เขาครุ่นคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนหรือผีกันแน่แต่บนใบหน้ากลับไม่แสดงออกแม้แต่น้อย ยิ้มแล้วพูดว่า “อืมๆ มีสาวงามอยู่เป็นเพื่อน ข้าจะต้องกลัวอะไรล่ะ?”พูดจบก็ถามหญิงสาวคนนั้นว่า “เจ้าชื่ออะไร?”สาวงามตอบว่า “พวกเขาเรียกข้าว่า จิ้งจอกสือซานเหนียง”พอได้ยินคำนี้ ปู๋เยี่ยโหวก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นปีศาจจิ้งจอก ไม่ใช่ผีเขาจึงพูดว่า “สือซานเหนียง? ชื่อนี้น่าสนใจดีนะ ที่บ้านเจ้าคงมีพี่น้องเยอะสินะ?”สมัยที่ปู๋เยี่ยโหวเที่ยวหอคณิกา เขาเป็นที่ถูกอกถูกใจของหญิงคณิกาอย่างมากเขามีประสบการณ์การพูดคุยกับผู้คนมากมาย หาจุดเริ่มต้นบทสนทนาได้ง่ายมากจิ้งจอกสือซานเหนียงยิ้มบางๆ “ใช่ บ้านข้ามีคนเยอะแยะเลย”“ถ้ามีโอกาส ข้าจะเชิญท่านไปเที่ยวที่บ้านข้า พี่น้องของข้าต้องชอบท่านแน่ๆ”ปู๋เยี่ยโหวยิ้มแย้ม “ดี ดี พี่น้องของเจ้าสวยเหมือนเจ้าไหม?”จิ้งจอกสือซานเหนียงพยักหน้า “แน่นอน”พูดจบนางก็เข้าไปแนบชิดปู๋เยี่ยโหว ดันร่างกายที่อ่อนนุ่มแนบชิดร่างกายของเขาในขณะเดียวกัน มือที่วางอยู่บนไหล่ของปู๋เยี่ยโหวก็มีเล็บที่แหลมคมงอกออกมาปู๋เยี่ยโหวดูเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย ดวงตาที่สวยงามของเขาจ้องมอง
เขาพูดพลางชักกระบี่ออกมา “ถ้าเจ้ายังไม่ตาย ข้าจะฟันซ้ำอีกสองสามครั้ง!”จิ้งจอกสือซานเหนียง “……”ใครบอกว่าปู๋เยี่ยโหวชอบผู้หญิง ไม่เคยลงมือกับสตรี?นางใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดปัดป้องกระบี่ของปู๋เยี่ยโหวปู๋เยี่ยโหวรู้สึกว่ากระบี่ของตนฟันลงไปเหมือนฟันโดนก้อนสำลีเขามั่นใจในเพลงกระบี่ของตนเองมาก ฟันไม่โดนครั้งหนึ่ง ก็ฟันอีกครั้งอย่างไรเสียปีศาจที่อยู่กับเทียนซือก็ไม่ใช่ปีศาจดีอะไรหรอกจิ้งจอกสือซานเหนียงร้องห้าม “เดี๋ยวก่อน!”ปู๋เยี่ยโหวไม่ฟังนาง ฟันกระบี่ลงมาทันทีจิ้งจอกสือซานเหนียงต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีตะเกียกตะกายขึ้นมาแต่นางยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน ก็ถูกใครบางคนเตะจนกระเด็นออกไปเฉี่ยวหลิงด่า “นางจิ้งจอกหน้าด้าน แม้แต่ผู้ชายของข้าก็ยังกล้ามาอ่อย!”ปู๋เยี่ยโหวตกใจสุดสีหน้า “ข้าเป็นผู้ชายของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”เฉี่ยวหลิงตอบหน้าตาเฉย “เจ้าเป็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายข้า เรียกสั้นๆ ว่าผู้ชายของข้า เจ้ามีปัญหาหรือ?”ปู๋เยี่ยโหว “……”เขามีปัญหา แต่บอกไปนางก็คงไม่ฟังเขาจึงพูดว่า “ใช่ๆๆ ข้าเป็นผู้ชายของเจ้า”จิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นท่าไม่ดี รีบหันหลังวิ่งหนีทันทีพลังโจมตีข
เฉี่ยวหลิงตอบว่า “เทียนซือสารเลวคนนั้นได้เรียกผู้ช่วยที่เก่งกาจมาหลายคน ที่นี่ถูกวางกลไกใหญ่ครอบทับเอาไว้”“ตอนที่เทียนซือลงมือ ข้าก็แยกจากคุณหนูแล้ว”ปู๋เยี่ยโหวขมวดคิ้วพูดว่า “ถ้าชูชูต้องเผชิญหน้ากับเทียนซือคนเดียว คงจะอันตรายน่าดู”เฉี่ยวหลิงพยักหน้า “ดังนั้นข้าจึงอยากจะทำลายกลไกนี้”“กลไกนี้น่าจะเป็นฝีมือจิ้งจอกตัวนั้นวางเอาไว้ ถ้าฆ่าจิ้งจอกได้ กลไกนี้ก็น่าจะถูกทำลาย”พูดถึงตรงนี้นางก็จ้องปู๋เยี่ยโหวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดเป็นความผิดเจ้า ที่ปล่อยให้จิ้งจอกตัวนั้นหนีไป!”ช่วงนี้นางติดตามเหมยตงหยวนและฝึกฝนมาตลอด จึงเข้าใจเรื่องศาสตร์ลี้ลับมากขึ้นนางฝึกฝนในร่างวิญญาณร้าย แม้จะไม่ได้ก้าวหน้าเร็วนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็นับว่าได้เรียนรู้หลายสิ่งถึงตอนนี้แม้นางจะยังเป็นวิญญาณร้าย แต่ร่างกายกลับมีกลิ่นอายของศาสตร์ลี้ลับที่ไม่เข้ากับวิญญาณร้ายยันต์บนตัวปู๋เยี่ยโหวพัดเฉี่ยวหลิงกระเด็นไป เรื่องนี้เขาไม่อยากรับผิดก็ต้องรับเขาถามเฉี่ยวหลิง “แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรต่อ?”สายตาของเฉี่ยวหลิงตกลงบนหางจิ้งจอกเส้นนั้นนางพูดอย่างครุ่นคิด “ถ้ากลไกนี้เป็นฝีมือจิ้งจอกตัวนี้ หางจิ้งจอกที่เป็นขอ
เทียนซือหัวเราะเยาะ “เจ้ายังปากแข็งแม้ยามใกล้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะลั่น จากนั้นจึงกระดิกนิ้วเรียกเขา “ถ้าเจ้าคิดว่าข้าใกล้ตายแล้ว ก็เข้ามาฆ่าข้าสิ!”เทียนซือ “......”ยิ่งนางดูสงบนิ่งเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านางต้องมีแผนเตรียมเอาไว้กับดักนี้ร้ายกาจมาก ตราบใดที่นางขยับเพียงนิดเดียว ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแต่นางกลับไม่ขยับเลย!เทียนซือสงสัยอย่างมากว่าหากเขาเข้าไปใกล้นาง นางจะต้องใช้วิธีบางอย่างเล่นงานเขาแน่ที่ครั้งก่อนเขาสามารถเผานางได้ ก็เพราะนางถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืน ไม่มีเครื่องรางและยันต์อยู่ใกล้มือครั้งนี้ที่ต้องเผชิญหน้ากับนางเช่นนี้ เขาไม่มีความมั่นใจเลยจริงๆช่วงนี้เขาถูกเหมยตงยวนไล่ฆ่าจนต้องหลบหนีไปทั่ว จนเกิดเป็นความกลัวฝังใจโอกาสครั้งนี้กว่าจะหามาได้ เขาไม่อยากปล่อยเฟิ่งชูอิ่งไปจริงๆดังนั้นเขาจึงเรียกวิญญาณร้ายตนหนึ่งมาโจมตีเฟิ่งชูอิ่งแต่วิญญาณร้ายยังไม่ทันได้เข้าใกล้เฟิ่งชูอิ่ง ก็ถูกนางจัดการด้วยยันต์เพียงใบเดียวเฟิ่งชูอิ่งทำหน้ารังเกียจ “แค่นี้ก็คิดจะมาฆ่าข้า ใครกันที่ให้ความกล้าเจ้ามา”เทียนซือ “......”เขาก็ค้นพบเช่นกันว่า เฟิ่งชูอิ่งเก่งกว่า
พอเห็นสถานการณ์ไม่ดี เทียนซือก็คิดจะถอยทัพทันทีแต่กลับพบว่าหนีไปไหนไม่ได้ เพราะมียันต์ตรึงร่างอยู่เทียนซืออยากสบถเป็นพันคำ!แล้วในตอนนั้นเอง สายฟ้าฟาดครั้งที่สองก็ตามมาเทียนซือฝึกวิชาศาสตร์ชั่วร้าย ซึ่งฟ้าผ่าเป็นขั้วขัดแย้งกับศาสตร์ชั่วร้ายในพริบตาถัดมา เทียนซือก็ถูกฟ้าผ่าจนควันโขมง พลังป้องกันทั้งหมดถูกทำลายในขณะเดียวกัน ยันต์สายฟ้าก็ไปกระตุ้นยันต์อื่นๆในชั่วพริบตาเดียว เพลิงและน้ำก็พุ่งเข้าใส่เทียนซืออย่างบ้าคลั่งเขาเป็นศูนย์กลาง รายล้อมด้วยฟ้าแลบฟ้าร้องเทียนซือ “......”นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาโดนยันต์เยอะขนาดนี้ แถมยันต์ของเฟิ่งชูอิ่งยังทรงพลังมากอีกด้วยผมของเขายังถูกมัดไว้อีก จะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใครได้?ตอนสู้กับเหมยตงยวนเทียนซือยังไม่เคยต้องเจออะไรอัดอั้นตันใจขนาดนี้มาก่อนฟ้าผ่าห้าครั้ง ทำให้ร่างวิญญาณของเทียนซือเริ่มจางลงและเปลวเพลิงก็ยังคงลุกโชนเทียนซือคิดว่าวันนี้ต่อให้ไม่ตายเพราะฟ้าผ่า ก็ต้องตายเพราะไฟคลอกแน่ๆเปลวเพลิงที่รุนแรงได้เผาไหม้ผมของเขาจนขาด ร่างของเขาลอยไปด้านหลังเฟิ่งชูอิ่งกลัวว่าวงเวทจะถูกกระตุ้น จึงยังไม่กล้าขยับ นางหยิบ
เหมยตงยวนเก็บกระบี่ จิ้งจอกก็คาบเทียนซือหนีไปเหมยตงยวนจะตามไป จิ้งจอกก็ใช้พลังของค่ายกลกักเหมยตงยวนไว้ชั่วครู่หลังจากนั้นไม่นาน เหมยตงยวนก็ทำลายค่ายกลได้ แต่จิ้งจอกก็พาเทียนซือหนีไปแล้วปู๋เยี่ยโหวอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ลุงเหมย เมื่อครู่นี้ทำไมจู่ๆ ท่านถึงเก็บกระบี่ล่ะ”ถ้าหากเหมยตงยวนฟันกระบี่ลงไป ทั้งจิ้งจอกและเทียนซือคงต้องวิญญาณแตกสลายเหมยตงยวนไม่ได้ตอบคำถาม แต่เดินไปที่กลางค่ายกลแล้วปักกระบี่ลงไปกระบี่ของเขาทำลายตาของค่ายกล ค่ายกลถูกทำลาย เขาจึงวิ่งไปรอบๆ จวนของมหาราชครูอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบร่องรอยของจิ้งจอกและเทียนซือแล้วพวกเขาหนีไปแล้วเมื่อค่ายกลถูกทำลาย หมอกหนาก็สลายไปอย่างรวดเร็วเฟิ่งชูอิ่งวิ่งเข้ามาถามว่า “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้น”เหมยตงยวนตอบว่า “พ่อเจอสือซานเหนียงแล้ว”เฟิ่งชูอิ่งงุนงง “สือซานเหนียง? สือซานเหนียงคือใคร”เหมยตงยวนตอบว่า “เจ้ายังจำที่พ่อเคยเล่าให้ฟังได้ไหม ว่าแม่ของเจ้าเคยเลี้ยงจิ้งจอกตัวหนึ่ง ต่อมาแม่ของเจ้าพาจิ้งจอกตัวนั้นฝ่าค่ายกลหนี และจิ้งจอกตัวนั้นตายในค่ายกล”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “ข้าจำได้”น้ำเสียงของเหมยตงยวนสั่นเล็กน้อย “จิ้งจอกตัวน
ปู๋เยี่ยโหวก็เลยตีความไปอีกแบบว่า “จิ้งจอกสือซานเหนียงเป็นคนรู้ใจของลุงเหมยหรือ?”เหมยตงยวนไม่อยากทนแล้วเขาคว้าปู๋เยี่ยโหวมากดลงกับพื้นแล้วซ้อมให้หนักปู๋เยี่ยโหว “……”เขาเข้าใจแล้ว ที่เขาพูดเรื่องของเหมยตงยวนต่อหน้าเฟิ่งชูอิ่ง ทำให้เหมยตงยวนโกรธจนเสียหน้าเขาคิดว่าผู้ชายทุกคนต้องมีจุดอ่อนเขารีบพูดว่า “ลุงเหมย อย่าตีข้า ข้าเข้าใจแล้ว!”เหมยตงยวนถามว่า “เจ้าเข้าใจอะไร?”ปู๋เยี่ยโหวขยิบตาให้เขา “พวกเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ข้าเข้าใจทุกอย่าง”เหมยตงยวน “……”เขาคิดว่าปู๋เนี่ยโหวไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิดเพื่อกำจัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวของปู๋เยี่ยโหว เขาคิดว่าควรจะซ้อมปู๋เยี่ยโหวอีกสักรอบปู๋เยี่ยโหวถูกซ้อมจนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเฟิ่งชูอิ่งยิ้มมุมปากเล็กน้อย เฉี่ยวหลิงพูดว่า “สมน้ำหน้า!”จิ่งโม่เยี่ยมาถึงพอดี เอ่ยถามว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”เฟิ่งชูอิ่งไม่ตอบแต่ถามกลับว่า “ท่านมาได้อย่างไร?”จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “ข้าได้ยินว่าพวกเจ้ามาที่จวนมหาราชครู กลัวว่าพวกเจ้าจะมีอันตรายจึงรีบมาดู”“มหาราชครูคนนี้เจ้าเล่ห์มาก คำพูดของเขาเชื่อถือไม่ได้”เฟิ่งชูอิ่งเห็นด้วยกับคำพูดของเขา “ต
ทุกคนคิดว่านี่เป็นกับดัก มหาราชครูเพียงแค่ใช้เฉี่ยวหลิงล่อเฟิ่งชูอิ่งไปยังจวนมหาราชครู แล้วให้เทียนซือซุ่มโจมตีเฟิ่งชูอิ่งดังนั้น พวกเขาจึงไปดูเรื่องราชโองการด้วยความคิดที่จะดูเรื่องสนุกสนานแต่เมื่อพวกเขาเปิดราชโองการฉบับนั้นออกมา พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาคิดผิดนั่นคือราชโองการสืบราชบัลลังก์ที่เหมือนของจริงจนแยกไม่ออกผู้ที่จะได้รับการสืบราชบัลลังก์ก็คือจิ่งโม่เยี่ยจริงๆนอกจากตราประทับของตราลัญจกรแผ่นดินแล้ว ยังมีตราประทับส่วนพระองค์ของฮ่องเต้องค์ก่อนประทับอยู่ด้วยถึงแม้ว่าเฟิ่งชูอิ่งจะเดาไว้ก่อนหน้านี้ว่ามหาราชครูจะทำราชโองการปลอมวางไว้ที่นี่ นางก็ไม่คิดว่าราชโองการนี้จะปลอมได้เหมือนจริงขนาดนี้นางไม่ค่อยเข้าใจกฎของราชวงศ์ ถือราชโองการนี้ดูอยู่สามรอบก็ยังมองไม่ออกว่ามีปัญหาอะไรนางยื่นราชโองการให้จิ่งโม่เยี่ย “ท่านมองออกไหมว่าราชโองการมีปัญหาอะไร?”จิ่งโม่เยี่ยพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้วกล่าวว่า “รูปแบบทั้งหมดไม่มีปัญหา การใช้คำก็ไม่มีปัญหาอะไร”“แม้แต่กระดาษที่ใช้เขียนราชโองการก็เป็นของจริง ปัญหาเดียวอยู่ที่ตราลัญจกรแผ่นดินนี้”เฟิ่งชูอิ่งและปู๋เยี่ยโหวต่างพิจารณาดูตราลัญจกร
เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ
เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท
เฟิ่งชูอิ่งเหลือบมองเขา ตอนนี้บนใบหน้าของเขามีบาดแผลเลือดไหลซึมอยู่หลายแห่ง น่าจะเป็นฝีมือของปลากินคนองคาพยพทั้งห้าที่เคยดูสดใสร่าเริงของเขา กลับดูดุร้ายน่ากลัวขึ้นหลายส่วนเมื่อมีรอยฟันปลาเหล่านั้นนางเอ่ยอย่างปลงตก “เจ้านี่หนังเหนียวจริงๆ นะ เจอขนาดนี้แล้วยังไม่ตายอีก”สมกับเป็นพระเอกของเรื่อง เป็นผู้มีบุญวาสนาโดยแท้ตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนเหนื่อยจะแสร้งทำเป็นสดใสร่าเริงแล้ว เขามองนางด้วยสายตามืดดำ “เจ้าคงผิดหวังมากสินะ?”“จิ่งโม่เยี่ยรักเจ้ามากขนาดนั้น หากเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของข้า เดาสิว่าเขาจะทำอย่างไร?”เฟิ่งชูอิ่งครุ่นคิดอย่างจริงจังก่อนจะตอบว่า “คิดไม่ออก เจ้าลองเดาเองไหม?”จิ่งสือเยี่ยนจ้องมองนาง พยายามมองมาความหวาดกลัว ความวิตกกังวลจากสีหน้าของนาง แต่กลับไม่พบอะไรเลยแววตาของเขาหม่นลงเล็กน้อย “ถ้าข้าใช้เจ้าแลกกับใต้หล้าแห่งนี้ คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะยอมไหม?”เฟิ่งชูอิ่งครุ่นคิดอย่างจริงจังอีกครั้ง “คงไม่มั้ง ถึงเขาจะยอม เจ้าก็คงไม่ปล่อยข้าและเขาให้มีชีวิตอยู่ต่อไปหรอก”“สุดท้ายเราสองคนก็คงต้องตายด้วยน้ำมือเจ้า ดังนั้นเขาคงไม่ยอมแลกหรอก”พูดจบนางก็บอกกับจิ่งสือเยี่ยนอีกว
เพียงแต่เขาดูแข็งแกร่งเกินไป แล้วยังมีวิชาเต๋าที่แกร่งกล้าคอยค้ำจุนเอาไว้ เขาไม่ยอมแสดงด้านที่อ่อนแอให้นางเห็น นางก็เลยไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนนางรู้ว่าความปรารถนาอันแรงกล้าที่สุดในใจของเขาคือเฟิ่งชิงหลิง ตอนนี้พอรู้ว่าเฟิ่งชิงหลิงวิญญาณแหลกสลายไปแล้ว ปณิธานดังกล่าวก็เลือนหายไปด้วยที่เขาทนมาได้จนถึงทุกวันนี้ ล้วนเป็นเพราะความปรารถนานั้น ตอนนี้ไม่เหลืออะไรให้ยึดเหนี่ยวอีกแล้วจิ้งจอกสือซานเหนียงก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ นางมองดูแสงดาวที่สลายไปของเหมยตงยวนอย่างเหม่อลอย แล้วถอนหายใจยาวนางเป็นปีศาจจิ้งจอก คิดว่าตัวเองเข้าใจด้านมืดของจิตใจมนุษย์แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกว่า ความรักที่ซ่อนเร้นไว้ มักจะถูกคนอื่นประเมินค่าต่ำไปสิ่งที่นางคิดว่าเป็นความเฉยชา กลับเต็มไปด้วยความรักที่ลึกซึ้งที่สุดในโลกความปรารถนาเดิมของนางคือการฆ่าเหมยตงยวน แต่ตอนนี้เหมยตงยวนตายไปแล้ว นางกลับรู้สึกเสียใจอย่างมากระหว่างที่ทั้งสองจมอยู่ในความโศกเศร้า ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนแอบเข้ามาใกล้กว่าเฟิ่งชูอิ่งจะรับรู้ถึงความผิดปกติที่คืบคลานเข้ามา ก็สายเกินไปเสียแล้ว มีฝ่ามือสับลงที่สันคอของนางอย่างแรงนางหันก
เฟิ่งชูอิ่งรีบหยิบยันต์ออกมาแผ่นหนึ่งแปะลงบนตัวเหมยตงยวน เพื่อระงับโทสะและพลังอำนาจด้านมืดที่พลุ่งพล่านออกมาจากตัวเขานางร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง “ท่านพ่อ!”แต่เหมยตงยวนไม่ได้หันมองนาง เพียงพึมพำว่า “ข้าเป็นคนฆ่าเฟิ่งชิงหลิง ข้าเป็นคนทำให้นางต้องตาย!”“ตอนนั้นทำไมข้าต้องออกไปทำภารกิจด้วย ข้าควรจะฆ่าเจ้าสำนักให้เร็วกว่านี้”เดิมทีจิ้งจอกสือซานเหนียงมั่นใจว่าเฟิ่งชิงหลิงถูกเขาฆ่าตาย แต่เมื่อเห็นสภาพเขาเช่นนี้ก็รู้ว่าตนเองคิดผิดเพราะเฟิ่งชิงหลิงวิญญาณสลายไปแล้ว เหมยตงยวนก็ตายไปแล้วเช่นกันในสถานการณ์เช่นนี้ เหมยตงยวนไม่จำเป็นต้องหลอกนางอีกจิ้งจอกสือซานเหนียงฝึกฝนอย่างหนักตลอดหลายปีมานี้ก็เพื่อฆ่าเหมยตงยวน แต่ตอนนี้นางกลับพบว่า ความเกลียดชังที่นางมีต่อเหมยตงยวนมานานหลายปีกลับสูญเปล่าตอนนี้นางรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปนางพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ในเมื่อเจ้ามีคุณหนูอยู่ในใจ ทำไมตอนนั้นถึงไม่แสดงออกให้ชัดเจนกว่านี้?”“คุณหนูเคยคิดว่าเจ้าไม่เคยรักนางสักนิด ซ้ำยังคิดว่าเจ้าเกลียดชังนางด้วย”ตอนที่เฟิ่งชิงหลิงยังมีชีวิตอยู่ นางคิดมาตลอดว่าสาเหตุที่เหมยตงยวนบุกเข้าไปในดินแ
“เจ้าสำนักมีของวิเศษชิ้นหนึ่ง สามารถเปลี่ยนร่างเป็นคนอื่นได้ตามใจชอบ”“ข้าถูกเขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก จึงรู้จักข้าดีที่สุด ดังนั้นการที่เขาจะเปลี่ยนร่างเป็นข้าจึงเป็นเรื่องง่ายมาก”เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งเฟิ่งชูอิ่งและจิ้งจอกสือซานเหนียงก็ตกตะลึงเหมยตงยวนกำมือแน่น “ข้าคือผู้ที่เขาเลือกเฟ้นอย่างดีให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป”“เขาคิดว่าการจะเป็นเจ้าสำนักได้ต้องตัดเยื่อใยไร้ความรัก เมื่อเฟิ่งชิงหลิงตาย ข้าก็จะไม่มีพันธะใดๆ ในโลกนี้อีก ตอนนั้นข้าถึงจะคู่ควรกับตำแหน่งเจ้าสำนักลี้ลับ”“แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยทะเลาะกับเขาอย่างรุนแรงเรื่องของชิงหลิง เขาจึงไม่กล้าลงมือทำอะไรอีก”“แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้!”ก่อนออกไปทำภารกิจ เขาแอบไปเยี่ยมเฟิ่งชิงหลิง พบว่าอาการของนางดีขึ้นมากแล้วด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงวางใจออกไปทำภารกิจด้านนอกแต่เมื่อเขาย้อนกลับมาอีกครั้ง นางก็จากไปแล้วเหมยตงยวนเคยติดใจสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่เพราะเขาสืบไม่พบเบาะแสใดใดยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเฟิ่งชิงหลิงเสียชีวิตแล้ว เขาก็หาดวงวิญญาณของนางไม่พบ จึงคิดไปว่านางคงไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกต่อไปใน
เหมยตงเหยวนรีบเถียงว่า “ข้าเคยวางยาพิษนางตอนไหนกัน?”จิ้งจอกสือซานเหนียงหัวเราะเยาะ “เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีก เจ้านี่มันเลวถึงแก่นจริงๆ!”สิ้นเสียง นางก็เหวี่ยงดาบในมือรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมเฟิ่งชูอิ่งทนดูไม่ได้ จึงหาโอกาสแปะยันต์ตรึงกายาใส่จิ้งจอกสือซานเหนียงจิ้งจอกสือซานเหนียงขยับเขยื้อนไม่ได้ นางจึงเอ่ยด้วยความเดือดดาล “แกะยันต์ออกไป ข้าจะฆ่าไอ้คนทรยศนี่เพื่อแก้แค้นให้คุณหนู!”เฟิ่งชูอิ่งนวดขมับ “ถ้าเจ้าสงบพอจะพูดคุยกันอย่างมีสติได้เมื่อไหร่ ข้าจะปล่อยเจ้าเอง”“หากพ่อข้าเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริงๆ คงไม่ลำบากตามหาแม่ข้าจนถึงทุกวันนี้ แล้วก็คงใช้กระบี่ปลิดชีพเจ้าไปนานแล้ว”จิ้งจอกสือซานเหนียงโมโหจนหอบหายใจรุนแรง ก่อนจะกัดฟันตอบว่า “ก็ได้ ข้าอยากจะฟังเหมือนกันว่าเขาจะแก้ตัวอย่างไร!”ในใจของเหมยตงยวนเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง เขาเอ่ยถามว่า “เจ้าบอกว่าข้าวางยาพิษชิงหลิง มีหลักฐานหรือไม่? อยู่ดีๆ ข้าจะวางยาพิษนางเพื่ออะไรกันล่ะ?”จิ้งจอกสือซานเหนียงเบ้ปากใส่ “เจ้ายังกล้าถามเช่นนี้อีก หน้าด้านจริงๆ!”“ตอนแรกที่คุณหนูล้มป่วย เจ้าเป็นคนส่งยามาให้นางกินทุกวัน ซึ่งตอนนั้นอาการของคุณหนูก็ดีขึ้น
ก่อนหน้านี้นางได้ยินข่าวว่าเหมยตงยวนถูกฆ่าตายแล้ว นางรู้สึกสะใจมาก แต่ก็ยังรู้สึกว่าแค่นี้มันยังไม่พอคนอย่างเหมยตงยวนสมควรวิญญาณแตกสลายไม่ได้ผุดได้เกิด!เพียงแต่นางรู้ดีว่าเหมยตงยวนนั้นเก่งกาจมาก ถึงแม้เขาจะตายไปแล้วก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ดังนั้นนางจึงยิ่งฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อเพิ่มพลังปีศาจของตัวเองให้แกร่งกล้า นางถึงขั้นยอมใช้วิธีการที่ผิดบาป เมื่อครู่นี้นางได้ยินพวกนักพรตพูดว่าเหมยตงยวนใช้กระบี่เพียงเล่มเดียวสังหารเจ้าอาราม และใช้พลังของตนเองเพียงอย่างเดียว ขวางคนของอารามเทียนอี้ทั้งหมดไว้ได้จิ้งจอกสือซานเหนียงยอมรับว่านางไม่มีความสามารถเช่นนี้ เหมยตงยวนคนนี้แข็งแกร่งกว่าในความทรงจำของนางมากการจะฆ่าเหมยตงยวนนั้นยากกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้เฟิ่งชูอิ่งขมวดคิ้ว "พ่อข้าจะวางยาพิษฆ่าแม่ข้าได้อย่างไร?"จิ้งจอกสือซานเหนียงมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วบอกว่า "นอกจากเจ้าจะพบกับเหมยตงยวนแล้ว ยังหลงเชื่อคำพูดของเขาด้วยสินะ”"ตอนแรกคุณหนูไม่มีทางตายได้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะดื่มยาพิษที่เขาส่งมาให้ นางจะถูกพิษเล่นงานจนตายได้อย่างไร”"หลังจากคุณหนูตายไปแล้ว วิญญาณของนางก็น่าจะกลับไปยังปรโลก หรือเร่รอน
ตอนนี้ผิวน้ำเปื้อนไปด้วยเลือด ปลากินคนก็ยิ่งคลั่งหนัก พากันแหวกว่ายไปรวมตัวตรงจุดที่มีเลือดผุดขึ้นมากระดาษยันต์ไฟในมือของเฟิ่งชูอิ่งมอดดับลง พวกเขามองไม่เห็นสถานการณ์บนผิวน้ำอีกต่อไปแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ความน่าจะเป็นที่จิ่งสือเยี่ยนจะรอดชีวิตนั้นมีน้อยมากเนื่องจากจิ่งสือเยี่ยนเป็นพระเอกของเรื่อง เป็นผู้มีบุญญาธิการอย่างแท้จริง ตอนนี้ยังไม่เห็นศพของเขา เฟิ่งชูอิ่งก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะตายจริงหรือไม่เพราะจิ่งสือเยี่ยนตอนที่ถูกจิ้งจอกสือซานเหนียงดูดพลังไปเกือบหมด ยังสามารถหนีออกมาจากเงื้อมมือของนางได้ แล้วยังดวงดีบังเอิญไปเจอทางออกลับอีกเส้นด้วยโชคชะตาของเขาช่างแข็งแกร่งจริงๆเพื่อความปลอดภัย นางรู้สึกว่าพวกเขาควรจะต้องป้องกันไว้ก่อน “ถ้าจิ่งสือเยี่ยนยังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องหาวิธีติดต่อกับคนของเขาอย่างแน่นอน”จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้า “ข้าจะส่งคนไปดักเขาที่ทางออกของแม่น้ำใต้ดิน”“ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ต้องเห็นคน ตายแล้วต้องเห็นศพ”เฟิ่งชูอิ่งเห็นด้วยกับวิธีการของเขาเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างการไปดักฆ่าจิ่งสือเยี่ยน ไม่จำเป็นต้องให้เฟิ่งชูอิ่งเข้าร่วมด้วยหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยออกมาจา