เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดของปู๋เยี่ยโหว นางก็รู้สึกอยากหัวเราะออกมา แม้ว่าคนคนนี้จะไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนไม่เลวทีเดียวเทียนซือสะบัดแขนเสื้อ ส่งปู๋เยี่ยโหวกระเด็นออกไปทันที เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ในทันทีเฟิ่งชูอิ่ง "......"แบบนี้เรียกว่าอยากได้อะไรก็ได้ดั่งปรารถนาหรือเปล่านะ?นางอยากจะช่วย แต่กลับยกแขนไม่ขึ้นสักนิดนางลอบถอนหายใจในใจ ศาสตร์ต้องห้ามไม่ควรใช้อย่างไม่ระมัดระวัง เมื่อใช้แล้วย่อมนำความหายนะมาให้!ตอนนี้นางขยับตัวไม่ได้ และยังไม่มีพลังเวทในร่างกายหลงเหลือสักนิด วันนี้นางคงจะต้องตายที่นี่จริงๆ สินะ?เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้หลับตา แต่กลับเบิกตากว้างมองเทียนซือหากวันนี้นางถูกเขาฆ่าจริงๆ นางจะต้องเพิ่มพลังในทันทีที่วิญญาณออกจากร่าง และสู้กับไอ้ชาติหมานี่ให้ถึงที่สุด!แต่ในขณะที่ปลายนิ้วของเทียนซือเข้าใกล้นาง พลังกระบี่อันเย็นเยียบก็พัดวนรอบๆ อย่างรุนแรงพลังกระบี่พัดผ่านศีรษะของเทียนซือ ตัดเฉือนศีรษะของเขาออกทันทีแต่เทียนซือไม่ใช่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ พลังกระบี่ที่ตัดศีรษะของเขาเพียงแค่ทำให้ร่างวิญญาณของเขาอ่อนแอลงเพียงชั่วค
ศีรษะของเทียนซือที่มุดหลบอยู่ใต้ดิน “......”เขาด่ากราดอย่างบ้าคลั่ง “เหมยตงยวน จะช้าเร็วสักวันหนึ่งบิดาก็จะฆ่าเจ้าให้ได้!”ทว่ายิ่งเขาด่าด้วยคำถ้อยรุนแรงแค่ไหน กลับเผ่นหนีได้ไวเท่านั้น หลังประมือกันแล้ว ความต่างชั้นของทั้งสองคนก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัดเขาตระหนักดียิ่งกว่าใครว่าตนเองเอาชนะเหมยตงยวนไม่ได้ แล้วยังกลัวว่าเหมยตงยวนจะไล่ล่าตนเองด้วยเฟิ่งชูอิ่ง “......”ก่อนหน้านี้ นางกับเฉี่ยวหลิงร่วมมือกันต่อสู้กับเทียนซือด้วยความยากลำบากเสมอทว่าท่านลุงที่อยู่ตรงหน้านี้หลังจากปรากฏตัวออกมาก็แทบไม่ได้ขยับอะไร ใช้เพียงคลื่นกระบี่ก็เชือดเทียนซือจนอยู่ในสภาพนั้นได้แลวท่านลุงผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!เหมยตงยวนค่อยๆ เดินเข้ามาหาเฟิ่งชูอิ่ง เฉี่ยวหลิงเองก็เริ่มจะตั้งสติได้ นางพยายามจะลุกขึ้นมาแล้วเข้าไปขวางหน้าเฟิ่งชูอิ่ง “เจ้าคิดจะทำอะไร?”เหมยตงยวนเหลือบมองเฉี่ยวหลิงด้วยสีหน้าเฉยชา เขายื่นมือออกไปฟาดร่างกายเฉี่ยวหลิงเบาๆ เฉี่ยวหลิงก็สัมผัสได้ทันทีว่าร่างวิญญาณที่ไม่มั่นคงในตอนแรก กลับมาแข็งแรงมั่นคงในเสี้ยวพริบตานางจ้องมองเหมยตงยวนและเอ่ยถามอย่างตกตะลึง “เจ้าเป็นใครกัน?”เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยเสียงแผ
เฟิ่งชูอิ่งพบว่าแม้เหมยตงยวนจะมีท่าทางเย็นชาห่างเหิน แต่เขากลับยอมตอบคำถามทุกอย่างนางรู้สึกสงสัยตัวตนของเขาเล็กน้อย จึงเอ่ยถามตรงๆ ว่า “หลินชูเจิ้งบอกว่าท่านคือบิดาของข้า แล้วท่านใช่หรือไม่?”เหมยตงยวนคิดไม่ถึงว่านางจะถามออกมาตรงๆ เช่นนี้ สีหน้าของเขาแอบแข็งทื่อเล็กน้อย สุดท้ายก็ยอมตอบว่า “ใช่”ตอนที่เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยถาม ก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้มีคำตอบเพียงสองอย่างเท่านั้น ซึ่งก็คือใช่กับไม่ใช่แต่ตอนที่ได้ยินคำตอบจากปากของอีกฝ่ายจริงๆ นางกลับแอบชะงักไปเล็กน้อยนางยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ปู๋เยี่ยโหวก็เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ไหว “ไม่น่าใช่นะท่านลุงเหมย ท่านฝึกบำเพ็ญวิถีไร้ใจมิใช่หรือ?”“คนที่ฝึกบำเพ็ญวิถีไร้ใจ จะต้องตัดขาดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมด จะมีความรักเหมือนคนปกติได้อย่างไร?”เหมยตงยวนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเติบใหญ่แล้ว แต่กลับน่ารำคาญยิ่งกว่าเดิม”ปู๋เยี่ยโหว “......”แล้วเขาควรจะตอบรับคำพูดนี้อย่างไรล่ะ?เฉี่ยวหลิงรีบแสดงท่าทีเห็นด้วย “ท่านพูดถูกแล้วล่ะ เขาน่ารำคาญมากจริงๆ!”เฟิ่งชูอิ่งเห็นว่าตอนแรกเหมยตงยวนยังดูสับสน แต่พอถูกปู๋เยี่ยโหวเอ่ยสอดแทรกเช่นนั้น สีหน้าซับซ้อนของเขาก็มลายหายไปน
เฟิ่งชูอิ่งกับเหมยตงยวนสองพ่อลูกเพิ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรก จึงไม่นับว่ารู้จักมักคุ้นฝ่ายตรงข้ามนัก คิดอยากจะชวนคุยก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีนางรู้สึกว่าบรรยากาศค่อนข้างอึดอัดจึงเอ่ยว่า “คืนนี้พายุอสนีมาเร็วมาก แต่ก็ไปไวมากเช่นกัน”เหมยตงยวนตอบเสียงเรียบ “พวกมันมาเพื่อผ่าข้า ผ่าเสร็จแล้วย่อมจากไป”เฟิ่งชูอิ่งประหลาดใจ “แต่เมื่อครู่นี้ไม่เห็นสายฟ้าจะผ่าท่านเลยนะ!”เหมยตงยวนอธิบาย “เดิมทีข้าควรจะมาถึงตั้งนานแล้ว แต่กลังจากสัมผัสเมฆสายฟ้าได้ก็เลยดึงกลิ่นอายส่วนหนึ่งของข้าเอาไปสร้างค่ายกล”“จากนั้นข้าก็ใช้ยันต์ซ่อนกลิ่นอายบนร่างตัวเอง ปล่อยให้สายฟ้าฟาดใส่ค่ายกลที่สร้างขึ้นมา เพราะพวกมันคิดว่าข้าอยู่ตรงนั้น”เฟิ่งชูอิ่งกับปู๋เยี่ยโหวหันขวับไปมองเขาพร้อมกัน นัยน์ตาฉายชัดถึงความตกตะลึง มันทำแบบนั้นได้ด้วยเรอะ?!เหมยตงยวนยังคงเอ่ยด้วยท่าทางเรียบเฉย “กลวิธีเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง”เฟิ่งชูอิ่ง “......”ปู๋เยี่ยโหว “......”ทั้งสองคนสบตากัน พวกเขาคิดตรงกันว่าหากสิ่งที่เขาพูดมาเรียกว่ากลวิธีเล็กน้อย ถ้างั้นบนโลกนี้ก็คงไม่มีสุดยอดกลวิธีแล้วล่ะเฟิ่งชูอิ่งถาม “กลวิธีเล็กน้อยแบบนี้ท่านยังมีอยู่อีกมากเ
เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ ของเหมยตงยวนก็รู้ว่าเขากำลังประหม่า อย่างน้อยก็ประหม่ากว่านางเยอะเลยล่ะนางจึงสงบจิตสงบใจลงอย่างรวดเร็ว ในเมื่อเขาประหม่า นางก็ไม่จำเป็นต้องประหม่าไปด้วยนางมีคำถามมากมายที่อยากจะถามเขา เขาบอกว่าจะสอนวิชาศาสตร์ลี้ลับให้นาง แสดงว่าช่วงนี้จะอยู่ข้างกายนางไปอีกพักใหญ่ ถ้างั้นนางจะค่อยๆ ถามแล้วกันด้วยเหตุนี้นางจึงส่งยิ้มหวานให้เขาอีกครั้งเหมยตงยวนชะงักกึก คิดจะยิ้มตอบให้นาง แต่เขาเป็นคนที่ยิ้มน้อยมาก ตอนนี้จึงไม่รู้แล้วว่าการยิ้มต้องทำอย่างไรเขาจึงตีหน้านิ่งแล้วผงกศีรษะเล็กน้อยเฟิ่งชูอิ่งมองออกว่าเขากำลังเขินอายทำตัวไม่ถูก ในใจจึงแอบนึกขำ บิดาของนางคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวพอนางยิ้ม เหมยตงยวนก็หันมองนางอีกครั้ง นัยน์ตาของเขากลับเลื่อนลอยราวกับนึกถึงความหลังในอดีตตอนนั้นเขาทัศนาจรไปที่แคว้นซีฉู่ ก็เคยมีคนส่งยิ้มให้เขาเช่นนี้หญิงสาวคนนั้นงดงามและร่าเริงสดใส แล้วยังพูดกับเขาด้วยท่าทางเอาแต่ใจว่า “ข้าชอบเจ้า หลังจากนี้ไปเจ้าจะต้องเป็นคนของข้า!”ตอนนั้นเหมยตงยวนรู้สึกว่าสมองของหญิงสาวผู้นั้นคงจะมีปัญหา จึงไม่ได้สนใจนางนักเขาไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอใจไปหลงชอบน
ปู๋เยี่ยโหวไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่เย็นชาอย่างเหมยตงยวนจะมีสตรีมาหลงรักด้วย แล้วยังยินดีจะมีลูกสาวให้เขาอีกก่อนหน้านี้ไม่นาน เขายังรับประกันอย่างมั่นหน้ากับเฟิ่งชูอิ่งอยู่เลยว่าเหมยตงยวนไม่มีทางเป็นบิดาของนางแต่เขาก็ยินดีจะอับอายขายขี้หน้าตัวเองเพราะเรื่องนี้ เนื่องจากเขาเองก็สงสัยมากจริงๆแต่เขาไม่กล้าถามอะไรมาก ตอนยังเด็กเหมยตงยวนมอบความทรงจำที่ไม่มีวันลืมให้เขาไว้หากเขาหลุดถามเรื่องที่ไม่ควรถามกับเหมยตงยวน เหมยตงยวนจะลงมืออัดเขาจนเละแน่นอนความจริงแล้วเรือนตากอากาศของปู๋เยี่ยโหวอยู่ไม่ไกลเลย พวกเขาเดินครู่เดียวก็มาถึงแล้วหลังจากไปถึงที่นั่นแล้ว ปู๋เยี่ยโหวก็สั่งให้ข้ารับใช้ในจวนนำเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่มาเปลี่ยน แล้วยังสั่งต้มน้ำร้อนให้อาบ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นขับไล่ไอหนาวด้วยระหว่างที่รอให้น้ำร้อน เฟิ่งชูอิ่งก็ผลอยหลับไปนางถูกผลกระทบจากเคล็ดวิชาต้องห้าม ช่วงนี้จึงง่วงนอนมากเป็นพิเศษตอนที่นางหลับไป เหมยตงยวนเฝ้าอยู่ข้างกายนางไม่ห่างเฉี่ยวหลิงมองเหมยตงยวนอย่างระแวงสงสัย เขาสัมผัสการจ้องมองของนางได้จึงหันกลับไป นางตกใจจึงรีบหันมองไปทางอื่นพอเป็นแบบนี้หลายครั้งเข้า เหมยตงย
ใครกล้ารังแกเฟิ่งชูอิ่ง เขาจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้เป็นผู้เป็นคนเอง!หากพูดให้ถูกจุดอีกหน่อย เขาจะฆ่าพวกมันให้ตาย แล้วสั่งสอนว่าควรจะเป็นผีอย่างไร!เฉี่ยวหลิงเห็นจิตสังหารพลุ่งพล่านรุนแรงของเขา แต่ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมาหมายถึงอะไรแล้วนางก็ไม่กล้าถามด้วยโชคดีที่ตอนนี้น้ำร้อนต้มเสร็จแล้ว นางจึงปลุกเฟิ่งชูอิ่งให้ไปอาบน้ำตอนนี้กล้ามเนื้อของเฟิ่งชูอิ่งยังแข็งเกร็งอยู่บางส่วน ส่วนข้อต่อไม่สามารถหักงอได้ จึงไม่สามารถเดินด้วยตัวเองและต้องให้เฉี่ยวหลิงอุ้มนางเข้าไปพอนางเข้ามาด้านในแล้ว เหมยตงยวนก็มองนางแล้วบอกว่า “มีข้าอยู่ตรงนี้ หลังจากนี้ไปจะไม่มีใครรังแกเจ้าได้”เฟิ่งชูอิ่งยังสะลึมสะลืออยู่ สมองตอบสนองได้ไม่รวดเร็วเท่าตอนปกติ นางจึงไม่รู้จะตอบกลับอีกฝ่ายอย่างไร เพียงปรือตามองเขาอย่างงุนงง “หา?”เหมยตงยวนไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหมุนตัวเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งจึงงุนงงกว่าเดิม นางหันไปถามเฉี่ยวหลิง “เขาเป็นอะไรไป?”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “ข้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดให้เขาฟังเจ้าค่ะ เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนิดหน่อย”นางหันมองแผ่นหลังของเหมยตงยวน “เขาอาจจะโกรธไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ”เฟิ่งชูอิ
เหมยตงยวนเป็นวิญญาณร้ายที่บำเพ็ญมาสิบกว่าปี จึงเข้าสู่มรรคาวิญญาณไปแล้วแล้วเขายังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเฉี่ยวหลิงอีก สิ่งที่ต่างจากเฉี่ยวหลิงคือเขาสามารถวาดยันต์เองได้ แล้วก็สามารถควบคุมรูปลักษณ์ของตัวเองได้ด้วย อยากปรากฏให้ใครเห็นก็ทำได้เลยเขายืนเต็มความสูงก้มมองปู๋เยี่ยโหวโดยไม่พูดไม่จา ก่อนจะยื่นมือไปกระชากผมของปู๋เยี่ยโหว ก่อนกดศีรษะเขาลงไปในน้ำปู๋เยี่ยโหว “!!!!!!”ความทรงจำเกี่ยวกับเหมยตงยวนฝังลึกในใจของเขา เพราะว่าคืนที่บิดาของเขาถูกคนฆ่าตาย เหมยตงยวนอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลาดังนั้นแม้เหมยตงยวนจะดูเย็นชาในสายตาของเขา แต่กลับดูเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้ด้วยทว่าตอนนี้ผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้คนนั้นกลับจับหัวเขากดถังอาบน้ำ มันจะแตกต่างจากเดิมมากเกินไปแล้ว!ปู๋เยี่ยโหวพยายามดิ้นรนสุดชีวิต เหมยตงยวนกลับไม่สะทกสะท้าน ตอนที่เขารู้สึกว่าปู๋เยี่ยโหวใกล้จะขาดอากาศตาย ก็กระชากศีรษะอีกฝ่ายขึ้นมาปู๋เยี่ยโหวสูดหายใจอย่างเอาเป็นเอาตาย คิดจะพูดอะไรบางอย่าง กลับถูกเหมยตงยวนจับกดลงไปในน้ำอีกครั้งปู๋เยี่ยโหว “!!!!!!”เขาคิดว่าเหมยตงยวนน่าจะเป็นบ้าไปแล้ว!สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเขาไม่สามารถตอบโต้อีกฝ่ายได้!ห
เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี
สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก
แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน
ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ
หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ
เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้
เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ
เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท