แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: ท่านเหรินตกปลาเดียวดาย
เย่คุนก็อยากวิ่งเหมือนกัน แต่เพิ่งจะก้าวเดิน ข้อเท้าก็เจ็บรุนแรงจนล้มนั่งลงกับพื้น

ชะตาขาดแล้ว!

เสือตรงหน้ามีน้ำหนักถึงห้าหกร้อยชั่งเต็ม ๆ ต่อให้มีเย่คุนสามคนอยู่ที่นี่ก็ยังต้องตายสถานเดียว!

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเย่คุนยังเจ็บข้อเท้า ไม่สามารถวิ่งได้

“โฮก!”

ข้างหูมีเสียงคำรามดังมา เสือโคร่งตัวนั้นกลับทิ้งเย่คุนและกระโจนไปทางเหยาเฮยฟูแทน

ดูท่าเสือร้ายตัวนี้จะเรื่องมาก อยากกินของที่กระโดดโลดเต้น สร้างความท้าทายให้ตัวเองหน่อย

เหยาเฮยฟูเพิ่งวิ่งไปได้สิบกว่าก้าวก็ถูกเสือร้ายข้างหลังตามทัน ตะครุบใส่เขา

“เย่คุน ช่วยข้า...”

เหยาเฮยฟูร้องเสียงหนึ่งก่อนจะเงียบไป

เย่คุนลืมตาขึ้น เห็นไหล่ขวาและแขนขวาที่เหยาเฮยฟูได้รับบาดเจ็บถูกเสือร้ายกัดหายไปแล้ว!

เสือร้ายกัดไหล่ของเหยาเฮยฟู จากนั้นก็ทิ้งไปอีกทางหนึ่ง

คำที่สองกัดหลังคอของเหยาเฮยฟูตรง ๆ

ฝนโลหิตสาดกระเซ็น

มือเท้าของเหยาเฮยฟูยังชักกระตุกอยู่

ชั่วสะเก็ดไฟ เย่คุนยกหน้าไม้ขึ้นอีกครั้ง เล็งไปที่เสือร้าย

วันนี้ยากจะหนีรอดจากความตาย แต่อย่างไรก็ต้องดิ้นรนสักตั้ง!

เสือร้ายจบชีวิตของเหยาเฮยฟู จากนั้นจึงหันมามองเย่คุน

“มาสิ ไอ้เดรัจฉาน มาสู้ตัดสินกัน!”

เย่คุนนั่งอยู่บนพื้น ถือหน้าไม้เรียกเสียงดัง

เสียงนี้มิอาขข่มขู่เสือได้อยู่แล้ว

แต่ทำให้เขาฮึกเหิมมาได้อีกหน่อย ตายอย่างลูกผู้ชาย

แววตาของเสือกลับเป็นความดูแคลนอย่างหนัก คาบแขนขวาของเหยาเฮยฟูขึ้นกัดสองคำอย่างไม่รีบร้อน

แม่งเอ๊ย ไอ้เสือนี่เป็นนักยุทธศาสตร์การทหารหรือไงวะ รู้ว่าเหยื่อกำลังกดดันยังคิดจะสยบแบบไม่ออกแรงอีก!

เย่คุนสั่นพั่บ ๆ กำลังจะยิงหน้าไม้ออกไป

แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าอีก กลัวจะให้เสือโมโหขึ้นมา

ถ้าไม่ยิง ไม่แน่ว่าเสือกินเหยาเฮยฟูอิ่มแล้วจะปล่อยเขา?

ก็ขณะที่เย่คุนกำลังคิดฟุ้งซ่าน แขนขวาของเหยาเฮยฟูลงท้องเสือไปแล้ว

จากนั้นเสือก็เดินกรีดกรายมา สายตาจับจ้องเย่คุน!

เจ้าบ้านี่ยังไม่ปล่อยเขาไปอีกหรือ!

เย่คุนนั่งอยู่บนพื้น พยายามขยับตัวถอยหลังสุดชีวิตพร้อมกับร้องตะโกน “ช่วยด้วย เสือจะกินคนแล้ว...!”

“โฮก!”

เสือร้ายลดไหล่ลงทั้งสองข้าง เท้าหน้าย่ำพื้นแล้วกระโดดสูงตะครุบเย่คุน

“แม่งเอ๊ย สู้ตายละวะ!”

เย่คุนนอนตรงแหน็วอยู่บนพื้นเช่นสะพานเหล็ก เล็งหน้าไม้ไปที่หน้าอกของเสือร้าย จากนั้นก็ยิงออกไปฟิ่ว

หน้าไม้ขนาดเล็กแบบนี้ หัวลูกศรรวมกับก้านลูกศรแล้วมีความยาวแค่สามฉื่อ

ไม่ส่งผลอันใดกับสัตว์ร้าย

อย่างมากก็แค่ทำให้ถลอก และถึงขนาดที่ไม่ต้องแปะปลาสเตอร์เลยด้วยซ้ำ

ผึง!

ลูกศรดีดตัวออกไปเข้าเป้า

เสือร้ายโผตัวข้ามศีรษะของเย่คุนและตกอยู่ด้านหลังเขา

จากนั้นก็สะบัดหาง ปัดเย่คุนออกไป

“เฮ้ย...”

เย่คุนกลิ้งหลุน ๆ หลายตลบกว่าจะหยุดนิ่ง

ครั้นพลิกตัวขึ้นนั่ง ก็เห็นเสื้อหันกลับมาถลึงตามองเขา

คราวนี้ซี้แหงแก๋แล้ว มาให้จบ ๆ ไปเลยเถอะ!

เย่คุนหลับตาลงอีกครั้ง

เสือเดินกรีดกรายมา ฝีเท้าไร้สุ้มไร้เสียง

ถึงเย่คุนกำลังหลับตาอยู่ แต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวที่ออกมาจากปากเสือ

“โฮก...”

โครม!

ชั่วขณะ เสื้อร้องครวญคราง จากนั้นก็เป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

เย่คุนตกใจลืมตาขึ้นพึ่บ กลับพบว่าเสือร้ายล้มอยู่ตรงหน้าตน เลือดออกเจ็ดทวาร สี่เท้าทุรนทุราย

เฮ้ย นี่มันอย่างไรกันเนี่ย?

เย่คุนงงงัน ขยับตัวไปข้างหลังทันที

เสือบ้ามาก ถึงจะล้มอยู่บนพื้นแล้ว แต่ก็ยังใช้สี่เท้าตะกุยจนทรายหินฟุ้งไปหมด!

“โฮก โฮก...หงิง ๆ หงิง...”

เสือตะเกียกตะกายคำราม ครั้นผ่านไปสามนาทีก็นิ่งสนิท

ขอบคุณฟ้าดินคร้าบบบ

ครั้นเย่คุนรอดมาได้จึงพบว่าตัวเองตัวชุ่มไปหมด มือเท้าเย็นเฉียบ!

เย่คุนพักสามนาที ห้านาที ก่อนจะขยับตัวไปถึงข้างตัวเสือร้ายเพื่อตรวจสอบดูสักหน่อย

หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วจึงพบว่าลูกศรของตัวเองเมื่อครู่ปักเข้าตำแหน่ง ‘หัวใจหลับใหล’ ตรงอกของเสือแบบพอดิบพอดี ไม่เอียงไม่เบี้ยว

ก้านลูกศรสามฉื่อกว่าฝังอยู่ในนั้นทั้งหมด

แต่กำลังของหน้าไม้ขนาดเล็กมันไม่น่ามีมากอย่างนี้นี่!

หากใช้หน้าไม้ขนาดเล็กกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ ยิงเข้าผิวหนังได้หนึ่งชุ่นก็ถือว่าเก่งแล้ว!

ครั้นคิดทบทวน เย่คุนก็กระจ่างขึ้นมาทันใด

เมื่อครู่ตอนที่เสืออยู่กลางอากาศจะตะครุบมาแล้วเขายิงถูกหน้าอก พอเสือทิ้งตัวลงแล้ว ก้านหน้าไม้ยันกับพื้น ปักจมมิดด้ามด้วยความบังเอิญ

มิหนำซ้ำหัวลูกศรน่าจะจมลงไปถึงหัวใจของเสือแบบเหมาะเหม็ง!

หลังจากพิจารณาจนเข้าใจถึงเหตุผลแล้ว เย่คุนก็อยากนอนคว่ำแล้วโขกศีรษะให้บรรพบุรุษตระกูลเย่อยู่บนพื้นจริง ๆ

ความดวงดีทั้งชาติคงมากระจุกอยู่ในวันนี้และใช้หมดรวดในคราวเดียวแล้ว!

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”

หลังจากเข้าใจทุกอย่าง เย่คุนก็ลุกขึ้นยืนตะโกนเสียงดัง

เสือตายแล้ว ตัวเองรอดแล้ว สมควรไปเอารางวัลแล้ว

เขตภูเขาทางใต้ของแคว้นต้าติ่งมีภัยพิบัติจากเสือหนักมาก

ราชสำนักตกเงินรางวัลกับชาวบ้านที่ฆ่าเสือได้ ฆ่าเสือโตเต็มวัยหนึ่งตัว จะได้รางวัลเหรียญทองแดงสิบพวง หรือก็คือสิบตำลึงเงิน

ทั้งยังยกเว้นภาษีทั้งครอบครัวตลอดชีวิต

รอดพ้นจากมหันตภัยย่อมพบกับสุข

ครั้งนี้เย่คุนจะรวยแล้วจริง ๆ

“เย่คุน!”

“เย่ต้าหลาง!”

“เจ้าอยู่ที่ไหน?”

เสียงเรียกของพวกชาวบ้านดังมาจากทางขึ้นเขา

เย่คุนตะโกนตอบ “ข้าอยู่ตรงนี้ ข้าอยู่นี่...”

เสียงฝีเท้า ฉินโฉ่วพาชาวบ้านสิบกว่าคนตรงดิ่งมา

“ต้าหลาง ๆ!”

เจียงโหย่วหรงจูงพี่สะใภ้ไต้สี่ และยังมีไฉ่เตี๋ยน้องสาวของเหยาเฮยฟูก็ตามมาอยู่ข้างหลังด้วย

ที่แท้ช่วงเช้าเหยาเฮยฟูซ้อมเหยาไฉ่เตี๋ยอย่างหนัก บีบให้นางยอมรับว่าเย่คุนได้ตัวนางแล้ว จากนั้นจึงพกท่อนไม้ขึ้นเขามาคิดบัญชีกับเย่คุน

เหยาไฉ่เตี๋ยกลัวว่าเย่คุนจะเสียเปรียบ จึงแจ้งกับเจียงโหย่วหรง

เจียงโหย่วหรงหวาดกลัว จึงไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วกับไต้สี่ ก่อนจะพาชาวบ้านขึ้นเขามาตามหาเย่คุน

วันก่อนผู้ใหญ่บ้านกับพวกชาวบ้านกินโจ๊กเนื้อกวางของเย่คุนไป กระดากจะบอกปัดจึงพากันมา

พอเย่คุนเห็นพวกชาวบ้านก็วางใจ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น

ครั้นพวกฉินโฉ่วมาถึงตรงหน้า เห็นรอยเลือดบนพื้นและเหยาเฮยฟูกับร่างกายเสือก็ตกตะลึงพรึงเพริด สั่นเทิ้มไปทั้งตัว

เมื่อเหยาไฉ่เตี๋ยเห็นศพของพี่ใหญ่ ก็ถลาเข้าไปหา แผดเสียงร้องไห้ก่อนจะหมดสติ

เมื่อพี่ใหญ่ตาย เหยาไฉ่เตี๋ยก็คือเด็กกำพร้า นางต้องเสียใจอยู่แล้ว

ไต้สี่เดินไปอุ้มไฉ่เตี๋ยขึ้นมา หยิกจุดเหรินจงและตบหน้า ช่วยเหลือแบบสะเปะสะปะ

เจียงโหย่วหรงกลับวิ่งเข้ามากอดเย่คุน พูดกลั้วร้องไห้ “ต้าหลาง ท่านไม่บาดเจ็บนะ เป็นอะไรหรือไม่?”

“โหย่วหรงไม่ร้องนะ ข้าไม่เป็นอะไร”

เย่คุนลูบเส้นผมของเจียงโหย่วหรง พร้อมปลอบใจเสียงเบา

“เย่ต้าหลาง เจ้า...เจ้าฆ่าเสือหรือ?”

ผ่านไปครึ่งค่อนวัน ฉินโฉ่วจึงถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ก็ต้องเป็นข้าสิ”

เย่คุนคิดบทพูดเอาไว้แล้ว เขาตีหน้าเศร้าพูด

“ข้ากำลังล่าสัตว์อยู่บนเขา ได้ยินเสียงเหยาเฮยฟูร้องให้ช่วย ก็เลยถือหน้าไม้วิ่งมา แต่ข้าไม่เอาไหน ถึงจะยิงเสือตาย กลับช่วยเหยาเฮยฟูเอาไว้ไม่ได้...จริงสิ ข้าก็บาดเจ็บเหมือนกัน ข้อเท้ากระแทกเจ็บ”

เนื่องจากไหล่ขวาที่บาดเจ็บของเหยาเฮยฟูถูกเสือกินไปแล้ว ยังนั้นจึงตายแบบไม่มีหลักฐานบ่งชี้

ไม่มีใครรู้การต่อสู้ระหว่างเย่คุนกับเหยาเฮยฟู

ฉินโฉ่วนั่งยองลงและตบบ่าของเย่คุน

“น้องชาย เจ้ายิงเสือตายได้ก็เก่งมาก ๆ แล้ว เหยาเฮยฟูถูกเสือกัดตาย นั่นคือชะตากรรมของเขา สรุปแล้วเจ้าคือวีรบุรุษผู้ฆ่าเสือ ต่อไปก็รวยแล้วละ”

“ทุกคน หมู่บ้านเรามีวีรบุรุษฆ่าเสือแล้ว ทุกคนต่างได้หน้า รีบหามซากเสือกลับไป แล้วไปรับเงินรางวัลกับเย่คุนที่อำเภอเถอะ”

ผู้ที่พูดก็คือน้องชายของฉินโฉ่ว เนื่องจากลำดับเป็นคนที่สอง เกิดยามเที่ยงวัน ดังนั้นจึงมีชื่อจริงว่าฉินเอ้อร์อู่

ฉินเอ้อร์อู่เขาเป็นทหารเมื่อหลายปีก่อน ระหว่างทำสงครามเกิดอุบัติเหตุตกจากหลังม้า ถูกเหยียบจนขาหักไปข้างหนึ่ง จึงพิการนับแต่นั้นมา หลังจากปลดประจำการกลับบ้านก็ถูกเรียกว่าเจ้าเป๋แซ่ฉิน

เนื่องจากเมื่อก่อนเจ้าเป๋แซ่ฉินเป็นมือธนูม้า จึงถือว่ามีทักษะการยิงธนูเป็นอันดับหนึ่งของหมู่บ้านเฉ่าเมี่ยว

ทว่าเมื่อฉินเอ้อร์อู่ผู้มีทักษะการยิงธนูเป็นอันดับหนึ่งเห็นเย่คุนใช้ลูกศรสั้นยิงเสือเต็มวัยตายได้ ก็เลื่อมใสจนแทบกราบเบญจางคประดิษฐ์

ชาวบ้านโห่ร้องกระตู้วู้ทันที

ทุกคนเก็บศพของเหยาเฮยฟู ฟันท่อนไม้มาหามเสือที่ตาย แบกเย่คุน จากนั้นก็ยกขบวนกลับหมู่บ้านอย่างครึกครื้น

มีเด็กเล็กกึ่งโตสองคนวิ่งโร่กลับหมู่บ้านเพื่อเรียกชาวบ้านมารับ

สำหรับการตายของเหยาเฮยฟูนั้น ทุกคนไม่ได้โศกเศร้ากันสักเท่าไร

สมัยนี้จะมีคนตายสักคนเป็นเรื่องปกติมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหยาเฮยฟูที่เป็นอันธพาลตัวก่อกวนของหมู่บ้านอีก!

มีแต่เหยาไฉ่เตี๋ยที่ร้องห่มร้องไห้ตลอดทาง

ไฉ่เตี๋ยร้องไห้จนผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วรำคาญ จึงถลึงตาใส่และพูดว่า

“ไฉ่เตี๋ย เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว พี่ชายเจ้าตายแล้ว แต่เย่คุนรวยแล้ว ข้าจะเป็นคนจัดการให้ก็แล้วกัน ให้เจ้าเป็นอนุของเย่คุน เย่คุนคือวีรบุรุษฆ่าเสือ ไม่ต้องจ่ายภาษีทั้งชาติ เลี้ยงดูเจ้าได้!”

เย่คุนเหล่มอง “พี่ใหญ่ฉินโฉ่วอย่าพูดไปเรื่อยนะ ไฉ่เตี๋ยยังไม่สิบหกเลย”

ในแคว้นต้าติ่ง ชายหญิงต้องมีอายุครบสิบหกปีจึงจะถือว่าเป็นผู้ใหญ่ และสามารถพูดเรื่องแต่งงานได้

“เอากลับไปเลี้ยงสักระยะก็อ้วนแล้ว ก็ถึงวัยสิบหกแล้ว เป็นอนุกำลังดี!”

ฉินโฉ่วหัวเราะคิก ๆ “ถ้าข้าเป็นวีรบุรุษฆ่าเสือนะ ข้าต้องรับอนุอย่างน้อยสามคน ต่อไปมีลูกชายมาก ๆ หน่อย ทำงานเยอะ ๆ หน่อย!”

ตุบ

ไฉ่เตี๋ยคุกเข่าลงฉุดชายกางเกงของเย่คุน

“พี่ต้าหลาง ท่านรับข้าไว้เป็นอนุเถอะ ข้าทำงานเก่งนะ หน้าร้อนพัดให้ท่านได้ หน้าหนาวอุ่นเท้าให้ท่านได้...”

ชาวบ้านพากันหัวเราะสนุกสนาน “เย่ต้าหลางได้ยินแล้วใช่หรือไม่ อุ่นเท้าแน่ะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 9

    เจียงโหย่วหรงมองเย่คุนแล้วพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนกันราวกับนางก็สนับสนุนให้เย่คุนรับอนุภรรยา“ไฉ่เตี๋ย เจ้าอย่าทำแบบนี้!”เย่คุนยิ้มแห้งพลางโบกมือ “พี่ชายเจ้าตายแล้ว ต่อไปถ้าเจ้าไม่มีข้าวกินก็มากินบ้านข้าได้ ช่วยข้าดูแลท่านแม่...ข้ารับรองว่าจะไม่ให้เจ้าได้หิว”“ขอบคุณพี่ต้าหลาง!”ไฉ่เตี๋ยโขกศีรษะ ลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจนางรู้สึกว่าเย่คุนพูดอย่างนี้ก็คือรับนางเป็นอนุภรรยาแล้วชาวบ้านที่มารับมาถึงแล้ว ต่างพกหาบแบนและเชือกปอมา หามเสือกลับไปอย่างเอิกเกริกเรื่องนี้สะเทือนเลือนลั่นไปทั้งหมู่บ้านเฉ่าเมี่ยว คนนับร้อยมามุงดูด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยาผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วพูด“เย่คุน เราต้องออกเดินทางกันคืนนี้เลย ส่งเสือไปที่ที่ว่าการอำเภอ พรุ่งนี้เช้าก็ถึง ข้าจะช่วยเจ้ายืมเกวียนมาสักคัน แล้วให้ชาวบ้านสองสามคนไปเป็นเพื่อนเจ้านะ”ตามระเบียบ ยิงเสือตายต้องส่งไปตรวจสอบที่ที่ว่าการอำเภอสำหรับการตรวจสอบจะต้องมีซากเสือ เครื่องมือที่ทำให้เสือตาย ผู้ฆ่าเสือ จะขาดไม่ได้สักอย่างเย่คุนพยักหน้า ไหว้วานผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วไปยืมเกวียนและให้ภรรยาเจียงโหย่วหรงรีบทำอาหารไต้สี่ก็ช่วยด้วย นำไก่ป่ากระต่าย

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 10

    เย่คุนประหลาดใจเล็กน้อย มองประเมินอีกฝ่ายชายชุดผ้าเกอพูดอีก“พื้นที่ทางใต้ของเขาต้าเซียงตั้งกลุ่มฆ่าเสือขนาดใหญ่ ฝูงเสือถูกขับไล่รุกล้ำพื้นที่ของอำเภอนี้ ภัยเสือของอำเภอนี้จะหนักมากขึ้น ชาวบ้านของอำเภอนี้มีอันตรายกันทุกคน ดังนั้นข้าอยากขอคำชี้แนะประสบการณ์ฆ่าเสือของพวกท่านจากใจจริง”ตามหลัก เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ดังนั้นเสือจะไม่ปรากฏตัวเป็นกลุ่มใหญ่ แต่แถบเขาต้าเซียงที่ชายชุดผ้าเกอกล่าวถึง เนื่องจากหลายปีก่อนมีโรคระบาด จึงทำให้พื้นที่ภูเขากว่าพันลี้ไม่มีคนอยู่อาศัย จำนวนเสือเพิ่มเป็นเท่าตัวตอนนี้ราชสำนักก่อตั้งกองทัพใหญ่เพื่อฆ่าเสือบนเขาต้าเซียง ใช้การโจมตีทางศาสตราวุธและกองทัพในการขับไล่ เสือในเขาต้าเซียงพันลี้ย่อมต้องเคลื่อนย้ายขึ้นทางเหนือเป็นธรรมดาสถานการณ์เช่นนี้ พื้นที่ปาสู่ในภายหลังก็เคยปรากฏจางเสี้ยนจงเพชฌฆาตแห่งซีชวนเหมือนกัน กวาดล้างจนไร้คนพันลี้ เสือแตกกระเจิง ต่อมาสมัยแมนจูและชิงปกครองใต้หล้า ขุนนางและผู้ติดตามที่ส่งไปซีชวนเห็นเสือรวมตัวเป็นฝูงทำกิจกรรมกับตาตนเอง ล้อมหมู่บ้านเดินเตร็ดเตร่ กินคนนับไม่ถ้วน นายอำเภอคนหนึ่งพาผู้ติดตามห้าหกคนไปประจำตำแหน่ง สุ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 11

    เย่คุนล้างเท้าแล้วเรียกเจียงโหย่วหรงมา“โหย่วหรง วันนี้ข้าซื้อผ้าปอละเอียดมาอีกแล้ว เจ้าเชิญพี่สะใภ้ไต้สี่ข้างบ้านมาตัดชุดให้คนในบ้านเราเถอะ ชุดของไฉ่เตี๋ยเก่ามาก ทำให้ไฉ่เตี๋ยอีกชุดด้วย”ฝีมือการตัดชุดของไต้สี่ไม่เลว ตัดได้พอดีตัวเจียงโหย่วหรงพยักหน้า “ได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปหาพี่สะใภ้ไต้สี่แต่เช้านะ”ไฉ่เตี๋ยกลับส่ายหน้าเนือง ๆ “พี่ต้าหลาง พี่โหย่วหรง ข้าไม่ต้องการเสื้อผ้า แค่ไม่หิวก็พอแล้ว”“นางเด็กโง่ เจ้าอยู่บ้านข้าก็คือครอบครัวเดียวกัน พวกเรากินใช้เหมือนกัน”เย่คุนลูกศีรษะของไฉ่เตี๋ย “เจ้าไปนอนเถอะ ข้ามีเรื่องพูดกับพี่โหย่วหรงของเจ้า”ไฉ่เตี๋ยยิ้มแล้วหมุนตัวออกไปเจียงโหย่วหรงล้างเท้าให้เย่คุน จากนั้นก็ทางยาฟกช้ำให้เขาความจริงเท้าของเย่คุนจวนจะหายดีแล้ว เดินกะเผลก ๆ ได้พักอีกสักสองวัน สลายลิ่มเลือดก็น่าจะกลับมาเป็นปกติเย่คุนมองเจียงโหย่วหรงแล้วพูด“โหย่วหรง ไฉ่เตี๋ยน่าสงสาร เรารับนางไว้ชั่วคราวเถอะ ให้นางช่วยเจ้าทำงานหน่อย อีกสักสองปี เอาไว้นางโตแล้วค่อยหาบ้านแม่สามีให้นาง”เจียงโหย่วหรงเงยหน้าด้วยความประหลาดใจอย่างหนัก “ต้าหลาง ท่านไม่ใช่จะเก็บไฉ่เตี๋ยเอาไว้...เป็นอ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 12

    หากเป็นจริง เช่นนั้นเจียงโหย่วหรงก็จะได้หน้ามากอีกอย่าง บ้านมารดาของนางก็ยากจนเหมือนกัน แม้แต่โจ๊กผักป่ายังไม่แน่ว่าจะได้กินอิ่มทุกวันส่งเนื้อเสือและข้าวขาวเหล่านี้ไป จะช่วยชีวิตได้“โง่จริง ข้าเคยหลอกเจ้าหรือ?”เย่คุนบีบหัวไหล่ของเจียงโหย่วหรง “รีบไปเก็บของเถอะ เอาเนื้อเสือไปบ้านแม่เจ้าสิบชั่ง ข้าวขาวสิบชั่ง ส่วนของอย่างอื่นข้าจะเตรียมเอง”เจียงโหย่วหรงรู้สึกว่าของเยอะเกินไปจึงกระซิบกระซาบว่า “เอาของไปเยอะอย่างนี้ ท่านแม่จะดุข้าได้นะ”“ไม่เป็นไร ข้าจะพูดกับท่านแม่เอง”เย่คุนยิ้มแล้วเดินกะเผลกไปปรึกษากับมารดาเฒ่าสามีตายเชื่อฟังบุตร บุตรเติบใหญ่เป็นอิสระจากมารดาหญิงชราพยักหน้าปราศจากความเห็น“พวกเราไม่ได้จ่ายเงินสักแดงก็รับตัวโหย่วหรงแต่งเข้าบ้าน เจ้าไปเยี่ยมเยียนพ่อตาแม่ยายเจ้าครั้งนี้ จะเอาของไปหน่อยก็สมควร”เจียงโหย่วหรงที่อยู่ทางหนึ่งได้ยิน พลันแย้มยิ้มชื่นบาน รีบมาขอบคุณมารดาสามีตรงหน้าดังนั้นเรื่องในบ้านจึงรบกวนไต้สี่กับไฉ่เตี๋ยไต้สี่เย็บเสื้อผ้าอยู่ที่นี่และดูแลเรื่องอาหารการกิน ส่วนไฉ่เตี๋ยทำกับข้าวเป็น เป็นลูกมือให้ไต้สี่ พร้อมกับเรียนรู้การตัดเย็บเสื้อผ้าจาก

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 13

    “ต้าหลาง...”เจียงโหย่วหรงรู้ว่าสามีโกรธแล้ว จึงมองเย่คุนด้วยท่าทางน่าสงสาร น้ำตาคลอเบ้าจะตกมิตกแหล่เซวซานกูแค่นเสียงหัวเราะ และตบมือพูด“เจ้าไม่มาสิดี ใครอยากให้พวกเจ้ามากันฮะ? แบบนี้สิดีที่สุด ต่อไปพวกเจ้าเป็นเศรษฐี เราเป็นขอทานก็ไม่เข้าบ้านเจ้าเหมือนกัน!”“งั้นก็ได้ เราตกลงตามนี้”เย่คุนพยักหน้า ดึงเจียงโหย่วหรงจะออกไป“ต้าหลาง อย่าไป”เจียงกั๋วจู้เข้าไปรั้งตัว ก่อนจะถอนหายใจพูด “อย่างไรเจ้าก็คือลูกเขยของข้า ในเมื่อเข้าบ้านมาแล้วจะไปแบบไม่กินข้าวได้อย่างไร? ที่บ้านยังมีข้าวกล้องอีกกำ ต้มโจ๊กสักหน่อย กินแล้วค่อยว่ากันเถอะ”เจียงหลี่ซื่อพยักหน้าด้วยแววตาจริงใจเหมือนกันปัง!เซวซานกูกลับสะบัดก้นเปิดประตูเดินไป“พี่สะใภ้ใหญ่!”เจียงโหย่วหรงตามไปแต่เซวซานกูเดินจ้ำไปริมแม่น้ำแบบหัวก็ไม่หันเจียงโหย่วหรงถอนหายใจกลับเข้าบ้าน มองเย่คุนด้วยท่าทางน่าสงสารขณะเย่คุนกำลังจะพูดอะไร ก็มีแม่นางน้อยสองคนเดินออกมาจากหลังเรือน คนหนึ่งอยู่ในวัยเจ็ดแปดขวบ อีกคนหนึ่งสิบสามสิบสี่ปีหน้าตายสีเหมือนผัก เช่นถั่วงอกที่เติบโตไม่เต็มที่นั่นคือน้องสาวทั้งสองคนของเจียงโหย่วหรง น้องรองเจียงโหย่

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 14

    เมื่อนั้นเย่คุนจึงหัวเราะ ก่อนจะกำหมัดพูด “พี่ใหญ่อย่าได้เกรงใจ”เซวซานกูอายยิ่งกว่า อุ้มลูกชายมาคุกเข่าตรงหน้าเย่คุน“น้องเขยคนดี ข้าพาลูกชายมาโขกศีรษะให้เจ้าแล้ว เจ้าคือน้อง น้องเขยแท้ ๆ ลูกชายข้าก็คือลูกของเจ้า!”ตอนนี้ก็คือน้องเขยแท้ ๆ แล้ว?เมื่อกี้ใครบอกว่าเป็นขอทานก็ไม่เข้าบ้านฉัน?ปากเล็ก ๆ นี่พูดจาเหมือนปล่อยตดเย่คุนมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ย่อมไม่ถือสาคนอย่างเซวซานกู พอใจแล้วก็หยุด ค้อมตัวเซวซานกูลุกขึ้นแล้วหยิบเศษตำลึงหนึ่งชิ้น ประมาณสองสามเฉียน “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าที่เป็นน้องเขยแท้ ๆ เจอกับหลานชายเป็นครั้งแรก เศษตำลึงนี้เอาไปทำกำไลให้หลานชายแท้ ๆ ของข้าเถอะ”เจียงโหย่วหรงได้ยินอยู่ด้านหลังขำพรืด จากนั้นจึงรีบปิดปากเซวซานกูตื่นเต้นจนตัวสั่น วางลูกชายลงพื้นแล้วกอบเศษตำลึงด้วยสองมือ “น้องเขย นี่คือ...เงินตำลึงหรือ?”หญิงชาวบ้านไม่มีโอกาสเห็นเงินตำลึง“ไม่เชื่อท่านก็ลองกัดดูสิ ดูสิว่ามีรอยฟันหรือไม่” เย่คุนทำหน้าจริงจัง“ได้ ข้าจะกัดดูนะ...”เซวซานกูยัดเงินเข้าปากแล้วออกแรงกัดจริง ๆ“ไอ้หยา ฟันของข้า...”เซวซานกูยิงฟัน มองเงินแบบไม่สนใจความเจ็บปวดดังคาด บนนั้นม

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 15

    ฉินโฉ่วเพิ่งมาถึงก็ตวัดฉมวกร้องโวยวาย “แย่แล้ว แม่ของเยียนลิ่วไฮ่ถูกเสือในหมู่บ้านลากตัวไปแล้ว!”“ฮะ เสือเข้าหมู่บ้านหรือ?”ไต้สี่ตกใจจนสั่นพั่บ ๆ กอดเอวของเย่คุนแน่น“พี่สะใภ้ รีบไปเอาหน้าไม้ของข้ามาเถอะ!”เย่คุนก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็สงบใจได้ในไม่นานความจริงหน้าไม้สั้นแทบไม่ส่งผลอันใดกับเสือเลย ที่เอาไปก็เพื่อเสริมสร้างกำลังใจเท่านั้นครั้งก่อนถือว่าเย่คุนบังเอิญฆ่าตายเย่คุนก็รู้เหมือนกันว่าครั้งหน้าจะไม่โชคดีอย่างนี้แล้วไต้สี่รีบวิ่งไปเอาหน้าไม้ของเย่คุนมาเจียงโหย่วหรงและไฉ่เตี๋ยก็กระวีกระวาดวิ่งออกมาสอบถามความเป็นมาด้วย“โหย่วหรง พวกเจ้าอยู่แต่ในบ้านนะ ปิดประตู ห้ามออกมาล่ะ!”เย่คุนสั่ง ก่อนจะพกหน้าไม้แล้วเดินเขยกไปทางหมู่บ้านล้วนอยู่หมู่บ้านเดียวกัน เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็ต้องช่วยเหลือและเฝ้าระวังกันอยู่แล้วในหมู่บ้าน เยียนลิ่วไฮ่คุกเข่าร้องไห้จนปอดฉีกหัวใจแหลกลาญอยู่กับพื้นบนพื้นมีรอยเลือดกองหนึ่ง ตะกร้าไม้ไผ่ไปหนึ่ง และผักป่าจำนวนหนึ่งที่กระจัดกระจายอยู่บริเวณนั้นไม่เห็นเสือแม้แต่เงาฉินโฉ่วร้อนใจจนกระทืบเท้า ด่าทอเยียนลิ่วไฮ่“ลิ่วไฮ่ เมื่อวานเราเพิ่

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 16

    เขาซวงยามีโจรอยู่ร้อยกว่าคน มักไปเอาอาหารจากหมู่บ้านใกล้เคียงในช่วงที่ข้าวฟ่างเติบโตเต็มที่ทุกปีถ้าไม่ให้อาหารก็จะฆ่า!หมู่บ้านเฉ่าเมี่ยวเป็นหมู่บ้านใหญ่ มีชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่ง ดังนั้นพวกโจรจึงไม่กล้าบีบคั้นมากเกินไปมักมาหารือในช่วงเก็บเกี่ยวทุกปีตอนนี้ผ่านฤดูเก็บเกี่ยวไปแล้ว การที่พวกโจรปรากฏตัวกะทันหันจึงทำให้ทุกคนเดาไม่ออกฉินเอ้อร์อู่ด่าเบา ๆ “ขืนเจ้าสุนัขพวกนี้ยังกล้ามาเอาอาหารอีก ข้าจะสู้ตายกับพวกมันละ!”“เอ้อร์อู่ หุบปาก!”ฉินโฉ่วหันกลับไปตวาดกับฉินเอ้อร์อู่ และพูดเบา ๆ ว่า “ไอ้ที่แบกดาบมาอยู่ข้างหน้านั่นก็คือผู้นำสี่ของเขาซวงยา ฉายาว่ากั้วเจียงหลงฆ่าคนไม่กะพริบตาฉินเอ้อร์อู่เงียบปาก กลับแค่นเสียงฮึหนัก ๆกั้วเจียงหลงพาพี่น้องรองสามคนเดินอาด ๆ มา จากนั้นก็หัวเราะเหอะ ๆ “โอ้ อยู่กันหมดเลยหรือ? ข้ามาหาเย่คุน เย่ต้าหลาง ใครคือเย่ต้าหลาง อยู่ที่ไหน?”ฉินโฉ่วตกตะลึง “ท่านสี่ ท่านมาหาเย่คุน...ทำไมหรือ?”“ข้าก็คือเย่คุน เย่ต้าหลาง ใครต้องการพบข้า?”เย่คุนลุกขึ้นยืนเขากลับไม่ตกใจเท่าไร เพราะคาดการณ์ไว้แล้วว่ากั้วเจียงหลงต้องรู้เรื่องที่เขาฆ่าเสือได้เงินรางวัลจึงจะมารีดไ

บทล่าสุด

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 40

    “ฮะ พ่อของเจียวเจียวทำแม่ของตัวเองตาย?” เย่คุนอึ้งหลังจากพิจารณา เย่คุนก็ขี่ม้าพาฉินโฉ่วตรงดิ่งไปยังตลาดพ่อค้าคนกลางทันทีตลาดพ่อค้าคนกลางคือสถานที่ซื้อขายปศุสัตว์ และเป็นจุดขายลูกชายลูกสาวของคนยากคนจนด้วยบางครั้งทางการจะนำครอบครัวลูกสาวของผู้กระทำผิดมาขายที่นี่เหมือนกันในมุมหนึ่งของตลาดพ่อค้าคนกลาง บนเวทีดินรัศมีหนึ่งจั้ง สูงสองฉื่อตรงหน้าเวทีมีคนมุงชี้นิ้วอยู่เต็มไปหมดบนเวทีดินมีแม่นางยืนอยู่สามคน บนศีรษะเสียบรวงข้าว ตรงหน้าอกห้อยป้ายไม้เขียนราคาขนาดเท่าฝ่ามืออยู่เจียวเจียวลูกสาวเถ้าแก่ร้านอาหารยืนอยู่ตรงกลาง บนแผ่นป้ายตรงหน้าอกเขียนว่าหนึ่งพวงดูท่าคงเพราะเจียวเจียวหน้าตาสวยหมดจด จึงมีราคาสูงลิ่วเนื่องจากแม่นางหน้าตาดี สามารถขายไปยังสถานเริงรมย์รับแขกหาเงินได้เจียวเจียวผมเผ้ายุ่งเหยิง สายตาเหม่อลอย ริมฝีปากแห้งจนลอก มองฝูงชนเบื้องล่างอย่างสับสนตกอับมาถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะเคยเป็นแม่นางงดงามน่าประทับใจคนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน ต้องถูกคนเลือก ถูกคนเชือดตามใจชอบพวกบรรดาแขกที่มองอยู่ด้านข้างกำลังชี้นิ้ว“ทำไมถึงขายเจียวเจียวแพงอย่างนี้นะ? เพราะหน้าต

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 39

    เด็กในหมู่บ้านหิวจนไส้กิ่ว แต่ละคนมองเจียงโหย่วหรงด้วยท่าทางน่าสงสารเย่คุนกระโดดลงจากม้าแล้วหยิบเนื้อแห้งกับผลไม้แจกจ่ายให้เด็ก ๆ นอกจากนี้ยังให้เงินห้าเหรียญทองแดงกับทุกคนคนทั้งหมู่บ้านตกตะลึงพรึงเพริด ต่างยิ้มแย้มมาต้อนรับ“เขยของเจียงเหอโถวเรากลับมาแล้ว!”“พ่อเขยใจกว้างจริง ๆ โหย่วหรงมีบุญแท้ ๆ!”เย่คุนแค่ยิ้มพลางพยักหน้าพี่ชายพี่สะใภ้ของโหย่วหรงออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่บานเท่ากระด้ง และช่วยเย่คุนจูงม้าด้วยเหมือนกันพวกเขารู้ว่าพอเย่คุนมา บ้านก็จะรวยแล้วน้องสาวทั้งสองคนของเจียงโหย่วหรงก็มาจูงมือพี่สาวด้วย “พี่หญิง ท่านอ้วนแล้ว เสื้อผ้าสวยจังเลย ยังมีผ้ารัดหัว ไหนจะตุ้มหูนี่อีก...”“ไม่ต้องรีบร้อน พวกเจ้าก็มีนะ พี่เขยเจ้าเอาของขวัญมาให้พวกเจ้าด้วย”เจียงโหย่วหรงสวมกอดน้องสาวและยิ้มพูด “อีกอย่าง พี่เขยเจ้าบอกแล้วนะว่าจะรับพวกเจ้าไปเที่ยวที่หมู่บ้านเฉ่าเมี่ยวด้วยกัน”น้องสามโหย่วไฉร้องไชโยกระโดดโลดเต้นโหย่วเต๋ออายุสิบสี่สิบห้ารู้ความแล้ว จึงมองเย่คุนด้วยความเขินอายทีหนึ่งเมื่อถึงบ้านมารดา เจียงโหย่วหรงก็หยิบของขวัญออกมา ของกินเครื่องนุ่งห่มอะไรก็มีหมดเย่คุนให้เงินพ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 38

    เจียวเจียวตกตะลึงหนัก “นายท่าน ท่านช่างเป็นคนดีแท้ ๆ มีเงินสองร้อยอีกแปะนี้ ไม่แน่ว่าซานเอ๋อร์ ผิงเอ๋อร์จะอยู่รอดต่อไปได้”“ต้องรอดสิ”เย่คุนคีบเนื้อในถ้วยให้ซานเอ๋อร์และน้องสาว “ต่อไปพวกเจ้าก็กินข้าวที่นี่ เอาไว้อากาศหนาวแล้วข้าจะมารับตัวพวกเจ้า”ซานเอ๋อร์ ผิงเอ๋อร์โขกศีรษะอีกครั้ง ก่อนจะรับเนื้อย่างมากินแบบตะกละตะกลามเย่คุนมองเจียวเจียวแล้วยิ้มพูด “เจียวเจียว ต่อไปข้ามาอีกจะเอาเต้าเจี้ยวอย่างหนึ่งมาให้พวกเจ้า จะทำกับข้าวหรือกินกับข้าวก็อร่อยทั้งนั้น ถึงเวลาเจ้าก็ช่วยข้าขายเต้าเจี้ยว ได้เงินแล้วพวกเรามาแบ่งด้วยกัน”การทำเต้าเจี้ยวถั่วเหลืองไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรเย่คุนเคยคิดมาแล้ว ลองทำดูได้เมื่อไม่มีเต้าเจี้ยว การกินอาหารของเขาในทุกวันก็ไม่มีรสชาติ“ได้สินายท่าน ข้าจะรอท่านมานะ” เจียวเจียวดีใจมากเย่คุนกล่าวอำลานำถั่วเหลืองร้อยชั่งกลับมาจากตัวอำเภอฉินโฉ่วไม่เข้าใจเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าเย่คุนซื้อถั่วเหลือเยอะแยะอย่างนี้มาทำอะไร“ข้าจะทำเครื่องปรุงชนิดหนึ่ง เป็นเครื่องปรุงที่รสดีมาก ๆ”เย่คุนอธิบายกับฉินโฉ่ว “เครื่องปรุงชนิดนี้เอามาคลุกกับข้าวได้ อร่อยกว่ากินเนื้ออีก ถ้าเอ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 37

    บนนั้นมีแกนปั่นด้ายห้าแกน หมุนเร็วมากเย่คุนเรียกเจียงโหย่วหรงและไต้สี่มาให้ความร่วมมือเขาในการทดสอบเครื่องหลังจากจัดการใยปอเสร็จ แกนปั่นด้ายทั้งห้าก็หมุนพร้อมกัน ด้ายปอที่ทอออกมาเล็กละเอียดและเหนียวแน่นครั้นลูบ กลับได้ความรู้สึกเหมือนด้ายปอละเอียด!เขาทดลองไป ก็ปรับเครื่องปั่นด้ายไปสองชั่วโมงให้หลัง ด้ายปอที่ผลิตก็มีคุณภาพดียิ่งขึ้นไต้สี่ตรวจสอบด้ายปอที่ผลิตออกมาแล้วก็โพล่งปากด้วยความตะลึง“พี่ต้าหลาง นี่แทบจะเป็นด้ายปอละเอียดแล้วนะ ขายราคาสูงได้ แถมยังทอได้เร็วมากอีก ต่อไปข้ากับพี่โหย่วหรงก็ปั่นด้ายเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว”เจียงโหย่วหรงพยักหน้างก ๆ “ใช่ ต่อไปพวกเราก็ปั่นด้ายกันเยอะ ๆ”ไฉ่เตี๋ยประสมโรง “ข้าก็จะช่วยด้วยเหมือนกัน!”ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าไม่ทำงานก็จะไม่มีคุณค่าดังนั้นผู้หญิงแคว้นต้าติ่งจึงไม่กล้าอู้งานเย่คุนหยักหน้า “ข้าจะไปซื้อใยปอมาลองดูสักหน่อย พวกเจ้าสามคนผลัดกันทำ ต้องทำให้คล่องนะ”ห่วงโซ่อุตสาหกรรมปอมีขั้นตอนหลายอย่างตอนนี้เย่คุนยังไม่มีเงินทุน ดังนั้นจึงได้แต่เริ่มจากการทำเส้นด้าย แบบนี้จะง่ายกว่าและสะดวกจะขยายใหญ่ในหมู่บ้านปลูกต้นปอท

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 36

    ขี่ม้าเสร็จสิ้นเย่คุนจุดตะเกียงน้ำมันเพื่อชื่นชมสาวงามด้านข้าง มองทีละชุ่น มองให้พอไต้สี่กระมิดกระเมี้ยนมุดศีรษะกับหน้าอกของเย่คุน “พี่ต้าหลาง ทำไมท่านยังไม่ซ่อมเตียงอีกล่ะ? ถ้าพี่โหย่วหรงกับไฉ่เตี๋ยได้ยิน จะฟังออกนะ...”แต่งเข้ามาแล้ว ก็ต้องให้ความสำคัญกับใหญ่เล็กสูงต่ำเจียงโหย่วหรงคือภรรยา ไต้สี่คืออนุภรรยาดังนั้นแม้ว่าเจียงโหย่วหรงจะอ่อนกว่าสามปีก็ตาม แต่ไต้สี่ก็ต้องเรียกโหย่วหรงว่าพี่ “งั้นเอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะซ่อมนะ...”เย่คุนกำลังชื่นชมผิวพรรณแต่ละชุ่นของไต้สี่อยู่ และจุดที่ปกติมองไม่เห็นด้วยยี่สิบวันที่ฆ่าเสือ ไต้สี่นอนอยู่บ้านของเย่คุนแทบทุกวัน มีเนื้อกิน มีข้าวขาว รูปร่างสมบูรณ์ขึ้นมาก ผิวพรรณขาวเนียนกว่าเดิม ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้คนนึกอยากครั้นชมไปชมมาก็เริ่มเกิดความรู้สึกอีกครั้งนี้ไต้สี่ไม่อายแล้ว ต้อนรับเย่คุน จากนั้นเตียงทรุดโทรมก็เริ่มบรรเลงเพลงรักสุขสมอีกครั้งวันต่อมาไต้สี่ตื่นแต่เช้า หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเสร็จก็ทำความเคารพมารดาสามีและเจียงโหย่วหรงเย่คุนนอนจนถึงช่วงฟ้าสางจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าใบหน้าคัน ๆ ครั้นลืมตาก็เห็นเจียงโหย่วหรงกำลังมองเขาอยู่ข้างเตี

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 35

    “ไม่ใช่อนุ แต่เป็นฮูหยินรอง”เย่คุนเริ่มหวั่นไหว จึงโอบไต้สี่ “แม่ข้ากับโหย่วหรงเห็นด้วยแล้ว และข้าก็ชอบเจ้า”ไต้สี่เนื้อตัวอ่อนฉับพลัน ล้มอยู่ในอ้อมอกของเย่คุน “ท่านไม่รังเกียจข้า...ที่เป็นหญิงม่ายหรือ?”“ไม่รังเกียจ ชอบมาก”เย่คุนชักจะอดรนทนไม่ไหวแล้วเริ่มขยับทีละน้อยไต้สี่ขำพรืด ผลักเย่คุนออกเบา ๆ “นั่นก็ต้องมีแม่สื่อนะ แล้วก็...ท่านซื้อผ้ารัดศีรษะสีแดงให้ข้าสักชิ้นเถอะ ผ้ารัดศีรษะสีแดงเหมือนกับของโหย่วหรง ได้หรือไม่?”“ได้อยู่แล้ว!”เย่คุนยิ้มแล้วบีบมือของไต้สี่ “เอาไว้ทัพใหญ่ของราชสำนักมาขับไล่โจรกับเสือแล้ว ข้าจะสู่ขอเจ้า”“ข้าจะรอท่าน”จากนั้นไต้สี่ก็วิ่งออกไปทั้งหน้าแดงทัพใหญ่ของราชสำนักมาเร็วมาก ถึงในสามวันต่อมา มีจำนวนพลถึงสองพันคน ผู้ใหญ่บ้านของแต่ละหมู่บ้านระดมกลุ่มฆ่าเสือและชาวบ้านไปร่วมฆ่าเสือด้วยแค่เวลาสี่ห้าวัน ก็ค้นภูเขาลูกใหญ่บริเวณหลายร้อยลี้จนหมด ฆ่าเสือใหญ่เล็กได้เป็นร้อยตัวอีกทั้งยังมีหมูป่าและวัวภูเขาอีกมากมายเม่น จิ้งจอก กระต่ายก็ถูกกวาดล้างไปเยอะเหมือนกันเมื่อทัพใหญ่มาถึง โจรบนเขาซวงยาหนีเตลิดเปิดเปิงไม่เห็นเงาแต่เย่คุนรู้ ขอเพียงทัพให

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 34

    เย่คุนคิดแล้วก็หัวเราะ “ความจริงข้าไม่อยากได้อนุหรอก แต่ก็อยากได้คนปรนนิบัติท่านแม่เพิ่มอีกคน...ท่านแม่อายุมากแล้ว ตาก็มองไม่เห็น มีคนดูแลมากขึ้นอีกคน อย่างไรก็คือดี”เจียงโหย่วหรงขำพรืด “อื่ม กลางวันดูแลท่านแม่ กลางคืนดูแลท่าน”“ไม่ต้องดูแลข้าหรอก จริง ๆ นะ”สองสามีภรรยาสนทนากันอยู่นานครั้นกลางดึกก็ทำศึกอีกหนจึงจะหลับทว่าครึ่งคืนก็ถูกเสียงตีกลองรบกวนจนตื่นซั่งกวนจี้ฟูฆ่าเสือตัวหนึ่งได้ที่หอสังเกตการณ์ทางใต้ของหมู่บ้านคืนนี้เย่คุนไม่เข้าเวร ดังนั้นจึงไม่ไปดูเช้าตื่นขึ้นมาทุกคนแบ่งเนื้อเสือกันเสร็จแล้ว และยังเก็บเนื้อส่วนดีให้เย่คุนอีกยี่สิบชั่งซั่งกวนจี้ฟูอารมณ์ดียิ่ง ตบบ่าของเย่คุน “ทุกคนต่างบอกว่าของของพี่ต้าหลางใช้งานดี เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ”เย่คุนหัวเราะเหอะ ๆของดี ๆ ยังมีอีกเพียบ แค่ไม่มีเวลาทำเฉย ๆซั่งกวนจี้ฟูพูดขึ้นมาอีก “แต่อีกไม่นานของของท่านก็ต้องเก็บเข้ากรุแล้วละ เพราะในเจ็ดวัน ราชสำนักจะส่งทัพใหญ่มากำจัดภัยพิบัติจากเสือทีละชุ่น”ฉินโฉ่วตกใจ “พูดอย่างนี้ งั้นต่อไปพวกเราก็ไม่มีเสือให้ฆ่าแล้วสิ?”ชาวบ้านต่างหดหู่ใจมากไม่มีเสือให้ฆ่า นั่นก็หมายถึงไม่มีร

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 33

    ซั่งกวนจี้ฟูประทับใจมาก จึงลุกขึ้นยืนพูด“พี่ต้าหลางกตัญญูต่อบุพการี ทั้งผดุงความเป็นธรรมช่วยเหลือผู้คน คุณธรรมเหตุผลสูงส่ง ฆ่าเสือปลายโจรพิทักษ์ความสงบสุขบนแดนดิน ตอบแทนราชสำนัก ข้าเลื่อมใสมาก ยินดีสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้า ไม่ขอเกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน แต่ขอตายวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน!”เฮ้ย จะสาบานเป็นพี่น้องเหรอ?เย่คุนคิดแล้วก็ยิ้มพูด “จะสาบานก็ได้แต่...ข้าต้องเป็นพี่ใหญ่นะ”แคว้นต้าติ่งให้ความสำคัญกับกษัตริย์ ขุนนาง บิดา บุตรสาบานเป็นพี่ใหญ่ก็คือจ้าว ก็คือบิดา ก็คือนาย!ส่วนน้องก็เท่ากับสมบัติส่วนตัวของพี่ใหญ่ ปกติแล้วต้องเหมางานหมด แต่ไม่จำกัดการเป็นคนคุ้มกัน ทำงานเบ็ดเตล็ด เทถังส้วมและอื่น ๆ ทั้งยังต้องเตรียมตัวตายเพื่อพี่ใหญ่เสมอ...เย่คุนไม่ได้โง่ จะหลงกลไม่ได้ จะให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นสมบัติส่วนตัวของซั่งกวนจี้ฟูไม่ได้!ซั่งกวนจี้ฟูอึ้ง “แต่ข้าอายุมากกว่าเจ้านะ!”ฉินโฉ่วก็ตกใจเหมือนกัน รู้สึกว่าสมองของเย่คุนชำรุดไปแล้วใต้เท้านายกองสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าเป็นเรื่องได้หน้าขนาดไหน เจ้ายังจะได้คืบเอาศอก จะเป็นพี่ใหญ่อีกหรือ?“เช่นนั้นก็ไม่ได้ ข้าเป็นคนดวงกินพ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 32

    ซั่งกวนจี้ฟูปัดมือ “โกลนม้าไม่สำคัญ ข้าอยากได้หน้าไม้ของเจ้า มีเท่าไรก็เอาหมด”ช่วงเช้าวันนี้ซั่งกวนจี้ฟูเห็นหน้าไม้เบายิงคราวละสองดอกที่พวกฉินโฉ่วใช้ป้องกันตัว ครั้นทดลองแล้วก็อิจฉาเสียไม่มีประจวบเหมาะกับฉินโฉ่วขอให้ส่งทหารมาทลายรังโจร ดังนั้นซั่งกวนจี้ฟูจึงมาด้วย“ต้องจัดการโจรจากเขาซวงยาก่อน ข้าถึงจะมีเวลาทำหน้าไม้ให้ท่าน”เย่คุนถอนหายใจ “โจรพวกนั้นฆ่าคนไม่กะพริบตา ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะอยู่ได้สักกี่วัน”ซั่งกวนจี้ฟูหัวเราะชอบใจ “ภายในเจ็ดวัน ข้าจะกวาดล้างโจรบนเขาซวงยาให้สิ้นซากแน่!”เจ็ดวัน?เย่คุนดีใจมาก แต่ก็สงสัยความสามารถของซั่งกวนจี้ฟูอีกคราวก่อนเคยคุยกัน ผู้ใต้บังคับบัญชาของซั่งกวนจี้ฟูมีแต่ทหารราบห้าสิบคน ทหารม้ายี่สิบคนและอุปกรณ์พื้นฐานเท่านั้นเขาซวงยามีโจรร้อยกว่าคน แม้กำลังรบจะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็ได้เปรียบทางชัยภูมิหนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่านซั่งกวนจี้ฟูมีกำลังทหารแค่นี้ก็คิดจะบุกเขาซวงยากวาดล้างพวกโจร เกรงว่าจะไม่ง่าย“ถูกต้อง ภายในเจ็ดวัน ข้าจะกำจัดโจรบนเขาซวงยาให้สิ้นซากแน่”ซั่งกวนจี้ฟูพยักหน้าแล้วเข้าหมู่บ้านพร้อมกับเย่คุน ก่อนจะเอ่ย “ข้าย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status