Share

บทที่ 2

Author: ท่านเหรินตกปลาเดียวดาย
เย่คุนรู้สึกว่าร่างกายของเขาร่วมหอได้ไม่มีปัญหานี่

แต่ก็ไม่อยากให้เจียงโหย่วหรงลำบากใจจึงพูดว่า

“ข้าไม่นอนแล้วละ โหย่วหรง ลุกขึ้นมาออกกำลังกายกันเถอะ เอาไว้ร่างกายปึ๋งปั๋งแล้วค่อยร่วมหอกับเจ้า”

“ต้าหลาง ท่านนอนเสียจะดีกว่า พักผ่อนให้มากนะ...”

“ไม่ ฟ้าจะสางแล้ว ข้าจะลุกแล้วละ”

เย่คุนยืนกรานจะลุกขึ้น

เจียงโหย่วหรงก็มิอาจคำนึงถึงความขวยเขิน จึงช่วยเย่คุนใส่เสื้อผ้าทั้งหน้าแดง

หนนี้ถือว่าเท่าเทียมกันแล้ว เจียงโหย่วหรงก็เห็นร่างกายของเย่คุนหมดแล้วเหมือนกัน

ตะวันไขแสง

เย่คุนมองอยู่หน้าประตู ก่อนจะมาถึงหลังเรือน

หลังเรือนมีเพิงเล็ก ๆ อยู่ นั่นคือโรงช่างไม้

ในโรงช่างไม้มีวัสดุไม้กองอยู่จำนวนหนึ่ง และมีเครื่องมือช่างไม้ทรุดโทรมอีกชุดหนึ่ง

ขวาน สิ่ว กบไสไม้ เลื่อยนี้คือของที่มีมูลค่าสูงที่สุดในบ้านแล้ว

ที่นี่คือแคว้นต้าติ่ง ระดับเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและระดับคุณภาพชีวิตเทียบเท่ากับยุคราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่นโดยประมาณ

เครื่องเหล็กและเครื่องทองแดงล้วนเป็นสกุลเงินแข็ง

ดังนั้นเครื่องมือช่างไม้เหล่านั้นยังนับว่าล้ำค่า สามารถนำไปแลกเงินแลกข้าวสารมากิน

เย่คุนเสียดายเครื่องมือเหล่านั้น จึงได้แต่หาทางหาของกิน

เย่คุนเข้าไปในโรงช่างไม้ แล้วเริ่มยุ่งงวด

วิศวกรเครื่องกลในอดีตชาติสามารถออกแบบสิ่งของได้จำนวนหนึ่ง

ก่อนมื้อเที่ยง กรงนกเรียบง่ายอันหนึ่งก็สำเร็จ

ก่อนหน้านี้เจ้าของร่างคือช่างไม้ ในบ้านมีเครื่องมือและวัสดุ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำสิ่งนี้

ตอนกลางวันกินโจ๊กอีกหนึ่งถ้วย

เย่คุนเข้าห้องครัว คว้าเกลือหยาบหนึ่งกำ ถั่วเหลืองนิดหน่อยซ่อนไว้ในอกเสื้อ และเตรียมจะออกบ้าน

เจียงโหย่วหรงกำลังจัดระเบียบใยปออยู่ในห้องโถง พอเห็นกรงนกในมือของเย่คุนแล้วก็อดทึ่งไม่ได้

นี่สามีคือพวกไม่ทำการทำงาน เอาอย่างบุตรชายคหบดีที่ดินไปเล่นกับนกจูงสุนัขหรือ?

สภาพครอบครัวเป็นอย่างไร ผักป่ายังกินไม่อิ่ม ยังมีกะจิตกะใจเช่นนี้อีก?

เย่คุนหิ้วกรงนก เหน็บขวานเล็กอยู่หลังเอวและยิ้มให้เจียงโหย่วหรง “ข้าจะออกไปหาของกินหน่อย”

เจียงโหย่วหรงลุกขึ้นยืนพูดอย่างอึก ๆ อัก ๆ “เวลานี้...จะไปหาของกินที่ไหนได้? อีกอย่าง ต้าหลาง ร่างกายท่านเพิ่งจะดี...”

“ไม่เป็นไร ออกกำลังกายสักหน่อย ถ้าร่างกายดีขึ้นเร็วก็จะได้ร่วมหอเร็ว”

เย่คุนยิ้มร้ายพลางหิ้วกรงนกออกบ้านไป

เย่คุนออกแบบกลไกกับดักในกรงนกเอาไว้ เข้าได้ออกไม่ได้ วางแผนว่าจะจับไก่ป่า กระต่ายป่า

ก็ไม่รู้ว่ากลไกจะใช้ได้หรือไม่กันแน่ ดังนั้นเย่คุนจึงไม่ได้พูดมาก

เพิ่งจะออกจากหมู่บ้านก็เจอกับเหยาเฮยฟูอันธพาลของหมู่บ้าน

เหยาเฮยฟูเปลือยท่อนบน ยิงเขี้ยวพูด

“เย่ต้าหลาง เมียกาลกิณีของเจ้ายังไม่ทำให้เจ้าตายอีกหรือ? ได้ยินว่าคืนนั้นที่เข้าหอ เจ้าเพิ่งจะขึ้นตัวเจ้าสาวก็เป็นลมไปแล้ว หาช่องไม่เจอ ร้อนรนจนเป็นลม? ให้พี่ชายสอนเจ้าหรือไม่?”

เหยาเฮยฟูบุพการีทั้งสองเสียชีวิตแล้ว ที่บ้านมีแต่น้องสาวคนเล็กคนหนึ่ง

ปกติมักเอ้อระเหยลอยชาย อาศัยการลักเล็กขโมยน้อยอยู่ไปวัน ๆ

เมื่อก่อนเย่คุนซื่อเกินไป จึงถูกเหยาเฮยฟูรังแกเป็นประจำ

“เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”

เย่คุนขมวดคิ้วแล้วสาวเท้าเดินเร็ว

“โอ้โฮ เจ้านี่พอแต่งเมียแล้วก็ใจกล้าขึ้นมาเชียวนะ กล้าเถียงข้าหรือ?”

เหยาเฮยฟูถลึงตาแกว่งหมัด “ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าเจ้าเพิ่งจะป่วยหนัก เห็นว่าแม่แก่ ๆ ที่ตาบอดของเจ้าน่าสงสาร ข้าหมัดเดียวก็ต่อยเจ้าตายได้แล้ว!”

เย่คุนพลิกมือหยิบขวานเล็กจากหลังเอวมาชี้เหยาเฮยฟู “มา ลองดูสิ”

ยามนี้อยู่ในช่วงหลังเที่ยงวันตะวันคล้อย ใบมีคมของขวานสะท้อนแสงวิบวับ

แม้จะเป็นเครื่องมือช่างไม้ แต่ก็ส่งคนไปยมโลกได้ไม่มีปัญหา

เหยาเฮยฟูเห็นจิตสังหารในดวงตาของเย่คุนกอปรกับแสงหนาวจากขวานก็อดถอยหลังก้าวหนึ่งไม่ได้ ตามด้วยหันหัวเดินปากก็ด่าทอว่า

“ไอ้ลูกเต่า วันนี้จะไม่ถือสาเจ้า เอาไว้เจ้าหายดีแล้วค่อยจัดการเจ้า จะได้ไม่ว่าข้ารังแกเจ้า”

เย่คุนแค่นเสียงฮึแล้วเดินไปทางภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่หน้าหมู่บ้าน

ระหว่างทางขึ้นเขาก็เจอกับพี่สะใภ้ตัวผอมอีกคนหนึ่ง

คือไต้สี่ที่เป็นหญิงม่ายข้างบ้าน ปีนี้เพิ่งอายุยี่สิบต้น ๆ ถึงจะหน้าตาดีสะอาด กลับหน้าตาหม่นหมองกลัดกลุ้ม

ชะตากรรมของไต้สี่อาภัพนัก เพราะเดิมทีสามีก็เป็นลูกกำพร้า ไร้ญาติไร้คนพึ่งพิง แต่งมาได้หนึ่งปีไม่มีลูก ต้องมาเจอกับความหิวโหยและโรคระบาดสามีเสียชีวิตอีก

ไต้สี่กลับบ้านมารดาไม่ได้ จึงต้องใช้ชีวิตตามลำพัง เฝ้ากระท่อมฟางสองห้อง เวลาส่วนมากจะเก็บผักป่ากลั้วท้อง

ถึงไต้สี่จะนับว่าสวย แต่ก็ไม่มีใครมาสู่ขอ

ช่วงเวลานี้มักมีสงครามเป็นประจำ สูญเสียผู้ชายไปมากเหลือเกิน ผู้หญิงจึงต้องอยู่เป็นโสด

สาวบริสุทธิ์ยังขายไม่ออกเลย แล้วใครจะสนใจหญิงม่าย?

พอเห็นเย่คุน ตาของไต้สี่ก็เป็นประกายและทักทายก่อน “พี่ต้าหลาง ท่านหายดีแล้วหรือ?”

แม้เย่คุนจะอายุน้อยกว่าปีสองปี แต่ไต้สี่เรียกเขาว่า ‘พี่ต้าหลาง’ มาตลอด

“ดีขึ้นมาแล้ว” เย่คุนพยักหน้า “พี่สะใภ้ไต้สี่จะไปเก็บผักป่าหรือ?”

ไต้สี่ยิ้มขวยเขิน และหิ้วกระชุที่สานจากไม้หลิวมา

“ใช่แล้ว วันนี้ข้าเก็บผักจี้ไฉ่กับเครือต้นเกอมาได้ ให้ท่านสักหน่อยแล้วกัน”

“ไม่ต้องแล้วพี่สะใภ้ บ้านข้ายังมีกินอยู่...” เย่คุนรีบขอบคุณพร้อมปฏิเสธ

“พี่ต้าหลาง ท่านมีกิน แต่ท่านเพิ่งแต่งเจียงโหย่วหรงเป็นภรรยา ข้าเห็นนาง...แอบกินแกลบอยู่หลังบ้านแน่ะ”

ไต้สี่อำ ๆ อึ้ง ๆ กวาดสายตามองดูรอบ ๆ

“เครือต้นเกอดีกว่าแกลบหน่อย ทำให้ท้องอิ่มได้ อีกอย่าง กินแกลบมาก ๆ จะเป็นรีสีดวง ถ่ายไม่ออก ตายเอาได้นะ”

“หา โหย่วหรงกินแกลบหรือ?”

เย่คุนสะดุ้ง ก่อนจะยิ้มแหย่ ๆ พลางพูด “ข้ารู้แล้ว พี่สะใภ้ไต้สี่ เอาไว้ข้ากลับบ้านจะให้โหย่วหรงได้กินดีหน่อยนะ...”

ว่าแล้วเย่คุนก็หนีออกจากสถานที่นั้น

วิกฤตในการดำรงชีพ

นี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดที่เจ้าของร่างทิ้งเอาไว้ หรือก็คือบททดสอบสำคัญที่เย่คุนทะลุมิติมา

หลังจากเข้าป่าก็มาถึงข้างลำธารในหุบเขา

เขาวางกรงนก ตัดไม้เล็กมายึด แล้ววางถั่วเหลืองนิดหน่อยในกรง

ตามด้วยทำทางน้ำ ขุดแอ่งน้ำไว้ข้าง ๆ กรงนก

ใช้น้ำละลายเกลือหยาบที่เอามาแล้วโรยลงแอ่งน้ำ

สัตว์ป่าก็เหมือนกับมนุษย์ ร่างกายต้องการส่วนประกอบของเกลือ

ดังนั้นแพะป่าจึงมาเลียพวกหินที่มีแร่เกลือบนผนังผาอย่างไม่สนว่าจะมีอันตรายถึงชีวิต

เด็กที่เคยเลี้ยงวัวเลี้ยงแพะจะรู้ เวลาที่ปัสสาวะข้างทาง วัวกับแพะจะมาเลียเป็นอาหาร เพราะในปัสสาวะมีเกลือเป็นส่วนผสมอยู่เล็กน้อยนั่นเอง

ตอนนี้เย่คุนมีแต่มือเปล่า ดังนั้นจึงได้แต่ใช้เกลือหยาบเป็นตัวล่อเหยื่อ

สัตว์ป่ามีการรับรู้ที่ไวมาก ไม่นานพวกมันก็ถูกน้ำเกลือในแอ่งน้ำดึงดูดมา

หลังจากเย่คุนจัดวางทุกสิ่งเรียบร้อยก็ออกห่างจากกับดักและรอคอยอย่างอดทน

นี่คือเวลาบ่ายของฤดูร้อน แดดแรงแผดเผา

เย่คุนรอจนถึงช่วงโพล้เพล้จึงย่องไปดู

ดวงเฮงสุดยอด!

ในกรงนกไม่มีไก่ป่า กระต่ายป่า แต่มีเม่นตัวอ้วนตุ๊ต๊ะอยู่สองตัว

เขาลองหิ้วกรงนกขึ้นมา เม่นแต่ละตัวมีน้ำหนักประมาณสองชั่งกว่า

แลกข้าวสารได้ยี่สิบชั่ง!

เย่คุนดีใจแช่มชื่น หิ้วกรงนกเดินกลับบ้าน

พอกลับถึงหมู่บ้าน สีท้องฟ้ากลายเป็นสีดำแล้ว

“ท่านแม่ โหย่วหรง ข้ากลับมาแล้ว”

เย่คุนหิ้วกรงนกเดินเร็วเข้าประตูบ้าน

ในบ้านไม่มีแม้แต่ตะเกียงน้ำมัน จึงใช้น้ำมันสนซึ่งมีควันรมดวงตาในการให้แสงสว่าง

“ต้าหลาง ทำไมเพิ่งกลับมาล่ะ?”

มารดาเฒ่าตาบอดคลำทางมาพลางบ่น “เจ้าเพิ่งจะหายดี ทำไมออกไปเพ่นพ่านข้างนอกเล่า? โหย่วหรงเมียเจ้ากำลังจะไปตามหาเจ้าอยู่เลย”

“นั่นสิต้าหลาง ท่านไปไหนมาน่ะ? ข้ากลัวว่าท่านเจอกับสัตว์ป่า กำลังจะไปหาท่านอยู่เลย...”

เจียงโหย่วหรงรับกรงนกจากมือของเย่คุนมา ทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ “ต้าหลาง นี่เม่น...เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เย่คุนยิ้มน้อย ๆ

“จับเม่นได้สองตัว โหย่วหรง เจ้าจัดการตัวหนึ่ง เอาไว้ให้ท่านแม่บำรุงร่างกายนะ”

มารดาเฒ่าตาบอดตกตะลึง “เม่น เม่นอะไร?”

“ท่านแม่ ต้าหลางจับแม่นตัวอ้วนใหญ่ได้สองตัวเจ้าค่ะ”

เจียงโหย่วหรงหัวเราะได้บริสุทธิ์ราวกับเด็กน้อย รับกรงนกมาเขย่าดู

เม่นสองตัวให้ความร่วมมือมาก ส่งเสียงจี๊ด ๆ อยู่ในกรง พิสูจน์ตัวตนของตัวเอง

มารดาเฒ่าตาบอดก็รับกรงมาชั่งอยู่ในมือเหมือนกัน ได้ยินเสียงเม่นร้องแล้วก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“ต้าหลาง เม่นนี้ก็อย่ากินเลย พรุ่งนี้เอาไปแลกเป็นข้าวสารมาเถอะ มีข้าวพวกนี้ พวกเราทั้งครอบครัวสามคนก็ไม่อดตายแล้ว”

นี่คือสภาพครอบครัวแบบใดกัน ยังคิดจะกินเนื้อเม่นอีก?

ได้กินโจ๊กข้าวกล้องทุกวันก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว

เย่คุนพยักหน้า “ก็ได้ โหย่วหรง เจ้าดูสิว่าในบ้านยังมีข้าวกล้องอีกเท่าไร คืนนี้เอามาตุ๋นโจ๊กกินเลยเถอะ”

เจียงโหย่วหรงไม่กล้าขยับ รอความเห็นจากมารดาสามี

คนบ้านนอกไม่กินข้าวเย็นกัน

เจียงโหย่วหรงเพิ่งแต่งเข้ามา ยิ่งไม่กล้าตัดสินใจเป็นใหญ่ในบ้าน

มารดาเฒ่าคิดแล้วจึงพูด “ต้าหลางเพิ่งจะหาย ต้องกินมากหน่อย โหย่วหรง เจ้าไปตุ๋นโจ๊กมาสักถ้วยเถอะ ข้าไม่กิน”

Related chapters

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 3

    เจียงโหย่วหรงขานรับคำหนึ่งแล้วเดินไปทางห้องครัวเย่คุนตามไปด้วยในบ้านยังเหลือข้าวกล้องอีกสามเหลี่ยง เย่คุนโยนเข้าหม้อกระเบื้องทั้งหมด เติมน้ำสองสามถ้วย ก่อนจะพูดกับเจียงโหย่วหรง “โหย่วหรง ต่อไปไม่ต้องกินแกลบแล้วนะ เจ้าจะตายเอาได้”เจียงโหย่วหรงกำลังก่อฟืน พอได้ยินดังนั้นก็ผงะ แล้วพูดแบบติด ๆ ขัด ๆ “ข้าไม่เป็นไร...”“จากนี้ต่อไป ไม่ว่าจะมีข้าวสารอยู่เท่าไร ทุกคนต้องกินด้วยกัน ไม่พอก็เติมน้ำ”เย่คุนดึงมือของเจียงโหย่วหรงแล้วพูดอีก“ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ควรกินเหมือนกัน ต่อให้เป็นข้าวหนึ่งเม็ดก็ต้องเติมน้ำสามถ้วน ตุ๋นแล้วดื่มน้ำข้าวคนละถ้วย”ติ๋ง!เจียงโหย่วหรงน้ำตาร่วงไม่เคยมีใครห่วงใยนางเช่นนี้มาก่อนหลังจากทำให้คู่หมั้นสามคนตาย เจียงโหย่วหรงก็ได้สมญานามว่าเป็นตัวกาลกิณี พี่ชายพี่สะใภ้บ้านมารดาตบตีด่าทอนาง แทบอยากให้นางตายเร็ว ๆ แต่งมาตระกูลเย่ เจียงโหย่วหรงก็ตุ้ม ๆ ต่อม ๆกลัวจะคืนตัวเจ้าสาวนึกไม่ถึง เย่คุนกลับดูแลรอบด้านอย่างละเอียด เป็นห่วงเป็นใยนางขนาดนี้เย่คุนหมุนตัวเห็นว่าข้าง ๆ มีผักป่าอีกกำหนึ่ง คือต้นเกอและผักจี้ไฉ่เจียงโหย่วหรงซับน้ำตา “ผักป่าพวกนี้เป็น

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 4

    เย่คุนเริ่มยุ่ง ไม่สนใจว่าเจียงโหย่วหรงจะพูดอะไรกระดูกล้วนไม่มีเนื้อสักนิด แต่ก็ตุ๋นน้ำมันหมูได้ตอนนี้สภาพร่างกายของทั้งสามคนในบ้านจำเป็นต้องเสริมไขมันถ้าไม่มีแรงจะป่วยง่ายมีแต่สุขภาพดี จึงจะหาเงินดี จริงไหม?กลางวันตุ๋นกระดูกหมูหอมฉุยหนึ่งบ้านสามคนกินจนอิ่มหนำสำราญน้ำแกงกระดูกหมู ข้าวสวย สำหรับบ้านนอกแล้วคือการเสพสุขเยี่ยงราชาอย่างมิต้องสงสัยแน่นอน มารดาเฒ่าตาบอดก็บ่นเย่คุนไม่น้อยเหมือนกัน บอกว่าเขาสิ้นเปลือง ใช้ชีวิตไม่เป็นหลังจากกินเสร็จ เย่คุนก็สั่งกับเจียงโหย่วหรง“โหย่วหรง ตอนบ่ายเจ้าตุ๋นกระดูกหมู่นี้นะ ตุ๋นยิ่งนานก็ยิ่งดี ข้าจะออกไปเดินหน่อย”กระดูกหมูสามารถตุ๋นน้ำแกงได้หลายรอบ ทุกครั้งที่ตุ๋นจะมีน้ำมันออกมาจำนวนหนึ่งเจียงโหย่วหรงพยักหน้าและพูดอย่างระมัดระวัง “ต้าหลาง วันนี้ท่านไปตลาดเหนื่อยแล้ว ตอนบ่ายก็พักเถอะนะ”“ไม่ ข้าไม่เหนื่อย”เย่คุนยิ้ม พกขวานกับกรงนกออกไปยังเป็นลำธารในหุบเขาเมื่อวานหลังจากสังเกตอย่างละเอียด ข้างลำธารมีร้อยเท้าของสัตว์จำนวนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากน้ำเกลือที่ดึงสัตว์ป่าขนาดเล็กละแวกนี้มาครั้นเย่คุนวางกับดักเสร็จก็ไปอาบน้ำในลำธ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 5

    เฮ้ย พวกเจนโลกเต็มไปหมดเลยเว้ย!ใครกันที่บอกว่าคนโบราณไร้เดียงสา?ตอนนี้เย่คุนต๊อกต๋อย ไม่กล้าเกี้ยวสาวหรอก จึงหัวเราะแหะ ๆ แล้วเดินเร็วจากไปยังเป็นข้างลำธารในหุบเขาเหมือนเดิมเย่คุนหลับอยู่ข้างหลังก้อนหินก้อนหนึ่ง บนศีรษะยังมีการปลอมตัวโดยใช้กิ่งหลิวสาน จ้องแอ่งน้ำน้อยที่โรยเกลือเอาไว้แต่รอมาหนึ่งชั่วโมงกว่า จ้องจนเมื่อยตาไปหมด ก็ไม่เห็นเหยื่อมาดื่มน้ำเลยเย่คุนจึงเริ่มท้อใจแต่คิด ๆ แล้วก็รอต่อไปเถอะวางแผนว่าถ้าล่าสัตว์ไม่ได้ก็ต้องกลับบ้านหลังฟ้ามืด จะได้ไม่ถูกคนในหมู่บ้านหัวเราะเยาะโพล้เพล้ไปทุกทียังไม่มีเหยื่อโผล่ออกมาแต่ขณะเย่คุนกำลังคิดจะกลับก็เห็นกวางสีดำสองตัวย่องมาตึกตัก!หัวใจของเย่คุนเต้นรัวจนจะหลุดออกมาแล้วที่นี่เรียกกวางดำอีกอย่างหนึ่งว่าวัวภูเขา กวางดำที่เจริญเต็มวัยจะมีน้ำหนักเกือบสองร้อยชั่งกวางดำสองตัวตรงหน้ายังเป็นเด็กอยู่อย่างเห็นได้ชัด ท่าทางจะหนักประมาณห้าหกสิบชั่งกวางดำระแวงมาก มองซ้ายแลขวา ย่อมมาถึงข้างแอ่งน้ำแล้วก้มหน้าลงดื่มเย่คุนเล็กองศาแล้วกดกลไกยิงลูกศรออกไปฟิ้ว!เป็นเสียงชัดแจ๋วเสียงหนึ่ง ลูกศรพุ่งไปยังส่วนท้องของกวางดำตัวหนึ่

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 6

    เจียงโหย่วหรงเป็นห่วงว่าสามีจะถูกทำร้ายจึงรีบมาปกป้อง และพูดกับเหยาเฮยฟูว่า “เหยาเฮยฟู เจ้าอย่ารังแกกันนะ สามีข้าสู้เจ้าไม่ได้ แต่พี่ชายบ้านมารดาข้าก็...ล่วงเกินไม่ได้เหมือนกัน...”ทว่าถ้อยคำนี้กลับไม่เป็นภัยคุกคามต่อเหยาเฮยฟูใด ๆเหยาเฮยฟูหัวเราะหึ ๆ “ตัวกาลกิณีอย่างเจ้าไสหัวไปเสีย อย่ามาทำให้ข้าต้องตายไปด้วยนะ”“ไอ้ชั่ว กล้าด่าเมียข้าหรือ?”เย่คุนอดรนทนไม่ไหวแล้ว จึงง้างหมัดซ้ายเสยคางของเหยาเฮยฟูก่อนตุบ!เหยาเฮยฟูหงายหลังลงพื้นแบบไม่ลังเลสักนิดชาติก่อนเย่คุนคือแขกประจำของฟิตเนส และยังเคยเข้าร่วมการฝึกเป็นตัวสำรองของกองทัพ รู้ทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง“สารเลว เจ้ากล้าต่อยข้าหรือ?”เหยาเฮยฟูลุกขึ้นมาหวดหมัดไปทางจมูกของเย่คุน “วันนี้ข้าจะเอาเจ้าให้ตายเลย!”เย่คุนยกมือขึ้นขวาง ตามด้วยถีบเท้าขวาออกไป เข้าเป้าตรงท้องน้อยของเหยาเฮยฟูพอดี“โอ๊ย...”เหยาเฮยฟูร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือด กุมท้องนั่งยองลง ใบหน้ามีเหงื่อเย็นผุดออกมาซิบ ๆเย่คุนถลึงตาใส่ “ไสหัวไปเสีย ขืนยังไม่ไสหัวไปอีก ข้าจะให้เจ้าได้กระอักเลือดจริง ๆ เลยนี่!”ผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วเร่งเดินมาเตะเหยาเฮยฟูทีหนึ่ง ก่อนจะฉุดกร

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 7

    เย่คุนส่ายหน้า “เด็กโง่ เจ้าดูสภาพครอบครัวยากจนของเราสิ มีสาวใช้ไหวหรือ?”ไฉ่เตี๋ยมองเจียงโหย่วหรง อยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดเย่คุนคิดแล้วจึงถอนหายใจ “เจ้านอนเถอะไฉ่เตี๋ย ต่อไปถ้าหิวจนทนไม่ไหวก็แอบมา เราจะให้เจ้ากินสักหน่อย”“พี่ต้าหลาง ท่านเป็นคนดีจริง ๆ”ไฉ่เตี๋ยน้ำตาหยดติ๋ง ๆ พลางสูดจมูก “พี่ชายข้าเป็นคนเลว วันนี้ทะเลาะกับท่าน ท่านไม่เพียงแต่ไม่โกรธยังให้ของข้ากินอีก”“พี่ชายเจ้าก็ส่วนพี่ชายเจ้า เจ้าก็ส่วนเจ้า นอนเร็วหน่อยเถอะ”เย่คุนถอนหายใจในใจ ก่อนจะจูงมือเจียงโหย่วหรงออกไปครั้นกลับถึงห้องนอน เจียงโหย่วหรงก็ก้มหน้างุด หน้ายังแดงระเรื่ออยู่เมื่อครู่ขายหน้าเหลือเกิน พูดตั้งมากมาย ส่งเสียงก็หลายอยู่ นางเด็กไฉ่เตี๋ยได้ยินหมดแล้วเย่คุนเป่าน้ำมันสนให้ดับ“นอนเถอะ โหย่วหรง”“อื้ม...”“เรามาอีกที เจ้าปล่อยตัวตามสบาย ไม่ต้องกลัวนะ”“ต้าหลาง เมื่อกี้น่าอายจังเลย...”“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน มีอะไรน่าอาย?”หลังจากสนทนาหวานชื่น ในที่สุดเจียงโหย่วหรงก็ปลดปล่อยตัวเอง ดุจบุปผาที่คลี่บานออกช้า ๆ รับกับผีเสื้อของตัวเองเย่คุนอ่อนโยนมาก รักหยกถนอมบุปผาเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวท

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 8

    เย่คุนก็อยากวิ่งเหมือนกัน แต่เพิ่งจะก้าวเดิน ข้อเท้าก็เจ็บรุนแรงจนล้มนั่งลงกับพื้นชะตาขาดแล้ว!เสือตรงหน้ามีน้ำหนักถึงห้าหกร้อยชั่งเต็ม ๆ ต่อให้มีเย่คุนสามคนอยู่ที่นี่ก็ยังต้องตายสถานเดียว!ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเย่คุนยังเจ็บข้อเท้า ไม่สามารถวิ่งได้“โฮก!”ข้างหูมีเสียงคำรามดังมา เสือโคร่งตัวนั้นกลับทิ้งเย่คุนและกระโจนไปทางเหยาเฮยฟูแทนดูท่าเสือร้ายตัวนี้จะเรื่องมาก อยากกินของที่กระโดดโลดเต้น สร้างความท้าทายให้ตัวเองหน่อยเหยาเฮยฟูเพิ่งวิ่งไปได้สิบกว่าก้าวก็ถูกเสือร้ายข้างหลังตามทัน ตะครุบใส่เขา“เย่คุน ช่วยข้า...”เหยาเฮยฟูร้องเสียงหนึ่งก่อนจะเงียบไปเย่คุนลืมตาขึ้น เห็นไหล่ขวาและแขนขวาที่เหยาเฮยฟูได้รับบาดเจ็บถูกเสือร้ายกัดหายไปแล้ว!เสือร้ายกัดไหล่ของเหยาเฮยฟู จากนั้นก็ทิ้งไปอีกทางหนึ่งคำที่สองกัดหลังคอของเหยาเฮยฟูตรง ๆฝนโลหิตสาดกระเซ็นมือเท้าของเหยาเฮยฟูยังชักกระตุกอยู่ชั่วสะเก็ดไฟ เย่คุนยกหน้าไม้ขึ้นอีกครั้ง เล็งไปที่เสือร้ายวันนี้ยากจะหนีรอดจากความตาย แต่อย่างไรก็ต้องดิ้นรนสักตั้ง!เสือร้ายจบชีวิตของเหยาเฮยฟู จากนั้นจึงหันมามองเย่คุน“มาสิ ไอ้เดรัจฉาน มาสู้ต

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 9

    เจียงโหย่วหรงมองเย่คุนแล้วพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนกันราวกับนางก็สนับสนุนให้เย่คุนรับอนุภรรยา“ไฉ่เตี๋ย เจ้าอย่าทำแบบนี้!”เย่คุนยิ้มแห้งพลางโบกมือ “พี่ชายเจ้าตายแล้ว ต่อไปถ้าเจ้าไม่มีข้าวกินก็มากินบ้านข้าได้ ช่วยข้าดูแลท่านแม่...ข้ารับรองว่าจะไม่ให้เจ้าได้หิว”“ขอบคุณพี่ต้าหลาง!”ไฉ่เตี๋ยโขกศีรษะ ลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจนางรู้สึกว่าเย่คุนพูดอย่างนี้ก็คือรับนางเป็นอนุภรรยาแล้วชาวบ้านที่มารับมาถึงแล้ว ต่างพกหาบแบนและเชือกปอมา หามเสือกลับไปอย่างเอิกเกริกเรื่องนี้สะเทือนเลือนลั่นไปทั้งหมู่บ้านเฉ่าเมี่ยว คนนับร้อยมามุงดูด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยาผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วพูด“เย่คุน เราต้องออกเดินทางกันคืนนี้เลย ส่งเสือไปที่ที่ว่าการอำเภอ พรุ่งนี้เช้าก็ถึง ข้าจะช่วยเจ้ายืมเกวียนมาสักคัน แล้วให้ชาวบ้านสองสามคนไปเป็นเพื่อนเจ้านะ”ตามระเบียบ ยิงเสือตายต้องส่งไปตรวจสอบที่ที่ว่าการอำเภอสำหรับการตรวจสอบจะต้องมีซากเสือ เครื่องมือที่ทำให้เสือตาย ผู้ฆ่าเสือ จะขาดไม่ได้สักอย่างเย่คุนพยักหน้า ไหว้วานผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วไปยืมเกวียนและให้ภรรยาเจียงโหย่วหรงรีบทำอาหารไต้สี่ก็ช่วยด้วย นำไก่ป่ากระต่าย

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 10

    เย่คุนประหลาดใจเล็กน้อย มองประเมินอีกฝ่ายชายชุดผ้าเกอพูดอีก“พื้นที่ทางใต้ของเขาต้าเซียงตั้งกลุ่มฆ่าเสือขนาดใหญ่ ฝูงเสือถูกขับไล่รุกล้ำพื้นที่ของอำเภอนี้ ภัยเสือของอำเภอนี้จะหนักมากขึ้น ชาวบ้านของอำเภอนี้มีอันตรายกันทุกคน ดังนั้นข้าอยากขอคำชี้แนะประสบการณ์ฆ่าเสือของพวกท่านจากใจจริง”ตามหลัก เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ดังนั้นเสือจะไม่ปรากฏตัวเป็นกลุ่มใหญ่ แต่แถบเขาต้าเซียงที่ชายชุดผ้าเกอกล่าวถึง เนื่องจากหลายปีก่อนมีโรคระบาด จึงทำให้พื้นที่ภูเขากว่าพันลี้ไม่มีคนอยู่อาศัย จำนวนเสือเพิ่มเป็นเท่าตัวตอนนี้ราชสำนักก่อตั้งกองทัพใหญ่เพื่อฆ่าเสือบนเขาต้าเซียง ใช้การโจมตีทางศาสตราวุธและกองทัพในการขับไล่ เสือในเขาต้าเซียงพันลี้ย่อมต้องเคลื่อนย้ายขึ้นทางเหนือเป็นธรรมดาสถานการณ์เช่นนี้ พื้นที่ปาสู่ในภายหลังก็เคยปรากฏจางเสี้ยนจงเพชฌฆาตแห่งซีชวนเหมือนกัน กวาดล้างจนไร้คนพันลี้ เสือแตกกระเจิง ต่อมาสมัยแมนจูและชิงปกครองใต้หล้า ขุนนางและผู้ติดตามที่ส่งไปซีชวนเห็นเสือรวมตัวเป็นฝูงทำกิจกรรมกับตาตนเอง ล้อมหมู่บ้านเดินเตร็ดเตร่ กินคนนับไม่ถ้วน นายอำเภอคนหนึ่งพาผู้ติดตามห้าหกคนไปประจำตำแหน่ง สุ

Latest chapter

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 40

    “ฮะ พ่อของเจียวเจียวทำแม่ของตัวเองตาย?” เย่คุนอึ้งหลังจากพิจารณา เย่คุนก็ขี่ม้าพาฉินโฉ่วตรงดิ่งไปยังตลาดพ่อค้าคนกลางทันทีตลาดพ่อค้าคนกลางคือสถานที่ซื้อขายปศุสัตว์ และเป็นจุดขายลูกชายลูกสาวของคนยากคนจนด้วยบางครั้งทางการจะนำครอบครัวลูกสาวของผู้กระทำผิดมาขายที่นี่เหมือนกันในมุมหนึ่งของตลาดพ่อค้าคนกลาง บนเวทีดินรัศมีหนึ่งจั้ง สูงสองฉื่อตรงหน้าเวทีมีคนมุงชี้นิ้วอยู่เต็มไปหมดบนเวทีดินมีแม่นางยืนอยู่สามคน บนศีรษะเสียบรวงข้าว ตรงหน้าอกห้อยป้ายไม้เขียนราคาขนาดเท่าฝ่ามืออยู่เจียวเจียวลูกสาวเถ้าแก่ร้านอาหารยืนอยู่ตรงกลาง บนแผ่นป้ายตรงหน้าอกเขียนว่าหนึ่งพวงดูท่าคงเพราะเจียวเจียวหน้าตาสวยหมดจด จึงมีราคาสูงลิ่วเนื่องจากแม่นางหน้าตาดี สามารถขายไปยังสถานเริงรมย์รับแขกหาเงินได้เจียวเจียวผมเผ้ายุ่งเหยิง สายตาเหม่อลอย ริมฝีปากแห้งจนลอก มองฝูงชนเบื้องล่างอย่างสับสนตกอับมาถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะเคยเป็นแม่นางงดงามน่าประทับใจคนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน ต้องถูกคนเลือก ถูกคนเชือดตามใจชอบพวกบรรดาแขกที่มองอยู่ด้านข้างกำลังชี้นิ้ว“ทำไมถึงขายเจียวเจียวแพงอย่างนี้นะ? เพราะหน้าต

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 39

    เด็กในหมู่บ้านหิวจนไส้กิ่ว แต่ละคนมองเจียงโหย่วหรงด้วยท่าทางน่าสงสารเย่คุนกระโดดลงจากม้าแล้วหยิบเนื้อแห้งกับผลไม้แจกจ่ายให้เด็ก ๆ นอกจากนี้ยังให้เงินห้าเหรียญทองแดงกับทุกคนคนทั้งหมู่บ้านตกตะลึงพรึงเพริด ต่างยิ้มแย้มมาต้อนรับ“เขยของเจียงเหอโถวเรากลับมาแล้ว!”“พ่อเขยใจกว้างจริง ๆ โหย่วหรงมีบุญแท้ ๆ!”เย่คุนแค่ยิ้มพลางพยักหน้าพี่ชายพี่สะใภ้ของโหย่วหรงออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่บานเท่ากระด้ง และช่วยเย่คุนจูงม้าด้วยเหมือนกันพวกเขารู้ว่าพอเย่คุนมา บ้านก็จะรวยแล้วน้องสาวทั้งสองคนของเจียงโหย่วหรงก็มาจูงมือพี่สาวด้วย “พี่หญิง ท่านอ้วนแล้ว เสื้อผ้าสวยจังเลย ยังมีผ้ารัดหัว ไหนจะตุ้มหูนี่อีก...”“ไม่ต้องรีบร้อน พวกเจ้าก็มีนะ พี่เขยเจ้าเอาของขวัญมาให้พวกเจ้าด้วย”เจียงโหย่วหรงสวมกอดน้องสาวและยิ้มพูด “อีกอย่าง พี่เขยเจ้าบอกแล้วนะว่าจะรับพวกเจ้าไปเที่ยวที่หมู่บ้านเฉ่าเมี่ยวด้วยกัน”น้องสามโหย่วไฉร้องไชโยกระโดดโลดเต้นโหย่วเต๋ออายุสิบสี่สิบห้ารู้ความแล้ว จึงมองเย่คุนด้วยความเขินอายทีหนึ่งเมื่อถึงบ้านมารดา เจียงโหย่วหรงก็หยิบของขวัญออกมา ของกินเครื่องนุ่งห่มอะไรก็มีหมดเย่คุนให้เงินพ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 38

    เจียวเจียวตกตะลึงหนัก “นายท่าน ท่านช่างเป็นคนดีแท้ ๆ มีเงินสองร้อยอีกแปะนี้ ไม่แน่ว่าซานเอ๋อร์ ผิงเอ๋อร์จะอยู่รอดต่อไปได้”“ต้องรอดสิ”เย่คุนคีบเนื้อในถ้วยให้ซานเอ๋อร์และน้องสาว “ต่อไปพวกเจ้าก็กินข้าวที่นี่ เอาไว้อากาศหนาวแล้วข้าจะมารับตัวพวกเจ้า”ซานเอ๋อร์ ผิงเอ๋อร์โขกศีรษะอีกครั้ง ก่อนจะรับเนื้อย่างมากินแบบตะกละตะกลามเย่คุนมองเจียวเจียวแล้วยิ้มพูด “เจียวเจียว ต่อไปข้ามาอีกจะเอาเต้าเจี้ยวอย่างหนึ่งมาให้พวกเจ้า จะทำกับข้าวหรือกินกับข้าวก็อร่อยทั้งนั้น ถึงเวลาเจ้าก็ช่วยข้าขายเต้าเจี้ยว ได้เงินแล้วพวกเรามาแบ่งด้วยกัน”การทำเต้าเจี้ยวถั่วเหลืองไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรเย่คุนเคยคิดมาแล้ว ลองทำดูได้เมื่อไม่มีเต้าเจี้ยว การกินอาหารของเขาในทุกวันก็ไม่มีรสชาติ“ได้สินายท่าน ข้าจะรอท่านมานะ” เจียวเจียวดีใจมากเย่คุนกล่าวอำลานำถั่วเหลืองร้อยชั่งกลับมาจากตัวอำเภอฉินโฉ่วไม่เข้าใจเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าเย่คุนซื้อถั่วเหลือเยอะแยะอย่างนี้มาทำอะไร“ข้าจะทำเครื่องปรุงชนิดหนึ่ง เป็นเครื่องปรุงที่รสดีมาก ๆ”เย่คุนอธิบายกับฉินโฉ่ว “เครื่องปรุงชนิดนี้เอามาคลุกกับข้าวได้ อร่อยกว่ากินเนื้ออีก ถ้าเอ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 37

    บนนั้นมีแกนปั่นด้ายห้าแกน หมุนเร็วมากเย่คุนเรียกเจียงโหย่วหรงและไต้สี่มาให้ความร่วมมือเขาในการทดสอบเครื่องหลังจากจัดการใยปอเสร็จ แกนปั่นด้ายทั้งห้าก็หมุนพร้อมกัน ด้ายปอที่ทอออกมาเล็กละเอียดและเหนียวแน่นครั้นลูบ กลับได้ความรู้สึกเหมือนด้ายปอละเอียด!เขาทดลองไป ก็ปรับเครื่องปั่นด้ายไปสองชั่วโมงให้หลัง ด้ายปอที่ผลิตก็มีคุณภาพดียิ่งขึ้นไต้สี่ตรวจสอบด้ายปอที่ผลิตออกมาแล้วก็โพล่งปากด้วยความตะลึง“พี่ต้าหลาง นี่แทบจะเป็นด้ายปอละเอียดแล้วนะ ขายราคาสูงได้ แถมยังทอได้เร็วมากอีก ต่อไปข้ากับพี่โหย่วหรงก็ปั่นด้ายเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว”เจียงโหย่วหรงพยักหน้างก ๆ “ใช่ ต่อไปพวกเราก็ปั่นด้ายกันเยอะ ๆ”ไฉ่เตี๋ยประสมโรง “ข้าก็จะช่วยด้วยเหมือนกัน!”ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าไม่ทำงานก็จะไม่มีคุณค่าดังนั้นผู้หญิงแคว้นต้าติ่งจึงไม่กล้าอู้งานเย่คุนหยักหน้า “ข้าจะไปซื้อใยปอมาลองดูสักหน่อย พวกเจ้าสามคนผลัดกันทำ ต้องทำให้คล่องนะ”ห่วงโซ่อุตสาหกรรมปอมีขั้นตอนหลายอย่างตอนนี้เย่คุนยังไม่มีเงินทุน ดังนั้นจึงได้แต่เริ่มจากการทำเส้นด้าย แบบนี้จะง่ายกว่าและสะดวกจะขยายใหญ่ในหมู่บ้านปลูกต้นปอท

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 36

    ขี่ม้าเสร็จสิ้นเย่คุนจุดตะเกียงน้ำมันเพื่อชื่นชมสาวงามด้านข้าง มองทีละชุ่น มองให้พอไต้สี่กระมิดกระเมี้ยนมุดศีรษะกับหน้าอกของเย่คุน “พี่ต้าหลาง ทำไมท่านยังไม่ซ่อมเตียงอีกล่ะ? ถ้าพี่โหย่วหรงกับไฉ่เตี๋ยได้ยิน จะฟังออกนะ...”แต่งเข้ามาแล้ว ก็ต้องให้ความสำคัญกับใหญ่เล็กสูงต่ำเจียงโหย่วหรงคือภรรยา ไต้สี่คืออนุภรรยาดังนั้นแม้ว่าเจียงโหย่วหรงจะอ่อนกว่าสามปีก็ตาม แต่ไต้สี่ก็ต้องเรียกโหย่วหรงว่าพี่ “งั้นเอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะซ่อมนะ...”เย่คุนกำลังชื่นชมผิวพรรณแต่ละชุ่นของไต้สี่อยู่ และจุดที่ปกติมองไม่เห็นด้วยยี่สิบวันที่ฆ่าเสือ ไต้สี่นอนอยู่บ้านของเย่คุนแทบทุกวัน มีเนื้อกิน มีข้าวขาว รูปร่างสมบูรณ์ขึ้นมาก ผิวพรรณขาวเนียนกว่าเดิม ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้คนนึกอยากครั้นชมไปชมมาก็เริ่มเกิดความรู้สึกอีกครั้งนี้ไต้สี่ไม่อายแล้ว ต้อนรับเย่คุน จากนั้นเตียงทรุดโทรมก็เริ่มบรรเลงเพลงรักสุขสมอีกครั้งวันต่อมาไต้สี่ตื่นแต่เช้า หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเสร็จก็ทำความเคารพมารดาสามีและเจียงโหย่วหรงเย่คุนนอนจนถึงช่วงฟ้าสางจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าใบหน้าคัน ๆ ครั้นลืมตาก็เห็นเจียงโหย่วหรงกำลังมองเขาอยู่ข้างเตี

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 35

    “ไม่ใช่อนุ แต่เป็นฮูหยินรอง”เย่คุนเริ่มหวั่นไหว จึงโอบไต้สี่ “แม่ข้ากับโหย่วหรงเห็นด้วยแล้ว และข้าก็ชอบเจ้า”ไต้สี่เนื้อตัวอ่อนฉับพลัน ล้มอยู่ในอ้อมอกของเย่คุน “ท่านไม่รังเกียจข้า...ที่เป็นหญิงม่ายหรือ?”“ไม่รังเกียจ ชอบมาก”เย่คุนชักจะอดรนทนไม่ไหวแล้วเริ่มขยับทีละน้อยไต้สี่ขำพรืด ผลักเย่คุนออกเบา ๆ “นั่นก็ต้องมีแม่สื่อนะ แล้วก็...ท่านซื้อผ้ารัดศีรษะสีแดงให้ข้าสักชิ้นเถอะ ผ้ารัดศีรษะสีแดงเหมือนกับของโหย่วหรง ได้หรือไม่?”“ได้อยู่แล้ว!”เย่คุนยิ้มแล้วบีบมือของไต้สี่ “เอาไว้ทัพใหญ่ของราชสำนักมาขับไล่โจรกับเสือแล้ว ข้าจะสู่ขอเจ้า”“ข้าจะรอท่าน”จากนั้นไต้สี่ก็วิ่งออกไปทั้งหน้าแดงทัพใหญ่ของราชสำนักมาเร็วมาก ถึงในสามวันต่อมา มีจำนวนพลถึงสองพันคน ผู้ใหญ่บ้านของแต่ละหมู่บ้านระดมกลุ่มฆ่าเสือและชาวบ้านไปร่วมฆ่าเสือด้วยแค่เวลาสี่ห้าวัน ก็ค้นภูเขาลูกใหญ่บริเวณหลายร้อยลี้จนหมด ฆ่าเสือใหญ่เล็กได้เป็นร้อยตัวอีกทั้งยังมีหมูป่าและวัวภูเขาอีกมากมายเม่น จิ้งจอก กระต่ายก็ถูกกวาดล้างไปเยอะเหมือนกันเมื่อทัพใหญ่มาถึง โจรบนเขาซวงยาหนีเตลิดเปิดเปิงไม่เห็นเงาแต่เย่คุนรู้ ขอเพียงทัพให

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 34

    เย่คุนคิดแล้วก็หัวเราะ “ความจริงข้าไม่อยากได้อนุหรอก แต่ก็อยากได้คนปรนนิบัติท่านแม่เพิ่มอีกคน...ท่านแม่อายุมากแล้ว ตาก็มองไม่เห็น มีคนดูแลมากขึ้นอีกคน อย่างไรก็คือดี”เจียงโหย่วหรงขำพรืด “อื่ม กลางวันดูแลท่านแม่ กลางคืนดูแลท่าน”“ไม่ต้องดูแลข้าหรอก จริง ๆ นะ”สองสามีภรรยาสนทนากันอยู่นานครั้นกลางดึกก็ทำศึกอีกหนจึงจะหลับทว่าครึ่งคืนก็ถูกเสียงตีกลองรบกวนจนตื่นซั่งกวนจี้ฟูฆ่าเสือตัวหนึ่งได้ที่หอสังเกตการณ์ทางใต้ของหมู่บ้านคืนนี้เย่คุนไม่เข้าเวร ดังนั้นจึงไม่ไปดูเช้าตื่นขึ้นมาทุกคนแบ่งเนื้อเสือกันเสร็จแล้ว และยังเก็บเนื้อส่วนดีให้เย่คุนอีกยี่สิบชั่งซั่งกวนจี้ฟูอารมณ์ดียิ่ง ตบบ่าของเย่คุน “ทุกคนต่างบอกว่าของของพี่ต้าหลางใช้งานดี เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ”เย่คุนหัวเราะเหอะ ๆของดี ๆ ยังมีอีกเพียบ แค่ไม่มีเวลาทำเฉย ๆซั่งกวนจี้ฟูพูดขึ้นมาอีก “แต่อีกไม่นานของของท่านก็ต้องเก็บเข้ากรุแล้วละ เพราะในเจ็ดวัน ราชสำนักจะส่งทัพใหญ่มากำจัดภัยพิบัติจากเสือทีละชุ่น”ฉินโฉ่วตกใจ “พูดอย่างนี้ งั้นต่อไปพวกเราก็ไม่มีเสือให้ฆ่าแล้วสิ?”ชาวบ้านต่างหดหู่ใจมากไม่มีเสือให้ฆ่า นั่นก็หมายถึงไม่มีร

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 33

    ซั่งกวนจี้ฟูประทับใจมาก จึงลุกขึ้นยืนพูด“พี่ต้าหลางกตัญญูต่อบุพการี ทั้งผดุงความเป็นธรรมช่วยเหลือผู้คน คุณธรรมเหตุผลสูงส่ง ฆ่าเสือปลายโจรพิทักษ์ความสงบสุขบนแดนดิน ตอบแทนราชสำนัก ข้าเลื่อมใสมาก ยินดีสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้า ไม่ขอเกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน แต่ขอตายวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน!”เฮ้ย จะสาบานเป็นพี่น้องเหรอ?เย่คุนคิดแล้วก็ยิ้มพูด “จะสาบานก็ได้แต่...ข้าต้องเป็นพี่ใหญ่นะ”แคว้นต้าติ่งให้ความสำคัญกับกษัตริย์ ขุนนาง บิดา บุตรสาบานเป็นพี่ใหญ่ก็คือจ้าว ก็คือบิดา ก็คือนาย!ส่วนน้องก็เท่ากับสมบัติส่วนตัวของพี่ใหญ่ ปกติแล้วต้องเหมางานหมด แต่ไม่จำกัดการเป็นคนคุ้มกัน ทำงานเบ็ดเตล็ด เทถังส้วมและอื่น ๆ ทั้งยังต้องเตรียมตัวตายเพื่อพี่ใหญ่เสมอ...เย่คุนไม่ได้โง่ จะหลงกลไม่ได้ จะให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นสมบัติส่วนตัวของซั่งกวนจี้ฟูไม่ได้!ซั่งกวนจี้ฟูอึ้ง “แต่ข้าอายุมากกว่าเจ้านะ!”ฉินโฉ่วก็ตกใจเหมือนกัน รู้สึกว่าสมองของเย่คุนชำรุดไปแล้วใต้เท้านายกองสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าเป็นเรื่องได้หน้าขนาดไหน เจ้ายังจะได้คืบเอาศอก จะเป็นพี่ใหญ่อีกหรือ?“เช่นนั้นก็ไม่ได้ ข้าเป็นคนดวงกินพ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 32

    ซั่งกวนจี้ฟูปัดมือ “โกลนม้าไม่สำคัญ ข้าอยากได้หน้าไม้ของเจ้า มีเท่าไรก็เอาหมด”ช่วงเช้าวันนี้ซั่งกวนจี้ฟูเห็นหน้าไม้เบายิงคราวละสองดอกที่พวกฉินโฉ่วใช้ป้องกันตัว ครั้นทดลองแล้วก็อิจฉาเสียไม่มีประจวบเหมาะกับฉินโฉ่วขอให้ส่งทหารมาทลายรังโจร ดังนั้นซั่งกวนจี้ฟูจึงมาด้วย“ต้องจัดการโจรจากเขาซวงยาก่อน ข้าถึงจะมีเวลาทำหน้าไม้ให้ท่าน”เย่คุนถอนหายใจ “โจรพวกนั้นฆ่าคนไม่กะพริบตา ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะอยู่ได้สักกี่วัน”ซั่งกวนจี้ฟูหัวเราะชอบใจ “ภายในเจ็ดวัน ข้าจะกวาดล้างโจรบนเขาซวงยาให้สิ้นซากแน่!”เจ็ดวัน?เย่คุนดีใจมาก แต่ก็สงสัยความสามารถของซั่งกวนจี้ฟูอีกคราวก่อนเคยคุยกัน ผู้ใต้บังคับบัญชาของซั่งกวนจี้ฟูมีแต่ทหารราบห้าสิบคน ทหารม้ายี่สิบคนและอุปกรณ์พื้นฐานเท่านั้นเขาซวงยามีโจรร้อยกว่าคน แม้กำลังรบจะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็ได้เปรียบทางชัยภูมิหนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่านซั่งกวนจี้ฟูมีกำลังทหารแค่นี้ก็คิดจะบุกเขาซวงยากวาดล้างพวกโจร เกรงว่าจะไม่ง่าย“ถูกต้อง ภายในเจ็ดวัน ข้าจะกำจัดโจรบนเขาซวงยาให้สิ้นซากแน่”ซั่งกวนจี้ฟูพยักหน้าแล้วเข้าหมู่บ้านพร้อมกับเย่คุน ก่อนจะเอ่ย “ข้าย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status