Share

บทที่ 924

Author: ดอกถังร่วงหล่น
last update Last Updated: 2024-12-20 18:00:01
ฮองเฮาตรัสว่า “เพราะนี่เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท และอ๋องจิ้นก็เป็นองค์ชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหมด!”

ปู๋เยี่ยโหวรอคอยคำพูดนี้อยู่พอดี “ประเด็นสำคัญของเจ้าคือประโยคหลังใช่ไหม?”

“ก็จริง คนรักมองกันด้วยความหลงใหล เจ้าชอบจิ่งสือเยี่ยน เป็นธรรมดาที่จิ่งสือเยี่ยนจะต้องดีเลิศทุกอย่างในสายตาของเจ้า”

ฮองเฮา “……”

ฮองเฮา “!!!!!!”

คำพูดที่ถูกปู๋เยี่ยโหวบิดเบือนแบบนี้ ทำเอาพระพักตร์ของฮองเฮากลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ

เรื่องของชายหญิงเป็นเรื่องที่อธิบายยากที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแบบนี้ยังมาเจอกับปู๋เยี่ยโหวที่หน้าด้านหน้าทนอีก

มันจะกลายเป็นเรื่องที่อธิบายอย่างไรก็ปัดความผิดไม่พ้นตัว

ฮองเฮาขบฟันแน่นแล้วตรัสว่า “พูดจาเหลวไหล! นั่นเป็นการใส่ร้ายป้ายสี!”

ปู๋เยี่ยโหวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใส่ร้ายป้ายสี? ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกัน จิ่งสือเยี่ยนก็ไม่ใช่ลูกของภรรยาเอกไม่ใช่บุตรชายคนโต เหตุใดฮองเฮาถึงได้ปกป้องเขานัก?”

จิ่งสือเยี่ยนทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงเดินออกมาแล้วกล่าวว่า “ข้ามีราชโองการที่เสด็จพ่อทรงแต่งตั้งข้าเป็นรัชทายาท”

เดิมทีเขาอยากจะทำเป็นเล่นตัว แสดงท่าทีให้คนอื่นมาเชิญก่อ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 925

    อีกประการหนึ่งคือ เสนาบดีฝ่ายซ้ายได้รับการแต่งตั้งโดยฮ่องเต้เจาหยวน หัวหน้าศาลต้าหลี่ก็เลยคิดว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายน่าจะอยู่ข้างจิ่งสือเยี่ยนช่วงที่ผ่านมา จิ่งสือเยี่ยนก็ได้ไปพบกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายเช่นกันเสนาบดีฝ่ายซ้ายแสดงท่าทีเป็นกลางตลอด ใครมีแผนการที่ดีต่อประชาชนมากกว่า เขาก็จะอยู่ข้างคนนั้นจิ่งสือเยี่ยนและขุนนางฝ่ายเดียวกันได้ปรึกษาหารือกัน ต่างก็เห็นว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นคนที่พวกเขาต้องดึงเข้ามาเป็นพวกให้ได้มากที่สุดหากเสนาบดีฝ่ายซ้ายอยู่ข้างพวกเขา แผนการใหญ่ของจิ่งสือเยี่ยนก็จะสำเร็จไปกว่าครึ่งเสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าได้ยินเรื่องหนึ่งมา ไม่ทราบว่าพวกท่านเคยได้ยินกันบ้างหรือไม่”ทุกคนหันมามองเขา จิ่งสือเยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วกล่าวเสียงดังว่า “ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายหมายถึงเรื่องที่ฮ่องเต้และมหาราชครู วางแผนปลงพระชนม์ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพื่อชิงราชบัลลังก์ใช่หรือไม่”เสนาบดีฝ่ายซ้ายพยักหน้า “ใช่ เรื่องนี้แหละ”“ไม่ทราบว่าอ๋องจิ้นทรงคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”จิ่งสือเยี่ยนมีสีหน้าเรียบเฉย “เรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ!”“ฮ่องเต้พระ

    Last Updated : 2024-12-20
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 926

    คำพูดของปู๋เยี่ยโหวตรงไปตรงมา ราวกับใช้ฝ่ามือตบหน้าฮองเฮาและจิ่งสือเยี่ยนอย่างจังเพราะทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความจริงหลังจากพูดจบ ปู๋เยี่ยโหวก็มองไปรอบๆ อย่างท้าทาย พร้อมกับสรุปความเป็นครั้งสุดท้ายว่า “ดังนั้น ไม่ใช่ฮ่องเต้เจาหยวนไว้ชีวิตอ๋องผู้สำเร็จราชการ แต่เป็นเพราะเขาไม่มีความสามารถมากพอ ฆ่าอ๋องผู้สำเร็จราชการไม่ได้”“พวกเจ้าก็อย่าเอาคำพูดที่ว่าฮ่องเต้เจาหยวนมีเมตตาออกมาพูดเลย นี่ไม่ต่างอะไรกับการทำตัวเป็นโสเภณีแต่ประกาศว่าตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องเลย”ฮองเฮา “......”จิ่งสือเยี่ยน “......”ปู๋เยี่ยโหวพูดจาน่าโมโหจริงๆ!ที่สำคัญคือพวกเขาเถียงกลับไม่ได้ด้วยฮองเฮากล่าวด้วยสีหน้ามืดครึ้มว่า “แล้วอย่างไร มันเป็นหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้ว่าฮ่องเต้ ทรงฆ่าฮ่องเต้พระองค์ก่อน”ปู๋เยี่ยโหวมองบนใส่นางแล้วพูดว่า “ท่านมหาราชครูก็พูดเรื่องนี้ต่อหน้าธารกำนัลแล้ว เจ้ายังจะให้พิสูจน์อย่างไรอีก”“เมื่อเทียบกับความไร้หัวใจของฮ่องเต้เจาหยวนแล้ว อ๋องผู้สำเร็จราชการต่างหากที่เป็นคนมีเมตตาอย่างแท้จริง”“ถึงแม้ว่าเขาจะก่อกบฏในวังหลวง แต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายฮ่องเต้เจาหยวนเลย ทุกคนรู้ว่าเขาเชิญหมอหลวงที่เก่ง

    Last Updated : 2024-12-20
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 927

    หากกล่าวว่าคนบนโลกนี้ คนที่มีความเป็นไปได้น้อยที่สุดที่จะถูกฮ่องเต้พระองค์ก่อนเลือกให้เก็บรักษาพระราชโองการ ก็คงจะต้องเป็นท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายนี่แหละแต่ในเวลานี้เขากลับบอกทุกคนว่า ฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้มอบพระราชโองการแต่งตั้งองค์ชายจิ่งโม่เยี่ยขึ้นเป็นรัชทายาทให้เขาเก็บรักษาไว้ ฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อ!เพราะก่อนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะสิ้นพระชนม์ เขาก็ถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงตั้งนานแล้ว และในช่วงหลายปีต่อมาก็ทำงานเป็นขุนนางตำแหน่งน้อยในพื้นที่ชนบทจนกระทั่งเข้าสู่ปีที่สี่แห่งรัชสมัยของฮ่องเต้เจาหยวน ด้วยผลงานที่โดดเด่น เขาจึงถูกฮ่องเต้เจาหยวนเรียกตัวกลับมายังเมืองหลวง เข้าร่วมราชสำนักของเมืองหลวง และค่อยๆ ไต่เต้าก้าวขึ้นเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลังจากที่องค์ชายจิ่งโม่เยี่ยขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ต่อต้านองค์ชายจิ่งโม่เยี่ยอย่างชัดเจน แต่เมื่อเกิดการโต้เถียงกัน เขาก็ไม่ได้ไว้หน้าองค์ชายจิ่งโม่เยี่ยเลยแม้แต่น้อยด้วยบุคลิกเช่นนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนขุนนางที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเลือกไว้ให้องค์ชายจิ่งโม่เยี่ยเมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน เสนาบดีฝ่าย

    Last Updated : 2024-12-21
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 928

    พระนางตรวจดูอย่างละเอียดก่อนจะพบว่ามันเป็นความจริง ในวันที่องค์ฮ่องเต้สวรรคตนั้น เกิดปัญหาขึ้นกับตราลัญจกรของราชวงศ์พระพักตร์ของพระนางซีดเผือดลง เช่นเดียวกับสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนที่ไม่สู้ดีนักเสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าวต่อว่า “สาเหตุที่อดีตฮ่องเต้ทรงเตรียมการไว้ล่วงหน้า เพราะพระองค์ทรงสังเกตเห็นความทะเยอทะยานของฮ่องเต้เจาหยวนมานานแล้ว”“แต่ด้วยพระทัยที่อ่อนโยน อดีตฮ่องเต้จึงไม่อาจข่มใจทำร้ายน้องชายของตนเองได้”“แต่พระองค์ก็ไม่ได้คาดคิดว่า ฮ่องเต้เจาหยวนจะลงมือฆ่าพระองค์ แถมยังจะฆ่าลูกชายเพียงคนเดียวของพระองค์อีกด้วย”จิ่งสือเยี่ยนมองไปที่เสนาบดีฝ่ายซ้ายแล้วถามว่า “ข้ามีข้อสงสัย ในตอนที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต แม้ว่าท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะดำรงตำแหน่งในเมืองหลวง แต่ตำแหน่งก็ไม่ได้สูงนัก”“ในบรรดาขุนนางทั้งหลาย ทำไมอดีตฮ่องเต้ถึงเลือกท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายล่ะ”เสนาบดีฝ่ายซ้ายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับสายพระเนตรอันยาวไกลของอดีตฮ่องเต้”“แม้ว่าตำแหน่งของข้าจะไม่สูงนักในตอนนั้น แต่ข้าก็เป็นจอหงวนที่อดีตฮ่องเต้ทรงเลือกด้วยพระองค์เอง”“ความสัมพันธ์ระหว่างข้า

    Last Updated : 2024-12-21
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 929

    “และเขาก็ไม่ได้กดดันข้า เพียงเพราะความคิดเห็นของข้าขัดกับเขา”“พูดตามตรง ข้าไม่รู้จักเขามาก่อน และมีข่าวลือมากมายในเมืองหลวงว่าเขาเป็นพวกหัวรุนแรง ข้าก็เลยมีอคติกับเขาอยู่บ้าง”“เคยคิดว่าถ้าเขาได้เป็นกษัตริย์ เขาต้องกลายเป็นทรราชอย่างแน่นอน”“แต่การทดสอบในช่วงนี้พิสูจน์แล้วว่าความคิดของข้าเป็นเรื่องผิด เขาไม่เพียงแต่จะไม่เป็นทรราช แต่ยังจะเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ด้วย!”จิ่งโม่เยี่ยประคองเสนาบดีฝ่ายซ้ายเบาๆ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายชมเกินไปแล้ว”“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้บริหารราชการแผ่นดิน ข้ายังไม่คุ้นเคยกับเรื่องในราชสำนัก จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีข้อบกพร่อง”“โชคดีที่ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายคอยตักเตือนข้าหลายครั้ง ทำให้ข้าไม่ทำผิดพลาด คิดดูแล้ว ข้าต่างหากที่ควรขอบคุณท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย”คำพูดของทั้งสองทำให้สีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนและฮองเฮายิ่งดูแย่ลงเพราะคำพูดของทั้งสองเปิดเผยข้อมูลมากมายที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ไม่ได้มองจิ่งโม่เยี่ยในแง่ดี เขาเคยทดสอบจิ่งโม่เยี่ยหลายครั้งและจิ่งโม่เยี่ยก็ไม่ได้เลือกปฏิบัติ แม้จะไม่รู้ว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายมีราชโองการ

    Last Updated : 2024-12-21
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 930

    มือของจิ่งสือเยี่ยนกำแน่นเป็นหมัด เขาไม่คิดเลยว่าจิ่งโม่เยี่ยจะรู้มาตลอด!เขาคิดว่าตัวเองทำได้ดีมาก ทุกคนต่างก็ชมว่าเขาเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาแม้กระทั่งมีคนเตือนเขาว่าอย่าไปสนิทสนมกับจิ่งโม่เยี่ยมากเกินไป เดี๋ยวจะโดนฮ่องเต้เจาหยวนพาลลงโทษเขาคิดว่าตัวเองหลอกทุกคนได้หมด แต่ไม่นึกเลยว่า ขนาดจิ่งโม่เยี่ยที่เป็นเป้าหมายของเขายังล่วงรู้ความจริงเลยแบบนี้ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมจิ่งโม่เยี่ยถึงเย็นชาใส่เขาตลอด ทำท่าเหมือนไม่สนใจใยดีก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเป็นเพราะนิสัยของจิ่งโม่เยี่ย แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า จิ่งโม่เยี่ยมองเขาออกแบบทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้วความรู้สึกแบบนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่ตัวตลกที่ถูกจิ่งโม่เยี่ยปั่นหัวเล่นเขาขบฟันแน่นและเอ่ยว่า “ท่านพี่สาม ท่าน…”“เจ้าอยากจะบอกว่าข้าใจร้ายเกินไปสินะ รู้ทั้งรู้แต่ไม่ยอมพูด” จิ่งโม่เยี่ยยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าอยากจะเสแสร้งเป็นคนดี ข้าจะไปขัดขวางความสุขของเจ้าได้อย่างไร”จิ่งสือเยี่ยน “……”เขาถึงกับพูดไม่ออก เพราะคำพูดของจิ่งโม่เยี่ยเหมือนมีดคมๆ กรีดหน้ากากของเขาจนย่อยยับสุดท้ายจิ่งโม่เยี่ยสรุปให้จิ่งสือเยี่ยนฟังว่า “เอาจริงๆ

    Last Updated : 2024-12-21
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 931

    เสนาบดีฝ่ายซ้ายเอ่ยเสียงเรียบว่า “ถึงแม้ทุกคนจะได้อ่านราชโองการฉบับนี้แล้ว แต่ข้าคิดว่าควรจะมีพิธีรีตองสักหน่อย”“ถ้าอย่างนั้นข้าจะอ่านราชโองการฉบับนี้อีกครั้ง”เหล่าขุนนางที่ลุกขึ้นยืนแล้วก็คุกเข่าลงอีกครั้งฮองเฮาและจิ่งสือเยี่ยนเดิมทีไม่อยากคุกเข่า แต่ในเวลานี้ก็จำต้องคุกเข่าลงอีกครั้งการแย่งชิงอำนาจราชบัลลังก์ ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือกบฏแม้ไม่มีราชโองการฉบับนี้ จิ่งโม่เยี่ยก็ควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวงได้แล้ว เขาคือราชาที่แท้จริงต่อให้จิ่งสือเยี่ยนจะใช้เล่ห์เหลี่ยมแค่ไหน เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่แท้จริง ก็ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลยเมื่อมีราชโองการฉบับนี้ การขึ้นครองราชย์ของเขาก็ยิ่งชอบธรรมมากขึ้นเมื่อมีความชอบธรรมนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็ถือว่ามีเหตุผลรองรับช่วงเวลาต่อมา พวกเขาก็ปรึกษาหารือรายละเอียดการขึ้นครองราชย์ของจิ่งโม่เยี่ยจิ่งโม่เยี่ยไม่มีความหน้าไหว้หลังหลอกเหมือนจิ่งสือเยี่ยน เดิมทีเขาก็เป็นพระโอรสเพียงองค์เดียวของอดีตฮ่องเต้ เป็นรัชทายาทอันดับหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องบ่ายเบี่ยงหรือเสแสร้งเขาไม่เคยปิดบังความตั้งใจที่จะเป็นฮ่องเต้ต่อหน้าผู้คนเพร

    Last Updated : 2024-12-22
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 932

    เมื่อเสนาบดีกรมพิธีได้ยินเช่นนั้น ก็เข้าใจแจ่มแจ้งในทันทีคำพูดนี้แปลได้ว่า ฮ่องเต้เจาหยวนเป็นฮ่องเต้ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ในเมื่อตายไปแล้วก็จบ ทุกอย่างจัดการอย่างเรียบง่ายก็เพียงพอ แค่อย่าให้ใครหาเรื่องจับผิดได้จิ่งโม่เยี่ยคือฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เรื่องของพระองค์ต่างหากที่สำคัญที่สุดหลังจากที่เขาได้แนวทางแล้ว ก็เรียกขุนนางกรมพิธีมาสั่งการเรื่องสำคัญดังกล่าวเมื่อฮ่องเต้เจาหยวนกลายเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา ก็ไม่คู่ควรที่จะนอนในโลงศพไม้แกะสลักฝังทองคำ ควรนอนในโลงศพธรรมดาๆ เท่านั้นจิ่งโม่เยี่ยยืนอยู่หน้าพระที่นั่ง มองขันทีนำศพของฮ่องเต้เจาหยวนเข้าไปวางในโลงศพธรรมดาๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน และไม่ได้ขัดขวางเมื่อหัวหน้ากรมพิธีการเห็นปฏิกิริยาของพระองค์ ก็ชื่นชมท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายในใจ ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายช่างเก่งกาจจริงๆ!เพียงคำพูดเดียวของจิ่งโม่เยี่ย กลับตีความได้มากมายขนาดนี้ฮองเฮาและเหล่าองค์ชายยืนเฝ้าอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นภาพนี้ นางก็รีบออกมาขัดขวางทันที “ฝ่าบาทเป็นถึงฮ่องเต้ของแคว้น พวกเจ้าจะใช้โลงศพแบบนี้ฝังพระองค์ได้อย่างไร!”จิ่งโม่เยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

    Last Updated : 2024-12-22

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 954

    พอทหารองครักษ์คนนั้นพูดจบ หมอกขาวก็ยิ่งรวมตัวกันรวดเร็วยิ่งขึ้นจิ่งโม่เยี่ยขมวดคิ้ว เพราะเขารู้ว่าคำพูดของทหารองครักษ์เป็นความจริงเขาจ้องมองหมอกที่หนาขึ้นเรื่อยๆ อย่างเย็นชา ร่างกายนิ่งสงบเหมือนภูเขาหมอกขาวกลืนกินทหารองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ เขา ทำให้ทุกคนหายวับไปโดยไม่มีแม้แต่เสียงร้องโวยวายหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยอยู่กับเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็มีความรู้ใหม่เกี่ยวกับวิชาของพวกศาสตร์ลี้ลับทั้งหลายในความคิดของเขา แม้ว่านี่จะไม่ใช่วิชาของสำนักลี้ลับ แต่มันก็อาจจะคล้ายคลึงกันหลายส่วนเสียงหัวเราะของผู้หญิงดังมาจากรอบๆ ผู้ชายทั่วไปได้ยินแล้วคงเผลอหลงใหล แต่เขาฟังแล้วรู้สึกรำคาญ เพราะนั่นไม่ใช่เสียงของเฟิ่งชูอิ่งในใจของจิ่งโม่เยี่ย ผู้หญิงในโลกนี้แบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือเฟิ่งชูอิ่ง และอีกประเภทหนึ่งคือผู้หญิงคนอื่นเขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อทำให้เฟิ่งชูอิ่งยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับเขาตอนนี้ดันมีปีศาจที่ไหนไม่รู้มาเกี้ยวพาเขาแบบนี้ ถ้าเฟิ่งชูอิ่งรู้เรื่องนี้เข้า คงจะต้องโกรธมากแน่ๆจิ่งโม่เยี่ยมองไม่เห็นอะไรเลยในม่านหมอกหนา เขาจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพับแล้วมัดปิดตาตัวเองพริบตา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 953

    พลังหยาง พลังมังกรและโชคชะตาอันยิ่งใหญ่นางต้องการ นางต้องได้ทั้งหมดนั่นมาครอง!ตอนแรกจิ่งสือเยี่ยนโดนวิชาของเฟิ่งชูอิ่งเล่นงานจนอาการย่ำแย่อยู่แล้ว มาตอนนี้ยังถูกจิ้งจอกสือซานเหนียงสูบพลังอีก ทำให้โชคชะตาของเขาลดฮวบลงอย่างรวดเร็วพลังมังกรสามารถคุ้มครองป้องกันร่างกาย ไม่ให้ปีศาจเข้ามาใกล้ได้แต่ตราบใดที่ปีศาจไม่มีจิตสังหาร พลังมังกรก็จะไม่สนใจและปล่อยผ่านไปจิ่งสือเยี่ยนโดนจิ้งจอกสือซานเหนียงเล่นงานจนเกือบหมดแรงนอนเหี่ยวแห้งตายแต่จิ้งจอกสือซานเหนียงเหมือนจะยังไม่ค่อยพอใจ "เจ้าดูเหมือนจะร้ายกาจ แต่กลับได้แค่นี้เอง?"จิ่งสือเยี่ยน “......”จิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!”เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะถูกผู้หญิงดูถูกเรื่องความสามารถทางด้านนั้น!เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ตอนนี้เจ้าคงสาสมใจแล้ว ปล่อยข้าไปได้หรือยัง?"เขาร้อนใจอย่างมาก หากยังไม่รีบไปตอนนี้อีก เกรงว่าจะถูกจิ่งโม่เยี่ยตามมาทันจิ้งจอกสือซานเหนียงตบหน้าเขาไปฉาดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า "ข้าเคยบอกตอนไหนว่าทำครั้งเดียวแล้วจะปล่อยเจ้าไป?"จิ่งสือเยี่ยนเบิกตากว้างจ้องมองนาง ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธขึ้งเขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเขา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 952

    ถ้าจะพูดถึงเรื่องที่จิ้งจอกสือซานเหนียงพลาดท่าเสียทีในการยั่วยวนผู้ชายตลอดหลายปีมานี้ ก็คงเป็นตอนที่นางได้เจอกับปู๋เยี่ยโหว และเป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นทันทีที่สบตากับจิ่งสือเยี่ยน นางก็มั่นใจได้ทันทีว่า ถึงผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่พวกหื่นกามจนขึ้นสมอง แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนเจ้าชู้อยู่บ้างไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่มองตาเขาก็รู้แล้วจิ้งจอกสือซานเหนียงหัวเราะคิกคัก นางเอื้อมมือไปคล้องคอเขา “ค่ำคืนนี้ช่างวิเศษจริงๆ”จิ่งสือเยี่ยนยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็แทงกระบี่เข้าใส่จิ้งจอกสือซานเหนียงแบบไม่บอกกล่าวแต่การโจมตีของเขากลับพลาดเป้า สาวงามในอ้อมแขนก็หายวับไปในทันทีสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลาดการโจมตีครั้งแรก การจะลงมือครั้งต่อไปย่อมยากขึ้นจิ้งจอกสือซานเหนียงหัวเราะเยาะ “ข้าว่าแล้วเชียว ผู้ชายที่ยิ้มหน้าระรื่นได้แบบเจ้าไม่ใช่คนดีอะไรเลย”“ปากก็พูดจาไพเราะอ่อนหวาน แต่การกระทำกลับโหดเหี้ยมสิ้นดี!”“กับผู้ชายแบบนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจ!”ทันทีที่นางพูดจบ จิ่งสือเยี่ยนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างพันอยู่ที่ขา ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนอง สิ่งนั้นก็ลากเขาลงไปกองกับพื

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 951

    เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่รู้สึกได้ว่าการหนีออกจากเมืองหลวงในวันนี้ เรียกได้ว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยอุปสรรคขัดขวางต่อไปจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง เขาก็ยิ่งไม่รู้เลยจิ่งสือเยี่ยนมีวรยุทธ์ไม่เลว ไม่ขาดแคลนทั้งความกล้าหาญและกลยุทธ์แต่ในขณะนี้ หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บราวกับน้ำแข็งเกาะ มีบางสิ่งกำลังหลุดออกจากการควบคุมจิ่งสือเยี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชักกระบี่ออกมา ตะโกนเสียงดังว่า “ใครกำลังเล่นตลกอยู่?”ก่อนหน้านี้เขาไม่เชื่อเรื่องผีสาง แต่หลังจากได้รู้จักกับเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็เริ่มเชื่ออีกครั้งเฟิ่งชูอิ่งเป็นคนที่มีวิชาอาคมสูงส่งที่สุด เท่าที่เขาเคยพบเห็นมาปฏิกิริยาแรกของเขาคือคนที่ซุ่มโจมตีเขาในวันนี้ อาจเป็นเฟิ่งชูอิ่งก็ได้ แต่ไม่นานเขาก็ปัดความคิดนี้ทิ้งเพราะถ้าเฟิ่งชูอิ่งลงมือจริง นางจะให้วิญญาณร้ายที่อยู่ข้างกายนางจัดการโดยตรง จะไม่ปิดบังอำพรางเช่นนี้จิ่งสือเยี่ยนคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เขาคิดว่าเขาอาจจะถูกสิ่งสกปรกบางอย่างตามรังควานจิ่งสือเยี่ยนพูดเสียงดังว่า “เจ้าต้องการอะไรก็พูดมาตรงๆ ไม่ต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ แบบนี้”เสียงที่ตอบกล

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 950

    จิ่งสือเยี่ยนคิดว่าการเดินทางผ่านหมู่บ้านอาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จึงเลือกที่จะเดินทางผ่านป่าแทนแต่แล้วม้าของเขาก็ติดกับดักอีกครั้ง ครั้งนี้ม้าเกิดอาการตื่นตระหนกม้าที่เขาเพิ่งเปลี่ยนมาจากองครักษ์นั้นดีดดิ้นเหมือนกำลังคุ้มคลั่ง จนเขากระเด็นตกจากหลังม้าครั้งนี้เขาไม่โชคดีเท่าไหร่ ตอนที่ถูกม้าเหวี่ยงออกไป ร่างของเขาฟาดเข้ากับต้นไม้อย่างแรงมีเสียงดัง “โครม!” ก่อนจิ่งสือเยี่ยนจะกลิ้งลงมาจากต้นไม้ครั้งนี้เขารู้สึกเหมือนเอวจะหัก ปวดจนทนแทบไม่ไหวองครักษ์ของเขาช่วยพยุงเขาขึ้นมาและดึงม้าที่ตื่นตระหนกกลับมาจิ่งสือเยี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจรู้สึกหงุดหงิดยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนก็ไม่ได้เป็นอะไร มีแค่ม้าของเขาเท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเขารู้สึกว่าวันนี้ตัวเองค่อนข้างโชคร้ายคืนนี้การเดินทางไม่คืบหน้าไปไหน แล้วเขายังต้องตกม้าถึงสองครั้ง เจอเรื่องแบบนี้แม้แต่พระอิฐพระปูนก็ยังโมโห นับประสาอะไรกับจิ่งสือเยี่ยนที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความโกรธแต่การตกม้าครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง เขาเคล็ดเอวด้วยจึงไม่สามารถขี่ม้าได้อีกสักพักเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 949

    “ข้าไม่ใช้วิชาชั่วร้ายแบบที่เทียนซือใช้กับเจ้าก่อนหน้านี้หรอก ข้าใช้แต่คาถาสายธรรมมะเท่านั้น”“วิธีนี้ไม่สร้างอันตรายถึงชีวิต แต่จะทำให้โชควาสนาของเขาน้อยลง”“จากนี้ไป เขาจะไม่ใช่จิ่งสือเยี่ยนที่ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นอีกต่อไป แต่จะเป็นจิ่งสือเยี่ยนคนธรรมดา”จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าวิชาศาลตร์ลี้ลับของนางสูงส่งมาก นางแค่พูดแบบถ่อมตัวนั่นหมายความว่าจิ่งสือเยี่ยนอาจจะต้องประสบโชคร้ายสักหน่อยเขาถามว่า “วิชาของเจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “ประมาณเจ็ดวัน แต่ถ้าโชคชะตาของเขาแข็งแกร่งเกินไป เวลาก็จะสั้นลงอีกหน่อย”“ดังนั้น เจ้าต้องตามหาเขาให้เจอโดยเร็วที่สุด แล้วจัดการเขาให้เรียบร้อย”“เพราะเจ็ดวันหลังจากนี้ เท่าที่ดูจากกระดานคำนวณครั้งก่อน เขาอาจจะพากองทัพกลับมาเอาคืนได้”จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้าแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปบนอาชาเฟิ่งชูอิ่พูดกับแผ่นหลังของเขาว่า “ตอนที่เจ้าสู้กับเขา ต้องระวังตัวให้มากนะ”จิ่งโม่เยี่ยหันกลับมามองนาง นางกัดริมฝีปากก่อนจะพูดว่า “เจ้าต้องมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้!”“เมื่อเจ้ากลับมาแล้ว พวกเราจะแต่งงานกัน”จิ่งโม่เยี่ยได้ยินคำพูดนี้ก็ตาเป็นประกาย ในขณะนั้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 948

    แต่เพื่อความสะดวกในการสะกดรอยตามจิ่งสือเยี่ยน เฟิ่งชูอิ่งจึงใช้ศาสตร์ลี้ลับกับเขาเล็กน้อยดังนั้นเขาจึงสามารถเก็บของบางอย่างไว้กับตัวได้ อย่างเช่นกางเกงในสองสามตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกตอนนี้เขาถูกกระจกปราบปีศาจกดทับจนขยับไม่ได้ เฟิ่งชูอิ่งจึงร่ายคาถาช่วยเขาป้องกันการโจมตีของกระจกปราบปีศาจชั่วคราว ทันใดนั้นเขาก็หายวับไปอยู่ด้านหลัง ตรงจุดที่กระจกปราบปีศาจโจมตีไม่ถึงเมื่อจิ่งสือเฟิงเป็นอิสระ เขาก็เริ่มบิดตัวไปมา “เกือบจะถูกทับตายอยู่แล้วเชียว!”“ข้าไม่ได้ทำร้ายใครสักหน่อย ทำไมต้องโจมตีกันด้วย?”เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็ลอบกลอกตาไปมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เอาของออกมา”จิ่งสือเฟิงกลัวจะถูกนางทุบตี จึงรีบหยิบกางเกงในออกมาให้นางจิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่มีของอย่างอื่นให้หยิบมาหรือไง?”เขามองจิ่งสือเฟิงด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาช่างกล้าหาญนัก กล้าให้เฟิ่งชูอิ่งดูกางเกงในของผู้ชายคนอื่นจิ่งสือเฟิงหดคอแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่หยิบติดมือมาส่งเดช”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยท่าทางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ช่างเถอะ ใช้งานได้ก็พอ ตอนนี้ไม่ใช่เ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 947

    นางจ้องเขม็งไปทางจิ่งสือเฟิงด้วยความขุ่นเคือง พับเก็บแผนการที่จะกระทืบเขาไว้ชั่วคราวจิ่งโม่เยี่ยรู้สึกประหลาดใจที่เห็นนางอยู่ที่นี่ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”เขาพูดพลางถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาห่มให้นางคืนนี้หิมะตก อากาศหนาวมาก เฟิ่งชูอิ่งรีบร้อนออกมาจนลืมหยิบเสื้อคลุมตอนนี้เสื้อคลุมของเขากำลังห่มคลุมร่างของนาง ความอบอุ่นและกลิ่นอายของเขากำลังโอบล้อมนาง ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นอย่างมากนางตอบ “ข้ามาหาจิ่งสือเฟิง เขาติดตามจิ่งสือเยี่ยนมาที่นี่ แต่โดนกระจกปราบปีศาจที่หน้าประตูเมืองสะกดเอาไว้”จิ่งโม่เยี่ยมองจิ่งสือเฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม เจ้าบ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ แค่ตามคนยังตามได้ไม่ดี ต้องเดือดร้อนให้เฟิ่งชูอิ่งมาช่วยเหลือกลางดึกจิ่งสือเฟิงรีบหดตัวเป็นก้อนเล็กๆ พยายามทำตัวให้โดดเด่นน้อยที่สุดเขารู้สึกว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียทีเดียว ใครจะไปรู้ว่าที่นี่จะมีกระจกปราบปีศาจบานใหญ่ขนาดนี้อยู่ที่สำคัญคือเขาเพิ่งเป็นผีได้ไม่นาน ยังไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่จิ่งโม่เยี่ยพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “อากาศหนาว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปตามจิ่งสือเยี่ยนเอง”เฟิ่งชูอิ่งถ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 946

    จิ่งสือเฟิงนอนกลัดกลุ้มอยู่บนพื้นแล้วจะทำอย่างไรต่อดี?ถึงแม้เขาจะหลุดพ้นจากกระจกปราบปีศาจที่ประตูเมืองได้ และย้อนกลับไปแจ้งข่าวเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่ทันการณ์แล้วเพราะเขาเห็นจิ่งสือเยี่ยนคุยกับแม่ทัพผู้รักษาประตูเมืองเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถเดินออกจากเมืองหลวงไปได้อย่างผ่าเผยจิ่งสือเฟิงเห็นท่าทางแบบนั้นของจิ่งสือเยี่ยนก็แอบสบถในใจและในขณะนี้เอง เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเขากับจิ่งสือเยี่ยนก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขารวบรวมผู้คนได้มากมาย เขาเก่งกาจมากแต่ไม่มีใครในกลุ่มคนเหล่านั้นสามารถพาเขาออกจากเมืองหลวงได้เลยเมื่อเทียบกับจิ่งสือเยี่ยน จิ่งสือเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองโง่จริงๆ เพราะคนที่เขาซื้อตัวมานั้นไม่สามารถทำงานเป็นระบบแบบแผนเหมือนคนของจิ่งสือเยี่ยนไม่ว่าจิ่งสือเยี่ยนจะทำอะไร ก็มีคนที่สามารถใช้งานได้ตลอดจิ่งสือเฟิงก็เป็นองค์ชาย รู้ว่ากว่าจะทำได้ถึงขั้นนี้มันยากขนาดไหนเพราะการซื้อตัวขุนนางที่มีอำนาจสูงต่ำต่างกัน ต้องใช้ความพยายามที่แตกต่างกันด้วยหากจะให้สรุปง่ายๆ คือเขาไม่มีปัญญาทำเฟิ่งชูอิ่งติดยันต์ไว้บนตัวจิ่งสือเฟิง ตอนที่เขาถูกกระจกปราบปีศาจสะกด นางก็รู้สึกได้ทันที

DMCA.com Protection Status