วันนั้นกุ้งเต้นจำได้ดีว่าด่าเขาไว้เสียเยอะและด้วยยอดรักกำลังเสียใจทำให้หญิงสาวอาละวาดเอากับหนุ่มหน้ารกคนนี้อย่างชนิดที่ว่าทั้งเหวี่ยงทั้งวีน โดยที่อัคราได้แต่ยืนนิ่งให้ยอดรักสาดอารมณ์เกรี้ยวกราดใส่ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปดีๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนั้นแม้แต่ตัวกุ้งเต้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอัครายืนเฉยให้ยอดรักสาดอารมณ์ใส่อย่างรุนแรง... แต่ตอนนี้เธอคิดว่าเธอได้คำตอบคร่าวๆ แล้ว ตามเซ้นส์ของกะเทยที่ไม่เคยผิดพลาด...
“ค่ะ เราก็ดีใจมากค่ะที่ได้มาเป็นแขกของที่นี่ ใช่ไหมนางยอด”
“อื้ม...” ยอดรักเออออไปกับเพื่อนรักโดยไม่มองหน้าผู้มาใหม่ ในขณะที่คิตตี้หัวหน้าแม่บ้านตามที่ตัวเธอเองได้กล่าวอ้างรีบเดินเข้ามาเสิร์ฟกาแฟให้เจ้านายหนุ่มอย่างเอาอกเอาใจ
“กาแฟค่ะนายใหญ่... จะทานมื้อเช้าที่นี่หรือข้างในดีคะ แต่คิตตี้ ว่าเข้าไปทานข้างในดีกว่านะคะ วันนี้อากาศตรงนี้ท่าทางจะไม่ค่อยดี...”
คำพูดของคิตตี้ทำให้ยอดรักคอแข็งจากที่มองแมกไม้ไปเรื่อยเปื่อยหญิงสาวก็หันมามองหน้าแม่บ้านสาวตาเขียวปัด แต่ไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ออกมา ยอดรักสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ กุ้งเต้นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนรักแต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ เพราะทะเลยามสงบนั้นมันน่ากลัวว่าทะเลที่มีคลื่นลม...
“พี่เด่นทานมื้อเช้ากับเราสิคะ รักคิดว่าเช้านี้เหมาะมากที่เราจะทานอาหารเช้าร่วมกันแบบสนิทสนม โดยไม่มีแม่บ้านหรือใครมายุ่งกับการทานมื้อเช้าของเรา มาค่ะ เดี๋ยวรักตักข้าวต้มให้...”
ยอดรักหันมายิ้มหวานให้กับอัคราซึ่งทำหน้าเหมือนกำลังจะสำลักกาแฟ ส่วนกุ้งเต้นหันหน้าหนีซ่อนหัวเราะแทบไม่มิดเมื่อเห็นหน้าขาวๆ ด้วยแป้งรองพื้นหนาเตอะของแม่บ้านสาวที่พยายามจะทำตัวเป็นเมียเจ้าของไร่นั้นเหลอหลาด้วยไม่ทันตั้งตัวกับมุกของยอดรัก และลูกเล่นที่เหนือกว่าของนางแบบสาวที่ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ อัคราทำให้คิตตี้ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ อัคราต้องถอยร่นออกไปโดยปริยาย ทั้งยอดรักยังตักข้าวต้มใส่ชามให้ชายหนุ่มอย่างเอาอกเอาใจเหมือนสนิทสนมกันมานาน...
“เอ่อ นายใหญ่คะ คิตตี้ว่า...”
“อุ้ย... รักรบกวนนิดค่ะคุณแม่บ้านขา... ช่วยทำน้ำส้มคั้นให้รักหน่อยสิคะ รักไม่ทานหวานนะคะไม่ต้องใส่น้ำตาลมานะคะ พี่เด่นอยากทานของหวานอะไรไหมคะ” ยอดรักเอียงคอยิ้มให้เขาอย่างน่ารักอัคราซ่อนยิ้มในหน้าเล่นตามน้ำไป...
“ครับ พี่อยากทานบัวลอยไข่หวาน ยอดรักเองก็ชอบทานไม่ใช่เหรอจ๊ะ เอาเป็นว่าแมวช่วยบอกป้าแก้วให้หน่อยนะว่าวันนี้ฉันกับคุณรักอยากทานบัวลอยไข่หวาน..."
“ค่ะ...” แม่บ้านสาวกระแทกเสียงรับคำก่อนจะเดินลงส้นเท้าออกไปอย่างฉุนเฉียวแบบที่เก็บอารมณ์ไม่มิด
“ชิส์ คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ...”
ยอดรักพึมพำเบาๆ กับตนเองพลางย่นจมูกตามหลังคนที่เดินสะบัดก้นออกไปอย่างสะใจแล้วคิดจะลุกไปนั่งที่ของตัวเอง แต่แล้วเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรร้อนๆ แตะที่เอวบางของตนหญิงสาวจึงก้มมองแล้วก็ต้องหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นมือหนาคล้ำแดดของอัคราเกี่ยวมันไว้ทั้งใบหน้าที่รกด้วยหนวดเครานั้นโน้มมาใกล้ใบหูบางแล้วกระซิบเบาๆ...
“ทานข้าวต้มกับพี่ก่อนสิครับ ยอดรัก...”
ยอดรักนิ่งตัวแข็งใบหน้าร้อนผ่าวไม่กล้าแม้แต่จะหันมามองหน้าเขาเพราะกลัวว่าแก้มนุ่มของตนจะชนกับจมูกโด่งคมของเขาทั้งยังกลัวว่าเขาจะเห็นแววไหวในดวงตางามของตน
“อุ้ย... ฉันอิ่มพอดีเลยค่ะคุณเด่น คงไม่ได้นั่งทานข้าวเป็นเพื่อน ยังไงขอตัวเดินชมวิวแถวๆ นี้สักหน่อยนะคะ ฉันไปก่อนนะนังยอด...”
กุ้งเต้นทำเสียงกระแอมเบาๆ ในลำคอก่อนจะลุกขึ้นเดินฉับๆ ออกไปทำเป็นไม่เห็นแววตาขึงขังของเพื่อนรักที่มองตามทั้งยังทำปากขมุบขมิบว่าให้เธออยู่ก่อน...
“ยี้... นังกุ้งเต้น ทิ้งฉันเฉยเลย...” ยอดรักต่อว่าเพื่อนรักเบาๆ
“ทานข้าวต้มกันดีกว่าครับยอดรัก...”
อัคราบอกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คำว่า ยอดรัก ที่ออกจากปากเขาเหมือนว่าเขาไม่ได้เรียกชื่อเธอแต่เป็นการเรียกด้วยสรรพนามที่มีความหมายว่าเธอเป็น ยอดรักของเขา กระนั้น...
“เอ... หรือว่าจะให้พี่เด่นป้อน”
“ไม่ต้องย่ะ.. กินของตัวเองไปเลย...”
หญิงสาวหน้าแดงกับคำพูดและการกระทำของเขาที่ทำท่าว่าจะป้อนจริงๆ เมื่อเจอมุกทื่อๆ แบบนี้สาวมั่นอย่างเธอก็ไปไม่เป็นเช่นกัน
ก็ใครจะคิดล่ะว่ามันจะเป็นแบบนี้... ยอดรักตักข้าวต้มเข้าปากด้วยความหวั่นไหวตื่นเต้นราวสาวน้อยแรกผลิ...
กุ้งเต้นยิ้มแหยๆ ให้เพื่อนรักที่เดินหน้าหงิกมาหาด้วยท่าทางเอาเรื่อง แต่ก็เหมือนมีมารหรือนางฟ้าเข้ามาขวางขัดหรืออย่างไรไม่ทราบได้เมื่อแม่บ้านสาวหน้าวอกเดินมาขวางยอดรักไว้ด้วยท่าทางที่เรียกว่า วอน... วอนหาเรื่อง...
“นี่หล่อน หยุดก่อน...”
น้ำเสียงที่คิตตี้เรียกยอดรักนั้นถือว่าเป็นการเรียกจิกหัวเลยก็ว่าได้ ยอดรักยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วยิ่งรู้สึกฉุนกึกจนอยากจะอาละวาด เพียงแต่ตอนนี้เธอยังมีสติดีอยู่ คนมีสติโชคดีทุกวันๆ ท่องไว้ยอดรัก... หญิงสาวบอกตัวเอง เพราะเธอไม่อยากจะเผชิญโชคร้ายเหมือนใครบางคนที่ยืนขวางเธอไว้...
“เป็นคางคกก็อยู่ส่วนคางคกนะคุณแม่บ้าน”
ยอดรักเหยียดยิ้มมองด้วยท่าทียียวนชนิดที่เรียกว่านางอิจฉาในละครน้ำเน่าชิดซ้ายเลยทีเดียว นางร้ายตัวจริงเสียงจริงตรงหน้าเธอก็เช่นกัน...
“แกว่าใครเป็นคางคกยะ”
“ก็ใครล่ะ ที่ชอบทำตัวตีเสมอนาย อยากขึ้นวอจนหางสั่น”
“ที่สำคัญ ไม่เคยตักน้ำใส่กะลาชะโงกดูเงาดูหนังหน้าตัวเองว่าเหมือนนางกุลาหน้าปรุไปทุกวันๆ ด้วย”
กุ้งเต้นได้ช่องเสริมขึ้นมายิ่งทำให้คิตตี้รู้สึกเหมือนกำลังโดนรุม นี่เธอกำลังโดนรังแกชัดๆ แม่บ้านสาวคิดเข้าข้างตัวเองอย่างน่าสงสารทั้งที่ตนเดินมาหาเรื่องเขาเอง...
“กรี๊ดดด พวกหล่อนจะรุมฉันใช่ไหม อ๊ายยย ฉันจะฟ้องนายใหญ่ว่าพวกแกรุมด่าว่าและทำร้ายฉัน”
“โอ๊ย... นี่หล่อน หัดมองโลกให้กว้างๆ มั่งนะยะ นี่ไม่ใช่ละครน้ำเน่าหลังข่าวนะถึงจะได้มาเต้นเร่าๆ กระทืบเท้าระริกๆ เหมือนในละคร วุ้ย... นี่กะเทยหลงเข้ามาในยุคทีวีขาวดำรึไงนะ”
บทที่ 8.กุ้งเต้นซึ่งเห็นท่าทางเต้นกระทืบเท้าเร่าๆ และกรีดร้องเหมือนในละครน้ำเน่าที่นางร้ายมักทำตามบทในสมัยก่อนๆ ทำ ซึ่งสมัยนี้นางร้ายเขาพัฒนาไปไกลไม่แสดงท่าทางแบบนี้แล้ว เพราะนางร้ายสมัยนี้ยั่วผู้ชายเก่งเอาตัวเข้าแลกหรือบางบทบาทก็แรดเงียบ กุ้งเต้นก็คันปากอดไม่ได้จึงว่าเข้าให้“แก.. พวกแก... ฝากไว้ก่อนเถอะ...”คิตตี้โกรธจนตัวสั่นแต่ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ชี้หน้ายอดรักและกุ้งเต้นก่อนจะล่าถอยกลับไปเมื่อเห็นท่าทางไม่ยอมลงให้ตนของทั้งสองสาวที่กอดอกมองเธออย่างท้าทาย...“เอ้อออ... มาเอาคืนเร็วๆ ด้วยล่ะ ฉันขี้เกียจแบกความขี้อิจฉาของใครไว้นานๆ มันหนัก”ยอดรักตะโกนตามหลังอย่างขุ่นขวางก่อนจะหันมาถลึงตาใส่กุ้งเต้น“ส่วนแก นางกุ้งยักษ์ แกตายแน่ๆ”ว่าแล้วเธอก็วิ่งไล่ทุบกุ้งเต้นซึ่งรู้ตัวว่าจะโดนดีจึงวิ่งหนีกำปั้นของเพื่อนรักไปก่อน สองสาวจึงวิ่งไล่ทุบกันเหมือนเด็กๆ เสียมากกว่า ทั้งเสียงร้องวี้ดว้ายของกุ้งเต้น ก็ทำให้ดูครึกครื้นมากกว่าจะจริงจัง... อัคราซึ่งยืนมองพวกเธออยู่บนระเบียงกว้างก็ได้แต่หัวเรา
บทที่9.แน่นอนว่ายอดรักต้องเสียใจที่ถูกเพื่อนรักและคนรักหักหลัง หลอกลวง แต่เมื่อเขามีข้อมูลและหลักฐานว่าคนทั้งสองนั้นคิดไม่ซื่อกับยอดรักอย่างไรบ้างและความเน่าเฟะของคนทั้งคู่นั้นมีมากแค่ไหน มันก็ถูกส่งต่อไปให้ยอดรักได้รับรู้ผ่านนักข่าวหัวเห็ดคนหนึ่งซึ่งเขาได้จ้างวานให้ติดตามทำข่าวของพิชฎาและอาทิตย์มาตลอด ให้ยอดรักได้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์และความริษยาของพิชฎาที่มีต่อตัวเธอเขารู้ดีว่ายอดรักอาจจะเจ็บปวดกับการกระทำของคนทั้งคู่ แต่เพื่อให้ยอดรักได้รับรู้ถึงความเลวร้ายของหญิงร้ายชายเลว อย่างพิชฎาและอาทิตย์เขาจึงต้องเสี่ยง ซึ่งเขาเองยังนึกชื่นชมจิตใจของยอดรักที่ยังเข้มแข็งและยืนหยัดมาได้โดยที่ไม่ตีโพยตีพายหรือคิดสั้นทำร้ายตัวเอง...ยอดรักกลับสงบและควบคุมอารมณ์ได้อย่างดี ซึ่งมันทำให้เขามั่นใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องและดีต่อเธอ... ตอนนี้เธอก็มาอยู่ใกล้ๆ เขาแล้ว เมื่อลูกกวางตัวน้อยๆ หลงเข้ามาในดงเสือหิวขนาดนี้แล้วเขาจะปล่อยให้ลูกกวางแสนสวยลอยนวลได้อย่างไร...“ยอดรัก... เธอคือยอดรักของฉัน ยอดรักของพี่เด่น...” อัครายิ้มกับตนเองด้ว
บทที่10.“โธ่ ยอดรักจ๋า เห็นพี่เด่นเป็นคนยังไงกันครับ..” อัคราพูดเสียงนุ่มอ๊ายย ผู้ชายอะไรทำหน้าทำเสียงออดอ้อนได้น่ารักน่าหยิกจริงๆ นี่ขนาดว่าหน้าตายังรกด้วยหนวดเครา เขายังน่ารักขนาดนี้ ถ้าเขาโกนหนวดเคราแล้วเขาจะทำหน้าได้น่ารักขนาดไหนกันนะ...อ๊ายย นี่เธอกำลังคิดอะไรน่ะนางยอด... หญิงสาวกรีดร้องในใจที่ไหวระรัว“ตะ แต่..”“ใครว่าพี่เด่นจะรังแกยอดรักล่ะครับ พี่เด่นก็แค่จะแก้ไขนิสัยปากเสียต่างหากเลยต้องหาตัวช่วย”“บ้า ปากใครก็ปากมันสิ ใครจะไปช่วยใครได้ อย่ามาหลอกเต๊ะอั๋งกันเชียว”“ใครว่าช่วยไม่ได้ รักช่วยพี่ได้สิ รับรองเลยว่าถ้ารักช่วยพี่กำจัดน้องหมาในปาก ผู้ชายคนนี้จะไม่ปากเสียอีกต่อไป..” อัคราพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาคมสีน้ำเงินเข้มดูพราวพรายจนยอดรักใจสั่นรู้สึกขัดเขินขึ้นมาทันที“ไม่รู้ไม่ชี้ น้องหมาในปากใครมีเยอะก็ไปกำจัดกันเองสิ”“ไม่ได้หรอกเรื่องนี้พี่เด่นต้องให้รักช่วย ช่วยแบบนี้ไง...&rdquo
บทที่ 11.พลพูดอย่างมีสาระที่สุดเท่าที่เคยพูดมา แล้วยิ่งมาเจอคนที่คุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจหนุ่มหน้าทะเล้นที่วันๆ เอาแต่กวนบาทาของเจ้านายที่ดูจะหาสาระไม่ได้อย่างเขาก็อยากจะพูดคุยกับกุ้งเต้นเหมือนได้เจอเพื่อนที่รู้ใจ“แล้วคุณล่ะไม่มีเมียไม่มีลูกเหรอ”“ผมมีลูกสาวคนหนึ่งแต่ไม่มีเมีย เมียทิ้งน่ะ หึหึ...”พลพูดตรงๆ และเขาเองก็ไม่ค่อยจะพูดเรื่องส่วนตัวกับใครนอกจากอัคราและคนในครอบครัวดีแลนด์ซึ่งรู้เรื่องของเขาเป็นอย่างดี... กุ้งเต้นเป็นคนแรกที่เขาเปิดอกคุยด้วยอย่างไร้ข้อกังขา“หืม... จริงน่ะ น่าสนใจดีนี่ เล่าให้ฟังมั่งสิว่าเป็นไงมาไง”“เฮ้ย... คุณนี่มันไม่เกี่ยวกับแผนการหาเมียให้เจ้านายผมเลยนะ”“เอาน่าคุณ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะพันครั้ง...” กุ้งเต้นยิ้มทะเล้นให้เขาด้วยความรู้ปลอดโปร่งและจริงใจ...“ผมก็แค่เป็นคนงานจนๆ ที่ไม่มีรถหรูๆ บ้านใหญ่ๆ ให้เขาอยู่ เขาก็เลยไปจากผมกับลูกก็เท่านั้นเอง... ก็เหตุผลหลักๆ ของคนที่เขาไม่รักเราจริงไงคุณ&rdqu
บทที่ 12.แม่บ้านสาวรู้สึกเหมือนตัวเองถูกลดความสำคัญลงเมื่อยอดรักไม่มีทีท่าว่าจะกลับกรุงเทพฯ ไปเสียที อีกทั้งยังได้ทำงานในตำแหน่งประชาสัมพันธ์กิตติมศักดิ์ของดีแลนด์ซิลด์อีกด้วย หนำซ้ำป้าแก้วก็เอ็นดูและสอนการทำอาหารให้กับยอดรักอย่างเต็มที่ และสุดความสามารถเลยทีเดียว ซึ่งกับเธอที่เป็นหลานแท้ๆ ป้าแก้วกลับไม่เคยคิดจะสอนให้ทำ...“นี่ป้า ป้าเห็นคนอื่นดีกว่าหลานตัวเองรึไง ทำไมป้าไม่สอนฉันทำอาหารมั่ง สอนแต่นังดำนั่น”“นี่นังคิตตี้ ปากแกนี่มันนอกจากพ่นแต่คำพูดเน่าเหม็นพูดคำดีๆ กับใครเขาไม่เป็น แล้วจิตใจแกมันยังมืดดำยิ่งกว่าอีแร้งตายซากอีกแน่ะ”ป้าแก้วหันมามองหลานสาวที่นางแสนจะผิดหวังด้วยความเอือมระอา คิตตี้ไม่เคยมองใครว่าดีเลยนอกจากตัวเอง เจ้าหล่อนเฝ้าแต่ว่าคนอื่นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตนเองนั้นไม่เคยทำอะไรดีๆ กับใครเขาซ้ำยังหยิบโหย่งไม่เคยสนใจสิ่งที่นางสอนสั่งเลยแม้แต่น้อย จนนางเอือมระอาและไม่คิดจะใส่ใจอะไรคิตตี้อีก เพราะนางมักจะโดนคิตตี้ถอนหงอกและด่าว่าอย่างไม่ให้เกียรติเสมอยามที่นางจะสอนสั
บทที่13.“ป้าแก้วเป็นอะไรคะวันนี้ดูเครียดๆ” ยอดรักถามผู้สูงวัยอย่างห่วงใย มือเรียวที่กำลังห่อเกี๊ยวอย่างตั้งใจชะงักแล้ววางมือกับสิ่งที่ทำอยู่เมื่อเธอสังเกตว่าวันนี้ป้าแก้วเอาแต่นั่งเงียบและถอนใจเฮือกๆ มาตั้งแต่เช้าแล้ว“หรือว่ารักทำอะไรไม่ถูกใจคะ บอกรักได้นะคะ รักห่อเกี๊ยวไม่สวยหรือหมักหมูไม่ได้ตามสูตรรึเปล่า”หญิงสาวร้อนใจเมื่อวันนี้เธอตั้งใจว่าจะเรียนการทำเกี๊ยวน้ำหมูแดงกับป้าแก้ว ทั้งที่เธอไม่เคยเข้าครัวเพื่อทำอาหารมาก่อนเลย แต่ตอนนี้เธอทำอาหารง่ายๆ เป็นหลายอย่างแล้ว เช่นต้มจืด ผัดกะเพราและเจียวไข่ไม่ให้ไข่ไหม้...“ไม่ใช่เพราะคุณรักหรอกค่ะ มันเป็นปัญหาของป้าเองต่างหาก”“บอกรักได้ไหมคะ หากรักช่วยได้รักก็ยินดีช่วยนะคะ ทีป้าแก้วยังช่วยสอนอะไรรักตั้งหลายอย่างทั้งที่รักบอกยากสอนยากจะตายไป”“โถ... คุณรักน่ะสอนไม่ยากเลยค่ะ ดูสิคะเรียนทำอาหารแค่ไม่กี่วันก็ทำเป็นตั้งหลายอย่างแล้ว”“แล้วป้าแก้
บทที่ 14.หนุ่มสาวช่วยกันห่อเกี๊ยวหมูจนเสร็จเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็วจากนั้นไม่นานเกี๊ยวน้ำหมูแดงก็พร้อมเสิร์ฟให้ทุกคนได้รับประทาน และงานนี้กุ้งเต้นถึงกับซาบซึ้งจนน้ำตาไหลที่รู้ว่าเพื่อนรักเป็นคนทำกับมือ...“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกทำอาหารให้ฉันกินนังยอด... แล้วนี่ฉันจะต้องกินยาแก้ท้องเสียกันไว้ก่อนรึเปล่าวะแก” ไม่วายกุ้งเต้นจะมีคำพูดให้ตนเองได้โดนด่า“เออ.. ฉันลืมบอกแกไป ฉันแช่งคนที่พูดประชดฉันด้วยว่าหากกินแล้วปากเสียขอให้จู๊ดๆ”“ว้าย ตายแล้วนังนี่ ปากแกนี่มัน...”“ก็แกชอบพูดเหน็บฉันนี่ อุตส่าห์ทำให้กินยังจะปากดี” ยอดรักค้อนขวับในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนนั่งมองเธอตาหวานฉ่ำ“แต่พี่ว่า คืนนี้พี่คงนอนไม่หลับเพราะมดเต็มห้องแน่ๆ” อัครากล่าวยิ้มๆ ทั้งยังมองเธอตาหวานฉ่ำ“อุ๊ย... ตายจริง ถ้าคุณเด่นไม่พูดเรื่องมดฉันลืมไปเลยนะเนี่ย ฉันขอตัวไปกินยาลดความหวานก่อนนะนังยอด แหม... ลืมตัวว่าอยู่เป็น กอขอคอออ... อิอิ
บทที่ 15.“อื้มมม... หวานเหลือเกินรักจ๋า ยอดรัก...”อัคราครางเสียงแหบแห้งหลงใหลไปกับความหอมหวานจากปากสาว มือหนาลูบไล้เรือนกายละมุนอย่างหลงใหลไม่แพ้กันมือใหญ่เลื่อนไล้หยอกล้อที่ฐานทรวงสาวอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยบราลูกไม้ตัวสวยสร้างความซ่านรัญจวนให้กับเธอมากขึ้นจนยอดรักแทบยืนไม่อยู่ ยิ่งเมื่อนิ้วแกร่งเขี่ยสะกิดที่ ยอดอกสวยผ่านเนื้อผ้าลูกไม้งามก็ยิ่งทำให้ใจสาวสั่นหวิว ลมหายใจก็ติดๆ ขัดๆ ราวใจจะขาดรอนๆ เสียให้ได้ซึ่งความรู้สึกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตสาว ทั้งที่เธอผ่านงานเดินแบบถ่ายแบบชนิดว่าแนบชิดสนิทสนมกับนายแบบหลากหลาบเชื้อชาติมาก่อนแต่ไม่มีชายคนไหนสักคนที่ทำให้เธอรู้สึกเช่นนี้ได้...“อะ พะ พี่เด่น อื้ม...”หญิงสาวครางกระเส่าด้วยความรัญจวนใจเมื่อรู้สึกได้ถึงความเปล่าเปลือยของทรวงสาวจากลมเย็นๆ ที่พัดผ่านหน้าต่างเข้ามาจนม่านลูกไม้สีขาวนวลตาไหวพลิ้วไม่ต่างจากร่างสาวที่ก็ส่ายพลิ้วราวใบไม้ต้องลม เมื่อริมฝีปากร้ายยังไม่หยุดโจมตีสร้างความร้อนเร่าแผดเผากายสาวจนเธอต้อง
บทที่ 55.“โห... คุณพ่อ เล่นว่าผมแบบนี้เลยเหรอ งั้นพาน้องดรีมไปดูปลาโลมาดูโลกใต้ทะเลอีกวันสองวันเป็นไง รับรองคราวนี้กลับมาน้อง ดรีมมีน้องแน่ๆ” อัครายังไม่ยอมแพ้บิดา หน้าตาขึงขังจนยอดรักส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างระอาในความอยากเอาชนะบิดาของสามี...“โธ่... ไอ้ขี้คุย” คุณอีริคยังคงต่อล้อต่อเถียงกับลูกชายซึ่งก็ทำให้คุณดาราสบตากับลูกสะใภ้อย่างระอาไม่แพ้กัน...“ไม่ต้องรบกวนให้คุณพ่อคุณแม่พาน้องดรีมไปเที่ยวไหนหรอกค่ะ เพราะน้องดรีมน่ะมีน้องแล้ว...”หญิงสาวพูดจบก็คว้าน้องดรีมมาอุ้มแล้วเดินเข้าบ้านไปก่อน อัครามองตามภรรยาที่เดินอุ้มลูกเดินเข้าบ้านไปก่อนด้วยความกังขาในคำพูดของเธอทำให้คุณดาราหมั่นไส้ลูกชายที่ยืนเซ่ออยู่...“แหม... เราไปรับขวัญหลานคนใหม่ของเรากันดีกว่าค่ะคุณพี่” ว่าแล้วบิดามารดาก็เดินเกี่ยวก้อยกันตามยอดรักไปด้วยความยินดี“รับขวัญหลานคนใหม่ น้องดรีมมีน้อง... นั่นก็แสดงว่า...” อัครายิ้มกว้างตาโตด้วยความตื่นเต้นดีใจสุดชีวิต...“ไชโย้ๆๆ ไชโย เมียฉันท้องอีกแล้ว ฉันจะมีลูกอีกคนแล้ว ฮ่
บทที่ 56.อวสาน“ได้ผลแน่นะพี่เด่น ผมนี่จะลงแดงตายแล้ว จะหมดวันพักร้อนแล้วยังไม่ได้แอ้มเมียเลย” อัครวัฒน์ทำท่าเหมือนจะลงแดงไปจริงๆ“หึ.. ไอ้กะล่อน เห็นนะเว้ยตอนพาน้องมนไปหลบหลังโขดหินน่ะ” อัคนีแค่นยิ้มหมั่นไส้น้องชาย อัครวัฒน์ยิ้มแห้งๆ“แหม พี่เดียว เห็นด้วยเหรอ”“ไอ้กะล่อน” ทั้งอัครากับอัคนีพูดขึ้นพร้อมกัน...“เอาเป็นว่านายโทร. ไปบอกแม่บ้านจัดห้องหับไว้ได้เลย.. เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พี่ใหญ่พูดอย่างมั่นใจ ซึ่งน้องๆ ต่างก็หน้าชื่นตาบาน..แล้วทั้งสามหนุ่มก็พาภรรยามาพักที่เกาะส่วนตัวได้สำเร็จซึ่งบนเกาะมีบ้านพักหลังใหญ่ที่สวยงามมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันแม้ว่าจะมีการปั่นกระแสไฟใช้เป็นเวลาก็ตามแต่ที่นี่ก็มีแผงโซล่าเซลล์ไว้ใช้งานด้วย...“พวกนายว่าวันนี้พวกเราจะได้แอ้มเมียมั้ยวะ..”อัคนีเท้าคางมองภรรยาที่กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกนานเหมือนกั
บทที่ 54.“พี่เด่นต้องขยันทำลูกให้ทันไอ้เดียวมัน ตอนนี้มันมีแล้วสองคนนะ เราเป็นพี่ใหญ่ก็ต้องตามมันให้ทันสิ ไอ้โดมก็ทำท่าว่าจะมีเมียมีลูกตามมาติดๆ”ปากก็พูดไปทั้งมือไม้ก็ไม่ว่างเว้นจากเนื้อนวล ทั้งยังขบเม้มจูบซับไปตามเนินอกอวบอิ่มของเธออย่างยั่วเย้าจนสาวเจ้าสั่นสะท้าน ยอดรักแอ่นกายเหนือที่นอนยับย่นจากมรสุมสวาทเร่าร้อนระหว่างเธอกับเขาด้วยความซ่านกระสันเมื่อลิ้นร้อนตวัดไล้เลียยอดอกสาวแผ่วพลิ้วก่อนจะละเลงดูดดื่มฟอนเฟ้นดอกบัวคู่งามเต็มไม้เต็มมืออย่างเมามัน“อื้มมม... พี่เด่น...” ยอดรักครางกระเส่ากับความเร่าร้อนที่สามีปรนเปรอให้ไม่วายเว้น ยิ่งนับวันเขายิ่งให้ความรักความเสน่หาเธอมากขึ้นๆ จนเธออ่อนอกอ่อนใจพลอยคล้อยตามเขาทุกท่วงท่าไม่ว่าเขาจะพาเธอดินแดนแสนสุขแห่งไหนเธอก็พร้อมจะไปกับเขาทุกๆ ที่...อัคราจูบไล้เรื่อยไปตามลำตัวเนียนละมุนที่ยังคงเนียนนุ่มไม่ต่างจากวันแรกที่เขาได้ครอบครองเป็นเจ้าของความหวานล้ำจากร่างงามนี้ วันนี้ก็ยังคงมีไม่แตกต่างจากวันแรกที่ได้สัมผัส แต่มันกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ จนเขาไม่อาจ
บทที่ 53.“อา... เมียจ๋า ยอดรัก พะ พอก่อน... โอว....” อัคราเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปิดใบหน้างามแดงก่ำออกเพื่อจะได้มองหน้าเธอชัดๆ ก่อนจะรั้งร่างงามขึ้นมาแล้วบดจุมพิตเร่าร้อนกับปากนุ่มที่ละจากแก่นกายกำยำของเขาอย่างแสนเสียดาย มือร้อนกร้านงานลูบไล้เนื้อนวลเปล่งปลั่งของภรรยาอย่างรักใคร่หลงใหลฟอนเฟ้นทั้งอกอวบและสะโพกหนั่นแน่นพร้อมกับที่เคลื่อนกายเข้าหาความอ่อนนุ่มของอิสตรีที่พรั่งพร้อมของเธอ...“อืม... โอว... พี่เด่นขา...” ยอดรักครางกระเส่าสูดปากเร่าร้อนเมื่อเขาเข้ามาเติมเต็มในร่างคับแคบของเธอ ดวงตาของหนุ่มสาวประสานกันหวานเชื่อมทว่าร้อนแรงด้วยความปรารถนาที่ส่งผ่านถึงกันได้อย่างง่ายดาย ยอดรักโยกกายช้าๆ เมื่อความซ่านเสียวเสียดแทงไปทั้งร่าง เลือดสาวในกายร้อนฉ่าจนไม่อาจจะหยุดอยู่เฉยบนร่างแกร่งแข็งขึงของเขาได้ ในขณะเดียวกันอัคราก็สอดเสยร่างใหญ่โตของตนเข้าโรมรันภรรยาสาวด้วยความร้อนแรงปากก็ทั้งครางและดูดดื่มทรวงสาวที่สั่นไหวอยู่ตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยไม่รู้หน่าย...“โอว รักจ๋า ยอดรัก โอ้ววว...” อัคราครางหนักๆ ในลำคอ
บทที่ 52.ยอดรักรู้สึกเศร้าอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินข่าวอันน่าเศร้าสลดของคนเคยรู้จักแต่สิ่งที่พวกเขาทำและคิดจะทำกับเธอนั้นก็ทำให้เธอปลงตก เมื่อเห็นได้ชัดว่ากรรมมันติดจรวดแค่ไหน เมื่อเราคิดจะทำร้ายคนอื่นหรือให้โทษภัยคนอื่นสักวันมันก็ต้องย้อนกลับมาหาตัวเราเองดังคำกล่าวที่ว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว...หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านไปก็มีการทำบุญไร่ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีซึ่งคนงานทุกคนต่างก็มาทำบุญกันหน้าตาเบิกบานสดใสถ้วนหน้า และไม่มีใครใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะมีไม่กี่คนที่รู้ข่าวซึ่งคนที่รู้ต่างก็ไม่มีใครอยากจะพูดถึงเพราะนั่นเท่ากับการหาเรื่องใส่ตัวหากว่าเรื่องในไร่ถูกเล่าขานไปในทางเสื่อมเสีย เพราะนอกจากจะถูกไล่ออกแล้วชีวิตก็อาจจะไม่ได้อยู่เป็นสุขก็ได้หากเอาเรื่องไม่ดีไปพูดเพราะใครๆ ก็รู้ว่าคุณเด่นนายใหญ่แห่งไร่อัครานั้นไม่ชอบเรื่องซุบซิบนินทาและไม่ชอบให้ใครพูดถึงภาพลักษณ์ของไร่ในทางไม่ดีซึ่งคนงานต่างรู้ดีว่า งานที่ไร่แห่งนี้นั้นแม้จะหนักแต่ค่าตอบแทนงามและสวัสดิการทุกอย่
บทที่ 51.ฉึก... เสียงมีดกรีดลึกลงกลางอกของพิชฎานั้นดังก้องอยู่ในหูของคิตตี้ซึ่งยิ้มเยื้อนอย่างพอใจในชัยชนะของตน...“ฮ่าๆ เป็นไงล่ะนังสาวชาวกรุง อย่างแกน่ะหรือจะชนะฉันได้...”คิตตี้ผลักร่างที่ทรุดฮวบของพิชฎาออกให้ไกลตัวพร้อมทั้งชักมีดออกมาจนพิชฎาล้มกองกับพื้น พิชฎาหายใจรวยรินมองคิตตี้อย่างเคียดแค้น“แก...” พิชฎาพูดเสียงติดขัดเลือดสดๆ ทะลักออกมาจากปากแผลที่เปิดกว้างทั้งกระอักออกมาทางปากด้วย ลมหายใจของเธอเริ่มขาดห้วงความหนาวเหน็บเริ่มรายล้อมรอบกายจนเย็นเฉียบไปทั้งตัวเสมือนว่าเธอกำลังอยู่ท่ามกลางหิมะขั้วโลก...“ตายซะเถอะพวกแกสองคนมันก็เหมาะสมกันอยู่แล้ว ต่อไปฉันก็จะไปจัดการนังยอดรัก แกน่าจะดีใจที่ฉันก็จะกำจัดมารหัวใจของแกด้วยเหมือนกัน...”พูดจบคิตตี้ก็สะบัดหน้าเดินฉับๆ หมายจะไปยังเรือนเด่นเพื่อจัดการกับคนที่เธอคิดว่าเป็นมารหัวใจ... แต่แล้วก็มีมือของใครคนหนึ่งมาคว้าไหล่เธอไว้อย่างแรงจนเธอต้องเซถลาหันกลับมาและทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกร้อนวูบบนใบหน้า และแสงเจิดจ้าจากเ
บทที่ 50.“คืนนี้ป้าเอากุญแจนี่ไปปล่อยคิตตี้ แล้วบอกเขาให้หนีไปให้ไกลที่สุด และอย่ากลับมาที่นี่อีก...”“เพียงเท่านี้หรือคะ...”“ครับ... ผมช่วยป้าได้แค่นี้...” อัครากล่าวจบก็เดินจากไป ป้าแก้วมองกุญแจในมือด้วยความรู้สึกหนักใจอย่างที่สุดทั้งที่นางควรจะดีใจ...แล้วในคืนนั้นเองป้าแก้วก็เข้าไปที่คุกริมผาเพื่อไปปล่อยคิตตี้ตามที่อัคราบอกด้วยความหวังว่าคิตตี้จะสำนึกในบุญคุณของนางและเลิกคิดชั่ว แต่ในใจของหญิงวัยไม้ใกล้ฝั่งนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย... แต่นางก็ต้องลองเสี่ยง...ในคุกริมผานั้นห้องขังมีหลายสิบห้องทั้งอับทั้งชื้นเหม็นขี้ค้างคาวและหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ ป้าแก้วแทบน้ำตาไหลเมื่อนึกถึงสภาพหลานสาวที่ต้องถูกขังอยู่ที่นี่ นางค่อยๆ เดินถือตะเกียงเจ้าพายุส่องหาห้องขังของคิตตี้ด้วยใจที่หวาดหวั่นไม่น้อย ที่นี่ไม่สามารถใช้ไฟฉายได้และไม่มีไฟฟ้าดังนั้นสิ่งที่จะให้แสงสว่างได้มีเพียงแสงไฟจากคบไฟหรือจากตะเกียงเจ้าพายุที่นางนำมาเท่านั้น...“คิตตี้ นังคิตตี้แกอยู่ห้องไหนวะ...” ป้าแก้วกระซิบถามแต่เสียงก็ก้
บทที่ 49.“กรี๊ดดด อีกะเทยควายมึงทำร้ายกู...”“เออซิวะ กูจะกระทืบมึงด้วยหากมึงคิดทำร้ายยอดรักเพื่อนกู มานี่เลยนังงูพิษมึงนี่ฤทธิ์เยอะจริงๆ ต้องโดนตบรัวๆ จะได้สิ้นฤทธิ์ นี่แน่ะๆๆ” ว่าแล้วกุ้งเต้นก็กระชากพิชฎามาตบรัวๆ อย่างเมามันท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของพิชฎาในขณะเดียวกันคิตตี้กับอาทิตย์ก็ดิ้นรนพยายามจะหนีออกจากกันแต่กุญแจมือที่ถูกล็อกติดกันทำให้ทั้งสองไม่สามารถดิ้นหลุดจากกันได้อาทิตย์จึงใช้ศีรษะโขกเข้ากับใบหน้าของคิตตี้เต็มแรงจนคิตตี้หน้าหงายทั้งพยายามถีบคิตตี้ให้ไปไกลๆ ตนเอง แต่การที่เขาทำอย่างนั้นก็ทำให้ตัวเขาเองเซถลาไปตามแรง เมื่อคิตตี้ล้มลงซึ่งผลก็คือทั้งคิตตี้และอาทิตย์ต่างก็ล้มกองกันอยู่กับพื้นและตบตีกันพัลวันเพื่อให้ตนเองหลุดจากพันธนาการที่ถูกจองจำ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันหลุดไปได้ แต่ทั้งสองก็พยายามจะทำร้ายอีกฝ่ายเพื่อให้ตนเองหลุดรอดไปสุดท้ายคนทั้งสองก็ต้องบอบช้ำเพราะทำร้ายกันเองและก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากกุญแจมือที่ถูกสวมติดกันไปได้ ส่วนพิชฎาที่ถูกกุ้งเต้นตบจนหน้าเยินก็ได้แต่นอนระทวยอ
บทที่ 48.อัคราเปิดประตูห้องของพิชฎาแล้วผายมือให้เธอเดินเข้าไปก่อนซึ่งแน่นอนว่าหญิงสาวยินดียิ่งนัก แต่แล้วเมื่อพิชฎาเดินเข้าห้องมาก็ต้องตกตะลึงเมื่อในห้องไม่ได้มีเพียงแค่เธอกับอัคราเท่านั้น....“นะ นี่ พวกเธอ... คิตตี้ อาทิตย์ นังยอดรัก...”พิชฎาชี้หน้ายอดรักซึ่งเดินกอดอกมาหาเธอด้วยมาดของผู้ที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสีหน้าแววตาของยอดรักนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา แต่แววตากร้าวกล้าด้วยเปลวเพลิงร้อนๆ และมีท่าทางสงบนิ่งไม่เอะอะโวยวายอย่างที่เธอเคยเห็นและมันก็ควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือ... พิชฎาหน้าซีดรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาทันที“แปลกใจล่ะสิที่เห็นฉันกับพรรคพวกหมาลอบกัดของเธอ...”“กะ แก พูดอะไร...” พิชฎาหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าทั้งคิตตี้และอาทิตย์นั้นถูกจับใส่กุญแจมือไว้ด้วยกันและถูกโยงไว้กับหัวเตียงอย่างแน่นหนาซึ่งมองก็รู้ได้ว่าไม่มีทางจะหลบหนีไปได้เลย...“มันนั่นล่ะค่ะคุณเด่นที่เป็นคนวางแผนแล้วใส่ร้ายเรา มันเป็นคนต้นคิดเรื่องวางยาคุณยอดรักแล้วให้ผู้ชายคนนี