บารนี ดีแลนด์ สะใภ้คนสวยแห่งตระกูลดังยิ้มให้สองสาวที่มาพบในวันนี้ด้วยความยินดียิ่ง เมื่อเธอจะได้ตอบแทนน้ำใจของนางแบบสาวคนสวยที่นับถือน้ำใจและให้ความเคารพว่าเป็นพี่สาวเช่นยอดรัก ที่ยินดีรับคำเชิญของเธอกับ คุณดารา ผู้เป็นแม่สามีซึ่งเชิญให้ยอดรักไปพักผ่อนที่ไร่อัคราอันกว้างใหญ่ของครอบครัวเสียที แต่เหนือสิ่งอื่นใดเธอกับแม่สามีแอบคาดหวังอะไรอยู่ในการเชิญให้เจ้าหล่อนไปเยือนไร่แห่งนี้...
“บีดีใจมากเลยค่ะที่พี่รักตอบรับคำเชิญเราเสียที”
“ความจริงพี่ก็อยากจะหยุดทำงานแล้วพักผ่อนบ้างอยู่หรอกค่ะ เพียงแต่ติดคิวงานที่ยังคาราคาซังอยู่ นี่ก็เกือบจะหนึ่งปีแล้วสินะที่คุณบีเชิญเรา”
“โธ่... พี่รักน่ะ บอกกี่ครั้งแล้วคะว่าให้เรียกว่าน้องบีเถอะค่ะ อย่าเรียกคุณอะไรเลย ฟังดูขัดๆ เขินๆ ยังไงไม่รู้”
“โอเคๆ ค่ะ น้องบี...”
ยอดรักยิ้มกว้างให้สาวสวยตรงหน้าและนึกชื่นชมว่าลูกชายบ้านนี้ช่างโชคดีที่ได้ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งเก่งและน่ารักนิสัยดีอย่างบารนี เธอไม่นึกเสียใจเลยที่รับไมตรีนี้จากหญิงสาวตรงหน้า
“แล้วนี่พี่รักกับพี่กุ้งเต้นจะไปไหนกันต่อคะ”
“พี่กุ้งเต้นกับนังยอดจะไปชอปปิงเสริมความงามกันต่อค่ะ แบบว่าเราจะไปสวยสู้แดดกันที่ไร่ค่ะ อิอิ”
“ถ้าอย่างนั้นตามสบายเลยค่ะจะไปวันไหนกันบอกบีมาเลยนะคะ บีจะได้โทร. ไปแจ้งพี่เด่นไว้ล่วงหน้า”
“ได้ค่ะ... ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ขอตัวเลยนะคะน้องบี”
ยอดรักกล่าวลาด้วยรอยยิ้มแจ่มใสรู้สึกปลอดโปร่งจากข่าวคาวหรือปัญหาทั้งมวลที่ใครบางคนพยายามจะโยงให้เธอเข้าไปเกี่ยวข้อง นับจากนี้เธอจะทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้เบื้องหลังให้คนพวกนั้นจัดการกันเอาเอง...
เมื่อรองเท้าคู่งามได้เหยียบย่างลงบนพื้นหญ้าเขียวขจีของ บ้านไร่อัครา อันกว้างใหญ่ไพศาลจนยอดรักรู้สึกเหมือนตัวเล็กเท่าแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น บ้านเรือนไทยสไตล์โมเดิร์นที่สร้างจากไม้สักทองหลังงามใหญ่โตโอ่อ่าท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นและการตกแต่งที่ทันสมัยลงตัวก็ให้ความรู้สึกร่วมสมัยยิ่งใหญ่อลังการ... เรือนเด่น ยอดรักอ่านป้ายหน้าเรือนหลังงามด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงแปลกๆ
“แก... ฉันว่าเราหันหลังกลับตอนนี้ยังทันนะ...”
กุ้งเต้นสะกิดไหล่เพื่อนเบาๆ เมื่อเห็นสถานที่ตรงหน้าเพราะมันช่างยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างจนเธอที่ขึ้นว่ามั่นหนังหน้ามากยังต้องฝ่อ...
“เฮ้ย... ได้ไงแก มาถึงที่แล้ว อีกอย่างเราเป็นแขกวีไอพี ได้รับเชิญมาจากแม่เจ้าของสถานที่เลยนะแก เขาไม่กล้าไล่เราหรอก อีกอย่างนะ ถ้าหากคนที่นี่กล้าไล่เราจริงๆ เจอฤทธิ์นังยอดแน่ๆ” ยอดรักกว่าด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่แล้ว...
“นี่พวกหล่อนมาจากไหนกันยะ...”
เสียงแหบแห้งฟังดูสูงวัยของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ยอดรักกับกุ้งเต้นหันไปตามเสียง ก็พบกับผู้หญิงที่น่าจะอายุราวสามสิบเศษๆ คนหนึ่งรูปร่างบางดูผอมมากจนดูเหมือนเหี่ยวแห้งมากกว่าสวยงามการแต่งกายก็ดูฉูดฉาดด้วยเสื้อผ้ารัดติ้วจนเห็นรูปทรงองเอวที่ดูไม่ค่อยจะสมส่วนนักทั้งทรวงอกก็ใหญ่เกินไปซึ่งดูก็รู้ว่าคงยัดซิลิโคนไว้เต็มที่ กางเกงยีนทรงสกินนี่ก็ฟิตแน่นกับเรือนร่างนั้นก็รัดเสียจนเห็นส่วนซ่อนเร้นขึ้นเห็นรูปเป็นร่างชัดเจนเกินไป
ยอดรักกวาดตามองหญิงตรงหน้าอย่างเสียวไส้ขนาดว่าเธอเคยใส่เสื้อผ้าเดินแฟชั่นโชว์ยังไม่คิดจะเน้นสัดส่วนตรงนี้จนเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนเหมือนหญิงสาวตรงหน้าเลยสักครั้งเพราะทุกครั้งจะมีการเซฟความเรียบร้อยของร่างกายเสมอเพื่อป้องกันภาพหลุดที่ไม่งาม ส่วนใบหน้าของหญิงตรงหน้านั้นก็ดูสวยงามดีแต่ก็ดูออกว่าเป็นความสวยงามที่ถูกปรุงแต่งจากมีดหมอ และมันก็ดูผิดรูปไปเล็กน้อยจากการศัลยกรรมที่ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านมีดหมอมากี่ครั้ง ความจริงแล้วเธอไม่ได้แอนตี้หรือดูถูกคนที่ศัลยกรรม แต่สำหรับผู้หญิงตรงหน้ายอดรักรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรง แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร...
“สวัสดีค่ะ เรามาพบคุณเด่นค่ะ คุณอัครา ดีแลนด์น่ะคะ ไม่ทราบว่าเราจะไปพบคุณเด่นได้ที่ไหนคะ...”
ยอดรักกล่าวอย่างอ่อนน้อมตามมารยาทที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจาก “มาเซอร์” ผู้เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กจนโตจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้ามีชื่อแห่งหนึ่ง ที่พอจำความได้เธอก็พบว่าตนเองอยู่ที่นั่นแล้วแต่ยอดรักไม่ได้รู้สึกว่าตนเองนั้นขาดความอบอุ่นหรือความรักแต่อย่างใด และไม่เคยโหยหามันเลยแม้แต่น้อย
ที่สำคัญเธอไม่เคยอยากรู้เลยว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใครเพราะคิดว่าพวกเขาคงไม่ต้องการเธอ จึงได้นำเธอมาทิ้งไว้ที่นี่ และมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องขวนขวายรู้ชาติกำเนิดของตนให้เจ็บปวด เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กกำพร้าอยู่ดี เหตุผลเพียงเท่านั้นมันก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่ยอดรักก็ยอมรับคำว่าเด็กกำพร้านั้นได้และพยายามทำตัวให้อยู่ในกฎระเบียบที่ดีงามเพื่อไม่ให้ใครมาดูถูกได้ ข้อนี้เองยอดรักจึงเป็นที่รักของทุกคนและได้ดิบได้ดีเพราะมีแนวความคิดที่ดีงาม...
(ซิสเตอร์ (Sisiter) หรือ มาเซอร์ เป็นคำที่ใช้เรียกนักบวชหญิงของนิกายคาทอลิก ซิสเตอร์ (Sisiter) มาจากภาษาอังกฤษ ส่วน มาเซอร์ (ma soeur) มาจากภาษาฝรั่งเศส ทั้งสองคำนี้ใช้เรียกนักบวชหญิงที่ยังสาว บางที่อาจจะเรียก มาร์แมร์ (Ma mere) มาจากภาษาฝรั่งเศสบ้างก็เรียกคุณแม่ ใช้เรียกนักบวชหญิงที่มีอายุเพื่อแสดงความเคารพ)
“นายใหญ่ไม่อยู่ มีอะไรบอกกับฉันได้ ฉันชื่อ คิตตี้ เป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่และหากพวกหล่อนไม่มีอะไรแล้วก็เชิญกลับไปได้ อ้อ... ฝากเบอร์โทร.ติดต่อกลับไว้ก็ได้นะเผื่อฉันจะติดต่อกลับไป”
บทที่2.ยอดรักมองคนที่บอกตนว่าเป็นหัวหน้าแม่บ้านอย่างพิจารณาด้วยสายตาเฉกเช่นเดียวกับที่ถูกมองมาคือ เหยียดหยันและเชิดใส่ “อ๋อ... หรือคะ พอดีว่าฉันกับเพื่อนได้รับเชิญโดยตรงจากเจ้าของไร่ อ้อ... ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า คุณแม่ เจ้าของไร่ เชิญเรามาที่นี่และเจ้าของไร่ก็รู้แล้วว่าเราจะมาในวันนี้ หากคุณแม่บ้านจะกรุณา ช่วยหลีกทางให้แขก วี ไอ พี อย่างพวกเราด้วยนะคะ...”ยอดรักพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉานเน้นย้ำให้คนฟังเห็นถึงความสำคัญของตนอย่างทระนงตัว ยิ่งตอนนี้เธออยู่ในรูปลักษณ์ใหม่คือเรือนผมซอยสั้นทันสมัยเข้ากับรูปหน้าคมเฉี่ยวของตนแล้ว ทำให้เธอดูสูงปราดเปรียวและคล่องแคล่วมั่นใจมากขึ้น จนคนที่มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยันในคราแรกรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่กระจายออกมาจากหญิงสาวสวยตรงหน้า แต่ก็ยังเก๊กท่าว่าตัวเองนั้นเหนือกว่าอยู่จะสักแค่ไหนวะ... ยอดรักคิดในใจห่ามๆ และเริ่มหงุดหงิดเธอไม่ใช่คนอ่อนหวานอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ ด้วยสิ ยิ่งมาเจอคนงานระดับนี้อวดศักดาใส่ยอดรักก็ยิ่งอยากจะวีน ไม่ใช่ว่าจะดูถูกดูแคลนคนที่ทำงานแม่บ้าน ยาม หรือชาวไร่ชาวสวน แต่ในเมื่อคนตรงหน้าเธอเป็นเพียงลูกจ้าง แต่ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของบ้านท
บทที่3.“หึ้ยยย เจ็บใจจริงๆ เล้ย นางป้าแก้วปากสว่างนั่นไม่น่ามาขัดจังหวะเลยเชียว...”แมวหรือคิตตี้แม่บ้านสาวที่มักตีตัวเสมอเจ้านายลับหลังเดินบ่นปอดแปดออกมายังสวนหลังเรือนเด่นซึ่งเป็นสวนดอกไม้และสนามหญ้าร่มรื่นด้วยต้นไม้ซึ่งหนึ่งในนั้นมีต้นก้ามปูต้นใหญ่อายุหลายสิบปีที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาขยายพื้นที่กิ่งก้านจนไปถึงลำธารเล็กๆ ที่ไหลผ่านทำให้เรือนเด่นนั้นงดงามตระการตาและร่มเย็นน่าอยู่มากขึ้น“นางสองคนนั่นต้องหวังมาอ่อยคุณเด่นแน่ๆ เลย เราจะยอมไม่ได้ เราเฝ้ามาตั้งนานจะให้ใครมาเอาไปง่ายๆ ได้ยังไงวะ...”คิตตี้ซึ่งใครๆ ในไร่ต่างก็ตั้งฉายาให้ว่า คิตตี้ฉึกๆ นั้น แอบรักอัครามาตั้งแต่เข้ามาทำงานทีนี่เมื่อห้าปีที่แล้ว ความจริงแล้วคิตตี้เป็นคนสวยและผิวพรรณดี แต่ด้วยความที่อยากสวยมากกว่าเดิมเธอจึงพยายามที่จะทำทุกอย่างให้ตัวเองสวยมากขึ้น ทั้งไปศัลยกรรมใบหน้า ฉีดนั่นเสริมนี่ทั้งใช้ครีมสำหรับหน้าขาวยี่ห้อต่างๆ ที่มีขายตามท้องตลาด จนใบหน้าที่มีความงามตามธรรมชาตินั้นเริ่มเป็นฝ้าด่างดำชนิดที่ว่าไม่สามารถจะรักษาได้แต่เธอก็ไม่หวั่นยังขยันหาครีมมาทาเพื่อให้หน้าขาวอยู่คิตตี้นั้นเป็นคนรักสวยรักงาม และยอมทุ
บทที่4.ยอดรักถามด้วยสีหน้าแช่มชื่นขึ้นทำให้กุ้งเต้นหันมามองหน้าเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มรู้ทัน กุ้งเต้นมักมีโชคเรื่องเสี่ยงดวงเสมอ ในขณะที่เธอนั้นดวงกุดนักแลกับการเสี่ยงโชคทุกรูปแบบ หากไม่เหนื่อยไม่ได้ทำงานจนเหงื่อออกอย่าหวังว่าจะได้เงินมาง่าย ๆ“ก็แล้วแต่แกว่ะ แกอยู่ให้สบายใจไปเลย ไหนๆ เราก็หลบออกมาจากวงการมายาแล้ว แกเองก็ดูสดชื่นมากกว่าตอนอยู่กรุงเทพฯ อีกนะแกรู้ตัวมั้ย”“ก็คงเพราะที่นี่อากาศดี ห่างไกลมลพิษมั้ง...” น้ำเสียงตอนท้ายของยอดรักแผ่วลงไปบ้าง กุ้งเต้นจึงเดินมาโอบกอดเพื่อนรักแล้วตบบ่าเบาๆ“แก... เรื่องบางเรื่อง เราก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมัน แกแก้ไขสันดานใครไม่ได้นะยอด หมาสองตัวกัดกันแกก็อย่าไปคิดแทนมันเลย” กุ้งเต้นเปรียบเทียบให้เพื่อนรักปล่อยวางเรื่องที่ทำให้พวกเธอต้องหลบมาที่นี่“แน่นอน... ฉันรู้และทำใจได้แล้ว เพียงแต่...”“อะไร...”“ฉันคิดว่าอาจจะหางานทำ อาจจะลงทุนทำอะไรสักอย่างหลังจากนี้ แบบจริงๆ จังๆ”“แกจะทำอะไรฉันก็เอาด้วยอยู่แล้ว” สองสาวที่แม้จะต่างกันที่เพศตามกำเนิด แต่ด้วยความรักที่มีให้กันมาเนิ่นนานยิ้มให้กันอย่างมีความสุขกับความฝันครั้งใหม่ของพวกเธอ...อั
บทที่5.“อ้าว.. คุณเด่นกลับมาตอนไหนคะเนี่ย ป้าไม่ได้ยินเสียงรถเลย...”เสียงของป้าแก้วดังขึ้นทำให้หนุ่มสาวที่กำลังจะปะทะคารมกันหันไปมองนางพร้อมกัน หญิงชรามองหนุ่มสาวงงๆ และแปลกใจที่เห็นท่าทางของคนทั้งสอง ที่มีท่าทางเหมือนเด็กทะเลาะกันมากกว่า... “ผมมาถึงสักครู่แล้วครับ พอดีให้ไอ้พลมันมาส่งหน้าเรือนแล้วให้มันกลับบ้านเลยครับ วันนี้ไร่เรามีม้าคลอดใหม่สองตัวเดี๋ยวสักหน่อยผมก็ต้องออกไปอีกผมแค่แวะมาทานข้าวน่ะครับป้า”“เป็นข่าวดีจริงๆ เลยนะคะ มาเหนื่อยๆ คงหิวแย่ไปค่ะเดี๋ยวป้าจะหาอะไรให้ทาน”“ป้าแก้วไม่ต้องลำบากหรอกครับ ผมไปหาทานเองในครัวดีกว่าป้าไปพักผ่อนเถอะนี่ก็ดึกแล้ว...”ชายหนุ่มพูดอย่างอ่อนโยนกับป้าแก้ว ท่าทางของเขาดูแตกต่างจากรูปลักษณ์ที่แข็งกระด้างดิบเถื่อนด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่หากใครไม่ได้รู้จักเขามาก่อนก็คงคิดว่าเขาเป็นแรงงานต่างด้าวยากไร้สกปรกมอมแมมอย่างแน่แท้ก็ดูเถอะ เสื้อผ้าของเขาเปรอะเปื้อนด้วยทั้งดินโคลนและเลือดแห้งกรังทั้งผมเผ้าก็รุงรังหนวดเคราก็ยาวเฟิ้มจนไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร ยอดรักกอดอกมองเขาอย่างพิจารณา หัวใจก็เต้นตึกๆ ไปด้วยอย่างน่าโมโห...“อ้อ... ป้าลืมไปค่
บทที่6.“บ้าที่สุดเลย ทำไมโลกมันกลมขนาดนี้นะ...” ยอดรักล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มแล้วบ่นกับตัวเองทั้งยังหน้าแดงจัดด้วยความขัดเขินเมื่อนึกถึงคนตัวโตเจ้าของไร่แห่งนี้นายหน้าโหดหื่นกาม... ผู้ชายที่ขโมยจูบเธออย่างอุกอาจเร่าร้อนเมื่อปีก่อนแวบเข้ามาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ และทั้งภาพและสัมผัสที่ติดตรึงตราก็เหมือนว่ามันเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้...เมื่อต้นปีที่แล้วหลังจากที่เธอเดินแบบให้กับ ดีแลนด์ซิลด์ เสร็จสิ้นแล้วระหว่างที่เธอกำลังรออาทิตย์ซึ่งขณะนั้นเธอกับเขาเริ่มคบหากันใหม่ๆ มารับกลับ ขณะที่เธอกำลังจะเดินไปรอคนรักที่ห้องรับรองของบริษัทบังเอิญว่าเดินชนกับผู้ชายคนหนึ่งจนเธอล้มกระเด็นราวกับชนกับยักปักหลั่นอย่างไรอย่างนั้น ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาขอโทษและช่วยเหลือเธอให้ไปถึงห้องรับรองด้วยการอุ้มเธอไปส่ง แต่เมื่อเธอขอบคุณเขา เขากลับไม่รับคำขอบคุณจากเธอแต่เขากลับ จูบ เธอแทนคำขอบคุณโดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว... จูบแรกของเธอ จูบที่แสนเร่าร้อนตรึงตรา... “บ้าจริง...” หญิงสาวบ่นอุบอิบกับตัวเองหน้าแดงจัดแล้วหลับตาลง มือเรียวยกขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตนเองอย่างเผลอไผล ความร้อนแปลกๆ ก็ไหลบ่าแล่นพล่านไปท
บทที่7.วันนั้นกุ้งเต้นจำได้ดีว่าด่าเขาไว้เสียเยอะและด้วยยอดรักกำลังเสียใจทำให้หญิงสาวอาละวาดเอากับหนุ่มหน้ารกคนนี้อย่างชนิดที่ว่าทั้งเหวี่ยงทั้งวีน โดยที่อัคราได้แต่ยืนนิ่งให้ยอดรักสาดอารมณ์เกรี้ยวกราดใส่ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปดีๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนั้นแม้แต่ตัวกุ้งเต้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอัครายืนเฉยให้ยอดรักสาดอารมณ์ใส่อย่างรุนแรง... แต่ตอนนี้เธอคิดว่าเธอได้คำตอบคร่าวๆ แล้ว ตามเซ้นส์ของกะเทยที่ไม่เคยผิดพลาด...“ค่ะ เราก็ดีใจมากค่ะที่ได้มาเป็นแขกของที่นี่ ใช่ไหมนางยอด”“อื้ม...” ยอดรักเออออไปกับเพื่อนรักโดยไม่มองหน้าผู้มาใหม่ ในขณะที่คิตตี้หัวหน้าแม่บ้านตามที่ตัวเธอเองได้กล่าวอ้างรีบเดินเข้ามาเสิร์ฟกาแฟให้เจ้านายหนุ่มอย่างเอาอกเอาใจ“กาแฟค่ะนายใหญ่... จะทานมื้อเช้าที่นี่หรือข้างในดีคะ แต่คิตตี้ ว่าเข้าไปทานข้างในดีกว่านะคะ วันนี้อากาศตรงนี้ท่าทางจะไม่ค่อยดี...”คำพูดของคิตตี้ทำให้ยอดรักคอแข็งจากที่มองแมกไม้ไปเรื่อยเปื่อยหญิงสาวก็หันมามองหน้าแม่บ้านสาวตาเขียวปัด แต่ไม่ได้แสดงท่าทางใ
บทที่ 8.กุ้งเต้นซึ่งเห็นท่าทางเต้นกระทืบเท้าเร่าๆ และกรีดร้องเหมือนในละครน้ำเน่าที่นางร้ายมักทำตามบทในสมัยก่อนๆ ทำ ซึ่งสมัยนี้นางร้ายเขาพัฒนาไปไกลไม่แสดงท่าทางแบบนี้แล้ว เพราะนางร้ายสมัยนี้ยั่วผู้ชายเก่งเอาตัวเข้าแลกหรือบางบทบาทก็แรดเงียบ กุ้งเต้นก็คันปากอดไม่ได้จึงว่าเข้าให้“แก.. พวกแก... ฝากไว้ก่อนเถอะ...”คิตตี้โกรธจนตัวสั่นแต่ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ชี้หน้ายอดรักและกุ้งเต้นก่อนจะล่าถอยกลับไปเมื่อเห็นท่าทางไม่ยอมลงให้ตนของทั้งสองสาวที่กอดอกมองเธออย่างท้าทาย...“เอ้อออ... มาเอาคืนเร็วๆ ด้วยล่ะ ฉันขี้เกียจแบกความขี้อิจฉาของใครไว้นานๆ มันหนัก”ยอดรักตะโกนตามหลังอย่างขุ่นขวางก่อนจะหันมาถลึงตาใส่กุ้งเต้น“ส่วนแก นางกุ้งยักษ์ แกตายแน่ๆ”ว่าแล้วเธอก็วิ่งไล่ทุบกุ้งเต้นซึ่งรู้ตัวว่าจะโดนดีจึงวิ่งหนีกำปั้นของเพื่อนรักไปก่อน สองสาวจึงวิ่งไล่ทุบกันเหมือนเด็กๆ เสียมากกว่า ทั้งเสียงร้องวี้ดว้ายของกุ้งเต้น ก็ทำให้ดูครึกครื้นมากกว่าจะจริงจัง... อัคราซึ่งยืนมองพวกเธออยู่บนระเบียงกว้างก็ได้แต่หัวเรา
บทที่9.แน่นอนว่ายอดรักต้องเสียใจที่ถูกเพื่อนรักและคนรักหักหลัง หลอกลวง แต่เมื่อเขามีข้อมูลและหลักฐานว่าคนทั้งสองนั้นคิดไม่ซื่อกับยอดรักอย่างไรบ้างและความเน่าเฟะของคนทั้งคู่นั้นมีมากแค่ไหน มันก็ถูกส่งต่อไปให้ยอดรักได้รับรู้ผ่านนักข่าวหัวเห็ดคนหนึ่งซึ่งเขาได้จ้างวานให้ติดตามทำข่าวของพิชฎาและอาทิตย์มาตลอด ให้ยอดรักได้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์และความริษยาของพิชฎาที่มีต่อตัวเธอเขารู้ดีว่ายอดรักอาจจะเจ็บปวดกับการกระทำของคนทั้งคู่ แต่เพื่อให้ยอดรักได้รับรู้ถึงความเลวร้ายของหญิงร้ายชายเลว อย่างพิชฎาและอาทิตย์เขาจึงต้องเสี่ยง ซึ่งเขาเองยังนึกชื่นชมจิตใจของยอดรักที่ยังเข้มแข็งและยืนหยัดมาได้โดยที่ไม่ตีโพยตีพายหรือคิดสั้นทำร้ายตัวเอง...ยอดรักกลับสงบและควบคุมอารมณ์ได้อย่างดี ซึ่งมันทำให้เขามั่นใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องและดีต่อเธอ... ตอนนี้เธอก็มาอยู่ใกล้ๆ เขาแล้ว เมื่อลูกกวางตัวน้อยๆ หลงเข้ามาในดงเสือหิวขนาดนี้แล้วเขาจะปล่อยให้ลูกกวางแสนสวยลอยนวลได้อย่างไร...“ยอดรัก... เธอคือยอดรักของฉัน ยอดรักของพี่เด่น...” อัครายิ้มกับตนเองด้ว
บทที่ 55.“โห... คุณพ่อ เล่นว่าผมแบบนี้เลยเหรอ งั้นพาน้องดรีมไปดูปลาโลมาดูโลกใต้ทะเลอีกวันสองวันเป็นไง รับรองคราวนี้กลับมาน้อง ดรีมมีน้องแน่ๆ” อัครายังไม่ยอมแพ้บิดา หน้าตาขึงขังจนยอดรักส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างระอาในความอยากเอาชนะบิดาของสามี...“โธ่... ไอ้ขี้คุย” คุณอีริคยังคงต่อล้อต่อเถียงกับลูกชายซึ่งก็ทำให้คุณดาราสบตากับลูกสะใภ้อย่างระอาไม่แพ้กัน...“ไม่ต้องรบกวนให้คุณพ่อคุณแม่พาน้องดรีมไปเที่ยวไหนหรอกค่ะ เพราะน้องดรีมน่ะมีน้องแล้ว...”หญิงสาวพูดจบก็คว้าน้องดรีมมาอุ้มแล้วเดินเข้าบ้านไปก่อน อัครามองตามภรรยาที่เดินอุ้มลูกเดินเข้าบ้านไปก่อนด้วยความกังขาในคำพูดของเธอทำให้คุณดาราหมั่นไส้ลูกชายที่ยืนเซ่ออยู่...“แหม... เราไปรับขวัญหลานคนใหม่ของเรากันดีกว่าค่ะคุณพี่” ว่าแล้วบิดามารดาก็เดินเกี่ยวก้อยกันตามยอดรักไปด้วยความยินดี“รับขวัญหลานคนใหม่ น้องดรีมมีน้อง... นั่นก็แสดงว่า...” อัครายิ้มกว้างตาโตด้วยความตื่นเต้นดีใจสุดชีวิต...“ไชโย้ๆๆ ไชโย เมียฉันท้องอีกแล้ว ฉันจะมีลูกอีกคนแล้ว ฮ่
บทที่ 56.อวสาน“ได้ผลแน่นะพี่เด่น ผมนี่จะลงแดงตายแล้ว จะหมดวันพักร้อนแล้วยังไม่ได้แอ้มเมียเลย” อัครวัฒน์ทำท่าเหมือนจะลงแดงไปจริงๆ“หึ.. ไอ้กะล่อน เห็นนะเว้ยตอนพาน้องมนไปหลบหลังโขดหินน่ะ” อัคนีแค่นยิ้มหมั่นไส้น้องชาย อัครวัฒน์ยิ้มแห้งๆ“แหม พี่เดียว เห็นด้วยเหรอ”“ไอ้กะล่อน” ทั้งอัครากับอัคนีพูดขึ้นพร้อมกัน...“เอาเป็นว่านายโทร. ไปบอกแม่บ้านจัดห้องหับไว้ได้เลย.. เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พี่ใหญ่พูดอย่างมั่นใจ ซึ่งน้องๆ ต่างก็หน้าชื่นตาบาน..แล้วทั้งสามหนุ่มก็พาภรรยามาพักที่เกาะส่วนตัวได้สำเร็จซึ่งบนเกาะมีบ้านพักหลังใหญ่ที่สวยงามมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันแม้ว่าจะมีการปั่นกระแสไฟใช้เป็นเวลาก็ตามแต่ที่นี่ก็มีแผงโซล่าเซลล์ไว้ใช้งานด้วย...“พวกนายว่าวันนี้พวกเราจะได้แอ้มเมียมั้ยวะ..”อัคนีเท้าคางมองภรรยาที่กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกนานเหมือนกั
บทที่ 54.“พี่เด่นต้องขยันทำลูกให้ทันไอ้เดียวมัน ตอนนี้มันมีแล้วสองคนนะ เราเป็นพี่ใหญ่ก็ต้องตามมันให้ทันสิ ไอ้โดมก็ทำท่าว่าจะมีเมียมีลูกตามมาติดๆ”ปากก็พูดไปทั้งมือไม้ก็ไม่ว่างเว้นจากเนื้อนวล ทั้งยังขบเม้มจูบซับไปตามเนินอกอวบอิ่มของเธออย่างยั่วเย้าจนสาวเจ้าสั่นสะท้าน ยอดรักแอ่นกายเหนือที่นอนยับย่นจากมรสุมสวาทเร่าร้อนระหว่างเธอกับเขาด้วยความซ่านกระสันเมื่อลิ้นร้อนตวัดไล้เลียยอดอกสาวแผ่วพลิ้วก่อนจะละเลงดูดดื่มฟอนเฟ้นดอกบัวคู่งามเต็มไม้เต็มมืออย่างเมามัน“อื้มมม... พี่เด่น...” ยอดรักครางกระเส่ากับความเร่าร้อนที่สามีปรนเปรอให้ไม่วายเว้น ยิ่งนับวันเขายิ่งให้ความรักความเสน่หาเธอมากขึ้นๆ จนเธออ่อนอกอ่อนใจพลอยคล้อยตามเขาทุกท่วงท่าไม่ว่าเขาจะพาเธอดินแดนแสนสุขแห่งไหนเธอก็พร้อมจะไปกับเขาทุกๆ ที่...อัคราจูบไล้เรื่อยไปตามลำตัวเนียนละมุนที่ยังคงเนียนนุ่มไม่ต่างจากวันแรกที่เขาได้ครอบครองเป็นเจ้าของความหวานล้ำจากร่างงามนี้ วันนี้ก็ยังคงมีไม่แตกต่างจากวันแรกที่ได้สัมผัส แต่มันกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ จนเขาไม่อาจ
บทที่ 53.“อา... เมียจ๋า ยอดรัก พะ พอก่อน... โอว....” อัคราเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปิดใบหน้างามแดงก่ำออกเพื่อจะได้มองหน้าเธอชัดๆ ก่อนจะรั้งร่างงามขึ้นมาแล้วบดจุมพิตเร่าร้อนกับปากนุ่มที่ละจากแก่นกายกำยำของเขาอย่างแสนเสียดาย มือร้อนกร้านงานลูบไล้เนื้อนวลเปล่งปลั่งของภรรยาอย่างรักใคร่หลงใหลฟอนเฟ้นทั้งอกอวบและสะโพกหนั่นแน่นพร้อมกับที่เคลื่อนกายเข้าหาความอ่อนนุ่มของอิสตรีที่พรั่งพร้อมของเธอ...“อืม... โอว... พี่เด่นขา...” ยอดรักครางกระเส่าสูดปากเร่าร้อนเมื่อเขาเข้ามาเติมเต็มในร่างคับแคบของเธอ ดวงตาของหนุ่มสาวประสานกันหวานเชื่อมทว่าร้อนแรงด้วยความปรารถนาที่ส่งผ่านถึงกันได้อย่างง่ายดาย ยอดรักโยกกายช้าๆ เมื่อความซ่านเสียวเสียดแทงไปทั้งร่าง เลือดสาวในกายร้อนฉ่าจนไม่อาจจะหยุดอยู่เฉยบนร่างแกร่งแข็งขึงของเขาได้ ในขณะเดียวกันอัคราก็สอดเสยร่างใหญ่โตของตนเข้าโรมรันภรรยาสาวด้วยความร้อนแรงปากก็ทั้งครางและดูดดื่มทรวงสาวที่สั่นไหวอยู่ตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยไม่รู้หน่าย...“โอว รักจ๋า ยอดรัก โอ้ววว...” อัคราครางหนักๆ ในลำคอ
บทที่ 52.ยอดรักรู้สึกเศร้าอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินข่าวอันน่าเศร้าสลดของคนเคยรู้จักแต่สิ่งที่พวกเขาทำและคิดจะทำกับเธอนั้นก็ทำให้เธอปลงตก เมื่อเห็นได้ชัดว่ากรรมมันติดจรวดแค่ไหน เมื่อเราคิดจะทำร้ายคนอื่นหรือให้โทษภัยคนอื่นสักวันมันก็ต้องย้อนกลับมาหาตัวเราเองดังคำกล่าวที่ว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว...หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านไปก็มีการทำบุญไร่ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีซึ่งคนงานทุกคนต่างก็มาทำบุญกันหน้าตาเบิกบานสดใสถ้วนหน้า และไม่มีใครใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะมีไม่กี่คนที่รู้ข่าวซึ่งคนที่รู้ต่างก็ไม่มีใครอยากจะพูดถึงเพราะนั่นเท่ากับการหาเรื่องใส่ตัวหากว่าเรื่องในไร่ถูกเล่าขานไปในทางเสื่อมเสีย เพราะนอกจากจะถูกไล่ออกแล้วชีวิตก็อาจจะไม่ได้อยู่เป็นสุขก็ได้หากเอาเรื่องไม่ดีไปพูดเพราะใครๆ ก็รู้ว่าคุณเด่นนายใหญ่แห่งไร่อัครานั้นไม่ชอบเรื่องซุบซิบนินทาและไม่ชอบให้ใครพูดถึงภาพลักษณ์ของไร่ในทางไม่ดีซึ่งคนงานต่างรู้ดีว่า งานที่ไร่แห่งนี้นั้นแม้จะหนักแต่ค่าตอบแทนงามและสวัสดิการทุกอย่
บทที่ 51.ฉึก... เสียงมีดกรีดลึกลงกลางอกของพิชฎานั้นดังก้องอยู่ในหูของคิตตี้ซึ่งยิ้มเยื้อนอย่างพอใจในชัยชนะของตน...“ฮ่าๆ เป็นไงล่ะนังสาวชาวกรุง อย่างแกน่ะหรือจะชนะฉันได้...”คิตตี้ผลักร่างที่ทรุดฮวบของพิชฎาออกให้ไกลตัวพร้อมทั้งชักมีดออกมาจนพิชฎาล้มกองกับพื้น พิชฎาหายใจรวยรินมองคิตตี้อย่างเคียดแค้น“แก...” พิชฎาพูดเสียงติดขัดเลือดสดๆ ทะลักออกมาจากปากแผลที่เปิดกว้างทั้งกระอักออกมาทางปากด้วย ลมหายใจของเธอเริ่มขาดห้วงความหนาวเหน็บเริ่มรายล้อมรอบกายจนเย็นเฉียบไปทั้งตัวเสมือนว่าเธอกำลังอยู่ท่ามกลางหิมะขั้วโลก...“ตายซะเถอะพวกแกสองคนมันก็เหมาะสมกันอยู่แล้ว ต่อไปฉันก็จะไปจัดการนังยอดรัก แกน่าจะดีใจที่ฉันก็จะกำจัดมารหัวใจของแกด้วยเหมือนกัน...”พูดจบคิตตี้ก็สะบัดหน้าเดินฉับๆ หมายจะไปยังเรือนเด่นเพื่อจัดการกับคนที่เธอคิดว่าเป็นมารหัวใจ... แต่แล้วก็มีมือของใครคนหนึ่งมาคว้าไหล่เธอไว้อย่างแรงจนเธอต้องเซถลาหันกลับมาและทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกร้อนวูบบนใบหน้า และแสงเจิดจ้าจากเ
บทที่ 50.“คืนนี้ป้าเอากุญแจนี่ไปปล่อยคิตตี้ แล้วบอกเขาให้หนีไปให้ไกลที่สุด และอย่ากลับมาที่นี่อีก...”“เพียงเท่านี้หรือคะ...”“ครับ... ผมช่วยป้าได้แค่นี้...” อัครากล่าวจบก็เดินจากไป ป้าแก้วมองกุญแจในมือด้วยความรู้สึกหนักใจอย่างที่สุดทั้งที่นางควรจะดีใจ...แล้วในคืนนั้นเองป้าแก้วก็เข้าไปที่คุกริมผาเพื่อไปปล่อยคิตตี้ตามที่อัคราบอกด้วยความหวังว่าคิตตี้จะสำนึกในบุญคุณของนางและเลิกคิดชั่ว แต่ในใจของหญิงวัยไม้ใกล้ฝั่งนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย... แต่นางก็ต้องลองเสี่ยง...ในคุกริมผานั้นห้องขังมีหลายสิบห้องทั้งอับทั้งชื้นเหม็นขี้ค้างคาวและหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ ป้าแก้วแทบน้ำตาไหลเมื่อนึกถึงสภาพหลานสาวที่ต้องถูกขังอยู่ที่นี่ นางค่อยๆ เดินถือตะเกียงเจ้าพายุส่องหาห้องขังของคิตตี้ด้วยใจที่หวาดหวั่นไม่น้อย ที่นี่ไม่สามารถใช้ไฟฉายได้และไม่มีไฟฟ้าดังนั้นสิ่งที่จะให้แสงสว่างได้มีเพียงแสงไฟจากคบไฟหรือจากตะเกียงเจ้าพายุที่นางนำมาเท่านั้น...“คิตตี้ นังคิตตี้แกอยู่ห้องไหนวะ...” ป้าแก้วกระซิบถามแต่เสียงก็ก้
บทที่ 49.“กรี๊ดดด อีกะเทยควายมึงทำร้ายกู...”“เออซิวะ กูจะกระทืบมึงด้วยหากมึงคิดทำร้ายยอดรักเพื่อนกู มานี่เลยนังงูพิษมึงนี่ฤทธิ์เยอะจริงๆ ต้องโดนตบรัวๆ จะได้สิ้นฤทธิ์ นี่แน่ะๆๆ” ว่าแล้วกุ้งเต้นก็กระชากพิชฎามาตบรัวๆ อย่างเมามันท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของพิชฎาในขณะเดียวกันคิตตี้กับอาทิตย์ก็ดิ้นรนพยายามจะหนีออกจากกันแต่กุญแจมือที่ถูกล็อกติดกันทำให้ทั้งสองไม่สามารถดิ้นหลุดจากกันได้อาทิตย์จึงใช้ศีรษะโขกเข้ากับใบหน้าของคิตตี้เต็มแรงจนคิตตี้หน้าหงายทั้งพยายามถีบคิตตี้ให้ไปไกลๆ ตนเอง แต่การที่เขาทำอย่างนั้นก็ทำให้ตัวเขาเองเซถลาไปตามแรง เมื่อคิตตี้ล้มลงซึ่งผลก็คือทั้งคิตตี้และอาทิตย์ต่างก็ล้มกองกันอยู่กับพื้นและตบตีกันพัลวันเพื่อให้ตนเองหลุดจากพันธนาการที่ถูกจองจำ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันหลุดไปได้ แต่ทั้งสองก็พยายามจะทำร้ายอีกฝ่ายเพื่อให้ตนเองหลุดรอดไปสุดท้ายคนทั้งสองก็ต้องบอบช้ำเพราะทำร้ายกันเองและก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากกุญแจมือที่ถูกสวมติดกันไปได้ ส่วนพิชฎาที่ถูกกุ้งเต้นตบจนหน้าเยินก็ได้แต่นอนระทวยอ
บทที่ 48.อัคราเปิดประตูห้องของพิชฎาแล้วผายมือให้เธอเดินเข้าไปก่อนซึ่งแน่นอนว่าหญิงสาวยินดียิ่งนัก แต่แล้วเมื่อพิชฎาเดินเข้าห้องมาก็ต้องตกตะลึงเมื่อในห้องไม่ได้มีเพียงแค่เธอกับอัคราเท่านั้น....“นะ นี่ พวกเธอ... คิตตี้ อาทิตย์ นังยอดรัก...”พิชฎาชี้หน้ายอดรักซึ่งเดินกอดอกมาหาเธอด้วยมาดของผู้ที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสีหน้าแววตาของยอดรักนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา แต่แววตากร้าวกล้าด้วยเปลวเพลิงร้อนๆ และมีท่าทางสงบนิ่งไม่เอะอะโวยวายอย่างที่เธอเคยเห็นและมันก็ควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือ... พิชฎาหน้าซีดรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาทันที“แปลกใจล่ะสิที่เห็นฉันกับพรรคพวกหมาลอบกัดของเธอ...”“กะ แก พูดอะไร...” พิชฎาหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าทั้งคิตตี้และอาทิตย์นั้นถูกจับใส่กุญแจมือไว้ด้วยกันและถูกโยงไว้กับหัวเตียงอย่างแน่นหนาซึ่งมองก็รู้ได้ว่าไม่มีทางจะหลบหนีไปได้เลย...“มันนั่นล่ะค่ะคุณเด่นที่เป็นคนวางแผนแล้วใส่ร้ายเรา มันเป็นคนต้นคิดเรื่องวางยาคุณยอดรักแล้วให้ผู้ชายคนนี