Share

บทที่ 1039

Author: หูเทียนเสี่ยว
พวกเขาตอบไม่ได้ ทยอยกันส่ายหัว

จากนั้น พวกเขาก็เห็นจั๋วซือหรานนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น มือวางพาดอยู่บนตักอย่างไม่ตั้งใจ กำหมัดเบาๆ

พริบตาต่อมา พวกเขาก็เจ็บปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง

จนตอนที่ความเจ็บปวดหยุดลง ก็ไม่มีคนที่ยืนไหวอีกแล้ว

พวกเขาได้ยินเสียงใสเย็นของหญิงสาว ราวกับเสียงกระซิบของยมทูตยามราตรี แล้วยังแฝงไปด้วยรอยยิ้มเยาะที่เย็นชา

"ข้าจะถามอีกรอบ คุณหนูของเจ้าสำนักพวกเจ้าคนนั้น ป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่? ถึงต้องเอาน้องชายข้าไปเป็นผู้ทดลองยา?"

พวกเขาไม่กล้าส่ายหัวต่อ ตัวสั่นทยอยกันตอบว่า:

"ไม่ ไม่รู้จริงๆ! นั่นเป็นความลับที่พวกเราไม่สามารถถามได้"

"รู้ รู้แค่ว่า...คุณหนูสุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กแล้ว"

"ตามหลักการ ในฐานะที่เป็นคุณหนูของสำนักก็ควรจะฝึกฝนตั้งแต่เด็ก แต่คุณหนูเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ นางจึงไม่เคยเข้าร่วมเลย..."

"ว่ากันว่าคุณหนูมีร่างกายไม่เหมาะมาแต่กำเนิด จึงไม่สามารถฝึกบำเพ็ญได้"

"แล้วยังบอกว่าเจ้าสำนักก็หาหมอเลื่องชื่อไปทั่ว คิดจะหาวิธีรักษาคุณหนูให้หาย"

จั๋วซือหรานฟังพวกเขาพูดกันขโมงโฉงเฉง แล้วจึงรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมา จากนั้นจึงสรุปเรื่องได้คร่าวๆ

"ดังนั้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1040

    พอเขาพูดออกมา คนสำนักเมฆาวารีเหล่านี้ ในดวงตาก็เปล่งประกายมีหวังออกมาจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงว่าคนขับรถจะฉลาดขนาดนี้ แต่ว่าก็จริง ภายใต้สถานการณ์ที่คนขับรถเผชิญหน้ามาก่อนหน้านี้ ยังสามารถขับรถได้อย่างไม่ลนลาน ก็มองออกได้ว่าเป็นคนที่ไม่เลวแล้วถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เฉวียนคุนเลือกกลับมา เฉวียนคุนเองก็เลือกคนเป็นอยู่ มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ดูแล ถ้าหากไม่มีคนที่เหมาะสม เขาเองก็จะไม่เอาไว้หรอกจั๋วซือหรานเดิมทีคิดจะเชือดพวกเขาทิ้งไปแล้ว แต่ก็จริง นางเองก็ไม่ใช่พวกจอมเชือดอะไร จะฆ่าทิ้งก็ไม่ใช่ฆ่าไม่ได้ แต่มันไม่จำเป็นแค่นั้นตอนนี้จึงรับคำของคนขับรถไปจั๋วซือหรานมองไปทางคนสำนักเมฆาวารีเหล่านี้"พวกเจ้าว่าอย่างไร?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "ข้าเองก็ไม่รังเกียจที่จะไว้ชีวิตพวกเจ้าหรอกนะ แต่พวกเจ้ายืนกรานจะไม่ยอมจำนน ข้าก็จะเคารพความเป็นลูกผู้ชายของพวกเจ้า จะส่งพวกเจ้าไปสบายให้เอง"คนของสำนักเมฆาวารีเหล่านี้ ล้วนเป็นแค่ศิษย์ของสำนักเมฆาวารีเท่านั้น ไม่ได้เป็นนักรบเดินตายของสำนักเมฆาวารี และไม่ใช่ลูกหลานของสำนักเมฆาวารีด้วยว่าอย่างไรดีล่ะ หลายคนก็ล้วนมาจากตระ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1041

    จนตอนที่ออกเดินทางอีกครั้ง จั๋วซือหรานก็ไม่ได้ใช้ไหมกู่พันธนาการพวกเขาต่อแล้วคนสำนักเมฆาวารีเหล่านี้ แล้วยังเห็นนางอัญเชิญสัตว์ประหลาดหมาป่าหิมะอีกหลายตัวแบบที่นางนั่งออกมาให้พวกเขาขึ้นนั่ง ส่วนนางก็เข้าไปในรถม้าแทน"พวกเจ้าน่าจะคุ้นเคยทางไปสำนักเมฆาวารีมากกว่าข้ากระมัง?"พอเห็นหญิงสาวเข้าไปนั่งในรถม้าด้วยท่าทีสบายๆ จ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ถามออกมาแบบนี้พวกเขาก็ไม่ชักช้าอีก ไม่กล้าพูดโกหกอีกเลยแม้แต่น้อยกังวลแค่ว่าถ้าหากพูดคำว่าไม่ออกมา คงได้ถูกนางสังหารทิ้งทันทีเพราะไม่มีประโยชน์แล้วก็เลยทยอยกันผงกหัว"พวกเรารู้จักทาง!""แล้วยังคุ้นทางอีกด้วย!"จั๋วซือหรานพยักหน้า "เช่นนั้นก็ได้ พวกเจ้านำทางเลย ขี่หมาป่าน้ำแข็งไปก็พอ พวกมันจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า แต่ทางที่ดีพวกเจ้าก็อ่อนโยนกับพวกมันหน่อย"จั๋วซือหรานรู้สึกว่า สต๊อกโฮล์มซินโดรม(ภาวะทางจิตวิทยาที่ผู้ถูกคุมขังเกิดความผูกพันกับผู้คุมขัง)นี่ก็ดูจะสมเหตุสมผลอยู่นะ เพราะตอนที่นางพูดเหล่านี้จบแล้วเตรียมจะออกเดินทางก็มีศิษย์สำนักเมฆาวารีถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า "พวกเราขี่สมบัติล้ำค่าของท่าน...คงไม่ดีกระมัง?

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1042

    คนขับรถคิดถึงคำพูดที่ผู้ดูแลเฉวียนกำชับเขาไว้ก่อนออกมาเฉวียนคุนตอนนั้นก็กังวล บอกกับเขาว่า: 'เจิ้นเจียง เจ้าอย่าไปฟังข่าวลือภายนอกที่พูดถึงตัวคุณหนู ว่าเป็นหญิงสาวที่ใจไม้ไส้ระกำอะไรแบบนั้น อันที่จริง คุณหนูพวกเราเป็นคนที่ใจอ่อนใจดีที่สุดแล้ว การเดินทางครั้งนี้ เจ้าเองก็เป็นคนฉลาด คอยจับตาไว้ให้ดี ตอนไหนที่เจอคุณหนูอ่อนข้ออย่างเมตตา เจ้าก็เข้าไปเตือนเสียหน่อย ออกมาภายนอก การอ่อนข้อเมตตาให้ศัตรู ไม่ใช่ว่าจะสร้างความลำบากให้ตนเองหรอกหรือ?'และตอนนี้ คนขับรถเจิ้นเจียงก็กังวลเอามากๆ จริงๆ แล้วยังรู้สึกว่าคำพูดตนเองก็ไม่ค่อยมีน้ำหนัก คุณหนูไม่น่าจะฟัง ดังนั้นจึงคิดๆ แล้วเอาคำที่เฉวียนคุนกำชับไว้พวกนั้นบอกกับจั๋วซือหรานขึ้นอีกครั้งจั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มๆ "เฉวียนคุนนี่ก็ขี้เป็นห่วงเสียจริง""ผู้ดูแลเองก็กังวลจนว้าวุ่น เขาเป็นห่วงคุณหนูนั่นล่ะ" คนขับรถคิดๆ จากนันจึงเสริมขึ้นมาคำหนึ่ง "ยิ่งไปกว่านั้น ความเป็นห่วงของผู้ดูแลเองก็ไม่มีจะไร้เหตุผลเสียทีเดียว"จั๋วซือหรานยิ้มๆ ฟังไม่ออกถึงความหมายการบ่นในประโยคสุดท้าายของคนขับรถเสียที่ไหน"เอาล่ะ ดูเหมือนว่าเจ้าจะขี้กังวลเหมือนเฉวียนคุนไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1043

    อดพูดไม่ได้ ว่าการเร่งเดินทางในช่วงเช้า ก็ดูจะมีประสิทธิภาพอยู่พอควรโดยเฉพาะหมาป่าน้ำแข็งกับม้าที่ลากรถ ล้วนได้รับการถ่ายพลังวิญญาณของจั๋วซือหราน ดังนั้นจึงวิ่งได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเห็นได้ชัดว่ามีประสิทธิภาพมาก ถ้าเดินทางด้วยความเร็วขนาดนี้ เดิมทีระยะทางห้าวัน แค่สามวันก็น่าจะถึงแล้วเพียงแต่ว่า พอเทียบกับเหล่าม้าสัตว์ขี่ที่ได้รับพลังวิญญาณจากจั๋วซือหรานจนวิ่งกันได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแล้วพวกสำนักเมฆาวารีบางส่วนกลับย่ำแย่มาก ถูกสั่นโคลงไปตลอดทาง จนแทบจะใช้แรงฮึดประคองตัวเองเอาไว้ เกือบจะเอาเชือกมาพันตัวเองไว้บนหลังพวกมันเพื่อไม่ให้ตัวเองหมดสติร่วงลงไปอยู่แล้วถูกโคลงเคลงมาตลอดทาง แต่ละคนหน้าซีดกันหมด รู้สึกเหมือนวินาทีต่อไปจะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้นแต่พอมีหมาป่าน้ำแข็งเบิกทางแบบนี้ ก็ยังทำให้คนสะพรึงกันอยู่ พอมาถึงประตูเมืองหยางก็ถูกขวางไว้แล้วคนคุ้มกันประตูเมืองทั้งระแวดระวังทั้งตึงเครียด หัวหน้าคนคุ้มกันเดินเข้ามาจากนั้นจึงเห็นร่างหญิงสาวชุดแดงลงจากรถม้า นำกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้ใจเต้นรัวตามมาด้วย"เอ่อ..." หัวหน้าคนคุ้มกันพอกำลังจะพูด แหงนตามาเห็นใบหน้าหญิงสาวช

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1044

    อักษรจั๋วซือหรานสามตัวนี้ชัดเจนอยู่บนบันทึกหัวหน้าคนคุ้มกันพอเห็น ก็อดถลึงตาโตขึ้นมาไม่ได้จั๋วซือหรานพอเขียนชื่อเสร็จ ก็เดินตรงไปทางประตูเมือง จากนั้นจึงได้ยินเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันที่ค่อนข้างตกตะลึงดังขึ้นจากด้านหลัง "ท่าน ท่านคือ...แม่นางจั๋วจิ่วหรือ?""อื๋อ?" จั๋วซือหรานมองเขา "เจ้าทำไมถึงรู้จักข้า?"สายตาหัวหน้าคนคุ้มกันร้อนผะผ่าว เปล่งประกายวิบวับสายตานี้ จั๋วซือหรานถึงแม้จะไม่คุ้นนัก แต่...ก็คุ้นเคยอยู่บ้างนั่นล่ะตอนที่พวกสาวน้อยเจอไอดอลที่ชื่นชอบในชาติที่แล้ว ตาก็จะเปล่งประกายแบบนี้ แต่หัวหน้าคนคุ้มกันนี้ทำไม...?"ข้ามาจากค่ายคุ้มกันเมืองหลวงเมื่อหลายปีก่อน ต่อมาต้องกลับบ้านเกิดเพื่อไว้ทุกข์ ภูมิลำเนาข้าคือเมืองหยาง แม่ทัพฉีฮ่าวเมตตาข้า เลยมอบความสะดวกให้กับข้า ย้ายให้ข้ามาเป็นคนคุ้มกันที่เมืองหยาง"หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยกับจั๋วซือหรานอย่างชัดเจน "ข้าเองก็คิดถึงแม่ทัพอยู่บ่อยๆ คิดถึงค่ายคุ้มกันเมืองหลวงด้วย ดังนั้นแม้จะประจำการอยู่ที่เมืองหยาง แต่ก็ยังคอยติดตามข่าวสารของทหารคุ้มกันที่เมืองหลวงอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงรู้เรื่องของค่ายคุ้มกันกับแม่ทัพเมื่อหลายวันก่อน..."

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1045

    พอเห็นท่าทางแบบนี้ ในโรงเตี๊ยมจึงไม่กล้าที่จะชักช้า บวกกับหัวหน้าคนคุ้มกันเมืองหยางเข้ามาทักไว้ก่อนแล้วสรุปคือ หลังจากจั๋วซือหรานเข้าพักในโรงเตี๊ยมก็ถือว่าพึงพอใจมาก การบริการแต่ละอย่างล้วนไม่เลวเลย"คุณหนู พวกเราพรุ่งนี้ออกเดินทางแต่เช้าเลยใช่ไหมขอรับ?""อืม" จั๋วซือหรานพยักหน้า "ดังนั้นควรพักก็พักซะนะ พรุ่งนี้จะได้มีสติกำลังวังชา""ข้ายังได้อยู่ แต่คนของสำนักเมฆาวารี่พวกนั้น แต่ละคนเหมือนจะไม่ไหวกันแล้ว" คนขับรนเจิ้นเจียงยิ้มๆ คิดๆ แล้วจึงพูดว่า "คุณหนู ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ตอนนี้ข้าออกไปเดินเล่นหน่อย ดูว่าเมืองหยางนี้มีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอะไรบ้าง แล้วข้าซื้อกลับมาให้ท่านดีไหม?"จั๋วซือหรานไม่มีความเห็นอะไร พยักหน้าให้ "เอาสิ"นางโยนถุงเงินใบหนึ่งให้เจิ้นเจียง "ตัวเองก็ระวังตัวหน่อยล่ะ""ทราบแล้วขอรับ"มีการกำชับจากจั๋วซือหราน บวกกับเป็นคนที่เฉวียนคุนเลือกมา แทบไม่ต้องคิดเลยว่าไม่ใช่พวกที่ชอบหาเรื่องใครแน่นอนแต่บางครั้ง เจ้าไม่ไปหาเรื่องเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่หาเรื่องเจ้าจั๋วซือหรานกำลังรออยู่ในห้อง เข้าไปยังมิติจิตใต้สำนึก จัดการพืชวิญญาณกับวัต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1046

    ทั้งสองคนได้ยินคำนี้ ดวงตาก็อดถลึงตากลมไม่ได้ ในใจคิดขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่: ใครกัน? บ้าไปแล้วหรือ? รังแกใครไม่รังแก ดันมารังแกคนขับรถของนาง...ไม่อยากอยู่กันแล้วใช่ไหม? ต่อมารังแกคนสำนักเมฆาวารีอย่างพวกเขา ก็ยังดีกว่าไปหาคนขับรถนางนะ!คนสำนักเมฆาวารีเหล่านี้เองก็เพิ่งมาเข้าใจทีหลังด้วยความสามารถของจั๋วซือหรนาแล้ว ในหุบเขาตอนนั้น ตอนที่ถูกพวกเขากับลิ่วล่อข้องสภาผู้อาวุโสลอบโจมตี นางยังออกมาจากหุบเขานั่นได้อย่างสบายๆ เลย น่าจะจัดการได้อย่างง่ายดายยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ไม่มีรถม้าคันนั้น ด้วยความสามารถของสัตว์อสูรนาง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจะไม่มีอะไรให้ขี่ออกมาที่นางพุ่งออกจากช่องเขานั่นอย่างรวดเร็ว คิดแล้วก็คงเพื่อนจะปกป้องรถม้าคันนั้นพอพูดแล้ว ก็น่าจะเพื่อปกป้องคนขับรถคนนั้นด้วยกระมังเหมือนถ้าถูกนางขีดเส้นบริเวณว่าเป็นคนของตนเองแล้วล่ะก็จะรู้สึกปลอดภัยมาก ต่อให้จะเป็นแค่คนขับรถก็ตามเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงคิดถึงสำนักเมฆาวารีที่ตนเองภักดี เจ้าสำนักเพื่อความแค้นส่วนตัว กลับส่งพวกเขาออกมาตาย...บางครั้งของที่ดีกว่าจะทำให้ของด้อยกว่าดูไร้ค่า คนเองก็เช่นกันแต่ว่า คนที่ลงมือกับเจิ้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1047

    จั๋วซือหรานแหงนตาขึ้นมองคานประตู บนป้ายเขียนไว้ว่า 'จวนตระกูลเหอ'นางเพิ่งนึกออก เหมือนเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ตนเองพักอยู่ก็เป็นของตระกูลเหอเมืองหยางนี่จั๋วซือหรานยิ้มขึ้นมา นี่ตนเองไปเจอร้านขี้โกงเข้าแล้วหรือ?แต่ว่าพอพูดขึ้นมาเช่นนี้ ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้หาตำแหน่งของเจิ้นเจียงได้อย่างแม่นยำเกรงว่าตอนที่เจิ้นเจียงออกจากโรงเตี๊ยม ก็น่าจะถูกจับจ้องไว้แล้วเห็นนางพาคนมาที่โรงเตี๊ย พอคนเยอะก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จึงจ้องมาทางเจิ้นเจียงที่ออกไปคนเดียวประตูของจวนตระกูลเหอ สังเกตเห็นหญิงสาวอายุน้อยคนนี้อยู่ลิบๆอยากจะไม่สังเกตเห็นมันก็ยากอยู่นา สัตว์ขี่ของนางดุดันเสียขนาดนี้ แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ธรรมดาแล้วใบหน้านาง ก็ยังสวยหยาดเยิ้มจนมองข้ามไม่ได้พอเห็นนางจ้องคานประตูจวนตระกูลเหอ คนคุ้มกันประตูก็คิดจะเดินขึ้นมาถามนางว่ามีธุระอะไรใครจะคิด ยังไม่ทันได้ขึ้นมาถามก็เห็นนางพลิกข้อมือ ในมือไม่รู้มีดาบยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นเมื่อไร ประกายเย็บแล่นวาบคนคุ้มกันประตูกระทั่งสายตายังมองไม่ทันพริบตาต่อมา ก็ได้ยินเสียงท่อนไม้ขาดดังขึ้นคนคุ้มกันถลึงตาโต สายตามองออกไปอย่างหวาดหวั่น จึงเ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1263

    ท่าทีของเฟิงเหยียน ไม่ถือว่ากระตือรือร้นมากนัก กระทั่งค่อนข้างเย็นชาด้วยซ้ำแต่ก็เป็นเรื่องปกติ หลังจากที่เขาออกจากสำนักในตอนนั้น ก็ไม่ได้มีความฮึกเหิมเหมือนสมัยครั้งยังเด็กอีกมักจะเย็นชา และมักจะเฉยเมยปันอวิ๋นเม้มริมฝีปาก เข้าใจถึงสาเหตุนั้นสภาพการณ์ตอนที่เฟิงเหยียนออกจากสำนักครั้งนั้น เขาเองก็รู้เป็นอย่างดีต่อให้จนถึงตอนนี้ ก็ยังจดจำได้อย่างชัดเจนเพราะเฟิงเหยียนถูกทรยศเป็นคนแรก ดังนั้น ตอนนั้นพวกเขาก็อยู่ในฐานะคนที่ยังไม่ถูกทรยศอันที่จริง จะมากน้อยก็ยังมีความสงสัยว่าถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงไม่เข้าใจอยู่พวกเขารู้สึกว่าเฟิงเหยียนทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเฟิงเหยียนที่ไม่รู้จักบุญคุณพวกเขารู้สึกว่า เป็นเฟิงเหยียนที่ทำไม่ถูกเฟิงเหยียนเป็นคนอกตัญญูจนต่อมา ต่อมาของต่อมา ทุกคนทยอยกันเดินบนเส้นทางของเฟิงเหยียน ใครก็หนีไม่พ้นการทรยศหรือใช้ประโยชน์ทั้งนั้นตามหลักแล้วควรจะยอมรับชะตากรรมอย่างที่เคยเตือนเฟิงเหยียนเอาไว้ในตอนนั้น และมองว่าสิ่งนั้นเป็นการบ่มเพาะและการให้ความสำคัญจากสำนักแต่เพระาอะไร...ถึงได้ดีใจกันขึ้นมาไม่ได้เลยและหลังจากนั้นอีก แต่ละคนก็ทร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1262

    ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าไปกอดนางไว้แบบนี้ตลอด คอยอยู่ด้วยเงียบๆแต่เขากลับไม่ง่วงเลย ไม่ได้หลับ ไม่ได้ปิดตาด้วยแค่มองนางเงียบๆ สัมผัสถึงความร้อนในตัวนางกับชีพจรนางกระทั่งตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง...รู้สึกสงบใจอย่างมากราวกับว่า ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสมบูรณ์แบบแล้วทั้งที่ความทรงจำในอดีตยังไม่กลับคืนเข้าที่ แต่ความรู้สึกนี้ เหมือนสลักประทับอยู่ในจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ยากที่จะลบเลือนจนกระทั่งลมหายใจของจั๋วซือหรานมั่นคงแล้ว สีหน้ายิ่งมีประกายแดง สภาพดีขึ้นมากแล้วเขามองไปที่คราบเลือดแห้งกรังเหล่านั้นบนใบหน้าจั๋วซือหราน รู้สึกเสียดแทงตาเหลือเกินจึงได้เคลื่อนไหวเบาๆ เดินออกไปด้านนอก กำชับคนรับใช้ให้เตรียมน้ำร้อนมาไม่ให้คนรับใช้เข้ามาปรนนิบัติ แต่เขาหิ้วถังน้ำเข้ามาเองเขาอุ้มนางมาแช่ในถังน้ำ คอยสระชำระเส้นผมนางทีละเล็กทีละน้อย เช็ดคราบเลือดบนผิวนางออกอาบตัวนางจนสะอาดหมดจด อุ้มกลับไปบนเตียง ใช้ผ้าห่มห่อตัวนางจากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณธาตุไฟบริสุทธิ์ เป่าผมนางจนแห้งและเพราะมีกลิ่นอายของเขาห่อหุ้มอยู่ จั๋วซือหรานจึงหลับลึกอย่างสบาย ไม่ตื

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1261

    พลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงที่บริสุทธิ์ที่สุด ถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างนั้นจั๋วซือหรานมีความรู้สึกเหมือนตนเองถูกแช่ไว้ในน้ำอุ่น เป็นความรู้สึกที่สบายอย่างที่สุดในลำคอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสบายยิ่งไปกว่านั้น คนเราก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองลำบากยากเย็นอะไรนักแต่ตอนที่ร่างกายสามารถผ่อนคลายลงมาได้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานอีกแล้วพอย้อนคิดไปถึงความยากลำบากเหล่านั้นก่อนหน้า กลับรู้สึกว่าตนเองน่าสงสารขึ้นมาจั๋วซือหรานตอนนี้ก็รู้สึก ว่าตนเอง...ไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมเท่าไรชายคนนี้ เจ้าคนสมควรตายนี่มีสิทธิ์อะไร?มีสิทธิ์อะไรกัน?"..." ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บที่ปลายลิ้นเขาขมวดคิ้ว รสชาติคคาวหวานของเลือดแผ่ซ่านในร่องฟันของทั้งสองคนเขามองหญิงสาวตรงหน้า ก็เห็นแววตาของนางมีความหงุดหงิดอยู่หน่อยๆแล้วยังมีสีหน้าท้าทายอีกด้วยดูเหมือนจะจงใจกัดปลายลิ้นเขา น่าจะโมโหเอาการชายหนุ่มไม่ครางออกมาเลย ราวกับไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้นยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นยังโถมใส่นางอย่างเร่าร้อนรุนแรงถ้านางอยากได้ ก็ต้องแล้วแต่นางจั๋วซือหรานดูจนใจหน่อยๆ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1260

    เหมือนว่าความทรมานทั้งหมดก่อนหน้านี้ ไม่ได้ทรมานอะไรขนาดนั้นและไม่รู้ว่าเจ้าโง่นี้ใช้แรงกระแทกนางมากแค่ไหน...มีหลายครั้ง ที่นางรู้สึกได้ว่า ในมิตินี้เหมือนสั่นไหวขึ้นมาราวกับวิญญาณของนางที่ถูกขังอยู่ในมิติ จะถูกดันกลับเข้าไปที่เดิมเลยจั๋วซือหรานถลึงตาโตขึ้นหน่อย จ้องมองมิติที่โยกไหวหน่อยๆรู้สึกหมดคำจะพูดแมงมุมน้อยงึมงำขึ้นมาข้างๆ "นายท่าน...ในนี้มัน...ร้อนจัง..."จั๋ซซือรหานมองไปทางเหล่าสัตว์อสูรของตนเอง มองออกไม่ยาก พวกมันเหมือนเริ่มมึนๆ จะหลับกันแล้ว พอเห็นแบบนี้ ก็เหมือนจะไม่ได้แตกต่างอะไรนักกับสถานการณ์ครั้งที่แล้วเพียงแต่ครั้งที่แล้ว ตนเองถูกทำจนเกือบจะสลบไปและตอนนี้ ตนเองถูกทำ...จนใกล้จะตื่นขึ้นมาแล้วผู้ชายคนนี้...ร้ายกาจจริงๆนี่มันช่าง....สัมผัสแนบเนื้อบนตัวนางมีเหงื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง ผิวที่เคยขาวซีดไปทั้งตัว ตอนนี้พอมีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ จึงยิ่งดูเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาและไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน..."อือ..." หญิงสาวที่ไม่มีปฏิกิริยามาตลอด ริมฝีปากที่ยังมีรอยเลือดที่ยังเช็ดไม่สะอาด ส่งเสียงครางออกมาเหมือนลูกแมวตัวน้อยฟังดูแล้วเป็นเสียงอือๆ งึมงำๆน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1259

    ในใจจั๋วหวายเข้าใจอย่างหนักแน่นว่าเฟิงเหยียนคือผู้ชายทรยศแต่ว่านี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาคิดว่าเฟิงเหยียนจะทำให้พี่สาวดีขึ้นได้คนเราก็มักมีสองมาตรฐานเช่นนี้ ไม่มีทางเลือกดังนั้นจั๋วหวายแม้จะไม่ได้เน้นหนักว่าผู้ชายทรยศคนนั้นคือผู้ชายทรยศ แต่ก็ยังถามขึ้นว่า "เขาจะพาพี่สาวข้าไปไหน?"ปันอวิ๋นได้ยินคำนี้ สายตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา "นั่น...เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา เด็กๆ ไม่ต้องถามเยอะ"จั๋วหวายเบ้ปาก ในใจก็บ่นว่าตนเองไม่ใช่เด็กแล้วเสียหน่อยแต่ปันอวิ๋นในที่สุดก็ไม่ได้บอกจั๋วหวาย ว่าเฟิงเหยียนจะพาจั๋วซือหรานไปที่ไหนในใจปันอวิ๋นชัดเจนดี สภาพของจั๋วซือหรานแย่หนักถึงระดับนี้แล้ว ขนาดยาก็ยังดื่มไม่ลงถ้าคิดจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ปลอบประโลมตัวนาง รวมถึงปลอบประโลมลูกในท้องนาง...วิธีการที่ดีที่สุด คือสิ่งนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยสติสัมปชัญญะของจั๋วซือหรานไม่ได้หลับลึกอย่างสมบูรณ์ ในมิติยังสัมผัสรับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบๆความรู้สึกนั้น เหมือนกับสติสัมปชัญญะถูกขังอยู่ในมิติอย่างไรอย่างนั้นนางจึงเป็นได้เพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น"เฮ้อ ดูท่าเขาจะใช้วิะีนั้นสินะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นขนมถั่วแดงกั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1258

    แต่ว่าชายหนุ่มยังคงไม่ตอบเขาเขาเพียงยกมือขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อ เผยท่อนแขนออกมาจากในแขนเสื้อจั๋วหวายจึงเห็นว่าท่อนแขนของชายคนนี้ มีลายมัดกล้ามที่สวยงาม กระชับเรียวยาวผิวเองก็ขาวเย็น ไม่รู้ว่าเพราะปกติไม่ค่อยโดนแสงแดดหรือเปล่าและตอนนี้เอง ผิวหนังขาวเย็นที่โผล่ออกมานอกแขนเสื้อพอต้องกับแสงตะวัน จั๋วหวายก็รู้สึกเหมือนขาวจนสะท้อนแสงออกมาเลย!จากนั้น หลังจากสัมผัสกับแสง ก็ค่อยๆ รอยแผลเหมือนไฟลวกที่ค่อยๆ แดงขึ้น ก็ปรากฏมาบนท่อนแขนเขาไม่เพียงเท่านี้ หลังจากที่รอยไหม้เหล่านี้ปรากฏ ท่อนแขนเขาก็มีอักขระประหลาดบางส่วนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วพออักขระคำสาปปรากฏ บาดแผลเผาไหม้พวกนั้นก็ถูกสะกดลงไป บาดแผลบนผิวหนังเริ่มสมานตัวกลับเหมือนเดิม หลังจากแผลสมานดี อักขระคำสาปเหล่านั้นก็ค่อยๆ สลายหายไปบนผิวหนังเขาแต่ไม่นานนัก ก็ปรากฏแผลไฟลวกอีกครั้ง อักขระเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ดูแล้วทำให้คน...รู้สึกประหลาดมากจั๋วหวายมองจนบื้อไปเลยและชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจกับแผลที่หายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็หายพวกนี้เลย ราวกับเหมือนมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้นและก็เหมือนไม่ได้เจ็บได้ปวดเลย แม้ต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1257

    เหมือนว่าพอสายตามองเห็นหญิงสาวในอ้อมกอดปันปวิ๋นที่เหมือนลมพัดก็สลายหายไปได้ ตอนนั้นเอง สัมผัสทั้งหมดก็เหมือนหายวับไปในพริบตาดวงตามองไม่เห็นสิ่งใดอีกแล้ว หุเองก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวดรุนแรงเหมือนมีดกรีดกลางใจ ไม่เพียงเท่านี้ สมองก็เหมือนถูกของมีคมกวนคนอย่างไรอย่างนั้น เจ็บขึ้นมาเป็นระยะๆยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งอยากจะมองนางให้ชัดจเน ไม่อยากพลาดไปแม้แต่น้อยปันอวิ๋นพอเห็นร่างของเขา และกลิ่นอายนั่นบนตัวปันอวิ๋นในที่สุดก็ถอนใจโล่ง เขามาได้เสียที..."เจ้าหุบเขา?" ศิษย์สำนักข้างๆ ยังระแวดระวังอยู่ปันอวิ๋นบอกกับศิษย์สำนักเสียงเรียบว่า "เขาไม่ทำอะไรหรอก"ศิษย์สำนักพอได้ยินคำนี้ จึงถอนใจโล่งออกมา เพราะตอนที่พวกคนคุ้มกันขวางเขาเมื่อครู่มันเกินต้านแล้วจริงๆปรมาจารย์กู่อย่างพวกเขาเดิมทีก็แพ้ธาตุไฟอยู่แล้ว และชายคนนี้ก็เหมือนจะมีธาตุไฟระดับสูงด้วยพวกเขาไม่มีความสามารถจะไปทัดทานได้เลยปันอวิ๋นพอเห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ก็คิดในใจ ยังจะงงอะไรอยู่เล่า ถ้าเจ้ายังงงอยู่ หญิงสาวคนนี้จะไม่ไหวแล้วนะ!"โอ๊ค..." ในปากจั๋วซือหรานมีเลือดสดทะลักออกมาและมือข้างนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1256

    ราวกับว่า...ต่อให้นางจะดูอ่อนแอเหมือนกดให้ตายได้ด้วยนิ้วเดียวแต่ยังคงไม่ยอมให้คนรู้สึกว่าอ่อนแอ ยังคงทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าหากอยากจะเป็นศัตรูกับนาง ก่อนนางตายก็จะลากเจ้าลงนรกไปด้วยกันตอนนี้รอยยิ้มที่ดูเกียจคร้านไม่ใส่ใจ กลับยิ่งดูสงบนิ่งมั่นคงราวกับยกของหนักได้อย่างสบายนางเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้าน "ใครจะรู้ล่ะ? อาจจะขาดหนูไม้ไผ่อยู่กระมัง"ปันอวิ๋นกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่พอได้ยินหนูไม้ไผ่สองคำนี้ เขาก็รู้แล้ว ว่าตอนที่เขาไปทิ้งจดหมายที่บ้านไม้ไผ่ นางก็เดาได้แล้วว่าเขาทำอะไรเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเป็นหญิงสาวที่เจ้าเล่ห์กว่าจิ้งจอกเสียอีกปันอวิ๋นจุ๊ปาก "เจ้านี่ถึงตายไป สมองก็คงจะแล่นอยู่อย่างนี้สินะ?"จั๋วซือหรานแค่เหลือบมองเขา ไม่ได้พูดอะไร มุมปากกลับยกโค้งขึ้นบางๆหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คิ้วนางก็ขมวดขึ้นบางๆ"ทำไมหรือ?" ปันอวิ๋นเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้านาง จึงขมวดคิ้วเดินเข้ามา สองมือประคองบ่านางไว้อันที่จริงเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าทรมานจากหน้านางนัก นางมักจะทำเป็นเหมือนไม่เป็นไรเสมอแต่ตอนนี้ บนสีหน้า กลับดูทรมานขึ้นอย่างชัดเจนจากนั้น นางก็เหมือนจะยืน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1255

    จั๋วหวายเกือบจะสำรอกออกมาแล้ว!"ถ้าจะอาเจียนก็ออกไปอาเจียนซะ ถ้าทำกู่กล่องนี้ของข้าพัง ข้าจะจับเจ้าแขวนห้อยหัวซะเลย" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายหมุนตัวพุ่งออกไป สูดลมหายใจลึกหลายครั้งกว่าจะสงบลงมาได้ จากนั้นจึงเตรียมตัวเตรียมใจ ตอนที่เข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีกระทบกระเทือนอย่างแรงแบบก่อนหน้าแล้วแต่สายตากลับไม่ได้มองไปยังแผ่นกระดานที่มีของดิ้นกระแด่วๆ นั่นมองแล้วขนลุกสุดๆ"มีเรื่องอะไร?" ปันอวิ๋นถามขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายเอ่ยเสียงต่ำ "ท่านรู้..." เขาสูดจมูก ถามออกไปว่า "ท่านรู้จักเฟิงเหยียนใช่ไหม?"ปันอวิ๋นเดิมทีกำลังป้อนอาหารเจ้าพวกดุ๊กดิ๊กพวกนั้นพอได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงมา ไม่หันไปมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นเรียบๆ ว่า "ทำไมล่ะ?""ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากจะถามเขา ว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่ของข้า" จั๋วหวายขอบตาแดงรื้นเขาสูดหายใจลึกแล้วพ่นออกมา "ข้าเองก็อยากจะถามเขา ว่าช่วยพี่ข้าได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ หรือก็คือเขาเป็นผู้ชายทรยศ ไม่ยินยอม เช่นนั้นเขามาบอกกับท่านพี่ได้ไหม ว่าให้เลิกแล้วต่อกันจบๆ ไป"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ จะฟังความเสียใจในใจจั๋วหวายไม่ออกได้อย่างไรกั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status