เฟิ่งชูอิ่งทำสีหน้าเย็นชา “ได้สิ ค่าจ้างรายชั่วโมงของข้าแพงนะ ชั่วโมงละพันตำลึง”เสนาบดีฝ่ายซ้าย “…เจ้าเป็นคนหน้าเลือดเห็นแก่เงินหรือไง?”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะออกมา “ใช่ เพิ่งจะรู้ตัวหรือ?”เสนาบดีฝ่ายซ้าย “……”เขาถึงกับพูดไม่ออกเฟิ่งชูอิ่งมีแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ถามว่า “งั้นท่านจะซื้อเวลาของข้าไหม?”เสนาบดีฝ่ายซ้าย “…เอา!”เขาไม่สามารถรับมือกับเด็กสาวนิสัยแปลกๆ คนนั้นได้ สัญชาตญาณบอกเขาว่ามีเพียงเฟิ่งชูอิ่งเท่านั้นที่สามารถจัดการได้เพราะเดิมทีเฟิ่งชูอิ่งเป็นคนช่วยเขาตามหาเด็กสาวคนนั้นเฟิ่งชูอิ่งเกิดความสนใจ “ท่านจะซื้อนานเท่าไหร่?”เสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่มีเวลาเล่นสงครามประสาท “ข้าเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ ปกติก็ได้แค่เงินเดือน ไม่มีเงินมากนัก ลดราคาให้หน่อยได้ไหม?”เฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “นั่นเป็นเรื่องของท่าน ไม่ใช่เรื่องของข้า”“หลักการของข้าเรียบง่ายมาก คนที่สนิทกับข้า สามารถต่อรองตามอารมณ์ได้”“ข้ากับท่านไม่ได้สนิทกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องคุยกันด้วยความรู้สึก”“ไม่คุยกันด้วยความรู้สึก ก็ต้องใช้เงินแก้ปัญหา”เสนาบดีฝ่ายซ้าย “…”เขารู้สึกว่าเฟิ่งชูอิ่งไร้ความเห
เพียงแต่ว่าต่อให้เขายุ่งแค่ไหน ทุกวันเขาก็จะหาเวลาแวะมาหาเฟิ่งชูอิ่งที่นี่ และตอนที่เขามาถึงก็บังเอิญเจอกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายพอดีเสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ยังคงให้ความเคารพต่อปู๋เยี่ยโหวอยู่พอสมควร “เสนาบดีฝ่ายซ้าย ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร”ก่อนหน้านี้เสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่ค่อยเห็นด้วยกับปู๋เยี่ยโหว เพราะเจ้าหมอนี่เป็นตัวแทนของความไม่น่าไว้วางใจวันนี้เดิมทีเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะสนใจปู๋เยี่ยโหว แต่ในขณะที่เดินสวนกันนั้น เขาก็นึกอะไรขึ้นได้อย่างกะทันหัน จึงคว้าตัวปู๋เยี่ยโหวไว้ปู๋เยี่ยโหวคุ้นเคยกับท่าทีเมินเฉยของเหล่าขุนนางที่ชอบทำตัวสูงส่งในราชสำนัก ดังนั้นตอนที่เขาทักทายเสนาบดีฝ่ายซ้ายเมื่อครู่ เขาก็ไม่ได้หวังว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะมีปฏิกิริยาตอบกลับตอนนี้เสนาบดีฝ่ายซ้ายคว้าตัวเขาไว้ ทำให้เขาไม่เข้าใจเขาจึงถามว่า “เสนาบดีฝ่ายซ้ายมีอะไรจะชี้แนะหรือ”เสนาบดีฝ่ายซ้ายเอียงหัวมองเขา มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วถามว่า “ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปู๋เยี่ยโหวรีบปฏิเสธทันที “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้าไม่เคยรังแกผู้หญิง และจะไม่ทำเรื่องหยาบคายกับพวกนาง”“ข้าให้ความเคารพผู้หญิงทุกคนใน
เสนาบดีฝ่ายซ้ายถามอีกครั้งว่า “ถ้าข้ามีเรื่องอยากขอให้เจ้าช่วย เจ้าจะช่วยไหม”จิ่งสือเยี่ยนยิ่งรู้สึกงงเข้าไปใหญ่ แต่ก็ตอบว่า “ขึ้นอยู่กับท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย”พอได้ยินคำนี้ เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็รู้สึกพอใจ นี่แหละคือการตอบที่ถูกต้องเสนาบดีฝ่ายซ้ายจึงพูดว่า “ไม่มีอะไรแล้ว ข้าแค่ถามดูเฉยๆ อ๋องจิ้นไปทำงานเถอะ”จิ่งสือเยี่ยน “......”เขารู้สึกมึนงงไปหมดหลังจากที่เสนาบดีฝ่ายซ้ายรั้งเขาไว้พูดมากมาย สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรเลยเมื่อคิดทบทวนคำพูดของเสนาบดีฝ่ายซ้าย เขาก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่หลังจากที่ปู๋เยี่ยโหวแยกทางกับเสนาบดีฝ่ายซ้าย เขาก็ปีนกำแพงกลับจวนทันทีเขารู้สึกว่าตัวเองฉลาดมากด้วยความฉลาดนี้ สมควรได้รับคำชมจากเฟิ่งชูอิ่งดังนั้นเขาจึงไปหาเฟิ่งชูอิ่งอย่างมีความสุข และเล่าเรื่องที่เจอเสนาบดีฝ่ายซ้ายให้ฟังหลังจากฟังจบ เฟิ่งชูอิ่งก็หัวเราะออกมา “เขาอายุขนาดนี้แล้วมาขอให้เจ้าช่วย เจ้าก็ควรจะช่วยเขา”ปู๋เยี่ยโหวถามว่า “ทำไม”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก เขาแค่ต้องการหาคนช่วยง้อเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าขวบ”“ถ้าเจ้าถนัดเรื่องแบบนี้ ก็ทำไปเถอะ”ปู๋เยี่ยโหวชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วถามว
มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย “เจ้าพูดถูก”“ดังนั้นเรื่องนี้ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเขา รอดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน”ปู๋เยี่ยโหวพยักหน้า “ข้าฟังนาง”เขามองเฟิ่งชูอิ่งด้วยสายตาที่อ่อนโยนมากหญิงสาวที่เขาชอบช่างดีเหลือเกิน ยึดมั่นในความยุติธรรมในใจ ไม่กลัวอำนาจเฟิ่งชูอิ่งยิ้ม นางไม่อยากทำนายดวงวันนี้แล้วนางพูดกับทุกคนที่ต่อแถวว่า “วันนี้พลังวิญญาณหมดแล้ว ไม่ทำนายดวงแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันเถอะ!”ทุกคนถอนหายใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเรื่องการทำนายดวงของเฟิ่งชูอิ่งนั้น นางค่อนข้างตามใจตัวเองถ้านางพูดว่าไม่ทำนายแล้ว ก็คือจะไม่ทำนายอีก พวกเขาไม่สามารถบังคับได้อีกเฟิ่งชูอิ่งกำลังเก็บของ จิ่งสือเยี่ยนก็เดินเข้ามาเพราะเหตุการณ์ต่อเนื่องกันมา นางรู้สึกไม่ดีกับจิ่งสือเยี่ยนมากแล้วภาพลักษณ์ของเขาในใจนางพังทลายไปหมดแล้วนางยังไม่ได้พูดอะไร ปู๋เยี่ยโหวก็ยืนขวางตรงหน้านางแล้วพูดว่า “เจ้ามาทำอะไร?”จิ่งสือเยี่ยนมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง”เฟิ่งชูอิ่งถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้าไม่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า”ครั้งที่แล้วที่จิ่งสือเยี่ยนถ่อไปหานางถึงในคุก ทำให้นางรูสึกไม่สบายใจมาก
พอเฟิ่งชูอิ่งได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่ “ข้าไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในราชสำนัก และก็ไม่มีธุระอะไรกับเจ้าด้วย”“ไม่ว่าเจ้าจะมาหาข้าเพื่อเรื่องอะไร ข้าก็ไม่อยากฟังเจ้าพล่าม”พูดจบนางก็หันหลังกลับเข้าจวนปู๋เยี่ยโหวทันทีจิ่งสือเยี่ยนอยากจะตามไป แต่ถูกปู๋เยี่ยโหวขวางไว้ปู๋เยี่ยโหวมองเขาพร้อมกับยิ้ม “นางไม่อยากเจอเจ้า เจ้าก็อย่าไปรบกวนนางเลย”“ยิ่งเจ้าทำตัวน่ารำคาญ นางก็จะยิ่งเกลียดเจ้ามากขึ้น”จิ่งสือเยี่ยนมองปู๋เยี่ยโหว ถึงแม้ทั้งสองจะเป็นญาติกัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ดีมาตั้งแต่เด็กเขารู้สึกว่าปู๋เยี่ยโหวเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย และประพฤติตัวอวดดีส่วนปู๋เยี่ยโหวก็รู้สึกว่าเขาแม้จะดูสดใสร่าเริง แต่จริงๆ แล้วเป็นคนเจ้าเล่ห์คนแบบนี้ ปกติเจอกันก็ไม่พูดกันด้วยซ้ำวันนี้ทั้งสองมาเจอกันแบบนี้ ถึงแม้ว่าปู๋เยี่ยโหวจะยิ้ม แต่จริงๆ แล้วเขาอยากจะเตะจิ่งสือเยี่ยนให้กระเด็นไปไกลๆช่วงนี้จิ่งสือเยี่ยนทำอะไรก็ไม่ราบรื่น ในใจก็เก็บความแค้นไว้มากมาย ตอนนี้เขาอยากจะแทงปู๋เยี่ยโหวให้ตายแต่ทั้งสองก็รู้ดีว่า ถ้าพวกเขาลงมือกันจริงๆ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมากนั่นหมายความว่าพวกเขาจะแตก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่ถือสาหาความกับจิ่งโม่เยี่ยชั่วคราว”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเบะปาก นางรู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยอาจจะมีความคิดเหมือนกับนางในเวลานี้ เฉี่ยวหลิงก็มาถึงพอดี “คุณหนู คุณหนู มีการค้นพบครั้งสำคัญ”เฉี่ยวหลิงช่วงนี้ก็เอาแต่ไปรังแกมหาราชครูทุกวัน มหาราชครูก็ทรมานจวนเจียนจะตายทุกวัน แต่เขาก็ยังทนได้อย่างน่าประหลาดจนถึงตอนนี้ ถึงสติของเขาจะบ้าๆ บอๆ แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้แต่ก็เพราะเฉี่ยวหลิงไปรังแกเขามากเกินไป ทำให้ตอนนี้สมองของเขาเริ่มมีปัญหาจริงๆเพราะสมองเขามีปัญหา บางครั้งเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หรือแม้แต่ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกำแพงในใจของเขาถูกเฉี่ยวหลิงทำลายลงทีละน้อย และ เฉี่ยวหลิงก็ได้ข้อมูลจากเขามามากมายในตอนนี้ เฉี่ยวหลิงไม่ได้ไปรังแกมหาราชครู แต่กลับมาหาเฟิ่งชูอิ่ง นั่นแสดงว่าต้องมีการค้นพบอะไรที่สำคัญแน่ๆเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “มีการค้นพบครั้งสำคัญอะไร?”เฉี่ยวหลิงตอบว่า “ตอนที่มหาราชครูกับฮ่องเต้เจาหยวนฆ่าฮ่องเต้องค์ก่อน ตอนแรกพวกเขาต้องการแก้ไขราชโองการ แต่ตัวอักษรบนราชโองการนั้นแก้ไขได้ยาก”“ดังนั้น ตอนนั้นพวกเขาจึงไปหาค
เมื่อนางพูดประโยคนี้ขึ้นมา ทั้งปู๋เยี่ยโหวและเฉี่ยวหลิงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่มหาราชครูสามารถเป็นที่เคารพนับถือในวงการบัณฑิตได้ นอกจากนิสัยส่วนตัวแล้ว ความสามารถของเขาก็ต้องไม่ธรรมดาเขาต้องผ่านการศึกษาตำรามามากมาย แน่นอนว่าลายมือก็ต้องสวยมากโดยทั่วไป ลายมือของคนเราจะได้รับอิทธิพลจากความเคยชิน มักจะมองออกได้บ้างแต่คนละคนเขียนตัวอักษรต่างกัน ลายมือก็จะดูแตกต่างกันและบางคนที่ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง การจงใจเปลี่ยนลายมือก็ไม่ใช่เรื่องยากในสถานการณ์เช่นนั้น รอบตัวฮ่องเต้เจาหยวนมีคนมากมาย แต่กลับเลือกมหาราชครู นอกจากพวกเขาจะมีผลประโยชน์ร่วมกันแล้ว อาจเป็นเพราะเขามีความสามารถพิเศษเฟิ่งชูอิ่งรู้สึกว่าคนอย่างมหาราชครูที่ยอมกินขี้เพื่อเอาชีวิตรอด ต่อให้เฉี่ยวหลิงจะทรมานเขาอย่างไร เขาก็ไม่น่าจะเป็นบ้าเสียสติได้เร็วขนาดนี้ดังนั้น นางจึงสรุปว่ามหาราชครูแกล้งบ้าเพียงแต่ช่วงนี้เขาโดนเฉี่ยวหลิงสั่งสอนบ่อยๆ ทักษะการแกล้งบ้าของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือการแสดงของเขา การหลอกเฉี่ยวหลิงที่คิดอะไรอย่างตรงไปตรงมานั้นไม่ใช่เรื่องยากปู๋เยี่ยโ
อยากจะยืมมือนางมาหลอกจิ่งโม่เยี่ยและปู๋เยี่ยโหวในขณะนั้น เฉี่ยวหลิงรู้สึกว่าการที่จะทำให้มหาราชครูได้ลิ้มรสความเจ็บปวดยิ่งกว่าตายนั้น คงไม่ใช่เรื่องง่ายเฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ข้าอยู่ที่นี่ทั้งคน จะไม่ยอมให้เขารังแกเจ้าเด็ดขาด”เฉี่ยวหลิงพยักหน้าอย่างหนักแน่นปู๋เยี่ยโหวครุ่นคิด “ถ้าราชโองการนั้นมีปัญหา มหาราชครูวางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “น่าจะเป็นตอนที่เขาถูกขังอยู่ในจวนมหาราชครู เขาก็เลยวางแผนแบบนี้ไว้”“คนเจ้าเล่ห์อย่างเขา ปกติถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็จะเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน”พูดถึงตรงนี้ เฟิ่งชูอิ่งก็ถามเฉี่ยวหลิง “เขาบอกเจ้าด้วยหรือไม่ ว่าราชโองการนั้นอยู่ในจวนมหาราชครู?”เฉี่ยวหลิงพยักหน้า “ใช่!”ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะ “เรื่องนี้ พอคิดดูดีๆ ก็สมเหตุสมผล”“ของสำคัญที่สุดเก็บไว้ในที่ลับในบ้านตัวเอง เป็นเรื่องที่ทำให้คนหลงเชื่อได้ง่าย”เฟิ่งชูอิ่งกอดอก “ไป ไปดูราชโองการที่มหาราชครูตั้งใจให้เราดูกัน ว่าหน้าตามันจะเป็นอย่างไร”ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะ “ได้เลย อย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ไปเดินเล่นที่บ้านเขากัน”เฟิ่งชูอิ่งเบ้
เหมยตงเหยวนรีบเถียงว่า “ข้าเคยวางยาพิษนางตอนไหนกัน?”จิ้งจอกสือซานเหนียงหัวเราะเยาะ “เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีก เจ้านี่มันเลวถึงแก่นจริงๆ!”สิ้นเสียง นางก็เหวี่ยงดาบในมือรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมเฟิ่งชูอิ่งทนดูไม่ได้ จึงหาโอกาสแปะยันต์ตรึงกายาใส่จิ้งจอกสือซานเหนียงจิ้งจอกสือซานเหนียงขยับเขยื้อนไม่ได้ นางจึงเอ่ยด้วยความเดือดดาล “แกะยันต์ออกไป ข้าจะฆ่าไอ้คนทรยศนี่เพื่อแก้แค้นให้คุณหนู!”เฟิ่งชูอิ่งนวดขมับ “ถ้าเจ้าสงบพอจะพูดคุยกันอย่างมีสติได้เมื่อไหร่ ข้าจะปล่อยเจ้าเอง”“หากพ่อข้าเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริงๆ คงไม่ลำบากตามหาแม่ข้าจนถึงทุกวันนี้ แล้วก็คงใช้กระบี่ปลิดชีพเจ้าไปนานแล้ว”จิ้งจอกสือซานเหนียงโมโหจนหอบหายใจรุนแรง ก่อนจะกัดฟันตอบว่า “ก็ได้ ข้าอยากจะฟังเหมือนกันว่าเขาจะแก้ตัวอย่างไร!”ในใจของเหมยตงยวนเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง เขาเอ่ยถามว่า “เจ้าบอกว่าข้าวางยาพิษชิงหลิง มีหลักฐานหรือไม่? อยู่ดีๆ ข้าจะวางยาพิษนางเพื่ออะไรกันล่ะ?”จิ้งจอกสือซานเหนียงเบ้ปากใส่ “เจ้ายังกล้าถามเช่นนี้อีก หน้าด้านจริงๆ!”“ตอนแรกที่คุณหนูล้มป่วย เจ้าเป็นคนส่งยามาให้นางกินทุกวัน ซึ่งตอนนั้นอาการของคุณหนูก็ดีขึ้น
ก่อนหน้านี้นางได้ยินข่าวว่าเหมยตงยวนถูกฆ่าตายแล้ว นางรู้สึกสะใจมาก แต่ก็ยังรู้สึกว่าแค่นี้มันยังไม่พอคนอย่างเหมยตงยวนสมควรวิญญาณแตกสลายไม่ได้ผุดได้เกิด!เพียงแต่นางรู้ดีว่าเหมยตงยวนนั้นเก่งกาจมาก ถึงแม้เขาจะตายไปแล้วก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ดังนั้นนางจึงยิ่งฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อเพิ่มพลังปีศาจของตัวเองให้แกร่งกล้า นางถึงขั้นยอมใช้วิธีการที่ผิดบาป เมื่อครู่นี้นางได้ยินพวกนักพรตพูดว่าเหมยตงยวนใช้กระบี่เพียงเล่มเดียวสังหารเจ้าอาราม และใช้พลังของตนเองเพียงอย่างเดียว ขวางคนของอารามเทียนอี้ทั้งหมดไว้ได้จิ้งจอกสือซานเหนียงยอมรับว่านางไม่มีความสามารถเช่นนี้ เหมยตงยวนคนนี้แข็งแกร่งกว่าในความทรงจำของนางมากการจะฆ่าเหมยตงยวนนั้นยากกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้เฟิ่งชูอิ่งขมวดคิ้ว "พ่อข้าจะวางยาพิษฆ่าแม่ข้าได้อย่างไร?"จิ้งจอกสือซานเหนียงมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วบอกว่า "นอกจากเจ้าจะพบกับเหมยตงยวนแล้ว ยังหลงเชื่อคำพูดของเขาด้วยสินะ”"ตอนแรกคุณหนูไม่มีทางตายได้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะดื่มยาพิษที่เขาส่งมาให้ นางจะถูกพิษเล่นงานจนตายได้อย่างไร”"หลังจากคุณหนูตายไปแล้ว วิญญาณของนางก็น่าจะกลับไปยังปรโลก หรือเร่รอน
ตอนนี้ผิวน้ำเปื้อนไปด้วยเลือด ปลากินคนก็ยิ่งคลั่งหนัก พากันแหวกว่ายไปรวมตัวตรงจุดที่มีเลือดผุดขึ้นมากระดาษยันต์ไฟในมือของเฟิ่งชูอิ่งมอดดับลง พวกเขามองไม่เห็นสถานการณ์บนผิวน้ำอีกต่อไปแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ความน่าจะเป็นที่จิ่งสือเยี่ยนจะรอดชีวิตนั้นมีน้อยมากเนื่องจากจิ่งสือเยี่ยนเป็นพระเอกของเรื่อง เป็นผู้มีบุญญาธิการอย่างแท้จริง ตอนนี้ยังไม่เห็นศพของเขา เฟิ่งชูอิ่งก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะตายจริงหรือไม่เพราะจิ่งสือเยี่ยนตอนที่ถูกจิ้งจอกสือซานเหนียงดูดพลังไปเกือบหมด ยังสามารถหนีออกมาจากเงื้อมมือของนางได้ แล้วยังดวงดีบังเอิญไปเจอทางออกลับอีกเส้นด้วยโชคชะตาของเขาช่างแข็งแกร่งจริงๆเพื่อความปลอดภัย นางรู้สึกว่าพวกเขาควรจะต้องป้องกันไว้ก่อน “ถ้าจิ่งสือเยี่ยนยังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องหาวิธีติดต่อกับคนของเขาอย่างแน่นอน”จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้า “ข้าจะส่งคนไปดักเขาที่ทางออกของแม่น้ำใต้ดิน”“ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ต้องเห็นคน ตายแล้วต้องเห็นศพ”เฟิ่งชูอิ่งเห็นด้วยกับวิธีการของเขาเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างการไปดักฆ่าจิ่งสือเยี่ยน ไม่จำเป็นต้องให้เฟิ่งชูอิ่งเข้าร่วมด้วยหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยออกมาจา
เฟิ่งชูอิ่งดึงเขาไว้แล้วพูดว่า “อย่ากระโดดลงไป ในแม่น้ำใต้ดินนี้มีปลากินคน ถ้าเขากระโดดลงไปแบบนี้จะต้องถูกปลากินคนกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแน่นอน”จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองนาง คิดว่านางกำลังพูดไร้สาระ หรืออาจจะกำลังใช้เล่ห์กลทางจิตวิทยา หลอกให้จิ่งสือเยี่ยนเสียขวัญนางหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปที่ริมแม่น้ำ ดึงแผ่นไม้กั้นน้ำที่อยู่ริมฝั่งออกมาแผ่นหนึ่งเมื่อแผ่นไม้กั้นน้ำเปิดออก ก็มีปลาสีดำนับไม่ถ้วนพากันแหวกว่ายออกมาปลาเหล่านั้นมีลักษณะหัวโต ฟันแหลมคม ดูท่าทางดุร้ายมากจิ่งโม่เยี่ย “......”เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีปลากินคน?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “ชิงหยวนบอกข้า”ชิงหยวนทำหน้ามึนงงแล้วพูดว่า “เอ๊ะ? ข้าบอกเจ้าหรือ? ข้าบอกเจ้าตอนไหนกัน?”“แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่รู้เลย!”เขาก้มลงมองแผนที่เส้นทางลับ แต่บนแผนที่ก็ไม่ได้บอกว่าที่นี่มีปลากินคนอยู่ด้วย!เฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ข้าดูแผนที่ที่เจ้าวาดอย่างละเอียด แล้วก็ศึกษาภูมิศาสตร์ของอารามเทียนอี้”“โดยพื้นฐานแล้ว ทางลับทั้งหมดและภูมิศาสตร์ของอารามเทียนอี้อยู่ในรูปแบบของสัญลักษณ์บ่อน้ำ( )”“สัญลักษณ์บ
เดิมทีจิ่งโม่เยี่ยตั้งใจจะตามไปทางเรือ แต่เมื่อขึ้นไปบนเรือแล้วก็พบว่าก้นเรือรั่ว มีคนใช้กระบี่งัดก้นเรือจนเป็นรูขนาดใหญ่เขาไปดูอีกสองลำ ปรากฏว่าเป็นแบบเดียวกันหมดเฟิ่งชูอิ่งขมวดคิ้ว “จิ่งสือเยี่ยนทำอะไรก็รอบคอบเหมือนเดิมเลย”“เขาไม่เพียงแต่รอบคอบ แต่ยังเด็ดขาดมากด้วย”เรือพัง พวกเขาก็ไม่มีทางตามไปได้อีกในใจนางนึกชื่นชม สมกับเป็นพระเอกของนิยายต้นฉบับ มีโชคทางวาสนาหนุนหลัง สถานการณ์แบบนี้ยังหนีไปได้อีก สุดยอดจริงๆจิ่งโม่เยี่ยคำนวณระยะทางในใจ “เราขวางจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้แล้ว ครั้งนี้คงต้องสู้กันหนักแน่”เพียงแค่จิ่งสือเยี่ยนรวมพลกับกองกำลังของเขาได้ เขาก็จะมีทหารนับแสนในทันทีในสถานการณ์เช่นนี้ จิ่งโม่เยี่ยต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆเขานึกถึงคำทำนายที่เฟิ่งชูอิ่งเคยทำนายให้เขา เขาคิดว่านางทำนายได้แม่นยำมากจริงๆเฟิ่งชูอิ่งกัดริมฝีปากเบาๆ “สถานการณ์แบบนี้ เราทำได้แค่หาทางขวางเขาไว้ก่อน”“ถ้ามีโอกาสฆ่าเขาก่อนจะรวมพลกับกองกำลังได้ ก็ต้องลงมืออย่างเด็ดขาด”จิ่งโม่เยี่ยก็คิดเหมือนกับนางถึงแม้ว่าตอนนี้โอกาสที่จะตามเขาไปทันจะมีน้อย แต่พวกเขาก็ต้องลองดู จะไม่ยอมแพ้แบบนี้โดยเด็ดข
ชิงหยวนตอบว่า “ทางลับเส้นนี้เป็นความลับสุดยอดของอาราม ปกติจะไม่เปิดใช้งาน”“ข้าก็เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่”“ตามที่ข้าเห็นในแผนผัง น่าจะอยู่แถวนั้น”พูดจบ เขาก็ชี้ไปทางมุมหนึ่งอันที่จริงแล้วตอนอยู่ในทางลับ ทิศทางที่เขาชี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก เพราะมันมีทางหลักเพียงเส้นเดียวถ้ำของจิ้งจอกสือซานเหนียง เดิมทีถูกออกแบบโดยผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักลี้ลับ มีไว้สำหรับเก็บเสบียงอาหารเพียงแต่เนื่องจากเวลาผ่านไปนาน ทางเข้าเล็กๆ แห่งนั้นก็ถูกจิ้งจอกสือซานเหนียงทำกลไกบางอย่าง ดังนั้นคนของอารามเทียนอี้จึงไม่มีใครเดินผ่านไปทางนั้นเมื่อชิงหยวนพูดเรื่องนี้ออกมา ทุกคนก็รู้สึกว่าคนของสำนักลี้ลับช่างรักตัวกลัวตายจริงๆ สร้างทางลับยังต้องทำอะไรให้ซับซ้อนยุ่งยากขนาดนี้พวกเขาเดินไปตามทิศทางที่ชิงหยวนบอก แต่ก็ไม่พบทางลับตามที่เล่าลือกัน เฟิ่งชูอิ่งมองไปที่เขา “เจ้าจำผิดหรือเปล่า”ชิงหยวนดูไม่ค่อยแน่ใจ “ไม่น่าจะผิดนะ”พูดจบ เขาก็ดึงปิ่นไม้บนหัวออกมาแล้ววาดแผนที่ทางลับลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วาดทางแยกในตำแหน่งที่สอดคล้องกันเขายังไม่ได้วาดทางแยกเสร็จ ก็วาดสถานที่ที่ทาง
เฟิ่งชูอิ่งมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยหางตาแล้วตอบว่า “เรื่องของผู้ชายข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง”“ถ้าเจ้ายังคิดจะยุ่งกับเขาอีก ข้าไม่รังเกียจที่จะส่งยันต์ปัญจอัสนีบาตให้เจ้าอีกสักแผ่น”จิ้งจอกสือซานเหนียง “......”ในขณะนี้ นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างระหว่างเฟิ่งชูอิ่งกับเฟิ่งชิงหลิงผู้เป็นมารดาของนางตอนที่เฟิ่งชิงหลิงอยู่กับเหมยตงยวน ทั้งสองต่างระแวงและไม่เชื่อใจกันทุกครั้งที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เฟิ่งชิงหลิงแทบจะไม่เชื่อใจเหมยตงยวนเลยซึ่งเหมยตงยวนก็ทำร้ายเฟิ่งชิงหลิงจนบาดแผลมันฝังลึกเกินจะแก้ทั้งสองต่างไม่เชื่อใจกันตั้งแต่แรกเพราะความไม่เชื่อใจ จึงทำให้เมื่อเจอเรื่องอะไรก็จะคอยรแวงกันและกันนางมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วพูดว่า “สำหรับเจ้าแล้ว จิ่งโม่เยี่ยดีขนาดนั้นเลยหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วบอกว่า “ไม่ใช่เรื่องดีหรือไม่ดี แต่เขาเป็นคนของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับเขา”นางกับจิ่งโม่เยี่ยผ่านเรื่องราวมามากมาย จึงมีความเชื่อใจให้กันอย่างลึกซึ้งจิ่งโม่เยี่ยยืนอยู่ข้างหลังนาง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาชอบเวลาที่นางปกป้องเขาจิ้งจอกสือซานเหนียงแค่นเสี
“คุณหนูเดิมทีเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์แห่งแคว้นซีฉู่ ควรได้รับความเคารพนับถือและมีชีวิตที่มีความสุขไปตลอดชีวิต”“เพราะได้พบกับเขา นางถึงต้องเจอกับความเจ็บปวดมากมายขนาดนี้ แถมยังต้องเสียชีวิตอีก!”“เหมยตงยวนไอ้สารเลวนั่น ถึงจะเป็นพ่อแท้ๆ ของเจ้า แต่มันก็ไม่คู่ควรจะเป็นพ่อของเจ้าสักนิด!”พอได้ยินแบบนี้ เฟิ่งชูอิ่งก็รู้ทันทีว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเกลียดเหมยตงยวนเข้ากระดูกดำนางพูดเบาๆ ว่า “ระหว่างพ่อกับแม่ของข้ามีความเข้าใจผิดกันหลายอย่าง…”“ไม่ใช่ความเข้าใจผิด!” จิ้งจอกสือซานเหนียงขัดจังหวะนางแล้วพูดว่า “เหมยตงยวนคงบอกเจ้าว่าเรื่องระหว่างเขากับคุณหนูเป็นเรื่องเข้าใจผิดสินะ?”เฟิ่งชูอิ่งยังไม่ทันได้ตอบ จิ้งจอกสือซานเหนียงก็ด่าต่อว่า “คนแบบมันนี่หน้าด้านที่สุดเลย!”“คุณหนูทุ่มเททุกอย่างให้กับมัน แต่มันกลับเอาแต่หลอกใช้คุณหนู”“มันปล่อยให้เจ้าอารามคนเก่าและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักลี้ลับรังแกคุณหนู แล้วยังแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอีก”“คุณหนูต้องเจอกับความทุกข์ยากลำบากมากมายเพราะมัน แต่มันก็ยังกล้าทำร้ายคุณหนูอีก!”“ถ้าเรื่องพวกนี้เรียกว่าเรื่องเข้าใจผิด งั้นมันก็เป็นไอ้สารเลวแล้ว!
เฟิ่งชูอิ่งมองนางแล้วพูดว่า “ในใจเจ้ามีคำตอบอยู่แล้ว จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะ”จิ้งจอกสือซานเหนียงถอนหายใจยาวแล้วเอ่ยว่า “เจ้าพูดถูก เจ้ากับคุณหนูหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ เจ้าต้องเป็นลูกของคุณหนูอยู่แล้วล่ะ”“ถ้าคุณหนูรู้ว่าเจ้าไม่เพียงแต่รอดชีวิตมาได้ แถมยังมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ นางต้องดีใจมากแน่ๆ”อารมณ์ของนางค่อยๆ สงบลง สมองก็เริ่มกลับมาประมวลผลได้นางมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าเขาเป็นสามีของเจ้า งั้นเจ้าก็คือเฟิ่งชูอิ่งงั้นหรือ”เฟิ่งชูอิ่งมองนางด้วยความไม่เข้าใจแล้วพูดว่า “ตอนที่เจ้าอยู่ข้างกายท่านแม่ข้า ข้าก็เกิดออกมาแล้ว เจ้าไม่รู้จักชื่อข้าหรือ?”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ตอนคุณหนูคลอดเจ้า นางคลอดยากมาก นางใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อคลอดเจ้าออกมา”“คุณหนูบอกว่าตอนเจ้าเกิดมา ทั้งแม่และลูกต่างก็เดินอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย นางไม่ได้ต้องการอะไรจากเจ้า ขอแค่เจ้าปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรงก็พอ”“ดังนั้นนางจึงตั้งชื่อเล่นให้เจ้าว่าผิงอัน ปกติพวกเราจะเรียกเจ้าว่าอันอัน”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจ เพราะเรื่องนี้เหมยตงยวนไม่เคยรู้