เมื่อนางพูดประโยคนี้ขึ้นมา ทั้งปู๋เยี่ยโหวและเฉี่ยวหลิงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่มหาราชครูสามารถเป็นที่เคารพนับถือในวงการบัณฑิตได้ นอกจากนิสัยส่วนตัวแล้ว ความสามารถของเขาก็ต้องไม่ธรรมดาเขาต้องผ่านการศึกษาตำรามามากมาย แน่นอนว่าลายมือก็ต้องสวยมากโดยทั่วไป ลายมือของคนเราจะได้รับอิทธิพลจากความเคยชิน มักจะมองออกได้บ้างแต่คนละคนเขียนตัวอักษรต่างกัน ลายมือก็จะดูแตกต่างกันและบางคนที่ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง การจงใจเปลี่ยนลายมือก็ไม่ใช่เรื่องยากในสถานการณ์เช่นนั้น รอบตัวฮ่องเต้เจาหยวนมีคนมากมาย แต่กลับเลือกมหาราชครู นอกจากพวกเขาจะมีผลประโยชน์ร่วมกันแล้ว อาจเป็นเพราะเขามีความสามารถพิเศษเฟิ่งชูอิ่งรู้สึกว่าคนอย่างมหาราชครูที่ยอมกินขี้เพื่อเอาชีวิตรอด ต่อให้เฉี่ยวหลิงจะทรมานเขาอย่างไร เขาก็ไม่น่าจะเป็นบ้าเสียสติได้เร็วขนาดนี้ดังนั้น นางจึงสรุปว่ามหาราชครูแกล้งบ้าเพียงแต่ช่วงนี้เขาโดนเฉี่ยวหลิงสั่งสอนบ่อยๆ ทักษะการแกล้งบ้าของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือการแสดงของเขา การหลอกเฉี่ยวหลิงที่คิดอะไรอย่างตรงไปตรงมานั้นไม่ใช่เรื่องยากปู๋เยี่ยโ
อยากจะยืมมือนางมาหลอกจิ่งโม่เยี่ยและปู๋เยี่ยโหวในขณะนั้น เฉี่ยวหลิงรู้สึกว่าการที่จะทำให้มหาราชครูได้ลิ้มรสความเจ็บปวดยิ่งกว่าตายนั้น คงไม่ใช่เรื่องง่ายเฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ข้าอยู่ที่นี่ทั้งคน จะไม่ยอมให้เขารังแกเจ้าเด็ดขาด”เฉี่ยวหลิงพยักหน้าอย่างหนักแน่นปู๋เยี่ยโหวครุ่นคิด “ถ้าราชโองการนั้นมีปัญหา มหาราชครูวางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “น่าจะเป็นตอนที่เขาถูกขังอยู่ในจวนมหาราชครู เขาก็เลยวางแผนแบบนี้ไว้”“คนเจ้าเล่ห์อย่างเขา ปกติถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็จะเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน”พูดถึงตรงนี้ เฟิ่งชูอิ่งก็ถามเฉี่ยวหลิง “เขาบอกเจ้าด้วยหรือไม่ ว่าราชโองการนั้นอยู่ในจวนมหาราชครู?”เฉี่ยวหลิงพยักหน้า “ใช่!”ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะ “เรื่องนี้ พอคิดดูดีๆ ก็สมเหตุสมผล”“ของสำคัญที่สุดเก็บไว้ในที่ลับในบ้านตัวเอง เป็นเรื่องที่ทำให้คนหลงเชื่อได้ง่าย”เฟิ่งชูอิ่งกอดอก “ไป ไปดูราชโองการที่มหาราชครูตั้งใจให้เราดูกัน ว่าหน้าตามันจะเป็นอย่างไร”ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะ “ได้เลย อย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ไปเดินเล่นที่บ้านเขากัน”เฟิ่งชูอิ่งเบ้
เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “เขาตายไปนานแล้ว ตอนนี้เป็นเพียงวิญญาณร้าย คำว่าวิญญาณร้ายอาฆาตใช้บรรยายถึงเขาได้เหมาะสมที่สุดแล้ว”ปู๋เยี่ยโหวกล่าวเบาๆ ว่า “เจ้าสุนัขตัวนี้ดูเหมือนจะชั่วร้ายกว่าเมื่อก่อนอีกนะ?”ตอนนี้เทียนซือไม่มีท่าทีสงบนิ่งดุจเซียนเหมือนตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ วิญญาณทั้งหมดแผ่รังสีอำมหิตออกมาเด่นชัดช่วงนี้เหมยตงยวนตามหาเทียนซือไปทั่วเมืองหลวง แต่เขาก็หายตัวไปราวกับหมอกควันไม่รู้ว่าช่วงนี้เขาไปหลบอยู่ที่ไหนการที่เขากล้าปรากฏตัวที่นี่ในตอนนี้ คงเป็นเพราะเจ้าสุนัขตัวนี้ คงจะใช้วิธีการบางอย่างไล่เหมยตงยวนออกไปเจ้าสารเลวนี่คงเห็นว่าพวกเขารังแกง่าย เจาะจงเลือกเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่าตัวเองเฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “เขาฝึกวิชาชั่วร้าย ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นแบบนี้”โดยพื้นฐานแล้ว ตอตที่นาง “ถูกเผาตาย” ครั้งที่แล้ว ก็เป็นเพราะเทียนซือนางกับเทียนซือเป็นศัตรูคู่แค้นกันอย่างแท้จริงหากวิญญาณของเทียนซือยังไม่สลายไป ความแค้นของพวกเขาก็จะไม่จบสิ้นเฟิ่งชูอิ่งยิ้มทักทายเทียนซือ “เจ้าคนขี้ขลาดที่เอาแต่ซุกหัวอยู่ในรู เราเจอกันอีกแล้ว”เมื่อเทียนซือได้ยินคำนี้ก็หัวเราะเยาะ “วันนี้ไม่มีใครช่ว
เขาครุ่นคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนหรือผีกันแน่แต่บนใบหน้ากลับไม่แสดงออกแม้แต่น้อย ยิ้มแล้วพูดว่า “อืมๆ มีสาวงามอยู่เป็นเพื่อน ข้าจะต้องกลัวอะไรล่ะ?”พูดจบก็ถามหญิงสาวคนนั้นว่า “เจ้าชื่ออะไร?”สาวงามตอบว่า “พวกเขาเรียกข้าว่า จิ้งจอกสือซานเหนียง”พอได้ยินคำนี้ ปู๋เยี่ยโหวก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นปีศาจจิ้งจอก ไม่ใช่ผีเขาจึงพูดว่า “สือซานเหนียง? ชื่อนี้น่าสนใจดีนะ ที่บ้านเจ้าคงมีพี่น้องเยอะสินะ?”สมัยที่ปู๋เยี่ยโหวเที่ยวหอคณิกา เขาเป็นที่ถูกอกถูกใจของหญิงคณิกาอย่างมากเขามีประสบการณ์การพูดคุยกับผู้คนมากมาย หาจุดเริ่มต้นบทสนทนาได้ง่ายมากจิ้งจอกสือซานเหนียงยิ้มบางๆ “ใช่ บ้านข้ามีคนเยอะแยะเลย”“ถ้ามีโอกาส ข้าจะเชิญท่านไปเที่ยวที่บ้านข้า พี่น้องของข้าต้องชอบท่านแน่ๆ”ปู๋เยี่ยโหวยิ้มแย้ม “ดี ดี พี่น้องของเจ้าสวยเหมือนเจ้าไหม?”จิ้งจอกสือซานเหนียงพยักหน้า “แน่นอน”พูดจบนางก็เข้าไปแนบชิดปู๋เยี่ยโหว ดันร่างกายที่อ่อนนุ่มแนบชิดร่างกายของเขาในขณะเดียวกัน มือที่วางอยู่บนไหล่ของปู๋เยี่ยโหวก็มีเล็บที่แหลมคมงอกออกมาปู๋เยี่ยโหวดูเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย ดวงตาที่สวยงามของเขาจ้องมอง
เขาพูดพลางชักกระบี่ออกมา “ถ้าเจ้ายังไม่ตาย ข้าจะฟันซ้ำอีกสองสามครั้ง!”จิ้งจอกสือซานเหนียง “……”ใครบอกว่าปู๋เยี่ยโหวชอบผู้หญิง ไม่เคยลงมือกับสตรี?นางใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดปัดป้องกระบี่ของปู๋เยี่ยโหวปู๋เยี่ยโหวรู้สึกว่ากระบี่ของตนฟันลงไปเหมือนฟันโดนก้อนสำลีเขามั่นใจในเพลงกระบี่ของตนเองมาก ฟันไม่โดนครั้งหนึ่ง ก็ฟันอีกครั้งอย่างไรเสียปีศาจที่อยู่กับเทียนซือก็ไม่ใช่ปีศาจดีอะไรหรอกจิ้งจอกสือซานเหนียงร้องห้าม “เดี๋ยวก่อน!”ปู๋เยี่ยโหวไม่ฟังนาง ฟันกระบี่ลงมาทันทีจิ้งจอกสือซานเหนียงต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีตะเกียกตะกายขึ้นมาแต่นางยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน ก็ถูกใครบางคนเตะจนกระเด็นออกไปเฉี่ยวหลิงด่า “นางจิ้งจอกหน้าด้าน แม้แต่ผู้ชายของข้าก็ยังกล้ามาอ่อย!”ปู๋เยี่ยโหวตกใจสุดสีหน้า “ข้าเป็นผู้ชายของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”เฉี่ยวหลิงตอบหน้าตาเฉย “เจ้าเป็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายข้า เรียกสั้นๆ ว่าผู้ชายของข้า เจ้ามีปัญหาหรือ?”ปู๋เยี่ยโหว “……”เขามีปัญหา แต่บอกไปนางก็คงไม่ฟังเขาจึงพูดว่า “ใช่ๆๆ ข้าเป็นผู้ชายของเจ้า”จิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นท่าไม่ดี รีบหันหลังวิ่งหนีทันทีพลังโจมตีข
เฉี่ยวหลิงตอบว่า “เทียนซือสารเลวคนนั้นได้เรียกผู้ช่วยที่เก่งกาจมาหลายคน ที่นี่ถูกวางกลไกใหญ่ครอบทับเอาไว้”“ตอนที่เทียนซือลงมือ ข้าก็แยกจากคุณหนูแล้ว”ปู๋เยี่ยโหวขมวดคิ้วพูดว่า “ถ้าชูชูต้องเผชิญหน้ากับเทียนซือคนเดียว คงจะอันตรายน่าดู”เฉี่ยวหลิงพยักหน้า “ดังนั้นข้าจึงอยากจะทำลายกลไกนี้”“กลไกนี้น่าจะเป็นฝีมือจิ้งจอกตัวนั้นวางเอาไว้ ถ้าฆ่าจิ้งจอกได้ กลไกนี้ก็น่าจะถูกทำลาย”พูดถึงตรงนี้นางก็จ้องปู๋เยี่ยโหวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดเป็นความผิดเจ้า ที่ปล่อยให้จิ้งจอกตัวนั้นหนีไป!”ช่วงนี้นางติดตามเหมยตงหยวนและฝึกฝนมาตลอด จึงเข้าใจเรื่องศาสตร์ลี้ลับมากขึ้นนางฝึกฝนในร่างวิญญาณร้าย แม้จะไม่ได้ก้าวหน้าเร็วนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็นับว่าได้เรียนรู้หลายสิ่งถึงตอนนี้แม้นางจะยังเป็นวิญญาณร้าย แต่ร่างกายกลับมีกลิ่นอายของศาสตร์ลี้ลับที่ไม่เข้ากับวิญญาณร้ายยันต์บนตัวปู๋เยี่ยโหวพัดเฉี่ยวหลิงกระเด็นไป เรื่องนี้เขาไม่อยากรับผิดก็ต้องรับเขาถามเฉี่ยวหลิง “แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรต่อ?”สายตาของเฉี่ยวหลิงตกลงบนหางจิ้งจอกเส้นนั้นนางพูดอย่างครุ่นคิด “ถ้ากลไกนี้เป็นฝีมือจิ้งจอกตัวนี้ หางจิ้งจอกที่เป็นขอ
เทียนซือหัวเราะเยาะ “เจ้ายังปากแข็งแม้ยามใกล้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะลั่น จากนั้นจึงกระดิกนิ้วเรียกเขา “ถ้าเจ้าคิดว่าข้าใกล้ตายแล้ว ก็เข้ามาฆ่าข้าสิ!”เทียนซือ “......”ยิ่งนางดูสงบนิ่งเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านางต้องมีแผนเตรียมเอาไว้กับดักนี้ร้ายกาจมาก ตราบใดที่นางขยับเพียงนิดเดียว ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแต่นางกลับไม่ขยับเลย!เทียนซือสงสัยอย่างมากว่าหากเขาเข้าไปใกล้นาง นางจะต้องใช้วิธีบางอย่างเล่นงานเขาแน่ที่ครั้งก่อนเขาสามารถเผานางได้ ก็เพราะนางถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืน ไม่มีเครื่องรางและยันต์อยู่ใกล้มือครั้งนี้ที่ต้องเผชิญหน้ากับนางเช่นนี้ เขาไม่มีความมั่นใจเลยจริงๆช่วงนี้เขาถูกเหมยตงยวนไล่ฆ่าจนต้องหลบหนีไปทั่ว จนเกิดเป็นความกลัวฝังใจโอกาสครั้งนี้กว่าจะหามาได้ เขาไม่อยากปล่อยเฟิ่งชูอิ่งไปจริงๆดังนั้นเขาจึงเรียกวิญญาณร้ายตนหนึ่งมาโจมตีเฟิ่งชูอิ่งแต่วิญญาณร้ายยังไม่ทันได้เข้าใกล้เฟิ่งชูอิ่ง ก็ถูกนางจัดการด้วยยันต์เพียงใบเดียวเฟิ่งชูอิ่งทำหน้ารังเกียจ “แค่นี้ก็คิดจะมาฆ่าข้า ใครกันที่ให้ความกล้าเจ้ามา”เทียนซือ “......”เขาก็ค้นพบเช่นกันว่า เฟิ่งชูอิ่งเก่งกว่า
พอเห็นสถานการณ์ไม่ดี เทียนซือก็คิดจะถอยทัพทันทีแต่กลับพบว่าหนีไปไหนไม่ได้ เพราะมียันต์ตรึงร่างอยู่เทียนซืออยากสบถเป็นพันคำ!แล้วในตอนนั้นเอง สายฟ้าฟาดครั้งที่สองก็ตามมาเทียนซือฝึกวิชาศาสตร์ชั่วร้าย ซึ่งฟ้าผ่าเป็นขั้วขัดแย้งกับศาสตร์ชั่วร้ายในพริบตาถัดมา เทียนซือก็ถูกฟ้าผ่าจนควันโขมง พลังป้องกันทั้งหมดถูกทำลายในขณะเดียวกัน ยันต์สายฟ้าก็ไปกระตุ้นยันต์อื่นๆในชั่วพริบตาเดียว เพลิงและน้ำก็พุ่งเข้าใส่เทียนซืออย่างบ้าคลั่งเขาเป็นศูนย์กลาง รายล้อมด้วยฟ้าแลบฟ้าร้องเทียนซือ “......”นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาโดนยันต์เยอะขนาดนี้ แถมยันต์ของเฟิ่งชูอิ่งยังทรงพลังมากอีกด้วยผมของเขายังถูกมัดไว้อีก จะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใครได้?ตอนสู้กับเหมยตงยวนเทียนซือยังไม่เคยต้องเจออะไรอัดอั้นตันใจขนาดนี้มาก่อนฟ้าผ่าห้าครั้ง ทำให้ร่างวิญญาณของเทียนซือเริ่มจางลงและเปลวเพลิงก็ยังคงลุกโชนเทียนซือคิดว่าวันนี้ต่อให้ไม่ตายเพราะฟ้าผ่า ก็ต้องตายเพราะไฟคลอกแน่ๆเปลวเพลิงที่รุนแรงได้เผาไหม้ผมของเขาจนขาด ร่างของเขาลอยไปด้านหลังเฟิ่งชูอิ่งกลัวว่าวงเวทจะถูกกระตุ้น จึงยังไม่กล้าขยับ นางหยิบ
เพียงแต่เขาดูแข็งแกร่งเกินไป แล้วยังมีวิชาเต๋าที่แกร่งกล้าคอยค้ำจุนเอาไว้ เขาไม่ยอมแสดงด้านที่อ่อนแอให้นางเห็น นางก็เลยไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนนางรู้ว่าความปรารถนาอันแรงกล้าที่สุดในใจของเขาคือเฟิ่งชิงหลิง ตอนนี้พอรู้ว่าเฟิ่งชิงหลิงวิญญาณแหลกสลายไปแล้ว ปณิธานดังกล่าวก็เลือนหายไปด้วยที่เขาทนมาได้จนถึงทุกวันนี้ ล้วนเป็นเพราะความปรารถนานั้น ตอนนี้ไม่เหลืออะไรให้ยึดเหนี่ยวอีกแล้วจิ้งจอกสือซานเหนียงก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ นางมองดูแสงดาวที่สลายไปของเหมยตงยวนอย่างเหม่อลอย แล้วถอนหายใจยาวนางเป็นปีศาจจิ้งจอก คิดว่าตัวเองเข้าใจด้านมืดของจิตใจมนุษย์แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกว่า ความรักที่ซ่อนเร้นไว้ มักจะถูกคนอื่นประเมินค่าต่ำไปสิ่งที่นางคิดว่าเป็นความเฉยชา กลับเต็มไปด้วยความรักที่ลึกซึ้งที่สุดในโลกความปรารถนาเดิมของนางคือการฆ่าเหมยตงยวน แต่ตอนนี้เหมยตงยวนตายไปแล้ว นางกลับรู้สึกเสียใจอย่างมากระหว่างที่ทั้งสองจมอยู่ในความโศกเศร้า ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนแอบเข้ามาใกล้กว่าเฟิ่งชูอิ่งจะรับรู้ถึงความผิดปกติที่คืบคลานเข้ามา ก็สายเกินไปเสียแล้ว มีฝ่ามือสับลงที่สันคอของนางอย่างแรงนางหันก
เฟิ่งชูอิ่งรีบหยิบยันต์ออกมาแผ่นหนึ่งแปะลงบนตัวเหมยตงยวน เพื่อระงับโทสะและพลังอำนาจด้านมืดที่พลุ่งพล่านออกมาจากตัวเขานางร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง “ท่านพ่อ!”แต่เหมยตงยวนไม่ได้หันมองนาง เพียงพึมพำว่า “ข้าเป็นคนฆ่าเฟิ่งชิงหลิง ข้าเป็นคนทำให้นางต้องตาย!”“ตอนนั้นทำไมข้าต้องออกไปทำภารกิจด้วย ข้าควรจะฆ่าเจ้าสำนักให้เร็วกว่านี้”เดิมทีจิ้งจอกสือซานเหนียงมั่นใจว่าเฟิ่งชิงหลิงถูกเขาฆ่าตาย แต่เมื่อเห็นสภาพเขาเช่นนี้ก็รู้ว่าตนเองคิดผิดเพราะเฟิ่งชิงหลิงวิญญาณสลายไปแล้ว เหมยตงยวนก็ตายไปแล้วเช่นกันในสถานการณ์เช่นนี้ เหมยตงยวนไม่จำเป็นต้องหลอกนางอีกจิ้งจอกสือซานเหนียงฝึกฝนอย่างหนักตลอดหลายปีมานี้ก็เพื่อฆ่าเหมยตงยวน แต่ตอนนี้นางกลับพบว่า ความเกลียดชังที่นางมีต่อเหมยตงยวนมานานหลายปีกลับสูญเปล่าตอนนี้นางรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปนางพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ในเมื่อเจ้ามีคุณหนูอยู่ในใจ ทำไมตอนนั้นถึงไม่แสดงออกให้ชัดเจนกว่านี้?”“คุณหนูเคยคิดว่าเจ้าไม่เคยรักนางสักนิด ซ้ำยังคิดว่าเจ้าเกลียดชังนางด้วย”ตอนที่เฟิ่งชิงหลิงยังมีชีวิตอยู่ นางคิดมาตลอดว่าสาเหตุที่เหมยตงยวนบุกเข้าไปในดินแ
“เจ้าสำนักมีของวิเศษชิ้นหนึ่ง สามารถเปลี่ยนร่างเป็นคนอื่นได้ตามใจชอบ”“ข้าถูกเขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก จึงรู้จักข้าดีที่สุด ดังนั้นการที่เขาจะเปลี่ยนร่างเป็นข้าจึงเป็นเรื่องง่ายมาก”เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งเฟิ่งชูอิ่งและจิ้งจอกสือซานเหนียงก็ตกตะลึงเหมยตงยวนกำมือแน่น “ข้าคือผู้ที่เขาเลือกเฟ้นอย่างดีให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป”“เขาคิดว่าการจะเป็นเจ้าสำนักได้ต้องตัดเยื่อใยไร้ความรัก เมื่อเฟิ่งชิงหลิงตาย ข้าก็จะไม่มีพันธะใดๆ ในโลกนี้อีก ตอนนั้นข้าถึงจะคู่ควรกับตำแหน่งเจ้าสำนักลี้ลับ”“แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยทะเลาะกับเขาอย่างรุนแรงเรื่องของชิงหลิง เขาจึงไม่กล้าลงมือทำอะไรอีก”“แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้!”ก่อนออกไปทำภารกิจ เขาแอบไปเยี่ยมเฟิ่งชิงหลิง พบว่าอาการของนางดีขึ้นมากแล้วด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงวางใจออกไปทำภารกิจด้านนอกแต่เมื่อเขาย้อนกลับมาอีกครั้ง นางก็จากไปแล้วเหมยตงยวนเคยติดใจสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่เพราะเขาสืบไม่พบเบาะแสใดใดยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเฟิ่งชิงหลิงเสียชีวิตแล้ว เขาก็หาดวงวิญญาณของนางไม่พบ จึงคิดไปว่านางคงไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกต่อไปใน
เหมยตงเหยวนรีบเถียงว่า “ข้าเคยวางยาพิษนางตอนไหนกัน?”จิ้งจอกสือซานเหนียงหัวเราะเยาะ “เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีก เจ้านี่มันเลวถึงแก่นจริงๆ!”สิ้นเสียง นางก็เหวี่ยงดาบในมือรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมเฟิ่งชูอิ่งทนดูไม่ได้ จึงหาโอกาสแปะยันต์ตรึงกายาใส่จิ้งจอกสือซานเหนียงจิ้งจอกสือซานเหนียงขยับเขยื้อนไม่ได้ นางจึงเอ่ยด้วยความเดือดดาล “แกะยันต์ออกไป ข้าจะฆ่าไอ้คนทรยศนี่เพื่อแก้แค้นให้คุณหนู!”เฟิ่งชูอิ่งนวดขมับ “ถ้าเจ้าสงบพอจะพูดคุยกันอย่างมีสติได้เมื่อไหร่ ข้าจะปล่อยเจ้าเอง”“หากพ่อข้าเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริงๆ คงไม่ลำบากตามหาแม่ข้าจนถึงทุกวันนี้ แล้วก็คงใช้กระบี่ปลิดชีพเจ้าไปนานแล้ว”จิ้งจอกสือซานเหนียงโมโหจนหอบหายใจรุนแรง ก่อนจะกัดฟันตอบว่า “ก็ได้ ข้าอยากจะฟังเหมือนกันว่าเขาจะแก้ตัวอย่างไร!”ในใจของเหมยตงยวนเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง เขาเอ่ยถามว่า “เจ้าบอกว่าข้าวางยาพิษชิงหลิง มีหลักฐานหรือไม่? อยู่ดีๆ ข้าจะวางยาพิษนางเพื่ออะไรกันล่ะ?”จิ้งจอกสือซานเหนียงเบ้ปากใส่ “เจ้ายังกล้าถามเช่นนี้อีก หน้าด้านจริงๆ!”“ตอนแรกที่คุณหนูล้มป่วย เจ้าเป็นคนส่งยามาให้นางกินทุกวัน ซึ่งตอนนั้นอาการของคุณหนูก็ดีขึ้น
ก่อนหน้านี้นางได้ยินข่าวว่าเหมยตงยวนถูกฆ่าตายแล้ว นางรู้สึกสะใจมาก แต่ก็ยังรู้สึกว่าแค่นี้มันยังไม่พอคนอย่างเหมยตงยวนสมควรวิญญาณแตกสลายไม่ได้ผุดได้เกิด!เพียงแต่นางรู้ดีว่าเหมยตงยวนนั้นเก่งกาจมาก ถึงแม้เขาจะตายไปแล้วก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ดังนั้นนางจึงยิ่งฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อเพิ่มพลังปีศาจของตัวเองให้แกร่งกล้า นางถึงขั้นยอมใช้วิธีการที่ผิดบาป เมื่อครู่นี้นางได้ยินพวกนักพรตพูดว่าเหมยตงยวนใช้กระบี่เพียงเล่มเดียวสังหารเจ้าอาราม และใช้พลังของตนเองเพียงอย่างเดียว ขวางคนของอารามเทียนอี้ทั้งหมดไว้ได้จิ้งจอกสือซานเหนียงยอมรับว่านางไม่มีความสามารถเช่นนี้ เหมยตงยวนคนนี้แข็งแกร่งกว่าในความทรงจำของนางมากการจะฆ่าเหมยตงยวนนั้นยากกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้เฟิ่งชูอิ่งขมวดคิ้ว "พ่อข้าจะวางยาพิษฆ่าแม่ข้าได้อย่างไร?"จิ้งจอกสือซานเหนียงมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วบอกว่า "นอกจากเจ้าจะพบกับเหมยตงยวนแล้ว ยังหลงเชื่อคำพูดของเขาด้วยสินะ”"ตอนแรกคุณหนูไม่มีทางตายได้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะดื่มยาพิษที่เขาส่งมาให้ นางจะถูกพิษเล่นงานจนตายได้อย่างไร”"หลังจากคุณหนูตายไปแล้ว วิญญาณของนางก็น่าจะกลับไปยังปรโลก หรือเร่รอน
ตอนนี้ผิวน้ำเปื้อนไปด้วยเลือด ปลากินคนก็ยิ่งคลั่งหนัก พากันแหวกว่ายไปรวมตัวตรงจุดที่มีเลือดผุดขึ้นมากระดาษยันต์ไฟในมือของเฟิ่งชูอิ่งมอดดับลง พวกเขามองไม่เห็นสถานการณ์บนผิวน้ำอีกต่อไปแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ความน่าจะเป็นที่จิ่งสือเยี่ยนจะรอดชีวิตนั้นมีน้อยมากเนื่องจากจิ่งสือเยี่ยนเป็นพระเอกของเรื่อง เป็นผู้มีบุญญาธิการอย่างแท้จริง ตอนนี้ยังไม่เห็นศพของเขา เฟิ่งชูอิ่งก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะตายจริงหรือไม่เพราะจิ่งสือเยี่ยนตอนที่ถูกจิ้งจอกสือซานเหนียงดูดพลังไปเกือบหมด ยังสามารถหนีออกมาจากเงื้อมมือของนางได้ แล้วยังดวงดีบังเอิญไปเจอทางออกลับอีกเส้นด้วยโชคชะตาของเขาช่างแข็งแกร่งจริงๆเพื่อความปลอดภัย นางรู้สึกว่าพวกเขาควรจะต้องป้องกันไว้ก่อน “ถ้าจิ่งสือเยี่ยนยังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องหาวิธีติดต่อกับคนของเขาอย่างแน่นอน”จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้า “ข้าจะส่งคนไปดักเขาที่ทางออกของแม่น้ำใต้ดิน”“ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ต้องเห็นคน ตายแล้วต้องเห็นศพ”เฟิ่งชูอิ่งเห็นด้วยกับวิธีการของเขาเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างการไปดักฆ่าจิ่งสือเยี่ยน ไม่จำเป็นต้องให้เฟิ่งชูอิ่งเข้าร่วมด้วยหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยออกมาจา
เฟิ่งชูอิ่งดึงเขาไว้แล้วพูดว่า “อย่ากระโดดลงไป ในแม่น้ำใต้ดินนี้มีปลากินคน ถ้าเขากระโดดลงไปแบบนี้จะต้องถูกปลากินคนกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแน่นอน”จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองนาง คิดว่านางกำลังพูดไร้สาระ หรืออาจจะกำลังใช้เล่ห์กลทางจิตวิทยา หลอกให้จิ่งสือเยี่ยนเสียขวัญนางหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปที่ริมแม่น้ำ ดึงแผ่นไม้กั้นน้ำที่อยู่ริมฝั่งออกมาแผ่นหนึ่งเมื่อแผ่นไม้กั้นน้ำเปิดออก ก็มีปลาสีดำนับไม่ถ้วนพากันแหวกว่ายออกมาปลาเหล่านั้นมีลักษณะหัวโต ฟันแหลมคม ดูท่าทางดุร้ายมากจิ่งโม่เยี่ย “......”เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีปลากินคน?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “ชิงหยวนบอกข้า”ชิงหยวนทำหน้ามึนงงแล้วพูดว่า “เอ๊ะ? ข้าบอกเจ้าหรือ? ข้าบอกเจ้าตอนไหนกัน?”“แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่รู้เลย!”เขาก้มลงมองแผนที่เส้นทางลับ แต่บนแผนที่ก็ไม่ได้บอกว่าที่นี่มีปลากินคนอยู่ด้วย!เฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ข้าดูแผนที่ที่เจ้าวาดอย่างละเอียด แล้วก็ศึกษาภูมิศาสตร์ของอารามเทียนอี้”“โดยพื้นฐานแล้ว ทางลับทั้งหมดและภูมิศาสตร์ของอารามเทียนอี้อยู่ในรูปแบบของสัญลักษณ์บ่อน้ำ( )”“สัญลักษณ์บ
เดิมทีจิ่งโม่เยี่ยตั้งใจจะตามไปทางเรือ แต่เมื่อขึ้นไปบนเรือแล้วก็พบว่าก้นเรือรั่ว มีคนใช้กระบี่งัดก้นเรือจนเป็นรูขนาดใหญ่เขาไปดูอีกสองลำ ปรากฏว่าเป็นแบบเดียวกันหมดเฟิ่งชูอิ่งขมวดคิ้ว “จิ่งสือเยี่ยนทำอะไรก็รอบคอบเหมือนเดิมเลย”“เขาไม่เพียงแต่รอบคอบ แต่ยังเด็ดขาดมากด้วย”เรือพัง พวกเขาก็ไม่มีทางตามไปได้อีกในใจนางนึกชื่นชม สมกับเป็นพระเอกของนิยายต้นฉบับ มีโชคทางวาสนาหนุนหลัง สถานการณ์แบบนี้ยังหนีไปได้อีก สุดยอดจริงๆจิ่งโม่เยี่ยคำนวณระยะทางในใจ “เราขวางจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้แล้ว ครั้งนี้คงต้องสู้กันหนักแน่”เพียงแค่จิ่งสือเยี่ยนรวมพลกับกองกำลังของเขาได้ เขาก็จะมีทหารนับแสนในทันทีในสถานการณ์เช่นนี้ จิ่งโม่เยี่ยต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆเขานึกถึงคำทำนายที่เฟิ่งชูอิ่งเคยทำนายให้เขา เขาคิดว่านางทำนายได้แม่นยำมากจริงๆเฟิ่งชูอิ่งกัดริมฝีปากเบาๆ “สถานการณ์แบบนี้ เราทำได้แค่หาทางขวางเขาไว้ก่อน”“ถ้ามีโอกาสฆ่าเขาก่อนจะรวมพลกับกองกำลังได้ ก็ต้องลงมืออย่างเด็ดขาด”จิ่งโม่เยี่ยก็คิดเหมือนกับนางถึงแม้ว่าตอนนี้โอกาสที่จะตามเขาไปทันจะมีน้อย แต่พวกเขาก็ต้องลองดู จะไม่ยอมแพ้แบบนี้โดยเด็ดข
ชิงหยวนตอบว่า “ทางลับเส้นนี้เป็นความลับสุดยอดของอาราม ปกติจะไม่เปิดใช้งาน”“ข้าก็เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่”“ตามที่ข้าเห็นในแผนผัง น่าจะอยู่แถวนั้น”พูดจบ เขาก็ชี้ไปทางมุมหนึ่งอันที่จริงแล้วตอนอยู่ในทางลับ ทิศทางที่เขาชี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก เพราะมันมีทางหลักเพียงเส้นเดียวถ้ำของจิ้งจอกสือซานเหนียง เดิมทีถูกออกแบบโดยผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักลี้ลับ มีไว้สำหรับเก็บเสบียงอาหารเพียงแต่เนื่องจากเวลาผ่านไปนาน ทางเข้าเล็กๆ แห่งนั้นก็ถูกจิ้งจอกสือซานเหนียงทำกลไกบางอย่าง ดังนั้นคนของอารามเทียนอี้จึงไม่มีใครเดินผ่านไปทางนั้นเมื่อชิงหยวนพูดเรื่องนี้ออกมา ทุกคนก็รู้สึกว่าคนของสำนักลี้ลับช่างรักตัวกลัวตายจริงๆ สร้างทางลับยังต้องทำอะไรให้ซับซ้อนยุ่งยากขนาดนี้พวกเขาเดินไปตามทิศทางที่ชิงหยวนบอก แต่ก็ไม่พบทางลับตามที่เล่าลือกัน เฟิ่งชูอิ่งมองไปที่เขา “เจ้าจำผิดหรือเปล่า”ชิงหยวนดูไม่ค่อยแน่ใจ “ไม่น่าจะผิดนะ”พูดจบ เขาก็ดึงปิ่นไม้บนหัวออกมาแล้ววาดแผนที่ทางลับลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วาดทางแยกในตำแหน่งที่สอดคล้องกันเขายังไม่ได้วาดทางแยกเสร็จ ก็วาดสถานที่ที่ทาง