Share

บทที่ 105

Author: ดอกถังร่วงหล่น
กลับได้ยินนางเอ่ยว่า “ในใจของข้า ท่านอ๋องเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่ว่าบุรุษคนอื่นจะหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าท่านอ๋องก็ล้วนแต่จืดชืดหมดเลยเพคะ”

จิ่งโม่เยี่ยยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร ก็มีเสียงหัวเราะขบขันดังมาจากด้านข้าง “น้องสาม เจ้านี่ช่างโชคดีเสียจริงนะ

“ต่อให้ก่อนหน้านี้จะมีว่าที่พระชายาตายไปถึงเจ็ดคน ก็ยังมีสาวน้อยมาหลงรักปักใจเจ้าอยู่ดี”

เฟิ่งชูอิ่งเอียงหน้าไปมอง พบว่ามีชายหนุ่มสีหน้าท่าทางเย็นชายืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

หางตาของเขาชี้ขึ้น โหนกแก้มสูงเล็กน้อย คิ้วระเกะระกะไม่เป็นรูปทรง ดูจากโหงวเฮ้งแล้วเป็นคนประเภทจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต

จิ่งโม่เยี่ยมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “พี่สองกล่าวได้ถูกต้อง ข้าเป็นคนมีเสน่ห์ก็เลยมีแต่คนมาหลงรัก

“เรื่องนี้พี่สองจะอิจฉาไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ใครใช้ให้ท่านหน้าตาขี้เหร่กันล่ะ”

จิ่งสือเฟิง “......”

ความจริงแล้วหน้าตาเขาไม่ได้ขี้เหร่สักนิด แต่พื้นฐานหน้าตาของคนในราชวงศ์ดีงามเกินไป พอเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว หน้าตาของเขาก็สู้จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ

จิ่งโม่เยี่ยไม่สนใจเขาอีก เพียงหันกลับมาคุยกับเฟิ่งชูอิ่ง “เขาคือเจ้าสอง จิ่
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 106

    เฟิ่งชูอิ่งกล่าวถึงตรงนี้ก็หันไปถามจิ่งโม่เยี่ย “ท่านอ๋อง เจ้าอาวาสกล่าวเช่นนี้ ถูกต้องไหมเพคะ?”จิ่งโม่เยี่ยอยากจะตอบมากกว่า “ถูกกับผีน่ะสิ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังคิดจะทิ้งงานแต่งหนีตามผู้ชายอยู่เลย มาตอนนี้กลับบอกว่าจะมีลูกให้เขาเต็มบ้าน เจ้าเด็กเลี้ยงแกะ!”ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาหักหน้านาง เขาลอบมองนางแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าเบาๆ คำพูดของนางช่างถูกใจไทเฮายิ่งนัก นางจึงดึงมือของเฟิ่งชูอิ่งมากุมอย่างสนิทสนม “ข้าก็เห็นเจ้าเป็นเด็กที่มีดวงชะตานำโชคเหมือนกัน“พวกเขาต่างกล่าวกันว่าเยี่ยเอ๋อร์เป็นดาวหายนะ ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องนั้นเลย“ตามกฎระเบียบแล้วข้าไม่สามารถออกจากวังได้ มิฉะนั้นหลังจากพวกเจ้ามีลูกแล้ว ข้าก็อยากจะออกจากวังไปช่วยพวกเจ้าเลี้ยงหลานเหมือนกัน”เฟิ่งชูอิ่ง “......”เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก!นางก็แค่พูดส่งเดชไปอย่างนั้นเอง!จิ่งโม่เยี่ยเห็นสีหน้าของนางก็แอบขบขันอยู่ในใจ ใครใช้ให้เจ้าพูดจาโกหกล่ะ เขาอยากจะรู้นักว่านางจะกลบเกลื่อนได้อย่างไร ตอนนั้นเอง เสียงเล็กแหลมของขันทีคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา “ฝ่าบาทเสด็จ ฮองเฮาเสด็จ!”ไทเฮาได้ยินเช่นหน้าก็หน้าตึงอย่างฉับพลัน ก่อนจะเดินไปยังที่นั่ง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 107

    ครั้งก่อนไทเฮาใช้เรื่องที่เกิดในกรมราชทัณฑ์สั่งลงโทษฮองเฮาอย่างหนัก จนฮองเฮาแทบไม่เหลือหน้าไปพบใคร แล้วยังต้องมอบอำนาจจัดการวังหลังครึ่งหนึ่งให้คนอื่นอีกนางเกลียดไทเฮาอย่างกับอะไรดี แต่กลับไม่กล้าล่วงเกินอีกฝ่ายต่อหน้าเพราะนางทราบว่าไทเฮาเป็นมารดาแท้ๆ ของฮ่องเต้เจาหยวน ฮ่องเต้เจาหยวนพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาอกเอาใจไทเฮา หากพระนางสั่งให้เขาปลดตำแหน่งฮองเฮา เขาก็พร้อมจะเห็นดีเห็นงามด้วยทันทีเฟิ่งชูอิ่งที่อยู่ข้างๆ นั่งมองผู้สูงศักดิ์ทั้งสามที่ทรงอำนาจมากสุดในใต้หล้าประชันกัน นางเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมือยิ่งนัก หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธีแล้ว ฮ่องเต้เจาหยวนก็หันไปทางจิ่งโม่เยี่ย “เยี่ยเอ๋อร์ ข้าได้ยินว่าเจ้าถูกใจว่าที่พระชายาคนใหม่มาก ข้ารู้สึกยินดีปรีดายิ่งนัก”จิ่งโม่เยี่ยกล่าวเสียงเฉยชา “เสด็จลุงทรงพยายามอย่างหนัก ข้ารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก”ฮ่องเต้เจาหยวนยิ้มแล้วเอ่ย “เจ้าพอใจก็ดีแล้ว ช่วงหลายปีมานี้ข้าเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของเจ้ามาก อยากเห็นวันที่เจ้าแต่งงานมีครอบครัวไวๆ จะได้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”เขากล่าวจบก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยเสริมว่า “จะได้ขัดขวางข่าวลือไม่มีมู

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 108

    ตอนที่เขาดึงมือกลับมา ยันต์แผ่นนั้นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้งจิ่งสือเยี่ยนเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “พี่สาม ท่านไปเอาของเล่นประหลาดแบบนี้มาจากไหนกัน? วิเศษไปเลย!”จิ่งโม่เยี่ย “......”เจ้าห้าจะน่ารำคาญเกินไปแล้ว!เฟิ่งชูอิ่ง “......”นี่คือพระเอกในนิยายจริงๆ หรือ?ทั้งสองต่างก็พูดอะไรไม่ออกจิ่งโม่เยี่ยถามเฟิ่งชูอิ่ง “แกะออกมาได้ไหม?”เฟิ่งชูอิ่งไม่กล้าบอกเขาว่ายันต์ทั่วไปสามารถแกะออกมาได้เพียงแต่ตอนที่นางกำลังวาดยันต์พวกนี้ให้เขา นางรู้สึกรำคาญเขามากจึงแอบใส่ลูกไม้อะไรลงไปนิดหน่อยดังนั้นหลังจากแปะยันต์แผ่นนี้ไปแล้ว นอกจากจะแกะออกมาไม่ได้ ยังส่งผลข้างเคียงบางอย่างด้วยนางไม่คาดคิดจริงๆ ว่าสุดท้ายแล้วยันต์แผ่นนี้จะแปะอยู่บนตัวของจิ่งสือเยี่ยนนางส่ายหน้าเบาๆ ขณะเดียวกันจิ่งสือเฟิงก็เดินเข้ามาหาจิ่งสือเยี่ยนแล้วดึงเขาออกไป “ชะตาชีวิตของเขาเป็นอย่างไรเจ้าก็รู้ดีมิใช่หรือ เจ้าหัดตั้งสติเสียบ้างเถอะ!”เฟิ่งชูอิ่งเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็แอบเลิกคิ้วเบาๆจิ่งสือเยี่ยนทำท่าจะพูดบางอย่าง จิ่งสือเฟิงกลับไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาได้พูดแม้แต่คำเดียว ก็ลากตัวเขาออกไปทันทีเฟิ่งชูอิ่งแค่นเสียง ‘ชิ’

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 109

    จิ่งโม่เยี่ย “......”จู่ๆ เขาก็นึกเสียใจที่วันนี้พานางเข้าวังมาด้วยเฟิ่งชูอิ่งพูดแบบนี้ไม่ได้มีความหมายแอบแฝงอะไรนางรู้ว่าในวังหลวงแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย การอยู่ข้างกายเขาย่อมปลอดภัยกว่าอย่างน้อยหากต้องมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนอื่น สองหัวย่อมต้องดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้วจิ่งโม่เยี่ยหรี่ตาถามว่า “หลังจากออกจากวังเจ้าได้เจอดีแน่”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วตอบกลับ “เพคะ”ทั้งสองคนพูดคุยกระซิบกระซาบกันไปมา ในสายตาของคนนอกที่มองมาต่างก็เห็นคู่รักหวานแหวว มีเพียงพวกเขาสองคนที่เข้าใจว่าอยากจิกหัวอีกฝ่ายกันขนาดไหนจิ่งสือเฟิงลากจิ่งสือเยี่ยนออกมาแล้วสั่งสอนเขาชุดใหญ่ “เจ้าเป็นคนซื่อบื้อหรืออย่างไร?“ข้าบอกเจ้าตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าให้อยู่ห่างๆ จิ่งโม่เยี่ยเอาไว้ ทำไมเจ้าถึงไม่เคยฟังกันบ้างเลย?”จิ่งสือเยี่ยนยกมือเกาท้ายทอยเบาๆ “ข้าคิดว่าพี่สามก็ออกจะเป็นคนดีนะ!”จิ่งสือเฟิงก็เผลอยกมือขึ้นเกาศีรษะตัวเองแบบไม่รู้ตัว เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเขาสั่งสอนจิ่งสือเยี่ยนอยู่สักพักก็กล่าวปิดท้ายว่า “เจ้ายืนสำนึกผิดอยู่ตรงนี้ไปเลยนะ!”จิ่งสือเยี่ยนปกติก็ค่อนข้างเกรงกลัว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 110

    ครั้งนี้เฟิ่งชูอิ่งเสียบได้อย่างประจวบเหมาะมาก จึงทำให้เขาเสียหลักพุ่งตัวออกไปด้านหน้าอย่างไม่อาจควบคุมการที่เขาพุ่งออกไปเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร ก็แค่เซไปข้างหน้าสองสามก้าวเท่านั้นทว่าจิ่งสือเฟิงไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ ตอนแรกเขาก็อยู่ใกล้กับพระสนมคนนั้นมากแล้ว พอร่างกายถูกพลักออกไปด้านหน้าสองสามก้าว เขาก็เลยชนเข้ากับด้านข้างของสนมนางนั้นเต็มๆมือของเขายังเผลอคว้าอากาศเบื้องหน้า จนบังเอิญแปะลงบนต้นขาของพระสนมคนนั้นพอดีจิ่งสือเฟิง “......”พระสนม “!!!!!”นางกำนัลขันทีที่อยู่แถวนั้นต่างตกละลึงจนยืนตัวแข็งทื่อ พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไรพระสนมคนนั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำด้วยความอับอาย รีบถอยห่างออกไปอีกฝั่งเฟิ่งชูอิ่งใช้หางตาเหลือบมองเหตุการณ์ทางด้านนั้น ก่อนจะหันไปประคองจิ่งสือเยี่ยน “องค์ชายห้า ขอประทานอภัยเพคะ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้”นางกล่าวจบก็ใช้ปลายแหลมของลูกธนูจิ้มจุดลมปราณของเขาหนึ่งที ทำเขาเขาขากระตุกจนเดินสะดุดไปอีกสองสามก้าว เตะเป้าที่เป็นหม้อใส่ลูกดอกจนล้มคว่ำจิ่งสือเฟิงกำลังคิดจะเอ่ยขอโทษพระสนมคนนั้น บอกว่าเข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 111

    ตอนนี้เขาทำเรื่องผิดมหันต์ต่อหน้าธารกำนัล มิเท่ากับยื่นจุดอ่อนให้พวกเขาถึงมือหรอกหรือองค์ชายใหญ่จิ่งสืออวิ๋นผู้มีบรรดาศักดิ์อ๋องจ้าวรีบพาคนจำนวนหนึ่งเดินตรงไปทันที เอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึม “น้องรอง เจ้าทำบ้าอะไรกันน่ะ?”จิ่งสือเฟิงรีบร้อนตอบว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย! เมื่อครู่นี้มีคนผลักข้า!”จิ่งสืออวิ๋นหัวเราะอย่างเย็นชา “มีคนผลักเจ้า? น่าตลกเสียจริง เมื่อครู่นี้พวกเราต่างก็เห็นกันหมด ด้านหลังเจ้าไม่มีใครอยู่สักคน”ขณะที่ทั้งสองคนกำลังถกเถียงกัน พระสนมคนโปรดก็วิ่งน้ำตานองหน้าไปฟ้องฮ่องเต้เจาหยวนจิ่งสือเยี่ยนคิดจะออกไปช่วยแก้สถานการณ์ เฟิ่งชูอิ่งกลับดึงแขนเสื้อของเขาแล้วกล่าวว่า “องค์ชายห้า ขออภัยเพคะ เมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ“ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ต้องเรียกหมอหลวงมาตรวจดูหรือไม่”เมื่อครู่นี้จิ่งสือเยี่ยนถูกนางใช้คมธนูแทงจนรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อย แต่ตอนนี้มันไม่ได้เจ็บแล้วเขาจึงกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นไร แผลเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องเชิญหมอหลวงหรอก”เฟิ่งชูอิ่งทำหน้าสำนึกผิด “ข้านี่มันโง่ชะมัดเลย แค่ลูกธนูยังถือให้มั่นคงไม่ได้ ท่านถึงต้องเจ็บตัวเช่นนี้“ท่านลงโทษข้าเถอะ หลังจากนี้ไป

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 112

    เขาบรรลุอย่างถ่องแท้ว่าเฟิ่งชูอิ่งเป็นนักแสดงละครตัวยง จิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะได้พบนางวันนี้ครั้งแรก ก็ยอมเอ่ยปากช่วยนางถึงเพียงนี้แล้วเขาจึงตอบรับเสียงเฉยชาว่า “ได้”จิ่งสือเยี่ยนทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ เฟิ่งชูอิ่งที่อยู่ข้างๆ กลับกระตุกชายอาภรณ์ของเขา “องค์ชายห้า ท่านอย่าต่อว่าท่านอ๋องเช่นนั้นเลยเพคะ“ท่านอ๋องทรงดีกับข้ามากเลย เขาก็แค่แสดงออกไม่เก่งเท่านั้นเอง”จิ่งสือเยี่ยนมองนางอย่างหมดคำพูด แบบนี้ยังเรียกว่าดีมากอีกหรือ?เขาสูดหายใจลึกๆ หนึ่งครา แต่ก็รู้ดีว่านี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาสองคน ตนเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากไม่ได้เขาหันมองจิ่งโม่เยี่ยแวบหนึ่งด้วยสีหน้าหนักอกหนักใจเขาคิดว่าพี่สามคนนี้เป็นโสดได้ด้วยความสามารถของตนเองล้วนๆ แม่นางเฟิ่งก็ช่างน่าสงสารเหลือเกินแต่เพราะเขาเพิ่งจะได้พบกับเฟิ่งชูอิ่งวันนี้ครั้งแรก การออกตัวช่วยอีกฝ่ายมากเกินไปจะดูไม่ดีเขาหันมองเฟิ่งชูอิ่งด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะเดินจากไปอีกทางเฟิ่งชูอิ่งเห็นสีหน้าท่าทางของเขาก็รู้สึกเสียดายอย่างมาก ปฏิกิริยาตอบโต้ของจิ่งสือเยี่ยนในวันนี้ทำให้นางประหลาดใจมากจริงๆ การกระทำของนางในวันนี้ นอกจากจะเพื่อเล่นงานจิ่ง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 113

    ตอนที่ทั้งสองคนมาถึงตำหนักสือหนิง ด้านในตำหนักก็เละเทะวุ่นวายไปหมดแล้วพระสนมคนนั้นร้องห่มร้องไห้อยู่ตรงหน้าฮ่องเต้เจาหยวนและกำลังฟ้องอะไรบางอย่าง ส่วนจิ่งสือเฟิงก็คุกเข่าอยู่ข้างๆ จิ่งสือเยี่ยนยืนอยู่ตรงมุมตำหนัก ทำตัวเหมือนอากาศธาตุเฟิ่งชูอิ่งกระซิบบอกจิ่งโม่เยี่ย “ท่านอ๋อง ช่วยอะไรข้าสักหน่อยได้ไหม?”จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองนาง นางจึงกระซิบว่า “ท่านช่วยสกัดจุดองค์ชายห้า ให้เขาเคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วคราวได้ไหม?”หากตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนขยับตัวแล้วจิ่งสือเฟิงขยับตามเขาทุกอย่างภายในตำหนักเล็กๆ แห่งนี้ การที่คนสองคนเคลื่อนไหวเหมือนกันทุกอย่างจะสะดุดตาเกินไป ซึ่งมันอาจจะสร้างปัญหาให้จิ่งสือเยี่ยนได้นางคิดว่าตนเองเป็นคนรู้จักขอบเขต นางคิดว่าจิ่งสือเยี่ยนเป็นคนดีอยู่ไม่น้อย จึงไม่อยากลากเขามาซวยด้วยจิ่งโม่เยี่ยเอ่ยถามเสียงเย็นชา “ทำไมข้าจะต้องช่วยเจ้าด้วย?”เขาในตอนนี้พอจะสรุปได้แล้วว่ายันต์เหล่านั้นให้ผลลัพธ์อย่างไรบ้าง ย่อมต้องเดาความคิดของนางออกเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แล้วก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่ง นั่นคือจิ่งสือเยี่ยนมีความสำคัญต่อนางไม่น้อยเลยทีเดียวเฟิ่งชูอิ่งตอบกลับว่า “ยันต์ที่ไม่มีปัญ

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status