Share

บทที่ 1040

Author: หูเทียนเสี่ยว
พอเขาพูดออกมา คนสำนักเมฆาวารีเหล่านี้ ในดวงตาก็เปล่งประกายมีหวังออกมา

จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงว่าคนขับรถจะฉลาดขนาดนี้ แต่ว่าก็จริง ภายใต้สถานการณ์ที่คนขับรถเผชิญหน้ามาก่อนหน้านี้ ยังสามารถขับรถได้อย่างไม่ลนลาน ก็มองออกได้ว่าเป็นคนที่ไม่เลวแล้ว

ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เฉวียนคุนเลือกกลับมา เฉวียนคุนเองก็เลือกคนเป็นอยู่ มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ดูแล ถ้าหากไม่มีคนที่เหมาะสม เขาเองก็จะไม่เอาไว้หรอก

จั๋วซือหรานเดิมทีคิดจะเชือดพวกเขาทิ้งไปแล้ว แต่ก็จริง นางเองก็ไม่ใช่พวกจอมเชือดอะไร จะฆ่าทิ้งก็ไม่ใช่ฆ่าไม่ได้ แต่มันไม่จำเป็นแค่นั้น

ตอนนี้จึงรับคำของคนขับรถไป

จั๋วซือหรานมองไปทางคนสำนักเมฆาวารีเหล่านี้

"พวกเจ้าว่าอย่างไร?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "ข้าเองก็ไม่รังเกียจที่จะไว้ชีวิตพวกเจ้าหรอกนะ แต่พวกเจ้ายืนกรานจะไม่ยอมจำนน ข้าก็จะเคารพความเป็นลูกผู้ชายของพวกเจ้า จะส่งพวกเจ้าไปสบายให้เอง"

คนของสำนักเมฆาวารีเหล่านี้ ล้วนเป็นแค่ศิษย์ของสำนักเมฆาวารีเท่านั้น ไม่ได้เป็นนักรบเดินตายของสำนักเมฆาวารี และไม่ใช่ลูกหลานของสำนักเมฆาวารีด้วย

ว่าอย่างไรดีล่ะ หลายคนก็ล้วนมาจากตระ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1041

    จนตอนที่ออกเดินทางอีกครั้ง จั๋วซือหรานก็ไม่ได้ใช้ไหมกู่พันธนาการพวกเขาต่อแล้วคนสำนักเมฆาวารีเหล่านี้ แล้วยังเห็นนางอัญเชิญสัตว์ประหลาดหมาป่าหิมะอีกหลายตัวแบบที่นางนั่งออกมาให้พวกเขาขึ้นนั่ง ส่วนนางก็เข้าไปในรถม้าแทน"พวกเจ้าน่าจะคุ้นเคยทางไปสำนักเมฆาวารีมากกว่าข้ากระมัง?"พอเห็นหญิงสาวเข้าไปนั่งในรถม้าด้วยท่าทีสบายๆ จ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ถามออกมาแบบนี้พวกเขาก็ไม่ชักช้าอีก ไม่กล้าพูดโกหกอีกเลยแม้แต่น้อยกังวลแค่ว่าถ้าหากพูดคำว่าไม่ออกมา คงได้ถูกนางสังหารทิ้งทันทีเพราะไม่มีประโยชน์แล้วก็เลยทยอยกันผงกหัว"พวกเรารู้จักทาง!""แล้วยังคุ้นทางอีกด้วย!"จั๋วซือหรานพยักหน้า "เช่นนั้นก็ได้ พวกเจ้านำทางเลย ขี่หมาป่าน้ำแข็งไปก็พอ พวกมันจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า แต่ทางที่ดีพวกเจ้าก็อ่อนโยนกับพวกมันหน่อย"จั๋วซือหรานรู้สึกว่า สต๊อกโฮล์มซินโดรม(ภาวะทางจิตวิทยาที่ผู้ถูกคุมขังเกิดความผูกพันกับผู้คุมขัง)นี่ก็ดูจะสมเหตุสมผลอยู่นะ เพราะตอนที่นางพูดเหล่านี้จบแล้วเตรียมจะออกเดินทางก็มีศิษย์สำนักเมฆาวารีถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า "พวกเราขี่สมบัติล้ำค่าของท่าน...คงไม่ดีกระมัง?

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1042

    คนขับรถคิดถึงคำพูดที่ผู้ดูแลเฉวียนกำชับเขาไว้ก่อนออกมาเฉวียนคุนตอนนั้นก็กังวล บอกกับเขาว่า: 'เจิ้นเจียง เจ้าอย่าไปฟังข่าวลือภายนอกที่พูดถึงตัวคุณหนู ว่าเป็นหญิงสาวที่ใจไม้ไส้ระกำอะไรแบบนั้น อันที่จริง คุณหนูพวกเราเป็นคนที่ใจอ่อนใจดีที่สุดแล้ว การเดินทางครั้งนี้ เจ้าเองก็เป็นคนฉลาด คอยจับตาไว้ให้ดี ตอนไหนที่เจอคุณหนูอ่อนข้ออย่างเมตตา เจ้าก็เข้าไปเตือนเสียหน่อย ออกมาภายนอก การอ่อนข้อเมตตาให้ศัตรู ไม่ใช่ว่าจะสร้างความลำบากให้ตนเองหรอกหรือ?'และตอนนี้ คนขับรถเจิ้นเจียงก็กังวลเอามากๆ จริงๆ แล้วยังรู้สึกว่าคำพูดตนเองก็ไม่ค่อยมีน้ำหนัก คุณหนูไม่น่าจะฟัง ดังนั้นจึงคิดๆ แล้วเอาคำที่เฉวียนคุนกำชับไว้พวกนั้นบอกกับจั๋วซือหรานขึ้นอีกครั้งจั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มๆ "เฉวียนคุนนี่ก็ขี้เป็นห่วงเสียจริง""ผู้ดูแลเองก็กังวลจนว้าวุ่น เขาเป็นห่วงคุณหนูนั่นล่ะ" คนขับรถคิดๆ จากนันจึงเสริมขึ้นมาคำหนึ่ง "ยิ่งไปกว่านั้น ความเป็นห่วงของผู้ดูแลเองก็ไม่มีจะไร้เหตุผลเสียทีเดียว"จั๋วซือหรานยิ้มๆ ฟังไม่ออกถึงความหมายการบ่นในประโยคสุดท้าายของคนขับรถเสียที่ไหน"เอาล่ะ ดูเหมือนว่าเจ้าจะขี้กังวลเหมือนเฉวียนคุนไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1043

    อดพูดไม่ได้ ว่าการเร่งเดินทางในช่วงเช้า ก็ดูจะมีประสิทธิภาพอยู่พอควรโดยเฉพาะหมาป่าน้ำแข็งกับม้าที่ลากรถ ล้วนได้รับการถ่ายพลังวิญญาณของจั๋วซือหราน ดังนั้นจึงวิ่งได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเห็นได้ชัดว่ามีประสิทธิภาพมาก ถ้าเดินทางด้วยความเร็วขนาดนี้ เดิมทีระยะทางห้าวัน แค่สามวันก็น่าจะถึงแล้วเพียงแต่ว่า พอเทียบกับเหล่าม้าสัตว์ขี่ที่ได้รับพลังวิญญาณจากจั๋วซือหรานจนวิ่งกันได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแล้วพวกสำนักเมฆาวารีบางส่วนกลับย่ำแย่มาก ถูกสั่นโคลงไปตลอดทาง จนแทบจะใช้แรงฮึดประคองตัวเองเอาไว้ เกือบจะเอาเชือกมาพันตัวเองไว้บนหลังพวกมันเพื่อไม่ให้ตัวเองหมดสติร่วงลงไปอยู่แล้วถูกโคลงเคลงมาตลอดทาง แต่ละคนหน้าซีดกันหมด รู้สึกเหมือนวินาทีต่อไปจะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้นแต่พอมีหมาป่าน้ำแข็งเบิกทางแบบนี้ ก็ยังทำให้คนสะพรึงกันอยู่ พอมาถึงประตูเมืองหยางก็ถูกขวางไว้แล้วคนคุ้มกันประตูเมืองทั้งระแวดระวังทั้งตึงเครียด หัวหน้าคนคุ้มกันเดินเข้ามาจากนั้นจึงเห็นร่างหญิงสาวชุดแดงลงจากรถม้า นำกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้ใจเต้นรัวตามมาด้วย"เอ่อ..." หัวหน้าคนคุ้มกันพอกำลังจะพูด แหงนตามาเห็นใบหน้าหญิงสาวช

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1044

    อักษรจั๋วซือหรานสามตัวนี้ชัดเจนอยู่บนบันทึกหัวหน้าคนคุ้มกันพอเห็น ก็อดถลึงตาโตขึ้นมาไม่ได้จั๋วซือหรานพอเขียนชื่อเสร็จ ก็เดินตรงไปทางประตูเมือง จากนั้นจึงได้ยินเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันที่ค่อนข้างตกตะลึงดังขึ้นจากด้านหลัง "ท่าน ท่านคือ...แม่นางจั๋วจิ่วหรือ?""อื๋อ?" จั๋วซือหรานมองเขา "เจ้าทำไมถึงรู้จักข้า?"สายตาหัวหน้าคนคุ้มกันร้อนผะผ่าว เปล่งประกายวิบวับสายตานี้ จั๋วซือหรานถึงแม้จะไม่คุ้นนัก แต่...ก็คุ้นเคยอยู่บ้างนั่นล่ะตอนที่พวกสาวน้อยเจอไอดอลที่ชื่นชอบในชาติที่แล้ว ตาก็จะเปล่งประกายแบบนี้ แต่หัวหน้าคนคุ้มกันนี้ทำไม...?"ข้ามาจากค่ายคุ้มกันเมืองหลวงเมื่อหลายปีก่อน ต่อมาต้องกลับบ้านเกิดเพื่อไว้ทุกข์ ภูมิลำเนาข้าคือเมืองหยาง แม่ทัพฉีฮ่าวเมตตาข้า เลยมอบความสะดวกให้กับข้า ย้ายให้ข้ามาเป็นคนคุ้มกันที่เมืองหยาง"หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยกับจั๋วซือหรานอย่างชัดเจน "ข้าเองก็คิดถึงแม่ทัพอยู่บ่อยๆ คิดถึงค่ายคุ้มกันเมืองหลวงด้วย ดังนั้นแม้จะประจำการอยู่ที่เมืองหยาง แต่ก็ยังคอยติดตามข่าวสารของทหารคุ้มกันที่เมืองหลวงอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงรู้เรื่องของค่ายคุ้มกันกับแม่ทัพเมื่อหลายวันก่อน..."

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1045

    พอเห็นท่าทางแบบนี้ ในโรงเตี๊ยมจึงไม่กล้าที่จะชักช้า บวกกับหัวหน้าคนคุ้มกันเมืองหยางเข้ามาทักไว้ก่อนแล้วสรุปคือ หลังจากจั๋วซือหรานเข้าพักในโรงเตี๊ยมก็ถือว่าพึงพอใจมาก การบริการแต่ละอย่างล้วนไม่เลวเลย"คุณหนู พวกเราพรุ่งนี้ออกเดินทางแต่เช้าเลยใช่ไหมขอรับ?""อืม" จั๋วซือหรานพยักหน้า "ดังนั้นควรพักก็พักซะนะ พรุ่งนี้จะได้มีสติกำลังวังชา""ข้ายังได้อยู่ แต่คนของสำนักเมฆาวารี่พวกนั้น แต่ละคนเหมือนจะไม่ไหวกันแล้ว" คนขับรนเจิ้นเจียงยิ้มๆ คิดๆ แล้วจึงพูดว่า "คุณหนู ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ตอนนี้ข้าออกไปเดินเล่นหน่อย ดูว่าเมืองหยางนี้มีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอะไรบ้าง แล้วข้าซื้อกลับมาให้ท่านดีไหม?"จั๋วซือหรานไม่มีความเห็นอะไร พยักหน้าให้ "เอาสิ"นางโยนถุงเงินใบหนึ่งให้เจิ้นเจียง "ตัวเองก็ระวังตัวหน่อยล่ะ""ทราบแล้วขอรับ"มีการกำชับจากจั๋วซือหราน บวกกับเป็นคนที่เฉวียนคุนเลือกมา แทบไม่ต้องคิดเลยว่าไม่ใช่พวกที่ชอบหาเรื่องใครแน่นอนแต่บางครั้ง เจ้าไม่ไปหาเรื่องเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่หาเรื่องเจ้าจั๋วซือหรานกำลังรออยู่ในห้อง เข้าไปยังมิติจิตใต้สำนึก จัดการพืชวิญญาณกับวัต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1046

    ทั้งสองคนได้ยินคำนี้ ดวงตาก็อดถลึงตากลมไม่ได้ ในใจคิดขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่: ใครกัน? บ้าไปแล้วหรือ? รังแกใครไม่รังแก ดันมารังแกคนขับรถของนาง...ไม่อยากอยู่กันแล้วใช่ไหม? ต่อมารังแกคนสำนักเมฆาวารีอย่างพวกเขา ก็ยังดีกว่าไปหาคนขับรถนางนะ!คนสำนักเมฆาวารีเหล่านี้เองก็เพิ่งมาเข้าใจทีหลังด้วยความสามารถของจั๋วซือหรนาแล้ว ในหุบเขาตอนนั้น ตอนที่ถูกพวกเขากับลิ่วล่อข้องสภาผู้อาวุโสลอบโจมตี นางยังออกมาจากหุบเขานั่นได้อย่างสบายๆ เลย น่าจะจัดการได้อย่างง่ายดายยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ไม่มีรถม้าคันนั้น ด้วยความสามารถของสัตว์อสูรนาง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจะไม่มีอะไรให้ขี่ออกมาที่นางพุ่งออกจากช่องเขานั่นอย่างรวดเร็ว คิดแล้วก็คงเพื่อนจะปกป้องรถม้าคันนั้นพอพูดแล้ว ก็น่าจะเพื่อปกป้องคนขับรถคนนั้นด้วยกระมังเหมือนถ้าถูกนางขีดเส้นบริเวณว่าเป็นคนของตนเองแล้วล่ะก็จะรู้สึกปลอดภัยมาก ต่อให้จะเป็นแค่คนขับรถก็ตามเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงคิดถึงสำนักเมฆาวารีที่ตนเองภักดี เจ้าสำนักเพื่อความแค้นส่วนตัว กลับส่งพวกเขาออกมาตาย...บางครั้งของที่ดีกว่าจะทำให้ของด้อยกว่าดูไร้ค่า คนเองก็เช่นกันแต่ว่า คนที่ลงมือกับเจิ้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1047

    จั๋วซือหรานแหงนตาขึ้นมองคานประตู บนป้ายเขียนไว้ว่า 'จวนตระกูลเหอ'นางเพิ่งนึกออก เหมือนเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ตนเองพักอยู่ก็เป็นของตระกูลเหอเมืองหยางนี่จั๋วซือหรานยิ้มขึ้นมา นี่ตนเองไปเจอร้านขี้โกงเข้าแล้วหรือ?แต่ว่าพอพูดขึ้นมาเช่นนี้ ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้หาตำแหน่งของเจิ้นเจียงได้อย่างแม่นยำเกรงว่าตอนที่เจิ้นเจียงออกจากโรงเตี๊ยม ก็น่าจะถูกจับจ้องไว้แล้วเห็นนางพาคนมาที่โรงเตี๊ย พอคนเยอะก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จึงจ้องมาทางเจิ้นเจียงที่ออกไปคนเดียวประตูของจวนตระกูลเหอ สังเกตเห็นหญิงสาวอายุน้อยคนนี้อยู่ลิบๆอยากจะไม่สังเกตเห็นมันก็ยากอยู่นา สัตว์ขี่ของนางดุดันเสียขนาดนี้ แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ธรรมดาแล้วใบหน้านาง ก็ยังสวยหยาดเยิ้มจนมองข้ามไม่ได้พอเห็นนางจ้องคานประตูจวนตระกูลเหอ คนคุ้มกันประตูก็คิดจะเดินขึ้นมาถามนางว่ามีธุระอะไรใครจะคิด ยังไม่ทันได้ขึ้นมาถามก็เห็นนางพลิกข้อมือ ในมือไม่รู้มีดาบยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นเมื่อไร ประกายเย็บแล่นวาบคนคุ้มกันประตูกระทั่งสายตายังมองไม่ทันพริบตาต่อมา ก็ได้ยินเสียงท่อนไม้ขาดดังขึ้นคนคุ้มกันถลึงตาโต สายตามองออกไปอย่างหวาดหวั่น จึงเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1048

    ในจวนตระกูลเหอชายหนุ่มในชุดหรูหราคนหนึ่งได้ยินเนื้อหาการรายงานจากคนคุ้มกันประตู หน้าก็ถมึงทึงขึ้นทันที"นางกล้ามาทำลายป้ายของพวกเรารึ?! บังอาจเหลือเกิน!""ไม่ใช่เพราะเจ้ามันเกะกะระรานหรือไง! ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง เอาแต่จะจับคนของคนอื่นอยู่นั่น! คิดว่าจะทำอะไรตามใจชอบในเมืองหยางนี้ได้รึ?" ชายกลางคนข้างๆ ตำหนิขึ้นมา "เจ้ารู้ไหมว่าอีกฝ่ายเป็นใคร! ตัวตนฐานะอะไร! กล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!"ไม่ใช่ว่าเป็นหมอเทวดาจากเมืองหลวงคนหนึ่งหรือ ได้ยินว่าวิชาแพทย์ในเมืองหลวงสุดยอดมาก สั่นคลอนไปทั้งเมืองหลวงเลย กระทั่งตระกูลเหยียนก็ยังทานไม่ไหวชายหนุ่มเอ่ยต่อ "ดังนั้นจึงอยากจะเชิญนางมาตรวจอาการข้าเสียหน่อย เลยจับคนของนางมาก เป็นเรื่องใหญ่ตรงไหนักน? แล้วที่จับมาก็แค่คนขับรถเท่านั้น คน คนทีนางใช้ประโยชน์ได้เหล่านั้น ข้าไม่ได้แตะต้องเลย!""เจ้ามันโง่! นางไม่ใช่แค่หมอเทวดาในเมืองหลวงนะ นั่นเป็นหมอเทวดาของฝ่าบาท! หัวหน้าสถาบันแพทย์หลวง! ข้าราชการในราชสำนัก! แล้วยังเป็นโหวหญิงอีก!" ชายกลางคนเอ่ยขึ้น "คนขับรถของนางล่ะ? รีบมาตัวมานี่เดี๋ยวนี้!"เจิ้นเจียงถูกคนดึงมาจากในห้องฟืน เขายังสับสนทิศทางอยู่ ไม่รู้ว่

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1110

    "ใช่แล้ว น้องชายของแม่นางเราถูกพาตัวไป เป็นฝีมือของสำนักเมฆาวารี เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ของแม่นางก็คือเรื่องนี้" เจิ้นเจียงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงฟังแล้วดูกังวลหน่อยๆ"แม่นางอยู่ที่เมืองหลวงแม้จะประสบความสำเร็จในทุกที่ แต่ถึงอย่างไรครั้งนี้มาอยู่ในสถานที่แปลกหน้า ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเผชิญหน้ากับสำนัก ดังนั้นแม่นางจึงต้องยิ่งเตรียมตัวอย่างระมัดระวัง..."เจิ้นเจียงเองก็น่าจะไม่มีใครที่พูดด้วยได้ ในใจอดกลั้นไว้ไม่น้อย พวกเชลยที่คุณหนูจับมาก่อนหน้านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนเป็นคนของสำนักเมฆาวารี เขาเองก็พูดอะไรด้วยไม่ได้คนคุ้มกันตระกูลเหอที่คุณหนูพากลับมาพวกนั้น ก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ พูดอะไรไม่ได้ด้วยเช่นกันดังนั้นตอนนี้ พอเจอกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตคุณหนู จึงเหมือนกับเปิดประตูน้ำออกอย่างไรอย่างนั้นขณะที่พูดแรงก็เริ่มมา ไม่วา่จะเรื่องที่คุณหนูออกจากเมืองหลวงอย่างไร รับมือกับพวกลอบโจมตีอย่างไร จัดการแก้ไขวิกฤติ รับมือกับอีกฝ่าย จับคนของสำนักเมฆาวารีมาเป็นเชลยอย่างไรหลังจากมาถึงเมืองหยางแล้วรับมือกับตระกูลเหออย่างไร เล่าออกมาจนหมดและขณะที่ 'คุณชายเยี่ยน' กำลังกินข้าวอย่างไม่รีบไม่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1109

    จั๋วซือหรานตอนที่ควรบ้าก็จะบ้า แต่อันที่จริงถ้าพูดขึ้นมา นางเองก็ไม่ได้มีนิสัยพูดจาใหญ่โตดังนั้นก่อนหน้าจึงไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ออกมาโดยละเอียด และเพราะตอนนี้ยังเป็นแค่ความคิดเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มเขียนเส้นแรกเลยด้วยซ้ำแต่ต่อให้ในใจตนเองคิดไว้ดิบดี ต่อให้ตนเองเข้าใจวิชาหุ่นเชิดอย่างถ่องแท้ แล้วสามารถใช้ไหมกู่มาควบคุมหุ่นเชิดได้จริงล่ะก็...การจะสร้างกองกำลังหุ่นเชิดของตนเองออกมา ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้แต่ว่าเนื่องจากยังไม่ทันได้เริ่มอะไรทั้งนั้น ดังนั้นจึงแค่คิดไว้ในใจตนเอง ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดออกมาเพียงแต่สำหรับเหล่าก้อนเนื้อของตนเอง ถึงอย่างไรพวกมันก็คงไม่เอาไปบอกใครอยู่แล้ว ดังนั้นการที่นางเอ่ยขึ้นมา ปัญหาจึงไม่ได้ใหญ่โตอะไรจั๋วซือหรานใช้เวลาไปพักหนึ่งอย่างตั้งอกตั้งใจ จัดการคัดลอกอักขระคำสาปทั้งหมดบนตะปูวิญญาณ วงแหวนวิญญาณ แล้วก็บนตัวของหุ่นเชิดความมืดออกมาค้นคว้านี่เป็นงานละเอียด จำเป็นต้องใช้เวลาเว้นเรื่องความยุ่งวุ่นวายในมิติของนางไปก่อนเวลานี้ อีกด้านหนึ่งในโถงหน้าของโรงเตี๊ยม ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังกินอาหารบนโต๊ะอย่างไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1108

    จั๋วซือหรานมองตะปูวิญญาณสีดำในมือเล่มนั้น ตรงหน้ายังมีร่างของหุ่นเชิดความมืดนอนอยู่ตะปูวิญญาณของมันถูกจั๋วซือหรานดึงออกมาแล้ว วงแหวนสีดำบนมือกับเท้าก็ถูกจั๋วซือหรานรื้ออกมาเพื่อจะค้นคว้าดังนั้นตอนนี้มันจึงเป็นแค่ร่างเปลือกที่ไม่มีชีวิตเท่านั้นจั๋วซือหรานตรวจสอบอักขระคำสาปประหลาดซับซ้อนเหล่านั้นบนตะปูวิญญาณอย่างละเอียด ค้นคว้าอย่างตั้งใจ ดินสอในมือตวัดไม่หยุด คัดลอกอักขระคำสาปเหล่านั้นมาทั้งหมดอย่างครบถ้วนส่วนพวกก้อนเนื้อสีต่างๆ ก็นั่งเรียงกันอยู่บนไหล่นางซ้ายขวาฝั่งละสาม บนหัวยังมีอีกตัวหนึ่ง อยู่ด้วยกันกับนาง จ้องมองอักขระคำสาปบนตะปูวิญญาณเหล่านี้อย่างตั้งใจเพียงแต่พวกมันอ่านไม่เข้าใจเท่านั้นแต่ก็ยังอยากรู้อยากเห็น"นายท่านจะ...ทำ ทำอะไรหรือ?" ขนมปุยเมฆถามขึ้นเสียงแผ่ว เพราะมันมันอยู่ในสภาพดังเดิมที่สุดมาตลอด ยังไม่ได้ย้อมสีอะไรเลยดังนั้นจนถึงตอนที่จั๋วซือหรานพาพวกมันไปกลืนกินแมลงกู่ของพวกปรมาจารย์กู่พรมแดนใต้ก่อนหน้านี้ ขนมปุยเมฆจึงเพิ่งได้รับการวิวัฒนาการ ถึงพูดได้ขึ้นมาก่อนหน้านี้ทำได้แค่เปล่งเสียงออกมาเป็นพยางค์ๆ ไม่ค่อยชัดเจนเท่านั้นความคิดของขนมถั่วแดงปราดเป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1107

    ความสามารถของนางถึงอย่างไรพออยู่ที่นั่น ก็ถูกลิขิตไว้แล้วไม่ให้นางเป็นคนธรรมดา สุดท้ายก็ต้องถูกจับตาอยู่ดีชาตินี้เป็นเช่นนี้ ชาติก่อนก็เช่นกันคนธรรมดาพอมีหยกก็มีความผิด นางแบกความสามารถเช่นนี้ไว้ ก็ถูกกำหนดให้คนอื่นต้องคอยจับจ้องไว้เป็นธรรมดาไม่ว่าจะโลกไหน ไม่ว่าจะเส้นทางไหน ก็ไม่เคยขาดคนหรือองค์กรที่มีความคิดที่ว่า "ถ้าไม่ได้มาก็จะทำลายทิ้ง"ที่ไหนก็มีทั้งนั้นจั๋วซือหรานชาติที่แล้วก็เจอกับสถานการณ์อันตรายมาด้วย ไม่เช่นนั้นไม่มีทางตายอย่างเวทนาจนข้ามภพมาที่นี่สรุปคือ จั๋วซือหรานเคยนำวัตถุที่ปล่อยสารกัมมันตรังสีได้เข้ามาแล้วในอันตรายจากชาติที่แล้วตอนนั้นนางสะบัดโยนเข้ามาในมิติ เนื่องจากสถานการณ์เร่งด่วน และไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วนางยังคิดว่าจบเห่แล้วด้วยซ้ำ แค่รังสีของสารกัมมันตรังสีพวกนั้น ระยะเวลาในการย่อยสลายน่าสะพรึงมาก คิดว่าตนเองคงกลายเป็นฟอสซิลไปแล้ว สารกัมมันตรังสีพวกนั้นก็ยังไม่หายไปไหนด้วยซ้ำและในมิติของตนเอง ก็เป็นเหมือนแดนสวรรค์เขียวชอุ่มนอกโลก...ถ้าหากพื้นดินถูกปนเปื้อน แหล่งกำเนิดน้ำถูกปนเปื้อนล่ะก็จบเห่กันพอดีนางกอดความคิดสิ้นหวังเข้ามิติมา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1106

    "เสร็จแล้ว พวกเจ้าค่อยๆ พักฟื้นไป เดี๋ยวพอพวกกองหนุนสำนักเมฆาวารีพวกนั้นของผู้เฒ่าเหอมาถึง พวกเราค่อยออกเดินทาง เรื่องนี้สำหรับข้ามันสำคัญมาก จะล่าช้าไม่ได้เด็ดขาด"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ดังนั้นเวลาพักฟื้นของพวกเจ้าเดิมทีก็เหลือไม่มากแล้ว อย่าไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ อีก""รับทราบ!" เหลียนเจินขานรับเสียงขรึม"ข้าจะรักษาให้พวกเขา จากนั้นเจ้าก็เอายาทาให้พวกเขาเสีย แค่อย่าไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ ทายาตามเวลา ไม่นานก็หายดีแล้ว"จั๋วซือหรานหลังจากรักษาคนคุ้มกันไปหลายคน ก็กลับมาที่ห้องตนเอง ไปค้นคว้าบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนเจ้าสิ่งนี้ล้ำค่ามากจริงๆ แต่ในเมื่อเขาให้นางมาแล้ว นางเองก็พอจะรับได้อยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงใจเกินไปนักตอนที่จั๋วซือหรานย้ายบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนไปปลูกที่ดินในมิติแล้ว ราชาแมงมุมหน้าผีกับแมงมุมหน้าผีตัวอื่นๆ แล้วก็แมงมุมกู่ ก็มาล้อมอยู่ข้างๆ นางแมงมุมที่ขนาดใหญ๋กว่าปกติหลายเท่า ล้อมนางเอาไว้ ฉากนี้ถ้าหากคนอื่นมาเห็น ก็คงรู้สึกหวาดผวาขึ้นแน่ๆแต่สีหน้าของจั๋วซือหรานก็นิ่งอย่างมาก กระทั่งบนหน้ายังยิ้มละไม หลังจากปลูกบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนไว้ในดินแล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1105

    ด้วยนิสัยซื่อสัตย์ภักดีของพวกเขา ถ้าหากจั๋วซือหรานคิดจะตั้งชื่อเหล่านี้ให้พวกเขาจริงๆไม่แน่พวกเขาอาจจะต้องบีบจมูกยอมรับไปจริงๆแต่ชื่อเหล่านี้มันดูจะ...ดังนั้นจึงคิดวิธีที่จะดิ้นรนต่ออีกหน่อย"กลัวหรือ?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วมองพวกเขาหัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้าหงึกหงักจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "พวกเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้ยังกล้าตักน้ำมาเช็ดมาล้างได้ ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะกล้าจนไม่กลัวอะไรแล้วเสียอีก ทำไมแค่ชื่อผลไม้แค่นี้ก็ยังกลัวกัน?"หัวหน้าคนคุ้มกันฟังไม่เข้าใจเสียที่ไหน แม่นางจงใจทำให้พวกเขาตกใจ เพื่อจะลงโทษพวกเขาที่เมื่อครู่พูดกันว่าจะจัดการแผลแบบขอไปทีหัวหน้าคนคุ้มกันรีบเอ่ยขึ้นมา "แม่นาง พวกเราไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว แค่กังวลว่าท่านอยู่ในเมืองหยางจะมีภาระหน้าที่เยอะอยู่แล้ว แต่ยังต้องมาคอยห่วงเรื่องยิบย่อยของพวกเราอีก..."จั๋วซือหรานยกมือตบลงไปที่หนึ่งที่หลังเขาหัวหน้าคนคุ้มกันร้องอั่กออกมา แต่ก็รีบอดทนเอาไว้เดิมทียังคิดว่านี่คือการลงโทษเสียอีก คิดไม่ถึงเลย...ตอนที่แม่นางฟาดมือลงมา รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาก่อน จากนั้นก็รู้สึกเหมือนมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับนุ่มนวลละมุนละไมลูบผ่าน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1104

    "นายท่านอารมณ์ดีก็ดีแล้ว" เจิ้นเจียงพอเห็นจั๋วซือหรานอารมณ์ดี เขาเองก็อารมณ์ดีตามขึ้นมา จึงได้พูดว่า "จัดแจงคนคุ้มกันเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาล้วนบาดเจ็บกันหมด"จั๋วซือหรานร้องอืม "ดี ข้าจะไปดูหน่อย เดี๋ยวจะตั้งชื่อให้พวกเขาด้วย อยู่ในตระกูลเหอไม่มีชื่อเลยมีแต่หมายเลข เจ้าไปที่โรงเตี๊ยมแล้วหาของกินมาให้พวกเขาหน่อย""ขอรับ" เจิ้นเจียงรับคำสั่ง คิดๆ แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "...อาหารนี่น่าจะไม่ถูกทำอะไรลงไปหรอกกระมัง?"จั๋วซือหรานพอได้ยิน ก็ยกมุมปากขึ้น "พวกเจ้าจะลองดูก็ได้นี่"พอได้ยินนายท่านพูดหยามขึ้นเช่นนี้ เจิ้นเจียงก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว"เช่นนั้นข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"เจิ้นเจียงเพิ่งเตรียมจะเดินไปโถงหน้า จั๋วซือหรานคิดๆ แล้วก็เรียกเขาขึ้นมา "จริงด้วย""อื๋อ? แม่นางยังมีอะไรกำชับอีกหรือ?""คุณชายเยี่ยนที่โถงหน้าคนนั้น เป็นคนที่มีบุญคุณกับข้า ถ้าหากเขายังไม่ไป เจ้าเองก็ช่วยดูแลหน่อย""รับทราบ!" เจิ้นเจียงรับคำสั่งแล้วออกไปและระหว่างทางที่จั๋วซือหรานตรงไปเรือนหลัง ในสมองก็มีภาพตอนที่ชายหนุ่มหักตะเกียบก่อนหน้านี้ปรากฏออกมา แก้มที่ตึงกับสายตาที่มีแววตาแบบนั้นจั๋วซือหราน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1103

    สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของปลายนิ้วหญิงสาวที่แตะลงมาบนริมฝีปากและได้ยินเสียงอ่อนโยนพูดคำที่ว่าต้องแต่งงานด้วยคิ้วของ 'เยี่ยนหราน' ขมวดแน่นขึ้นมากระทั่งตนเองยังไม่ทันตระหนักถึง ว่าทำไมต้องออกแรงที่นิ้ว แล้วทำไมที่น้ิวต้องออกแรงแล้วท้ายสุด เสียง 'กร๊อบ' ก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตะเกียบไม้ในมือเขาหักครึ่งเป็นสองท่อน!แก้มของชายหนุ่มตึงเป็นเส้นโค้ง เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "แม่นางก็ดูแลตัวเองด้วย"จั๋วซือหรานหัวเราะขึ้นเบาๆ "คุณชายขี้อายขนาดนี้เชียว? หน้าตาก็หล่อเหลาดี ไม่คิดว่า...จะใสซื่อขนาดนี้"เสียงของชายหนุ่มดังลอดออกมาจากไรฟัน ฟังแล้วรู้สึกกระด้างหน่อยๆ "แล้วก็ออกไปด้านนอก การบุ่มบ่ามลดความสงสัยต่อตัวคนอื่นลง มันคือความประมาทเลินเล่อ"มุมปากจั๋วซือหรานเหมือนมีรอยยิ้มบางๆ ดูแล้วเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มไม่ได้ปฏิเสธคำพูดเขา เพียงเอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณคุณชายเยี่ยนที่เตือน หลังจากนี้ข้าจะระวังให้มาก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน..."ในที่สุดนางก็หมุนตัวจากไปหลังจากเห็นแผ่นหลังนางเดินห่างไปแล้ว'เยี่ยนหราน'...หรือบางทีควรจะเรียกว่าเฟิงเหยียนตอนนี้จึงมองมายังมือตนเอง บนปลายหัวแม่มือ มีแผ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1102

    รอยยิ้มบนใบหน้าจั๋วซือหรานไม่เปลี่ยน "เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก""ไม่เป็นไร" 'เยี่ยนหราน' เอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วซือหรานยังคงยิ้มบาง "บัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนนี้เป็นสิ่งมีพิษกระมัง?""อืม" เขาไม่ได้ตระหนักถึงว่าอะไรผิดปกติ พยักหน้าตอบกลับ "เป็นสิ่งมีพิษที่มีอยู่ไม่มากนัก สามารถสร้างหมอกพิษขึ้นในป่าได้ ต้นของมันเดิมทีก็มีพิษร้ายแรงอยู่"อาหารรสชาติไม่เลวเลย น้ำแกงทำเอาตัวคนผ่อนคลายลงมาเลยทีเดียวเขาค่อนข้างผ่อนคลาย...หรือบางที สิ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลายไม่ใช่น้ำแกงร้อน แต่เป็นเสียงอ่อนโยนของนาง...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันดังนั้น ตอนนี้เขาจึงไม่ได้สังเกตถึงอะไรที่ผิดปกติพอได้ยินคำถามที่จั๋วซือหรานเพิ่งถาม ก็ตอบกลับนางมาตรงๆหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหญิงสาวใสเย็น เพียงแต่ว่า ไม่ได้อ่อนโยนแบบก่อนหน้านี้แล้วเพียงแค่เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า "เป็นของดีจริงๆ เพียงแต่ว่า..." นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ไม่รู้ว่าคุณชายเยี่ยนรู้ได้อย่างไร...หรือทำไมจึงรู้สึกว่า ข้าสามารถทนทานต่อธาตุพิษได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร?"มือที่จับตะเกียบของชายหนุ่ม หยุดนิ่งไปในชั่วพริบตาเขาแหงนตา มองไปยังสีหน้าของหญิงสาว อั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status