แชร์

บทที่ 100

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เขาเอ่ยหน้ามืดครึ้ม “นังสารเลวคนนี้น่าโมโหนัก!”

เขาคิดมาเสมอว่าเฟิ่งชูอิ่งเป็นของตายของเขา แต่เพราะตอนนี้เขายังไม่ได้แต่งงาน กลัวว่าที่ภรรยาจะไม่พอใจ ก็เลยยังไม่ได้แตะต้องเฟิ่งชูอิ่ง

เขาวางแผนไว้อย่างดีแล้ว หลังจากแต่งงานเรียบร้อย เขาจะรับนางเป็นอนุภรรยา

ดังนั้นในจวนสกุลหลิน เขาจึงเป็นคนเดียวที่คัดค้านเรื่องการส่งนางไปแต่งงานกับอ๋องฉู่

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตนเองสามารถควบคุมเฟิ่งชูอิ่งได้อย่างสมบูรณ์ คิดว่าไหนๆ นางก็จะตายแล้ว ก่อนตายเขาก็ควรจะได้นอนกับนางเสียก่อน

ครั้งนี้เขาเดินทางมาจากสำนักศึกษา ยังคิดอยู่เลยว่าจะกล่อมให้เฟิ่งชูอิ่งยอมตกเป็นของตัวเองอย่างไรดี

เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่เจอหน้ากับเฟิ่งชูอิ่ง นางก็จะลงมือทุบตีเขาทันที!

หลินหว่านถิงถอนหายใจแล้วเอ่ย “พี่ชาย ท่านตัดใจจากนางเสียเถอะ”

ยิ่งนางพูดแบบนั้น หลินอีฉุนก็ยิ่งหงุดหงิด เขาจะต้องนอนกับเฟิ่งชูอิ่งให้จงได้

บ่าวไพร่ในเรือนที่มามุงดูเห็นเช่นนั้นก็พากันตกตะลึงในใจ

เฟิ่งชูอิ่งกล้าลงมือกระทั่งกับหลินอีฉุน แล้วพวกเขาจะไปเหลืออะไรล่ะ

ถึงพวกเขาจะรู้สึกว่านางบ้าอยู่นิดหน่อย จะต้องถูกเจ้านายในจวนสกุลหลินจัดการอย่างโหดเหี้ยมแน่ แต่พว
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (4)
goodnovel comment avatar
Nattarika Sonchandaeng
ไม่มีต่อหรอค่ะรอนานแล้วค่ะ
goodnovel comment avatar
Waraporn Chinnabut (ฟางข้าว)
จะมีต่อไหมอะ ค้างที่บทที่ 100 มากี่วันแล้ว อยากอ่านต่อ
goodnovel comment avatar
Punyawee Lines
รอนานมากคนแต่งไปไหนแล้ว
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 101

    เฟิ่งชูอิ่ง “......”การแสดงแบบที่เฉี่ยวหลิงทำให้ดู คาดว่าคงมีเพียงไม่กี่คนที่ทนรับไหวจากนั้นเฉี่ยวหลิงก็กล่าวปิดจบว่า “จิตของนางอ่อนมากเกินไป ห่างชั้นกับคุณหนูแบบเทียบไม่ติด เล่นกับนางไม่สนุกสักนิด”เฟิ่งชูอิ่ง “......เจ้ากล่าวสรุปได้ดีมาก แต่ครั้งหน้าอย่าคิดเองเออเองแบบนั้นอีกนะ เจ้าเอาข้าไปเทียบกับหลินหว่านถิง ก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้ากำลังดูถูกข้าหรอก”เฉี่ยวหลิงแลบลิ้นนางกล่าวอย่างเสียดายว่า “วันนี้ข้าเตรียมการแสดงไว้ให้นางชุดใหญ่เลยนะ แต่ข้าเพิ่งจะแสดงให้นางดูแค่อย่างเดียว นางก็ไม่ไหวเสียแล้ว”เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่เป็นไร ครั้งหน้าค่อยแสดงอย่างอื่นให้นางดู”เฉี่ยวหลิงเบิกตาโตแล้วเอ่ยถาม “ครั้งหน้า? หลังจากนี้ข้ายังหลอกนางได้อยู่หรือ?”“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “คืนนี้เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นแหละ หลังจากนี้เจ้าสามารถไปพูดคุยเปิดอกกับนางได้ทุกวันเลย“อย่างไรเสียนางก็อยู่ถัดจากห้องของพวกเราไปนิดเดียว การไปชวนนางสนทนาไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร“อีกอย่าง เราไม่ควรปล่อยให้นางนอนหลับสบาย หากตอนกลางคืนนางนอนหลับสบายมากเกินไป เดี๋ยวก็หาเรื่องวางแผนมาทำร้ายข้าอีก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 102

    เฟิ่งชูอิ่งก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะช่วยเหลือเช่นกัน จึงเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร หากข้าตาย ท่านอ๋องมีชีวิตอยู่ต่อได้สักสามเดือน เดี๋ยวก็ตายตามข้ามาเอง“ข้าจะรอท่านอ๋องอยู่ที่ข้างสะพานไน่เหอ[footnoteRef:1] ตอนที่พวกเราแยกย้ายไปเกิดใหม่จะได้กลับมาเคียงคู่กันอีกครั้ง” [1: สะพานสำหรับข้ามแม่น้ำลืมเลือนที่วิญญาณต้องเดินผ่านเพื่อไปเกิดใหม่ ] จิ่งโม่เยี่ยปรายตามองนางอย่างเย็นชา นางจึงคลี่ยิ้มบางๆ “ถึงข้ากับท่านอ๋องจะเกิดไม่พร้อมกัน แต่พวกเราสามารถตายพร้อมกันได้นะเพคะ“เรื่องแบบนี้แค่คิดก็รู้สึกถึงความหวานซึ้งแล้วเพคะ ข้าดีใจที่สุดเลย...โอ๊ย ท่านอ๋องตีข้าทำไมเพคะ!”หลังจากจิ่งโม่เยี่ยเคาะหัวนางไปทีหนึ่งก็เอ่ยว่า “ถ้าเจ้ายังไม่เลิกพูดจาไร้สาระอีก ไม่ต้องรอให้คนในวังฆ่าหรอก ตายตั้งแต่อยู่บนรถม้าเลยก็ได้” เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางไม่กล้ายั่วโมโหเขาอีก เพียงนั่งเอามือกุมศีรษะอยู่ตรงมุมรถม้า พยายามทำตัวเหมือนอากาศธาตุให้ได้มากที่สุด อย่างไรเสียจิ่งโม่เยี่ยก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนบ้า นางกลัวเขาจะเสียสติกะทันหันแล้วฆ่านางจริงๆ จิ่งโม่เยี่ยใช้หางตาเหลือบมองนางแวบหนึ่ง เขาเบื่อเกินกว่าจะสนใจนาง จึงหยิบตำราเล่มหนึ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 103

    ดูเหมือนตั้งแต่เขารู้จักเฟิ่งชูอิ่งมา นางก็ทำลายสถิติครั้งแรกในชีวิตของเขาแบบนับครั้งไม่ถ้วนเขามองนางอย่างเย็นชา นางจึงกล่าวเสียงอ่อนหวานว่า “เมื่อครู่นี้เป็นเพราะท่านอ๋องช่วยรับไว้ มิเช่นนั้นข้าจะต้องล้มแน่เลยเพคะ“ท่านอ๋องทรงดีมากจริงๆ เพคะ ไม่เสียแรงที่ข้าหลงรักปักใจท่านมาตลอด”นางคิดมาอย่างรอบคอบ ตรงนี้คือหน้าประตูวังหลวง จิ่งโม่เยี่ยไม่มีทางกล้าลงมือสังหารนางตรงนี้แน่นอนในเมื่อตอนนี้ไม่มีทางตาย เช่นนั้นนางก็จะเอาคืนเขาต่อ อย่างไรเสียมันก็เป็นบทที่ต้องแสดงอยู่แล้ว ทำไมนางจะหาผลประโยชน์ใส่ตัวบ้างไม่ได้ล่ะจิ่งโม่เยี่ยเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอมา แต๊ะอั๋งสักหน่อยก็ไม่เสียหายในนิยายบอกว่าเขาป่วยหนักจนร่างกายซูบผอม แต่ตอนที่นางแอบลูบคลำแผงอกเขาเมื่อกี้ กล้ามเนื้อของเขาเป็นมัดๆ ชัดเจน จับแล้วเพลินมือมากทีเดียวได้กำไรแล้วล่ะจิ่งโม่เยี่ยมองนางแล้วเอ่ยว่า “เจ้ากำลังหาเรื่องตายอยู่นะ!”เฟิ่งชูอิ่งจึงโผเข้าหาแผงอกเขาอีกครั้งแล้วลูบๆ คลำๆ กล้ามของอีกฝ่าย “ข้างนอกลมแรงยิ่งนัก พัดจนข้าหนาวไปหมดแล้ว ท่านอ๋องช่วยบังให้หน่อยสิเพคะ!”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาคิดว่าตัวเอง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 104

    เขามีคิ้วคมดุจกระบี่ ดวงตาเป็นประกายเหมือนดวงดาว ผิวออกจะคล้ำเล็กน้อย ตอนที่หันมาเห็นพวกเขาก็คลี่ยิ้มบางๆ รอยยิ้มของเขาเจิดจ้ายิ่งกว่าพระอาทิตย์เสียอีก ทำให้คนสัมผัสได้ถึงความกระตือรือร้นอันแรงกล้าเขายิ้มแล้วเอ่ยเรียกว่า “พี่สาม!”จิ่งโม่เยี่ยถูกจัดอันดับรวมกับสมาชิกราชวงศ์ทั้งหมด เขาอยู่ลำดับที่สามหลังจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคต ฮ่องเต้เจาหยวนจึงประกาศว่าจะดูแลจิ่งโม่เยี่ยเหมือนบุตรชายในอุทรของตัวเอง เพื่อแสดงภาพลักษณ์ใจกว้างและความสนิทชิดเชื้อ ดังนั้นเขาจึงถูกจัดลำดับร่วมกับองค์ชายทั้งหมดตามอายุ อายุของเขาอยู่ในลำดับที่สาม ดังนั้นองค์ชายทั้งหมดจึงเรียกเขาว่าพี่สามจิ่งโม่เยี่ยปรายตามองเขาแล้วผงกศีรษะเพียงเล็กน้อย ก่อนจะพาเฟิ่งชูอิ่งเดินตรงเข้าไปข้างในจิ่งสือเยี่ยนมองเฟิ่งชูอิ่งด้วยท่าทางสงสัยใคร่รู้ “เจ้าคือเฟิ่งชูอิ่ง ว่าที่พระชายาของพี่สามสินะ?”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “เพคะ มิทราบว่าท่านคือใครหรือ?”จิ่งสือเยี่ยนหันมายิ้มอวดฟันขาวให้นาง “ข้าคือองค์ชายห้าจิ่งสือเยี่ยน”เฟิ่งชูอิ่งก้มหน้าด้วยท่าทางมีมารยาท “ถวายบังคมองค์ชายห้า....”นางกล่าวจบก็คล้ายจะได้สติคืนมา เบิกตากว้างแล้วเอ่ยถ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 105

    กลับได้ยินนางเอ่ยว่า “ในใจของข้า ท่านอ๋องเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่ว่าบุรุษคนอื่นจะหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าท่านอ๋องก็ล้วนแต่จืดชืดหมดเลยเพคะ”จิ่งโม่เยี่ยยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร ก็มีเสียงหัวเราะขบขันดังมาจากด้านข้าง “น้องสาม เจ้านี่ช่างโชคดีเสียจริงนะ“ต่อให้ก่อนหน้านี้จะมีว่าที่พระชายาตายไปถึงเจ็ดคน ก็ยังมีสาวน้อยมาหลงรักปักใจเจ้าอยู่ดี”เฟิ่งชูอิ่งเอียงหน้าไปมอง พบว่ามีชายหนุ่มสีหน้าท่าทางเย็นชายืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งหางตาของเขาชี้ขึ้น โหนกแก้มสูงเล็กน้อย คิ้วระเกะระกะไม่เป็นรูปทรง ดูจากโหงวเฮ้งแล้วเป็นคนประเภทจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตจิ่งโม่เยี่ยมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “พี่สองกล่าวได้ถูกต้อง ข้าเป็นคนมีเสน่ห์ก็เลยมีแต่คนมาหลงรัก“เรื่องนี้พี่สองจะอิจฉาไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ใครใช้ให้ท่านหน้าตาขี้เหร่กันล่ะ”จิ่งสือเฟิง “......”ความจริงแล้วหน้าตาเขาไม่ได้ขี้เหร่สักนิด แต่พื้นฐานหน้าตาของคนในราชวงศ์ดีงามเกินไป พอเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว หน้าตาของเขาก็สู้จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละจิ่งโม่เยี่ยไม่สนใจเขาอีก เพียงหันกลับมาคุยกับเฟิ่งชูอิ่ง “เขาคือเจ้าสอง จิ่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 106

    เฟิ่งชูอิ่งกล่าวถึงตรงนี้ก็หันไปถามจิ่งโม่เยี่ย “ท่านอ๋อง เจ้าอาวาสกล่าวเช่นนี้ ถูกต้องไหมเพคะ?”จิ่งโม่เยี่ยอยากจะตอบมากกว่า “ถูกกับผีน่ะสิ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังคิดจะทิ้งงานแต่งหนีตามผู้ชายอยู่เลย มาตอนนี้กลับบอกว่าจะมีลูกให้เขาเต็มบ้าน เจ้าเด็กเลี้ยงแกะ!”ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาหักหน้านาง เขาลอบมองนางแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าเบาๆ คำพูดของนางช่างถูกใจไทเฮายิ่งนัก นางจึงดึงมือของเฟิ่งชูอิ่งมากุมอย่างสนิทสนม “ข้าก็เห็นเจ้าเป็นเด็กที่มีดวงชะตานำโชคเหมือนกัน“พวกเขาต่างกล่าวกันว่าเยี่ยเอ๋อร์เป็นดาวหายนะ ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องนั้นเลย“ตามกฎระเบียบแล้วข้าไม่สามารถออกจากวังได้ มิฉะนั้นหลังจากพวกเจ้ามีลูกแล้ว ข้าก็อยากจะออกจากวังไปช่วยพวกเจ้าเลี้ยงหลานเหมือนกัน”เฟิ่งชูอิ่ง “......”เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก!นางก็แค่พูดส่งเดชไปอย่างนั้นเอง!จิ่งโม่เยี่ยเห็นสีหน้าของนางก็แอบขบขันอยู่ในใจ ใครใช้ให้เจ้าพูดจาโกหกล่ะ เขาอยากจะรู้นักว่านางจะกลบเกลื่อนได้อย่างไร ตอนนั้นเอง เสียงเล็กแหลมของขันทีคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา “ฝ่าบาทเสด็จ ฮองเฮาเสด็จ!”ไทเฮาได้ยินเช่นหน้าก็หน้าตึงอย่างฉับพลัน ก่อนจะเดินไปยังที่นั่ง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 107

    ครั้งก่อนไทเฮาใช้เรื่องที่เกิดในกรมราชทัณฑ์สั่งลงโทษฮองเฮาอย่างหนัก จนฮองเฮาแทบไม่เหลือหน้าไปพบใคร แล้วยังต้องมอบอำนาจจัดการวังหลังครึ่งหนึ่งให้คนอื่นอีกนางเกลียดไทเฮาอย่างกับอะไรดี แต่กลับไม่กล้าล่วงเกินอีกฝ่ายต่อหน้าเพราะนางทราบว่าไทเฮาเป็นมารดาแท้ๆ ของฮ่องเต้เจาหยวน ฮ่องเต้เจาหยวนพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาอกเอาใจไทเฮา หากพระนางสั่งให้เขาปลดตำแหน่งฮองเฮา เขาก็พร้อมจะเห็นดีเห็นงามด้วยทันทีเฟิ่งชูอิ่งที่อยู่ข้างๆ นั่งมองผู้สูงศักดิ์ทั้งสามที่ทรงอำนาจมากสุดในใต้หล้าประชันกัน นางเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมือยิ่งนัก หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธีแล้ว ฮ่องเต้เจาหยวนก็หันไปทางจิ่งโม่เยี่ย “เยี่ยเอ๋อร์ ข้าได้ยินว่าเจ้าถูกใจว่าที่พระชายาคนใหม่มาก ข้ารู้สึกยินดีปรีดายิ่งนัก”จิ่งโม่เยี่ยกล่าวเสียงเฉยชา “เสด็จลุงทรงพยายามอย่างหนัก ข้ารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก”ฮ่องเต้เจาหยวนยิ้มแล้วเอ่ย “เจ้าพอใจก็ดีแล้ว ช่วงหลายปีมานี้ข้าเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของเจ้ามาก อยากเห็นวันที่เจ้าแต่งงานมีครอบครัวไวๆ จะได้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”เขากล่าวจบก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยเสริมว่า “จะได้ขัดขวางข่าวลือไม่มีมู

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 108

    ตอนที่เขาดึงมือกลับมา ยันต์แผ่นนั้นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้งจิ่งสือเยี่ยนเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “พี่สาม ท่านไปเอาของเล่นประหลาดแบบนี้มาจากไหนกัน? วิเศษไปเลย!”จิ่งโม่เยี่ย “......”เจ้าห้าจะน่ารำคาญเกินไปแล้ว!เฟิ่งชูอิ่ง “......”นี่คือพระเอกในนิยายจริงๆ หรือ?ทั้งสองต่างก็พูดอะไรไม่ออกจิ่งโม่เยี่ยถามเฟิ่งชูอิ่ง “แกะออกมาได้ไหม?”เฟิ่งชูอิ่งไม่กล้าบอกเขาว่ายันต์ทั่วไปสามารถแกะออกมาได้เพียงแต่ตอนที่นางกำลังวาดยันต์พวกนี้ให้เขา นางรู้สึกรำคาญเขามากจึงแอบใส่ลูกไม้อะไรลงไปนิดหน่อยดังนั้นหลังจากแปะยันต์แผ่นนี้ไปแล้ว นอกจากจะแกะออกมาไม่ได้ ยังส่งผลข้างเคียงบางอย่างด้วยนางไม่คาดคิดจริงๆ ว่าสุดท้ายแล้วยันต์แผ่นนี้จะแปะอยู่บนตัวของจิ่งสือเยี่ยนนางส่ายหน้าเบาๆ ขณะเดียวกันจิ่งสือเฟิงก็เดินเข้ามาหาจิ่งสือเยี่ยนแล้วดึงเขาออกไป “ชะตาชีวิตของเขาเป็นอย่างไรเจ้าก็รู้ดีมิใช่หรือ เจ้าหัดตั้งสติเสียบ้างเถอะ!”เฟิ่งชูอิ่งเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็แอบเลิกคิ้วเบาๆจิ่งสือเยี่ยนทำท่าจะพูดบางอย่าง จิ่งสือเฟิงกลับไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาได้พูดแม้แต่คำเดียว ก็ลากตัวเขาออกไปทันทีเฟิ่งชูอิ่งแค่นเสียง ‘ชิ’

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status