แชร์

บทที่ 503

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เขาด่าด้วยความโกรธจัด "นังแพศยา นังคนถ่อย!"

เฉี่ยวหลิงทั้งตีทั้งด่าในคราเดียวกัน "ไอ้ขันทีไม่มีไข่ ไอ้เศษสวะ!"

เทียนซือโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม แล้วเขาก็โดนเฉี่ยวหลิงข่วนซ้ำอีกที พอเขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เฟิ่งชูอิ่งก็ใช้แขนเสื้อฟาดใส่เขาอย่างแรง

เทียนซือร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วกระเด็นออกไปอีกครั้ง

เขารู้สึกว่านายบ่าวคู่นี้ช่างยากรับมือเสียจริง พวกนางสองคนบ้าบอพอกันเลย!

เขากัดฟันกล่าวว่า "เฟิ่งชูอิ่ง วันนี้ถ้าข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ขอเป็นคนอีกต่อไป!"

เฟิ่งชูอิ่งโบกแขนเสื้อพลางยิ้มตาหยี กล่าวว่า "เทียนซือ เจ้าไม่รู้จักตัวเองดีพอนะ! เจ้าไม่ใช่คนมานานแล้ว!"

เทียนซือ “......”

จริงอย่างที่นางว่า เขาตายไปนานแล้ว ไม่อาจนับว่าเป็นคนได้อีกต่อไป

เขาตะโกนด้วยความโกรธ "ที่ข้าเป็นแบบนี้ ก็เพราะเจ้าทั้งนั้น!"

เฟิ่งชูอิ่งเอามือเท้าเอวแล้วกล่าวว่า "ใช่แล้ว ข้าทำกับเจ้าไว้หนักหนาถึงเพียงนี้ จะยอมอดทนอยู่ได้อย่างไรกัน เจ้ารีบเข้ามาฉีกร่างข้าสิ”

เทียนซือ “......”

ถ้าเขาฉีกนางได้ ป่านนี้คงฉีกนางเป็นแปดส่วนแล้ว!

แต่เฟิ่งชูอิ่งดูเหมือนจะยังยั่วโมโหเขาไม่พอ "เจ้ากลายเป็นผีไปแล้ว แต่ยังฆ่าคนที่ทำให้เจ้า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 504

    เขากล่าวกับทหารยามอีกคนว่า "ข้างในเอะอะวุ่นวายมากเลย พวกเราควรเข้าไปดูหรือไม่?"ทหารยามอีกคนตอบว่า "ท่านอ๋องมีคำสั่งเด็ดขาด ห้ามใครเข้าไปด้านใน""พระชายาเป็นคนมีความสามารถอย่างมาก คงไม่เป็นอะไรหรอก""แต่ถ้าพวกเราไม่ฟังคำสั่งของท่านอ๋องแล้วเข้าไป เผลอปล่อยพระชายาหนีไปได้ ท่านอ๋องคงโกรธแน่"ตอนนั้นข้างในมีเสียงดังสนั่นอีกครั้ง ทหารยามคนนั้นแม้จะรู้สึกกังวล แต่ก็รู้ว่าคำกล่าวของทหารยามอีกคนมีเหตุผลทหารยามในจวนท่านอ๋องฉู่ล้วนปฏิบัติตามระเบียบของกองทัพ พวกเขาจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่เคยเห็นจิ่งโม่เยี่ยโกรธขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง พวกเขาจึงไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของเขายันต์ที่ประตูตอนนี้สั่นไหวโดยไม่มีลมพัด พลังอาถรรพ์ชั่วร้ายอันเข้มข้นพวยพุ่งออกมาแม้จะเป็นกลางวันแสกๆ แต่ทหารยามที่หน้าประตูกลับรู้สึกหนาวเย็นจนสุดขีดเฟิ่งชูอิ่งตะโกน "เฉี่ยวหลิง!"ในทันใดนั้น เฉี่ยวหลิงก็โผล่ขึ้นมา ถือปิ่นขจัดมารแทงเข้าที่อกของเทียนซือเทียนซือ “!!!!!!”ครั้งนี้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง เขาไม่คิดเลยว่าเฉี่ยวหลิงจะใช้ปิ่นขจัดมารโจมตีเขา!เป็นการย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 505

    เฟิ่งชูอิ่งกล่าวเสียงเครียด "ไอ้สารเลวผู้นี้แม้จะตายไปแล้ว แต่กลไกที่เขาทำไว้ตอนมีชีวิตก็ยังใช้ได้ คราวนี้พวกเจองานยากจริงๆ แล้ว"ถ้านางมียันต์คาถาอยู่ล่ะก็ นางแค่ใช้ยันต์น้ำแผ่นเดียวก็สามารถดับไฟพวกนี้ได้แต่ตอนนี้นางไม่มียันต์อยู่ในมือ ยันต์คุ้มครองวาดบนเสื้อผ้าได้ผล แต่ยันต์น้ำมีระดับสูงกว่านั้นมาก แม้แต่นางเองก็ไม่น่าจะวาดยันต์น้ำบนเสื้อผ้าได้แต่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ นางก็ต้องลองดูสักตั้งห้องนี้เต็มไปด้วยท่อนฟืนหลากหลายประเภท เพียงประกายไฟเล็กๆ ก็ลุกไหม้และลามได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เทียนซือจุดไฟหลายสิบแห่งพร้อมกันเฉี่ยวหลิงเป็นวิญญาณร้าย กลัวฟ้าผ่าและไฟมากที่สุด พอไฟลุกไหม้ขึ้น นางก็ทรมานอย่างมากนางร้องอย่างร้อนรน "คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?"เฟิ่งชูอิ่งสูดหายใจลึกๆ กล่าวว่า "เจ้าออกไปก่อน ข้าจะหาทางหนีเอง"ร่างของเฉี่ยวหลิงถูกไฟแผดเผาจนเริ่มไม่มั่นคงแล้ว "ถ้าข้าออกไป คุณหนูจะทำอย่างไรเจ้าคะ?"เฟิ่งชูอิ่งวาดยันต์ไปพลางกล่าวไปพลาง "เจ้าอยู่ก็ช่วยอะไรข้าไม่ได้ ยังอาจจะต้องสูญสลายไปด้วย""เจ้าต้องเชื่อมั่นเรื่องหนึ่ง ข้าต้องหาทางรอดให

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 506

    เฟิ่งชูอิ่งรู้ว่าในขณะนี้ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือนางได้ มีเพียงตัวนางเองเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตตัวเองได้แต่ในท่ามกลางเปลวเพลิงอันร้อนแรงนี้ นางจะทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองรอดล่ะ?แม้ว่าในใจนางจะทั้งโกรธและตื่นตระหนก แต่ในยามคับขันเช่นนี้ นางต้องทำให้ตัวเองสงบจิตสงบใจลงก่อนเพราะความโกรธและความตื่นตระหนกไม่สามารถช่วยอะไรนางได้แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ การมีชีวิตรอดเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนางถึงกับได้กลิ่นผมของตัวเองที่ถูกไฟไหม้นางสูดหายใจลึกๆ สายตาหยุดอยู่ตรงบนรอยบากที่เกิดจากดาบใหญ่ของเทียนซือก่อนหน้านี้ สมองของนางเกิดความคิดวูบหนึ่งนางรีบเดินไปทางนั้น ตรงนั้นไม่มีการวางฟืนเอาไว้ แม้ว่าตอนนี้ไฟในห้องจะลุกลามอย่างรุนแรง แต่ยังไม่ได้ลามมาถึงตรงนั้นนางกะเผลกเดินไปอย่างรวดเร็ว หยิบดาบที่เทียนซือทำตกไว้บนพื้น แล้วเริ่มขุดพื้นอย่างบ้าคลั่งที่นั่นเดิมทีถูกเทียนซือใช้ดาบฟันจนเป็นรอยลึก และตัดสลับกันไปมา ทำให้พื้นตรงนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆเมื่อเฟิ่งชูอิ่งใช้ดาบขุดอย่างสุดกำลัง นางพบว่าด้านล่างมีห้องใต้ดินที่ถูกทิ้งร้างอยู่แห่งหนึ่งห้องใต้ดินขนาดไม่ใหญ่นัก และพังทลายไปครึ่งหนึ่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 507

    เขาเข้าใจจิ่งโม่เยี่ย เมื่อคืนตอนที่จิ่งโม่เยี่ยจากไป แม้จะกล่าวจาดุดันมาก แต่ก็แค่กักขังเฟิ่งชูอิ่งไว้ ไม่ได้ลงมือทำอะไรนางโดยตรง แสดงว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้ต้องการจะฆ่านางจริงๆมิฉะนั้น ด้วยนิสัยของจิ่งโม่เยี่ย หากเขาต้องการฆ่านางจริงๆ ไม่มีทางที่จะทำเพียงแค่กักขังนางไว้?ช่วงนี้ฉินจื๋อเจี้ยนคอยสังเกตอยู่ข้างๆ พบว่าจิ่งโม่เยี่ยเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเพื่อเฟิ่งชูอิ่ง เขารู้ว่าจิ่งโม่เยี่ยต้องชอบเฟิ่งชูอิ่งมากแน่นอนนอกจากนี้ เฟิ่งชูอิ่งยังมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตจิ่งโม่เยี่ยเอาไว้หากวันนี้นางถูกไฟคลอกตายในโรงเก็บฟืนเช่นนี้ จิ่งโม่เยี่ยคงจะเสียใจไปชั่วชีวิต!แต่ไฟไหม้ลุกลามหนักขนาดนี้ ขณะที่เฟิ่งชูอิ่งถูกขังอยู่ข้างใน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตรอดตอนนี้ฉินจื๋อเจี้ยนได้แต่หวังว่าเฟิ่งชูอิ่งจะหนีออกมาข้างนอกแล้ว แต่คำกล่าวของทหารยามข้างๆ ก็ทำลายความหวังเล็กๆ ของเขาทันที "เมื่อครู่ข้างในมีเสียงดังวุ่นวายมาก""พระชายาทุบประตูหน้าต่างขอความช่วยเหลือ แต่ท่านอ๋องสั่งไว้ว่าไม่ว่าพระชายาจะทำอะไร ก็ห้ามเปิดประตู""ดังนั้นพวกเราก็เลย..."กล่าวถึงตรงนี้ พวกเขาก็เหลือบมองฉินจื๋อเจี้ยนอย่างระมัดระวั

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 508

    หลางซานถอนหายใจยาวเหยียด กล่าวเสียงเรียบว่า "พ่ะย่ะค่ะ!"เครื่องยิงหินถูกลากเข้ามาอย่างรวดเร็ว กำแพงวังด้านข้างก็ถูกรื้อออกจิ่งโม่เยี่ยใช้วัสดุที่มีอยู่ ใช้หินจากกำแพงวังที่ถูกรื้อออกมา ยิงใส่ตำหนักเฟิ่งเทียนอย่างรุนแรงก่อนที่ก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนแรกจะถูกยิงเข้าไป เจ้าอารามกำลังบอกกับฮ่องเต้เจาหยวนว่า "ฝ่าบาทอย่าทรงกังวล ท่านอ๋องฉู่ไม่สามารถบุกเข้ามาได้หรอกพะย่ะค่ะ""กลไกนี้เป็นกลไกที่ลึกลับที่สุดของสำนักลี้ลับ ไม่เพียงแต่ป้องกันได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ยังโจมตีได้อย่างรุนแรงด้วย""หากทหารของจิ่งโม่เยี่ยบุกเข้ามาในระยะยิง พวกเขาก็จะถูกยิงตายทั้งหมด"สิ่งที่เขากล่าวมาล้วนเป็นความจริงตามหลักพื้นฐานเมื่อครู่จิ่งโม่เยี่ยนำทหารโจมตีเข้ามาหนึ่งครั้งแล้ว ทหารที่นำหน้าทั้งหมดถูกยิงตายด้วยกลไกเหล่านี้ พวกเขาจึงหยุดการบุกโจมตีไปก่อนแต่ในใจของฮ่องเต้เจาหยวนกลับไม่รู้สึกปลอดภัยเอาเสียเลยเพราะเขารู้ถึงความสามารถของจิ่งโม่เยี่ย เมื่อจิ่งโม่เยี่ยอายุสิบสี่ปี เขาก็สามารถนำกองทัพไปปราบแคว้นหนานเยว่ได้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางการทหารที่สูงส่งในการก่อกบฏครั้งนี้ จิ่งโม่เยี่ยได้แสดงความสามารถ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 509

    ก้อนหินก้อนนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ก้อนหินขนาดมหึมาถูกขว้างเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งก้อนหินเหล่านั้นไม่เพียงแต่ตกลงบนท้องพระโรง แต่ยังตกลงทั่วทุกมุมของประตูวังชั้นแปดฮ่องเต้เจาหยวนตรัสด้วยความโกรธ "เนี่ยน่ะหรือที่เจ้าบอกว่าไม่มีทางที่จะบุกเข้ามาได้หรือ?"เจ้าอารามตัวสั่นตอบกลับว่า "ข้าไม่คาดคิดว่าเขาจะโจมตีจากทางฟ้าเช่นกัน!"ฮ่องเต้เจาหยวน “......”พระพักตร์ของพระองค์ดูไม่สู้ดีนัก พระองค์ลืมไปว่าจิ่งโม่เยี่ยมักทำอะไรนอกกรอบเสมอ เมื่อเขาคลั่ง เขาก็คลั่งไปสุดจริงๆ!พระองค์ถามเจ้าอาราม "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร?"สีหน้าของเจ้าอารามดูแย่มาก "ข้า... ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน..."ฮ่องเต้เจาหยวนแทบจะโกรธจนตายเพราะเขา พระองค์จึงมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาฮ่องเต้เจาหยวนคิดว่าหากพระองค์สามารถป้องกันตามกลยุทธ์ได้สักสามถึงห้าวัน ก็จะสามารถรอกองทัพเสริมมาช่วยได้แต่พระองค์ไม่เคยคิดว่ากลยุทธ์ที่พระองค์ให้นักพรตออกแบบอย่างพิถีพิถันจะพังทลายลงอย่างง่ายดาย ภายใต้การโจมตีของจิ่งโม่เยี่ยฮ่องเต้เจาหยวนรู้ว่าหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ก้อนหินเหล่านี้จะทำลายกลยุทธ์ที่พวกเขาใช้เวลายาวนานในการสร้างจนห

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 510

    หลางซานยังไม่ทันได้ตอบสนอง จิ่งโม่เยี่ยก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว จ้องมองทหารยามและถามว่า "เมื่อครู่นี้เจ้ากล่าวว่าอะไรนะ?"ทหารยามตอบว่า "วันนี้จู่ๆ โรงเก็บฟืนก็เกิดไฟไหม้ขึ้นอย่างกะทันหัน โดยไม่มีใครทราบสาเหตุ"“ก่อนเกิดเหตุ พระชายาได้ขอความช่วยเหลือจากทหารยาม แต่ทหารยามคิดว่าเป็นกลอุบายของพระชายา จึงไม่ได้สนใจ"“หลังจากนั้นเปลวไฟลุกลามใหญ่โต ทหารยามจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อเปิดประตูก็พบว่าด้านในเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว"“ตอนที่ข้าน้อยออกมา ฉินจ๋างสื่อได้นำทหารยามของจวนอ๋องมาช่วยดับไฟแล้ว แต่เปลวไฟรุนแรงเกินไป ไม่สามารถดับได้..."เขายังกล่าวไม่ทันจบ จิ่งโม่เยี่ยก็รีบเดินออกไปนอกวังอย่างรวดเร็วตอนที่เฟิ่งชูอิ่งเกิดเรื่องขึ้น ฉินจื๋อเจี้ยนยังรู้สึกลังเลว่าควรแจ้งจิ่งโม่เยี่ยหรือไม่ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจบอกจิ่งโม่เยี่ยในท้ายที่สุดแม้ฉินจื๋อเจี้ยนจะรู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยชอบเฟิ่งชูอิ่ง แต่เมื่อคืนจิ่งโม่เยี่ยก็กล่าวจาแข็งกร้าวและกักขังเฟิ่งชูอิ่งไว้ฉินจื๋อเจี้ยนรู้สึกว่าตนเป็นคนนอกไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องความรักของคนสองคน แต่เจิ้งเนี่ยนซินกลับคิดว่าควรแจ้งเรื่องน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 511

    หากมีคนแบบนี้อยู่เคียงข้างเขา เขารู้สึกได้เลยว่าชีวิตในอนาคตของเขาจะต้องน่าสนุกและน่าสนใจมากแน่ๆแต่เพราะว่านางเป็นคู่หมั้นของจิ่งโม่เยี่ย เขาจึงเพียงแค่กล่าวจาหยอกล้อเท่านั้น ไม่ได้ลงมือทำอะไรจริงจังแต่วันนี้เมื่อได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขาก็รู้สึกว่าทนไม่ได้อีกต่อไปผู้หญิงที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ซึ่งเขาชื่นชอบแต่ยอมอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ กลับถูกสามีของนางเองจับขังและเผาจนตายในคืนวิวาห์!ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม มันทำให้เขาโกรธมากอยู่ดี!ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เป็นช่วงสำคัญของการบุกยึดพระราชวัง เขาจะวิ่งไปต่อยจิ่งโม่เยี่ยสักยก!สีหน้าของจิ่งโม่เยี่ยดูย่ำแย่มาก ดวงตาแดงก่ำ "ข้าไม่ได้ตั้งใจให้นางตาย... เรื่องที่นี่ฝากเจ้าแล้วกัน ข้าต้องรีบกลับไปตอนนี้เลย!"เมื่อคืนเขากล่าววาจาแข็งกร้าวกับเฟิ่งชูอิ่ง บอกว่าจะฆ่านาง แต่เขาจะทำลงจริงๆ ได้อย่างไร?ปู๋เยี่ยโหวมองดูเขา พลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ปู๋เยี่ยโหวเห็นเขาแสดงสีหน้าแบบนี้เขาผลักปู๋เยี่ยโหวออกอย่างแรง แล้วก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็วคราวนี้ปู๋เยี่ยโหวไม่ได้ขวางเขาอีก แต่กล่าวไล่หลังเขาว่า "เจ้าให้ข้าอยู่เ

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status