หาไม่เจอตอนที่ตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ สีหน้าคนสำนักเมฆาวารีก็เปลี่ยนไป"แล้วเจ้า....เจ้าตอนนี้คิดจะทำอะไร...."จั๋วซือหรานพิจารณาตัวพวกเขา จากนั้นในมือก็ปรากฏตะปูวิญญาณสีดำเล่มหนึ่งออกมา นำออกมาหมุนเล่นบนนิ้ว"ในเมื่อไม่มีสินสงคราม ข้าก็กำลังคิดว่า หลอมพวกเจ้ามาเป็นหุ่นเชิดความมืดเปลี่ยนเป็นสินสงครามไปเลยดีไหม" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบมุมปากของนางมีรอยยิ้ม กระทั่งพวกเขาก็ยังไม่แน่ใจไป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1127

    พอเห็นภาพตรงหน้า จั๋วซือหรานไม่ได้รู้สึกอะไร...ผู้ดูแลชุยออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้นางแล้ว จัดการสั่งสอนคนตระกูลเหอให้เช่นนั้นก็มีแค่ความเป็นไปได้เดียว"มีคนชิงตัดหน้าไปก่อนแล้วหรือ?" จั๋วซือหรานงึมงำจากนั้นจังหวะก้าวเท้าที่ไม่เร่งไม่ร้อนแต่เดิม ตอนนี้กลับเพิ่มความเร็วขึ้นมา! เดินตรงไปด้านใน!จั๋วซือหรานยังเดินไม่ทันถึงประตูห้อง ก็ได้ยินในห้องมีเสียงครวญครางลอดออกมาพอเดินเข้าไป ก็เห็นสภาพในห้อง แทบไม่ได้แตกต่างกับสภาพคนที่นอนบ้อท่าอยู่ในลานบ้านพวกนั้นเลยเก้าอี้ที่นั่งหลักกลายเป็นเศษชิ้นไม้ผู้เฒ่าเหอนั่งหมดสภาพอยู่บนเศษไม้บนพื้น ขยับตัวไม่ได้ ร้องไอ๊โยวไอ๊โยวครวญครางและรอบๆ ยังมีคนรับใช้ตระกูลเหออีกบางส่วน ล้วนนอนกระจัดกระจายกันอยู่บนพื้น ดูแล้วไม่เหลือสภาพกันเลยมีแค่ร่างหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง ที่ยังดูเด่นหน่อย เพราะดูจากสภาพแล้วเหมือนจะหนักหนากว่าคนอื่นพอควรจั๋วซือหรานพิจารณา คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้ดูแลชุยจากสำนักเมฆาวารีสาเหตุที่ใช้คำว่าพิจารณา ก็เพราะบนตัวคนผู้นี้เสื้อผ้าคนผู้นี้ที่พอจะ่บอกตัวตนได้แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วบาดแผลบนตัวดูแล้ว...เหมือนถูกไฟร้อนแรงลวกเข้าอย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1126

    หลังจากจั๋วซือหรานได้ยิน ก็ยิ้มออกมา เพียงแต่ว่า พวกเขาไม่มีใครเห็นความรู้สึกยิ้มจากสีหน้ายิ้มของนางเลยยิ่งไปกว่านั้น ในคำพูดถัดจากนี้ของนาง ก็ยิ่งไม่มีคามอบอุ่นเหลืออยู่อีก"ข้าแค่จะทำให้สำนักพวกเจ้าขายหน้าแค่นั้นที่ไหน" จั๋วซือหรานเหลือบมองพวกเขาเย็นชาผาดหนึ่ง เอ่ยต่อว่า "สิ่งที่ข้าต้องการ คือสำนักของพวกเจ้า...ตายไปให้หมด!"แม้นางจะไม่พูดอะไรมาตลอด ต่อให้คนรับใช้ของนางเอง ก็รู้แค่เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ของนาง แต่กลับไม่รู้ความรู้สึกส่วนลึกในใจนางเลยเพราะนางไม่เคยพูดอะไรออกมา และไม่เคยเผยอะไรออกมาด้วยแต่ในความเป็นจริง หลังจากที่รู้ว่าเจ้าสำนักเมฆาวารี เพื่อจะช่วยเหลือลูกของตนเอง จนต้องใช้น้องสาวของนางมาเป็นผู้ทดลองยาในใจจั๋วซือหรานก็อดกลั้นเอาไว้มาตลอดความโกรธนี้ แผดเผาอยู่ในใจนางมาตลอด ทำให้ในใจนางอันที่จริงโกรธแค้นไม่หยุดมาตลอดนางคิดถึงน้องชายนับครั้งไม่ถ้วน คิดถึงเด็กน้อยจั๋วหวายเด็กคนนี้ ในเส้นโชคชะตาของเจ้าของร่างเดิม เป็นเด็กน้อยที่ตายไปอย่างน่าเวทนานางรับชีวิตของเจ้าของร่างเดิมมา มีความปรารถนาอยู่หนึ่งเรื่อง ก็คือทำให้ท่านแม่ น้องชายที่เจ้าของร่างเดิมรักใน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1125

    เหลียนเจินได้ยินจั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ ก็เข้าใจความหมายลึกๆ ในคำพูดของนายท่านเป็นอย่างดีน่าจะเพราะ เขาเคยถูกจั๋วซือหรานแย่งตลับหุ่นเชิดไปนั่นล่ะดังนั้นเหลียนเจินจึงมีปฏิกิริยากับเรื่องพวกนี้ค่อนข้างเร็ว!"แม่นางจะบอกว่า..." เหลียนเจินก้มลงมองจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง "ใช่แล้ว เอาล่ะ พวกเจ้าก็พักฟื้นกันต่อไปนะ"นางยื่นมือไปตบเบาๆ ที่บ่าอันแข็งแรงของเหลียนเจิน "ข้าไปแปปเดียว"เหลียนเจินเดาได้ถึงเป้าหมายครั้งนี้ของนาง อดกังวลขึ้นมาไม่ได้ตามหลักการ เหลียนเจินเดิมทีคิดว่าตนเองควรจะกังวลความปลอดภัยของแม่นางถึงอย่างไร การจะไปแย่งของจากผู้ดูแลสำนักเมฆาวารี จะมองอย่างไรก็น่าจะเป็นเรื่องที่อันตรายแต่ว่าพอถึงเวลา เหลียนเจินกลับรู้สึกที่ตนเองกังวลไม่ใช่ความปลอดภัยของแม่นางแต่เป็น..."แม่นาง เจ้าสิ่งเย็นเยือกนั่น สัมผัสมากไปจะไม่ดีกับร่างกาย" เหลียนเจินเอ่ยเตือนขึ้นจั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ก็เลิกคิ้ว ในดวงตาและคิ้วก็มีรอยยิ้มที่เบิกบาน "ไม่เป็นไร หาวิธีจัดการได้แล้ว"มีวิธีจัดการด้วยหรือ?เหลียนเจินงงงัน แต่ก็สังเกตได้ว่า สีหน้าของนายท่านดูดีขึ้นมากแล้ว กระทั่งมองไม่ออกว่าเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1124

    จั๋วซือหรานพอได้ยินคำนี้ ก็ลูบคางเบาๆ"พูดแบบนี้ ทำเอาข้าสนใจฝีมือของผู้ดูแลชุยขึ้นมาเลย" จั๋วซือหรานเพ่งมองไปทางพวกเขา "เพียงแต่ว่า ผู้ดูแลชุยตอนนี้อยู่ไหนล่ะ?"จั๋วซือหรานพูดไปด้วยพลางเดินเข้าใกล้พวกเขาแต่พอเห็นว่าพวกเขายังคงปากแข็ง จั๋วซือหรานก็ยิ้มตาโค้ง "แนะนำกับพวกเจ้าหน่อย ใยหุ่นเชิดแบบใหม่ของข้า..."หลังจากนั้นนิ้วนางก็กระดิกเบาๆคนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งร้องเจ็บปวดขึ้นมาจากนั้นคนสำนักเมฆาวารีคนอื่นตอนที่มองจั๋วซือหราน สายตาก็ดูผิดปกติไปแล้ว"ใช้ดีดีมากในการทรมานไต่สวน" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "พวกเจ้าถ้าหากไม่ยอมพูดล่ะก็ จะลองทีละคนก็ได้ ข้าจะเล่นไปช้าๆ"คนจากสำนักเมฆาวารีเหล่านี้ ก็เป็นอย่างที่จั๋วซือหรานคาดเอาไว้ ไม่ได้มีพวกกล้าเลยแม้แต่คนเดียวคิดแล้วก็ใช่ คนในสำนักเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากพวกตระกูลที่มีฐานะดีหน่อยกันทั้งนัน มีแววดีตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูฟูมฟักมาอย่างดีคิดว่าคงไม่เคยเจอของแข็งกันมาก่อน ดังนั้นจะไปเก่งกล้าได้ที่ไหนกันไม่ถึงหนึ่งเค่อ ก็ได้คำอธิบายออกมาผู้ดูแลชุยคนนั้น ชื่อเต็มว่าชุยหงฮุย เป็นหนึ่งในผู้ดูแลสำนักเมฆาวารี ฝีมือการต่อสู้ไม่เลว ค่อนข้าง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1123

    "อะไรนะ?" คนสำนักเมฆาวารี ไม่เข้าใจคำพูดของนางแต่ก็มีคนที่กลับฟังออก สีหน้าเคร่งขรึม "นางรู้ว่าพวกเรามากันเจ็ดคน"เหลียนเจินบอกกับจั๋วซือหรานต่อ "ผู้ดูแลสำนักเมฆาวารี เครื่องแบบแตกต่างกับคนทั่วไปอยู่ ผ้าคาดเอวและขอบเสื้อจะประดับด้วยลายน้ำเมฆสีม่วง ดังนั้น..."จั๋วซือหรานตอบคำเขา "ยังไม่มาสินะ"กลุ่มตรงหน้านี้ ทั้งหกคน บนเครื่องแบบดุแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกันบนพื้นฐานสามารถพิจารณาได้ ว่าคนพวกนี้เป็นศิษย์ทั่วไปเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น จั๋วซือหรานยังพิจารณาได้อีก ว่าในกลุ่มพวกเขาน่าจะไม่ได้ทำอะไรอย่างเช่นผู้ดูแลจงใจเปลี่ยนมาสวมชุดของศิษย์ทั่วไปมาแฝงอยู่ในกลุ่มเพื่อให้ศัตรูตายใจ เพื่อจะเล่นงานศัตรูได้อย่างไม่ทันตั้งตัว...สาเหตุที่จั๋วซือหรานมั่นใจเช่นนี้ ก็เพราะคนในสำนักเหล่านี้ ไม่ต้องคิดเลย ในใจล้วนเย่อหยิ่งกันหมดความเย่อหยิ่งนั้น บางครั้งก็ก็เป็ฯความจองหองแบบหนึ่งและความจองหองก็จะมองข้ามศัตรู ไหนจะเรื่องที่ชุดบ่งบอกถึงตัวตนฐานะอีก ตัวตนฐานะมันวางลงได้ง่ายๆ เสียที่ไหนไม่แน่ว่าคนที่มีจะเป็นพวกที่ว่า พอได้เลื่อนขั้นทั้งที ไปที่ไหนทีก็แทบอยากจะประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่าตนเองได้เลื่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1122

    "อะไรนะ?!" คนสำนักเมฆาวารีคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งนี้แต่หลังจากที่ยอมรับเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า สถานการณ์ที่นิ้วมือที่กำลังทำปางมือถูกดึงจนเปลี่ยนรูป ก็เหมือนถูกสายเชิดหุ่นดึงเอาไว้จริงๆคนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งสาดอะไรบางอย่างไปที่ระหว่างคนคนนั้นกับจั๋วซือหราน เหมือนเป็นผงฝุ่นสีแดงๆสรุปคือ จากการสาดนี้ ไหมกู่ที่พรางตัวอยู่ตอนแรกค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วตอนที่ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขายังรู้สึกว่าประหลาดอยู่ รู้สึกตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่ตอนนี้พอสาดผงแดงออก พอไหมกู่ที่พรางร่างปรากฏรูปร่างแท้จริงออกมาอารมณ์หวาดกลัวอย่างหนึ่ง ค่อยๆเกิดขึ้นมาในความคิดพวกเขาไม่ต้องมองที่อื่น แค่คนตรงหน้านี้ ก็ตกตะลึงกันแค่ไหนเพราะตอนนี้ ไม่ใช่คนคนนั้นที่ถูกจั๋วซือหรานตัดท่าวิชาไปแต่ว่าจั๋วซือหราน ทำเช่นนี้กับคนทั้งหมดระหว่างตัวพวกเขา เต็มไปด้วยใยหุ่นเชิดเต็มไปหมด โดยมีนางเป็นต้นตอ เชื่อมกับปลายทางที่ตัวพวกเขาใยหุ่นเชิดเหล่านั้นออกมาจากในแขนเสื้อนาง มากมายเต็มไปหมดและนางตอนนี้ แค่กระดิกนิ้วสองนิ้วเท่านั้น ใช้สองเส้นนั้นดึงนิ้วคนคนนี้เอาไว้ ก็ทำลายวิชาของเขาลงได้แล้วนางอยู่ในชุดแดง นั่งเงียบๆ อ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status