เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดของปู๋เยี่ยโหว นางก็รู้สึกอยากหัวเราะออกมา แม้ว่าคนคนนี้จะไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนไม่เลวทีเดียวเทียนซือสะบัดแขนเสื้อ ส่งปู๋เยี่ยโหวกระเด็นออกไปทันที เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ในทันทีเฟิ่งชูอิ่ง "......"แบบนี้เรียกว่าอยากได้อะไรก็ได้ดั่งปรารถนาหรือเปล่านะ?นางอยากจะช่วย แต่กลับยกแขนไม่ขึ้นสักนิดนางลอบถอนหายใจในใจ ศาสตร์ต้องห้ามไม่ควรใช้อย่างไม่ระมัดระวัง เมื่อใช้แล้วย่อมนำความหายนะมาให้!ตอนนี้นางขยับตัวไม่ได้ และยังไม่มีพลังเวทในร่างกายหลงเหลือสักนิด วันนี้นางคงจะต้องตายที่นี่จริงๆ สินะ?เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้หลับตา แต่กลับเบิกตากว้างมองเทียนซือหากวันนี้นางถูกเขาฆ่าจริงๆ นางจะต้องเพิ่มพลังในทันทีที่วิญญาณออกจากร่าง และสู้กับไอ้ชาติหมานี่ให้ถึงที่สุด!แต่ในขณะที่ปลายนิ้วของเทียนซือเข้าใกล้นาง พลังกระบี่อันเย็นเยียบก็พัดวนรอบๆ อย่างรุนแรงพลังกระบี่พัดผ่านศีรษะของเทียนซือ ตัดเฉือนศีรษะของเขาออกทันทีแต่เทียนซือไม่ใช่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ พลังกระบี่ที่ตัดศีรษะของเขาเพียงแค่ทำให้ร่างวิญญาณของเขาอ่อนแอลงเพียงชั่วค
ศีรษะของเทียนซือที่มุดหลบอยู่ใต้ดิน “......”เขาด่ากราดอย่างบ้าคลั่ง “เหมยตงยวน จะช้าเร็วสักวันหนึ่งบิดาก็จะฆ่าเจ้าให้ได้!”ทว่ายิ่งเขาด่าด้วยคำถ้อยรุนแรงแค่ไหน กลับเผ่นหนีได้ไวเท่านั้น หลังประมือกันแล้ว ความต่างชั้นของทั้งสองคนก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัดเขาตระหนักดียิ่งกว่าใครว่าตนเองเอาชนะเหมยตงยวนไม่ได้ แล้วยังกลัวว่าเหมยตงยวนจะไล่ล่าตนเองด้วยเฟิ่งชูอิ่ง “......”ก่อนหน้านี้ นางกับเฉี่ยวหลิงร่วมมือกันต่อสู้กับเทียนซือด้วยความยากลำบากเสมอทว่าท่านลุงที่อยู่ตรงหน้านี้หลังจากปรากฏตัวออกมาก็แทบไม่ได้ขยับอะไร ใช้เพียงคลื่นกระบี่ก็เชือดเทียนซือจนอยู่ในสภาพนั้นได้แลวท่านลุงผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!เหมยตงยวนค่อยๆ เดินเข้ามาหาเฟิ่งชูอิ่ง เฉี่ยวหลิงเองก็เริ่มจะตั้งสติได้ นางพยายามจะลุกขึ้นมาแล้วเข้าไปขวางหน้าเฟิ่งชูอิ่ง “เจ้าคิดจะทำอะไร?”เหมยตงยวนเหลือบมองเฉี่ยวหลิงด้วยสีหน้าเฉยชา เขายื่นมือออกไปฟาดร่างกายเฉี่ยวหลิงเบาๆ เฉี่ยวหลิงก็สัมผัสได้ทันทีว่าร่างวิญญาณที่ไม่มั่นคงในตอนแรก กลับมาแข็งแรงมั่นคงในเสี้ยวพริบตานางจ้องมองเหมยตงยวนและเอ่ยถามอย่างตกตะลึง “เจ้าเป็นใครกัน?”เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยเสียงแผ
เฟิ่งชูอิ่งพบว่าแม้เหมยตงยวนจะมีท่าทางเย็นชาห่างเหิน แต่เขากลับยอมตอบคำถามทุกอย่างนางรู้สึกสงสัยตัวตนของเขาเล็กน้อย จึงเอ่ยถามตรงๆ ว่า “หลินชูเจิ้งบอกว่าท่านคือบิดาของข้า แล้วท่านใช่หรือไม่?”เหมยตงยวนคิดไม่ถึงว่านางจะถามออกมาตรงๆ เช่นนี้ สีหน้าของเขาแอบแข็งทื่อเล็กน้อย สุดท้ายก็ยอมตอบว่า “ใช่”ตอนที่เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยถาม ก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้มีคำตอบเพียงสองอย่างเท่านั้น ซึ่งก็คือใช่กับไม่ใช่แต่ตอนที่ได้ยินคำตอบจากปากของอีกฝ่ายจริงๆ นางกลับแอบชะงักไปเล็กน้อยนางยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ปู๋เยี่ยโหวก็เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ไหว “ไม่น่าใช่นะท่านลุงเหมย ท่านฝึกบำเพ็ญวิถีไร้ใจมิใช่หรือ?”“คนที่ฝึกบำเพ็ญวิถีไร้ใจ จะต้องตัดขาดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมด จะมีความรักเหมือนคนปกติได้อย่างไร?”เหมยตงยวนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเติบใหญ่แล้ว แต่กลับน่ารำคาญยิ่งกว่าเดิม”ปู๋เยี่ยโหว “......”แล้วเขาควรจะตอบรับคำพูดนี้อย่างไรล่ะ?เฉี่ยวหลิงรีบแสดงท่าทีเห็นด้วย “ท่านพูดถูกแล้วล่ะ เขาน่ารำคาญมากจริงๆ!”เฟิ่งชูอิ่งเห็นว่าตอนแรกเหมยตงยวนยังดูสับสน แต่พอถูกปู๋เยี่ยโหวเอ่ยสอดแทรกเช่นนั้น สีหน้าซับซ้อนของเขาก็มลายหายไปน
เฟิ่งชูอิ่งกับเหมยตงยวนสองพ่อลูกเพิ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรก จึงไม่นับว่ารู้จักมักคุ้นฝ่ายตรงข้ามนัก คิดอยากจะชวนคุยก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีนางรู้สึกว่าบรรยากาศค่อนข้างอึดอัดจึงเอ่ยว่า “คืนนี้พายุอสนีมาเร็วมาก แต่ก็ไปไวมากเช่นกัน”เหมยตงยวนตอบเสียงเรียบ “พวกมันมาเพื่อผ่าข้า ผ่าเสร็จแล้วย่อมจากไป”เฟิ่งชูอิ่งประหลาดใจ “แต่เมื่อครู่นี้ไม่เห็นสายฟ้าจะผ่าท่านเลยนะ!”เหมยตงยวนอธิบาย “เดิมทีข้าควรจะมาถึงตั้งนานแล้ว แต่กลังจากสัมผัสเมฆสายฟ้าได้ก็เลยดึงกลิ่นอายส่วนหนึ่งของข้าเอาไปสร้างค่ายกล”“จากนั้นข้าก็ใช้ยันต์ซ่อนกลิ่นอายบนร่างตัวเอง ปล่อยให้สายฟ้าฟาดใส่ค่ายกลที่สร้างขึ้นมา เพราะพวกมันคิดว่าข้าอยู่ตรงนั้น”เฟิ่งชูอิ่งกับปู๋เยี่ยโหวหันขวับไปมองเขาพร้อมกัน นัยน์ตาฉายชัดถึงความตกตะลึง มันทำแบบนั้นได้ด้วยเรอะ?!เหมยตงยวนยังคงเอ่ยด้วยท่าทางเรียบเฉย “กลวิธีเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง”เฟิ่งชูอิ่ง “......”ปู๋เยี่ยโหว “......”ทั้งสองคนสบตากัน พวกเขาคิดตรงกันว่าหากสิ่งที่เขาพูดมาเรียกว่ากลวิธีเล็กน้อย ถ้างั้นบนโลกนี้ก็คงไม่มีสุดยอดกลวิธีแล้วล่ะเฟิ่งชูอิ่งถาม “กลวิธีเล็กน้อยแบบนี้ท่านยังมีอยู่อีกมากเ
เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ ของเหมยตงยวนก็รู้ว่าเขากำลังประหม่า อย่างน้อยก็ประหม่ากว่านางเยอะเลยล่ะนางจึงสงบจิตสงบใจลงอย่างรวดเร็ว ในเมื่อเขาประหม่า นางก็ไม่จำเป็นต้องประหม่าไปด้วยนางมีคำถามมากมายที่อยากจะถามเขา เขาบอกว่าจะสอนวิชาศาสตร์ลี้ลับให้นาง แสดงว่าช่วงนี้จะอยู่ข้างกายนางไปอีกพักใหญ่ ถ้างั้นนางจะค่อยๆ ถามแล้วกันด้วยเหตุนี้นางจึงส่งยิ้มหวานให้เขาอีกครั้งเหมยตงยวนชะงักกึก คิดจะยิ้มตอบให้นาง แต่เขาเป็นคนที่ยิ้มน้อยมาก ตอนนี้จึงไม่รู้แล้วว่าการยิ้มต้องทำอย่างไรเขาจึงตีหน้านิ่งแล้วผงกศีรษะเล็กน้อยเฟิ่งชูอิ่งมองออกว่าเขากำลังเขินอายทำตัวไม่ถูก ในใจจึงแอบนึกขำ บิดาของนางคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวพอนางยิ้ม เหมยตงยวนก็หันมองนางอีกครั้ง นัยน์ตาของเขากลับเลื่อนลอยราวกับนึกถึงความหลังในอดีตตอนนั้นเขาทัศนาจรไปที่แคว้นซีฉู่ ก็เคยมีคนส่งยิ้มให้เขาเช่นนี้หญิงสาวคนนั้นงดงามและร่าเริงสดใส แล้วยังพูดกับเขาด้วยท่าทางเอาแต่ใจว่า “ข้าชอบเจ้า หลังจากนี้ไปเจ้าจะต้องเป็นคนของข้า!”ตอนนั้นเหมยตงยวนรู้สึกว่าสมองของหญิงสาวผู้นั้นคงจะมีปัญหา จึงไม่ได้สนใจนางนักเขาไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอใจไปหลงชอบน
ปู๋เยี่ยโหวไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่เย็นชาอย่างเหมยตงยวนจะมีสตรีมาหลงรักด้วย แล้วยังยินดีจะมีลูกสาวให้เขาอีกก่อนหน้านี้ไม่นาน เขายังรับประกันอย่างมั่นหน้ากับเฟิ่งชูอิ่งอยู่เลยว่าเหมยตงยวนไม่มีทางเป็นบิดาของนางแต่เขาก็ยินดีจะอับอายขายขี้หน้าตัวเองเพราะเรื่องนี้ เนื่องจากเขาเองก็สงสัยมากจริงๆแต่เขาไม่กล้าถามอะไรมาก ตอนยังเด็กเหมยตงยวนมอบความทรงจำที่ไม่มีวันลืมให้เขาไว้หากเขาหลุดถามเรื่องที่ไม่ควรถามกับเหมยตงยวน เหมยตงยวนจะลงมืออัดเขาจนเละแน่นอนความจริงแล้วเรือนตากอากาศของปู๋เยี่ยโหวอยู่ไม่ไกลเลย พวกเขาเดินครู่เดียวก็มาถึงแล้วหลังจากไปถึงที่นั่นแล้ว ปู๋เยี่ยโหวก็สั่งให้ข้ารับใช้ในจวนนำเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่มาเปลี่ยน แล้วยังสั่งต้มน้ำร้อนให้อาบ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นขับไล่ไอหนาวด้วยระหว่างที่รอให้น้ำร้อน เฟิ่งชูอิ่งก็ผลอยหลับไปนางถูกผลกระทบจากเคล็ดวิชาต้องห้าม ช่วงนี้จึงง่วงนอนมากเป็นพิเศษตอนที่นางหลับไป เหมยตงยวนเฝ้าอยู่ข้างกายนางไม่ห่างเฉี่ยวหลิงมองเหมยตงยวนอย่างระแวงสงสัย เขาสัมผัสการจ้องมองของนางได้จึงหันกลับไป นางตกใจจึงรีบหันมองไปทางอื่นพอเป็นแบบนี้หลายครั้งเข้า เหมยตงย
ใครกล้ารังแกเฟิ่งชูอิ่ง เขาจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้เป็นผู้เป็นคนเอง!หากพูดให้ถูกจุดอีกหน่อย เขาจะฆ่าพวกมันให้ตาย แล้วสั่งสอนว่าควรจะเป็นผีอย่างไร!เฉี่ยวหลิงเห็นจิตสังหารพลุ่งพล่านรุนแรงของเขา แต่ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมาหมายถึงอะไรแล้วนางก็ไม่กล้าถามด้วยโชคดีที่ตอนนี้น้ำร้อนต้มเสร็จแล้ว นางจึงปลุกเฟิ่งชูอิ่งให้ไปอาบน้ำตอนนี้กล้ามเนื้อของเฟิ่งชูอิ่งยังแข็งเกร็งอยู่บางส่วน ส่วนข้อต่อไม่สามารถหักงอได้ จึงไม่สามารถเดินด้วยตัวเองและต้องให้เฉี่ยวหลิงอุ้มนางเข้าไปพอนางเข้ามาด้านในแล้ว เหมยตงยวนก็มองนางแล้วบอกว่า “มีข้าอยู่ตรงนี้ หลังจากนี้ไปจะไม่มีใครรังแกเจ้าได้”เฟิ่งชูอิ่งยังสะลึมสะลืออยู่ สมองตอบสนองได้ไม่รวดเร็วเท่าตอนปกติ นางจึงไม่รู้จะตอบกลับอีกฝ่ายอย่างไร เพียงปรือตามองเขาอย่างงุนงง “หา?”เหมยตงยวนไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหมุนตัวเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งจึงงุนงงกว่าเดิม นางหันไปถามเฉี่ยวหลิง “เขาเป็นอะไรไป?”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “ข้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดให้เขาฟังเจ้าค่ะ เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนิดหน่อย”นางหันมองแผ่นหลังของเหมยตงยวน “เขาอาจจะโกรธไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ”เฟิ่งชูอิ
เหมยตงยวนเป็นวิญญาณร้ายที่บำเพ็ญมาสิบกว่าปี จึงเข้าสู่มรรคาวิญญาณไปแล้วแล้วเขายังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเฉี่ยวหลิงอีก สิ่งที่ต่างจากเฉี่ยวหลิงคือเขาสามารถวาดยันต์เองได้ แล้วก็สามารถควบคุมรูปลักษณ์ของตัวเองได้ด้วย อยากปรากฏให้ใครเห็นก็ทำได้เลยเขายืนเต็มความสูงก้มมองปู๋เยี่ยโหวโดยไม่พูดไม่จา ก่อนจะยื่นมือไปกระชากผมของปู๋เยี่ยโหว ก่อนกดศีรษะเขาลงไปในน้ำปู๋เยี่ยโหว “!!!!!!”ความทรงจำเกี่ยวกับเหมยตงยวนฝังลึกในใจของเขา เพราะว่าคืนที่บิดาของเขาถูกคนฆ่าตาย เหมยตงยวนอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลาดังนั้นแม้เหมยตงยวนจะดูเย็นชาในสายตาของเขา แต่กลับดูเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้ด้วยทว่าตอนนี้ผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้คนนั้นกลับจับหัวเขากดถังอาบน้ำ มันจะแตกต่างจากเดิมมากเกินไปแล้ว!ปู๋เยี่ยโหวพยายามดิ้นรนสุดชีวิต เหมยตงยวนกลับไม่สะทกสะท้าน ตอนที่เขารู้สึกว่าปู๋เยี่ยโหวใกล้จะขาดอากาศตาย ก็กระชากศีรษะอีกฝ่ายขึ้นมาปู๋เยี่ยโหวสูดหายใจอย่างเอาเป็นเอาตาย คิดจะพูดอะไรบางอย่าง กลับถูกเหมยตงยวนจับกดลงไปในน้ำอีกครั้งปู๋เยี่ยโหว “!!!!!!”เขาคิดว่าเหมยตงยวนน่าจะเป็นบ้าไปแล้ว!สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเขาไม่สามารถตอบโต้อีกฝ่ายได้!ห