และสภาพของเจิ้นเจียงตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สมบูรณ์แบบเจิ้นเจียงเองก็รู้สึกปวดไปทั้งตัวจริงๆ แต่ว่า เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร คนเองเป็นแค่คนใช้นี่นะเดิมทีก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร หลังจากถูกคนลักพาตัว นายท่านยังมาช่วยเขาด้วยตนเองอีก นี่ก็ทำให้เขารู้สึกโชคดีมากแล้ว ยังจะกล้ามีความคิดอื่นอีกเสียที่ไหนตอนนี้พอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน เจิ้นเจียงก็ตาร้อนผ่าวความคิดแรกของเขาคือจะบอกว่า ตนเองไม่เป็นไรแต่ก็ได้สติอย่างรวดเร็ว ว่าตนเองอย่างน้อยก็ไม่ควรขัดใจคุณหนูที่นี่พอเจิ้นเจียงได้สติกลับมาแล้ว คุณหนูในเมื่อมาที่นี่ ก็คงจะรู้แล้วแน่ๆ ว่าเขาถูกลักพาตัวมาเช่นนั้นไม่มีทางสมบูรณ์แบบไร้ริ้วรอยดังน้้น ข้อเรียกร้อง 'สมบูรณ์แบบไร้ริ้วรอย' ในคำพูดคุณหนูเมื่อครู่ เดิมทีคือจงใจพูดออกมา ไม่คิดจะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปง่ายๆชายกลางคนหน้าแข็งไป "เอ่อ ลูกน้องที่ลูกชายข้าส่งออกไป เป็นคนใช้ที่เพิ่งเข้าจวนมา มือหนักบ้างเบาบ้าง ดังนั้นอาจทำให้คนขับรถของท่านบาดเจ็บโดยไม่ทันระวัง ใต้เท้าจั๋วโปรดให้อภัยด้วย..."จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็หัวเราะเย็นชาขึ้นมาทีหนึ่ง เลิกตาพญาหงส์คู่งาม จ้องมองพ่อลูกตระกูลเหอด้
"เจ้าโง่!" ชายกลางคนตะคอกขึ้นอย่างหมดความอดทน "ไม่ใช่ข้าปล่อยนางไป! แต่เป็นนางที่ปล่อยพวกเราต่างหาก!"ลูกชายเขาเบ้ปาก มองอย่างไม่แยแส เอ่ยขึ้นว่า "ในเมื่อนางร้ายกาจขนาดนี้ ก็น่าจะเชิญนางมาดื่มชาเสียหน่อยสิ...""ไอ้เด็กเหลือขอไม่ได้เรื่อง นับจากวันนี้เจ้าถูกกักบริเวณ! ในสามเดือนนี้ห้ามออกจากจวนแม้เพียงก้าวเดียว! จะสิ้นสุดลงวันที่สำนักเมฆาวารีมีงานรับสมาชิกใหม่!" ชายกลางคนเอ่ยขึ้น พอกำลังจะยกเท้าก้าวเข้าไปในจวนก็ได้ยินเสียงอึกอักผิดปกติ เป็นเสียงเหมือน...ติดอยู่ในลำคอ เหมือนคอถูกบีบเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดและการดิ้นรนอย่างหนักคนใช้ที่อยู่ข้างๆ ร้องตกใจขึ้นมา "คุณท่าน! คุณชายน้อยเขา...!"ชายกลางคนพอหันกลับมา ก็เห็นสีหน้าลูกชายตนเองเปลี่ยนเป็นขาวซีดไร้สีเลือด หน้าผากกับคอเส้นเลือดนูนเป่ง!เหมือนกำลังอดทนกับความเจ็บปวดทรมานมหาศาล! แต่กระทั่งเสียงร้องก็เปล่งออกมาไม่ได้ ทั้งหมดค้างอยู่ในลำคอจนเป็นเสียงอึกอักยืนก็ยืนไม่อยู่ ถ้าไม่ใช่ข้างๆ มีคนใช้คอยประคองอยู่ คงจะร่วงพับลงไปบนพื้นแล้วแต่ต่อให้มีคนใช้ประคองอยู่ เขาก็ยังคงดูซมซานอย่างหนัก กางเกงเปียกชื้นขึ้นทันที
"ยังเจ็บอยู่หรือ?" จั๋วซือหรานถามเจิ้นเจียงโบกไม้โบกมือ "ไม่เจ็บไม่เจ็บแล้ว คุณหนูไม่ต้องห่วง คุณหนูหาข้าเจอได้อย่างไรกัน?"พอถามคำนี้ออกไป เจิ้นเจียงก็เห็นว่าคุณหนูเสกขนมข้าวเหนียวดอกกุ้ยฮวาถุงหนึ่งออกมา นิ้วขาวหยิบออกมาครึ่งชิ้นจากในถุง ส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ"หาเจอด้วยแบบนี้" จั๋วซือหรานเอ่ยตอบเจิ้นเจียงมองออกทันทีว่านี่คือขนมข้าวเหนียวดอกกุ้ยฮวาที่ตนเองซื้อมา ดวงตาร้อนผ่าวขึ้นเขารีบุพูดว่า "คุณหนูอย่ากินเลย ของมันหล่นลงพื้นไปแล้ว"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขา "สิ้นเปลืองของกินมันไม่ดีนะ"เจิ้นเจียงถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ คิดๆ แล้วจึงเอ่ยว่า "ข้าไม่รู้ว่าเพวกเขาทำไมจึงมาหาข้า ข้าเป็นแค่คนใช้คนหนึ่งเท่านั้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆ...""ง่ายๆ เจ้าน่าจะถูกพวกเขาจ้องไว้ตั้งแต่ออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว ส่วเพราะอะไรถึงถูกจับจ้องนั้น..." จั๋วซือหรานแหงนตามองเหลือบตามองยังโถงใหญ่ชั้นหนึ่งที่เป็นร้านอาหารและร้านชาของโรงเตี๊ยม "โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นของพวกเขาไงล่ะ"เจิ้นเจียงตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง เสียงอดกดต่ำลงมาไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า "คุณหนู แล้วจะทำอย่างไรดี? พวกเราต้องรีบออกไปไหม? นี่ถูกหลอกแล้วไม่ใช
ตระกูลใต้สังกัดเจ็ดสำนักใหญ่ ล้วนเป็นพวกที่ทั้งลึกลับและแข็งแกร่งแต่อย่างสำนักเล็กๆ ชั้นรองอย่างสำนักเมฆาวารี มีตระกูลใต้สังกัดอย่างตระกูลเหอในเมืองหยางแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากเป็นสำนักเล็ก ในด้านนี้จึงไม่ได้พิถีพิถันนักเหมือนพวกสำนักใหญ่ๆหรือก็คือ อาจจะมีตระกูลเล็กๆ ไม่น้อยที่เป็นใต้สังกัดของสำนักเมฆาวารีก็ได้ ดังนั้นศิษย์สำนักเมฆาวารีที่เป็นเชลยของจั๋วซือหรานตรงหน้าเหล่านี้ ต่อให้ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหอกับสำนักเมฆาวารีในเมืองหยาง ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เมื่อครู่ข้าเพิ่งวางของน่าสนใจใส่เข้าไปบนตัวคุณชายน้อยตระกูลเหอ เป็นโรคและการบาดเจ็บที่ไม่อาจรักษาได้ เป็นพิษที่ไม่ทำให้ตาย แต่ก็เจ็บปวดทรมานเป็นพิเศษ"เจิ้นเจียงตาเป็นประกาย เขาเคยได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคนบางส่วนในเมืองหลวงมาแล้วจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "ความเจ็บปวดของพวกพ้อง กระตุ้นความหวาดกลัว...กับความโกรธคนเราได้มากที่สุด ข้ารู้สึกว่าถ้าเป็นคุณชายน้อยเหอ ต้องมาเห็นพ่อของเขาเจ็บปวดทุกข์ทรมานแบบนั้น ก็อาจจะหวาดกลัว แต่สำหรับผู้เฒ่าเหอเห็นลูกชายตัวเองเป
คนสำนักเมฆาวารีเหล่านี้ทั่งอยู่ตรงข้ามจั๋วซือหราน เดิมทีก็รู้สึกเคารพต่อตัวจั๋วซือหรานมากตอนนี้พอได้ยินคำนี้ ในใจก็ยิ่งเคาระเพิ่มขึ้นไปอีกในนี้มีคนที่ไม่ค่อยเข้าใจต่อนางอยู่ อดถามขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้ "แม่นางยังรู้ทฤษฎียาด้วยหรือ?"แม้จะบอกว่าการรักษากับยารักษานั้นไม่แยกจากกัน หญิงสาวคนนี้ความสามารถในด้านวิชาแพทย์นั้นได้ยินมานานแล้ว แต่เขาก็อาจจะคิดไม่ถึงว่า ในด้านทฤษฏียานางก็รู้ด้วยเช่นกัน...จั๋วซือหรานพอได้ยิน ก็แหงนตามองเขาผาดหนึ่งยังไม่ทันที่จั๋วซือหรานจะตอบ เจิ้นเจียงก็เอ่ยขึ้นมาข้างๆ "แน่นอนสิ คุณหนูของเราเป็นนักกลั่นยาด้วยนะ! ไม่ใช่แค่วิชาแพทย์ แต่ในด้านทฤษฏียาทฤษฏีพิษ ก็รู้ด้วยเหมือนกัน"ตอนที่คนของสำนักเมฆาวารีมองนาง สายตาก็เปลี่ยนไปแล้วสีหน้าจั๋วซือหราน กลับไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ชะงักไปครู่หนึ่ง ถามขึ้นแค่คำเดียวเท่านั้น "เจ้านายพวกเจ้าส่งพวกเจ้าเข้ามา ขนาดข้าเป็นคนแบบไหน ก็ไม่ได้สำรวจให้ชัดเจนก่อนเลยหรือ?"ไม่พูดออกมายังพอว่า พอพูดออกมา พวกเขาก็โมโหกันจนคันยุบยิบสำนักเมฆาวารีคือสำนักของพวกขเา และสำนักก็ไม่สนใจเลยว่าพวกเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง! กระทั่งอีกฝ่ายเป็นค
"คณหนู ท่านคิดจะไปไหนหรือ?" เจิ้นเจียงถามขึ้น"ออกจากเมืองหน่อยน่ะ ใกล้ๆ เมืองหยางมีป่าทวนแสงอยู่ ในป่าทวนแสงเองก็มีผลิตภัณฑ์เฉพาะถิ่นอยู่หลายอย่างด้วย เมืองหลวงทางนั้นไม่ค่อยได้เห็นนัก"ป่าลึกลับมีผลิตภัณฑ์เฉพาะถิ่นของป่าลึกลับ ที่ป่าทวนแสงเองก็เช่นกันสรุปคือ จริงๆ แล้ว...จั๋วซือหรานตั้งใจจะหาพืชพันธุ์ใหม่ๆ มาปลูกไว้ในมิติของตนเองหน่อยป่าลึกลับกับป่าทวนแสงมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของตนเองอยู่ เป็นเพราะพื้นที่และสภาพอากาศแตกต่างกัน จึงทำให้พวกมันชอบสภาพแวดล้อมเติบโตที่ต่างกันแต่ในมิติน้ำพุวิเศษของจั๋วซือหราน กลับไม่มีข้อจำกัดนี้ดังนั้นขอแค่หาต้นพันธุ์ที่ดีสุขภาพแข็งแรงเจอ เรื่องดูแลภายหลังก็ง่ายขึ้นมาก"อา ถ้าอย่างนั้น..." เจิ้นเจียงคิดว่าตนเองเพิ่งออกจากโรงเตี๊ยมก็ถูกคนจับตัวไปแล้ว จนทำให้คุณหนูต้องวุ่นวายขึ้นมาดังนั้นเขาจึงกังวลว่าถ้าคุณหนูจะออกเมือง ถึงอย่างไรตระกูลเหอก็เป็นเจ้าถิ่นของเมืองหยาง ถ้าหากเข้ามาหาเรื่องเขาอีกล่ะ...ดังนั้นเจิ้นเจียงจึงคิดว่าจะออกไปกับคุณหนูดีไหมแต่จั๋วซือหรานก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้ บอกกับเจิ้นเจียงว่า "เจ้าไม่ต้องออกไปกับข้าหรอก ในป่าทวนแ
ผู้เฒ่าเหอตะคอกอย่างโกรธเคือง เขาขาดสติไปเพราะความโกรธในตอนนี้แล้วถ้าหากยังมีสติอยู่บ้าง อันที่จริงก็จะตั้งสติกลับมาได้ ว่าคนผู้นี้...ก็ยโสโอหังแบบนี้มาตลอดผู้เฒ่าเหอหัวเราะเย็นชาขึ้นมา "ข้าขอความช่วยเหลือจากสำนักเมฆาวารีแล้ว คิดว่าข้ากลัวนางจริงหรื? นางจะรออีกสองวันสินะ? สองวันก็พอแล้ว! สองวันจากนี้ข้าจะดูว่านางตายอย่างไร!"ไม่นานนัก ก็มีคนเข้ามารายงานข่าวกับผู้เฒ่าเหอว่าจั๋วซือหรานออกจากโรงเตี๊ยมและออกจาเมืองไปแล้วผู้เฒ่าเหอพอได้ยินคำนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึม หัวเราะเย็นชา "เฮอะ คงไม่ใช่มาพูดจาข่มขู่ข้า แต่จริงๆ กำลังคิดจะทิ้งพวกพ้องพวกนั้นแล้วหนีไปคนเดียวหรอกนะ?"ผู้เฒ่าเหอครุ่นคิด ความโกรธพุ่งขึ้นหัว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้จากนั้นจึงให้ผู้ใต้บัญชาไปเรียกคนคุ้มกันชั้นยอดในตระกูลมา คนคุ้มกันชั้นยอดพวกนี้ ล้วนฝึกฝนมาอย่างยาวนาน เป็นระดับเดียวกับพวกนักรบเดนตายองครักษ์ลับพวกนั้นเลยไม่ถึงเวลาสำคัญจะไม่นำออกมาใช้งานผู้เฒ่าเหอสั่งการกับพวกเขา "พวกเจ้าตามร่องรอยหญิงสาวคนนั้นไป อย่าให้นางหนีล่ะ ดูว่านางคิดจะทำอะไร ใครจะรู้ว่านางคิดจะเอากองหนุนเข้ามาหรือเปล่า...""รับท
จั๋วซือหรานยิ้มๆ "แน่นอนว่าข้ายอดที่สุด ดังนั้นข้าก็เลยทิ้งบทเรียนหนึ่งไว้ให้พวกเจ้าด้วย เอาล่ะ..."จั๋วซือหรานแผ่พลังวิญญาณออกมา คิดจะค้นหาร่องรอยของวัตถุดิบยาพืชวิญญาณเหล่านั้นยังไม่กางยังพอว่า แต่พอกางออก สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ..."อื๋อ?""นายท่านทำไมหรือ?" ขนมถั่วแดงถามขึ้นจั๋วซือหรานตอบ "ไม่มีอะไร มีพวกน่ารำคาญตามออกมาน่ะ""เจ้าคนชั่วพวกนั้นส่งมาหรือเปล่า?""น่าจะใช่นะ ปัญหาไม่ใหญ่มาก" จั๋วซือหรานสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามา กระทั่งยังเว้นระยะไว้เสียห่างเลยบนความรู้สึก น่าจะแค่สะกดรอยตามนางมาเท่านั้นอีกฝ่ายถ้าหากจะระวังตัวและป้องกันขนาดนี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ อย่าเข้ามารบกวนนางก็พอ นางก็จะไม่หันไปสนใจชั่วคราว"นายท่านจะทำอย่างไร?" ขนมถั่วแดงถามจั๋วซือหรานปล่อยหมาป่าน้ำแข็งออกมาจากในมิติ ขึ้นไปขี่จากนั้นจึงเอ่ยว่า "ไม่ทำอะไร ถ้าพวกเขาตามมาได้ก็ตามมา"จั๋วซือหรานตบเบาๆ ที่คอของหมาป่าน้ำแข็ง เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า "เด็กดี ไปที่ป่าทวนแสงเลย"หมาป่าน้ำแข็งเหยียบเท้าหลังแล้วพุ่งทะยานออกไป"เร็ว! รีบตามไป! นางยังไม่เจอตัวพวกเรา
"เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น
หัวหน้าคนคุ้มกันถอนหายใจออกมาเบาๆ "เป็นข้าที่เลินเล่อเอง ตอนที่แม่นางเข้าเมืองข้าลืมเตือนแม่นาง ว่าในเมืองหยางนี้มีเจ้าถิ่นอยู่""ถ้าหากไปเจอเข้า เลี่ยงไว้หน่อยก็จะดี ถึงอย่างไรแม่นางก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเจอกับเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แม่นางมาจากเมืองหลวง คิดว่าก็น่าจะเข้าใจ ว่ามันจะมีพวกคน...ที่เหมือนกับพวกคางคงอะไรแบบนั้น" หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของเขา ก็ใช่ คางคกเวลาปีนขึ้นมาหลังเท้า ต่อให้ไม่กัดคน ก็ยังน่าขยะแขยงจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้น "ตระกูลเหอหรือ?"หัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้า "ตระกูลเหอขอรับ"เขาควรจะคิดถึงตั้งนานแล้ว ว่าคนตรงหน้าคนนี้ ตอนอยู่ที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ยอมให้ใครมาข่มเหงง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงเมืองหยางเลยคิดๆ แล้วก็ใช่ คนตรงหน้าคนนี้คือคนที่ไม่เห็นห้าตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงในสายตา เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลขับไล่ แต่กลับถูกผู้อาวุโสมาเชิญให้กลับตระกูล...คนเช่นนี้ จะมาหวาดกลัวตระกูลเหอในเมืองหยางได้อย่างไรกันแต่หัวหน้าคนคุ้มกันยังคงจดจำบุญคุณที่จั๋วซือหรานมีต่อค่ายคุ้มกันและท่านแม่ทัพ ดังนั้น ไม่ว่าจั๋วซือหรา
จั๋วซือหรานชูเข็มในมือขึ้น เอ่ยว่า "สมอง"จากนั้นก็ใช้เข็มชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"ดีมาก ตอนนี้ก็เข้าใจได้แล้วจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย!ไม่ว่าจะแมงมุมน้อยหรือพวกก้อนเนื้อ ตอนนี้ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ลิงโลดของจั๋วซือหรานแล้วเพราะตาของนางเปล่งประกายมาก!จากนั้นนางจึงชูเข็มในมือขึ้นอีกครั้ง "สมอง"ชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"หลังจากพูดซ้ำเช่นนี้ไปหลายรอบ ตอนที่แมงมุมน้อยกับพวกก้อนเนื้อทวนซ้ำคำพูดกับท่าทางของนางได้การเคลื่อนไหวของนางในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง!นางบีบขนมถั่วแดงไว้ในมือ เอ่ยขึ้นว่า "สมอง""เอ๋?" ในดวงตาเล็กๆ ของขนมถั่วแดงเบิกกว้างสงสัย ไม่ใช่เข็มนั่นที่เป็นสมองหรือ?จากนั้นนายท่านก้ดึงไหมกู่ของมันออกมาหลายเส้น เอ่ยขึ้นว่า "ระบบประสาท"จั๋วซือหรานตาเป็นประกายจนเหมือนดวงดาว "ไม่ต้องอธิบายแล้ว" นางหัวเราะขึ้นมา "ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ อัจฉริยะ"เหล่าก้อนเนื้อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนายท่นา แต่สัมผัสได้ถึงอารมณ์เบิกบานของนายท่าน พวกมันก็รู้สึกดีใจตามขึ้นมาแมงมุมน้อยเหมือนจะเข้าใจบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดแท
นิ้วของจั๋วซือหรานมีแสงหยกครบอยู่ชั้นหนึ่ง ยื่นตรงไปยังเข็มยาวสีดำที่ปักอยู่ตรงท้ายทอยของหุ่นเชิดความมืดเล่มนั้นขนมชาเขียวอยู่ข้างหูนาง เอ่ยขึ้นอย่างกังวล "นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้อันตรายมากเลย...ท่านต้องระวังหน่อยนะ"ขนมชาเขียวไม่ได้ร่าเริงเหมือนขนมถั่วแดง น่าจะเพราะมันมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัวดังนั้นการที่มันพูดเช่นนี้ จึงทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกแปลกใจมาก"อื๋อ? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?" จั๋วซือหรานมองไปทางมันขนมชาเขียวส่ายหัว เพราพวกมันล้วนเป็นก้อนเนื้อ พูดว่าส่ายหัว อันที่จริงก็คือก็โยกไปมาของครึ่งท่อนบนขนมชาเขียวบอกว่า "ข้าเองก็บอกไม่ถูก แค่รู้สึก ว่ามันเย็นเยือกมาก""เย็นเยือก..." จั๋วซือหรานทวนซ้ำคำพูดนี้ของขนมชาเขียวจั๋วซือหรานรู้ เพราะขนมชาเขียวมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัว ดังนั้นมันจึงค่อนข้างฉับไวกับสิ่งที่เย็นเยียบยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดความมืดคนนี้กับอักขระคำสาปบนตัวเหล่านั้น จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่มีพลังหยางเลยในใจจั๋วซือหรานคิดอะไรไว้บ้างแล้ว แสงหยกบนมือนางค่อยๆ สลายไป ค่อยๆ เปล่งแสงสีสันสวยงาม และมีความร้อนเหมือนเปลวไฟขึ้นมานางควบร
แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้
"ดังนั้นจึงมาลงมือกับเจ้าหรือ?" จั๋วซือหรานมองไปทางแมงมุมน้อย "ถึงอย่างไรพอพูดขึ้นมา เจ้าเองก็ก็เป็นสิ่งมีพิษที่หาได้ยากด้วยนี่ แล้วยังเป็นระดับราชาสัตว์ด้วย ถ้าเขาเสพติดพิษขึ้นมาด้วยคุณสมบัติร่างกายแบบนั้นจริงล่ะก็..."จั๋วซือหรานตบเบาๆ ลงไปบนแขนเคียวของราชาแมงมุมหน้าผี "เจ้าเองก็ตัวใหญ่ขนาดนี้ ถือเป็นของบำรุงที่ไม่เลยเลยทีเดียว"จั๋วซือหรานก็เหมือนตระหนักได้ถึงแก่นแท้เรื่องราวในชั่วพริบตาราชาแมงมุมหน้าผีได้ยินการคาดเดากับการวิเคราะห์ของจั๋วซือหราน ก็คิดขึ้นมาถึงความเป็นไปได้นี้ พอคิดไปถึงว่าตนเองเกือบถูกคนเอาไปเป็นของบำรุงแล้ว ก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้"ยังดีที่นายท่านช่วยเหลือไว้" แมงมุมน้อยเอ่ยขึ้นแม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานเข้าใกล้แก่นแท้ของเรื่องราวไปแล้วในชั่วพริบตานั้น แต่นางก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนักนางโบกไม้โบกมือ เอ่ยขึ้นว่า "ช่างเถอะ ไม่มีอะไรน่าคิดเล็กคิดน้อย ด้วยพลังของคนเมื่อครู่นี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ข้าก็ไม่ไปหาเรื่องเขาหรอก คนแบบนั้น การสู้ให้ตายกันไปข้าง น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร"จั๋วซือหรานพูดไปด้วยพลางสังเกตสภาพของแมงมุมน้อยไปด้วย จากนั้นจึงตบเบาๆ แล้วเอ่ยขึ
เจ้าคิดว่าข้าทรยศเจ้า ใช้ประโยชน์จากเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าสูงส่งเต็มประดานักหรือ?! เจ้ามันก็จนตรอกแล้วเท่านั้น!รอให้เจ้าจนตรอกเสียก่อน เพื่อจะมีชีวิตต่อไปเจ้าก็ต้องทรยศคนทั้งหมดเหมือนกัน! เจ้าจะลงหมอบคลานกับพื้นส่ายหางอย่างน่าสงสาร!เจ้าไม่ได้ดีกว่าข้าหรอก! เจ้าก็จะเป็นเหมือนข้า! ถึงอยี่างไร ข้าก็เป็นคนสอนเจ้ามา!"หลงเฉินพูดจบ ก็หัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่งเขาไม่ได้สังเกตเห็นสีตาของเฟิงเหยียน ที่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมาพอควรเสียงของเฟิงเหยียนกดลงต่ำมาก แต่กลับหนักแน่น "ข้าไม่มีทางเป็นแบบนั้น"เขาหันกลับไปมองชายหนุ่มที่น่าเศร้าซึ่งพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดในสมองก็อดคิดถึงเรื่องเหล่านั้นสมัยยังเด็กขึ้นมาไม่ได้เสียงที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ นั่งอยู่ใต้ต้นดอกท้อบานสะพรั่ง หลับตาพริ้ม กำลังดื่มชาขาวดอกสาลี่ยิ้มตาหยีบอกกับเขาว่า "เหยียนเอ๋อร์ อันที่จริงเจ้าไม่ต้องพยายามอยากจะเติบโตอยากจะแข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก เพราะพอเติบโตแล้ว...มันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด คำของข้า รอเจ้าโตแล้วก็จะเข้าใจเอง"ตอนนั้นใบหน้าที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับใบหน้าที่บ้าคล
สีหน้าหลงเฉินปั้นยากมาก แต่...ไอ้การข่มกันของธาตุนี้เหมือนกับเป็นความสามารถแต่กำเนิด! ควบคุมได้ยากมากดังนั้นในพริบตาที่อุณหภูมิร้อนแรงบนตัวเฟิงเหยียน กับประกายไฟไร้รูปร่างปรากฏขึ้นร่างของหลงเฉินก็เบี่ยงหลบไปอย่างควบคุมไม่ได้เขียนเอ่ยเสียงแข็ง "เจ้า...จะทำอะไร"เฟิงเหยียนเหมือนห่อไว้ด้วยเปลวไฟทั้งตัว ทั้งร่างราวกับเป็นลูกไฟ อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างร้ายกาจแล้วจึงเดินไปด้านหน้าโดยไม่สนใจใครไม่นานนักก็มาถึงตำแหน่งใจกลางหมอกพิษ จึงมองเห็นบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบใจกลางเทียนช่อนั้นมันเป็นเหมือนกับชื่อเลย มีเจ็ดดอก ใบเจ็ดใบ ทุกดอกล้วนเป็นสีม่วง เกสรสีเหลืองยาวมาก ราวกับเป็นเทียนแล่มหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นมันบานอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ บ่อน้ำยังใหญ่ไม่เท่าใบหน้าเลย แต่ของเหลวที่อยู่ด้านใน ดูแล้วกลับเป็นสีม่วงเข้ม!และเจ้าของเหลวสีม่วงเข้มเหล่านี้ พอเดือดระเหย แล้วผสมเข้ากับความชื่นในอากาศของป่าทวนแสง นานวันเข้าจึงกลายเป็นหมอกพิษที่เข้มข้นขึ้น"ที่แท้ท่านก็คอยคุ้มครองเจ้าสิ่งนี้นี่เอง" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งหลังจากนั้นจึงยื่นมือไปทางบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนช่อนั้น"หยุดนะ!" หลงเฉินตะโก
หลงเฉินเนื่องจากร่างกายแบกพลังมังกรหนามม่วงไว้ แต่สิ่งที่ต้องนำมาสะกดนั้นตรงข้ามกับเฟิงเหยียนหลงเฉินเป็นประเภทที่ต้องพึ่งพาคุณสมบัติต่อพิษ ถ้าหากไม่มีการหาสิ่งที่พิษ พิษของมังกรหนามม่วงในร่างกายก็จะเริ่มทำร้ายตนเองอันที่จริงถ้าหากจั๋วซือหรานอยู่ที่นี่แล้วมีปฏิกิริยากับเนื้อหาที่เฟิงเหยียนพูดมาล่ะก็ คงจะมีคำจำกัดความให้อย่างรวดเร็วว่า:นี่มันก็เหมือนกับติดยาเสพติดนี่นาสถานการณ์ของหลงเฉินตอนนี้เป็นเช่นนี้จริงๆ"เพราะที่พรมแดนใต้มีสิ่งมีพิษอยู่มากกว่า" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น "แต่ก่อน บางทีท่านก็หายไประยะหนึ่ง บอกว่าตนเองปิดด่าน หลังจากกลับมาสีหน้ากับสภาพก็ไม่ค่อยสู้ดีนักตอนนี้พอคิดๆ ดู ท่านก็น่าจะไปเอาสิ่งมีพิษมาใช้ประโยชน์กับตัวเองสินะ...ท่านอยู่แค่ในป่านี้ ก็เพราะที่นี่มีหมอกพิษข้าเดาว่าท่านคิดจะสูดรับหมอกพิษเหล่านี้แล้ว ค่อยไปยังใจกลางหมอกพิษเอาสมบัติที่ก่อหมอกพิษหนาแน่นนี้มาใช้ประโยชน์กับตนเองและสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ท่านลงมือกับสัตว์อสูรของจั๋วเสียวจิ่ว ก็น่าจะเพราะแมงมุมตัวนั้นไปพบกับสมบัติที่ใจกลางหมอกพิษ แล้วกำลังจะเก็บมันมาสินะยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพราะ แมงมุมตัวนั้นก็เ