แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: ท่านเหรินตกปลาเดียวดาย
เฮ้ย พวกเจนโลกเต็มไปหมดเลยเว้ย!

ใครกันที่บอกว่าคนโบราณไร้เดียงสา?

ตอนนี้เย่คุนต๊อกต๋อย ไม่กล้าเกี้ยวสาวหรอก จึงหัวเราะแหะ ๆ แล้วเดินเร็วจากไป

ยังเป็นข้างลำธารในหุบเขาเหมือนเดิม

เย่คุนหลับอยู่ข้างหลังก้อนหินก้อนหนึ่ง บนศีรษะยังมีการปลอมตัวโดยใช้กิ่งหลิวสาน จ้องแอ่งน้ำน้อยที่โรยเกลือเอาไว้

แต่รอมาหนึ่งชั่วโมงกว่า จ้องจนเมื่อยตาไปหมด ก็ไม่เห็นเหยื่อมาดื่มน้ำเลย

เย่คุนจึงเริ่มท้อใจ

แต่คิด ๆ แล้วก็รอต่อไปเถอะ

วางแผนว่าถ้าล่าสัตว์ไม่ได้ก็ต้องกลับบ้านหลังฟ้ามืด จะได้ไม่ถูกคนในหมู่บ้านหัวเราะเยาะ

โพล้เพล้ไปทุกที

ยังไม่มีเหยื่อโผล่ออกมา

แต่ขณะเย่คุนกำลังคิดจะกลับก็เห็นกวางสีดำสองตัวย่องมา

ตึกตัก!

หัวใจของเย่คุนเต้นรัวจนจะหลุดออกมาแล้ว

ที่นี่เรียกกวางดำอีกอย่างหนึ่งว่าวัวภูเขา กวางดำที่เจริญเต็มวัยจะมีน้ำหนักเกือบสองร้อยชั่ง

กวางดำสองตัวตรงหน้ายังเป็นเด็กอยู่อย่างเห็นได้ชัด ท่าทางจะหนักประมาณห้าหกสิบชั่ง

กวางดำระแวงมาก มองซ้ายแลขวา ย่อมมาถึงข้างแอ่งน้ำแล้วก้มหน้าลงดื่ม

เย่คุนเล็กองศาแล้วกดกลไกยิงลูกศรออกไป

ฟิ้ว!

เป็นเสียงชัดแจ๋วเสียงหนึ่ง ลูกศรพุ่งไปยังส่วนท้องของกวางดำตัวหนึ่ง

“อู้ว ๆ!”

กวางดำสองตัวตกใจถอนเท้าวิ่งอ้าว

ทว่ากวางดำที่บาดเจ็บวิ่งได้เจ็ดแปดก้าวก็ล้มลงหัวกระแทกพื้น

จากนั้นก็พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น วิ่งตาตีตาเหลือได้เจ็ดแปดเมตรก็ล้มลงอีก

เย่คุนวิ่งปรู๊ดออกมากดกวางดำที่บาดเจ็บ หยิบขวานเล็กหลังเอวมาทุบที่หัวของมันแรง ๆ

กวางดำตัวกระตุกสองทีก็แน่นิ่งไปในที่สุด

เขาถอนลูกศรออกมาดู กลับยิงทะลุกวางดำ

กับร่างเนื้อหนังมังสา อานุภาพของลูกศรทรงพลังอย่างที่คิด!

ลองชั่งน้ำหนักดู กวางดำตรงหน้าประมาณหกสิบชั่ง

เย่คุนดีใจลิงโลด แบกกวางดำกลับบ้าน

เนื้อกวางเป็นของบำรุงชั้นเลิศ กินแล้วก็ร่วมหอ มันโป๊ะเชะ!

ม่านราตรีมาถึง

แต่เย่คุนยังไม่กลับมา

เจียงโหย่วหรงเป็นห่วงมาก กลัวว่าเย่คุนจะเจอกับสัตว์ป่าบนเขา

พี่สะใภ้ไต้สี่ข้างบ้านก็มีจิตไมตรีนัก พาเจียงโหย่วหรงไปกลางหมู่บ้าน ขอคนในหมู่ถือคบเพลิงไปตามหาเย่คุน

แต่เพิ่งจะออกจากหมู่บ้านได้ไม่นานก็เจอกับเย่คุนที่แบกกวางดำบนบ่าตัวหนึ่งอย่างกระหืดกระหอบ

“วัวภูเขา?”

“เย่คุน เจ้าได้วัวภูเขามาได้อย่างไร?”

“สวรรค์ เย่คุนโชคดีจริง ๆ ได้วัวภูเขามาตัวหนึ่งแน่ะ!”

คนในหมู่บ้านตกตะลึงอย่างหนัก พากันเข้ามาห้อมล้อม

เจียงโหย่วหรงดีใจเป็นอย่างยิ่ง พูดเสียงค่อยว่า “ขอบคุณฟ้าดิน ต้าหลางกลับมาแล้ว...”

“โชคดีน่ะ เจอกับกวางดำตัวนี้”

เย่คุนวางสัตว์ที่ได้จากการล่าลง ก่อนจะพูดแบบหอบหายใจว่า “แบกเจ้านี่เดินตั้งเจ็ดแปดลี้ เหนื่อยจะตายชัก...ทุกคนมาช่วยกันหน่อยเถอะ กลับไปจะเลี้ยงน้ำแกงเนื้อพวกท่าน”

“อ้อ มีน้ำแกงเนื้อกินด้วย!”

ทุกคนในหมู่บ้านต่างดีใจกระโดดโลดเต้น

เนื้อกวางมีแรงดึงดูดมากล้นหลามจริง ๆ

คนในหมู่บ้านเจ็ดแปดคนแย่งกันมาแบกกวางดำอย่างกลัวจะถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง

เจี๊ยวจ๊าวตลอดทาง บรรยากาศชื่นมื่น

ผู้ใหญ่บ้านก็ตกใจด้วยเหมือนกัน มาดูความสนุกที่บ้านเย่คุน

ผู้ใหญ่บ้านผู้ยิ่งใหญ่แซ่หลี่ เนื่องจากเกิดในยามยามโฉ่ว ดังนั้นจึงเรียกว่าฉินโฉ่ว

ชื่อของคนแคว้นต้าติ่งก็ตั้งแบบง่าย ๆ อิสระเอาแต่ใจอย่างนี้แหละ

“กวางดำนี่ต้องลอกหนังทันที ล้วงอวัยวะออกมา แล้วตากเนื้อกวางเอาไว้ ไม่อย่างนั้นผ่านไปหนึ่งคืนก็จะเหม็นแล้ว”

ผู้ใหญ่บ้านก็อยากดื่มน้ำแกงเนื้อเหมือนกัน จึงเสนอให้ทุกคนลงมือทันที

เย่คุนรู้ว่าผู้ใหญ่บ้านพูดมีเหตุผล จึงให้พวกชาวบ้านช่วยลอกหนังเลาะกระดูก

ชาวบ้านเจ็ดแปดคนจัดการกวางน้อยหนึ่งตัวได้สบาย ๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จัดการทุกอย่างเสร็จ

เย่คุนแขวนเนื้อสองชิ้นใหญ่เอาไว้ แล้วเฉือนเนื้อกวางสองชั่ง สับจนละเอียด เพิ่มข้าวขาวหนึ่งชั่งแล้วให้เจียงโหย่วหรงไปตุ๋นน้ำแกงเนื้อ

ไต้สี่ก็ช่วยอยู่ในครัวด้วยเหมือนกัน ตุ๋นโจ๊กเนื้อกวางทั้งหมดสองหม้อใหญ่

ผู้ใหญ่บ้านนำชาวบ้านช่วยเหลือ กินจนเหงื่อท่วมตัว ชื่นชมไม่หยุดปาก

เย่คุนกลับใจกว้าง ลงมีดเฉือนเนื้ออีก

แบ่งเนื้อกวางให้ชาวบ้านที่มาช่วยคนละครึ่งชั่ง

ทุกคนกอบเนื้อกวางชิ้นเล็กนั้นไว้ในมือ ซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลพราก

ฉินโฉ่วผู้เป็นผู้ใหญ่จึงเสนอตัว “เย่ต้าหลาง พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปขายเนื้อกวางที่ตำบลกับเจ้าแล้วกัน ช่วยเจ้าดูหน่อย รับรองว่าคิดบัญชีไม่ผิดแน่”

เย่คุนพยักหน้ารับ “งั้นก็ได้ พรุ่งนี้พี่ฉินโฉ่วก็มาเรียกข้าแล้วกันนะ”

ความจริงกวางดำหนึ่งตัว ลอกหนังเลาะกระดูกล้วงเครื่องในออกแล้วก็เหลือแค่เนื้อยี่สิบห้าชั่ง ไหนจะยังมีกระดูกอีก

มิหนำซ้ำยังถูกทุกคนกินไปจำนวนหนึ่ง แบ่งอีกจำนวนหนึ่ง ยังเหลืออีกยี่สิบชั่งกระมัง

การถือเนื้อกวางยี่สิบชั่งไปตลาดไม่นับเป็นภาระอะไรกับเย่คุน

แต่เย่คุนจะปฏิเสธความหวังดีของผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้

ในตอนที่ชาวบ้านกินอิ่มกลับบ้านก็เป็นเวลาครึ่งคืนแล้ว

เย่คุนอาบน้ำและนอนอย่างสุขีสโมสร

ฟ้ายังไม่ทันสาง ผู้ใหญ่ฉินโฉ่วก็มาเรียกเย่คุนอยู่นอกหน้าต่างแล้ว

เย่คุนรีบลุกขึ้น เก็บเนื้อกวางและเครื่องใน ตามด้วยไปตลาดกับผู้ใหญ่บ้าน

ผู้ใหญ่บ้านรับประโยชน์จึงลงแรง หามเนื้อกวางเดินเร็วไปข้างหน้าก่อน

ตอนที่มาถึงตลาดในตำบลก็เป็นช่วงสาย

ผู้ใหญ่บ้านตะเบ็งเสียงเร่ขายอยู่ริมถนนกับเย่คุน

เนื้อกวางขายง่าย ชั่งละสิบเหรียญทองแดง

เนื่องจากเขากวาง หนังกวางและเครื่องในส่วนหนึ่งสามารถทำเป็นยาได้ ดังนั้นจึงขายให้กับร้านยา

สุดท้ายเหลือหัวกวาง เศษ ๆ ขอบ ๆ เนื้อกวางและกระดูก

เย่คุนคำนวณแล้ว ทั้งหมดได้มาสองร้อยสามสิบเหรียญทองแดง

จึงไม่ขายของที่เหลือเสียเลย หาที่กินข้าวกับผู้ใหญ่บ้าน

ผู้ใหญ่บ้านกลับคุ้นเคยมาก หาร้านอาหารร้านหนึ่ง ให้ร้านอาการเอาหัวกวางไปตุ๋น ดื่มสุรากับเย่คุนนิดหน่อย

หลังกินอาหารเสร็จ เย่คุนซื้อข้าวขาวและข้าวกล้องจำนวนหนึ่ง ซื้อผ้าปออย่างละเอียดหนึ่งจั้ง ก่อนจะกลับบ้านกับผู้ใหญ่บ้าน

เสื้อผ้าปอหยาบบนตัว สวมใส่แล้วราวกับรับเคราะห์กรรมอย่างหนัก ทิ่มแทงคันคะเยอไปทั้งตัว

นอกจากนี้เย่คุนยังซื้อผ้ารัดศีรษะสีแดงอีกสามจั้งและผ้าคลุมศีรษะสีแดงที่เนื้อบางราวกับตาข่ายบางให้เจียงโหย่วหรงอีกผืนหนึ่ง

ล้วนเป็นของหรูหราที่ทำจากผ้าไหมทั้งนั้น!

ระหว่างทาง ผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วอดทอดถอนใจไม่ได้ “เย่คุน เจ้ารวยแล้ว แต่จะสิ้นเปลืองแบบนี้ไม่ได้นะ เจ้าดูผ้าปอละเอียดนี้สิ เจ้ามีปัญญาใส่หรือ?”

“เอาไว้ข้ามีเงินแล้ว ยังคิดจะใส่ผ้าไหมด้วยแน่ะ”

เย่คุนมองบน

เขาไม่ได้ใช้เงินบ้านผู้ใหญ่บ้านสักหน่อย เกี่ยวอะไรกับเรื่องลมตดของอีกฝ่ายด้วย?

“ใส่ผ้าไหม? เจ้านึกว่าตัวเองเป็นเศรษฐีหรือ?” ผู้ใหญ่ก็มองบนเหมือนกัน “ถ้าเจ้ามีปัญญาใส่ผ้าไหมนะ ข้าจะบกเฉี่ยวหนูลูกสาวข้าเป็นอนุเจ้าเลย!”

เฉี่ยวหนู?

มุมปากเย่คุนปรากฏรอยยิ้ม

เฉี่ยวหนูเป็นแม่นางดีคนหนึ่ง ขาวสะอาด อายุสิบห้าสิบหก อยู่ในวัยน่ารักสดใสพอดี

หลังจากเข้าหมู่บ้าน เย่คุนกับผู้ใหญ่บ้านก็แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน

ในขณะที่เย่คุนผ่านหน้าบ้านเจ้าอันธพาลเหยาเฮยฟู กลับได้ยินเสียงทุบตีดุด่า

เหยาเฮยฟูที่ยิ่งกว่าเดรัจฉานกำลังดุด่าตบตีเหยาไฉ่เตี๋ย

“นางเด็กบ้านี่ วัน ๆ รู้แต่กิน กิน ๆ ๆ ในบ้านถูกเจ้ากินจนจะล่มจมแล้ว! โจ๊กผักป่าหนึ่งหม้อ ทำไมข้าเห็นแต่ผักป่า ไม่เห็นข้าวสักเม็ดเลยเล่า? ถูกเจ้ากินไปหมดแล้วใช่ไหม?”

เหยาไฉ่เตี๋ยร้องไห้ไม่กล้าส่งเสียงดัง พูดอ้อมแอ้มว่า

“ท่านพี่ ในบ้านไม่มีข้าวตั้งนานแล้ว ผักป่าพวกนี้ข้าก็เป็นคนไปเก็บมาเอง...”

เย่คุนหยุดฝีเท้า อยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดอีก จากนั้นจึงส่ายหน้าเดินจากไป

มีปัญหาเพิ่มหนึ่งเรื่องมิสู้ปัญหาน้อยลงหนึ่งเรื่อง อย่าหาเรื่องเลยจะดีกว่า

การมาเกิดคืองานเทคนิคอย่างหนึ่ง ใครใช้ให้เหยาไฉ่เตี๋ยเกิดมาเป็นน้องสาวของเหยาเฮยฟูเล่า?

แต่เย่คุนเพิ่งจะถึงบ้าน เหยาเฮยฟูก็ไล่ตามมา

“แหะ ๆ เย่คุน เจ้ารวยแล้วนี่”

เหยาเฮยฟูไม่เข้าบ้าน แต่นั่งอยู่บนพื้นโล่งหน้าประตู “ปีก่อนพ่อเจ้าทำร้ายข้า ซ้อมจนข้ากระอักเลือด จนปอนี้ร่างกายยังไม่หายดีเลย ทำงานก็ไม่ได้ เจ้าน่ะ ชดใช้ข้าวขาวข้ามาห้าชั่ง ถือเป็นค่าหยูกค่ายาก็แล้วกัน!”

เมื่อครู่เหยาเฮยฟูเห็นเย่คุนหอบหิ้วของพะรุงพะรังกลับมาจากตลาด จึงได้ความคิดนี้ หาข้ออ้างมาไถเงินทันที

ถึงอย่างไรเย่คุนก็เป็นคนซื่อ การรังแกเขาคือกิจวัตรประจำวันของเหยาเฮยฟู

เย่คุนขำกลิ้ง “พ่อข้าตายไปตั้งแต่ปีก่อนนู้นแล้ว หรือว่าปีก่อนเขาลุกขึ้นจากโลงมาซ้อมเจ้าหรือ?”

“งั้นก็ปีก่อนนู้นที่ซ้อมข้า!”

เหยาเฮยฟูกัดริมฝีปากแตก เอามือปาดเลือดแล้วตะเบ็งเสียงร้องขึ้นมา “ข้ายังกระอักเลือดอยู่เลย เจ้าก็เห็นแล้ว ถ้าไม่ชดเชยค่ายาให้ข้า ข้าจะขอสู้ตายกับเจ้า ตายอยู่หน้าบ้านเจ้านี่ละ!”

เสียงโทรโข่งนี้ทำเอาชาวบ้านครึ่งค่อนหมู่บ้านรู้และแห่มาชมเรื่องสนุกกันหมด

เหยาเฮยฟูเล่นหนักกว่าเดิม เอาเลือดที่มือป้ายหน้า ร้องห่มร้องไห้เอ็ดตะโร

แต่ชาวบ้านต่างรู้ว่าเหยาเฮยฟูเป็นคนเกเร จึงไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลของเขา

อีกอย่าง เมื่อคนนี้มากน้อยก็กินโจ๊กเนื้อกวางของเย่คุน ก็ต้องช่วยเย่คุนอยู่แล้ว จึงชี้นิ้วตำหนิเหยาเฮยฟู

“เฮยฟู เจ้าทำไม่ถูกนะ พ่อของเย่คุนเป็นคนมีคุณธรรม จะซ้อมเจ้าจนกระอักเลือดได้อย่างไร?”

“เจ้าคิดจะรังแกเย่คุนที่เป็นคนซื่อมิใช่หรือ?”

“เมื่อวานเห็นเขาได้กวางดำมาตัวหนึ่ง เจ้าก็เลยอิจฉาตาร้อนสินะ?”

เหยาเฮยฟูถูกชาวบ้านแดกดันจนรักษาหน้าไว้ไม่อยู่ ผุดลุกขึ้นมาด่า “พวกเจ้ากินเนื้อกวางของเย่คุนก็ต้องเข้าข้างเย่คุนสิ สรุปแล้วถ้าวันนี้เย่คุนไม่ใช้เงิน ข้าจะสู้ตายกับเขาละ! ใครกล้าช่วยเย่คุน ข้าจะไม่ปล่อยมันไปทั้งนั้น!”

ชาวบ้านเงียบปากแล้ว ใครก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว

ทุกคนต่างมองเย่คุนอย่างเห็นอกเห็นใจ

รู้ว่าเย่คุนเป็นคนซื่อ สู้เหยาเฮยฟูไม่ได้

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 6

    เจียงโหย่วหรงเป็นห่วงว่าสามีจะถูกทำร้ายจึงรีบมาปกป้อง และพูดกับเหยาเฮยฟูว่า “เหยาเฮยฟู เจ้าอย่ารังแกกันนะ สามีข้าสู้เจ้าไม่ได้ แต่พี่ชายบ้านมารดาข้าก็...ล่วงเกินไม่ได้เหมือนกัน...”ทว่าถ้อยคำนี้กลับไม่เป็นภัยคุกคามต่อเหยาเฮยฟูใด ๆเหยาเฮยฟูหัวเราะหึ ๆ “ตัวกาลกิณีอย่างเจ้าไสหัวไปเสีย อย่ามาทำให้ข้าต้องตายไปด้วยนะ”“ไอ้ชั่ว กล้าด่าเมียข้าหรือ?”เย่คุนอดรนทนไม่ไหวแล้ว จึงง้างหมัดซ้ายเสยคางของเหยาเฮยฟูก่อนตุบ!เหยาเฮยฟูหงายหลังลงพื้นแบบไม่ลังเลสักนิดชาติก่อนเย่คุนคือแขกประจำของฟิตเนส และยังเคยเข้าร่วมการฝึกเป็นตัวสำรองของกองทัพ รู้ทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง“สารเลว เจ้ากล้าต่อยข้าหรือ?”เหยาเฮยฟูลุกขึ้นมาหวดหมัดไปทางจมูกของเย่คุน “วันนี้ข้าจะเอาเจ้าให้ตายเลย!”เย่คุนยกมือขึ้นขวาง ตามด้วยถีบเท้าขวาออกไป เข้าเป้าตรงท้องน้อยของเหยาเฮยฟูพอดี“โอ๊ย...”เหยาเฮยฟูร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือด กุมท้องนั่งยองลง ใบหน้ามีเหงื่อเย็นผุดออกมาซิบ ๆเย่คุนถลึงตาใส่ “ไสหัวไปเสีย ขืนยังไม่ไสหัวไปอีก ข้าจะให้เจ้าได้กระอักเลือดจริง ๆ เลยนี่!”ผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วเร่งเดินมาเตะเหยาเฮยฟูทีหนึ่ง ก่อนจะฉุดกร

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 7

    เย่คุนส่ายหน้า “เด็กโง่ เจ้าดูสภาพครอบครัวยากจนของเราสิ มีสาวใช้ไหวหรือ?”ไฉ่เตี๋ยมองเจียงโหย่วหรง อยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดเย่คุนคิดแล้วจึงถอนหายใจ “เจ้านอนเถอะไฉ่เตี๋ย ต่อไปถ้าหิวจนทนไม่ไหวก็แอบมา เราจะให้เจ้ากินสักหน่อย”“พี่ต้าหลาง ท่านเป็นคนดีจริง ๆ”ไฉ่เตี๋ยน้ำตาหยดติ๋ง ๆ พลางสูดจมูก “พี่ชายข้าเป็นคนเลว วันนี้ทะเลาะกับท่าน ท่านไม่เพียงแต่ไม่โกรธยังให้ของข้ากินอีก”“พี่ชายเจ้าก็ส่วนพี่ชายเจ้า เจ้าก็ส่วนเจ้า นอนเร็วหน่อยเถอะ”เย่คุนถอนหายใจในใจ ก่อนจะจูงมือเจียงโหย่วหรงออกไปครั้นกลับถึงห้องนอน เจียงโหย่วหรงก็ก้มหน้างุด หน้ายังแดงระเรื่ออยู่เมื่อครู่ขายหน้าเหลือเกิน พูดตั้งมากมาย ส่งเสียงก็หลายอยู่ นางเด็กไฉ่เตี๋ยได้ยินหมดแล้วเย่คุนเป่าน้ำมันสนให้ดับ“นอนเถอะ โหย่วหรง”“อื้ม...”“เรามาอีกที เจ้าปล่อยตัวตามสบาย ไม่ต้องกลัวนะ”“ต้าหลาง เมื่อกี้น่าอายจังเลย...”“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน มีอะไรน่าอาย?”หลังจากสนทนาหวานชื่น ในที่สุดเจียงโหย่วหรงก็ปลดปล่อยตัวเอง ดุจบุปผาที่คลี่บานออกช้า ๆ รับกับผีเสื้อของตัวเองเย่คุนอ่อนโยนมาก รักหยกถนอมบุปผาเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวท

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 8

    เย่คุนก็อยากวิ่งเหมือนกัน แต่เพิ่งจะก้าวเดิน ข้อเท้าก็เจ็บรุนแรงจนล้มนั่งลงกับพื้นชะตาขาดแล้ว!เสือตรงหน้ามีน้ำหนักถึงห้าหกร้อยชั่งเต็ม ๆ ต่อให้มีเย่คุนสามคนอยู่ที่นี่ก็ยังต้องตายสถานเดียว!ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเย่คุนยังเจ็บข้อเท้า ไม่สามารถวิ่งได้“โฮก!”ข้างหูมีเสียงคำรามดังมา เสือโคร่งตัวนั้นกลับทิ้งเย่คุนและกระโจนไปทางเหยาเฮยฟูแทนดูท่าเสือร้ายตัวนี้จะเรื่องมาก อยากกินของที่กระโดดโลดเต้น สร้างความท้าทายให้ตัวเองหน่อยเหยาเฮยฟูเพิ่งวิ่งไปได้สิบกว่าก้าวก็ถูกเสือร้ายข้างหลังตามทัน ตะครุบใส่เขา“เย่คุน ช่วยข้า...”เหยาเฮยฟูร้องเสียงหนึ่งก่อนจะเงียบไปเย่คุนลืมตาขึ้น เห็นไหล่ขวาและแขนขวาที่เหยาเฮยฟูได้รับบาดเจ็บถูกเสือร้ายกัดหายไปแล้ว!เสือร้ายกัดไหล่ของเหยาเฮยฟู จากนั้นก็ทิ้งไปอีกทางหนึ่งคำที่สองกัดหลังคอของเหยาเฮยฟูตรง ๆฝนโลหิตสาดกระเซ็นมือเท้าของเหยาเฮยฟูยังชักกระตุกอยู่ชั่วสะเก็ดไฟ เย่คุนยกหน้าไม้ขึ้นอีกครั้ง เล็งไปที่เสือร้ายวันนี้ยากจะหนีรอดจากความตาย แต่อย่างไรก็ต้องดิ้นรนสักตั้ง!เสือร้ายจบชีวิตของเหยาเฮยฟู จากนั้นจึงหันมามองเย่คุน“มาสิ ไอ้เดรัจฉาน มาสู้ต

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 9

    เจียงโหย่วหรงมองเย่คุนแล้วพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนกันราวกับนางก็สนับสนุนให้เย่คุนรับอนุภรรยา“ไฉ่เตี๋ย เจ้าอย่าทำแบบนี้!”เย่คุนยิ้มแห้งพลางโบกมือ “พี่ชายเจ้าตายแล้ว ต่อไปถ้าเจ้าไม่มีข้าวกินก็มากินบ้านข้าได้ ช่วยข้าดูแลท่านแม่...ข้ารับรองว่าจะไม่ให้เจ้าได้หิว”“ขอบคุณพี่ต้าหลาง!”ไฉ่เตี๋ยโขกศีรษะ ลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจนางรู้สึกว่าเย่คุนพูดอย่างนี้ก็คือรับนางเป็นอนุภรรยาแล้วชาวบ้านที่มารับมาถึงแล้ว ต่างพกหาบแบนและเชือกปอมา หามเสือกลับไปอย่างเอิกเกริกเรื่องนี้สะเทือนเลือนลั่นไปทั้งหมู่บ้านเฉ่าเมี่ยว คนนับร้อยมามุงดูด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยาผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วพูด“เย่คุน เราต้องออกเดินทางกันคืนนี้เลย ส่งเสือไปที่ที่ว่าการอำเภอ พรุ่งนี้เช้าก็ถึง ข้าจะช่วยเจ้ายืมเกวียนมาสักคัน แล้วให้ชาวบ้านสองสามคนไปเป็นเพื่อนเจ้านะ”ตามระเบียบ ยิงเสือตายต้องส่งไปตรวจสอบที่ที่ว่าการอำเภอสำหรับการตรวจสอบจะต้องมีซากเสือ เครื่องมือที่ทำให้เสือตาย ผู้ฆ่าเสือ จะขาดไม่ได้สักอย่างเย่คุนพยักหน้า ไหว้วานผู้ใหญ่บ้านฉินโฉ่วไปยืมเกวียนและให้ภรรยาเจียงโหย่วหรงรีบทำอาหารไต้สี่ก็ช่วยด้วย นำไก่ป่ากระต่าย

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 10

    เย่คุนประหลาดใจเล็กน้อย มองประเมินอีกฝ่ายชายชุดผ้าเกอพูดอีก“พื้นที่ทางใต้ของเขาต้าเซียงตั้งกลุ่มฆ่าเสือขนาดใหญ่ ฝูงเสือถูกขับไล่รุกล้ำพื้นที่ของอำเภอนี้ ภัยเสือของอำเภอนี้จะหนักมากขึ้น ชาวบ้านของอำเภอนี้มีอันตรายกันทุกคน ดังนั้นข้าอยากขอคำชี้แนะประสบการณ์ฆ่าเสือของพวกท่านจากใจจริง”ตามหลัก เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ดังนั้นเสือจะไม่ปรากฏตัวเป็นกลุ่มใหญ่ แต่แถบเขาต้าเซียงที่ชายชุดผ้าเกอกล่าวถึง เนื่องจากหลายปีก่อนมีโรคระบาด จึงทำให้พื้นที่ภูเขากว่าพันลี้ไม่มีคนอยู่อาศัย จำนวนเสือเพิ่มเป็นเท่าตัวตอนนี้ราชสำนักก่อตั้งกองทัพใหญ่เพื่อฆ่าเสือบนเขาต้าเซียง ใช้การโจมตีทางศาสตราวุธและกองทัพในการขับไล่ เสือในเขาต้าเซียงพันลี้ย่อมต้องเคลื่อนย้ายขึ้นทางเหนือเป็นธรรมดาสถานการณ์เช่นนี้ พื้นที่ปาสู่ในภายหลังก็เคยปรากฏจางเสี้ยนจงเพชฌฆาตแห่งซีชวนเหมือนกัน กวาดล้างจนไร้คนพันลี้ เสือแตกกระเจิง ต่อมาสมัยแมนจูและชิงปกครองใต้หล้า ขุนนางและผู้ติดตามที่ส่งไปซีชวนเห็นเสือรวมตัวเป็นฝูงทำกิจกรรมกับตาตนเอง ล้อมหมู่บ้านเดินเตร็ดเตร่ กินคนนับไม่ถ้วน นายอำเภอคนหนึ่งพาผู้ติดตามห้าหกคนไปประจำตำแหน่ง สุ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 11

    เย่คุนล้างเท้าแล้วเรียกเจียงโหย่วหรงมา“โหย่วหรง วันนี้ข้าซื้อผ้าปอละเอียดมาอีกแล้ว เจ้าเชิญพี่สะใภ้ไต้สี่ข้างบ้านมาตัดชุดให้คนในบ้านเราเถอะ ชุดของไฉ่เตี๋ยเก่ามาก ทำให้ไฉ่เตี๋ยอีกชุดด้วย”ฝีมือการตัดชุดของไต้สี่ไม่เลว ตัดได้พอดีตัวเจียงโหย่วหรงพยักหน้า “ได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปหาพี่สะใภ้ไต้สี่แต่เช้านะ”ไฉ่เตี๋ยกลับส่ายหน้าเนือง ๆ “พี่ต้าหลาง พี่โหย่วหรง ข้าไม่ต้องการเสื้อผ้า แค่ไม่หิวก็พอแล้ว”“นางเด็กโง่ เจ้าอยู่บ้านข้าก็คือครอบครัวเดียวกัน พวกเรากินใช้เหมือนกัน”เย่คุนลูกศีรษะของไฉ่เตี๋ย “เจ้าไปนอนเถอะ ข้ามีเรื่องพูดกับพี่โหย่วหรงของเจ้า”ไฉ่เตี๋ยยิ้มแล้วหมุนตัวออกไปเจียงโหย่วหรงล้างเท้าให้เย่คุน จากนั้นก็ทางยาฟกช้ำให้เขาความจริงเท้าของเย่คุนจวนจะหายดีแล้ว เดินกะเผลก ๆ ได้พักอีกสักสองวัน สลายลิ่มเลือดก็น่าจะกลับมาเป็นปกติเย่คุนมองเจียงโหย่วหรงแล้วพูด“โหย่วหรง ไฉ่เตี๋ยน่าสงสาร เรารับนางไว้ชั่วคราวเถอะ ให้นางช่วยเจ้าทำงานหน่อย อีกสักสองปี เอาไว้นางโตแล้วค่อยหาบ้านแม่สามีให้นาง”เจียงโหย่วหรงเงยหน้าด้วยความประหลาดใจอย่างหนัก “ต้าหลาง ท่านไม่ใช่จะเก็บไฉ่เตี๋ยเอาไว้...เป็นอ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 12

    หากเป็นจริง เช่นนั้นเจียงโหย่วหรงก็จะได้หน้ามากอีกอย่าง บ้านมารดาของนางก็ยากจนเหมือนกัน แม้แต่โจ๊กผักป่ายังไม่แน่ว่าจะได้กินอิ่มทุกวันส่งเนื้อเสือและข้าวขาวเหล่านี้ไป จะช่วยชีวิตได้“โง่จริง ข้าเคยหลอกเจ้าหรือ?”เย่คุนบีบหัวไหล่ของเจียงโหย่วหรง “รีบไปเก็บของเถอะ เอาเนื้อเสือไปบ้านแม่เจ้าสิบชั่ง ข้าวขาวสิบชั่ง ส่วนของอย่างอื่นข้าจะเตรียมเอง”เจียงโหย่วหรงรู้สึกว่าของเยอะเกินไปจึงกระซิบกระซาบว่า “เอาของไปเยอะอย่างนี้ ท่านแม่จะดุข้าได้นะ”“ไม่เป็นไร ข้าจะพูดกับท่านแม่เอง”เย่คุนยิ้มแล้วเดินกะเผลกไปปรึกษากับมารดาเฒ่าสามีตายเชื่อฟังบุตร บุตรเติบใหญ่เป็นอิสระจากมารดาหญิงชราพยักหน้าปราศจากความเห็น“พวกเราไม่ได้จ่ายเงินสักแดงก็รับตัวโหย่วหรงแต่งเข้าบ้าน เจ้าไปเยี่ยมเยียนพ่อตาแม่ยายเจ้าครั้งนี้ จะเอาของไปหน่อยก็สมควร”เจียงโหย่วหรงที่อยู่ทางหนึ่งได้ยิน พลันแย้มยิ้มชื่นบาน รีบมาขอบคุณมารดาสามีตรงหน้าดังนั้นเรื่องในบ้านจึงรบกวนไต้สี่กับไฉ่เตี๋ยไต้สี่เย็บเสื้อผ้าอยู่ที่นี่และดูแลเรื่องอาหารการกิน ส่วนไฉ่เตี๋ยทำกับข้าวเป็น เป็นลูกมือให้ไต้สี่ พร้อมกับเรียนรู้การตัดเย็บเสื้อผ้าจาก

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 13

    “ต้าหลาง...”เจียงโหย่วหรงรู้ว่าสามีโกรธแล้ว จึงมองเย่คุนด้วยท่าทางน่าสงสาร น้ำตาคลอเบ้าจะตกมิตกแหล่เซวซานกูแค่นเสียงหัวเราะ และตบมือพูด“เจ้าไม่มาสิดี ใครอยากให้พวกเจ้ามากันฮะ? แบบนี้สิดีที่สุด ต่อไปพวกเจ้าเป็นเศรษฐี เราเป็นขอทานก็ไม่เข้าบ้านเจ้าเหมือนกัน!”“งั้นก็ได้ เราตกลงตามนี้”เย่คุนพยักหน้า ดึงเจียงโหย่วหรงจะออกไป“ต้าหลาง อย่าไป”เจียงกั๋วจู้เข้าไปรั้งตัว ก่อนจะถอนหายใจพูด “อย่างไรเจ้าก็คือลูกเขยของข้า ในเมื่อเข้าบ้านมาแล้วจะไปแบบไม่กินข้าวได้อย่างไร? ที่บ้านยังมีข้าวกล้องอีกกำ ต้มโจ๊กสักหน่อย กินแล้วค่อยว่ากันเถอะ”เจียงหลี่ซื่อพยักหน้าด้วยแววตาจริงใจเหมือนกันปัง!เซวซานกูกลับสะบัดก้นเปิดประตูเดินไป“พี่สะใภ้ใหญ่!”เจียงโหย่วหรงตามไปแต่เซวซานกูเดินจ้ำไปริมแม่น้ำแบบหัวก็ไม่หันเจียงโหย่วหรงถอนหายใจกลับเข้าบ้าน มองเย่คุนด้วยท่าทางน่าสงสารขณะเย่คุนกำลังจะพูดอะไร ก็มีแม่นางน้อยสองคนเดินออกมาจากหลังเรือน คนหนึ่งอยู่ในวัยเจ็ดแปดขวบ อีกคนหนึ่งสิบสามสิบสี่ปีหน้าตายสีเหมือนผัก เช่นถั่วงอกที่เติบโตไม่เต็มที่นั่นคือน้องสาวทั้งสองคนของเจียงโหย่วหรง น้องรองเจียงโหย่

บทล่าสุด

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 40

    “ฮะ พ่อของเจียวเจียวทำแม่ของตัวเองตาย?” เย่คุนอึ้งหลังจากพิจารณา เย่คุนก็ขี่ม้าพาฉินโฉ่วตรงดิ่งไปยังตลาดพ่อค้าคนกลางทันทีตลาดพ่อค้าคนกลางคือสถานที่ซื้อขายปศุสัตว์ และเป็นจุดขายลูกชายลูกสาวของคนยากคนจนด้วยบางครั้งทางการจะนำครอบครัวลูกสาวของผู้กระทำผิดมาขายที่นี่เหมือนกันในมุมหนึ่งของตลาดพ่อค้าคนกลาง บนเวทีดินรัศมีหนึ่งจั้ง สูงสองฉื่อตรงหน้าเวทีมีคนมุงชี้นิ้วอยู่เต็มไปหมดบนเวทีดินมีแม่นางยืนอยู่สามคน บนศีรษะเสียบรวงข้าว ตรงหน้าอกห้อยป้ายไม้เขียนราคาขนาดเท่าฝ่ามืออยู่เจียวเจียวลูกสาวเถ้าแก่ร้านอาหารยืนอยู่ตรงกลาง บนแผ่นป้ายตรงหน้าอกเขียนว่าหนึ่งพวงดูท่าคงเพราะเจียวเจียวหน้าตาสวยหมดจด จึงมีราคาสูงลิ่วเนื่องจากแม่นางหน้าตาดี สามารถขายไปยังสถานเริงรมย์รับแขกหาเงินได้เจียวเจียวผมเผ้ายุ่งเหยิง สายตาเหม่อลอย ริมฝีปากแห้งจนลอก มองฝูงชนเบื้องล่างอย่างสับสนตกอับมาถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะเคยเป็นแม่นางงดงามน่าประทับใจคนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน ต้องถูกคนเลือก ถูกคนเชือดตามใจชอบพวกบรรดาแขกที่มองอยู่ด้านข้างกำลังชี้นิ้ว“ทำไมถึงขายเจียวเจียวแพงอย่างนี้นะ? เพราะหน้าต

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 39

    เด็กในหมู่บ้านหิวจนไส้กิ่ว แต่ละคนมองเจียงโหย่วหรงด้วยท่าทางน่าสงสารเย่คุนกระโดดลงจากม้าแล้วหยิบเนื้อแห้งกับผลไม้แจกจ่ายให้เด็ก ๆ นอกจากนี้ยังให้เงินห้าเหรียญทองแดงกับทุกคนคนทั้งหมู่บ้านตกตะลึงพรึงเพริด ต่างยิ้มแย้มมาต้อนรับ“เขยของเจียงเหอโถวเรากลับมาแล้ว!”“พ่อเขยใจกว้างจริง ๆ โหย่วหรงมีบุญแท้ ๆ!”เย่คุนแค่ยิ้มพลางพยักหน้าพี่ชายพี่สะใภ้ของโหย่วหรงออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่บานเท่ากระด้ง และช่วยเย่คุนจูงม้าด้วยเหมือนกันพวกเขารู้ว่าพอเย่คุนมา บ้านก็จะรวยแล้วน้องสาวทั้งสองคนของเจียงโหย่วหรงก็มาจูงมือพี่สาวด้วย “พี่หญิง ท่านอ้วนแล้ว เสื้อผ้าสวยจังเลย ยังมีผ้ารัดหัว ไหนจะตุ้มหูนี่อีก...”“ไม่ต้องรีบร้อน พวกเจ้าก็มีนะ พี่เขยเจ้าเอาของขวัญมาให้พวกเจ้าด้วย”เจียงโหย่วหรงสวมกอดน้องสาวและยิ้มพูด “อีกอย่าง พี่เขยเจ้าบอกแล้วนะว่าจะรับพวกเจ้าไปเที่ยวที่หมู่บ้านเฉ่าเมี่ยวด้วยกัน”น้องสามโหย่วไฉร้องไชโยกระโดดโลดเต้นโหย่วเต๋ออายุสิบสี่สิบห้ารู้ความแล้ว จึงมองเย่คุนด้วยความเขินอายทีหนึ่งเมื่อถึงบ้านมารดา เจียงโหย่วหรงก็หยิบของขวัญออกมา ของกินเครื่องนุ่งห่มอะไรก็มีหมดเย่คุนให้เงินพ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 38

    เจียวเจียวตกตะลึงหนัก “นายท่าน ท่านช่างเป็นคนดีแท้ ๆ มีเงินสองร้อยอีกแปะนี้ ไม่แน่ว่าซานเอ๋อร์ ผิงเอ๋อร์จะอยู่รอดต่อไปได้”“ต้องรอดสิ”เย่คุนคีบเนื้อในถ้วยให้ซานเอ๋อร์และน้องสาว “ต่อไปพวกเจ้าก็กินข้าวที่นี่ เอาไว้อากาศหนาวแล้วข้าจะมารับตัวพวกเจ้า”ซานเอ๋อร์ ผิงเอ๋อร์โขกศีรษะอีกครั้ง ก่อนจะรับเนื้อย่างมากินแบบตะกละตะกลามเย่คุนมองเจียวเจียวแล้วยิ้มพูด “เจียวเจียว ต่อไปข้ามาอีกจะเอาเต้าเจี้ยวอย่างหนึ่งมาให้พวกเจ้า จะทำกับข้าวหรือกินกับข้าวก็อร่อยทั้งนั้น ถึงเวลาเจ้าก็ช่วยข้าขายเต้าเจี้ยว ได้เงินแล้วพวกเรามาแบ่งด้วยกัน”การทำเต้าเจี้ยวถั่วเหลืองไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรเย่คุนเคยคิดมาแล้ว ลองทำดูได้เมื่อไม่มีเต้าเจี้ยว การกินอาหารของเขาในทุกวันก็ไม่มีรสชาติ“ได้สินายท่าน ข้าจะรอท่านมานะ” เจียวเจียวดีใจมากเย่คุนกล่าวอำลานำถั่วเหลืองร้อยชั่งกลับมาจากตัวอำเภอฉินโฉ่วไม่เข้าใจเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าเย่คุนซื้อถั่วเหลือเยอะแยะอย่างนี้มาทำอะไร“ข้าจะทำเครื่องปรุงชนิดหนึ่ง เป็นเครื่องปรุงที่รสดีมาก ๆ”เย่คุนอธิบายกับฉินโฉ่ว “เครื่องปรุงชนิดนี้เอามาคลุกกับข้าวได้ อร่อยกว่ากินเนื้ออีก ถ้าเอ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 37

    บนนั้นมีแกนปั่นด้ายห้าแกน หมุนเร็วมากเย่คุนเรียกเจียงโหย่วหรงและไต้สี่มาให้ความร่วมมือเขาในการทดสอบเครื่องหลังจากจัดการใยปอเสร็จ แกนปั่นด้ายทั้งห้าก็หมุนพร้อมกัน ด้ายปอที่ทอออกมาเล็กละเอียดและเหนียวแน่นครั้นลูบ กลับได้ความรู้สึกเหมือนด้ายปอละเอียด!เขาทดลองไป ก็ปรับเครื่องปั่นด้ายไปสองชั่วโมงให้หลัง ด้ายปอที่ผลิตก็มีคุณภาพดียิ่งขึ้นไต้สี่ตรวจสอบด้ายปอที่ผลิตออกมาแล้วก็โพล่งปากด้วยความตะลึง“พี่ต้าหลาง นี่แทบจะเป็นด้ายปอละเอียดแล้วนะ ขายราคาสูงได้ แถมยังทอได้เร็วมากอีก ต่อไปข้ากับพี่โหย่วหรงก็ปั่นด้ายเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว”เจียงโหย่วหรงพยักหน้างก ๆ “ใช่ ต่อไปพวกเราก็ปั่นด้ายกันเยอะ ๆ”ไฉ่เตี๋ยประสมโรง “ข้าก็จะช่วยด้วยเหมือนกัน!”ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าไม่ทำงานก็จะไม่มีคุณค่าดังนั้นผู้หญิงแคว้นต้าติ่งจึงไม่กล้าอู้งานเย่คุนหยักหน้า “ข้าจะไปซื้อใยปอมาลองดูสักหน่อย พวกเจ้าสามคนผลัดกันทำ ต้องทำให้คล่องนะ”ห่วงโซ่อุตสาหกรรมปอมีขั้นตอนหลายอย่างตอนนี้เย่คุนยังไม่มีเงินทุน ดังนั้นจึงได้แต่เริ่มจากการทำเส้นด้าย แบบนี้จะง่ายกว่าและสะดวกจะขยายใหญ่ในหมู่บ้านปลูกต้นปอท

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 36

    ขี่ม้าเสร็จสิ้นเย่คุนจุดตะเกียงน้ำมันเพื่อชื่นชมสาวงามด้านข้าง มองทีละชุ่น มองให้พอไต้สี่กระมิดกระเมี้ยนมุดศีรษะกับหน้าอกของเย่คุน “พี่ต้าหลาง ทำไมท่านยังไม่ซ่อมเตียงอีกล่ะ? ถ้าพี่โหย่วหรงกับไฉ่เตี๋ยได้ยิน จะฟังออกนะ...”แต่งเข้ามาแล้ว ก็ต้องให้ความสำคัญกับใหญ่เล็กสูงต่ำเจียงโหย่วหรงคือภรรยา ไต้สี่คืออนุภรรยาดังนั้นแม้ว่าเจียงโหย่วหรงจะอ่อนกว่าสามปีก็ตาม แต่ไต้สี่ก็ต้องเรียกโหย่วหรงว่าพี่ “งั้นเอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะซ่อมนะ...”เย่คุนกำลังชื่นชมผิวพรรณแต่ละชุ่นของไต้สี่อยู่ และจุดที่ปกติมองไม่เห็นด้วยยี่สิบวันที่ฆ่าเสือ ไต้สี่นอนอยู่บ้านของเย่คุนแทบทุกวัน มีเนื้อกิน มีข้าวขาว รูปร่างสมบูรณ์ขึ้นมาก ผิวพรรณขาวเนียนกว่าเดิม ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้คนนึกอยากครั้นชมไปชมมาก็เริ่มเกิดความรู้สึกอีกครั้งนี้ไต้สี่ไม่อายแล้ว ต้อนรับเย่คุน จากนั้นเตียงทรุดโทรมก็เริ่มบรรเลงเพลงรักสุขสมอีกครั้งวันต่อมาไต้สี่ตื่นแต่เช้า หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเสร็จก็ทำความเคารพมารดาสามีและเจียงโหย่วหรงเย่คุนนอนจนถึงช่วงฟ้าสางจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าใบหน้าคัน ๆ ครั้นลืมตาก็เห็นเจียงโหย่วหรงกำลังมองเขาอยู่ข้างเตี

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 35

    “ไม่ใช่อนุ แต่เป็นฮูหยินรอง”เย่คุนเริ่มหวั่นไหว จึงโอบไต้สี่ “แม่ข้ากับโหย่วหรงเห็นด้วยแล้ว และข้าก็ชอบเจ้า”ไต้สี่เนื้อตัวอ่อนฉับพลัน ล้มอยู่ในอ้อมอกของเย่คุน “ท่านไม่รังเกียจข้า...ที่เป็นหญิงม่ายหรือ?”“ไม่รังเกียจ ชอบมาก”เย่คุนชักจะอดรนทนไม่ไหวแล้วเริ่มขยับทีละน้อยไต้สี่ขำพรืด ผลักเย่คุนออกเบา ๆ “นั่นก็ต้องมีแม่สื่อนะ แล้วก็...ท่านซื้อผ้ารัดศีรษะสีแดงให้ข้าสักชิ้นเถอะ ผ้ารัดศีรษะสีแดงเหมือนกับของโหย่วหรง ได้หรือไม่?”“ได้อยู่แล้ว!”เย่คุนยิ้มแล้วบีบมือของไต้สี่ “เอาไว้ทัพใหญ่ของราชสำนักมาขับไล่โจรกับเสือแล้ว ข้าจะสู่ขอเจ้า”“ข้าจะรอท่าน”จากนั้นไต้สี่ก็วิ่งออกไปทั้งหน้าแดงทัพใหญ่ของราชสำนักมาเร็วมาก ถึงในสามวันต่อมา มีจำนวนพลถึงสองพันคน ผู้ใหญ่บ้านของแต่ละหมู่บ้านระดมกลุ่มฆ่าเสือและชาวบ้านไปร่วมฆ่าเสือด้วยแค่เวลาสี่ห้าวัน ก็ค้นภูเขาลูกใหญ่บริเวณหลายร้อยลี้จนหมด ฆ่าเสือใหญ่เล็กได้เป็นร้อยตัวอีกทั้งยังมีหมูป่าและวัวภูเขาอีกมากมายเม่น จิ้งจอก กระต่ายก็ถูกกวาดล้างไปเยอะเหมือนกันเมื่อทัพใหญ่มาถึง โจรบนเขาซวงยาหนีเตลิดเปิดเปิงไม่เห็นเงาแต่เย่คุนรู้ ขอเพียงทัพให

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 34

    เย่คุนคิดแล้วก็หัวเราะ “ความจริงข้าไม่อยากได้อนุหรอก แต่ก็อยากได้คนปรนนิบัติท่านแม่เพิ่มอีกคน...ท่านแม่อายุมากแล้ว ตาก็มองไม่เห็น มีคนดูแลมากขึ้นอีกคน อย่างไรก็คือดี”เจียงโหย่วหรงขำพรืด “อื่ม กลางวันดูแลท่านแม่ กลางคืนดูแลท่าน”“ไม่ต้องดูแลข้าหรอก จริง ๆ นะ”สองสามีภรรยาสนทนากันอยู่นานครั้นกลางดึกก็ทำศึกอีกหนจึงจะหลับทว่าครึ่งคืนก็ถูกเสียงตีกลองรบกวนจนตื่นซั่งกวนจี้ฟูฆ่าเสือตัวหนึ่งได้ที่หอสังเกตการณ์ทางใต้ของหมู่บ้านคืนนี้เย่คุนไม่เข้าเวร ดังนั้นจึงไม่ไปดูเช้าตื่นขึ้นมาทุกคนแบ่งเนื้อเสือกันเสร็จแล้ว และยังเก็บเนื้อส่วนดีให้เย่คุนอีกยี่สิบชั่งซั่งกวนจี้ฟูอารมณ์ดียิ่ง ตบบ่าของเย่คุน “ทุกคนต่างบอกว่าของของพี่ต้าหลางใช้งานดี เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ”เย่คุนหัวเราะเหอะ ๆของดี ๆ ยังมีอีกเพียบ แค่ไม่มีเวลาทำเฉย ๆซั่งกวนจี้ฟูพูดขึ้นมาอีก “แต่อีกไม่นานของของท่านก็ต้องเก็บเข้ากรุแล้วละ เพราะในเจ็ดวัน ราชสำนักจะส่งทัพใหญ่มากำจัดภัยพิบัติจากเสือทีละชุ่น”ฉินโฉ่วตกใจ “พูดอย่างนี้ งั้นต่อไปพวกเราก็ไม่มีเสือให้ฆ่าแล้วสิ?”ชาวบ้านต่างหดหู่ใจมากไม่มีเสือให้ฆ่า นั่นก็หมายถึงไม่มีร

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 33

    ซั่งกวนจี้ฟูประทับใจมาก จึงลุกขึ้นยืนพูด“พี่ต้าหลางกตัญญูต่อบุพการี ทั้งผดุงความเป็นธรรมช่วยเหลือผู้คน คุณธรรมเหตุผลสูงส่ง ฆ่าเสือปลายโจรพิทักษ์ความสงบสุขบนแดนดิน ตอบแทนราชสำนัก ข้าเลื่อมใสมาก ยินดีสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้า ไม่ขอเกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน แต่ขอตายวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน!”เฮ้ย จะสาบานเป็นพี่น้องเหรอ?เย่คุนคิดแล้วก็ยิ้มพูด “จะสาบานก็ได้แต่...ข้าต้องเป็นพี่ใหญ่นะ”แคว้นต้าติ่งให้ความสำคัญกับกษัตริย์ ขุนนาง บิดา บุตรสาบานเป็นพี่ใหญ่ก็คือจ้าว ก็คือบิดา ก็คือนาย!ส่วนน้องก็เท่ากับสมบัติส่วนตัวของพี่ใหญ่ ปกติแล้วต้องเหมางานหมด แต่ไม่จำกัดการเป็นคนคุ้มกัน ทำงานเบ็ดเตล็ด เทถังส้วมและอื่น ๆ ทั้งยังต้องเตรียมตัวตายเพื่อพี่ใหญ่เสมอ...เย่คุนไม่ได้โง่ จะหลงกลไม่ได้ จะให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นสมบัติส่วนตัวของซั่งกวนจี้ฟูไม่ได้!ซั่งกวนจี้ฟูอึ้ง “แต่ข้าอายุมากกว่าเจ้านะ!”ฉินโฉ่วก็ตกใจเหมือนกัน รู้สึกว่าสมองของเย่คุนชำรุดไปแล้วใต้เท้านายกองสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าเป็นเรื่องได้หน้าขนาดไหน เจ้ายังจะได้คืบเอาศอก จะเป็นพี่ใหญ่อีกหรือ?“เช่นนั้นก็ไม่ได้ ข้าเป็นคนดวงกินพ

  • ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์   บทที่ 32

    ซั่งกวนจี้ฟูปัดมือ “โกลนม้าไม่สำคัญ ข้าอยากได้หน้าไม้ของเจ้า มีเท่าไรก็เอาหมด”ช่วงเช้าวันนี้ซั่งกวนจี้ฟูเห็นหน้าไม้เบายิงคราวละสองดอกที่พวกฉินโฉ่วใช้ป้องกันตัว ครั้นทดลองแล้วก็อิจฉาเสียไม่มีประจวบเหมาะกับฉินโฉ่วขอให้ส่งทหารมาทลายรังโจร ดังนั้นซั่งกวนจี้ฟูจึงมาด้วย“ต้องจัดการโจรจากเขาซวงยาก่อน ข้าถึงจะมีเวลาทำหน้าไม้ให้ท่าน”เย่คุนถอนหายใจ “โจรพวกนั้นฆ่าคนไม่กะพริบตา ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะอยู่ได้สักกี่วัน”ซั่งกวนจี้ฟูหัวเราะชอบใจ “ภายในเจ็ดวัน ข้าจะกวาดล้างโจรบนเขาซวงยาให้สิ้นซากแน่!”เจ็ดวัน?เย่คุนดีใจมาก แต่ก็สงสัยความสามารถของซั่งกวนจี้ฟูอีกคราวก่อนเคยคุยกัน ผู้ใต้บังคับบัญชาของซั่งกวนจี้ฟูมีแต่ทหารราบห้าสิบคน ทหารม้ายี่สิบคนและอุปกรณ์พื้นฐานเท่านั้นเขาซวงยามีโจรร้อยกว่าคน แม้กำลังรบจะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็ได้เปรียบทางชัยภูมิหนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่านซั่งกวนจี้ฟูมีกำลังทหารแค่นี้ก็คิดจะบุกเขาซวงยากวาดล้างพวกโจร เกรงว่าจะไม่ง่าย“ถูกต้อง ภายในเจ็ดวัน ข้าจะกำจัดโจรบนเขาซวงยาให้สิ้นซากแน่”ซั่งกวนจี้ฟูพยักหน้าแล้วเข้าหมู่บ้านพร้อมกับเย่คุน ก่อนจะเอ่ย “ข้าย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status